ตอนที่ 17 มาแล้วค่ะ อาทิตย์ทีี่ผ่านมาจิตตกและย่ำแย่มาก เพราะข่าวของจงฮยอนที่จากไปแบบไม่มีวันกลับ ทำเอาเราเขียนนิยายไม่ออกเลยค่ะ เสียใจและรู้สึกแย่มาก ทีนี้ก็เลยรู้สึกห่วงคนที่เป็นโรคซึมเศร้าขึ้นมา โปรดสังเกตคนรอบข้างที่เรารักนะคะ ไม่ว่าจะเพื่อน จะแฟน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน เขาอาจจะไม่แสดงออกให้เราเห็นว่าข้างในเขาดิ่งลึกขนาดไหน ให้กำลังใจและให้เขาพบหมอเพื่อรักษานะคะ โรคนี้คร่าชีวิตคนมากกว่าที่พวกเราคาดถึง ฝากไว้ด้วยนะคะ
ทีนี้ก็มาถึงนิยายตอนนี้ ติดตามกันต่อเลยค่ะว่าจะเป็นอย่างไร หลายคนคงชอบไคเนอะ เพราะดูตรงๆและไม่ปากแข็งเท่าอีกคน ฮ่าๆ ไปอ่านกันเลยค่ะ และเช่นเคย หากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัย ณ ทีนี้ด้วยค่ะ ชื่นชอบหรือไม่ยังไงบอกได้นะคะ ให้กำลังใจกันด้วยค่ะ และขอขอบคุณคนอ่านทุกท่า่นที่ติดตามกันด้วยนะคะ อ่านคอมเม้นท์แล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ไว้เจอกันนะคะ
+++++++++++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 17 My words.
When I try to explain it I be sounding insane
ยามที่ฉันพยายามอธิบายออกไป มันฟังดูบ้าสุดๆ
The words don’t ever come out right
คำพูดที่ออกมาไม่ถูกเอาเสียเลย
I get all tongue tied (and twisted)
ลิ้นของฉันพันมั่วกันไปหมด
I can’t explain what I’m (feeling)
ฉันอธิบายความรู้สึกของฉันไม่ได้เลย
เวลาหลังเลิกงานมาตรฐานของชาวออฟฟิศ พระพายบิดขี้เกียจตอกบัตรออกเพื่อกลับไปอาบน้ำเก็บของและไปตามนัดของเก้า ที่คืนนี้นึกครึ้มชวนไปทานข้าวทั้งๆที่ไม่ใช่คืนวันเสาร์เหมือนอย่างทุกครั้ง เจ้าตัวบอกว่าอยากเลี้ยงอาหารทะเล แน่นอนว่าราคาแพงและมีหรือที่พระพายจะปฏิเสธน้ำใจในครั้งนี้ อีกอย่างช่วงนี้งานของพระพายไม่ได้ยุ่งวุ่นวายเพราะทยอยจัดการงานค้างจนเหลือแค่งานปัจจุบันที่ไม่ได้เร่งรีบอะไรเท่าไหร่ เรียกได้ว่าช่วงนี้พี่ๆในแผนกต่างชมเปราะว่าพระพายขยันตัวเป็นเกลียวเลยทีเดียว
สาเหตุที่พระพายขยันและทำงานงกๆนั้นมีแค่เหตุผลเดียวคือต้องการพาความคิดของตัวเองให้ห่างจาการนึกถึงพิธาน หลังจากที่ดูหนังด้วยกันวันนั้น พระพายเอาแต่นึกถึงพิธานจนเริ่มหวั่นใจว่าเพราอะไรถึงหมกมุ่นได้เช่นนี้ นึกถึงแต่ใบหน้าของพิธานยามหลับสีหน้าเวลาที่พิธานเอ่ยปากชื่นชมยามที่เขาทำเรื่องที่น่าพออกพอใจเวลาอยู่บนเตียงด้วยกัน นึกถึงความร้อนจากฝ่ามือยามถูกสัมผัส เรียกได้ว่าแทบจะทุกอิริยาบถของพิธานที่พระพายเอาแต่นึกถึง นั่นทำให้พระพายต้องหาสิ่งอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจเพราะถ้าหากเอาคิดเรื่องของพิธานจะยิ่งนับวันรอเวลาให้พิธานโทรมาหามายิ่งขึ้น
หลังจากที่ดูหนังกัน พิธานโทรมาแค่ครั้งเดียวและคุยกันเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น พิธานถามราวกับกำลังสอบถามว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน พระพายก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะเขานั้นไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังอยู่แล้ว ยิ่งหลังจากโดนลงโทษไปขนาดนั้นแล้ว ยิ่งไม่อยากจะโกหกอะไร เพียงแค่รู้สึกแปลกนิดๆเมื่อพิธานโทรมาถามเช่นนั้น
ตอนนี้พระพายกลับมาถึงห้องแล้ว รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและส่งข้อความหาเก้าเพื่อนัดเวลาที่แน่นอนอีกครั้ง สถานที่นัดคือร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา พระพายแทบจะกรีดร้องในความใจป้ำของเก้าที่พาไปเลี้ยงถึงร้านริมแม่น้ำที่ได้ชื่อว่าราคาแพง ไม่เสียแรงที่งัดชุดที่ดูดีสุดเพื่อไปนั่งทานอาหารทะเลที่แพงหูฉี่ ใช้เวลาพอสมควรกว่าพระพายจะพาตัวเองไปถึงสถานที่นัดซึ่งเห็นเก้ารออยู่ก่อนแล้ว จึงเร่งฝีเท้าเข้าไปหาเก้าทันที
“คุณเก้าครับ นึกครึ้มอะไรถึงพาผมมาเลี้ยงที่ร้านแบบนี้ครับ” พระพายพูดจาหวานหูและสุภาพจนเก้าหัวเราะออกมา
“ไอ้พาย ปะเหลาะแดกนะมึง เรียกเสียกูเป็นคุณเป็นท่านเชียว”
“แน่นอนสิ บุญปากทั้งที” พระพายหัวเราะชอบใจ
“ไปๆกูจองโต๊ะไว้แล้ว”
ทั้งสองเดินเข้าไปยังร้านอาหาร ซึ่งบรรยากาศพลบค่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยานั้นดูดีไม่เบา ทั้งสองเลือกโต๊ะริมสุดซึ่งเป็นโต๊ะใหญ่ที่นั่งได้ถึงห้าคน ซึ่งเป็นโต๊ะที่ทางร้านจองไว้ให้ นั่งลงพร้อมสั่งอาหารมาหลายอย่าง ของโปรดที่ต่างคนต่างชอบ จากนั้นระหว่างรออาหารก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องที่ทั้งสองอย่างจะคุยกับอีกฝ่าย
“พาย มีเรื่องคืบหน้าอะไรบ้างไหม?” เก้าจุดประเด็นขึ้นมาก่อน พระพายเงียบพลางมองหน้าเก้า รู้กันดีว่าตอนนี้คำถามนั้นกำลังพูดถึงใครและเรื่องอะไร
“ก็...มีนะ”
“แต่ก่อนจะคุยถึงเรื่องนั้น กูถามมึงก่อน คืนนั้นมันไม่พอใจอะไรบ้างรึเปล่า?” เก้าถาม เพราะคืนนั้นเขาทำเรื่องไว้ แน่นอนว่าพิธานต้องไม่พอใจเป็นธรรมดาอย่างที่ไคเคยบอกไว้
“โกรธมากเลย ทะเลาะกันกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง” พระพายเริ่มเล่า
“ทะเลาะเหรอ มันหึงมึงรึไง?”
“ไม่รู้สิ...แต่โกรธมากและคิดว่ากูไปนอนกับคนอื่นหลับหลังมันด้วย”
“เอาอะไรคิดวะ มันจะรู้ไหมว่านอกจากมันแล้วมึงนอนกับคนอื่นไม่ได้แล้วน่ะ”
“มันเหรอจะรู้ กูนี่ควันออกหู” พระพายบ่น
“แล้วตอน...เอ่อ...มึงนั่นกัน มันทำมึงแรงๆไหม?” เก้าถามลึกขึ้นไปเรื่อยๆ พระพายหน้าแดงขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“จะเหลือเหรอ แถมรู้ไปถึงเรื่องไปอาบอบนวดด้วย” พระพายบอก
“ตายห่าแล้ว อะไรจะรอบรู้ขนาดนั้น นี่มันจ้างใครตามมึงรึเปล่า?” ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าพิธานเริ่มจะน่ากลัวเอาเรื่องเหมือกัน
“เรื่องนั้นไม่รู้ แต่กูโดนมันก็ลงโทษตามระเบียบนั่นแหละ....แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ” พระพายบอกปัดเมื่อนึกถึงเรื่องคืนนั้นขึ้นมา
“โทษนั่นคงโดนใจมึงสินะ” เก้าว่าพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ แน่นอนว่าทำเอาพระพายไปไม่เป็นเลยทีเดียว
“เปลี่ยนเรื่องๆ...ว่าแต่มึงเถอะ คิดยังไงถึงมาจูบกูต่อหน้าเจ้านั่นและก็ไควะ กูนี่อยากจะบ้า” พระพายพูดพร้อมทำท่าจะกินหัวเก้าให้ได้เพราะความอับอาย
“ก็กูอยากรู้ ว่าไอ้พิธานมันจะรู้สึกยังไงถ้ามีผู้ชายคนอื่นนอกจากมันทำเรื่องแบบนั้นกับมึง”
“แล้วมึงได้คำตอบไหมล่ะ?”
“อันนี้มึงต้องถามตัวเองนะ เพราะกูว่าคนที่ได้คำตอบน่าจะเป็นมึงมากกว่า”
พระพายเงียบไปเมื่อได้ยินเก้าพูดเช่นนั้นออกมา ถูกของเก้าที่คนที่น่าจะรู้สึกมากที่สุดคือตัวของพระพายเอง ท่าทางและคำพูดของพิธานที่แสดงออกมาหลังจากที่เก้าทำเรื่องพวกนั้น แน่นอนว่าหากพระพายเป็นหญิงสาวเพ้อฝันก็ต้องคิดไปไกลว่าพิธานนั้นคงมีใจหรือคิดอะไรมากกว่าคนทั่วไปแน่นอน แต่กลับกันนี่คือพระพายเป็นผู้ชายที่ไม่สามารถคิดเข้าข้างตัวเองได้ว่าคนอย่างพิธานนั้นจะมีใจหรือคิดอะไรเกินกว่าคู่นอนได้
“สรุปเป็นไง คำตอบล่ะ?” เก้าถามย้ำ
“กู...ไม่รู้ ไม่อยากคิดอะไรแบบนั้น” พระพายตอบ
“ถ้าอย่างนั้นกูถามใหม่ มึงรู้สึกยังไงพายหลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น?” พระพายที่ได้ยินคำถามนิ่งเงียบไปอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าออกราวกับต้องการกำลังใจกับสิ่งที่กำลังจะพูดออกไป
“กูว่า...กูเริ่มชอบมันแล้วว่ะ”
พระพายพูดจบแล้ว เก้าเองก็นิ่งเงียบไปเช่นกัน เพราะเป็นเพื่อนกันมานานเลยรู้ว่าพระพายไม่ใช่คนที่จิตใจโอนอ่อนง่ายๆเหมือนคนอื่น เป็นคนคิดเสมอก่อนที่จะพูดอะไรออกมาและมั่นใจว่านี่คือคำพูดที่พระพายคิดและไตร่ตรองออกมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
“มึงรู้ใช่ไหม ว่าพิธานอาจะไม่คิดแบบมึง” เก้าเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่
“รู้...กูรู้ว่ามันไม่ชอบกูหรอก แต่บางครั้งก็รู้สึกว่ามันอาจจะคิดกับกูมากกว่าแค่คู่นอน” พระพายจ้องมองจานเปล่าด้วยแววตาที่แทบจะว่างเปล่าเช่นกัน
“เพราะอะไรทำให้มึงคิดแบบนั้น?”
“มัน...อ่อนโยนขึ้นเยอะกว่าตอนแรก มันดีกับกูมากขึ้น เอาใจใส่ ไม่รู้สิ มันดูมีความรู้สึกมากกว่าแรกๆที่เจอกัน” พระพายพยายามหาคำอธิบายซึ่งยากที่จะให้เก้าเข้าใจได้
“แต่พื้นฐานของพวกมึงสองคนคือเรื่องอย่างว่า ความรักมันจะเกิดขึ้นได้จากเรื่องพวกนี้จริงๆเหรอวะ?” เก้าเองก็หาเหตุผลให้พระพายเพราะรู้ดีว่าเพื่อนกำลังเศร้า ดูได้จากแววตาที่เหมือนจะชั่งใจยามที่พูดถึงความรู้สึกของพิธานในมุมมองที่ตนคิด
“กูไม่รู้ว่ามันคิดยังไง แต่กูคิดไปแล้ว กู...รู้สึกมากกว่ามันไปแล้ว เรื่องนี้แหละที่กูมั่นใจ” พระพายเงยหน้ามองเก้าที่จ้องมองอยู่แล้ว
“พระพาย กูจะช่วยมึงได้ยังไง กูกลัวมึงจะเสียตัวไม่พอแล้วจะเสียใจตามไปด้วยนี่สิ” เก้าถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก
“กูแพ้มันทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะกำลังหรือใจกูเองก็ตาม”
“นี่ก็ใกล้จะหนึ่งเดือนแล้ว ทนอีกเดือนเดียวนะมึง เดี๋ยวมึงก็จะเลิกยุ่งกับมันแล้ว ถ้าตอนนั้นมึงยังตัดใจไม่ได้ กูจะกินเหล้าเป็นเพื่อนมึงสามวันสามคืนเลย”
“มึงสัญญาแล้วนะเก้า เตรียมเหล้าอาบกูได้เลย...อกหักครั้งแรกของกูคงเจ็บน่าดูเลย”
“เอาน่า กูเพื่อนมึงนะไม่ทิ้งมึงหรอก” เก้าว่าพลางลุกขึ้นตบไหล่พระพายที่นั่งตรงข้าม ก่อนที่จะนั่งลงต่อ
“เออ กูถามหน่อย มึงไปดีกับไคตอนไหน?” จู่ๆพระพายก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา เก้านิ่งไปนิดเมื่อหัวข้อสนทนามาตกอยู่ที่ตัวเอง
“เจรจาสงบศึกแล้ว” เก้าเลือกที่จะปิดพระพายว่าจริงๆแล้วตอนนี้ไคกำลังตามจีบอยู่ และไม่คิดจะบอกพระพายเด็ดขาดถึงเรื่องระหว่างเขากับไค
“ไม่ทะเลาะกันก็ดีแล้ว กูว่าไคเป็นคนน่ารักดี” พระพายว่า
“มึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัวแล้วพาย” เก้าทำหน้าหยีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“มึงนั่นแหละอคติ คนเราไม่ได้เหมือนอย่างที่เห็นทุกคนหรอก”
“อย่างเช่นไอ้พิธานนั่นเหรอ” เก้าพูดพร้อมยักคิ้วเพื่อให้พระพายทำตัวไม่ถูก
“มึงอย่าพูดสิวะ” พระพายได้แต่หน้าเจื่อนๆเพราะไม่รู้จะกลบเกลื่อนอย่างไรดี
อาหารมาแล้ว ทั้งสองเริ่มลงมือทานกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ทานกันไปได้ไม่นานเท่าไหร่นักกลับมีแขกผู้มาเยือนโดยที่ไม่ได้นัดหมายมาก่อน เก้าเงยหน้ามองผู้ชายสองคนที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังพระพาย ตาของเก้าดูจะโตขึ้นเพราะตกใจหรือไม่คาดคิดอะไรสักอย่าง พระพายขมวดคิ้วสงสัยในท่าทางนั้นก่อนที่จะหันหลังไปดูพบว่าเป็น...
“คุณไค....คุณพิธาน”
พระพายเองก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นทั้งสองเดินมาพร้อมกันและมายืนอยู่ในร้านอาหารริมแม่น้ำเช่นนี้ พระพายมองหน้าเก้าที่กำลังคิดว่าการที่เห็นไคไม่น่าตกใจเท่ากับเห็นพิธานมาด้วย
“รีบกินกันจัง” ไคว่าก่อนที่จะเดินไปนั่งข้างๆเก้า เก้าปรายตามองไคอย่างไม่สบอารมณ์
“กูไม่ได้ชวน มึงมาทำไม?” เก้าถามขึ้น
“อ้าว..คิดว่าชวน ก็เห็นบอกเองนี่” ไคว่า
“แล้วมึงเอามันมาทำไม?” เก้าหันไปมองพิธานที่ตอนนี้นั่งลงข้างๆพระพาย ด้านพระพายนั้นเริ่มอึกอักนั่งไม่ค่อยเป็นสุขเท่าไหร่เพราะพิธานใช้สายตาจ้องมองเขม็งอยู่
“พิธานอยากตามมานี่ จะห้ามได้ยังไง” ไคบอกเหตุผลที่ไร้น้ำหนักจนเก้าได้แต่กรอกตาในคำพูดนั้น
“มาก็ไปนั่งโต๊ะอื่นสิ โต๊ะนี่กูจองไว้สำหรับเราสองคน ไม่ใช่พวกมึง” เก้าบอก
“แต่ตอนนี้โต๊ะเต็มหมดแล้วและตรงนี้ก็ว่าง มีน้ำใจแบ่งให้กันหน่อยไม่ได้เหรอ?” ไคพูด กลายเป็นว่าตอนนี้โต๊ะทั้งโต๊ะมีแค่ไคและเก้าที่นั่งเถียงกันอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่พิธานและพระพายกลับนั่งเงียบเชียบ
“มึงเงียบไปเลย จะนั่งตรงไหนก็เรื่องของมึง กูจะกินข้าว” เก้าตัดบทเช่นนั้นก่อนที่จะหันไปมองพระพายที่เริ่มเขี่ยข้าวในจานไปมา
“กินเร็วๆพาย กำลังร้อนๆเลย” เก้าบอก พระพายจึงเริ่มตักอาหารเข้าปาก ด้านพิธานเองก็นั่งมองพระพายทานข้าวเช่นกัน
“สั่งอาหารเพิ่มดีกว่า” ไคว่าอย่างนั้นก่อนที่เรียกพนักงานมาสั่งอาหารที่เยอะเสียจนเก้าต้องขัดขึ้นมา
“มึงซื้อมาถมที่รึไง?”
“ก็อยู่กันหลายคน อีกอย่างพิธานกินจุ” ไคว่า พิธานยกน้ำขึ้นดื่มซึ่งเป็นแก้วของพระพาย
เมื่อมาเจอกันแบบนี้พระพายเองก็วางตัวไม่ถูกและยิ่งหลังจากที่สารภาพกับเก้าว่าเขานั้นชอบพิธานยิ่งยากที่จะมองหน้ากันตรงๆ พิธานที่นั่งเงียบๆนั้นได้แต่มองพระพายไม่วางตา ด้านไคกับเก้ายังคงนั่งเถียงนั่งว่ากันอยู่อย่างนั้นจนไม่สนใจทั้งสองคนเลยว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรกันอยู่
“พิธาน ไม่ทักทายพระพายหน่อยเหรอ?” ไคถามพลางมองพิธานและพระพายสลับกัน
“จะให้ทักอะไร เอาแต่ก้มหน้ากิน” พิธานว่าพลางเหลือบมองพระพายที่ตอนนี่รีบวางช้อนลงทันที
“พาย กินต่อไม่ต้องสนใจคนอื่น” เก้าพูดโดยยักคิ้วข้างเดียวใส่พิธานที่มองชวนหาเรื่อง
“กินๆ อย่าทะเลาะกัน”
ไคห้ามทัพและยื่นจานเปล่าให้พิธานซึ่งยอมรับแต่โดยดี ทั้งสี่คนนั่งทานอาหาร โดยที่ไคคอยตักนั่นตักนี่ใส่จานเก้าเสียพูน เก้าก็บ่นเป็นระยะๆพระพายได้แต่มองทั้งสองคนที่ดูสนิทสนมกันจนรู้สึกแปลกๆ
“จะไปไหนต่อ?” พิธานเอ่ยถามพระพายที่ตอนนี้กำลังตักกุ้งเข้าปาก
“ก็....ไม่”
“หรือคิดว่าจะไปอาบอบนวดกันต่อ” สิ้นคำของพิธานพระพายถึงกับสะดุ้ง พอๆกับเก้าเองก็สะดุ้งไม่ต่างกัน
“อยากไปอีกไหมล่ะ?” ไคถามขึ้น สายตาของพิธานกับไคสบมองอย่างคนรู้กัน
“เอ่อ...ไม่ดีกว่า” พระพายเลือกจะตอบขึ้นมา
“ทำไมล่ะ ตอนนั้นไม่สนุกเหรอ?” พิธานถาม เก้ารู้สึกว่าสายตาของพิธานกำลังสนุกและมีประกายยามที่คุยกับพระพายซึ่งแตกต่างกับตอนที่พิธานคุยกับเพื่อนๆหรือคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง
“สนุกมาก น้องๆน่ารักบริการก็ดี” เก้าเป็นคนพูดขึ้นมาเอง ไคที่นั่งข้างๆออกแรงตัดปลาหมึกเสียแรงจนได้ยินเสียงกระทบจาน ราวกับเคืองนิดๆที่ได้ยินเก้าพูดเช่นนั้นออกมา
“ไปอีกไหม คราวนี้พวกเราจะไปด้วย” ไคว่าด้วยรอยยิ้ม แต่แปลกที่เก้ากลับเห็นว่าสายตานั้นไม่ยิ้มตามไปด้วย
“ไม่ไป วันนี้กูจะอยู่กับพาย” เก้าบอก พิธานเงียบไปอีกครั้ง
“พระพาย...บอกสิ อยากอยู่กับใคร?” พิธานเอ่ยขึ้นมา แน่นอนว่าน้ำเสียงนั้นฟังแล้วเจ้าตัวคงไม่สบอารมณ์อย่างแน่นอน
“เอ่อ.....” พระพายเองก็เลือกไม่ถูก เก้าที่เป็นเพื่อนนั่งเหล่มองรอคำตอบ พอๆกับพิธานที่นั่งจ้องรอคำตอบอยู่เช่นกัน
“อยากอยู่คนเดียว” พระพายเลือกจะตอบแบบนี้ออกมา
“ให้โอกาสอีกครั้ง...คราวนี้ตอบดีๆล่ะ” พิธานว่าโดยที่ไคและเก้าไม่อาจจะเห็นได้เลยว่าตอนนี้พิธานใช้เท้าเขี่ยเท้าของพระพายอยู่ราวกับจะให้คิดดีๆก่อนตอบ
ใจของพระพายนั้นเลือกพิธานไปเกินกว่าครึ่งแล้ว แต่อีกใจที่เหลือก็อยากจะลองใจพิธานถ้าหากพระพายไม่เลือกพิธานแล้วสิ่งที่ตามมาคืออะไร พิธานจะแสดงความรู้สึกแบบไหนออกมา คิดๆแล้วก็อยากจะลองเล่นกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน
“เก้า” พระพายเอ่ยเลือกเก้าซึ่งยิ้มกริ่มอย่างคนมีชัย ในขณะที่พิธานนั้นขบกรามเสียแน่น
“ลืมข้อตกลงของเราไปแล้วรึไง” พิธานถามด้วยน้ำเสียงที่พระพายต้องสะดุ้งตัวเบาๆ
“ก็...ตอนนี้อยู่กับเก้าก่อนไง เดี๋ยวก็ค่อยไปอยู่กับคุณ” เห็นท่าจะไม่ดีพระพายจึงรีบทำตัวเป็นปลาไหลทันที
“ตอบไม่ตรงคำถาม” พิธานว่า
“นี่พิธาน พระพายก็ตอบถูกของเขานะ ไม่ได้ถามนี่ว่าอยากอยู่กับใครตอนไหน เนอะเก้า” ไคหาพวกทันทีเพราะห่วงสวัสดิภาพของพระพาย
“ก็...เออ ตอนนี้พายมันอยากอยู่กับกูก่อน ส่วนมึงค่อยทีหลังก็ได้” เก้าพูด
“ถ้าอย่างนั้นรีบๆกินแล้วรีบๆไป” พิธานพูดก่อนที่จะเริ่มลงมือทาน
ทั้งสี่คนนั่งทานอาหารต่อโดยไม่พูดอะไรอีก จนในที่สุดก็พ่ายแพ้ต่ออาหารที่เยอะเกินกว่าจะทานหมด นั่นทำให้เก้าหันไปเหวี่ยงไคทันที
“ไหนบอกเพื่อนมึงกินจุ แล้วนี่อะไร เหลือบานเลย”
“ก็วันนี้พิธานคงไม่อยากกินเท่าไหร่” ไคตอบหน้าตาเฉย
“คิดบิลแยกเลยนะมึง อย่าล้ำมาโต๊ะกู” เก้าว่า
“ไม่ต้อง เดี๋ยวเลี้ยงเอง” ไคพูดพลางเรียกพนักงานให้เก็บเงิน
“ไม่ต้อง กูตั้งใจจะมาเลี้ยงพาย มึงไม่ต้องยุ่งเลย” เก้าไม่ยอม
“ก็บอกจะเลี้ยงไง อย่าบ่นน่า” ไคเองก็ไม่ยอมแพ้ สรุปไคก็ได้จ่ายสมใจ
“จ่ายไปเลย คราวหน้าถ้ามึงตามมากินกับกูอีก กูจะถล่มให้จมเลย” เก้าพูด ไคพยักหน้าตอบรับคำพูดของเก้า
“เก้า..อาหารเหลือเยอะเลย ให้เขาห่อกลับบ้านดีกว่ามึง” พระพายพูดขึ้นมาอย่างเสียดาย
“เอาสิ แบ่งๆกันไปไว้อุ่นกิน ประหยัดดี” เก้าเองก็เห็นสม
“อยากกินเดี๋ยวซื้อใหม่ให้ ไม่ต้องห่อกลับหรอก” พิธานเอ่ยขึ้นมา พระพายมองพิธานก่อนจะมองเก้า
“พวกกูมันคนหาเช้ากินค่ำ ไม่รวยเหมือนพวกมึงหรอกนะ” เก้าว่าและบอกพนักงานให้ช่วยห่ออาหารที่เหลือกลับบ้านและแบ่งกันคนละครึ่งกับพระพาย
“เสร็จแล้วใช่ไหม ไปกันเถอะ” พิธานว่าและดึงมือลากพระพายออกจากโต๊ะทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้พระพายล่ำลาเก้าเลยสักนิด
“เพื่อนมึงนี่บ้าว่ะ” เก้าพูดขึ้นมาหลังจากที่เห็นพิธานและพระพายเดินลิ่วๆออกไป
“คนหวงของก็แบบนี้แหละ” ไคว่า
“เออ ขอบใจที่เลี้ยง กูกลับแล้ว” เก้าพูดและลุกขึ้นเดินออกไป
“ให้ไปส่งไหม?” ไคถาม
“ไม่ต้องมาโชว์ความแมนเลย กูกลับของกูเองได้”
“นี่ตามจีบอยู่นะ ต้องทำคะแนนสิ” ไคพูด
“จีบให้ตายมึงก็ไม่ได้คะแนนแถมติดลบกูบอกไว้เลย” เก้าเดินออกไปจากร้านไคก็ยังไม่ลดละเดินตามไปอยู่ดี
“น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อนเลย” ไคพูดขึ้นมาทำเก้าเดินสะดุดอากาศ
“มึงนี่มันกวนตีนกูจัง” เก้าโวยวายก่อนที่จะไปเรียกแท็กซี่
“เดี๋ยวส่งไลน์ไปแล้วตอบด้วยนะ” ไคบอกตอนนี้รถแท็กซี่มาจอดแล้วและเก้ากำลังขึ้นรถ
“กูไม่อ่านเพราะไม่มีไลน์มึง” เก้าบอก
“นี่ไงแอดไปแล้ว” ไคว่าและโทรศัพท์มือถือของเก้าก็ดังขึ้น เก้าหยิบมันขึ้นมาดูและทำท่าจะกดลบแต่ไคมือไวกว่ารีบแย่งโทรศัพท์มือถือและกดรับเพื่อนเป็นที่เรียบร้อย
“ไอ้ไค เอาคืนมาเลย” เก้าร้องขึ้น คนขับแท็กซี่ก็มองทั้งสองคนที่ยังเถียงกันอยู่
“จะไปไหมครับ?” คนขับแท็กซี่ถามขึ้น
“ไปครับๆ” เก้าจึงนั่งลงและปิดประตูรถ ไคโบกมือให้และส่งจูบแน่นอนว่าเก้าเล่นมุกกลับด้วยการคว้าจูบทางอากาศและบีบก่อนจะทำท่าขว้างกลับ ไคได้แต่หัวเราะและแท็กซี่ก็ขับออกไป
ไคยืนยิ้มอยู่อย่างนั้นก่อนที่จะเดินกลับไปยังรถที่จอดไว้ ด้านเก้าที่นั่งฟังเพลงอยู่บนแท็กซี่ก็เปิดเลื่อนไปดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมา พบว่าไคส่งข้อความมาว่า
“คราวหน้าจะไปจูบที่ปากไม่ให้มีโอกาสขว้างทิ้งหรอกนะ”
เมื่ออ่านจบเก้าก็รู้สึกแปลกขึ้นมาทันทีเพราะนึกไปถึงคืนนั้นที่คอนโดของไค พอนึกและเผลอเอามือแตะปาก ความรู้สึกตอนนั้นยังชัดเจนเพียงเท่านั้นที่เก้าเผลอตัวนึกไป เมื่อดึงสติได้ก็รีบพิมพ์ด่ากลับไปทันทีว่า..
“เหี้ย!!...”
เก้าเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าพลางหันมองข้างทางและพบเงาสะท้อนในกระจกว่าตัวเองกำลังนั่งยิ้มอยู่ เมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบหุบยิ้มลงทันทีและเปลี่ยนความคิดที่ตอนนี้กำลังนึกถึงหน้าของไคยามที่กำลังหัวเราะเพราะอ่านข้อความที่เขาพิมพ์ด่าไป...
Lyrics : Baby I By Ariana Grande.