ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะครับ
อยากอ่านอีกเยอะๆ เลย
ขอบคุณมากครับ/ เบน
+++
15
เมษายนแม้อากาศข้างนอกจะร้อนจนปิ้งไก่สุกพร้อมขาย แต่ยามบ่ายในจตุรคารที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศแล้วนั้น แสนจะเย็นสบาย จนนักศึกษาหลายคนพากันง่วงหงาวหาวนอนกันเป็นแถบๆ ผมเองก็กำลังใจลอยไปถึงน้อง มช. คนที่เจอกันวันก่อนตอนไปดูหนังที่เมญ่า แล้วเขาให้เพื่อนเดินเข้ามาขอไลน์
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกว่าตัวเองหน้าตาดี เออ ก็เป็นไปได้นะ เพราะนี่คืออุตส่าห์ดูแลตัวเองแบบดีมาก ตั้งแต่ย่างเข้าหน้าร้อน เพราะกลัวตัวจะดำไปกว่านี้ ตัดผมตัดเผ้า ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปทำเลเซอร์ (ผ่อนเอา) ตามคำแนะนำของยัยปอ ก็เลยดูดีขึ้นมานิดหนึ่ง
แล้วนี่ก็คุยไลน์กันมาได้ อืม สองวันแล้ว เร็วไปไหมถ้าจะไปเจอเลยตามที่น้องเขาชวน
แล้วถ้าเกิดเขาชวนไปที่ห้องอะ
เนี่ย สุดท้ายมันก็หนีเรื่องอะไรแบบนี้ไม่พ้น คุยนาน ก็หาว่าเล่นตัว เผลอๆ หมาคาบไปแดก ไม่ก็หายหัวไปเลย แต่เร็วเกินไปก็หาว่าใจง่าย โชคร้ายก็อาจจะโดนฟันแล้วทิ้ง ถึงว่า หลายคนๆ คนจึงหาเอาจากเพื่อนหรือคนใกล้ๆ ตัว เพราะรู้จักนิสัยใจคอกันดีอยู่แล้ว และรู้สึกเป็นตัวของตัวเองกว่า
ผมมองไปรอบๆ ตัว ไอติมเหรอ เอ่อ มันก็หล่อนะ แต่ ยี้ เอาไม่ลง ขืนคิดอะไรกับมันคงมองหน้ากันไม่ติด โน ไอ้เตอร์เหรอ ไม่ใช่แนวเลยอะ
แล้วนี่อย่างน้องเฟมกับไอ้เด็กวิน ถ้าเป็นเรื่องจริง มันเอากันลงได้ไงวะ หรือเพราะว่าต่างคนต่างแอบชอบกันมาตั้งแต่แรกเจอ ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกันจริงๆ
ถ้าให้พูดกันอย่างยุติธรรม เขาก็สองคนก็เหมาะสมกันดี
ทั้งหน้าตา ฐานะ การศึกษา …
“มึงเป็นไรวะ ฝันกลางวันถึงผัวเด็ก มช. มึงเหรอ”
ไอติมแซวพร้อมๆ กับเอาศอกมาถอง ผมมองไปรอบๆ ห้อง ไม่ยักกะรู้ว่าอาจารย์พักเบรคแล้ว
“พ่อมึงดิ”
“ได้กันแล้วเหรอวะ เป็นไงมั่ง เหลาๆ”
ไอ้เตอร์เข้ามาผสมโรง
“ยังโว้ย” ผมตะโกน “ตัวจริงยังไม่เคยไปเจอเลย อย่ามาพูดให้กูเสียหาย กูไม่ใช่มึง”
“อ้าว ถามแค่นี้ ด่ากูเป็นชุด ดูร้อนตัวนะมึงอะ”
“เดี๋ยวมึงจะโดน”
“เออ ลีลาเยอะ ถ้าไม่เอากูเอานะเว้ย”
“มึงกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้ามิกซ์ปะล่ะ”
“กล้าดิ ทำไมอะ กูจะเลิกกับแม่งแล้วเว้ย”
“อ้าว เป็นไรวะ งอนกันเหรอ”
ไอติมถาม
“ไม่ได้งอน แต่ช่างแม่ง ว่าแต่มึงเหอะ” ไอ้เตอร์พยักหน้าไปทางไอติม “ตกลงยังไงวะ มึงกลับไปคบน้องคิวท์บอยมึงเหรอ”
ไอ้เตอร์คงหมายถึงน้องเฟม ไอติมถลึงตาใส่มัน แล้วหันมายิ้มอ่อนกับผม
“กูขอแก้ข่าวนิดนึงเพื่อน กูก็ยังไม่ได้กลับไปคบ แค่คุยกันเฉยๆ”
“อ้าว”
ไอ้เตอร์อุทาน เหมือนที่ผมกำลังอุทานอยู่ในหัวตอนนี้เลย
“เออ ก็กูกลัวมึงด่า หาว่ากูโง่อะ กูเลยไม่ไดบอกมึง” มันรีบหันมาอธิบายกับผม “ที่จริง กูก็คุยกับเฟมมาเรื่อยๆ นั่นแหละ ตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็เขามาง้อกู บอกจะไม่เลิกแล้ว เขารู้ตัวแล้วว่าเขารักกู”
“อ้าว ถ้างั้น แล้วเขามาบอกเลิกมึงแต่แรกทำไม”
“ก็ไอ้วิน…” ไอติมมองหน้าผมอย่างเกรงใจ “มาขอคบกับมันตอนไปเที่ยว เฟมมันก็เลยสับสน”
“อ้าว เหรอ มีคนมาบอกชอบ ก็เลยเลิกกับมึงจะไปคบกับคนนั้น แล้วพอมึงเจ็บ ก็ไม่เอาแล้ว มาขอคืนดี คืออะไรวะ ตกลงมันชอบมึงจริงๆ หรือกั๊กกันแน่วะ”
“ก็บอกว่าน้องมันสับสนไง มันเคยแอบชอบเพื่อนมันมาก่อน ก่อนที่จะมาเจอกู พอโดนขอเป็นแฟน มันก็เลยทำอะไรไม่ถูก ถ้ามึงจะโกรธก็ไปโกรธเพื่อนน้องมันโน่น อย่ามาโกรธแฟนกู” น้องมัน แหวะ แถมยังหลุดคำว่าแฟนออกมาเต็มๆ “เอ่อ กูหมายถึง อย่าโกรธน้องเฟม”
ผมฟัง คิดตาม และเข้าใจสถานการณ์ของน้องเฟม แต่คนที่ผมไม่เข้าใจคือ ไอ้เด็กวิน มันชอบเฟมจริงๆ หรือแค่อยากเอาชนะ เพียงเพราะคิดว่าเด็กภูธรอย่างไอติมหรือผม ไม่เหมาะสมกับเพื่อนไฮโซของมันเท่านั้น
“แต่กูก็ไม่ได้เชื่อซะทีเดียวเลยนะ ถึงกูจะยังชอบเขามากๆ อยู่ ก็ขอเล่นตัวนิดนึง ดูพฤติกรรมกันไปก่อน ให้แน่ใจว่า เฟมมันไม่ได้มีอะไรกับ… เพื่อนมันจริงๆ”
ไอติมไม่อยากจะเอ่ยชื่อไอ้เด็กวินตรงๆ คงเพราะอยากจะถนอมน้ำใจผม ซึ่งไม่จำเป็นเลยสักนิด
“อ้าว ละมึงอะ เงียบไปเลย เป็นไรวะ”
ไอ้เตอร์ถามผม
“อ้าว ละให้กูพูดอะไรล่ะ ไม่ใช่เรื่องของกู”
“รีบๆ เข้านะเว้ย จะปีใหม่เมืองอาทิตย์หน้าแล้วนะเว้ย เดี๋ยวไม่มีคู่เข้าขนทรายวัด ก่อเจดีย์ เล่นน้ำ”
“กูก็โสดมาตลอดชีวิตมะ มันเรื่องอะไรต้องมารีบมีแฟนเพราะจะปีใหม่เมือง กูไปเล่นกะมิกซ์ก็ได้ปะ”
“เออ เอาไปเลย กูยกให้”
ไอ้เตอร์ทำน้ำเสียงประชดแปลกๆ
“มึงท้าเหรอ กูเอาจริงนะ”
“ตามสบาย”
อ่ะ อะไรของมัน
“ทะเลาะกันอีกแน่ๆ กูว่าละ”
“เออ แล้วมึงก็ไม่ต้องถามกูต่อนะ ขี้เกียจพูดถึง”
“มึงไปทำเชี่ยอะไรใส่เขาอีกล่ะ”
ไอ้เตอร์กับมิกซ์ คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ถ้านับเวลา ก็คงประมาณสามปีนิดๆ แล้ว ปกติก็มีทะเลาะกันบ้าง เพราะต่างคนต่างหน้าตาดี มีคนเข้าหาเยอะเพราะติดเที่ยว แต่ก็เห็นกลับมาปกติกันดีทุกครั้ง แต่คราวนี้ไอ้เตอร์พูดเหมือนไม่ใส่ใจยังไงไม่รู้ ถ้าให้เดาต้องเรื่องมือที่สามแน่ๆ
แต่ช่างมันก่อน เรื่องไอติมกับน้องเฟมยังไม่จบ ผมแอบรู้สึกแย่นิดๆ ที่มันไม่เล่าให้ผมฟังหรือบอกตรงๆ ถึงจะบอกว่ากลัวผมจะด่าก็เหอะ มันไม่คิดเหรอว่าถ้าผมมารู้ทีหลังแล้วจะโกรธมันกว่านี้ ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลถึงขนาดนั้นก็เถอะ แต่นี่มันยังคุยกับน้องเฟม โดยปล่อยให้ผมเข้าใจว่าน้องเป็นคนหักอกมัน เลิกกับมันไปคบกับไอ้เด็กวินอย่างใจดำ แบบนี้ก็ได้เหรอ
แล้วไอ้เด็กวินอะ มันยอมเหรอ มันจะยังไงต่อ
ดังนั้น พอมันพูดถึงเรื่องแพลนเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่เมืองหรือสงกรานต์ ผมก็เลยปฏิเสธไป
“ไม่อะ กูอยู่ในเมืองแค่สิบสองกับสิบสาม สิบสี่ถึงสิบเจ็ดกูอยู่บ้าน ที่บ้านกูมีงาน ขี้เกียจเข้ามาด้วย รถเยอะ คนเยอะ”
“มึงมาเหอะ สิบสี่หรือสิบห้าก็ได้ กลับมานอนในเมืองซักคืน บ้านมึงก็อยู่แค่นี้เอง กูไปรับก็ได้ สิบสองสิบสามกูต้องกลับลำปาง เฟมจะนั่งเครื่องไปลงที่บ้านกูเลย ต้องพามันเที่ยวก่อน มึงไม่ต้องกลัว คราวนี้ ไอ้วินไม่ได้มาด้วย กูไม่ให้มา”
ไม่ได้กลับมาคบกัน แต่ไปค้างบ้านกันเลย เนี่ยนะที่บอกค่อยๆ ดู ไอ้…
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูวะ มึงจะไปไหนก็เรื่องของมึงสิ กูนัดพวกยัยป๋อมไว้แล้ว จะไปห้วยตึงเฒ่ากันวันที่สิบสอง ส่วนมึง มึงก็เที่ยวกับแฟนมึงสองคนไปก็ได้มะ ทำไมต้องเอากูไปเป็น กขค มึงด้วย เที่ยวกันเองสองคนจะตายรึไง”
“ตี้” ไอติมมองหน้า “มึงโกรธกูเหรอ”
“ไม่ได้โกรธเว้ย แค่รำคาญ กูเบื่อจะเล่นบทเพื่อนพระเอกคอยตามเชียร์มึงกับแฟนมึงแล้ว จะชวนกูไปโน่นมานี่ เคยถามแฟนมึงรึยังว่าเขาโอเครึเปล่า ส่วนกูอะ ไม่โอเค”
“กูบอกแล้วไงว่ายังไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“มึงไปตอแหลแม่มึงโน่นไป”
โชคดีที่หมดเวลาพักเบรคพอดี อาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้องเพื่อสอนต่อ ผมกับมันเลยไม่ต้องเถียงกันอีก ไอติมมองหน้าผมแล้วเงียบๆ ไป
จะโกรธก็ช่างแม่งเถอะ ผมก็โกรธเป็นเหมือนกันนะ
แต่แทนที่จะเป็นไอติม ทำไมผมรู้สึกโกรธน้องเฟมมากกว่า
แล้วความรู้สึกของเพื่อนมันล่ะ
+++
ช่วงนี้พวกเราต้องเรียนกันหนักเป็นพิเศษ เพราะการสอบปลายภาคใกล้จะมาถึงแล้ว และยังเป็นการสอบครั้งสุดท้ายของชีวิตนักศึกษาปริญญาตรีอีกด้วย
พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็รู้สึกใจหาย ยังแอบรู้สึกว่าวันแรกอันแสนวิตกกังวลและแปลกที่แปลกถิ่น เหมือนมันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
นักศึกษาปีที่สี่ที่มหาวิทยาลัยไหนๆ ก็คงรู้สึกอย่างเดียวกันนี่แหละ
ที่โน่นก็คงเหมือนกัน
…
หลังเลิกเรียนวันสุดท้าย ก่อนหยุดสงกรานต์ ผมรับปากแกงค์สาวๆ ว่าจะไปเดินเล่นที่ประตูท่าแพ ซึ่งจัดงานถนนคนเดินเป็นกรณีพิเศษตั้งแต่วันที่วันที่สิบจนถึงวันที่สิบห้า ผมไม่ได้ชวนไอติมเพราะรู้ว่ามันต้องรีบขับรถกลับบ้านก่อนที่ถนนจะคลาคร่ำไปด้วยรถที่มุ่งหน้าเข้าและออกเชียงใหม่ในช่วงเทศกาล อีกอย่าง ช่วงนี้ผมกับมันก็ตึงๆ กันอยู่นิดหน่อยเรื่องที่มันกลับไปคุยกับน้องเฟม
เมื่อครบแกงค์แล้ว เราก็เริ่มต้นเดินหาของกินและของฝากกลับบ้านตั้งแต่แยกกลางเวียงหรือหน้าอนุเสาวรีย์สามกษัตริย์กันเลยทีเดียว โดยทีแรกตั้งใจว่าจะตรงไปจนถึงประตูท่าแพเลย แต่ยัยโอปอล์ออกไอเดีย อยากให้เพื่อนๆ ได้ไปไหว้สาพระประธานและสะดือเมืองที่วัดเจดีย์หลวงเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนกลับบ้านต่างจังหวัด ซึ่งทุกคนก็โอเค ไม่ขัดศรัทธา
“แก เราขอเนื้อคู่จากสะดือเมืองได้ไหมอะ”
ยัยต้อมสะกิดถามผม
“ไม่รู้เหมือนกัน ถามโอปอล์ดิ มันเป็นเด็กในเมือง แต่คงไม่ได้หรอกมั้ง ไม่เคยได้ยิน คงไม่มีใครเขาทำกันหรอก”
“โว้ย หมกมุ่น” พอลล่าเอ็ด “ในวัดในวาก็ให้มันน้อยๆ หน่อยก็ได้ ความคันเนี่ย”
“เออ รู้ ในวัด ส่วนแกก็พูดจาระวังปากหน่อย”
ยัยต้อมเถียง
“มึง เสียงดัง กูอายนักท่องเที่ยวจีน”
โอปอล์เตือนเพื่อน
“เออ แล้ว ไอติม ไอ้เตอร์ มันไปไหนกันอะตี้ ทำไมไม่ชวนมาด้วย”
ยัยป๋อมถามผม
“ไอติมมันรีบกลับบ้าน ส่วนไอ้เตอร์ไม่รู้มัน”
“แล้วมันจะไปห้วยตึงเฒ่ากับพวกเราไหมอะ”
“คงไม่หรอกมั้ง มันกลับลำปางไปแล้ว แต่บอกว่าจะกลับมาเล่นน้ำที่นี่วันที่สิบสี่ ส่วนไอ้เตอร์เห็นบอกว่าจะไปกรุงเทพฯ แต่ไม่รู้วันไหนนะ สงสัยพามิกซ์ไปเที่ยวมั้ง พรุ่งนี้ค่อยลองโทรชวนมันละกัน ถ้ามันยังไม่ไปอะนะ”
“เออ แล้วแกอ่ะ ไม่ไปเล่นน้ำกับแฟนเหรอจ๊ะ” โอปอล์แกล้งแซว “ได้ยินข่าวว่ากำลังกิ๊กกับเด็ก มช. ไม่ใช่เหรอ”
“จริงดิ ใครเหรอแก หล่อไหม” ยัยต้อมดึงแขนผมจะเอาคำตอบ “อยากรู้”
“ยัง แค่คุยๆ ไม่ได้กิ๊กเว้ย”
พวกนั้นแซวจนทำเอาผมเขินหน่อยๆ ถึงจะยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้องเขาก็เถอะ แต่ก็แอบคิดไว้แหละว่า คงต้องใช้โอกาสช่วงสงกรานต์นี่แหละ ลองศึกษาดู ถ้าน้องเขาไม่ได้หวังแค่เรื่องนัดยิ้มอะนะ
“วุ๊ย หมั่นไส้” ยัยป๋อมว่า “แล้วเพื่อนแฟนไอติมอะ ไม่เอาแล้วเหรอ ชื่ออะไรนะ”
“น้องวิน ใช่ไหม”
ยัยต้อมตอบ
“เออ น้องวิน เห็นไอติมบอกว่า ตอนไปกรุงเทพฯ ตัวแทบจะติดกันเลยนี่”
“กะผีสิ มันกับแฟนมันรึเปล่าที่ตัวติดกัน แล้วพวกแกก็เชื่อมันเนาะ”
“อ้าว ไม่ใช่เหรอ”
“โดนมันหลอกแล้ว”
ยัยป๋อมทำท่างง ตัวติดกันกับไอ้เด็กวิน เมาท์อะไรกันไม่มีใกล้เคียงเลย แค่อยู่กันตามลำพังสองสามครั้งตลอดทริป แล้วมันก็คงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
สารภาพก็ได้ว่า เวลาที่นั่งเหม่อคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็มีหลายครั้งที่ผมนึกสงสัยว่า มันจะเป็นยังไงนะ ถ้าสมมุติว่าวันนั้น ที่มันถามผมว่าผมชอบมันหรือเปล่า แล้วผมตอบออกไปว่า ‘ใช่’ เรื่องราวต่างๆ มันจะเปลี่ยนไปไหม หรืออย่างตอนนี้ที่ผมนึกสงสัยว่า มันจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร แล้วก็เกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องเฟมถึงกลับมาคบกับไอติม แล้วตัวมันเป็นยังไงบ้าง รู้สึกยังไงบ้าง
เอาจริงๆ ตอนที่ไอติมบอกว่าน้องเฟมจะมาหามัน มาเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่ แวบนึงผมแอบคิดดีใจ แต่พอได้ยินว่าไอ้เด็กวินไม่ได้มาด้วย ผมแอบรู้สึกเฟลนิดหน่อย แต่ก็คิดได้ว่า สมควรแล้ว ไม่งั้นคงอิหลักอิเหลื่อชอบกล ตอนนี้ผมก็ยังงงๆ กับสถานการณ์รักสามสี่เส้านี่อยู่เลย
แต่ก็นั่นแหละ ในขณะที่ผมกำลังมโนถึงมันที่กำลังเหงา เศร้า ไม่มีใคร หรือต้องไปเที่ยวสงกรานต์แบบง่อยๆ กับครอบครัวอยู่นี้ มันอาจจะกำลังมีความสุขสุดขีด กำลังออกไปใช้เงิน ช้อปปิ้งกับเพื่อน กินอาหารอร่อยๆ อยู่กับครอบครัวประสาวัยรุ่นบ้านรวย สวีทอยู่กับแฟนใหม่ หรือกลับไปคบกับแฟนเก่าอดีตไอดอลอย่างน้องมิวอยู่ก็ได้
เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ผมล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู
น้อง มช. ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์เข้ามา พร้อมกับถามว่า
“ทำอะไรอยู่เหรอครับ”
+++
ทุ่มครึ่ง ผมรีบกลับมาอาบน้ำแต่งตัว เพียงเพราะข้อความในไลน์ที่น้องส่งมา
‘มาเจอกันเถอะครับ คิดถึงพี่ตี้ พรุ่งนี้ผมต้องกลับกำแพงเพชรแล้วนะ’
ผมปฏิเสธมาแล้วหลายครั้ง โดยอ้างโน่นนี่ ทั้งที่เราก็อยู่กันใกล้ๆ นี่เอง คราวนี้ผมจึงไม่อาจจะปฏิเสธได้อีก ขืนปฏิเสธไปบ่อยๆ กลัวจะโดนเทไม่รู้ตัว มีคนชอบดีกว่าไม่มี ถูกไหม
ผมเลือกชวนน้องไปดูหนังรอบดึก เพราะไม่อยากไปลงเอยที่ร้านเหล้า แต่ถึงอย่างไรก็มีความเป็นไปได้อยู่มากที่คืนนี้จะ เอ่อ… ได้กินกล้วยไข่เมืองกำแพงของจริง
ตื่นเต้นอะ เป็นอารมณ์ที่แบบ ทั้งอยากและไม่อยากในเวลาเดียวกัน คือผมยังไม่แน่ใจเลยว่า ผมจะชอบน้องเขาได้จริงๆ ไหม
ผมกำลังเซ็ตผมทรงใหม่ที่เพิ่งจะทำเป็นไม่กี่วันมานี้ (เกิดมายี่สิบปี เพิ่งเคยเซ็ตผมเป็นเรื่องเป็นราว) ตอนที่มีคนมาเคาะประตูห้อง
ผมรู้สึกแปลกใจจึงยังไม่เดินไปเปิด ปกติเพื่อนคนไหนจะมาหาจะต้องโทรมาก่อน เพราะต้องใช้คีย์การ์ดที่ชั้นล่าง แต่เมื่อมีเสียงเคาะอีกชุด ผมจึงลุกขึ้นไปส่องดูที่ตาแมว
อ่อ มิกซ์ นั่นเอง แฟนไอ้เตอร์
มิกซ์อยู่หอเดียวกับผมแต่อยู่กันคนละชั้น
อ้าว แล้วมิกซ์มันไม่ได้ไปกรุงเทพฯ กับไอ้เตอร์เหรอวะ
ผมต้องเปิดประตูให้เขาเข้ามา จึงจะสังเกตเห็นได้ว่ามิกซ์กำลังร้องไห้ ตาแดงก่ำ
“มิกซ์ เป็นไรป่าว ร้องไห้ทำไม แล้วนี่ไอ้เตอร์ไปไหน”
“ตี้ ช่วยอะไรมิกซ์หน่อยสิ ตี้รู้จักไอ้เซนใช่ไหม มิกซ์ขอเบอร์มันหน่อย”
มิกซ์ถามเสียงสั่น
“ใจเย็นก่อน มิกซ์ มีอะไรรึเปล่า เกิดอะไรขึ้น ทะเลาะกับไอ้เตอร์เหรอ”
ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองถามอะไรเยอะแยะ
“ตี้รู้จักมันใช่ไหม เตอร์มันเคยบอกมิกซ์ว่ามันจีบตี้อยู่”
“เอ่อ ก็รู้จักนะ แต่เราไม่ได้คุยแล้วอะ แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน นั่งก่อนๆ”
ผมดึงให้มิกซ์นั่งลงบนเตียง จะได้ใจเย็นลง
“เตอร์มันขอเลิกกะมิกซ์ แต่มิกซ์ไม่ยอมเลิก มันหาว่ามิกซ์นอกใจมันไปเอากับคนอื่น มิกซ์ไม่ได้มีอะไรกับใครจริงๆ นะเว้ย มิกซ์แค่ไปค้างบ้านเพื่อนทำงานกลุ่ม มันนั่นแหละ หาเรื่องจะเลิก รู้ปะ มิกซ์เจอคลิปมันกับไอ้เซนในทวิต พอมิกซ์ไปถามมัน เตอร์มันก็โวยวาย แล้วก็หนีมิกว์ไปหาไอ้เซนที่กรุงเทพฯ เลย โคตรเลวอะ”
“โอเค เราเข้าใจๆ มิกซ์ใจเย็นๆ มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้”
“ขอเบอร์ไอ้เซนให้มิกซ์หน่อย นะตี้ มิกซ์พยายามหาเองแล้ว แต่ไม่เจอ ทักข้อความในเฟสไปมันก็ไม่ตอบ”
“โอเค ได้ดิ แต่เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวเราโทรถามเซนให้ว่าไอ้เตอร์อยู่กับมันหรือเปล่า”
“มันต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว แต่มันไม่รับโทรศัพท์มิกซ์ ตี้รู้ที่อยู่มันใช่ไหม บอกหน่อย มิกซ์จะตามไปเคลียร์ที่กรุงเทพคืนนี้เลย”
“เดี๋ยวๆๆๆ ใจเย็นก่อนมิกซ์ มิกซ์จะตามมันไปทำไม”
“มิกซ์ไม่รู้จะทำยังไงอะตี้ แต่มิกซ์ไม่อยากให้มันอยู่ด้วยกัน ตี้เข้าใจไหม”
“ตั้งสติก่อนนะมิกซ์ เดี๋ยวเราจัดการให้ แล้วมิกซ์โทรหาไอ้เตอร์แล้วเหรอ”
“โทรแล้ว แต่มันปิดเครื่อง มิกซ์ตามไปถึงสนามบินแล้ว แต่ไฟลท์มันออกไปแล้ว เลยกลับมาเก็บของ แล้วก็มาหาเบอร์กับที่อยู่ไอ้เซน ตี้ให้มิกซ์เหอะนะ”
“มิกซ์ ช่วงนี้มันเทศกาลนะ ถ้าไม่จองไว้ก่อน…”
“ไม่เป็นไร มิกซ์ไปรถทัวร์ก็ได้”
“ใจเย็น เดี๋ยวเราโทรให้ไง นะ เดี๋ยวรู้เรื่อง”
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์ไอ้เตอร์ แล้วโทรออก แต่มันปิดเครื่องอย่างที่มิกซ์ว่าไว้จริงๆ เลยเปลี่ยนไปค้นหาเบอร์เซน พอเซนรับสาย ผมก็เปิดสปีกเกอร์ แล้วบอกให้มิกซ์อยู่เงียบๆ
“ว่าไงตี้ มีอะไรเหรอ ดีใจจังที่ตี้โทรมา ไม่ได้คุยกันนานแลยนะ ตี้สบายดีไหม”
“อ๋อ เราสบายดี เอ่อ เราจะโทรมาถามว่าเตอร์อยู่กับเซนไหม”
ปลายสายเงียบไปประมาณสี่วิ
“อ้าว ถามถึงเตอร์หรอกเหรอ อยู่ นี่เราเพิ่งไปรับเตอร์มาจากดอนเมือง กำลังจะไปหาอะไรกินกันน่ะ”
“เอ่อ…” มีเสียงเหมือนคุยกันเบาๆ “คือ มันนอนอยู่น่ะ บอกว่ายังไม่อยากคุย”
ได้ยินคำตอบดังนั้น มิกซ์ก็เลยอาละวาดใส่โทรศัพท์
“ไอ้เตอร์ มึงมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้เลย มึงจะเอายังไง มึงปิดโทรศัพท์ทำไม!”
ผมรีบกดวางสาย
“มิกซ์ ตี้บอกให้ใจเย็นๆ ไง”
“เอาเบอร์ไอ้เชี่ยนั่นมา เดี๋ยวมิกซ์โทรเอง”
“มิกซ์ สติ!” ผมเอ็ด “ไอ้เตอร์มันยังไม่อยากคุย รีบคุยกันตอนนี้แล้วได้อะไรขึ้นมา ต่างคนต่างโกรธอยู่แบบนี้ เดี๋ยวเราคุยกับเซนเอง โอเคไหม มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้”
“มันจะไม่มีอะไรกันได้ไงตี้ มันไปเอากันนั่นแหละ มิกซ์เห็นคลิปที่มันถ่ายแล้ว ไม่ใช่คลิปเดียวด้วย”
ผมเชื่อ เคยมีคนบอกผมไว้แล้ว ผมยื่นมือถือผมให้มิกซ์เพื่อเมมเบอร์ที่ผมเพิ่งโทรออกไป
“อะ อยากได้ก็เอาไป แต่เชื่อเหอะ ไอ้เตอร์มันไม่ยอมคุยด้วยกับมิกซ์แน่ๆ ถ้ามิกซ์ยังเป็นแบบเนี้ย มิกซ์ก็รู้นิสัยมันดี แล้วนี่นะ ต่อให้มิกซ์ลงไปหามันถึงกรุงเทพ ถ้าโชคดีหาเจออะนะ นอกจากจะเป็นการหาเรื่องทะเลาะกันให้มันใหญ่โตขึ้นไปอีกแล้ว มันจะได้อะไรขึ้นมา”
“แล้วมิกซ์ต้องยังทำไงอะตี้”
มิกซ์หงายหลังลงบนเตียง เอามือปิดใบหน้า
“รอไงมิกซ์ เราทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ รอให้ตัวเองใจเย็นๆ รอให้มันกลับมา ยังไงมันก็ต้องกลับมา ไปไม่กี่วันหรอก หยุดสงกรานต์แค่ไม่กี่วัน แล้วเดี๋ยวเจอกันแล้วค่อยคุยกันให้เคลียร์ ว่าจะเอายังไง จะคบกันต่อยังไง”
เห็นภาพนี้แล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ คนน่ารักขนาดนี้ยังโดนเพื่อนเห้ของผมเท ไม่อยากจะนึกถึงตัวเองเลย
“เชื่อตี้นะ สงกรานต์มิกซ์กลับบ้านไปอยู่บ้านก่อน ไปเที่ยว อยู่กับเพื่อนให้สบายใจ ละเดี๋ยวค่อยว่ากัน ถ้ามีอะไรเดี๋ยวตี้รีบบอกเลย ไอ้เตอร์มันก็คงคิดแบบนี้เหมือนกันแหละ มันถึงได้หนีไปพักก่อน บางทีมันอาจจะแค่อยากไปทำสมองให้โล่งๆ แล้วค่อยมาคุยกับมิกซ์ไง ถ้าไม่เชื่อก็ลองโทรไปละกัน แต่ตี้ว่ามิกซ์ก็รู้อยู่แล้วว่าอย่างไอ้เตอร์ ถ้ามันพร้อมจะคุยวันไหน มันก็จะติดต่อมาเองแหละ แต่ถ้าไม่ใช่ โทรให้ต่ายมันก็ไม่รับ”
เวลาปกติแล้ว มิกซ์ไม่ใช่คนไร้เหตุผลซะทีเดียว ตอนนี้อาจจะกำลังชั่งน้ำหนักที่ในสิ่งที่ผมพูดอยู่ว่า มันเชื่อได้แค่ไหน
“เดี๋ยวตี้จะช่วยตามไอ้เตอร์อีกที แล้วจะช่วยคุยกับมันให้ โอเคมั๊ย แล้วเดี๋ยวตี้จะถามไปทางแฟนไอติมให้ช่วยดูให้อีกทีด้วย”
มิกซ์เช็ดน้ำตาแล้วพยักหน้าอย่างคนไม่มีทางเลือก
“มิกซ์อยู่คนเดียวไม่ได้อะตี้ ออกไปกินเหล้าเป็นเพื่อนมิกซ์หน่อยดิ”
“เอ่อ…”
“อ้อ” มิกซ์คงเพิ่งสังเกตเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ “โทษที ตี้กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอ”
“ใช่… เอางี้ พอดีตี้นัดน้องไปดูหนังกัน มิกซ์ไปดูหนังกะตี้ก่อน เดี๋ยวค่อยไปหาร้านนั่งคุยกันต่อ โอเคป่าว”
"ไม่เป็นไรหรอก ตี้ไปเหอะ ขอโทษจริงๆ นะที่มารบกวน"
"เฮ้ย ไม่เป็นไร ไปด้วยกันเหอะ อย่าอยู่คนเดียวเลย"
มิกซ์ทำท่าลังเล
“แต่…”
“เอาตามนี้แหละ”
อืม แบบนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว+++