นาฬิกาบนผนังบอกเวลาตีสอง ชายหนุ่มร่างบางหันไปมองก่อนที่จะหันหน้ากลับมาสนใจกับสิ่งของที่อยู่ในมือเขา
“ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าอันนี้ จะช่วยปัญหาหินปูนของดิฉันได้”เสียงทีวีที่เปิดไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา ตอนนี้มันกลับทำให้เขารำคาญอย่างบอกไม่ถูก เขาผลักตัวเองขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเดินไปปิดทีวี
ห้องนอนสีขาวขนาด 5x5 เมตร ที่รอบห้องมีแต่รูปถ่ายขาว-ดำติดเต็มไปหมด ตอนนี้กลับมืดลงเพราะแสงจากทีวีในห้องได้ถูกปิดลง ชายหนุ่มเจ้าของห้องเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของเขา ไฟจากโคมไฟสีขาวราคาแพงที่ซื้อมาจากตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ถูกเปิดขึ้น เขากลับไปสนใจสิ่งที่อยู่หน้าตัวเขาเหมือนเดิม เวลาเขาตั้งใจจะทำอะไรซักอย่าง เขาจะจดจ่อกับสิ่งนั้นเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่สนใจอย่างอื่นเลย
“ผมกลับมาแล้ว มากินข้าวกันเหอะ”
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันเถอะ เราไม่ค่อยได้ไปไหนด้วยกันมานานแล้ว ”
“วางกล้องซักนาทีจะได้มั๊ย นานๆทีจะได้อยู่ด้วยกัน”-----------
“ผมไม่ว่างพรุ่งนี้ผมต้องไปถ่ายรูปแต่เช้า ผมขอเตรียมของก่อน คุณกินไปเหอะ”
“ไม่ได้หรอก ผมอยากจะนอน นานๆทีผมจะได้หยุดนะ”
“คุณอยากให้ของที่คุณรักต้องห่างจากคุณรึเปล่าหล่ะ”ทุกถ้อยคำ ทุกน้ำเสียงของ เขา คนนั้น ชายหนุ่มยังจำได้ดีไม่มีวันลืม ถึงแม้เวลาจะผ่านมาปีกว่าๆแล้วก็ตาม เคยรึเปล่า? เวลาคนที่คุณรักถามอะไรคุณด้วยความเป็นห่วง แต่คุณกลับตอบไปอย่างไม่ใส่ใจ และคิดเสมอว่าทำไมเขาถึงได้ทำตัวน่ารำคาญขนาดนี้
เสียงตั้งเตือนที่เขาตั้งไว้ในมือถือดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาเพื่อกดดู
3th Anniversary
You & Me
หลังกดดูข้อความที่เขาตั้งเตือนเอาไว้ ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะบรรจงเขียนข้อความต่างๆลงในสมุดบันทึกเล่มหนาสีเทาดำอยากตั้งอกตั้งใจ
-----------
อืม…สามปีแล้วสินะที่เราคบกัน ตอนแรกไม่ว่าผมจะพูดยังไง คุณก็ยังไม่ยอมย้ายมาอยู่กับผมซักที คุณบอกว่าคุณกลัวสายตาคนอื่นจะมองไม่ดี ผู้ชายสองคนย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่ในที่สุดคุณก็ยอมผมจนได้ ผมดีใจมากเลยที่คุณยอมตกลงย้ายมาอยู่กับผม เราสองคนจะได้เริ่มชีวิตใหม่ด้วยกัน แม่ของคุณท่านคงเข้าใจ ส่วนผมเหรอ…พ่อแม่ผมเสียตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมเลยต้องมาอยู่กับป้าที่กรุงเทพ
“ฉันไม่ได้เลี้ยงให้แกโตมาเป็นตุ๊ด เป็นกะเทยนะ!!! แกออกไปเลย ฉันอายชาวบ้านชาวช่องเค้า มีลูกมีหลานเลี้ยงอีท่าไหนให้ผิดเพศแบบนี้”
นั่นเป็นคำพูดที่ผมได้รับ หลังจากผมตัดสินใจบอกเรื่องที่ผมเป็น เกย์ กับป้าที่เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก ผมไม่เคยคิดโกรธแกหรอก เป็นใครก็คงอาย ที่มีลูกมีหลานผิดเพศแบบนี้ ผมยังเคยคิดเลยว่าถ้าผมไม่ได้เป็นเกย์ ผมจะรับเรื่อง ชายรักชาย ได้รึเปล่า? เรื่องราวของผมมันช่างแตกต่างกับเรื่องของราวฟ้ากับเหว
คุณเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี แถมยังเป็นลูกชายคนเดียวอีกด้วย พ่อแม่จึงดูแลเอาใจใส่ และให้ความรักกับเขาเสมอมา ในวันที่เขาบอกกับพ่อแม่ว่าเขาเป็น เกย์ แม่เขาสวมกอดเขาและบอกกับเขาว่า “ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ลูกก็ยังเป็นลูกของแม่” ส่วนพ่อคุณก็ใช้เวลาทำใจอยู่พักใหญ่ ถึงจะทำใจได้
ผมกับเขาช่างต่างกันจริงๆ เหมือนเป็นสีขาวกับสีดำ
ผมจน…คุณรวย
ผมหน้าตาธรรมดา...คุณหน้าตาหล่อ
ผมเตี้ย…คุณสูง
ผมไม่แคร์สายตาชาวบ้าน…คุณแคร์สังคมยิ่งกว่าอะไรดี
ผมเพื่อนน้อย…คุณเพื่อนเยอะและที่สำคัญ
ผมไม่ได้รักคุณ…แต่คุณรักผมหมดหัวใจ ผมแค่ นึกสนุก เท่านั้นเอง…มันก็ตลกดีนะ ผมกับคุณได้เป็นแฟนกัน เพียงเพราะเหล้าขวดเดียวเท่านั้น ผมพนันกับเพื่อนผมว่า ถ้าผมจะจีบคุณได้ มันจะต้องเลี้ยงเหล้าผมขวดนึง คุณ - ผู้ชายที่เป็นที่หมายปองในบรรดาสาวแท้สาวเทียมทั้งมหาลัย ผมก็ไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นเกย์รึเปล่าในตอนแรก แต่หลังจากการสังเกตการณ์อยู่ 3 เดือน ทำให้ผมกล้ารับพนันเพื่อนผม
ผมใช้เวลา 2 ปีในการทำให้คุณเชื่อว่าผมรักคุณจริงๆ ตอนแรกคุณแทบจะไม่คุยกับผมซะด้วยซ้ำ หน้าผมคุณยังไม่มองเลย แต่ก็อย่างที่รู้ๆกันแหล่ะครับ ว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก…จากการเล่นพนันกับเพื่อนสนุกๆ กลับกลายเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ของผม ผมจะพิชิตใจคุณให้ได้!
และฟ้าก็เข้าข้างผมในวันสุดท้ายของชีวิตนักศึกษามหาลัย ผมกำลังนั่งรอคุณอยู่หลังตึกคณะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมกับคุณจะได้เจอกัน เพราะหลังจากนี้ไปแต่ละคนก็ต้องแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง ผมนัดคุณเพื่อจะเจอเป็นครั้งสุดท้าย โดยในใจผมตอนนั้นคิดแล้วหล่ะว่า ถ้าวันนี้ยังไม่สำเร็จก็คงต้องยอมแพ้จริงๆแล้ว
บรรยากาศเงียบสงัด เนื่องจากเป็นเวลาเกือบ 3 ทุ่มแล้ว ไฟในแต่ละตึกเริ่มถูกทยอยปิดลง จนเหลือแสงไฟอยู่เพียงเล็กน้อย ผมนั่งรอคุณโดยที่ไม่รู้เลยว่าคุณจะมารึเปล่า คุณผู้แสดงท่าทีว่ารำคาญผมมาตลอด 2 ปีที่ผมตามตื้อคุณ
คุณนะหรอ จะมาเจอผม…ผมมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนตัดสินใจลุกขึ้น เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมานั่งคอยคนที่แสดงท่าทางรังเกียจผมมาสองปีเต็มหรอก
“จะไปไหนหล่ะ?” ผมยังจำน้ำเสียงที่คุณเรียกผมไว้ได้ดี ไม่เคยลืมถึงแม้มันจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม คุณบอกว่าคุณตัดสินใจอยู่นานก่อนที่จะมาหาผม คุณบอกว่าคุณรู้แล้วหล่ะ ว่าผมคนเดียวที่รักคุณจริง คนที่เข้ามาหาคุณแต่ละคน ต่างเข้ามาเพราะ รูปร่าง หน้าตา ฐานะ ของคุณทั้งนั้น แต่ผมคนเดียวที่ไม่ได้มองแต่ของนอกกาย…คุณกลับหารู้ไม่ว่า ผมมองเหล้าขวดโตของเพื่อนผมตั้งหากหล่ะ
เราสองคนตัดสินใจเป็นแฟนกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
วันที่ 10 มิถุนายน 2542หลังจบการศึกษาผมประกอบอาชีพเป็นช่างภาพนิตยสารไร้ชื่อ ส่วนคุณดูแลธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก ซึ่งก็เป็นมรดกที่พ่อคุณทิ้งไว้ให้ก่อนจากไปไม่กี่เดือน
ผมขอให้คุณย้ายมาอยู่คอนโดกับผม คอนโดที่ผมหามาจากเงินน้ำพักน้ำแรงของผมเอง ผมต้องตื้อคุณเกือบสองเดือน กว่าคุณจะยอมตกลง โดยมีข้อแม้ว่าอาจจะมีบางวันที่คุณจะกลับบ้านไปอยู่กับแม่ ซึ่งผมก็เข้าใจและไม่ได้ว่าอะไรคุณ
เท่าที่ฟังมา อาจจะดูเหมือนผมรักคุณนะ แต่ความจริงแล้วผมก็แค่ เหงา เท่านั้นเองหล่ะ
ผมคบคุณเป็นแฟน เพราะอุตส่าห์ตามตื้อมาตั้ง 2 ปี จะให้ทิ้งไปเปล่าๆก็ใช่เรื่อง
ผมเอาใจใส่คุณ เพราะผมไม่มีใครที่ไหนให้เอาใจใส่
ผมอยากให้คุณนอนเตียงเดียวกัน เพราะผมไม่ชอบนอนคนเดียว
ผมบอกให้คุณกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน เพราะผมไม่ชอบกินข้าวคนเดียว
ผมแสดงท่าทีรักคุณ เพราะผมอยากให้คุณรักผมแต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้ว…เพราะคุณไม่อยู่แล้ว
ดับอนาถลูกชายคนเดียวเจ้าของธุรกิจส่งออกรายใหญ่!!
ลูกชายคนเดียวของตระกูล…..รถพลิกคว่ำหลังกลับจากเที่ยวพัทยา
ดูเป็นเหมือนเรื่องตลก แต่วันเกิดเหตุนั้นเป็นวันที่ 10 มิถุนายน 2544 เป็นวันครบรอบ 2 ปีของผมกับคุณพอดี แต่ผมกลับเอาแต่บอกคุณว่าผมไม่ว่าง ผมติดงานในวันนั้น คุณเลยขับรถไปเที่ยวพัทยาคนเดียวเพราะความน้อยใจของคุณ หรือเพราะความไม่เอาใจใส่ของผมกันแน่???
ก่อนหน้าที่คุณจะจากผมไป ผมละเลยคุณมากๆ
บางคืนผมก็ไม่กลับคอนโดเพราะต้องล้างรูปอยู่ที่สตูดิโอทั้งคืน
ผมลืมวันเกิดคุณ วันที่ 24 พฤษภาคม
ผมกินข้าวเย็นก่อนโดยที่ไม่รอคุณกลับมา
ผมเข้านอนก่อนคุณ ทั้งๆที่ผมเคยสัญญาว่าผมจะรอคุณกลับก่อน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่คุณจากผมไป ผมกลับเอาใจใส่คุณมากขึ้น
ผมรีบดิ่งกลับคอนโดเร็วทุกวัน เพราะหวังใจว่าคุณกำลังรอผมอยู่
ผมซื้อเค้กรสส้มของโปรดคุณ พร้อมกับรองเท้ากีฬาที่คุณบ่นหนักบ่นหนาว่าอยากได้เป็นของขวัญวันเกิด
ผมไม่กินข้าวเย็น เพราะผมรอคุณกลับมา
ผมไม่นอนกลางคืน เพราะผมรอคุณกลับมาแต่ผมรู้แล้วว่าไม่มีทางที่คุณจะกลับมาหาผม ต่อให้ผมใส่ใจคุณมากเพียงใด
ถึงแม้ในตอนนี้ ผมรู้ตัวแล้วว่าผมรักคุณมากแค่ไหน
วันนี้เป็นวันที่ 10 มิถุนายน 2545 ซึ่งเป็นครบรอบ 3 ปีของผมกับคุณพอดี
ผมได้ตัดสินใจแล้ว…ว่าผมจะต้องก้าวต่อไป
รูปถ่ายขาว-ดำของคุณที่ผมถ่ายไว้ ที่ผมติดไว้ทั่วห้องนอน วันนี้มันจะอยู่บนผนังเป็นวันสุดท้าย
เค้กรสส้มที่ผมเก็บไว้ ก็เป็นวันสุดท้ายที่มันจะได้อยู่ในตู้เย็น
รองเท้ากีฬาที่คุณอยากได้ ผมก็เอามันมาใส่แล้ว ถึงแม้มันจะหลวมไปหน่อยก็ตาม
-----------
หนุ่มร่างบางปิดสมุดบันทึกที่เขาได้ตั้งใจเขียนอยู่หลายชั่วโมง เขาลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแล้วค่อยๆแกะรูปภาพที่ติดอยู่เต็มฝาผนัง รูปของชายอันเป็นที่รักของเขา เขาดึงมันออกแล้วรูปแล้วรูปเล่า จนผนังห้องตอนนี้กลับมามีสีขาวสดใสเหมือนวันที่เขาย้ายเข้ามาใหม่ๆ เขาเดินไปหยิบเค้กรสส้มขนาด 3 ปอนด์มาจากตู้เย็น
เขาค่อยๆจัดของทุกอย่างใส่ลงกระเป๋าเป้สะพายสีดำใบโต รูปถ่ายขาว-ดำเอย เสื้อผ้าเอย เค้กรสส้มเอย แต่ของต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะ เพราะของชิ้นสุดท้ายที่เขากำลังหยิบใส่ลงไป คือ กล้องถ่ายรูปตัวโปรดของเขา
“หึหึ ไม่สิ เราเอาเจ้ากล้องตัวนี้ไปด้วยไม่ได้”เขาวางกล้องตัวโปรดไว้ข้างๆโต๊ะทำงาน มือเรียวค่อยๆยื่นไปปิดไฟจากโคมไฟสีขาว เขาเดินมาส่องกระจกอีกครั้งก่อนยกเป้ขึ้นสะพาย เพื่อให้มั่นใจว่าเขาดูดีที่สุดแล้ว เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว พร้อมกับกางเกงยีนส์ตัวเก่ง ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้ากีฬาที่ดูหลวมเกินไปสำหรับขนาดเท้าของเขา เขายิ้มให้กระจก 1 ที ก่อนตัดสินใจเดินออกไปที่ระเบียง
คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด แต่ที่สว่างไสวอยู่ในตอนนี้กลับเป็นแสงของแหล่งบันเทิงเริงรมย์ที่อยู่ย่านนั้น ชายหนุ่มยืดอกเพื่อสูดอากาศหายใจให้เต็มปอด เขานึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ปิดประตูบานเลื่อนเลย…เอ๊ะ ไม่สิ เราอยู่สูงขนาดนี้คงไม่มียุงที่ไหนบินขึ้นมาหรอก แหม เรานี่โง่จริง เขาหัวเราะให้กับความโง่ของตัวเอง
ก่อนตัดสินใจทิ้งตัวลงจากคอนโดสูง 36 ชั้น….