เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนหัวเตียง แผดเสียงกร้าวไปทั่วห้องนอนที่เรื่องของเราเริ่มต้น มือของเจเจตบไปที่มันอย่างรำคาญสุดทน ก่อนที่จะขยี้ตา และลุกขึ้นจากเตียงไปห้องน้ำ แสงแดดอ่อนๆยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านลงบนเตียง ที่ข้างหมอน เจเจไม่สังเกตเลยถึงสิ่งหนึ่งที่แปลกไป หลังจากที่เขาจัดการตัวเองเรียบร้อย สายตาสลึมสลือจึงเหลือบไปเห็น สมุดบันทึกสีดำสนิทไร้ตัวอักษรหรือรูปภาพใดๆเล่มหนึ่ง วางอย่างจงใจไว้ตรงข้างหมอนสุดรักของเขา ความสงสัยเข้าครอบงำจิตใจเด็กหนุ่มทันที ก่อนที่จะปล่อยให้จิตใจของตัวยิงคำถามเข้าใส่ตัวเองมากกว่านี้ เจเจตัดสินใจเอื้อมไปหยิบสมุดลึกลับเล่มนั้นมาด้วยมืออันสั่นเทา
(สมุดใครกันนี่? พิลึกพิกลๆ)
ขณะที่เจเจค่อยๆเปิดกระดาษแผ่นแรกของสมุด เขาก็แทบหัวใจวายเมื่อสัมผัสเย็นเฉียบแตะเขาที่ไหล่ เมื่อหันไปดูว่าเป็นอะไร เจเจกระโดดออกจากเตียงอย่างตกใจแบบถึงขีดสุด
“อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
สายตาของเด็กหนุ่มจ้องไปที่ร่างโปร่งใสร่างหนึ่งบนเตียงที่ที่เขานั่ง อยู่เมื่อครู่นี้ ทั้งๆที่เสียงแผดกร้าวด้วยความตกใจยังไม่หยุดหลุดออกจากลำคอ เจเจตาค้าง
(วิญญาณ? ทูต? ผ...ผ...ผี ผี?!!!!!!!!!!!!)
แต่หลังจากที่เจเจหยุดส่งเสียงแล้ว(เขาทรุดลงกับพื้น) ร่างปริศนาร่างนั้นกลับยิ้ม
ทันใดนั้น...
“สวัสดี ขอโทษที่ทำให้เธอตกใจ ไม่นึกว่าเธอจะขี้ตื่นขนาดนี้”
ร่างนั้นยิ้ม และพูดกับเจเจราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาสอยู่ นั่นยิ่งทำให้เจเจขวัญผวาหนักเข้าไปอีก หลังจากเงียบงันกันไปประมาณหนึ่งนาที ในที่สุด เด็กหนุ่มรวบรวมความกล้าถามคำถามออกไป
“ค...ค...คุณเป็น...เอ่อ...ใครครับ?”
“อืม... จริงสิ เรายังไม่ได้บอกกล่าวแนะนำตัวกับเธอเลยนี่ ขอโทษอีกครั้งก็แล้วกัน”
ร่างปริศนาลุกขึ้นยืน และเดิน(เจเจตาค้างอีกครั้ง) มายืนอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม เขายิ้มให้อย่างสุภาพ ใบหน้าโปร่งใสนั้นแฝงความขี้เล่นเอาไว้
“เราเป็นทูตจากเบื้องบน ลงมาเพื่อลองพิสูจน์จิตใจของมนุษย์บนโลกนี้อย่างไรล่ะ...”
ดูเหมือนว่าคำอธิบายนั้นจะยิ่งทำให้เจเจสับสนงงงันมากขึ้น (ทูตหรือ?...หูเขาไม่ได้ฝาด เขาได้ยินอย่างนั้นจริงๆ)
“ม...หมายความว่าอย่างไรครับ?” เด็กหนุ่มถามอย่างกล้าๆกลัวๆ เขายังคงนั่งอยู่ที่พื้น
“อืม...จะอธิบายอย่างไรดีล่ะ...เอาเป็นว่าฉันถูกส่งมาจากเทพเบื้องบนให้มาดูแลเรื่องการทดสอบจิตใจเธอก็แล้วกัน”
เจเจเริ่มหายเกร็งลงบ้างแล้ว แม้จิตใจจะยังเต็มไปด้วยคำถามและความไม่อยากจะเชื่อ
“แล้ว... ทำไมต้องเป็นผม เทพเบื้องบนของคุณต้องการอะไร แล้วท่านเป็นใครหรือครับ”
“เรารับคำสั่งมาจากเทพเบื้องบน ให้เลือกสุ่มคนบนโลกมนุษย์ที่อยู่ในวัยเดียวกันกับเธอมาทดสอบความเข้มแข็ง ของจิตใจดู เพื่อจะได้รู้ว่า โลกกำลังอยู่ในมือของมนุษย์แบบไหนแล้วจะหมุนต่อไปอย่างไร เธอคือหนึ่งในนั้น แล้วฉันต้องทำหน้าที่ทดสอบเธอ เจเจ”
“เอาเถอะ...ถ้าจะอธิบายให้เธอเข้าใจเรื่องทั้งหมดคงใช้เวลาเป็นเดือนๆแน่ เอาเป็นว่า ฉันจะเริ่มทดสอบเธอเลยก็แล้วกัน”
เขาพูดแบบมัดมือชก ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบสมุดบันทึกสีดำเล่มนั้นจากมือของเด็กหนุ่ม ขณะที่เขาพลิกหน้ากระดาษสีขาวแต่ละหน้า เจเจสังเกตเห็นลายมือมากมายที่ไม่เหมือนกันเลยปรากฏอยู่บนนั้น
ในที่สุด เขาก็หยุดลงที่หน้ากระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง
“เธอเคยฝันว่าอยากจะเป็นอะไรบ้างไหม พูดออกมา แล้วเธอก็จะได้เป็นอย่างที่เธอฝัน แต่มีข้อแม้ว่า เธอขอได้แค่อย่างเดียว ครั้งเดียว และก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วย”
เจเจชะงักไปพักหนึ่ง...อะไรนะ? เขาจะเป็นอะไรก็ได้ที่เขาอยากเป็นหรอกหรือ? นี่เป็นแบบทดสอบแบบไหนกัน?
“อะไรก็ได้เลยหรือครับ?” เด็กหนุ่มถามช้าๆชัดถ้อยชัดคำ
“ใช่” ทูตตนนั้นตอบสั้นๆ “แต่คิดให้รอบคอบก่อนล่ะ เพราะเธอจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ได้รับไม่ได้ หากเธออยากขอให้เป็นนก เธอก็จะเป็นนกไปตลอดชีวิต ไม่สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีก
เจเจนึกภาพปีกที่งอกออกมาจากด้านหลังของเขาอย่างหวาดๆ...อะไรก็ได้หรือ? ชีวิตที่ผ่านมาสิบหกปีของเขาก็เลื่อนลอยไปวันๆ เขาฝันอยากจะเป็นอะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ก็ไม่เคยตั้งใจทำอะไรเพื่อสิ่งที่ฝันแบบจริงๆจังๆสักที ...เขาอยากเป็นหลายอย่างเหลือเกิน... แต่ขอได้แค่อย่างเดียว ดูเหมือนเป็นคำถามง่ายๆที่จะตอบ แต่มันก็ตอบยากแสนสาหัส เมื่อถึงเวลาที่ต้องตอบจริงๆว่า “ชีวิตนี้อยากเป็นอะไร?”
ทันใดนั้น เขาก็ฉุกคิดได้ถึงคำพูดคำหนึ่งที่แม่เคยพร่ำสอนไว้ตอนเด็กๆ
“จำไว้นะ เจเจ ชีวิตน่ะ ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆหรอก ถ้าลูกอยากจะเป็นหรือได้อะไรสักอย่าง ลูกจงพยายามทุ่มเทให้เต็มที่เพื่อสิ่งนั้น อย่านอนรอโอกาสหรือรอให้ใครเอามาให้ อะไรที่ลูกได้มาง่ายๆน่ะ ลูกจะไม่ค่อยเห็นความสำคัญของมันเท่าไรหรอก”
ใช่แล้ว! ในที่สุด เจเจก็พูดโพล่งออกไป ชนิดที่ตัวเขาเองก็ไม่ทันรู้ตัว
“ผมขอให้ผมเป็นอย่างที่ผมเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้นี่ล่ะครับ”
บนหน้ากระดาษ ปรากฏลายมือของเขาเขียนเป็นคำพูดเมื่อครู่นี้เหมือนกับมีมือล่องหนกำลัง เขียนอยู่ ทูตตนนั้นเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่แววตาแฝงความสนใจเอาไว้
“ทำไมเธอถึงไม่ขอให้ตัวเองเป็นคนรวยหรือคนที่มีชื่อเสียงล่ะ หือ?”
“ผม...” เจเจหยุดคิดครู่หนึ่ง “ผมคิดว่า การที่ได้อะไรมาง่ายๆหรือการมีชื่อเสียงเงินทองไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความ สุขอย่างแท้จริง ชีวิตผม ถ้าให้ผมเลือกจริงๆ ผมอยากที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริงด้วยตัวเองดีกว่านอนรอคอยโอกาส หรือรอให้ใครนำมันมาให้ผม ผมคิดว่านั่นทำให้ชีวิตของผมลดความสำคัญลงไป เพราะผมไม่ได้ทำให้มันดีขึ้นด้วยตัวเองอย่างแท้จริง อีกอย่าง อะไรจะเกิดกับผมมันก็ต้องเกิด ผมต้องยอมรับมันและแก้ไขมันด้วยตนเอง”
เจเจหยุดพักพลางมองทูตร่างโปร่งอย่างหวาดๆเล็กน้อย เขารู้สึกตัวว่า ตัวเองพูดมากเกินไปแล้ว
“ค...คุณเข้าใจใช่ไหมครับ?”
ร่างนั้นยิ้ม เขาปิดสมุด และพูดขึ้นด้วยเสียงอันอ่อนโยน
“เธอเป็นคนแรกที่ขออะไรแบบนี้ ฉันดีใจที่เธอเลือกกำหนดชีวิตของตัวเองด้วยมือของตัวเอง คงจะดีมากทีเดียวถ้าบนโลกนี้มีคนที่ไม่ยึดติดกับชีวิตแบบเธออีกเยอะๆ” เขายิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนหรอก คนที่ไม่ยึดติดกับสิ่งของรูปธรรมบนโลกจะดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ฉันว่าอย่างนั้นนะ”
ทั้งคู่เงียบกันไปครู่หนึ่ง แล้วทูตตนนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“เอาล่ะ หมดหน้าที่ของฉันแล้ว ฉันต้องไปดูแลคนอื่นๆต่อ ฉันดีใจมากนะที่ได้พบกันเธอ เจเจ”
“คุณจะไปแล้วหรือครับ” เจเจถามพลางลุกขึ้นยืนในที่สุด
“ใช่ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ฉันขออวยพรให้เธอตามไขว่คว้าความฝันของตัวเองให้ได้แล้วกัน”
ร่างโปร่งใสนั้นยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายและค่อยๆจางหายไป เจเจยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ในห้องนอนมีแต่เขาและความเงียบสงบอีกครั้ง เขามองออกไปนอกหน้าต่าง มองไปยังท้องฟ้าสีครามสดใส... เขาคงกำลังอยู่ทีไหนสักแห่งบนนั้นสินะ...ตอนนี้...
เด็กหนุ่มยิ้มให้กับตัวเอง...จากนี้ไปฉันก็ต้องทำตามสิ่งที่ฉันพูดออกไป แล้วสินะ... เจเจเดินออกไปจากห้องนอน เพื่อไปเผชิญหน้ากับวันใหม่ที่กำลังรอคอยให้เขาไขว่คว้าต่อไปอย่างมีความสุข
จบแล้วเด้อ....