Chapter Twenty-One.
ฝุ่นยืนมองประตูกระจกตรงหน้าราวกับเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่หลายนาทีกว่าจะกล้ายกมือขึ้นกดกริ่งตรงข้างประตู
แกร๊ก
หัวใจเต้นถี่รัวเมื่อประตูค่อยๆ ถูกเปิดออก
“อะ เอาข้าวมาส่ง”
“ช่วยเอาเข้ามาวางข้างในทีครับ มือผมเคล็ดนิดหน่อย”
“เป็นอะไร” ฝุ่นถามออกไปด้วยความเป็นห่วง โดยไม่ได้ฉุกคิดเลยว่ากล่องข้าวสองกล่องไม่ได้มีน้ำหนักมากพอจะทำให้คนที่สามารถเปิดประตูได้รู้สึกเจ็บ
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอแสดงความเป็นห่วงมากเกินไปฝุ่นก็กัดริมฝีปากอย่างที่ชอบทำ และปินก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้นหากแต่ดึงประตูให้เปิดออกกว้างแทน
ร่างเล็กค่อยๆ ก้าวเข้าไปแล้วจึงได้เห็นว่าชั้นหนึ่งของปินเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นที่มีมุมดูโทรทัศน์และมีโต๊ะทานข้าวตั้งห่างออกไป
“วางไว้บนโต๊ะเลยครับ”
ฝุ่นทำตามคำบอกนั้นก่อนจะหมุนตัวกลับไปหาอีกคนเมื่อเรียบร้อยแล้ว
“นี่ค่าอาหารครับ”
ดวงตาโตเหลือบลงแล้วก็เลื่อนขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี
รัก คิดถึง อยากกอด...ขอโทษ
“ขอโทษที่วันนั้นไม่ได้บอกอะไรเลย” น้ำเสียงนั้นดังแผ่วทว่าหนักแน่นในเรื่องของความรู้สึก
ปารินทร์วางเงินและกระเป๋าตังลงบนโต๊ะ ดวงตาเรียวรีทำเพียงจ้องมองคนตรงหน้านิ่งๆ ราวกับกำลังเปิดโอกาสให้ฝุ่นได้พูดทุกเรื่องราว
“แค่คิดว่าไม่อยากทำให้ปินเดือดร้อน” แววตาคนพูดไหวสั่นระริก ยิ่งเมื่อสิ่งที่ได้รับจากอีกคนมีเพียงความนิ่งเงียบฝุ่นจึงยิ่งรู้สึกวูบโหวง กว่าปากได้รูปจะอ้าขยับก็เป็นเวลาที่ผ่านไปหลายนาที
“ช่างเถอะครับ มันผ่านมาแล้ว”
ความห่างเหินในประโยคทำให้ปลายจมูกของฝุ่นร้อนผ่าว คล้ายกับว่าคนตรงหน้าก้าวห่างออกไปทั้งที่ความเป็นจริงยังยืนอยู่ที่เดิม
“พร้อมแล้วที่จะเดินต่อไปด้วยกัน” ปลายหางเสียงนั้นสั่นเครือ น้ำตาจวนเจียนจะหยดลงแต่ฝุ่นก็พยายามกลั้นเอาไว้สุดความสามารถ
“...ผมว่าคุณกลับไปคิดให้ดีอีกนิดเถอะ ผมไม่พร้อมกับการที่จะถูกทิ้งเป็นครั้งที่สองหรอกนะครับ”
เสียงทุ้มที่ดังออกมามีความอ่อนลงเล็กน้อย หากแต่ความหมายในประโยคกลับส่งผลอย่างรุนแรงต่อใจคนฟัง ยามฝุ่นมองเห็นความเจ็บปวดและเสียใจในดวงตาคนพูดน้ำตาก็ไหลลงช้าๆ
“ฮึก คะ คิดแล้ว สัญญาว่าจะไม่ทิ้งมาแบบนั้นอีก”
“...”
“หายงอนฝุ่นได้ไหม”
ร่างเล็กก้าวเข้าไปใกล้คนตรงหน้าอีกนิด แล้วก็ต้องรู้สึกโล่งใจกับการที่อีกคนไม่ขยับถอยหนีเหมือนวันนั้น
“ไม่ครับ”
ความโล่งใจเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวเพราะคำตอบต่อมานั้นเรียกความสั่นไหวให้เข้ามาแทนที่ ริมฝีปากเล็กถูกขบกัดเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ฝุ่นได้แต่ยืนมองหน้าคนที่ยังคงเป็นเจ้าของหัวใจตัวเองด้วยความพร่าเลือน
“ทิ้งผมมาแบบนั้น แล้วจะให้ผมหายทั้งที่คุณง้อไม่ถึงวันนี่น่ะเหรอ”
“จะง้อหลายๆ วันเลยก็ได้” ฝุ่นรีบตอบกลับขณะที่มือก็ยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า แล้วต่อจากนั้นปารินทร์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
สองสายตามองสบกันนิ่งกระทั่งน้ำตาของคนที่ร้องไห้เริ่มแห้งเหือด เมื่อภาพตรงหน้ากลับมาชัดเจนความรู้สึกบางอย่างก็รุนแรงขึ้นจนฝุ่นเอ่ยออกไปเสียงเบาโดยที่แทบไม่รู้ตัว
“ไม่หายงอนแต่จูบก่อนได้ไหม” ความเว้าวอนเจือออกไปอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจ และนั่นก็ทำให้ปารินทร์รู้สึกไขว้เขว แม้จะพยายามใจแข็งและร้องห้ามตัวเองเท่าไหร่แต่หัวใจกลับไม่ฟัง ใบหน้าโน้มลงไปเรื่อยๆ ตามความต้องการในส่วนลึก หากแต่ชั่ววินาทีหนึ่งที่ตั้งสติได้ก็คิดว่าควรถอยห่าง
ทว่ากลับไม่ทันการณ์เมื่อริมฝีปากบางสีสดเป็นฝ่ายแนบเข้าหา ฝ่ามือบางทั้งสองข้างยกขึ้นวางกับแก้มสากเป็นการรั้งเอาไว้ไม่ให้ไปไหน สัมผัสใกล้ชิดในรอบเกือบสามปีดั่งเป็นการจุดชนวนระเบิด
สองเรียวลิ้นเกี่ยวพันรัดรึงด้วยความคิดถึง อีกทั้งยังส่งผ่านทุกความรู้สึกให้แก่กันและกันเท่าที่จะสามารถ
มันมีความโหยหา คิดถึง ขอโทษ และอีกมากมาย
หากปารินทร์ไม่หักห้ามให้หยุด ทุกอย่างคงเลยเถิดจนไปลงเอยแบบลึกซึ้ง
“ถ้าจะง้อก็กลับไปคิดให้ถี่ถ้วนว่าพร้อมจะรับมือกับทุกสิ่งที่จะตามมาหรือเปล่า...ต่อให้ผมจะพร้อม แล้วคุณล่ะพร้อมจริงๆ ไหม”
ร่างสูงเอ่ยพูดพร้อมทั้งขยับถอยห่างออกไปทั้งที่ใจไม่ได้อยากทำเลยสักนิด
ปินอยากจูบ อยากสัมผัสอีกคนมากกว่านี้ แต่มันยังไม่ถึงเวลา
“อะ อือ” ฝุ่นเม้มปากเข้าหากันเพื่อปกปิดความเสียดายที่มี
ความนุ่มหยุ่นหวานซ่านยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น ขณะบนกลีบปากยังรู้สึกราวกับกำลังถูกสัมผัสทั้งที่ปินละปากออกไปแล้ว
การตอบกลับและไม่ปฏิเสธนี้ทำให้ฝุ่นรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมา
“เสร็จธุระแล้วก็เชิญครับ”
“แล้ว...สรุปว่ามือเป็นอะไร” คนที่ยังอยากอยู่ต่ออีกนิดพยายามหาเรื่องพูดคุย
“แค่เคล็ดนิดหน่อย”
“แล้ว...คุณน้าล่ะ”
“พักผ่อนอยู่ข้างบน”
“แล้ว...”
“เชิญกลับไปได้แล้วครับ...แล้วก็นี่ค่าอาหาร”
คนถูกไล่กลายๆ ทำหน้าเศร้าก่อนจะส่ายไปมาน้อยๆ
“ไม่เป็นไร”
“รับไป”
“...” ฝุ่นไม่ตอบอะไร อีกทั้งยังปฏิเสธการรับเงินด้วยการหมุนตัวเดินเร็วๆ ออกไปทางประตูให้ปินได้แต่มองตามอย่างเอื้อเอ็นดู
จะกี่ปีก็น่ารักไม่เปลี่ยนเลย
“สนุกไหมที่ได้แกล้งฝุ่น”
เสียงที่ดังมาจากบันไดเรียกให้ปินเลื่อนสายตาไปมอง แล้วคนถูกถามก็ยกยิ้มพร้อมยักไหล่น้อยๆ
“เรานี่นะ คราวนี้เกิดฝุ่นทิ้งไปจริงๆ แม่จะไม่เข้าข้างเลย”
“แม่อย่าแช่งผมแบบนั้นสิ” คนเป็นลูกชายรีบเดินไปออเซาะ ทำหน้าเศร้าเสียจนไม่เหลือเค้าความราบเรียบในเมื่อครู่
“ก็ขี้แกล้งซะแบบนี้ ยี่สิบเจ็ดแล้วนะเราน่ะ”
“ยี่สิบเจ็ดแล้วมีแฟนได้” ประภาโคลงหัวไปมาให้กับท่าทางที่ยังเป็นเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกดีใจเหลือเกินที่เห็นปินกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“เตรียมตัวมาขนาดนี้คงไม่ต้องพูดแล้วมั้ง”
“ผมเตรียมตัวแล้วแต่ไม่รู้ว่าฝุ่นเตรียมหรือยัง”
ความขี้เล่นบนใบหน้าปารินทร์ลดน้อยลงเมื่อพูดถึงประเด็นนี้ คนเป็นแม่จึงให้กำลังใจลูกด้วยสัมผัสบนไหล่และคำพูดเสียงอ่อนโยน
“แม่ว่าเมื่อกี้ปินก็น่าจะได้คำตอบแล้วนะ” มือหยาบสากวางลงบนมือผู้ให้กำเนิดแล้วรั้งลงมาจับเอาไว้พลางหลุบตามองพื้นอยู่ชั่วครู่
“คำพูดกับสถานการณ์จริงมันไม่เหมือนกันนะครับ ถ้าเจอกระแสแบบครั้งก่อนอีกฝุ่นจะผ่านมันไปหรือเลือกที่จะวิ่งหนีมันอีกครั้ง” ประภากระชับมือที่จับกันไว้ให้แน่นขึ้น
“ในเมื่อปินคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วแม่เชื่อว่าฝุ่นก็จะพร้อมเช่นกัน”
ปารินทร์สบสายตากับคนเป็นแม่ เมื่อเห็นกำลังใจและความรักอันมากล้นในดวงตาคู่นั้นก็ค่อยๆ ระบายยิ้มแล้วพยักหน้ารับ
--
“คุณน้า”
ฝุ่นเอ่ยเรียกเมื่อสองแม่ลูกเดินข้ามฝั่งมาหาขณะกำลังเก็บร้าน
“พอดีแม่อยากไปเดินตลาด กลัวว่าจะให้คนแถวนี้ไปเดินด้วยก็จะทำคนอื่นเขาวุ่นวาย แม่เลยอยากจะมารบกวนฝุ่นให้ไปเป็นเพื่อนสักหน่อย”
คนแถวนี้ถูกปรายตามองก่อนประภาจะหันไปยิ้มให้คนร่างเล็ก
“ได้สิครับ ไม่รบกวนเลย...งั้นฝุ่นขอไปเอากระเป๋าตังแล้วก็ปิดร้านแป๊บนึงนะครับ” ฝุ่นตอบรับด้วยความกระตือรือร้น
“ได้จ้ะ”
ดวงตาโตลอบมองใบหน้าของปิน เมื่อเห็นว่าอีกคนมองมาอยู่เช่นกันก็ระบายยิ้ม ทว่าพอไม่ได้รอยยิ้มตอบกลับมาก็เลื่อนสายตาไปยิ้มบางๆ ให้แม่ปินแทน
“ทำเป็นเก๊กนัก” ประภากระซิบคุยกับลูกชายยามฝุ่นหมุนตัวเข้าไปข้างในร้านแล้ว
“นิดนึงครับแม่”
คนฟังโคลงหัวพลางถอนหายใจใส่ กระทั่งฝุ่นเดินกลับมาแล้วดึงประตูเหล็กม้วนลงมาปิดคนทั้งสามจึงเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ถัดจากร้านไป
“แล้วนี่ฝุ่นต้องซื้อของเตรียมไปทำอาหารขายหรือเปล่าหืม” ร่างอวบอิ่มเอ่ยถามขึ้นยามที่ก้าวลงจากรถมาแล้วและกำลังเดินเข้าสู่ตลาด
“พรุ่งนี้วันหยุดของร้านครับ ฝุ่นก็ค่อยมาซื้อพรุ่งนี้ ของจะได้สดกว่า”
“ถ้าเย็นนี้ว่างงั้นไปทานข้าวกับแม่นะ กินกับปินสองคนมันก็เหงา”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันขณะที่ดวงตาโตก็แสดงออกถึงความไม่มั่นใจ
“เอ่อ...ถ้าปินไม่ว่าอะไรนะครับ”
ประภาหัวเราะในลำคอก่อนจะเอ่ยถึงคนที่ทำหน้าที่เป็นสารถีอย่างไม่อาจลงมาเดินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หึ ยังไงปินก็ยังเป็นปิน ฝุ่นน่าจะรู้ดีว่าอะไรบ้างที่จะทำให้เจ้าหมาแสนงอนหายงอนได้”
ฝุ่นยิ้มรับคำพูดนั้นทั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถง้อปินได้สำเร็จวันไหน
“แล้วทำไมปินถึงมีเวลาอยู่นี่หลายวันเหรอครับ”
“ก็อย่างที่แม่เคยบอก ปินอยากใช้เวลาเพื่อตัวเอง ปีนี้ก็เลยรับงานน้อยลงแล้วก็พักผ่อนให้มากขึ้น”
“ถ้าข่าวออก...”
“ถ้าปินไม่เตรียมตัวมาก็คงไม่ไปไหนมาไหนแบบเปิดเผยหรอกจ้ะ ฝุ่นเลิกคิดมากนะ ปล่อยมันไป” แม่ของปินเอ่ยพูดพร้อมทั้งหยุดเดินให้ฝุ่นต้องหยุดตาม
ยามเห็นความอบอุ่นและรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าคนพูดฝุ่นจึงลอบสูดลมหายใจแล้วพยักหน้ารับ
ต้องหัดเลิกคิดได้แล้วฝุ่น...จะไม่ยอมทิ้งปินไปอีกแล้ว
เมื่อคนทำอาหารมาเดินตลาดด้วยกันจึงใช้เวลาไปอย่างเพลิดเพลินจนปินต้องโทรมาถามคนเป็นแม่ว่าหลงตลาดอยู่หรือเปล่า
“เดินเพลินๆ ก็ผ่านไปจะสองชั่วโมงเลยเนอะ” คนแก่หันมาพูดกับฝุ่นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ยิ่งมองเห็นถุงในมือคนรุ่นลูกแล้วยิ่งนึกระอากับการเดินตลาดของตัวเอง
ก็นะ...คงไม่ต่างจากเวลาเด็กสาวเข้าร้านเครื่องสำอางสักเท่าไหร่
“คุณน้ายังแข็งแรงมากเลยนะครับ”
“อยู่บ้านก็ขยับตัวทำนู้นทำนี่อยู่เรื่อยๆ มันว่างไม่ได้น่ะ แม่เบื่อ”
คนฟังระบายยิ้ม ทั้งยังอดนึกถึงแม่ตัวเองขึ้นมาไม่ได้
“คุณฝุ่น”
คนที่ถูกเรียกระหว่างกำลังเดินไปที่รถหันไปหาคนเรียก เมื่อเห็นว่าเป็นใครฝุ่นก็ทักทายกลับ
“คุณณัต”
ลูกค้าเจ้าประจำนั่นเอง
“มาเดินตลาดกับคุณแม่เหรอครับ”
ฝุ่นหันมองแม่ของปินพลางรีบส่ายหัวปฏิเสธ
“เปล่าครับ นี่ เอ่อ...คุณน้าครับ”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะ” ประภารับไหว้อีกฝ่ายพร้อยรอยยิ้มแม้จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีต่อฝุ่นจากดวงตาคู่นั้น
เจ้าหมาเอ๋ย มัวแต่เก๊กงอนมากๆ เข้า
ปี๊บ ปี๊บบบบ
คนทั้งสามสะดุ้งและหันไปมองทางต้นตอของเสียง ก่อนคิ้วคู่สวยจะขมวดมุ่นเมื่อราวกับว่ามันดังมาจากรถของปิน
“นี่ซื้อของกันเสร็จแล้วเหรอครับ” อาณัตถามต่อ เรียกสายตาทั้งสองคู่ให้กลับมามองยังเจ้าตัว
“ครับ กำลังจะกลับแล้วล่ะ”
“อ่า ครับ...งั้นไว้เจอกันวันมะรืนนะครับคุณฝุ่น”
“ครับ” ใบหน้าเล็กกดลงรับพร้อมทั้งค้อมหัวบอกลาอีกฝ่าย หลังจากอาณัตยกมือขึ้นไหว้แม่ของปินอีกครั้งฝุ่นจึงเดินต่อไปยังรถ
“แม่ได้ของมาทำมื้อเย็นเยอะแยะเลย” ประภาเอ่ยขึ้นหลังจากที่รถเคลื่อนตัวออกจากตลาดด้วยความเงียบงัน
“ครับ” ปารินทร์รับคำเพียงสั้นๆ ขณะใบหน้าก็ราบเรียบจนคนเป็นแม่รู้ได้ทันทีว่าปินคงเห็นฉากเมื่อกี้จากในรถ และเสียงแตรรถที่ดังขึ้นนั้นคงมาจากลูกชายของเธอเอง
“เดี๋ยวแม่จัดการตรงนี้ต่อเอง ฝุ่นไปตามปินลงมาทานข้าวเถอะ อยู่ชั้นสามน่ะ”
“ครับ” ฝุ่นรับคำพลางเดินไปล้างมือให้เรียบร้อยจากนั้นจึงเดินขึ้นไปยังชั้นสาม ดวงตาโตกวาดมองทุกรายละเอียดระหว่างทาง กระทั่งมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องนอน รวบรวมกำลังใจด้วยการสูดลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นเคาะขออนุญาตคนด้านใน
แกร๊ก
ประตูถูกปลดล็อกและเปิดแง้มออกให้ฝุ่นเป็นฝ่ายค่อยๆ เปิดมันเข้าไป
“ปิน”
ใบหน้าเล็กชะโงกเรียกคนที่นั่งดีดกีตาร์อยู่ตรงปลายเตียง ทว่าอีกคนกลับไม่ได้มีท่าทาจะหันกลับมาราวกับว่าไม่ได้ยิน
“ปิน”
มีเพียงเสียงดนตรีที่ขานรับ
สุดท้ายฝุ่นจึงก้าวขาเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง พอได้อยู่ในห้องนอนของปินกลิ่นกายที่แสนคุ้นเคยก็โอบล้อมอยู่รอบตัวให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังถูกอีกคนกอดเอาไว้
คิดถึงความรู้สึกนี้จัง
“ปิน”
ความนิ่งเฉยที่ตอบกลับมาทำให้ฝุ่นขมวดมุ่น มือบางยกขึ้นมาแตะแผ่นหลังเปลือยเปล่าแผ่วเบา
พรึบ
“อ๊ะ” มุมการมองเห็นของฝุ่นตีลังกากลับเพราะร่างกายถูกรั้งให้นอนลงบนเตียง ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว กว่าจะตั้งสติได้ก็เห็นเพียงใบหน้าปารินทร์อยู่ตรงหน้า
“ปิน...คุณน้าให้มา อื้อ”
ประโยคนั้นไม่อาจเอ่ยจนจบเนื่องจากริมฝีปากบางถูกทาบทับ แรงบดคลึงดูดดึงที่ไม่ค่อยคุ้นชินทำให้ฝุ่นรู้สึกมึนงง เกือบนาทีกว่าจะเรียบเรียงเหตุการณ์ได้จากนั้นจึงตอบสนองสัมผัสนั้นกลับไป
สองแขนยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่ง แม้จะรู้สึกเจ็บริมฝีปากเพราะแรงขบกัดแต่ก็ใช้ความอ่อนหวานจากความรู้สึกของตัวเองตอบกลับ
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นแรงหายใจรุนแรงจากคนด้านบนก็ค่อยๆ สงบลงพร้อมกับสัมผัสตรงริมฝีปากที่อ่อนโยนขึ้น และเนื่องจากการห่างหายที่เนิ่นนานรู้สึกตัวอีกทีชายเสื้อก็มากองอยู่บนอก เม็ดตุ่มไตถูกบีบบี้ด้วยมือสาก
“อะ อื้อ ปิน พอก่อน” ฝุ่นเป็นฝ่ายผละริมฝีปากออกทั้งยังเอ่ยปากหยุดสัมผัสที่กำลังจะเลยเถิดเอาไว้
“ไม่พอ”
ทว่าคนกำลังร้อนตอบกลับทันควันพร้อมทั้งเปลี่ยนไปจู่โจมซอกคอบาง ทั้งขบทั้งกัดจนฝุ่นรู้สึกเจ็บแปลบแต่ก็ไม่ได้เอ่ยห้ามปราม ทำเพียงแค่ลูบไล้หลังคอของปินไปมาอย่างแผ่วเบา
“...คุณน้ารอทานข้าวอยู่นะ” ฝุ่นสะกดกลั้นความเจ็บเอาไว้แล้วเอ่ยพูดเสียงอ่อนโยน หากแต่สัมผัสของปากได้รูปและมือหนายังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ปินครับ”กึก
ริมฝีปากสีสดซึ่งบวมเจ่อคลี่ออกเป็นรอยยิ้มเมื่อทุกสัมผัสหยุดชะงักในที่สุด
“ถ้าปินต้องการ...จะเมื่อไหร่ฝุ่นก็ยอม แต่ตอนนี้ลงไปทานข้าวก่อนนะ คุณน้าอุตสาห์ตั้งใจทำมื้อเย็นให้”
ฝุ่นเลื่อนมือลงมาลูบไล้แผ่นหลังกว้าง ขณะที่อีกคนก็นิ่งงันอยู่อย่างนั้นหลายนาทีแล้วค่อยๆ ผละออกห่าง
ความรุนแรงทางสัมผัสทุกหยุดเอาไว้หากแต่ความรุนแรงในดวงตาคมยังมีอยู่
ปินกำลังไม่พอใจ...
ฝุ่นซึ่งไม่รู้สาเหตุขมวดคิ้วกับตัวเอง
“ปินเป็นอะไรหรือเปล่า” มือข้างซ้ายวางแนบกับแก้มสากยามเอ่ยถาม
“...”
“หงุดหงิดอะไร”
“ไม่มีอะไร”
คนตัวโตตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่กลับถูกรั้งเอาไว้ด้วยท่อนแขนเรียวที่โอบอยู่รอบตัว
ใบหน้าเล็กซุกอยู่กับไหล่แกร่ง ฝุ่นกอดปินเอาไว้อย่างไม่ให้ผละไปไหน
“บอกฝุ่นได้ไหมว่าเป็นอะไร”
“...”
“ไม่อยากให้ไม่สบายใจเลย”
“ไม่มีอะไรแล้ว” น้ำเสียงและท่าทางนั้นอ่อนลง และเมื่อปินดูท่าจะไม่ยอมเอ่ยคนเป็นห่วงจึงเลิกเซ้าซี้ คราวนี้เป็นฝุ่นที่ผละออกห่าง ทว่าก็ยังทิ้งท้ายด้วยสัมผัสบางเบาบนริมฝีปากได้รูป
“งั้นลงไปทานข้าวกันนะ”
พอความกรุ่นร้อนในดวงตาเรียวรีเจือจางลงฝุ่นก็ระบายยิ้มบาง จากนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งเมื่อคนด้านบนลุกออกไปจากตัว
ปารินทร์หยิบเสื้อยืดที่พาดอยู่ตรงเก้าอี้มาสวมลวกๆ เสร็จแล้วก็มองคนที่กำลังยืนขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องไปให้ฝุ่นต้องรีบเดินตาม
--
ฝุ่นไม่ได้รับคำตอบเรื่องท่าทางหงุดหงิดของปิน แต่ถึงจะอยากรู้แค่ไหนก็ไม่คิดถามย้ำให้อีกคนต้องวกกลับมาคิด ยิ่งถูกแม่ของปินชวนไปเที่ยวเสม็ดระหว่างทานอาหารวันฝุ่นยิ่งรู้สึกเป็นสุขจนลืมเลือนเรื่องนั้นไป
“ฝุ่นเคยมาเที่ยวที่นี่หรือเปล่าลูก” ประภาหันมาถามยามกำลังเดินลงไปยังชายหาด
“เคยแล้วครับ”
“ก็อยู่มาตั้งนานนี่นะ แม่อยู่ใกล้แค่นี้แต่ยังไม่เคยมาสักที นี่พอปาล์มรู้เรื่องก็โวยวายใหญ่ว่าอยากมาด้วย”
“ตอนนี้ปาล์มเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็อยู่ปีสองแล้วจ้ะ คณะและมหาลัยที่อยากเข้านั่นแหละ ตอนนี้ก็กำลังยุ่งกับงานที่มหาลัยอยู่”
ฝุ่นยิ้มรับขณะเหลือบมองร่างสูงที่อยู่ถัดจากแม่ไปเล็กน้อย
เพราะใส่เพียงแว่นตาดำคนรอบข้างจึงจำได้ง่าย ระหว่างทางก็มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปปินอยู่เรื่อยๆ หากแต่เมื่อไม่เห็นความกังวลใดจากเจ้าตัวฝุ่นจึงคลายความกังวลลงเช่นเดียวกัน
ต่อให้จะมีข่าวออกก็จะไม่กังวล แค่ปล่อยมันไป
“แก นั่นปินปารินทร์ใช่ไหม” เสียงซุบซิบจากแกงซ์สาวสายที่นั่งถัดไปไม่ไกลนักดังมาลอยเข้าหู ฝุ่นเหลือบไปมองก็เห็นว่าสามสาวนั้นกำลังมองปินอยู่ ทำท่าอึกอักและปรึกษากันอยู่สักพักก็เดินตรงมาหา
“ปินใช่ไหมคะ”
“ครับ” เจ้าตัวรับคำพร้อมรอยยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายได้ยินก็ส่งเสียงร้องเบาๆ จากนั้นจึงขอถ่ายรูปไปตามประสา
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อความใกล้ชิดนั้นก่อให้เกิดความรู้สึกรู้สึกร้อนๆ ในอก นอกจากทั้งสามจะสวยแล้วยังอยู่ในชุดบิกีนี่อวดส่วนเว้าส่วนโค้งส่วนดูมอย่างน่ามอง ขนาดฝุ่นเองยังชื่นชม แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ยิ้มแย้มให้อีกฝ่ายถ่ายรูปอยู่กัน
“ขอบคุณนะคะ พวกเราติดตามผลงานอยู่นะ”
“ขอบคุณครับ”
สามสาวเดินกลับไปนั่งที่เดิมแล้วแต่ความรู้สึกของฝุ่นยังคงไม่จางหาย ทั้งที่รู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีสิทธิ์รู้สึกอย่างนั้นทว่าก็ยังห้ามความรู้สึกไม่ได้จนต้องทำเป็นมองไปทางอื่น
“จะบ่ายโมงแล้ว แม่ว่าเราสั่งอะไรมาทานกันดีกว่า ฝุ่นทานอะไรดีลูก”
“อะไรก็ได้ครับ” ฝุ่นตอบแม่ของปินเสียงเบาพร้อมทั้งทำเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูนั่นดูนี่อย่างไม่อยากแสดงท่าทางอะไรออกไป
ท่าทางปั้นปึงเล็กๆ นั้นทำให้ปารินทร์ลอบยิ้มอยู่กับตัวเอง แม้กระทั่งนั่งทานมื้อเที่ยงด้วยกันฝุ่นก็ยังคงนิ่งเงียบ และยิ่งเงียบมากขึ้นเวลาที่มีคนสวยหรือน่ารักมาขอถ่ายรูปด้วย
“แม่รู้สึกเหนียวตัว อยากล้างหน้าล้างตาแล้วก็เข้าห้องน้ำสักหน่อย” ประภาหันไปพูดกับคนเป็นลูก
“เดี๋ยวปินเปิดห้องให้แม่อาบน้ำดีกว่า”
“จะเปิดห้องทำไม ห้องอาบน้ำก็มีอยู่เยอะแยะ”
“ไม่เป็นไรครับ ลูกแม่มีเงินเยอะ” คนเป็นแม่โคลงหัวไปมาอย่างอ่อนใจจากนั้นจึงหันไปชวนฝุ่นที่นั่งถ่ายรูปอยู่เงียบๆ
“เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำกันจ้ะ”
ฝุ่นเก็บโทรศัพท์ลงพลางพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินตามสองแม่ลูกไปยังห้องพัก ถึงจะมีความสงสัยเล็กๆ ว่าเปิดห้องพักทำไมเนื่องจากอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องกลับแล้วแต่ฝุ่นก็ไม่ได้ทักท้วงเพราะเป็นสิทธิ์ของปิน
“แม่ใช้ห้องนี้ เดี๋ยวปินใช้อีกห้อง”
ฝุ่นเม้มปากเมื่อไม่มีห้องสำหรับตัวเอง คิดเอาไว้ว่าเดี๋ยวคงต้องไปใช้บริการห้องน้ำบนเกาะ
“จ้ะ เสร็จแล้วเจอกันนะ”
“ครับ” ยามแม่เดินเข้าห้องแล้วปิดประตูลงปารินทร์ก็หันมาคว้าแขนคนข้างตัวทั้งยังออกแรงรั้งให้ก้าวตาม
“ปิน จะพาไปไหน”
คนถูกถามไม่ตอบแต่เดินไปไขกุญแจห้องถัดไปแล้วดึงร่างเล็กเข้าไปข้างใน ตามมาด้วยการปิดประตูลงและล็อกห้อง
“พาเข้าห้องมาทำไม” ฝุ่นถามขึ้นขณะที่อีกคนขยับขึ้นไปนั่งเอนหลังบนเตียงด้วยท่าทีสบายๆ
“ฝุ่นจะเข้าห้องน้ำก็ตามสบาย”
ปึง
ประตูห้องน้ำซึ่งถูกปิดลงด้วยท่าทางที่ดูจะเง้างอนนั้นทำให้ปินหลุดยิ้ม ก่อนมือหนาจะล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วพิมพ์ข้อความส่งไลน์ไปหาแม่
‘ขอบคุณครับ...รักแม่ที่สุดในโลก’ฝุ่นนั่งกอดอกมองคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์ด้วยความรอคอย ทว่าผ่านไปเกือบชั่วโมงปินก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุก ซ้ำยังขยับกายลงเหมือนเตรียมตัวจะนอนจนร่างเล็กรีบก้าวเข้าไปหา
“เมื่อไหร่จะออกไป”
“...”
“เรือรอบสุดท้ายมันหกโมงนะ”
“...”
“ปิน”
คิ้วคู่สวยขมวดมุ่นเมื่อคนบนเตียงไม่ตอบแถมยังพลิกตัวหนีราวกับรำคาญ เห็นท่าทางนั้นใจฝุ่นก็วูบไหว รวมกับภาพอิงแอบแนบชิดกับแฟนคลับสวยๆ ในติดอยู่ในหัวแล้วปลายจมูกจึงร้อนผ่าว
“ใจร้าย” ได้ยินเสียงสั่นเครือปินก็พลิกกายกลับ พอเห็นตาดวงโตแดงเรื่อก็ลุกขึ้นรั้งอีกคนให้นอนลงข้างกัน
“งอแงอะไร”
“...” คนถูกถามไม่ตอบ ทั้งที่ในใจรู้สึกอยากหนีแต่เมื่อถูกกอดร่างกายกลับขยับบดเบียดเข้าหาอีกคนอย่างไม่ฟังคำสั่ง
“ฝุ่นต้องง้อผมไม่ใช่เหรอ ทำไมกลายเป็นคนงอนเองล่ะ”
“...”
“พร้อมที่จะคุยเรื่องของเราหรือยัง”
“...คุยอะไร” ในที่สุดคนงอนยอมเปิดปากพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมอง
“ผมให้ฝุ่นกลับไปคิด สรุปว่าคิดแล้วหรือยัง”
ฝุ่นกัดริมฝีปาก ขณะความเง้างอนในใจเริ่มเบาบางลงยามเห็นความรู้สึกบางอย่างในดวงตาของปิน คล้ายกับจะเห็นเจ้าหมาตัวเดิมกลับมา
“ก็คิดตั้งแต่วันนั้นแล้ว...”
“งั้นบอกผมซิว่าต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นฝุ่นก็จะไม่ทิ้งผมไปอีก” ท่อนแขนแกร่งที่โอบอยู่รอบคนร่างเล็กกระชับแน่นขึ้น
“ไม่ได้ทิ้ง...แค่รอเวลาที่เหมาะสม” คนจากมาเอ่ยเสียงเบาด้วยความรู้สึกผิด
ฝุ่นรู้ดีว่ามันไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีนัก
“แล้วตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับฝุ่นหรือยัง”
“อื้ม” ฝุ่นตอบรับแล้วซบหน้าลงกับซอกคอแกร่ง เปลือกตาสีอ่อนหลับลงเพื่อกักเก็บความรู้สึกอบอุ่นนี้เอาไว้อย่างกลัวว่ามันจะหายไปในนาทีต่อไป
อ้อมกอดที่ทำได้เพียงคิดถึงตลอดมา...
“ยังรู้สึกเหมือนเดิมไหม”
“รักยังไงก็ยังอย่างนั้น คิดถึงทุกวินาที” คนฟังยกยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนปินจะกดจูบลงบนหัวเล็กแล้วเอ่ยคำที่ปลดล็อกทุกสิ่งระหว่างคนทั้งสอง
“ผมก็เหมือนกัน”
“ปิน...หายงอนแล้วนะ” เวลาผ่านไปเกือบห้านาทีฝุ่นจึงค่อยๆ ถามขึ้น วินาทีนี้ความงอนในใจตัวเองหลงเหลือเป็นเพียงเศษฝุ่นเล็กๆ
“หายก็ได้”
“ขอโทษที่ทำแบบนั้น ขอโทษที่ไม่บอก แต่เพราะไม่อยากทำให้ปินเดือดร้อนจริงๆ นะ”
“ผมเข้าใจแต่ก็ยังอดงอนไม่ได้ที่ฝุ่นไม่ปรึกษากัน...อย่างน้อยเราควรจะได้ติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ ไม่ใช่เงียบหายจากกันไปเลยแบบนี้”
ได้ฟังแล้วฝุ่นก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดน้อยเกินไปจริงๆ
“ขอบคุณที่ปินยังให้โอกาสกัน ครั้งนี้จะไม่ทิ้งไปไหนแล้ว...สัญญา”
ใบหน้าเล็กเงยขึ้นพร้อมทั้งชูนิ้วก้อยมาตรงหน้าให้ปินต้องหลุดยิ้ม หากแต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมดึงมือไปเกี่ยวนิ้วก้อยเล็กๆ นั้นเอาไว้
“ต่อให้ทิ้งก็ไม่ยอมหรอกครับ” ปินซบหน้าผากเข้ากับหน้าผากเนียน ปลายจมูกโด่งปัดป่ายคลอเคลียกับปลายจมูกเล็ก มือที่เกี่ยวนิ้วเข้าหากันเปลี่ยนเป็นสอดนิ้วประสาน
“ฝุ่นบอกว่าถ้าผมต้องการเมื่อไหร่ก็จะยอม แล้วถ้าผมต้องการตอนนี้ล่ะ?” ความร้อนวิ่งตรงมายังแก้มเนียนทั้งสองข้าง ประโยคบอกความต้องการตรงๆ นั้นทำให้ฝุ่นรู้สึกกระดากอาย ความใกล้ชิดที่ห่างหายไปเกือบสามปีส่งผลให้รู้สึกทั้งตื่นเต้นและขัดเขิน ในหัวเผลอจินตนาการไปถึงหลายสิ่งอย่าง
“...แต่คุณน้า”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมให้คนมารับแม่กลับแล้ว”
ปินยกยิ้มจากนั้นริมฝีปากได้รูปก็ทาบทับลงมาเป็นการเริ่มต้นสัมผัสที่ใจแสนโหยหา
TBC.
ใครที่คาดหวัง nc ตอนนี้บอกไว้ก่อนเลยค่ะว่าไม่มี555555
ตอนหน้าเป็นบทส่งท้าย ซึ่งจะเป็นตอนจบจริงๆ และสมบูรณ์กว่านี้
หมาปินไม่ได้ตั้งใจจะงอนจริงจังตั้งแต่แรก
เพราะฉะนั้นพี่ฝุ่นเลยได้ง้อพอเป็นพิธีนะคะ^^
คนรักกัน...จะแกล้งให้เสียใจนานๆคงทำไม่ลงเนอะ
แอบใจหาย แต่ทุกอย่างก็ต้องมีตอนจบ...
แล้ววันพุธหน้ามาส่งท้าย #secrecyลับรัก ไปด้วยกันนะคะ~
ปล. /ขอขายของ/ Secrecy ลับรัก จะวางขายที่งานหนังสือ
โดยออกกับ Deep Publishing
ฝากเล่มนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะคะ
แล้วก็โซแอลจะมีไปแจกของและแจกลายเซ็นที่บูธด้วย
ใครว่างก็ไปรับหมาปินกับพี่ฝุ่นกลับบ้านแล้วก็เจอกันน้า