บทที่ 2 เดินหน้าหาผี
1 เดือนของการเข้าเรียนที่ Ghost Hunter ใครว่าชิว ไม่มี๊...........
นอกจากเหนือหาที่เรียนในห้องเรียน อาจารย์ยังชอบให้การบ้านกลับไปทำ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ไปทดลองอะไรแผลงๆ ได้ตลอด อย่างเช่น หวีผมหน้ากระจกตอนเที่ยงคืน หรือจะเป็น ก้มมองลอดใต้หว่างขา หรือจะเดินเข้าวัด ผ่านสุสาน ไม่ก็เมรุ ตอนกลางคืน ซึ่งทุกอย่างจะต้องมีการถ่ายรูประหว่างทำด้วย
ไหนว่าแค่เรียนทฤษฎีไงครัช
และที่พีคสุด คือ การบ้านล่าสุดนี่ละครับ และมันกำลังจะสร้างปัญหาให้กับผม
“ให้นักศึกษาจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คนนะคะ ให้พวกคุณไปหาสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง จะที่ไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับพอใจของพวกคุณเลย งานชื้นนี้คือพวกคุณจะต้องทำการทดลอง ติดต่อสื่อสารกับดวงวิญญาณ และคุยกับพวกเขา คุยให้รู้ให้ได้ว่า ทำไมเขาถึงตาย ตายยังไง และทำไมถึงยังติดอยู่ที่นั่น ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม” ว๊อชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชช ?
อาจารย์ถามผมไหม ว่าผมอยากรู้หรือเปล่า ที่ต้องการความช่วยเหลือน่าจะเป็นพวกผมมากกว่า
เฮ้อ
“ตื่นเต้นวะ”
สงสัยจะเป็นผมคนเดียว
“ออกสนามครั้งแรก จะเจออะไรบ้างวะเนี่ย โคตรตื่นเต้นเลย เนอะ ไอ้กัส”
“พวกเราต้องเตรียมอะไรไปบ้างวะ”
เสียงไอ้โยกับไอ้กฤตกำลังสุมหัวคุยกัน ใช่ครับ ได้ยินไม่ผิดหรอก จับกลุ่ม 5 คน พวกผมกับไอ้พวกกวนประสาทรวมก็ 5 คนพอดี จะบอกว่าบังเอิญมาจับกลุ่มเพราะอาจารย์สั่งก็ไม่ใช่
เพราะตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน พวกเราก็มาอยู่ด้วยกันไปโดยปริยาย จากที่บ้าบออยู่แล้ว ยิ่งบ้าบอหนักไปกว่าเดิม โดยเฉพาะไอ้สองตัว ไอ้โยกับไอ้กฤต นี่ถ้าใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้หญิงนะ กูว่าท้องไปละ
“ไอ้กัส เป็นอะไรทำหน้าเหมือนปวดขี้”
ไอ้นี่ก็อีกคน เห็นท่าทางขรึมๆ สาวๆ ในห้องเรียนก็ปลื้มอกปลื้มใจกับมันเหลทอเกินแต่ไม่รู้ทำไมวุ่นวายชอบสาระแนกับกูจัง
“ไม่ได้เป็น”
“จริงเหรอ”
“...................” มันเริ่มละ เริ่มจะกวนตีนอีกละ
“อะ คาปูชิโน่ ของชอบของมึง”
“เออ ขอบใจ ว่าแต่บ้านมึงรวยมากหรือไง ชอบทำตัวป๋าซื้อน้ำมาให้ตลอด”
“ใครบอกว่าให้กินฟรี”
“................”
“นิดหน่อย”
“................” กวนตีน!!!
“เออ แดกไปเหอะ”
ถามจริง คนอย่างมันเอาตรงไหนมาขรึมน่าค้นหาวะ นอกจากจะทำตัวเจ๊าะแจ๊ะแล้วยังกวนตีนได้โล่ห์ แล้วความกวนตีนของมันเหมือนโรคติดต่อ มันเริ่มเมื่อไหร่ มันจะมีตามมาด้วย
5
4
3
2
1
“แหมมมมมมมมมมมมมมมมมม ไอ้เพื่อนเปอร์ มีแต่ของไอ้กัสเหรอวะ ยังไง ยังไง ครับมึงงง”
หึ หึ ทำไมกูแทงหวยไม่ถูกวะ เออเพราะกูไม่ได้ซื้อ ห่วยยย
“ลาเต้ของมึง นมเย็นไอ้โย ช๊อคโกแลตไอ้นม จบไหม”
“ครับเสี่ยเปอร์”
ตุบ เสียงไททันตัวเขื่องทิ้งน้ำหนักลงที่เก้าอี้
“ตัวก็ใหญ่ ไปนั่งที่อื่นได้มะ จะมาเบียดอะไรตรงกูเนี่ย”
“สรุปเลือกกันได้หรือยังว่าจะเอาที่ไหน” แหนะ สนใจคำพูดที่ไหน
“ป่าช้าวัดแถวบ้านกูไหม เคยได้ยินว่ามีคนเห็นผีออกมาหลอกคนแถวนั้นบ่อยๆ” ความคิดไอ้โย
“มึงบ้าหรือเปล่าเตี้ย ป่าช้านะไม่ใช่พารากินมึงคิดว่าพวกผี พวกวิญญาณจะเดินออกมาให้มึงเลือกสวยๆงามๆ หรือไง”
“ก็ต้องไปหาผี ที่นี่ก็มีผีให้มึงเลือกเลยไง”
“แล้วมึงคิดว่า ถ้ามันมากกว่า 1 ตัว มึงจะยังยืนเฉยๆคุยกับมันได้หรือไง”
“เออวะ”
ความคิดนี้โดนไอ้กฤตตีตกไป
“โรงพยาบาลร้างแถวชานเมืองไหม ที่ยูทูปเบอร์พวกล่าท้าผีชอบไปกันอะ”
“เดี๋ยวอย่าบอกนะที่เพิ่งมีคลิปวิ่งหนีผีเกือบโดนรถชนตายกันไปอะ”
“ใช่”
“มึงจะบ้าเหรอไอ้ตี๋ ไม่เห็นหรือไงแต่ละคนที่ไปสภาพตอนกลับเป็นยังไง มึงคิดว่าพวกเราจะรอดไหม” ความคิดไอ้กฤตโดยไอ้โยโตกลับไปหนึ่งดอก
“บ้านร้างในหมู่บ้านกูไหม”
------------ เงียบ -------------
อยู่ดีๆ ความเงียบก็เกิดขึ้น ทุกคนหันไปมองไอ้ยักษ์ไททันที่นานทีจะออกความคิดเห็นหลังจากที่ผ่านมามันอะไรก็ได้ ไม่เคยขัดคนอื่น แต่ทำไมไอ้สองตัวเพื่อนมันต้องมองหน้าตาโตแบบนั้นวะ
“บ้านร้าง ที่หมู่บ้านมึง ที่มึงเคยชี้ให้พวกกูดูนะเหรอ”
ไอ้เปอร์พนักหน้าตอบรับ
“เชี้ยยย อย่างหลอนเลยนะ เอาจริงดิ”
“ทำไมพวกมึงเคยเจอเหรอ เล่าให้ฟังบ้างดิ” คราวนี้เป็นผมเองที่เกิดอากรู้อยากเห็นขึ้นมาถึงจะกลัว แต่ก็ชอบฟังนักไม่รู้ทำไม
“ไม่เสือกซิ”
“อ้าว ไอ้เซ่อ ไอ้ปากหมา”
“กูชื่อเปอร์ เอาซักชื่อไหม เรียกจนกูไม่รู้ละว่าเรียกกูหรือเรียกใคร”
“ดีแล้วที่กูไม่เพิ่มยศฐาบรรดาศักด์ให้มึง อยากได้ไหมละ”
“โหดร้ายวะ”
เหอะ ผมดึงหน้าใส่มัน ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำให้ผมได้รู้อะไรมากขึ้น
เหี้ย ยกกลุ่ม ไม่มีตัวไหนดีซักคน
“เออ กำลังจะบอกอยู่นี่ ใจเย็นดิคร้าบ ตั้งใจฟังกันละ……..ไอ้นพ........เล่า”
โธ่ ไอ้หอกหัก โยนขี้ให้คนอื่นซะงั้น
ไอ้นพจับเก้าอี้ขยับให้นั่งในท่าทางที่พอเหมาะ เสร็จแล้วเลื่อนมือมาขยับแว่นจากปลายจมูกจนชิดขอบตา ท่ามากแม่งทุกคนเลยวะ มิน่าถึงเป็นเพื่อนกันได้
“เรื่องมีอยู่ว่า....ประวัติของบ้านหลังนั้นเมื่อก่อนเป็นครอบครัวครู อยู่กัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก ทั้งพ่อและแม่เป็นครูทั้งคู่ ส่วนลูกสาวอยู่ ม.6 เรียนเก่งมาก มีอนาคตดีเป็นความหวังของครอบครัว ที่จะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ มีอาชีพการวานที่ดี แต่อยู่มาวันหนึ่ง อยู่ดีๆ ลูกสาวก็มาหายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน ไปกับใคร หายได้ยังไง ครอบครัวทั้งแจ้งความทั้งจ้างนักสืบเอกชนให้ตามหาก็หาไม่เจอ เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผัวเมียที่รักกันดีก็เริ่มทะเลาะกันโทษกันไปกันมา สุดท้ายความตึงเครียดที่สะสมมาเรื่อยก็ทำให้คนเป็นพ่อก่อโศกนาฏกรรมขึ้น ใช้ปืนจ่อยิงแม่ที่หน้าอก ผู้เป็นแม่ก็พยายามกระเสือกกระสนคลานหนีมาจนเกือบถึงหน้าบ้านก็โดนยิงที่หลังอีก 2 นัดจนเสียชีวิตในที่สุด และพ่อเองก็ตัดสินใจยิงกรอกปากตัวเองตายตามไป ลูกก็หาไม่เจอ พ่อแม่ก็ตาย ญาติพี่น้องทั่งสองฝ่ายเข้ามาจัดการเรื่องบ้านก็โดนหลอกหลอนไม่มีใครกล้ามายุ่ง พอจะปล่อยให้เช่าก็ไม่มีใครอยู่ได้ยาวซักราย มากสุดก็ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ก็ย้ายออกหนีกันไปหมด จะขายก็ไม่มีคนซื้อเพราะกิตติศัพท์ที่ร่ำลือ สุดท้ายบ้านกลายเป็นบ้านร้างจนถึงทุกวันนี้”
“หลอนสัดอะ พวกมึงเคยเข้าไปไหม”
“หึ ไม่เคยอะ”
“อ้าววว”
“แค่เดินผ่านหน้าบ้านยังหลอน มึงคิดว่าพวกกูจะหาเรื่องใส่ตัวไหม”
“แล้วนี่มึงคิดยังไงถึงมาเสนอที่นี่วะเนี่ย แค่ฟังยังหลอนขนาดนี้ ถ้าเข้าไปจะไม่เป็นไรเหรอวะ” ผมถามออกไป เอาจริงคือ ผมกลัว บอกตรงๆ เลย
“ก็คราวนี้คนเยอะดี ผีอาจจะไม่กล้าออกมาหรอกมั้ง” นี่คือเหตุผลของมึงเหรอครัชไอ้ยักษ์ไททัน เวร....
“แต่กูก็ว่าน่าสนใจนะ” หนะ ไอ้โยเสล่อออกความคิดอีกละ มึงนะคนแรกที่จะวิ่งหนี
“โอเค งั้นตกลงว่าเป็นที่นี่นะ วันเสาร์นี้เจอกันที่บ้านไอ้เปอร์ ส่วนพวกมึงสองคนเดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นไปให้” ไอ้กฤตสรุปเสร็จสรรพแบบไม่ถามสุขภาพกูซ้ากคำ
วันเสาร์
“ออกัส จะไม่ไหนอะลูก”
“ไปกับเพื่อนที่โรงเรียนครับ”
“วันนี้มีเรียนเหรอลูก”
“เปล่าแม่ วันนี้พวกผมต้องไปทำการบ้านที่อาจารย์ให้ไว้เป็นงานกลุ่มนะครับ”
“อ๋อ กับเพื่อนใหม่เหรอลูก แล้วโยละ”
“มันก็ไปด้วยแหละแม่ แล้วก็เพื่อนใหม่อีก 3คน”
“เหรอ แม่อยากรู้จักเพื่อนใหม่ของลูกจัง ว่างก็พามาเที่ยวบ้านเราบ้างนะ”
แหะๆ ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ เอาไว้ให้ผมพร้อมก่อนน้า
“ไว้มีโอกาสนะแม่นะ”
โยขับรถมารับผมแล้วพากันไปบ้านไอ้เปอร์ตามโลเคชั่นที่กฤตส่งมาให้ แค่ทางเข้าบ้านก็บ่งบอกถึงฐานะทางบ้านได้อย่างดี
“โห นี่ประตูเข้าหมู่บ้าน หรือทางเข้าสวนสนุกวะ”
“ทำไมวะไอ้โย”
“ก็มึงดูอลังการซะขนาดนี้จนกูคิดว่า กำลังเข้าดรีมเวิลด์”
“ก็ขยันเปรียบเทียบเนอะ 555”
ทางเข้าบ้านไม่ซับซ้อนอะไร โคตรจะหาง่าย มองเข้าไปสุดซอยของถนนหมู่บ้านบ้านมันตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้นเอง บ้านหลังสุดท้ายของโครงการ พื้นที่และบ้านใหญ่ที่สุดในโครงการ ไม่ใช่ว่าหลังอื่นไม่ใหญ่ก็ใหญ่โตไม่แพ้กันหรอก แต่รู้สึกว่าบ้านส่วนในสุดของหมู่บ้านจะดูใหญ่กว่าปกติ แล้วในโครงการมีแค่ 20 หลังเท่านั้น ไม่เรียกรวยแล้วเรียกอะไรวะ
“ข้างหน้าไอ้โยข้างหน้า จอดตรงนั้นเลย”
“ครับเจ้านาย จัดให้ครับ”
ไอ้โยขับเข้าไปจอดรถหน้าบ้านต่อจากรถ Civic ของไอ้กฤต พวกผมถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านเองเพราะเจ้าของบ้านไม่ยอมอกมารับ
“โห ไอ้เปอร์บ้านมึงแม่งโคตรใหญ่อะ หมู่บ้านคนรวยนี่หว่า”
“บ้านกูที่ไหน บ้านพ่อแม่กูโน่น กูก็แค่อาศัยอยู่”
“มึงก็พูดไป ยังไงซะของพ่อแม่ก็เป็นของเรา”
“ไม่อะ คนอย่างกูไม่เกาะพ่อแม่กิน กูชอบหากินเอง”
“พวกมึงสองคนเลิกเถียงกันได้แล้ว มาคุยงานต่อให้เสร็จๆ มันจะได้ไม่มืดเกินไป”
ผมต้องเบรคพวกมันทั้งคู่เพราะคนอย่างไอ้โยลองได้เถียงแล้วมันจะหยุดไม่อยู่
“เอ๋อ...”
.
.
”เอ๋อ”
.
.
“ไอ้เอ๋อ”
ผมหันซ้ายหันขวา อยู่ดีๆ มันก็เรียกใครไม่รู้ หรือมันคุยกับกุมารวะ บ้านสมัยใหม่แบบนี้ หน้าตาแบบมันไม่น่าเลี้ยงกุมารเลยนะ หรือ พ่อแม่มันเลี้ยง ???
“มองอะไร”
“มึงเรียกใครอะ” ผมยังหันซ้ายหันขวามองหาอยู่ว่ามันเรียกใคร “บ้านมึงเลี้ยงกุมารเหรอ”
“กุมารไรของมึง”
“แล้วมึงเรียกใครละ”
“มึงไง.....”
หืม.............................
“กู?” มันพยักหน้า
“มึงบ้าปะเนี่ย ชื่อกูมีไม่เรียก”
“ถ้ากูบ้า มึงก็บ้า มึงเรียกกูเซ่อ กูก็เลยเรียกมึงว่าเอ๋อ คล้องจองเข้ากันดีออก”
เข้าพ่องงงงงงงงงงงงงง
“กูเหนื่อยจะพูดกับมึง”
“เจ๊าะแจ๊ะ จุ๊กจิ๊กกันอีกละพวกมึงสองคน มาช่วยพวกกูคิดงานก่อนดีกว่าไหมครับ” ไอ้กฤตไอ้เลววว
พวกเราใช้เวลาวางแผนกันอยู่เกือบชั่วโมง แบ่งหน้าที่ว่าใคร ทำอะไร
เราตกลงกันให้ไอ้นพเป็นแนวหน้ามีหน้าที่ส่องไฟเปิดทาง ผมกับไอ้ยักษ์ไททันเดินแถวสอง เราสองคนทำหน้าที่ถือกล้องบันทึกภาพ
ไอ้โย ไอ้กฤตเดินปิดท้ายคอยระวังหลัง ความจริงคงอาศัยประโยชน์อะไรจากพวกมันไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่ความป่วนของพวกมันสองตัวก็ทำให้ที่นี่น่ากลัวน้อยลง และอีกอย่างถ้าเอามันสองคนไว้หน้าวันนี้งานคงไม่เสร็จ
ผมรู้สึกสั่นๆ ยังไงไม่รู้ จนต้องล้วงมือเข้าไปควานหาของประจำกายทั้งกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง แม้แต่ในเป้ .......
ว่าแล้วเชียว ลืมจริงๆ ด้วย
“หาอะไร เอ๋อ”
“ไม่มีไร แต่เลิกเรียกกูว่า เอ๋อ ได้ไหม”
“...............” ดูแล้วคงไม่
ผมจะรอดไหมวะดันลืมของสำคัญซะด้วย รู้สึกไม่มั่นใจ ไม่ปลอดภัยเลยวะ
อยู่ดีๆ ก็รู้สึกถึงแรงกดที่หัว
“อะไรของมึงเนี่ยมันใช่ที่วางไหม หัวกูนะไม่ใช่ที่เท้าแขน”
“ก็มันพอเหมาะพอดี”
ผมปัดมือมันออกพร้อมส่งตาขวางไปให้หนึ่งที แค่นี้กูก็เตี้ยพอละยังจะมากดขี่กูให้เตี้ยลงอีก
บ้านหลังที่เราต้องไปไม่ไกลจากบ้านไอ้เปอร์ ถัดขึ้นไปแค่สองซอย อุปกรณ์ไม่มีอะไรมากไอ้เปอร์ให้ยืมกล้องของมัน และมือถือของทุกคนเตรียมพร้อมบันทึกภาพและเสียง ไอ้นพเป็นคนเดียวที่ไม่ถือกล้อง แต่ถือไม้เบสบอลเอาไว้แทน เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา ไม่ใช่จากผีหรอกนะ กลัวเจอคนกับพวกสัตว์ประหลาดซะมากกว่า
“เชี้ย แค่หน้าบ้านก็หลอนแล้วอะ” ไอ้โยพูดขึ้น
ผมมองบ้านที่อยู่ตรงหน้าก็ต้องยอมรับว่าที่ไอ้โยพูดมันจริงทุกประการเลยครับโผมมม
“มึงเราเข้าไปจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอวะ”
“ไม่เป็นไร ไม่มีใครออกมาตอนนี้หรอก ยามก็ไม่ผ่านมาด้วย เขากลัวกันหมด”
แหม ได้ฟังแล้วใจชื้นขึ้นมาเลย
“นำหน้าเลยครับไอ้คุณนพ” ไอ้เปอร์หันไปบอกเพื่อนมัน
“กูว่าควรเป็นหน้าที่มึงมากกว่านะไอ้คุณกองทัพ แทนที่มึงจะนำกลับให้เพื่อนนำความคิดมึงแท้ๆ”
“ความคิดกูแต่เป็นงานกลุ่มแล้วพวกมึงก็โอเคแล้ว ฉะนั้นวางแผนไว้ยังไงก็เริ่มทำซะ”
ทุกคนจำยอมหันกลับไปสนใจบ้านตรงหน้า พร้อมกับคำพูดในใจ
กูจะรอดไหมวะ .
.
ปึงงงงง .
.
“เหี้ยยยยยย” ห้าคนพร้อมใจกันสบถออกมายังไม่ทันเข้าไปก็ต้อนรับกันดีขนาดนี้เลยเหรอครับ ไม่ต้องเปิดประตูให้ก็ได้ เปิดเองได้คร้าบ
ประตูเปิดออกเองคล้ายกับจะเชิญชวน
ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญเข้าบ้านมานั่งรับน้ำอะไรเย็นๆ ก่อนไหมค่ะ แหมมมม บริการดีกันขนาดนี้เลย แต่ทำไมขนมันลุกวะ
นพผู้กล้าหาญเดินกำไม้นำหน้าอย่างมาดมั่น ผมเดินตามขนาบด้วยไอ้ยักษ์ไททัน ซึ่งมองแล้วไม่มั่นใจว่ามันจะช่วยเหลือชีวิตผมได้ไหม และไอ้คู่กัดพริกเกลือก็ยังกัดกันตามหลังมา
“บ้านอย่างหลอนเลยวะ เปลี่ยนใจทันไหมวะ”
“รีบถ่ายรีบทำให้เสร็จจะได้ออกไปซักที มึงจะได้เลิกบ่น”
คู่พริกเกลือยังคงกัดกันตลอดทาง แต่ผมว่ามีพวกมันก็ดีตรงนี้แหละ แทนที่จะน่ากลัวพวกมันทำให้บรรยากาศซอฟลงเย๊อะ
ขอบคุณนะพวกมึงงง
จากที่มองด้วยสายตาบ้านหลายๆหลังในโครงการรูปทรงและพื้นที่น่าจะไม่ต่างกันเยอะ มีเพียงโซนด้านหลังโครงการที่ดูจะใหญ่พิเศษกว่าหลังอื่น หนึ่งในนั้นก็บ้านไอ้เปอร์
ประตูหน้าบ้านด้านหน้าเป็นโรงรถ ซ้ายมือเป็นสวนรกไปด้วยหญ้าและต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตายอยู่หนึ่งต้น ด้านขวามือเป็นห้องกระจกน่าจะต่อเติมออกมาจากตัวบ้าน ไอ้นพยังคงเดินนำหน้าโดยที่ไม่กลัวเลยซักนิด
ก็แหงละ ก็มันไม่เชื่อนี่หว่า พวกวิทยาศาสตร์จ๋าอย่างมันแทนที่จะไปเรียนอะไรที่มีประโยชน์อย่างหมอ หรือนักวิจัย นักทดลองอะไรก็ได้ แต่กลับมาสนใจเรียนเรื่องผีเรื่องวิญญาน แล้วไอ้ที่เรียนเนี่ยไม่ใช่อะไรหรอกนะ พยายามจะเอาวิทยาศาสตร์มาหักล้างกับความเชื่อที่หาข้อพิสูจน์ไม่ได้
สภาพภายในบ้านยังคงมีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกชิ้น โซฟา โต๊ะกินข้าว ทีวี ตู้เย็น แต่ทุกอย่างเต็มไปด้วยฝุ่นที่มองแล้วหนาเป็นฝ่ามือ ซึ่งบ่งบอกได้ว่าถูกทิ้งร้างมานานจริงๆ ตรงกลางของบ้านเป็นห้องโถง ด้านในเป็นครัว และขวามือที่เป็นห้องกระจก มีชั้นหนังสือและหนังสือเต็มไปหมด นี่ซินะบ้านของคนเป็นครู
“เราจะเริ่มกันตรงไหนดีวะ”
“ตรงนี้แหละ”
“แล้วเราต้องทำยังไงกันวะ”
“เอ้า คุยกันมายังไงก็ทำแบบนั้นแหละ เตี้ยเอ้ย มึงงงตรงไหนกัน”
“ตรงนี้แหละ พอเข้าบ้านมาปุปสมองกูมันก็เบลอทันทีเลย”
“พวกมึงสองคนจะเถียงกันอีกนานไหม รีบทำรีบกลับ ชักช้าเดี๋ยวยามมาตรวจเวรก็ซวยพอดี”
“ไหนมึงบอกไม่มีใครมาแถวนี้ไง” ผมแหวใส่
“แต่เขาก็ต้องทำตามหน้าที่ไหมละเอ๋อ มึงจะเอ๋อทำไมเนี่ย”
พูดจบไอ้เปอร์ก็คว้าเป้มาจากหลังไอ้กฤต ควานหาของด้านในหยิบธูปออกมา 5 ดอก พร้อมไฟแช๊ค ไอ้เปอร์จุดและแจกจ่ายให้พวกเราคนละดอก ผมรับธูปมาจากมัน มองธูปแล้วก็เหมือนใจถูกเผาตาม นี่ผมต้องทำจริงๆ เหรอวะ มาเรียนเพื่อปกป้อง แต่กลับเป็นฝ่ายเข้าหาเอง
เห้ออออออ
วิธีที่ 1 จุกธูปเรียก ซึ่งพวกเราคิดว่าน่าจะได้ผลไวสุดเพราะจากที่ร่ำลือกันเรื่องความเฮี้ยน แสดงว่าวิญญานน่าจะยังอยู่ แค่วิธีแรกนี้ก็น่าจะได้แล้วละ
และทันทีที่ธูปดอกแรกถูกปักลงในแก้วที่เตรียมมา
แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด นี่ไง ทันควันเลย
“เขาต้อนรับเราไวไปไหมวะ” คราวนี้ไม่ใช่ไอ้โยที่พูด แต่เป็นผมเอง ผมเอาหลังพิงกับไอ้เปอร์เพราะรู้สึกเสียววาบ
“กลัวเหรอ”
“เออดิ” นาทีกูจะไม่เก๊กบอกเลย กลัวคือกลัว หืออออออออ
มันไม่ได้ว่าอะไร แถมมันยังจับมือผมให้ไปจับที่ชายเสื้อมันด้วย
“ดึงไว้ มีอะไรก็ดึงเลย แล้วอย่าวิ่งละล้มขาแข้งหักไปไม่คุ้ม” เชี้ยทำไมมึงอบอุ่นจนขนลุกว้า
หลังจากเสียงแอ๊ดที่ดังมาตอนแรกทุกอย่างยังคงเงียบกริบ ไม่มีสัญญาณอะไรเพิ่ม แม้แต่ลมยังไม่มีผ่านเข้ามาแต่แทนที่อากาศจะร้อนมันกลับเย็นจนหนาวว
“กูว่าเราขึ้นไปดูข้างบนกันไหม” ไม่นะเปอร์กูขอร้องอย่าเสนอความคิดอะไรอีกเลย
“กูว่าไม่ดีอะ ตรงนี้ก็พอแล้วมั้ง บ้านมันร้างมานาน อะไรผุพังบ้างก็ไม่รู้ แล้ว....แล้ว ขึ้นไปเดี๋ยวเจ้าของบ้านเขาว่าเอา”
“มึงมาขนาดนี้แล้ว ยังกังวลเขาจะว่าอีกเหรอวะ อีกอย่างเจ้าของบ้านเขาไม่อยู่แล้วจะมาว่าอะไรมึงได้”
“ก็.....” กูกลัวตรงที่มาว่ากูทั้งที่ตายไปแล้วนี่แหละ หือออออออออออออออออออ
“ไม่ต้องพูดมากมึงไปกับกูนี่แหละ แล้วก็จับเสื้อไว้อย่าหลุดละ มีไรเดี๋ยวกูแบกมึงลงมาเอง”
“เออ ให้มันจริงเถอะ ไอ้เซ่อ”
ทุกคนยอมทำตามที่ไอ้เปอร์บอก ไอ้นพยังคงนำหน้าเหมือนเดิม ทันทีที่เท้าไอ้นพเหยียบลงบันไดขั้นแรก ความชุลมุนก็บังเกิดขึ้น
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไอ้กฤต......ไอ้กฤต.......ช่วยด้วย.........................หืออออออออออออออออออออออออ
ปล่อยกู......................ใครจับกูวะ................................................ ปล่อยยยยย........ไอ้กฤตๆๆ ผีจับกู”
“เตี้ย................เตี้ย..............ไอ้เตี้ย เป็นอะไรของมึง ผีที่ไหนเสื้อมึงเกี่ยวกับเสาอยู่เนี่ย”
ภาพที่เห็นคือ ไอ้โยหลับตาปี๊พร้อมกับโวยวายเสียงดังที่เสื้อมันถูกเกี่ยวไว้กับตะปูที่เสาทำให้มันเดินไม่ได้
โถ ไอ้ควายยยยยยยยย กูเกือบวิ่งแล้ว
ลำบากไอ้กฤตต้องไปดึงเสื้อออกให้มันเพราะมันเอาแต่หลับตาเกาะแขนไอ้กฤตเป็นลิง หลังจากจัดการไอ้โยเสร็จพวกเราก็เดินขึ้นไปชั้นบนกันต่อ บันไดก็สร้างบรรยากาศ ส่งเสียง เอี๊ยดอ๊าด ได้ดีเหลือเกิน
แอ๊ดดดด ปึง ปัง เสียงยังคงดังมาต่อเนื่องจากชั้นสองผมตัดสินใจเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเป็นประตูบ้านหนึ่งที่กำลังเปิดปิดคล้ายกับลมพัด แต่มันไม่มีลมนะคุณพี่ มันพัดได้ยังไง มือที่ถือกล้องชุ่มไปด้วยเหงื่อ อีกข้างก็กำเสื้อไอ้เปอร์จนยับยู่ยี่ ผมแอบได้ยินมันบ่นพึมพำ ขาดมาซื้อใช้กูด้วย ได้ข่าวมึงบอกให้กูจับเองป่ะ
ปึงง อยู่ดีๆ ประตูบ้านนั้นก็เปิดออกแรงจนตีเข้ากับกำแพงบ้าน โดยไม่ทันตั้งตัว ผมรู้สึกว่าตัวเองลอยแล้วรู้อีกทีตัวเองก็ลงมายืนอยู่ชั้นล่างแล้ว
“โหย ไอ้สัดเปอร์ ทิ้งเพื่อนไวอย่างเหี้ย แล้วนี่มึงจะแบกไอ้กัสมันลงไปด้วยทำไมวะ”
ไอ้กฤตโวยวายเพื่อนมันใหญ่ ทั้งที่ตัวมันเองก็วิ่งลงมาหน้าตาตื่นไม่แพ้กันโดยมีไอ้โยขี่หลังอยู่
“โห ไอ้นพ มึงก็สู้เกิ้นนน ลงมาเถอะเพื่อนเราถอยไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า” ไอ้กฤตหันไปบอกไอ้นพที่ยังคงยืนนิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับใครเขา
“ไม่อะ เลื่อนไปอีก ไม่เสร็จซักที พวกมึงก็รีบขึ้นมาให้ไว แค่ประตูตีกับกำแพงจะวิ่งหนีกันทำไมวะ”
“เออ รีบทำให้เสร็จแล้วเราจะได้กลับ”
“แหม มึงเองก็วิ่งเถอะไอ้เซ่อ”
“ก็กูบอกจะแบกมึงเองกูก็ทำแล้วนี่ไง ถ้าไม่รับปากมึงไว้ก็ไม่ทำหรอก”
หรา ใช่ซี่ ก็มึงมันพวกตายด้านทั้งคู่ ไม่กลัวอะไรเลยนี่หว่า สุดท้ายพวกผมก็ต้องเดินขึ้นไปอีกรอบ รอบนี้ก้าวหน้ากว่ารอบที่แล้วเพราะไอ้คุณนพมันเล่นเดินนำเข้าห้องทุกห้องจนครบอย่างไว แต่ก็ไม่เจออะไรที่อยากเจอ สงสัยจะไม่มีต้องหาที่ใหม่อีกแล้วเหรอวะ
“ไปพวกมึง ไปเริ่มกันใหม่” นี่มึงยังขจะเอาอีกเหรอวะ
ไอ้นพพูดแล้วก็เดินนำลงไปข้างล่าง ไอ้โยไอ้กฤตรีบสลับตำแหน่งเดินตามลงไปอย่างไว ทิ้งให้ผมกับไอ้ยักษ์ไททันเดินตามหลัง แต่ไม่มีอะไรให้ต้องเสียวก็เบาใจได้แล้วละ
“เอ๋อ......”
.
.
“เอ๋อ เขาลงกันไปหมดแล้ว”
.
.
.
“เอ๋อ...... เป็นอะไรวะ”
.
.
.
.
“เฮ้ย......... กัส ไอ้กัสมึงเป็นอะไร กัส”
ทำไมเสียงมันแว่วไกลจังวะ