ตอนที่9
“เอ่อ..”ถึงน้องกันต์จะอยากไป แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะพาไปยังไง
“นะๆๆๆน้า”น้องกันที่ยังมีผ้าพันที่หัวเข่าดึงชายเสื้อยืดของผมพร้อมช้อนสายตาออดอ้อน ดวงตากลมโตที่รับกับจมูกเชิดเล็กๆ ริมฝีปากปากสีชมพูดสดทำเอาผมปฏิเสธไม่ลงจริงๆ
“งั้นน้องกันต์ต้องไปขออนุญาตคุณพ่อก่อนนะครับ”ผมบอก รู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันทีเมื่อคิดว่าต้องไปเผชิญหน้ากับพี่นนต์ ทั้งๆที่ผมสร้างเรื่องไว้มากมาย
ผมอยากจะเข้าไปขอโทษกับทุกเรื่องที่ผมทำ แต่ท่าทีของพี่นนต์ตอนนี้ เหมือนไม่ต้องการจะฟังคำขอโทษจากผมและตัวผมเองก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากันพี่นนต์เหมือนกัน
“อ่ะ คุณพ่อๆ”ผมนั่งตัวเกร็งเมื่อจู่ๆพี่นนต์ที่ขึ้นไปห้องทำงานตั้งแต่หลังทานอาหารเช้าก็เดินผ่านมาที่ห้องนั่งเล่น เมื่อน้องกันต์เห็นก็ร้องเรียกทันที ก่อนจะพยายามลงจากโซฟาไปหาพี่นนต์ แต่เพราะยงเจ็บที่หัวเข่าและความรีบร้อนทำให้น้องกันต์เกือบจะหล่นลงไปนั่งที่พื้น แต่ผมจับเอาไว้ได้ทันก่อน
“แหะๆๆ”น้องกันต์หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะขยับตัวนั่งดีๆตามเดิม
“.............”พี่นนต์เดินเข้ามานั่งลงข้างๆน้องกันต์ จนตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเราสามคนนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันโดยมีน้องกันต์นั่งอยู่ตรงกลาง เพราะรู้สึกแปลกๆผมเลยขยับออกห่าง
“คุณพ่อๆๆ น้องกันต์อยากไปที่นี่ นะๆๆๆๆ”น้องกันต์เอนตัวไปซบที่แขนพี่นนต์ก่อนจะเอาแก้มถูไปตามแขนคนเป็นพ่ออย่างออดอ้อน
“แต่พ่อต้องทำงานครับ”ผมได้ยินเสียงพี่นนต์ตอบ พยายามมองตรงหันไปสนใจทีวี
“ให้พี่เกรวพาไปก็ได้ เนอะพี่เกรว”น้องกันต์หันมาถาม เพราะตกใจผมเลยเผลอหันไปตบตาพี่นนต์ ครั้งนี้พี่นนต์ไม่หลบตาหรือลุกเดินหนี แต่กลับจ้องมองผมโดยสายตาที่เหมือนกำลังถูกกดดัน
“เอ่อ...คือ”กลายเป็นผมเองที่เบี่ยงสายตาหลบมามองน้องกันต์ แต่แทนที่จะสบายใจกว่าที่ต้องจ้องตากับพี่นนต์แต่กลับกลายเป็นว่ารู้สึกลำบากใจไม่แพ้กันที่เจอสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังปนขอร้องของน้องกันต์
“คะ..ครับ ผม..จะพาน้องกันต์ไปเอง”ผมพูดรับคำ แต่ก็ยังไม่กลายเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่นนต์
“เย้ๆๆ”น้องกันต์ร้องดีใจก่อนจะขยับเข้ากอดผม ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้
“..........”พี่นนต์ไม่ได้พูดอะไร แต่ลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป พี่นนต์คงจะไม่พอใจที่ผมรับปากน้องกันต์ว่าจะเป็นคนพาไป จริงๆพี่นนต์คงไม่อยากให้น้องกันต์ไปแต่เพราะผมดันไปรับปากพี่นนต์เลยต้องจำยอม นี่ผมจะทำผิดซ้ำๆอีกกี่ครั้งกัน
.............................................
สัปดาห์ต่อมา
“พี่เกรวววววว”น้องกันต์ที่วันนี้ตื่นก่อนผมแต่งตัวอาบน้ำเรียบร้อย เดินเข้ามาหาผมที่ห้องนอน
วันนี้เป็นวันที่ผมกับน้องกันจะไปสวนน้ำกัน ตั้งแต่วันนั้นที่พี่นนต์ลุกเดินหนีไปที่ห้องนั่งเล่น ผมกับพี่นนต์เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย ความจริงผมแทบจะไม่เจอพี่นนต์เลยด้วยซ้ำเพราะ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาพี่นนต์อยู่ที่โรงพยาบาลตลอด บ้างวันออกไปตั้งแต่เช้ามืดกว่าจะกลับมาก็เข้าวันใหม่ของอีกวัน น้องกันต์เองยังบ่นหาพ่อตลอด ผมไม่รู้ว่าพี่นนต์งานยุ่งเพราะต้องดูแลโรงพยาบาลแทนลุงธนต์หรือเพราะพี่นนต์ยังโกรธผมกันแน่
“ตื่นแล้วหรอ อาบน้ำแล้วด้วยเก่งจัง”ผมก้มอุ้มน้องกันต์พร้อมพาออกมา เมื่อวานผมจัดกระเป๋าไว้ตั้งแต่ตอนส่งน้องกันต์เข้านอนเสร็จเลยไม่ยุ่งยากอะไร
“คุณพ่ออาบให้น้องกันต์ล่ะ”น้องกันต์ยิ้มแป้นอย่างมีความสุข งั้นแสดงว่าตอนนี้พี่นนต์ยังไม่ได้ออกไปทำงานซินะ หรือพี่นนต์ไม่อยากให้ผมพาน้องกันนต์ไปสวนน้ำขนาดนั้นกัน
“คุณพ่อกำลังอาบน้ำอยู่ บอกให้น้องกันต์ไปกินข้าวรอ”น้องกันต์ยิ้มแฉ่งอย่างมีความสุขเมื่อกำลังจะได้ไปเที่ยว
“เอ๊ะ?”ทำไมต้องรอพี่นนต์
“คุณพ่อจะไปด้วย ไปกินข้าวกันน้องกันต์หิ๊วหิว.. “น้องกันต์ยิ้มตาปิดอย่างอารมณ์ดี ทำไมจู่ๆพี่นนต์ถึงจะไปด้วยทั้งๆที่...หรือเพราะไม่อยากปล่อยเด็กไม่เอาไหนอย่างผมดูแลน้องกันต์ตามลำพัง บางทีครั้งนี้ผมอาจจะไม่สมควรไปกับพี่นนต์และน้องกันต์ก็ได้
“คะ..ครับ ไปทานข้าวรอคุณพ่อกันครับ”ผมเลยจุงมือน้องกันต์ลงบันไดไปทานข้าวรอพี่นนต์ที่กำลังอาบน้ำอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้
วันนี้น้องกันต์ว่าง่ายกว่าทุกวัน ปกติก็ไม่ได้ดื้อหรืออะไรหรอกนะครับแต่วันนี้น้องกันต์ทานข้าวเองจนหมดไม่เหลือผักไว้เลย ไม่นานหลังจากทานข้าวเสร็จพี่นนต์ก็ลงมาพอดี พี่นนต์ไม่ได้พูดอะไรแค่เดินจูงมือน้องกันต์ไปที่หน้าบ้านที่มีรถจอดรอไว้อยู่
น้องกันต์ตื่นเต้นมาก พูดโน้นนี่นั้นตลอดไม่มีทีถ้าว่าจะเหนื่อย เพราะไม่ได้เจอพี่นนต์มาหลายวันก็เลยมีเรื่องเล่าเยอะแยะมากมายเรียกรอยยิ้มอ่อนๆจากพี่นนต์ได้อย่างง่ายด้าย
วันนี้พี่นนต์เปลี่ยนเป็นรถ CRV แทน เบนซ์ที่ขับไปทำงานทุกวันเพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งเบาะนั่งเด็กของน้องกันต์
ผมพาน้องกันต์ขึ้นรถพร้อมตรวจสอบความเรียบร้อยของน้องกันต์ น้องกันต์ที่ตื่นแต่เช้ายังไม่ทันได้ออกรถน้องกันต์ก็หลับซะแล้ว ผมกำลังขึ้นไปนั่งข้างน้องกันต์ในขณะเดียวกันพี่นนต์ก็ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ
บรรยากาศที่ดูอบอุ่นเมื่อครู่ตอนนี้กลับชวนให้รู้สึกอึดอัด แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าพี่นนต์คงไม่อยากให้ผมร่วมทริปในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนลอดผมก็ไม่กล้าจะถามออกไปจริงๆ ไม่ใช่เพราะกลัวถูกโกรธที่ถามอะไรที่ดูเสียมารยาท แต่ผมกลัวคำตอบที่จะได้รับมากกว่า
“เกรวมานั่งหน้า”พี่นนต์บอกด้วยน้ำเสียงธรรมดา
“แต่น้องกันต์..”ตอนนี้ผมไม่อยากเข้าใกล้พี่นนต์ ทั้งๆที่บรรยากาศของเราทั้งสองคนยังแย่แบบนี้
“พี่ไม่ใช่คนขับรถ”พี่นนต์เริ่มใช้น้ำเสียงไม่พอใจ จนผมต้องลงจากรถเปลี่ยนไปนั่งข้างหน้าแทน ผมขึ้นไปนั่งข้างพี่นนต์ที่เป็นคนขับอย่างพยายามไม่ทำตัวให้พี่นนต์ต้องรู้สึกไม่ดี
“ขอโทษครับ”ผมบอกก่อนจะรัดเข็มขัดนิภัยเอง ในขณะที่พี่นนต์กำลังจะเอื้อมมารัดให้ ผมได้ยินเสียงถอนหายใจของพี่นนต์ รู้สึกแย่ที่ตัวเองมักจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนอยู่เสมอ แม้จะพยายามแล้วแต่ผมก็ยังทำให้พี่นนต์รู้สึกรำคราญใจอยู่ดี
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงน้องกันต์ร้องไห้ มองไปรอบๆเห็นผู้คนมากมายภายในปั๊มน้ำมัน กระจกรถฝั่งพี่นนต์ถูกลดลงจนสุดแต่แอร์ยังเปิดไว้
ผมรีบลงรถเพื่อไปหาน้องกันต์ที่กำลังร้องไห้อยู่ อาจจะเพราะความร้อนภายนอกและแอร์ในรถที่ออกไปทางหน้าต่าง ทำให้อากาศค่อนข้างร้อน น้องกันต์เลยตื่น
“ไม่ร้องครับไม่ร้อง โอ๋ๆๆๆ”ผมรีบเข้าไปอุ้มน้องกันต์ออกมามองไปรอบๆเพื่อมองหาพี่นนต์ แต่ผมก็ยังไม่เห็น
“กันต์ปวดฉิ่งฉ่อง”น้องกันที่เริ่มเงียบบอก ผมเลยพาน้องกันต์ไปห้องน้ำ
“อุย น่ารักจัง”ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมามองมาที่พวกเรา และพูดเป็นเสียงเดียวกัน ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ รีบเดินไปห้องน้ำกลัวน้องกันต์จะฉี่ราด แต่พอจะถึงทางเข้า ผมก็เห็นพี่นนต์เดินออกมาพอดี
“คุณพ่อ”น้องกันต์โผล่เข้าหาทันที
“ตื่นแล้วหรอ ฟอด”พี่นนต์รับน้องกันต์ไปและหอมแก้มฟอดใหญ่
“กันต์ปวดฉิ่งฉ่อง”น้องกันต์บอก พี่นนต์เลยวางน้องกันต์ลงยืนตามเดิม ผมเลยรีบเข้าไปอุ้มพาน้องกันต์เข้าห้องน้ำ เมื่อพาน้องกันต์เข้าห้องน้ำเสร็จ ผมเลยพาน้องกันมาล้างมือ ก็เห็นพี่นนต์ยืนรอที่อ่างล้างมือ
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้น ถ้าหกล้มไปจะทำยังไง”พี่นนต์แสดงออกทางสีหน้าโกรธอย่างเห็นได้ชัด
“ขอโทษครับ”ผมบอกขอโทษ เพราะผมกลัวแต่จะพาน้องกันต์เข้าห้องน้ำไม่ทันเลยรีบออุ้มน้องกันต์วิ่งเข้าห้องน้ำ
พี่นนต์เข้ามารับตัวน้องกันต์ไปโดยไม่พูดอะไรต่อ นี่ผมทำผิดอีกแล้ว
เราออกเดินทางกันอีกครั้ง โดยตอนนี้น้องกันต์เปลี่ยนมานั่งข้างหน้าโดยนั่งที่ตักของผม เพราะน้องกันต์งอแงไม่อยากนั่งเบาะนั่งเด็กด้านหลัง อีกไม่ถึง3กิโล เราก็จะถึงสวนน้ำแล้วรถเริ่มติดมากขึ้นเพราะวันนี้เป็นวันหยุด รถเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ ไม่มีเสียงพูดคุยกันระหว่างผมกับพี่นนต์ มีแต่เสียงน้องกันต์ที่ร้องเพลงเจื่อนแจ้วอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเรามาถึงพี่นนต์ก็จัดการกระเป๋าข้าวของและตั๋ว ส่วนผมมีหน้าที่ดูแลน้องกันต์ เราจองเก้าอี้ริมสระเด็กไว้2ตัว ผมพาน้องกันไปเปลี่ยนชุดวายน้ำ กางเกงว่ายน้ำสีชมพูแสบตาเป็นตัวโปรดที่น้องกันต์ชอบมาก
“น้องกันต์ใส่แว่นไหม”ผมชูแว่นกันน้ำให้น้องกันต์ น้องกันพยักหน้ารับผมเอาเอาสวมไว้ที่คอให้ก่อน จากนั้นก็กลับมาจัดการตัวเอง ที่นี่ทุกคนที่ลงเล่นน้ำจะต้องใส่ชุดวายน้ำ แต่ถ้าไม่ลงก็ใส่ชุดอะไรก็ได้ ผมไม่มีชุดวายน้ำนอกจากกางกางเกงว่ายน้ำของโรงเรียน ผมเลยใส่มันเอาแว่นกันน้ำคล้องที่คอไว้เหมือนน้องกันแล้วเดินออกไปที่เก้าอี้ที่พี่นนต์รออยู่
แต่ในระหว่างทางที่เดินออกมา ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็เอาแต่จ้องมองผมกับน้องกันต์ตลอดทาง ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ถึงผมจะรู้ว่าเขามองมาที่น้องกันต์เพราะน้องกันต์น่ารักมาก ผิวขาวจนเหมือนเด็กฝรั่ง แทบจะเรืองแสงกลางแดดได้เลยก็ว่าได้ เลยอดจะอายแทนไม่ได้ที่ต้องเป็นจุดสนใจขนาดนี้
“แต่ตัวอะไรแบบนี้”แต่พอเดินมาถึงเก้าอี้ที่พี่นนต์นั่งรออยู่ก็โดนพี่นนต์ตวาดทันที จนน้องกันเริ่มแบะ
“โอ๋ๆๆ พ่อไม่ได้ว่าหนูครับ”พี่นนต์รีบเข้ามาอุ้มน้องกันต์ เพราะน้องกันต์เริ่มร้อง ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ตาก็จ้องมาที่ผมอย่างตำนิ ผมมองดูตัวเองหันซ้ายหันขวา ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ คนอื่นที่เดินผ่านไปมาก็แต่งตัวเหมือนผม หรือเพราะผมใส่กางเกงว่ายน้ำของโรงเรียนกัน แต่มันก็ดูแทบไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นกางเกงว่ายน้ำของโรงเรียน เพราะมีชื่อโรงเรียนปักอยู่ที่ตรงขอบกางเกงด้านซ้ายตัวเล็กนิดเดียว ถ้ามองเผินก็คงไม่รู้ พี่นนต์วางร้องกันต์ลงเมื่อน้องกันต์หยุดร้องไห้ แล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
“คุณพ่อไปไหน”น้องกันต์มองตามพี่นนต์อย่างสงสัย ส่วนผมได้แต่เงียบแล้วยืนลูบหัวน้องกันต์อย่างปวดใจ นี่ผมทำอะไรไม่ดีอีกแล้วใช่ไหม คนอย่างผมทำอะไรก็คงไม่ดีในสายตาพี่นนต์
“ทาครีมกันแดดกันก่อนครับ”ผมจับน้องกันต์ขึ้นยืนบนเก้าอี้ริมสระ ก่อนจะหาครีมกันแดดในกระเป๋าน้องกันต์
“เธอๆ”ผมหันไปตามเสียงเรียก ก็เห็นผู้ชายสองคนที่ดูหน้าแล้วคงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม ใส่กางเกงวายน้ำสีเข้มกับเสื้อคุมสีสดใสในมือมีครีมกันแดดยื่นมาตรงหน้าผม
“หานี่อยู่ป่ะ เราเห็นมันตกที่ห้องเปลี่ยนชุดอ่ะ”คนที่ตัวเตี้ยวกว่า(แต่ก็ยังสูงกว่าผมมาก)ยื่นครีมกันแดดสำหรับเด็กแพ้ง่ายมาให้
“ขอบคุณครับ”ผมยื่นมือไปรับแล้วขอบคุณ
“เรียน โรงเรียนKKKหรอ เราเรียนโรงเรียนUUUอ่ะ”เขาทักคงจะเห็นชื่อโรงเรียนจากกางเกงว่ายน้ำ นี่ผิดคงคิดไปเองซินะว่าคนอื่นจะดูไม่ออกว่าผมใส่กางเกงว่ายน้ำของโรงเรียน
“แหะๆๆ อืมเรียนที่นั้นแหละ”ผมได้แต่ยิ้มแหยๆเพราะเขินอยู่เหมือนกันที่ใส่กางเกงว่ายน้ำของโรงเรียนมาสวนน้ำแบบนี้
“ใกล้ๆกันเลยเนอะ พาน้องมาเที่ยวหรอ”เขามองมาที่น้องกันต์ที่กำยื่นอยู่บนเก้าอี้
“สวัสดีครับ”น้องกันต์ยกมือไหว้อย่างน่ารัก
“หวัดดีครับ น่ารักจัง น่ารักเหมือนพี่ชายเลย”เขาพูดกับน้องกันต์แต่กลับจ้องหน้าผม
“เราชื่อไทม์ ไอ้นี่ชื่อฟิค เพื่อนเรา”เขาแนะนำเพื่อนอีกคนที่ยืนนิ่งยังไม่พูดไม่จา
“เราชื่อเกรว เรียนม.6ห้อง1อ่ะ”
“เฮ้ย จริงดิ งั้นก็รุ่นพี่ดิเราเพิ่ง ม.4เอง ต้องเรียกพี่ป่ะ”ไทม์พูดขึ้นอย่างตกใจ เพราะผมเตี้ยซินะเขาเลยคิดว่ารุ่นเดียวกัน
“ไม่เป็นไร แค่ปีสองปีเอง”
“เอ่อ พอดีเรามีน้องกำลังจะเข้าkkkอ่ะ ถ้ายังไงขอไลน์ได้ป่ะ เพื่อไว้ถามข้อมูล ถ้าไม่รบกวนอ่ะนะ”เขาหยิบมือถือขึ้นมาส่งให้ผม แต่ก่อนที่ผมจะได้ทันรับมือถือมา จู่ๆพี่นนต์ที่ไม่รู้ว่ากลับมาตอนไหนก็เอาเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พี่นนต์มีติดรถไว้มาคุ้มตัวผมจากข้างหลัง
“อยากรู้ข้อมูลควรไปหาฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงเรียนดีกว่า ไม่ใช่เด็กม.6ที่กำลังจะเรียนจบ” ผมหันไปมองเห็นพี่นนต์ทำหน้าหงุดหงิดมือที่คุมเสื้อให้เลื่อนลงมากอดที่เอวแล้วดึงผมไปชิดตัว
TBC.
ขอโทษตอนแรกกะจะเอาลงวันศุกร์แต่เขียนไม่ทันจริงๆ การบ้านก็เยอะ ต้องกราบขออภัยจริงๆ
อิพี่นนต์นางเริ่มมีความเป็นพระเองเเล้ว เเม้จะน้องนิดก็ตาม บอกตามตรงเรื่องของพี่นนต์กับน้องเกรวนี่ไม่มีอะไรเลยนะ ไม่รู้จะเอามาแต่งแยกทำไม จริงๆทุกคนอ่าน เรื่องเมื่อผมท้อง ก็น่าจะเดาคู่นี้ได้