วันที่ 16อาหารบนโต๊ะล้วนเป็นของโปรดของต้นกล้า......
หญิงสาววัยกลางคนในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังหันหลังสาละวนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ครัว และเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หล่อนก็รีบเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนและหันมายิ้มให้ลูกชายที่เพิ่งเดินลงมาอย่างรักใคร่ อาหารประเภทผัดอีกจานซึ่งส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ถูกยกนำมาตั้งเอาไว้บนโต๊ะกินข้าวอีกหนึ่งเมนู
“แม่โทรบอกเพื่อนแล้วนะจ๊ะ.....แม่คงไม่ไปทำงานพิเศษอีกแล้ว ต่อไปนี้แม่จะให้เวลากับต้นกล้าเต็มที่ จะเป็นแม่ที่ดีอย่างที่หนูอยากให้เป็นยังไงล่ะ.....ทานข้าวสิจ๊ะ แม่ทำของโปรดหนูเอาไว้ทั้งนั้นเลย มีปลาทูต้มมะดันที่หนูชอบกินด้วยนะลูก.....”
“ผมจะรีบไปทำธุระน่ะ”
“ทำธุระ....ธุระงั้นเหรอ....เอ่อ....ธุระอะไรเหรอจ๊ะ.....จริงสินะ หนูกล้าของแม่โตเป็นหนุ่มแล้ว คงมีเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้แม่วุ่นวานใช่ไหม งั้นไม่ต้องบอกก็ได้จ้ะ แม่เข้าใจ ทานข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยไปสิจ๊ะคนเก่ง”
“ผมไม่ค่อยหิวน่ะครับ”
เด็กหนุ่มมองอาหารบนโต๊ะ และจ้องมองแม่ของเขาด้วยสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึก ริมฝีปากบางเฉียบค่อย ๆเคลื่อนไหวน้อย ๆ ก่อนจะเปล่งคำพูดร้ายกาจ ที่ทำร้ายหัวใจคนฟังจนแทบไม่มีดี
“ทำไมถึงอยากให้ผมกินนักล่ะครับ.......แม่ใส่อะไรลงไปในนั้นงั้นเหรอ”
เด็กหนุ่มไม่เสียเวลาหยุดเพื่อมองดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ หลังจากที่พูดจบ ต้นกล้าก็เปิดประตูแล้วก้าวขาออกไปจากบ้านอย่างไม่ลังเล เสียงประตูปิดตามหลังอย่างเบามือนั้นกลบเสียงสะอื้นไห้ของผู้เป็นแม่จนหมดสิ้น
ความเจ็บปวดที่สุด
คือการที่ไม่มีใครไว้ใจเราอีกแล้ว
โดยเฉพาะสำหรับพร.....หญิงวัยกลางคนผู้แสนอาภัพ
เธอเหลือคนที่เธอรักมากที่สุดเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือต้นกล้า
“ต้นกล้า.....ฮือออ.....ลูกแม่......แม่ขอโทษ.....ขอ....โทษจริงๆ”
“กล้ามาแล้ว.......มาหาโจ๊กแล้ว”
ไอ้โจ๊กกำลังรอเขาด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง เด็กหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นอย่างจริงจังก็วันนี้ ไม่ใช่แค่ร่างกายของมันหรอกที่โต แต่รวมไปถึงสมองและพัฒนาการทางด้านอารมณ์ความรู้สึกด้วย หากเทียบกับมนุษย์ มันก็น่าจะอยู่ในช่วงวัยที่ไล่เลี่ยกันกับเขา....
หรือโตกว่า.....
“มึงโตเป็นหนุ่มแล้วนะโจ๊ก.....พูดชัดแล้วก็พูดรู้เรื่องขึ้นตั้งเยอะ แถมเสียงมึงก็ฟังดูน่าเกรงขามสมตัวดี.....”
“เกรงขามคืออะไรเหรอกล้า”
“เกรงขามก็คือเกรงขามไงโจ๊ก.....คือการมีพลังอำนาจ สามารถทำให้ใครหน้าไหนยอมสยบอยู่แทบเท้า งงใช่ไหม งั้นอธิบายง่าย ๆ คือมึงทำให้พวกมนุษย์กลัวได้อย่างสมบูรณ์แบบยังไงล่ะวะ”
ไอ้โจ๊กไม่รู้สึกดีใจกับคำชมของเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย มันชอบให้ต้นกล้าบอกว่ามัน
‘เก่ง’ หรือ
‘ฉลาด’ มากกว่า
“แล้วกล้ากลัวโจ๊กไหม.....โจ๊กคงเสียใจถ้ากล้ากลัว....”
“เฮ้ย.....กูไม่กลัวมึงหรอกโจ๊ก......มึงรู้ไหม นอกจากลูกเต๋าแล้ว ก็มีแค่มึงที่กูไว้ใจ บางครั้งกูก็รู้สึกว่ามึงเป็นเหมือนน้องชายของกู หึหึ....โจ๊ก.....คนที่ยืนข้างกูน่ะ ตอนนี้เหลือแค่สองคนแล้วนะ แค่ลูกเต๋ากับมึงเท่านั้นนะโจ๊ก”
ต้นกล้าไม่เหมือนต้นกล้าคนเดิมที่ไอ้โจ๊กรู้จัก แววตาของเด็กหนุ่มนั้นว่างเปล่าอย่างน่าใจหาย น้ำเสียงและท่าทางที่เคยใช้กับมันก็เปลี่ยนไป ไอ้โจ๊กอยากกับไปตัวกระเปี๊ยกเหมือนแต่ก่อน มันชอบเวลาที่ต้นกล้าแสดงท่าทางเอ็นดูมัน ลูบหัวของมัน หยิกแก้มห้อย ๆทั้งสองข้างของมัน ซึ่งตอนนี้โครงหน้าแบบนั้นไม่เหลือเค้าอีกต่อไปแล้ว ตัวของมันในตอนนี้ก็โตเกินกว่าจะวิ่งเล่นซุกซน หรือทำท่าทางน่ารักกลิ้งเกลือกไปมา จะขยับไปทางไหนก็น่าอึดอัดไปเสียหมด
หากว่าห้องนอนของต้นกล้าในวันแรกที่มันออกมาจากกล่องนั้น คือโลกที่เคยดูกว้างสำหรับมัน ทว่าในวันนี้ ในห้องแคบ ๆ แบบนี้มันช่างน่าอึดอัดสิ้นดี
ไอ้โจ๊กไม่อยากจะเป็นหรอก....สุดยอดปิศาจที่ผู้คนเกรงขาม
ไม่อยากจะโตขึ้นเรื่อย ๆแบบนี้
สิ่งที่มันต้องการ.....แค่เป็นเหมือนต้นกล้า
เป็นมนุษย์.....
ต้นกล้าจะได้รักมันอย่างที่มนุษย์พึงจะรัก ไม่ใช่ในสภาพแบบนี้
แต่สัตว์ประหลาดอย่างมันไม่ควรหวังสูงใช่ไหม
อยู่ในที่ที่ควรอยู่ ในที่ซ่อนที่จะไม่มีใครมาเห็น ในโลกที่มีเพียงมันกับต้นกล้า กลิ่นคาวและเหม็นเน่าของซากศพ ซึ่งเป็นอาหารของมัน
รอคอยให้เด็กหนุ่มแวะมาหา พร้อมกับเศษเสี้ยวความรักเพียงแค่เล็กน้อย เทียบเท่ากับละอองธุลีในอากาศ
มันควรพอใจเพียงแค่นี้
เพราะถ้าหากว่ามันต้องการมากกว่านี้
รบเร้าและเรียกร้อง
ต้นกล้าอาจจะไม่มาหามันอีกเลย
“เจ็บหลังจัง.....กิ๊”
“ไหนขอกูดูหน่อยสิโจ๊ก”
สิ่งแปลกปลอมตรงสะบักหลังของมันทั้งสองข้างที่ต้นกล้าเคยเห็นเมื่อวันก่อน มาวันนี้เจ้าสิ่งนั้นเติบโตขึ้น โดยที่ตรงส่วนปลายของมันนั้นมีลักษณะเป็นกระดูกแหลมคล้ายเขาสัตว์ ส่วนตรงฐานนั้นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว และพอเด็กหนุ่มเผลอเอามือไปสัมผัสมันเข้า ไอ้โจ๊กก็ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างเจ็บปวด ต้นกล้าสะดุ้งและชักมือกลับด้วยความตกใจ ถึงแถวนี้จะไม่ค่อยมีคนอาศัยอยู่เยอะอย่างในตัวเมือง แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย
“กรรรรรรรรร์”
“เจ็บเหรอ”
“กิ๊”
"กูขอโทษนะ....กูจะไม่ถูกมันอีก....."
"ไม่เป็นไร....บางทีมันก็ไม่เจ็บ.....แต่ตอนนี้โจ๊กเจ็บ....กิ๊"
คงเพราะเจ้าสิ่งนั้นกำลังเติบโต.....แทงทะลุผิวหนังของมันออกมา ผิวหนังบริเวณนั้นก็ตึงเสียจนเห็นเส้นเลือด ไอ้โจ๊กคงเจ็บทุกครั้งที่เจ้าสิ่งนั้นงอกยาวออกมาเรื่อย ๆ
แหงล่ะ....ในเมื่อร่างกายของมันเติบโตรวดเร็วเพียงนี้
“มาช่วยกันติดหลอดไฟดีกว่าไอ้โจ๊ก.....ตอนนี้เรามีเครื่องปั่นไฟแล้ว ตอนกลางคืนมึงจะได้ไม่ต้องนอนมืด ๆ.....คืนนี้กูเองก็จะนอนค้างกับมึงด้วย”
“จริงนะกล้า.....กล้าจะค้างกับโจ๊ก.....อยู่กับโจ๊ก.....นอนกับโจ๊กตัวเล็ก” มันหันกลับไปอุ้มตุ๊กตาอีทีหน้าตาประหลาดที่เขาซื้อให้ พูดคุยกับตุ๊กตาอย่างดีใจ ความเจ็บปวดทรมานเมื่อครู่ที่ผ่านมาดูหายเป็นปลิดทิ้ง มันตั้งชื่อเจ้าตุ๊กตาว่า
“โจ๊กตัวเล็ก” ต้นกล้าอดหัวเราะในความใสซื่อของมันไม่ได้ เขาเดินเข้าไปหามัน โอบกอดมันเอาไว้ ไอ้โจ๊กทั้งตกใจและดีใจ มันเอาแต่ยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน
“มึงชอบให้กูกอดใช่ไหม”
“กิ๊”
“มึงหิวหรือเปล่าโจ๊ก.....มึงกินจนไม่เหลืออะไรแล้วนี่นะ.....อดทนเอาไว้ก่อน พรุ่งนี้มึงได้กินแน่ ๆ”
“โจ๊กจะอดทน....อดทนอย่างที่กล้าสั่ง กล้าจะได้รักโจ๊ก
เยอะ...เย๊อะ”
“ห่า....เดี๋ยวนี้ทำเสียงสูงก็เป็น”
“โจ๊กโตเป็นหนุ่มแล้ว”
"แต่บางทีมึงก็เหมือนเด็ก.....แต่ถ้าเทียบกับการที่มึงโตมาขนาดนี้ในเวลาเพียงแค่สิบกว่าวัน.....โอเค.....มึงเป็นหนุ่ม กูไม่เถียง"
"กล้าพูดเร็ว....โจ๊กไม่เค้าไจ่"
“หึหึ....ไอ้โจ๊กเอ๊ย นี่ถ้ามึงกินอาหารอย่างคนได้ก็ดีสินะ....ถ้ามึงโตช้ากว่านี้......บางทีชีวิตของมึงกับกูอาจจะง่ายกว่านี้.....”
น้ำเสียงคนเด็กหนุ่มทั้งเศร้าและรู้สึกผิดจนไอ้โจ๊กรู้สึกใจหาย เพราะแบบนี้หรือเปล่า ต้นกล้าถึงได้เหนื่อย อาหารที่มันกินเด็กหนุ่มล้วนเป็นคนหามาให้ถึงที่ หากไม่ใช่เพราะความหิวกระหายในเลือดเนื้ออย่างไม่มีวันสิ้นสุด อันเป็นสิ่งที่ติดตัวมันมาตั้งแต่เกิด สัตว์ประหลาดอย่างมันคงจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ง่ายกว่านี้
ไอ้โจ๊กไม่อยากเป็นภาระ
มันอยากช่วยต้นกล้ากำจัดคนพวกนั้น...คนที่ทำให้ต้นกล้าไม่มีความสุข มันคงจะดีกว่านี้ หากสิ่งที่มันทำ ไม่ใช่เพื่อสนองความหิวโหยของตัวมันเองด้วย
แต่เป็นสิ่งที่ทำเพราะว่าความรักล้วน ๆ
ต้นกล้าอาจจะมองมันด้วยสายตาอย่างอื่นบ้างก็ได้นะ
“มึงเปล่าทำให้กูลำบากหรอกโจ๊ก อย่าเป็นกังวลไปเลย ยังไงเสียกูก็ต้องฆ่าคนพวกนี้อยู่ดี แต่ที่กูเป็นห่วงคือมึงต่างหากเล่า หากหมดพวกไอ้เสือไปแล้วกูจะทำอย่างไรกับอาหารของมึง ให้กูไปฆ่าคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ กูทำไม่ลงหรอกโจ๊กเอ๊ยยยย....”
“โจ๊กอดทนได้......กินเนื้อที่กล้าหามาให้ก็อยู่ได้”
“ไม่จริงหรอกโจ๊ก.....มึงอยู่ไม่ได้หรอก.....เราต่างก็รู้ว่ามึงต้องการมากกว่านั้น.....”
“มานี่มา.....มาดูอะไรนี่”
หลังจากเปลี่ยนดวงไฟจนเสร็จ ต้นกล้าก็เรียกมันให้มาดูอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มหยิบแท็บเล็ตออกมาจากกระเป๋าเป้พร้อมกับนมและขนมปังซึ่งเขาตั้งใจจะกินเป็นมื้อกลางวัน
“แมว....กิ๊”
ไอ้โจ๊กทั้งตื่นเต้นและดีใจที่ได้เห็นเจ้าแมวสีเทาอีกครั้ง ถึงจะเจอกันเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แค่สองสามครั้ง มันก็จดจำและรู้สึกผูกพันกับเจ้าแมวตัวนี้ คงเพราะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงเชื่อมพวกมันเข้าไว้ด้วยกัน
“ทำไมแมวไปอยู่ในนั้นล่ะกิ๊.....แมวน่ารัก.....โจ๊กรักแมวกิ๊”
“มึงคิดถึงมันไหมไอ้โจ๊ก”
“คิดถึง”
“อยากเจอใช่ไหม”
“อยาก....”
“งั้นมึงก็ต้องออกไปข้างนอก.....อย่าเอาแต่ซ่อนในนี้ มึงต้องหัดล่าเหยื่อด้วยตัวเอง มันอาจจะยากตรงที่มึงต้องระวังอย่าให้ใครเห็น ไม่อย่างนั้นล่ะเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ”
“โจ๊กไม่อยากฆ่าคนกิ๊......ฆ่าคนไม่ดี....แต่โจ๊กก็ต้องกิน......กล้าต้องช่วยนะ....ช่วยโจ๊ก”
ไอ้โจ๊กไม่ได้รู้สึกดีกับการฆ่านักหรอก ถึงจะเป็นคนที่กล้าอยากให้ตาย แต่วาระสุดท้าย คนเหล่านั้นต่างก็ดิ้นรนเอาชีวิตรอดน่าน่าเวทนา จนกระทั่งมันโตขึ้น ไอ้โจ๊กถึงได้เข้าใจ....
ว่านั่นคือความสงสาร.....
ถึงจะเป็นสัตว์ประหลาดที่ดูน่ากลัว....
แต่สัตว์ประหลาดอย่างมันก็มีหัวใจนะ....
“มีฟาร์มหมู....แล้วก็ฟาร์มไก่.....มึงไม่จำเป็นต้องกินแต่เนื้อมนุษย์นี่จริงไหม.....”
“คนพวกนั้นไม่ดีกับกล้าถึงตาย.....แต่คนอื่นดี....โจ๊กฆ่าได้เหรอ”
“มึงต้องกินเพื่อความอยู่รอด.....ไม่ผิดหรอก หมูกับไก่ยังไงก็ต้องตายอยู่แล้ว เป็นอาหารให้พวกมนุษย์ยังไงล่ะ มนุษย์เองก็ไม่ได้ดีนักหรอก มันก็เหี้ยทั้งหมดนั่นแหละ”
“แต่กล้าดีกับโจ๊ก.....กล้ารักโจ๊ก”
“หึ....กูไม่ใช่คนดีหรอก.....กูมันเลวเสียด้วยซ้ำ.....ถ้ามึงคิดจะฆ่ากู....ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม กูไม่โกรธมึงเลย....โจ๊ก”
“โจ๊กไม่ทำแบบนั้น....โจ๊กไม่มีวันทรยศกล้า.....กิ๊”
เด็กหนุ่มโผเข้ากอดมัน และมันก็กอดเขา ต้นกล้ารู้สึกได้ถึงสัมผัสที่แสนอบอุ่น กับลูกเต๋า....เขาเองเป็นฝ่ายที่อยากจะปกป้อง จนบางครั้งเขาเองก็ลืมไปว่าตัวเขานั้นไม่ได้เข้มแข็งอะไร เขาเองก็อยากได้อ้อมกอดจากใครสักคนเหมือนกัน
น่าขำสิ้นดีที่ในตอนนี้เขากลับตกอยู่ในอ้อมกอดของมัน.....อ้อมกอดของไอ้โจ๊ก....สัตว์ประหลาดแสนรู้
มนุษย์แบบไหนกันที่ถูกสัตว์ประหลาดกอด....
เขาคงจะไม่เหลือใครแล้วจริง ๆนั่นแหละ
“พรุ่งนี้กูจะพามึงออกไปล่าเหยื่อ.....มันจะไม่ง่ายเหมือนทุกครั้งแล้ว....มึงพร้อมจะสู้ไปกับกูใช่ไหม”
“กล้าสั่งโจ๊กได้เลย โจ๊กจะทำตามที่สั่งทุกอย่าง.......ที่รักของโจ๊ก”
“อ่ะ.....ไอ้โจ๊ก”
ที่รัก.....อย่างนั้นน่ะหรือ....
สัมผัสของมันอ่อนโยนกว่าที่คิด
สุ้มเสียงของมันเมื่อครู่ก็ฟังดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ลมหายใจอุ่น ๆของมันที่กระซิบถ้อยคำเหล่านั้นข้าง ๆหูของเขา ทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวจนใบหน้าขาวซีดนั้นแดงระเรื่อไปหมด ไม่เคยถูกมันกระซิบข้างหูแบบนี้มาก่อน มิหนำซ้ำเขายังอยู่ในอ้อมกอดของมันอีกด้วยสิ!!!
“ลองกินขนมปังดูมั่งมั้ย?” ต้นกล้าพยายามสลัดความรู้สึกแปลก ๆเหล่านั้นออกไป เขาบิขนมปังเนยสดป้อนใส่ปาก ไอ้โจ๊กเคี้ยวไปได้ไม่เท่าไหร่ก็คายทิ้ง
“แหวะ.....ไม่อร่อย.....กิ๊”
“ห่า.....อย่าคายทิ้งสิวะเสียของ”
ค่ำคืนนี้.....ห้องร้างในโรงงานที่ปิดตายนั้น ดูสว่างไสวกว่าที่เคย
แสงสีส้มนวลสวย ส่องกระทบใบหน้าของต้นกล้ายามหลับ
ไอ้โจ๊กค่อย ๆใช้นิ้วของมันเกลี่ยแก้มนุ่ม ๆนั้นอย่างอ่อนโยนและเบามือที่สุด
ต้นกล้าที่กำลังหน้ามุ่ย ย่นจมูกหายใจฟุดฟิด น่ารักเสียจนหัวใจของเจ้าสัตว์ประหลาดเต้นไม่เป็นจังหวะ
วันนี้คงเป็นวันที่ไอ้โจ๊กนั้นมีความสุขที่สุด
ทำไมน่ะหรือ?
หากจะบอกว่าเป็นเพราะคืนนี้....ต้นกล้ามานอนค้างกับมัน.....
นั่นยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องหรอกนะ.
.
.
.
To be com
เพิ่งวางโครงเรื่อง(แบบละเอียด-วันต่อวัน)จนถึงวันสุดท้ายเสร็จแล้ว แอบใจหายที่อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะจบ อีกแค่เพียงสิบสี่ตอนเท่านั้น ช่วยลุ้นกันจนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของน้องด้วยนะคะ