สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ  (อ่าน 97058 ครั้ง)

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.7 (14/08/2560)
«ตอบ #210 เมื่อ14-08-2017 06:37:47 »



สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung 0209

File : 21

















‘นางอัปสรย่างเยื้องตามคำร้องปี่พาทย์กลองกึกก้องสวนพฤกษา ศุกราผู้เป็นเลิศด้านคีตาร่วมเข้ามาดีดพิณเป็นทำนอง เหล่ารัมภาเปลี่ยนท่าร่ายรำช่างงามล้ำเป็นหนึ่งไม่มีสอง ทั้งยกกรยกบาทตามครรลองใครได้มองล้วนหลงใหลใคร่ดูชม’

หลายวันก่อนหน้านี้

‘พระศุกร์’ องค์ปัจจุบันนี้ผู้ชำนาญด้านคีตศิลป์ แต่อุปนิสัยส่วนตัวนั้นก็เจ้าสำราญมิต่างจากพระศุกร์องค์ก่อน บ่อยครั้งเมื่อว่างจากภารกิจพระศุกร์ก็มักจะหาความสุขจากการเล่นเครื่องดนตรีเสมอมาโดยเฉพาะเมื่อมีสหายคนสนิทอย่างพระอังคารมาเยี่ยมเยือนด้วยแล้ว เทวากายทรงเลื่อมประภัทสรก็เลือกเล่นพิณทองต้อนรับ ปลายดัชนีดีดสายพิณพร้อมเปล่งเสียงขับขานสร้างความสุขให้กับพระอังคารได้อย่างดี

“ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนับร้อยนับพันปีพระศุกร์สหายข้า…ยังคงเล่นดนตรีและขับร้องได้ไพเราะจับใจ” พระอังคารสหายคนสนิทของพระศุกร์กล่าวชม

“ข้าเห็นว่าท่านมาหาข้าถึงวิมานทองนี้ ข้าจึงเล่นเต็มที่สุดความสามารถหากเล่นไม่ดีข้าเกรงว่าสหายรักจะไปพูดติฉินนินทาลับหลังว่าข้านี้ฝีมือตกไปมาโข ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พระศุกร์สรวลลั่นพลอยให้พระอังคารนั้นแย้มสรวลตามไปด้วย

“ต่อให้ท่านหลับตาบรรเลง ข้านี้ก็เชื่อเหลือเกินว่ายังไพเราะไม่เปลี่ยนแปลง” พระอังคารเอ่ยชมก่อนจะยกจอกน้ำจันขึ้นมาดื่ม

“พระศุกร์ข้ามีเรื่องจะกราบเรียนท่าน...” ในขณะที่หาความสุขสำราญในยามว่างท่ามกลางสวนบุปผชาติ ทหารผู้เฝ้าบันไดหน้าวิมานก็วิ่งเข้ามานั่งหมอบอยู่ตรงหน้าเทพผู้เป็นใหญ่แล้วกล่าวรายงาน

“มีเรื่องอันใดข้าบอกไว้ก่อนหากเรื่องที่เจ้านำมาบอกข้าหาได้สลักสำคัญข้าจะลงโทษเจ้าที่เจ้านั้นบังอาจขัดความสุขของข้า” พระศุกร์เอ่ยสุรเสียงบ่งบอกว่าไม่พอใจยิ่งนัก

“หาไม่ได้ คือว่าบัดนี้…พระสมุทรกนธีมาขอเข้าพบท่าน แล้วเพลานี้พระสมุทรกนธีนั้นก็กำลังรออยู่ที่หน้าวิมาน...”

“ท่านกนธีมาที่นี่อย่างนั้นหรือ...จักรอช้าอยู่ไยเล่า พระอังคารเราต้องรีบไปเชิญท่านกนธีให้เข้ามาเสียบัดนี้...” แม้เทพทั้งสองจะแปลกใจกับการมาเยือนของพระสมุทร แต่พระศุกร์ก็รีบวางเครื่องดนตรีแล้วก็ชักชวนพระอังคารให้ออกจากพลับพลากลางสวน ให้ไปเข้าเฝ้าตอนรับเทพผู้เป็นใหญ่กว่าตนมาเยี่ยมเยือนถึงวิมาน

“ท่านกนธีเชิญประทับก่อนเถิด...” วรกายใหญ่ของเทพแห่งท้องสมุทรก็เข้ามาที่พลับพลากลางสวน พระศุกร์ก็รีบเชิญกนธีให้มาประทับที่แท่นศิลา แล้วรินน้ำจันให้ตามธรรมเนียม

“ขอบน้ำใจท่านมาก...จักเป็นการช้าหากมิพูดให้ตรงเรื่อง อันที่จริงแล้วที่ข้ามาหาท่านในวันนี้นั้นมิใช่จะมาหาความสนุกสุขสำราญดอก แต่ข้านี้มีเรื่องจักรบกวนให้ท่านช่วยเหลือเสียหน่อย...” ทันทีที่ประทับแท่น กนธีก็ไม่รีรอบอกจุดประสงค์ที่มาหาพระศุกร์ในทันที

“เรียนพระสมุทร หากท่านกนธีมีธุระด้วยเจรจากับพระศุกร์ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอตัวออกไปก่อนจะดีกว่า...” พระอังคารที่เห็นว่ากนธีมีเรื่องจะหารือกับสหายเก่าก็เอ่ยลา

“ช้าก่อนพระอังคารไหนๆ ท่านก็อยู่แล้ว ก็ขอให้ท่านร่วมช่วยสดับฟังสิ่งที่ข้าจะเอ่ยต่อไปนี้ด้วยเถิด” พระอังคารจึงจำต้องนั่งลงเช่นเดิม พระศุกร์เองเมื่อเห็นท่าทีของกนธีก็รู้โดยทันทีว่าเรื่องที่อีกฝ่ายจะปรึกษานั้นสำคัญมากเพียงใดมิเช่นนั้นคงไม่ออกจากวิมานสีครามขึ้นมาหาตน ณ วิมานทองนี้ได้ด้วยเหตุนี้พระศุกร์จึงได้ไล่ให้นางอัปสรรวมถึงเทวาดาที่มาร่วมวงปี่พาทย์ให้ออกไปนอกสวนบุปผาชาติจนหมด ก็จะเหลือเพียงพระสมุทร ตนและพระอังคารเท่านั้น

“ณ ที่แห่งนี้หามีผู้ใดแล้ว เชิญท่านกนธีเอ่ยมาเถิดว่าจะให้ข้านั้นช่วยเหลือการอันใด” พระศุกร์กล่าวนำถามการสำคัญที่กนธีหมายไหว้วาน

“ท่านยังจำชลันธรหลานชายของข้าได้หรือไม่...” กนธีเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการกล่าวถึงอดีตพระสมุทรชลันธรผู้มีศักดิ์เป็นหลานทันที  พระศุกร์ได้ยินนามที่ตรึงใจนี้ก็กระตือรือร้นจนผิดวิสัย ใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าพระศุกร์นี้มีใจให้กับอดีตเทพแห่งมหาสมุทร

“ชลันธรหลานท่านน่ะหรือ...ข้าจำได้ดีทั้งยังได้ดี...ซ้ำยังได้พบเจอกันเมื่อไม่นานมานี้ที่ป่ากันติทัตอีกด้วย...”

“ถ้าเยี่ยงนั้นท่านก็คงจะรู้แล้วว่าบัดนี้เทพนภนต์นั้น...คอยดูแลชลันธรอยู่...”

“ใช่ข้ารู้...ว่าแต่มีเหตุอันใดหรือท่านกนธี จึงได้ถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้...”

“ข้าขอพูดตามตรง...ข้านั้นมิวางใจเทพนภนต์เลยแม้แต่น้อย ด้วยเป็นผู้จับหลานข้าเป็นนักโทษจนต้องทัณฑ์เทวาถูกสาปให้ตายด้วยพิษสารพัดเวียนว่ายตายเกิดอย่างทรมานยังโลกมนุษย์ หากแต่ข้ากลับไม่เข้าใจไยพระผู้สร้างกลับให้เทพนภนต์ดูแลชลันธร…ปล่อยให้อยู่กับนภนต์แบบนั้น...ข้าเป็นห่วงชลันธรยิ่งนัก” กนธีแสร้งเอ่ยเสียงเศร้า พักตราดูอิดโรยเมื่อพูดถึงหลาน เทพพระศุกร์พอได้ฟังเรื่องราวก็เข้าใจหัวอกผู้เป็นพระปิตุลา และตนเองก็ได้เห็นเทพนภนต์แสดงพฤติกรรมไม่ดีกับชลันธรมาแล้วเมื่อคราก่อน ด้วยก็นึกเป็นห่วงชลันธรอยู่ไม่น้อย...จิตใจพระศุกร์เริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาในทันที

“เยี่ยงนี้แล้ว...ข้าจึงได้มาพบท่านเพื่อให้ท่านนั้นเป็นผู้ชิงตัวชลันธรและเป็นผู้ดูแลแทน” กนธีพูดจบแล้วยิ้มให้พระศุกร์

“เหตุใดท่านกนธีจึงมิชิงตัวอดีตพระสมุทรมาเสียเองเล่า ยิ่งท่านมีศักดิ์เป็นพระปิตุลาด้วยแล้ว ไหนเลยชลันธรคงเลือกมาอยู่กับท่านเป็นแน่แท้...” พระอังคารที่นั่งเงียบฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น

“ข้าเองก็อยากทำเช่นนั้น...หากแต่พระผู้สร้างมิยอมให้ข้าช่วย ทั้งยังเพ่งเล็งข้า...ข้าจึงต้องมาขอร้องพระศุกร์ให้เป็นผู้ช่วยในการนี้ ด้วยข้านั้นรู้ดีว่าพระศุกร์เอ็นดูชลันธรหลานข้ามากว่าใครในจักรวาล...หากเป็นพระศุกร์แล้วข้าก็วางใจ...” กนธีตอบพระอังคารจึงพยักหน้ารับผิดกับพระศุกร์ที่ยิ้มออกมาที่กนธีนั้นให้ความสำคัญ

“แล้วท่านมีอันใดตอบแทนข้าเล่า”

“สิ่งที่จะตอบแทนนั้นน่ะหรือก็คือ...สิ่งที่ท่านนั้นคิดอยู่ในใจ...” กนธีเอ่ยคำตอบที่แฝงความนัยน์แต่เพียงเท่านี้ก็สร้างความพึงพอใจให้พระศุกร์เป็นอย่างยิ่ง และดูเหมือนว่าเทพพระสมุทรผู้นี้จะล่วงรู้ว่าตนต้องการสิ่งล้ำค่าอย่างชลันธร

“เพียงแค่ชิงตัวชลันธรที่ตอนนี้กายก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ ข้าว่าพระศุกร์เพียงผู้เดียวก็สามารถทำการนี้สำเร็จได้ แม้ว่าเทพนภนต์จักเป็นแม่ทัพแห่งสรวงสวรรค์แต่พระศุกร์นั้นก็มิด้อยทั้งกำลังและปัญญาไปกว่ากัน สหายข้าเป็นถึงครูแห่งอสุราทั้งหลาย ข้าไม่จำเป็นต้องออกโรงช่วยดอก” พระอังคารเอ่ยจริงหรือไม่

“ใครว่าข้ามาเพื่อจะมาไหว้วานให้พระศุกร์ชิงตัวชลันธรแต่เพียงผู้เดียว...”

“ท่านหมายความว่าเยี่ยงไร…ยังมีการอันใดอีกหรือ...” พระอังคารเอ่ยถาม

“คราแรกตัวข้านั้นจักให้พระศุกร์ชิงตัวชลันธรพร้อมกับนาคนาคินทร์ซึ่งเป็นสนมในข้า แต่พอมาถึงวิมานพระศุกร์ก็พบว่าท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าจึงคิดจะไหว้วานท่านสักหน่อย...จะได้ช่วยเบาแรงพระศุกร์สหายท่านไม่ดีหรือ...” กนธีเริ่มเล่าเรื่องปดให้กับสองเทวาได้รับฟัง

“แล้วตอนนี้สนมนาคินทร์ของท่านอยู่ที่ใด...”

“นาคินทร์ถูกรพีพงศ์บุตรแห่งพระสุริยเทพจับตัวไป และดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังป่ากันติทัต เช่นกัน คาดว่าคงจะไปหาชลันธร ซ้ำนาคินทร์นั้นยังต้องมนต์เสน่หาให้ลุ่มหลงเพียงบุตรแห่งพระสุริยเทพ ข้ากลุ้มใจยิ่งนักที่สนมรักถูกแย่งชิงไป...” กนธีปั้นน้ำให้เป็นตัวพระอังคารกำหมัดแน่นเนื่องจากพระอังคารนี้รักความยุติธรรมเป็นอย่างมากยิ่งรพีพงศ์เป็นบุตรของสุริยเทพซึ่งตนเป็นอริด้วยแล้วนั้นก็ยิ่งโมโหโกรธาเป็นทวีคูณ

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ข้าก็มิได้รบพุ่งจริงจังกับใคร หรือมีการสงครามเสียนาน...ได้ยืดเส้นยืดสายเสียบ้างคงจะเป็นการดีมิใช่น้อย...ข้าจะช่วยท่านเอง…ท่านกนธี...” พรอังคารกล่าวตกลง

กนธีนั้นแย้มสรวลอยู่ในใจ…เมื่อสองเทพผู้ชาญการยุทธ์ตกลงช่วยเหลือ แผนการที่ตนจะครองท้องสมุทรอย่างสมบูรณ์นั้นก็เริ่มเห็นภาพแห่งความสำเร็จ จะเหลือก็แต่เพียงรอคอยเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น และวันนั้นก็จักเป็นวันที่ตนจะได้ตัวชลันธรและดวงใจพระสมุทรเสียที

“เอาเป็นว่าการครั้งนี้พวกข้าทั้งสองจะช่วยท่าน มิทราบว่าจักให้ข้าลงมือเพลาใด” พระศุกร์ถามรู้สึกคันไม้คันมือเพราะตั้งแต่สงครามเทวอสุราตนนั้นก็มิได้ต่อสู้จริงจังมานานมากโขพระอังคารเองก็เช่นกันที่อยากจะประดาบสู้กับรพีพงศ์ให้ไวที่สุด

“ข้าจะให้คนสนิทของข้า มาบอกพวกท่านอีกครั้ง และที่สำคัญท่านอย่าได้บอกการครั้งนี้ใครได้ล่วงรู้ รวมถึงตอนชิงตัวก็อย่าได้เอ่ยถึงข้าหรือแสดงออกว่าข้านั้นขอความช่วยเหลือจากพวกท่าน...”

“ข้าทราบแล้ว...ตกลง”

. . .

ปัจจุบัน

ลมพายุที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติ หอบร่างบางล่องลอยไปไกล ชลันธรร้องลั่นเรียกหาให้นภนต์เข้าช่วยยามมีภัย  แต่แล้วกายบางกลับตกลงบนผืนแพรพรรณแสนนุ่ม จนเจ้าตัวเองยังรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เมื่อเงยใบหน้าขึ้นมาก็บนมันสิ่งที่ได้เห็นนั้นคือ เขางามคู่หนึ่งของโคที่มีลำตัวล่ำสัน

 “ศุภราช!!!” พระศุกร์เรียกพระโคพาหนะ ที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลซึ่งบนหลังนั้นมีร่างอรชรของชลันธรนอนอยู่ด้วยความงุนงง..

“จงนำตัวชลันธรแล้วมุ่งหน้าไปกลับไปที่วิมานของข้า... !!! ” พระโคศุภราช ได้รับคำสั่งผู้เป็นนายก็พาตัวชลันธรไปอีกทาง นภนต์เองก็ไล่ตามไปแต่ไม่ทันจะได้ย่างก้าว พระศุกร์ก็เข้าขัดขวางเสียก่อน  คมปลายแหลมของพระขรรค์ตรงจ่อไว้ห่างลำคอแกร่งเพียงแค่คืบมือ

“ท่านทำการอันใดของท่าน...อย่ามาขวางทางข้าเสียดีกว่า…พระศุกร์...!!!”

“หากข้าปฏิเสธเล่า” พระศุกร์หาได้สะทกสะท้านแม้แม่ทัพหลวงตรงหน้าจะแผ่รัศมีความโกรธกริ้วออกมาก็ตามที

“ถ้าไม่หลีกข้า...แสดงว่าท่าจงใจจะขัดต่อเทวราชโองการ อย่างนั้น...ก็จงตายด้วยน้ำมือข้าเสีย...!!!” ไม่ใช่เพียงเอ่ยขู่หากเทวาเจ้าเวหานั้นยกบาทถีบไปกลางพระโสภีเสียเต็มแรงเป็นการเปิดฉาก

ศุกราจารย์ล้มลงโดยพลันถึงกระนั้นก็หาได้เจ็บปวด ไม่ทั้งยังลุกเดินเร็วไว หัตถาใหญ่กุมพระขรรค์คมเข้าโรมรันยังเทพนภนต์มิได้เกรงกลัวต่อเทวราชโองการ เทพหนุ่มมิรอช้าเสกพระขรรค์คู่กายตั้งมั่นรับทันท่วงที ต่างฝ่ายต่างแสดงฝีมือกันเต็มที่ไม่มีใครยอมใคร

…‘ฝ่ายหนึ่งสู้เพื่อนำคนรักกลับมาสู้อ้อมแขน’… …‘ฝ่ายหนึ่งสู้เพื่อจะช่วงชิงคนที่หมายปองให้เป็นของตน’…

ดังนั้นนี่ไม่ใช่เป็นเพียงการสู้รบเพื่อศักดิ์แต่เป็นการสู้รบเพื่อแสดงว่าใครกันเหมาะสมที่จะได้ดูแลอดีตเทพแห่งมหาสมุทรชลันธร

“ชลันธรจักต้องเป็นของข้า!!” พระศุกร์ผู้มิเคยแพ้ใครประพระขรรค์เข้าฟันปลายพระขรรค์สีเงินของนภนต์จนเต็มแรง แลเกิดเสียงดังสนั่นด้วยพระขรรค์เงินของเทพเวหานั้นหักออกเป็นสองท่อน

“ตื่นจากฝันเสียเถิด!!!” แม้พระขรรค์จะหักร่วงปักดินนภนต์ก็มิหวั่น มือหนารีบกุมแน่นเป็นกำปั้น ฝากหมัดรุ่นๆ เข้าชกไปที่พักตรางามของพระศุกร์อย่างเต็มแรงจนผู้ถูกกระทำหน้าหันอีกทางทั้งถลาเซล้มลงไป นภนต์จึงใช้โอกาสนี้เข้าคร่อมตัวแล้วกระหน่ำหมัดชกไม่หยุดมือ หมายให้พระศุกร์ได้ตื่นอย่างที่ตนกล่าว…ตื่นมาพบความจริงที่ว่าชลันธรไม่มีทางเป็นของเทวากายฟ้าได้

เป็นถึงอาจารย์ของเหล่ายักษ์และอสุราผ่านการรบมาแล้วหลายครั้งหลายคราจึงหาได้ยอมให้ตนเสียเปรียบได้นานรีบรวมกำลัง ดันนภนต์ให้นอนราบแทนก่อนจะเป็นฝ่ายประเคนกำปั้นเข้าใส่บ้าง

“ช่วยด้วย...!!! ท่านพี่ช่วยข้าด้วย…!!!”

นภนต์และพระศุกร์ชะงักไปชัวครู่เสียงหวานแสนคุ้นเคยร้องออกมาราวกับพบเจออันตรายที่เหนือกว่าการถูกพาตัวไปทั้งสองหยุดการต่อสู้ในทันทีและรีบวิ่งไปตามเสียงนั้น ไม่นานก็พบกับชลันธรที่ยังอยู่บนหลังพระโคเผือกศุภราช ที่ยามนี้กำลังใช้เขาไล่ขวิดอสูรร้ายที่มุ่งเข้าหาชลันธร

“ชลันธร!!!” นภนต์ร้องเรียกร่างบางที่ก้มกอดลำคอร่างพระโคขนสีน้ำนมไว้แน่น

“ท่านพี่…ฮึก…ท่านพี่นภนต์ช่วยข้าด้วย...” ชลันธรหลั่งน้ำตาออกมาทั้งกลัวทั้งดีใจที่คนรักได้มาช่วยตนผิดกับพระศุกร์ที่เจ็บหน่วงในดวงใจที่ชลันธรมองนภนต์เพียงผู้เดียว

“เหล่าอสูรจงฟังข้า...!!! ข้าศุกราจารย์ขอสั่งพวกเจ้าให้หยุดการกระทำต่ำช้าที่มีต่อชลันธรบัดเดี๋ยวนี้” ด้วยอาจารย์แห่งอสุราและอสูรทั้งลั่นวาจาปราม แต่ก็หามีอสูรตนไหนฟังไม่ นอกจากนี้ยังมีบางตนตรงเข้ามาทำร้ายพระศุกร์และนภนต์แทน

“เหตุใดพวกอสูรถึงไม่ฟังข้า…” พระศุกร์พึมพำออกมาด้วยความแปลกใจโดยหารู้ไม่ว่ากำลังถูกซ้อนแผน อสูรเหล่านี้เป็นทหารสมุทรของกนธีที่แปลงกายมาเพื่อจะจับตัวชลันธรไปหาเทพมหาสมุทรกนธีโดยตรง

“หยุดตั้งคำถามเสียก่อนเพลานี้ต้องช่วยชลันธรให้ปลอดภัย” นภนต์เอ่ยเตือนสติให้คิดสู้ก่อนจะคิดถาม

เทพนภนต์พระศุกร์และคาวีศุภราชต่างก็ปกป้องชลันธรสุดความสามารถ เทพเวหาไร้อาวุธจึงใช้พระเวทเข้าสู้ บังเกิดพายุขนนกสีทองพุ่งเข้าปักยังร่างกายเหล่าอสูร ส่วนพระศุกร์นั้นใช้ศาสตราสังหารอสุราล้มตายจนกลิ่นคาวโลหิตสีทมิฬคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ …แต่อสูรเหล่านั้นล้มตายเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น แล้วกายเหล่านั้นกลับลุกยืนขึ้นมาอีกครา บางตนฟื้นร่างกายได้ บางตนที่ร่างกายขาดเป็นสองก็งอกกายใหม่เป็นสองร่าง บางตนขาดเป็นสามก็งอกใหม่เป็นสามร่างกาย เพิ่มพูนมากมายเป็นพันกว่าตน... ‘อสูรนับร้อยนับพันขนาดนี้ เพียงเราและพระศุกร์รวมถึงคาวีศุภราช คงจะหมดแรงเสียก่อนช่วยชลันธรได้ถ้าเรามีธนูประจำกายก็คงดี’…

กระแสจิตของนภนต์ส่งถึงธนูทองคำศาสตร์ประจำกายที่วางอยู่บนแท่นหิน ณ ถ้ำของยักษ์ชวคิรินทร์ที่คราก่อนได้ขออาวุธคู่กายของเทพนภาแลกเปลี่ยนกับผลทับทิมสุบรรณ ซึ่งเมื่อได้รับมาเก็บไว้ที่แท่น ชวคิรินทร์ก็ไม่มีบุญพอจะได้ใช้หรือยกคันธนูเนื้อเหมนี้อีกเลยเพราะคันธนูนี้หนักเสียจนมิอาจจะขยับเขยื้อน ได้จึงได้เก็บรักษาไว้รวมกับของวิเศษอื่นๆ ที่เหล่าเทพเทวดานำมาแลกเปลี่ยนกับผลไม้ทิพย์นี้  ถึงยามว่างก็จะคอยลับคมศรตามคำแนะนำของพระฤาษีวิทูเพื่อรอคอยวันที่นภนต์ต้องการ

‘กึก…กึกๆ’

เสียงคันธนูสั่นคลอน และเกิดประกายแสงสีทองเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยักษ์ชวคิรินทร์คิดว่าบัดนี้ท่านเทพนภนต์คงมีความจำเป็นต้องการใช้ธนูทองนี่เสียแล้ว ด้วยจิตนั้นสื่อถึงศาสตราวุธประจำกาย แต่ด้วยยังติดพันธสัญญาที่ผู้เป็นเจ้าของได้มอบให้ยักษ์ชวคิรินทร์จึงมิอาจกลับคืนสู่เทพนภนต์ได้ในทันที ครั้นจะรั้งไว้ก็คงมิใช่เรื่องดีเทพนภนต์ยามนี้คงลำบาก

“ถึงเวลาที่เทพนภนต์ต้องการเจ้าแล้ว...จงกลับคืนสู่หัตถาผู้เป็นเจ้าของเสียเถิด...” ชวคิรินทร์เดินเข้ามาที่พระแท่นวางคันธนูทอง ปลายนิ้วสากลูบสัมผัสแล้วเอ่ยวาจาปลดพันธนาการ...สิ้นคำพูดคันธนูรวมถึงศรคมก็หายวับไปกับตา

‘ขอให้ชัยชนะอยู่เคียงข้างท่าน…เทพนภนต์...’

กลับมาสู่ป่ากันติทัตที่เพลานี้ทุกอย่างตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด… ทุกอย่างเป็นไปตามที่เทพนภนต์ได้คาดการณ์ไว้แม้นจะเป็นเทพชั้นสูงหากต่อสู่กับอสูรนับร้อยโดยไม่หยุดพักเรี่ยวแรงก็เริ่มหายไป ครั้นจะใช้ขนนกทองคำพุ่งเข้าใส่ แต่อสูรร้ายไม่แบ่งกายก็หวนพื้นคืนชีพ  แต่เหมือนโชคกลับมาเข้าข้างเทพนภาในยามคับขันเช่นกัน ด้วยบังเกิดแสงเจิดจ้าตรงหน้าให้หยุดนิ่ง ดวงเนตรคมมองสิ่งที่กำลังค่อยๆ ปรากฏขึ้นนั้นเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา พระศุกร์เองที่ได้เห็นก็ตกตะลึงมิใช่น้อยเป็นกัน มือหนาคว้าจับสิ่งของวิเศษที่เป็นของตนอยู่ตรงหน้า....คันธนูและศรทองคำ ศาตราวุธประจำกาย...  ‘เหล่าอสูรเอ๋ย…จะถึงคราวที่พวกเจ้าจะปราชัยให้กับข้าแล้ว…’

“ชลันธรหมอบลงกอดพระโคศุภราชไว้...ส่วนท่านพระศุกร์จงเข้ามาหลบอยู่ที่หลังข้า ถ้าท่านมิอยากตายด้วยคมศร...” นภนต์เอ่ยลั่น ทั้งชลันธรและพระศุกร์ก็ทำตาม เพราะมิใคร่อยากโดนธนูวิเศษของเทพเวหาที่มีแสนยานุภาพร้ายเหลือ

เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามใจคิดพระกรแกร่งยกขึ้นมาพร้อมด้วยหัตถาจับคันธนูมั่นมืออีกข้างหยิบศรทองมาขึ้นสายแล้วดึงศอกมาด้านหลังเตรียมพร้อมยิงใส่เหล่าศัตรู จากนั้นเนตรสีนิลดุจพญาอินทรีเล็งไปยังเป้าหมายแล้วปล่อยสายยิงให้ศรวิเศษแหวกอากาศพิฆาตมารอสูรร้าย

‘ฟึบ…ฟึบ..ฟึบ’

“อ๊าก!!!!..”

ศรเพียงหนึ่งดอกในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นร้อยเป็นพันดอกราวกับห่าฝนกรดที่ตกลงมาสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่ได้สัมผัสพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่ดังลั่นด้วยมนต์จากศรวิเศษนี้เหล่าอสูรร้ายไม่สามารถจะแบ่งกายฟื้นคืนได้อีก จึงพากันล้มตายมอดไหม้จนเสียหมดสิ้น

“ชลันธรเจ้าปลอดภัยแล้ว…” นภนต์เอ่ย ร่างสูงรีบเดินเข้าหาคนรักแม้บาทาจะเปื้อนเถ้าถ่านโสมมของซากศพก็ตามที ชลันธรเองก็มองหานภนต์แววตานั้นแสดงออกว่าพร้อมจะรับไออุ่นจากอ้อมกอดของเทพนภาแต่กลับต้องร้องออกมาเสียงหลง

“ท่านพี่ระวัง…!!!”

“อั่ก..”

นภนต์ล้มลงไปยามที่พระขรรค์ฟาดฟันยังแผ่นหลังกว้างจนโลหิตทองไหลออกมาตามรอยแผล…พระศุกร์ยิ้มเยาะที่นภนต์หาได้ระวังตัวไม่ หรืออาจจะลืมไปว่ายังคงมีศัตรูอีกหนึ่งรออยู่นั่นก็คือตน นอกจากนี้ยังถีบนภนต์ให้นอนคว่ำลงกับพื้นธรณี นภนต์เองก็ทำได้เพียงส่งสายตาเคียดแค้นมองไปยังพระศุกร์ที่กำลังเดินไปหาชลันธร…‘นี่สินะที่เขาเรียกว่าทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาป’…

“เสียดายนัก...ข้ายังไม่ได้ใช่วิชาหมอกพิษของข้าให้เจ้าได้ดูเลยนะเทพนภนต์ ข้าก็ไม่อยากจะเสียเวลามากแล้ว ฮึ...ในที่สุดเจ้าก็ตกเป็นของข้า…ชลันธร” พระศุกร์ที่เดินเข้าถึงกายบางก็เอ่ยก่อนจะใช้มือลูบเข้าไปยังปรางค์นิ่ม ชลันธรเบือนหน้าหนี หากแต่ไม่ทันจะได้สัมผัสจับต้องใดๆ มือนั้นต้องหยุดชะงักด้วยสิ่งหนึ่งเสียก่อน สายตาคมสบมองก็พบว่าเป็นเชือกสีเพลิงเส้นหนึ่งที่หยุดมือของพระศุกร์ไว้ เทพกายฟ้ากัดฟันกรอดเพราะรู้ดีว่าเจ้าของเชือกที่ยังไม่ปรากฏกายนี้เป็นใคร

“คิดว่าเชือกกระจอกงอกง่อยของท่านจะหยุดข้าได้อย่างนั้นหรือ…พระพฤหัสบดี!!” พระศุกร์เอ่ยถามผู้มาใหม่ก่อนจะขยับริมฝีปากร่ายมนต์แก้เชือกมนต์ตรา แต่ยิ่งร่ายคาถาเชือกสีเพลิงกลับยิ่งรัดข้อมือแน่นกว่าเดิม... ‘หนอยแน่ !!! พระพฤหัสเอาเชือกบ้านี่มารัดข้า’...

“ท่านคิดว่าข้ามาสู้กับท่านข้าจะเอาของเด็กเล่นมาหรือ…เสียใจด้วยที่มันมิได้เป็นดั่งที่ท่านหวังไว้…พระศุกร์” สิ้นเสียงเอ่ยแสนสุขุม เทพผู้ทรงอาภรณ์คล้ายฤาษีรัศมีสีส้มเฉิดฉายแย้มสรวลเล็กน้อยทรงอยู่บนหลังมฤคาเขางามที่ได้เห็นท่าทางกระวนกระวายของเทพเจ้าสำราญซึ่งน้อยครั้งจักได้เห็น เมื่อเทพบนหลังกวางกวาดสายตามองทั่วบริเวณ ก็พบทั้งกองเถ้าศพของอสูร รวมทั้งร่างของเทพนภนต์ที่กำลังบาดเจ็บ ไหนจะอดีตเทพท้องสมุทรที่นั่งโศกาบนหลังพระโคศุภราชอีก พระพฤหัสบดีก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น นี่ตนคงไม่ได้มาช้าจนเกินไปนักที่จะยับยั้งเหตุอาเพศครั้งนี้

“ถึงว่าเหตุใดระฆังแก้วของข้าถึงได้ลั่นดัง ก็เพราะท่านมาสร้างความเดือดร้อนให้กับเทวาจริงเสียด้วย...” พระพฤหัสบดีกล่าวพลางกระตุกเชือกอาคมให้พระศุกร์ได้ออกห่างจากร่างบางบนหลังพระโคเผือก

“เรื่องนี้หาใช่ธุระกงการอันใดของท่านไม่ ข้ามีเรื่องต้องสะสางกับเทพนภนต์หาใช่ท่านไม่…พระพฤหัส” พระศุกร์เอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจที่ถูกขัดขวางด้วยศัตรูคู่แค้น ทั้งสองนั้นก็คล้ายกับน้ำและน้ำมันแม้รูปลักษณ์จะเหมือนกันแต่มิอาจจะมาบรรจบพบกันได้

…‘พระศุกร์เป็นอาจารย์ของอสุราและยักษา’…

…‘พระพฤหัสบดีเป็นอาจารย์ของเทวาทั้งหลาย’…

“จะเอ่ยว่ามิใช่ธุระของข้าก็คงมิได้ เพราะท่านนั้นได้ทำร้ายเทพนภนต์ซึ่งตัวข้านี้เป็นอาจารย์ของเหล่าทวยเทพ หากเทพเดือดร้อนเพราะท่านก็เท่ากับเป็นธุระของข้าที่ต้องมาช่วยลูกศิษย์” แม้เทวาสูรสงครามจะผ่านมาหลายร้อยปีพระพฤหัสบดีก็หาได้วางใจพระศุกร์ไม่ จึงได้เนรมิตระฆังแก้วไว้ใช้ในยามใดที่พระศุกร์ได้ทำร้ายเทพาขึ้นมาระฆังแก้วสั่นไหวจนเกิดเสียง เมื่อนั้นพระพฤหัสบดีจะออกจากวิมานมากำราบพระศุกร์ด้วยตนเองครั้งนี้ก็เช่นกัน หากเหาะมายังป่ากันติทัตนั้นลำบากจึงต้องดำดินมาช่วยเหลือนั่นนับว่าเป็นผลดีให้กับนภนต์แม้พระพฤหัสบดีจะมาช่วยล้าช้าไปเสียหน่อย

ชลันธรเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงลงจากหลังของพระโครีบก้าวย่างตรงหานภนต์ที่บาดเจ็บพระพฤหัสบดีนั้นก็ส่งสายตาให้ทั้งสองหนีไปในระหว่างที่ตนเองนั้นจับพระศุกร์เอาไว้ ชลันธรพยักหน้ารับแล้วประคองนภนต์ขึ้นหลังพระโคศุภราช เดินแยกออกไปอีกทางสร้างความโกรธเคืองให้กับพระศุกร์มากยิ่งขึ้นไปอีก

“ศุภราชนี่เจ้าเชื่อฟังชลันธรหรือนี่ พระพฤหัส...ท่าน!!!...อีกนิดเดียวชลันธรก็จักเป็นของข้าแล้ว ท่านหาใช่เทวาสำหรับข้าแต่ท่านมันเป็นมารขัดขวางความสุขของข้า...” พระศุกร์ก่นด่าตั้งแต่ไหนแต่ไรพระพฤหัสบดีก็มักจะเป็นฝ่ายชนะตนเสมอยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น

“สำหรับเทพผู้สร้างแต่บาปอย่างท่านข้าก็ไม่ต่างจากมารความสุขของผู้อื่นหรอก แต่จงรับรู้ไว้ว่าผู้ที่ท่านเรียกว่ามารตนนี้จะพิพากษาท่านเอง...” พระพฤหัสบดีเอ่ยเสียงกร้าวพร้อมมองนักโทษที่จะไปอยู่ในคุกของตนที่ร้างรามานาน

“คิดว่าใหญ่มากนักหรือ ถึงได้มีอำนาจมาตัดสินข้าได้” พระศุกร์ผู้แสนหยิ่งกล่าวเย้ยหยัน

“ใหญ่ไม่ใหญ่ท่านก็น่าจะรู้ดีมิใช่หรือ แต่จะมาให้ท่านคิดตอนนี้เห็นทีจะไม่ควร  ด้วยว่านับจากนี้ท่านคงมีเรื่องใหม่ให้ขบคิดเสียแล้ว.... เพราะจะต้องคิดว่าจะเอาตัวรอดจากอาญาโทษฐานทำร้ายแม่ทัพหลวงอย่างไรเล่า  จงหุบปากหยุดพร่ามเสียพระศุกร์ขืนท่านยังพูดมากข้าจะจับตัวท่านไปให้พระผู้สร้างตัดสินโทษแล้วลงทัณฑ์เทวาแทน !!!”

“ข้าไม่ยอมหรอก...” พระศุกร์ก็ยังคงเป็นพระศุกร์ผู้ไม่มีทางยอมแพ้อะไรง่ายๆ

พระพฤหัสบดีไม่พูดพร่ามอะไรต่อเพียงปล่อยเชือกสีเพลิงอีกเส้นเข้ารัดพันธนาการกายพระศุกร์ไม่ให้ขยับเยื้อน พระศุกร์พยายามเร่งพลังในกายหมายจะให้เชือกมารนี้ขาดวิ่นแต่ก็หาทำอะไรให้เชือกสีเพลิงขาดไม่....

“ไร้ประโยชน์...” พระพฤหัสบดีกล่าวกับพระศุกร์ที่ยังคงพยายามทั้งที่รู้ว่าเสียเวลาเปล่า

“ถึงอย่างไรก็ก็จะไม่ยอมแพ้ท่าน...อ๊าก....”  เสียงร้องก้องดังสนั่น เทพกายสีฟ้าเร่งพลังจนถึงขีดสุดแต่ก็หาทำอะไรได้ไม่  ครั้นจะใช้วิชาหมอกพิษก็หาทำได้ไม่

“เราไปจากที่นี้กันได้แล้ว  พระศุกร์...“  พระพฤหัสบดีกล่าวจบ ก็เกิดแผ่นดินไหวไปทั่ว พระศุกร์อยู่ในท่าทีที่ตกใจเพราะไม่รู้ว่าพระพฤหัสบดีจะมีลูกเล่นอะไรอีก แต่แล้วแผ่นดินที่พระศุกร์ยืนอยู่นั้นก็ยกตัวสูงกัน  เมื่อก้อนดินและหินร่วงหลนลงไปหมดแลปรากฏกระดานชนวนขนาดใหญ่ขึ้น ดั่งแม่เหล็กที่ทรงอานุภาพทรงดึงดูดอย่างมหาศาล  พระศุกร์จำต้องนั่งลงให้กายนั้นแนบชิดกับผืนกระดาน

“อ๊าก...หยุดเดี๋ยวนี้พระพฤหัสบดี...!!!” 

พระพฤหัสบดีไม่ฟังความอันใดอีก แล้วกระดานนั้นก็ย่อขนาดลงเหลือเล็กเพียงเท่าฝ่ามือลอยเด่นเหนืออยู่บนฝ่ามือของพระพฤหัสบดี

“ตอนนี้ก็อยู่ในนี้ไปก่อนนะ...เอาไว้ท่านสำนึกเมื่อไหร่...ข้าจะปล่อยท่าน...พระศุกร์...”



























.................................

มาแล้วเน้อ...มาแล้ว

ท่านยุ่งมาแล้วพร้อมสงคราม...อาจจะไม่สนุกเน้อเพราะไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย

แต่ท่านยุ่งประทับใจแล้วภูมิใจนะเพราะเป็นครั้งแรกที่คิดพล็อตสงครามร่างว่าเออจะเอาอะไรยังไงดีก็ได้ปรึกษากับรุ่นพี่และสุดท้ายก็ออกมาอย่างนี้แหละ

//ป๋ากนธีไม่มาแต่นางส่งคนของนางมาซ้อนแผน ป๋าน่ารักที่สุด

//อย่าคิดจิ้นคู่เพิ่มนะ 55555

//เอาใจช่วยท่านพี่นภนต์ของน้องลันด้วย โดนฟาดกลางหลังขนาดนั้น ToT

//กลอนเปิดตอน...ท่านยุ่งแต่งเองใช้สกิลทางภาษาอันน้อยนิดของตน 555555 อย่าปารองเท้า

//คิดถึงทุกคนนะ

.....สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาเม้น บางคนชื่นชมบ่นผ่านในทวิต มีรีวิวให้ด้วย(ท่านยุ่งเขิน) ขอบคุณกำลังใจ ขอโทษที่ให้รอและบังคับให้ติดตามกันต่อนะคะ 5555 *โดนคนอ่านรุมเผากระท่อม ตบตี กระทืบ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #211 เมื่อ14-08-2017 08:06:08 »

ติดถึงท่านชลันธรมากเลยยยย :mew1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #212 เมื่อ14-08-2017 09:24:37 »

กนธีช่างเจ้าเล่ห์นัก

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #213 เมื่อ14-08-2017 20:49:16 »

ติดถึงท่านชลันธรมากเลยยยย :mew1:



คิดถึงคนอ่านเหมือนกันค่า

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #214 เมื่อ14-08-2017 20:50:02 »

กนธีช่างเจ้าเล่ห์นัก



แผนซ้อนแผนกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #215 เมื่อ14-08-2017 22:37:43 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #216 เมื่อ14-08-2017 23:43:54 »

 :pig4: 

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #217 เมื่อ15-08-2017 00:11:45 »

รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #218 เมื่อ15-08-2017 07:54:37 »

กนธีเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญ

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #219 เมื่อ15-08-2017 19:48:32 »

 :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
« ตอบ #219 เมื่อ: 15-08-2017 19:48:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #220 เมื่อ15-08-2017 20:29:22 »

เกลียดอิท่านกนธีจริงๆ
ตอนนี้ใช้ตัวละครเปลืองมากก จ่ายค่าตัวกันเยอะน่าดู 55

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.21 P.8 (14/08/2560)
«ตอบ #221 เมื่อ15-08-2017 20:41:38 »

สนุกค่ะ ชอบบบบ

รอติดตามนะค้าาา

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
«ตอบ #222 เมื่อ16-08-2017 16:03:54 »

สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer: Tan-Yung 0209

File : 22















‘ความแค้น’ เป็นสิ่งที่น่ากลัวเพราะมันสามารถนำพาสิ่งชั่วร้ายหลายร้อยรูปแบบมาให้เหยื่อได้รับความทรมานไม่ว่าจะกายก็ดีหรือว่าใจก็ดี ยิ่งสะสมความแค้น ความไม่พอใจมากเท่าใด เมื่อถึงเวลาที่ต้องปลดปล่อย…ความน่ากลัวก็ยิ่งมีอานุภาพทำลายเป็นทวีคูณ

ดั่งเทพกายสีชมพูที่มีความแค้นเคืองต่อทินกรวงศาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วในอดีตชาติ  ครั้งนั้นพระพฤหัสบดีเกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ พระอาทิตย์เกิดเป็นมาณพผู้เป็นศิษย์ ต่อมาพระพฤหัสบดีได้ยกนางจันทร์ให้เป็นภรรยาแก่พระอาทิตย์  เทพทินกรนั้นรักใคร่และหวงแหนนางจันทร์เป็นหนักหนา จึงเอานางใส่ตลับทองคำเก็บไว้ในเวลาเข้าป่าหาผลไม้ทิพย์มาให้แก่นาง

ด้านพระอังคารเดิมเกิดเป็นพิทยาธรและมีใจให้แก่นางจันทร์อยู่ก่อนหน้านี้ รู้ทั้งรู้ว่าพระพฤหัสบดียกบุตรสาวให้แก่พระอาทิตย์แล้วแต่ก็ยังแอบเข้าไปลักลอบเล่นชู้กับนางจันทร์ในตลับนั้น พระพฤหัสบดีรู้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด จึงทำเป็นปริศนาไว้รอท่าพระอาทิตย์ยามกลับจากหาผลไม้ทิพย์เพื่อบอกเหตุการณ์ ครั้นพระอาทิตย์กลับเข้ามาใน ตรงไปยังตลับที่เก็บนางจันทร์ไว้  แต่กลับสงสัยเพราะเดิมเคยมีตลับตั้งไว้เพียงหนึ่งเท่านั้น แต่ไยกลับมีถึงสอง พระอาทิตย์ก็เกิดความสงสัยจึงถามพระอาจารย์ไปตามได้เห็นผิดสังเกต พระพฤหัสบดีจึงแจ้งว่า... ‘ถ้าใคร่อยากรู้ก็ให้เปิดตลับดู’... เมื่อพระอาทิตย์เปิดตลับดูจึงได้พบว่าในตลับนั้นมีพระอังคารกำลังเล่นชู้พลอดรักด้วยนางจันทร์อยู่  ด้วยความโกรธกริ้วจึงเกิดการสู้รบกันจนเสียต่างฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกิดความบาดหมางกันตั้งแต่นั้นมา

ประวัติศาสตร์ได้ซ้ำรอยอีกครั้งในชาตินี้ พระอังคารได้เป็นชู้กับนางสนมขององค์สุริยเทพจนเกิดการสู้รบกันอีกครา จนตนถูกเทพองค์อื่นกล่าวโทษและเมินเฉยจนแทบจะไม่มีหน้าเข้าสู่สภาเทวา

ดูเหมือนว่าโชคชะตานั้นช่างเล่นตลกกับพระอังคาร…ตาชั่งแห่งความยุติธรรมไม่มีจริง จากที่กนธีได้กล่าวว่าสุริยบุตรนามรพีพงศ์นี้ประพฤติตนชั่วช้า แย่งสนมของเทพมหาสมุทร แต่เหตุไฉนเลยกลับไร้การลงทัณฑ์ คราตนทำเลวนั้นกลับถูกเหล่าเทพยดากล่าวรุมประนาม ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นในโชคชะตา เมื่อเป็นเช่นนี้พระอังคารจึงคิดจะลงทัณฑ์รพีพงศ์ด้วยตนเอง จนเข้าสู่บทการต่อสู่ระหว่างเทพพระอังคารและรพีพงศ์

พระอังคารปล่อยตัวนาคินทร์จากอ้อมกอดแต่มิได้ให้อิสรภาพแต่อย่างใด กลับใช้หัตถาดันร่างบางที่ดิ้นขัดขืน ปากก็ร่ำร้องตะโกนหารพีพงศ์ช่วยให้แนบชิดติดต้นไม้ใหญ่แล้วร่ายคาถาให้เถาวัลย์ตรึงร่างของนาคินทร์ไว้ แม้นจะสงสัยที่นาคินทร์นั้นดูจะไม่กลัวรพีพงศ์ทั้งที่ถูกจับตัวมาแม้แต่น้อย แต่ด้วยอคติที่มีต่อเหล่าสุริยเทพจึงเชื่อมั่นว่ารพีพงศ์นั้นกระทำตัวเลวทราม พระอังคารเลยเก็บคำถามเอาไว้ในซอกหลืบของจิตใจ เพราะเพลานี้สิ่งที่ต้องทำคือเล่นงานรพีพงศ์บุตรของคู่ปรับเก่าให้หลาบจำย้ำแค้น

หอกแก้วปรากฏขึ้นในมือของพระอังคาร ดวงตาคมจ้องมองรพีพงศ์ที่จับพระขรรค์เตรียมสู้กับตนไว้เช่นกัน…‘แม้นเจ้าจะฝีมือไม่ได้เป็นเลิศเท่ากับข้า ข้าก็มิจะออมมือให้ดอก อย่างน้อยข้าขอฝากรอยแผลให้บิดาเจ้านั้นได้เห็น’…

“ย๊า!!!!” รพีพงศ์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ร่างสูงวิ่งเข้าหาบนแผ่นศิลาใหญ่ที่เคลือบไปด้วยสายชลไหลผ่านจนวารีกระเซ็นไปทั่ว รพีพงศ์ไม่คิดเกรงกลัวเทพสงครามถึงจะรู้ดีว่าการต่อสู้ซึ่งหน้านี้ตนจะมีสิทธิ์เพลี่ยงพล้ำให้กับเทวะผู้มากประสบการณ์ ทางพระอังคารเองก็ตั้งรับไม่คิดจะอ่อนข้อดั่งที่ได้คิดเอาไว้ ด้วยถือว่าจะกำราบต้องกำราบตั้งแต่ตอนนี้เพื่อที่จักได้ไม่เป็นเสี้ยนหนามในภายภาคหน้า

‘ฟึบ’ คมของพระขรรค์ที่จะสร้างรอยแผลให้กายชมพูเกิดต้องแหวกอากาศไปอย่างหน้าเสียดาย ด้วยพระอังคารนั้นสามารถหลบหลีกได้ทันท่วงที

“เห็นทีข้าจะต้องสอนการใช้พระขรรค์ให้กับเจ้าเสียแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พระอังคารกำสรวลสนั่นลั่น เพลานี้ตนรู้สึกสนุกกับการได้เหย้าแหย่ราชสีห์น้อยให้เกิดโทสะ การได้กลับมาถือหอกถือดาบอีกครั้งทำให้พระอังคารรู้สึกดีมิใช่น้อย

‘เคร้ง!!’

‘ท่านรพีพงศ์!!!’

นาคินทร์ร้องออกมา ดวงใจกระตุกแรง ภาพเมื่อครู่แทบทำให้นาคินทร์หยุดหายใจ เมื่อพระอังคารพุ่งหอกไปหมายจะแทงสายเลือดรวีวงศ์ โชคดีที่สามารถป้องกันได้ทัน รพีพงศ์ใช้พระขรรค์ตั้งรับคมหอกจนเกิดเสียงดั่งสนั่น ไม่เพียงเท่านั้นยังออกแรงดันปลายหอกให้พ้นไปรวมถึงตัวพระอังคารด้วย รพีพงศ์จึงใช้ขาเตะไปที่พระกฤษฎี (สะเอว) จนพระอังคารเซถลาไปด้านหลังเล็กน้อย

“ฮึ! เก่งเหมือนกันนี่...แต่เจ้าไม่มีทางชนะข้าได้ดอกเพราะนับจากนี้เป็นต้นไป...ข้าจักเอาจริงแล้ว” เทพสงครามเอ่ยก่อนจะพุ่งหอกไปที่เป้าหมาย รพีพงศ์หลบทันแต่กลับเสียหลักล้มลงเพราะพื้นหินที่เหยียบนั้นมีตะไคร่น้ำมากมาย

“เป็นอันใดไปเล่า...ไยเจ้าถึงหลบหนี หอกข้านั้นเจ้าสามารถทำลายได้ด้วยอัคคีเวทย์ของเจ้า...แต่ที่เจ้าไม่ทำก็เพราะ…เจ้าไม่สามารถกระทำได้” พระอังคารรู้จุดอ่อนของรพีพงศ์ดีจึงเอ่ยเย้ยหยัน ผู้ถูกกล่าวถึงทำได้เพียงกำหมัดแน่น พระอังคารพูดถูกรพีพงศ์เมื่อต้องวารีกำลังก็จะลดลงจนมิอาจเค้นเพลิงเวทย์มาสู้กับพระอังคารได้

…‘เจ็บใจยิ่งนัก หากข้าอ่อนแอเยี่ยงนี้จักปกป้องนาคินทร์ได้เยี่ยงไร’…รพีพงศ์เพียงได้แต่รำพึงกับตนเอง

“ข้าเวทนาเจ้ายิ่งนัก ให้ข้าเดายามนี้...เจ้าก็คงเจ็บใจมิใช่น้อย ที่มิอาจสู้ข้าได้ใช่หรือไม่... ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นข้าจะช่วยเจ้าให้หายเจ็บใจด้วยการ...ทำให้เจ็บกายแทนด้วย...ท่าไม้ตายของข้า...” แสงสีชมพูสว่างขึ้นคล้ายลูกไฟขนาดใหญ่กำลังหมุนในฝ่ามือจากนั้นถูกส่งไปยังรพีพงศ์ เทพบุตรรูปงามรีบกลิ้งหลบหนีให้พ้นทาง ลูกไฟสีชมพูเมื่อครู่กลายเป็นมหิงสาขนาดมหึมาซึ่งเป็นสัตว์พาหนะของพระอังคารเอง

“หงชาด!!! จงจัดการเลือดเนื้อเชื้อไขแห่งสุริยเทพเสียบัดเดี๋ยวนี้ !!!” กระบือยักษ์กายสีชาดวิ่งโรมรันเข้าขวิดไล่รพีพงศ์ที่อ่อนแรง  เทพหนุ่มกลิ้งกายหลบหลีกซ้ายขวา พระขรรค์ฟันเข้าหนังหยาบก็หาได้ระคายกระบือเทพตัวนี้ไม่ พระขรรค์กลับกระเด็นหลุดออกจากมือไปอีก เทพหนุ่มเหลือเพียงมือเปล่าเพียงยันประลองกำลังด้วยคู่เขากระบือ

เสมือนเอาไม้ซี่มางัดท่อนซุง...เทพที่อ่อนแรงหรือจะสู้กระบือหงชาดได้  ร่างเทพหนุ่มลอยละลิ่วในอากาศด้วยแรงเหวี่ยงกระบือสะบัดหัว แต่รพีพงศ์ก็สามารถกลับกายย่อลงพื้นได้อย่างปลอดภัย แต่กระบือร้ายก็หาได้ให้รพีพงศ์ตั้งตัวพักเหนื่อยวิ่งเข้าไล่ขวิดอย่างต่อเนื่อง

“พอสักที!!!!...ฮึก หยุดทำท่านรพีพงศ์ ได้แล้ว หยุด!!!!” นาคินทร์ร้องออกมาแทบขาดใจ ในดวงตาทั้งสองสะท้อนเงาของร่างสูงที่กลิ้งหลบจนคมหินนั้นบาดไปทั่วกาย ไหนจักมีรอยถลอกจนฟกช้ำ … ‘ท่านรพีพงศ์...ท่านไม่ควรจักเดือดร้อนเพราะข้าเลย…ข้ามันช่างไร้ประโยชน์ไร้ค่าเสียจริงที่มิอาจช่วยเหลืออันใดท่านได้’…

“เจ้าหนีไม่พ้นแล้วรพีพงศ์” พระอังคารเอ่ยออกมา มุมปากกระตุกยิ้มที่ได้เห็นกระบือตัวใหญ่ไล่ขวิด รพีพงศ์เองก็รู้ว่าสู้แรงไม่ได้ ตอนนี้ก็ทำได้เพียงหลบหลีกเท่านั้น

‘อั่ก!!’

สี่เท้ายังรู้พลาด…นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง รพีพงศ์เริ่มหมดแรงทำให้ปฏิกิริยาของร่างกายช้าลงจนพลาดถูกเขาของหงชาดกระแทกเข้าสีข้างจนร่างสูงกระเด็นและล้มลงนอนไถลจนเกือบตกลงจากผาน้ำตก

“ไม่!!!!!...ท่านรพีพงศ์!!!” นาคินทร์ร้องออกมาสุดเสียง หัวใจนั้นแทบหยุดเต้น เมื่อเห็นว่าโลหิตไหลออกมาจากปากของรพีพงศ์

“นี่คงเป็นวาระสุดท้ายของเจ้าเสียแล้ว...รพีพงศ์” พระอังคารเอ่ยแล้วหันไปพยักหน้ากับมหิงสาพาหนะเป็นสัญญาณให้ลงมืออีกครั้ง…เป็นครั้งสุดท้าย

‘เปรี้ยง!!!...เปรี้ยง!!!’

เกิดเสียงอสุนีบาตดังกึกก้องอย่างมิมีใครคาดคิด สายฟ้าฟาดลงมาที่นาคินทร์และตรงเขามหิงสาหักกระเด็นปักลงพื้นศิลา ร่างกระบือยักษ์กระเด็นไปกระแทกกับโขดหินใหญ่จนสลบเหมือด ผิดกับนาคินทร์ที่กลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อยทั้งยังหลุดจากพันธนาการเถาวัลย์ไม้อาคมอีกด้วย กระนั้นก็มิใช่เวลาที่จะมาดีใจ นาคน้อยรีบพาตัวเองไปหารพีพงศ์ที่กำลังจะตกหน้าผาด้วยแรงสะเทือนจากอัสนี โชคดีที่รพีพงศ์จับก้อนหินเอาไว้

“ท่านรพีพงศ์ยึดหินไว้ให้มั่น ข้ามาช่วยท่านแล้ว” นาคินทร์ลุยน้ำตรงเข้าพระอังคารก็ยืนขวางไว้

‘เปรี้ยง!!!’ คราวนี้สายฟ้าฟาดตรงหน้าพระอังคาร ทำให้ไม่สามารถจับตัวนาคินทร์ไว้ได้ ขณะเดียวกันรพีพงศ์ก็พลัดตกลงไป

“ท่านรพีพงศ์!!!...ท่านรพีพงศ์!!!” นาคินทร์ร้องเรียกหา ขาทั้งสองก็เร่งก้าวไปยังผาน้ำตก

“ใครบังอาจปล่อยสายฟ้าลงมา!!!!” พระอังคารพิโรธยิ่งนักที่ถูกขัดขวาง สายฟ้าที่ฟาดลงมาเมื่อครู่ เพราะรู้ว่าหาใช่สายฟ้าที่เกิดจากธรรมชาติไม่ สายฟ้านี้เกิดขึ้นจากมนตรา…

พลันเมฆาสีควันไฟที่ล่องลอยได้รวมกลุ่มกันสร้างอัสนีบาตร ก็เข้มขึ้นเหมือนกลุ่มเฆมพายุฝนขนาดใหญ่  แล้วปรากฏหางพญานาคขึ้นมา เมื่อพระอังคารไล่สายตาขึ้นไปกลับไม่พบว่าเจ้าของหางนั้นไม่ได้เป็นนาคแต่กลับเป็นอสุราเขี้ยวงอหน้าตาดุดันชวนให้น่าเกรงขาม  ด้วยฉวีสีนิลออกไปทางทองแดง ทรงกายด้วยทรงเครื่องประดับทอง ยักษ์ผู้มีท่อนล่างเป็นนาคมีเพียงตนเดียวมิใช่ใครอื่น…

“พระราหู!!” พระอังคารรวมถึงนาคินทร์ตกตะลึง ก่อนที่นาคน้อยจะตั้งสติว่าเพลานี้ สิ่งที่ตนต้องทำคือช่วยบุรุษที่ตกลงไปเบื้องล่าง หัตถาพนมขึ้น ริมฝีปากขยับร่ายคาถาให้กายาคืนร่างเป็นนาคดั่งเก่าแล้วจึงกระโจนลงไปยังหน้าผาน้ำตกตามหารพีพงศ์

‘ตูม!!!’ เสียงกระโจนลงน้ำของนาคินทร์ช่วยเรียกสติพระอังคารให้หลุดพ้นจากภวังค์รวมถึงรับรู้ว่าตนไม่สามารถชิงตัวนาคินทร์จากรพีพงศ์ได้…‘อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้ว’…

“พระราหู!!! เหตุใดท่านจึงมาขัดขวางข้า แถมยังมาทำร้ายหงชาดด้วย” สุรเสียงก้องกังวาลแฝงไปด้วยความไม่พอใจถูกส่งไปหาผู้อยู่เบื้องบน

“อย่าได้เรียกว่าขัดขวางเลย... เรียกว่าข้ามาช่วยท่านมิให้ก่อกรรมทำเข็ญมากกว่า...” พระราหูเอ่ยเสียงเรียบไม่กริ่งเกรงเทพสงครามที่พร้อมจะฟาดฟันตนทุกเมื่อ

“ฮึ! ข้าว่าท่านมิต้องการให้ข้าทำดีเสียมากกว่า ข้านี้มาทวงคืนสนมให้พระสมุทรกนธี ข้ามิได้จะชิงเจ้านาคนั่นมาเป็นเมียตนเอง ท่านจะกล่าวหาว่าข้าก่อกรรมคงมิได้”

“อย่างนั้นหรือ…อีกอย่างแล้วท่านเห็นนาคตนนั้นยินดีที่แยกจากรพีพงศ์หรือไม่เล่า” พระราหูเอ่ยเพื่อต้องการให้พระอังคารคิดไตร่ตรองจากสิ่งที่ได้เห็น

“ไม่รู้ล่ะ!! ข้ารู้ว่าข้าต้องนำนาคินทร์กลับคืนสู่พระสมุทรกนธีให้ได้...ท่านอย่ามาขวางทางข้าไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ไว้หน้าท่าน...” พระอังคารยังคงยืนยันที่จะนำตัวนาคินทร์ไป ด้วยทิฐิที่เชื่อมั่นว่าตัวเองถูกเสมอจึงไม่ยอมรับความจริงว่าตนนั้นทำผิดไปเสียแล้ว

“เยี่ยงนั้นข้าก็ขอล่วงเกินท่านขัดขวางท่านมิให้ทำการสำเร็จ” พระราหูรู้ดีว่าพระอังคารคิดการเช่นไรอยู่ ในเมื่อยังดื้อแพ่งเยี่ยงนี้ตนก็จะขัดขวางเสียจนกว่ายินยอมล่าถอย

ต่างฝ่ายต่างมีจุดประสงค์ที่จะต้องทำ คนหนึ่งต้องการช่วงชิงส่วนอีกคนต้องการขัดขวางการต่อสู้ของสองเทวาผู้ยิ่งใหญ่แห่งนพเคราะห์จึงอุบัติขึ้น พระอังคารร่ายมนตราจนก่อเกิดแสงภาสุระเจือชมพูหมุนวนเป็นวงกลมที่ขยายใหญ่ขึ้นทุกขณะ

พระราหูเองไม่คิดจะนิ่งเฉยตกเป็นเป้าให้พระอังคารเล่นงาน เมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้เจนจัดในสงคราม เทพอสุราจำต้องสู้เต็มกำลังจึงได้ร่ายคาถา สร้างม่านมนตราสีมอครามเป็นโล่สกัดกั้นฤทธิ์ของพระอังคาร  ครั้นพลังทำลายของผู้ทรงฤทธิ์ทั้งสองกระทบกันความรู้สึกถึงแรงปะทะอันหนักหน่วงก็ชวนให้หมดแรงเสียแต่ทั้งสองรู้ดีว่าจักต้องอดทนให้มากที่สุด แต่ทุกสิ่งย่อมมีขีดจำกัด

“อ้าก!!!...” พระอังคารร้องลั่นพร้อมกระเด็นไปด้านหลัง เนื่องด้วยเสียแรงไปกับการต่อสู้กับรพีพงศ์จึงมิอาจต้านพระราหูไว้ได้ส่งผลให้พลังที่หมายทำร้ายพระราหูสะท้อนกลับมาที่ตน

‘ครืน…’

เทพยักษ์ครึ่งนาคนามราหูใช้โอกาสที่พระอังคารพลาดท่าเสียทีท่องคาถาเรียกฝน... ท้องนภารวมถึงเมฆาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ ไม่นานหยาดพิรุณโรยโปรยปรายใส่พระอังคารจนดวงตาทั้งสองข้างมิอาจมองเห็นอันใดเนื่องด้วยทัศนียภาพถูกบดบังจากสายฝนกระหน่ำหนัก

“คิดว่าฝนกระจอกๆ ของท่านแค่นี้จะทำอันใดข้าได้อย่างนั้นหรือ...” พระอังคารลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล อีกทั้งยังคงอวดดีแม้ว่าจะมองพระราหูไม่เห็น เทพสงครามเรียกหอกแก้วขึ้นมาอีกครั้งเตรียมสู้รบ…‘ไม่มีทางที่ข้าจะแพ้ท่าน…พระราหู’...

“ข้าก็ไม่คิดว่าฝนของข้าจะทำอันใดเทพสงครามอย่างท่านได้ดอก จะสู้กับท่านทั้งทีข้าเองก็จะสู้อย่างเต็มที่เหมือนกัน...” พระราหูเอ่ย มือทั้งสองยกขึ้นมาพนมไว้กลางอุราแล้วตั้งจิตใช้วิชาภูตนาคาในตำนานแห่งศาสตร์มืด ว่าด้วยการเรียกวิญญาณนาคร้ายจากคาบสมุทรทั้งเจ็ดเข้าโจมตีศัตรู หัตถาข้างหนึ่งหงายขึ้นมาปรากฏวิญญาณภูตนาคทั้งเจ็ดออกมาพร้อมกับเสียงโหยหวนชวนขนลุก เขย่าขวัญและโสตประสาทการได้ยิน แล้วพุ่งเข้าจู่โจมลงไปสู้กับพระอังคารที่อยู่เบื้องล่าง

“ฮึ..” พระอังคารยิ้มเยาะ  ถึงแม้จะเคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความร้ายกาจของวิชานี้ แต่ไม่หวั่นเกรงภูตนาคทั้งเจ็ดแม้แต่น้อย ด้วยตนนั้นสังหารนาคมาแล้วนับไม่ถ้วนจึงพุ่งหอกออกไปโดยไม่หวั่นเกรง แต่หอกแก้วนั้นกลับทะลุผ่านไป เหล่าภูตนาคก็พุ่งตรงเข้ามาชนทะลุผ่านกายพระอังคารเช่นกัน  ถึงแม้จะทะลุผ่านแต่ก็เหมือนโดนคมดาบทั้งเจ็ดเสียดแทงผ่านกายเข้าไปยังจุดสำคัญทั้งเจ็ดจุด

“อ้าก!!” พระอังคารร้องออกมา นึกเจ็บใจที่ตนลืมไปเสียว่านาคเหล่านี้เป็นวิญญาณหาใช่นาคที่มีเนื้อหนังมังสาไม่ ความเจ็บปวดราวร้าวที่พระอังคารไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเริ่มรู้สึกจนแทบจะทนไม่ไหว 

ภูตนาคไม่หยุดเพียงแค่พุ่งผ่านร่างเท่านั้น  ต่างเข้าเลื้อยรัดพันกายพระอังคาร นาคบางตนขดตัวพ่นพิษและไฟกรด ทำเอาพระอังคารแสบร้อนไปทั่ววรกาย บางตนกัดฝังคมเขี้ยวลงเนื้อหนังพระอังคารให้เจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง  ส่วนอีกตนเข้าไปสร้างฝันร้ายทำลายสติ

“พระอังคารถ้าท่านยอมแพ้และไม่ตามรังควานรพีพงศ์รวมถึงนาคาตนนั้น ข้าก็จะให้ภูตนาคปล่อยท่านเสีย” พระราหูยื่นข้อเสนอครั้งสุดท้าย แม้รู้จักนิสัยพระอังคารดีว่าจะได้รับคำตอบคือ…

“ไม่!!!!” เป็นไปตามที่พระราหูคิดไม่ผิดเพี้ยน

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอให้ท่านนอนคิดทบทวนดูใหม่สักรอบ”   “อีกรอบก็ไม่...”

แสงวูบวาบจากด้านหลังทำให้พระอังคารที่สติสัมผัสยังไม่ครบเพราะถูกภูตนาคก่อกวน ก็ช้าไปแล้วที่จะหันไปพบกับกระบองแก้วอาวุธประจำกายของพระราหู เมื่อไม่เปลี่ยนใจเปลี่ยนคำตอบ กระบองรัตนาฟาดลงเข้าอย่างเต็มแรงจนเทวากายสีชมพูล้มลงไปนอนสลบอยู่กับพื้น พระราหูจ้องมองร่างไร้สติของพระอังคารก็เกิดความรู้สึกสังเวทใจ ด้วยพระราหูมิได้มีเจตนาจะทำร้ายพระอังคารตั้งแต่ทีแรก จึงจำต้องเร่งที่จะจบการต่อสู้โดยเร็วที่สุด...

 ‘ทั้งที่มีโอกาสกลับตัวกลับใจแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดก็ไม่ยอมทำ ท่านคงกลัวเสียหน้ามากกว่ากลัวการกระทำผิดกระมัง’… คิดแล้วก็ทำได้เพียงส่ายพระพักตร์อย่างเบื่อหน่าย ยังดีที่ตนนั้นเข้ามาขัดขวางก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายยิ่งกว่านี้ พระราหูภาวนามิให้รุกขเทวดาหรือใครหน้าไหนนำเรื่องที่พระอังคารทำร้ายรพีพงศ์ไปป่าวประกาศเป็นอันขาด หากเรื่องถึงองค์สุริยะเทพ ก็มิอยากจะคิดเลยว่าทั้งไตรภพจักต้องร้อนระอุยิ่งกว่าไฟในโลกันต์นรกเป็นแน่

‘ท่านรพีพงศ์…ฮือ…ท่านรพีพงศ์’

ภาพของนาคินทร์แวบเข้ามาในหัวพร้อมกับเสียงร้องที่ดังก้องในโสตประสาท ดวงตาหวานหยาดเยิ้มมีน้ำตาใสหลั่งรินไหลอาบแก้มปากก็พร่ำร้องหาสุริยบุตรอยู่มิไม่ขาดปาก  แววตาคู่นั้น รวมถึงเส้นผมดำขลับสวยทำให้พระราหูนึกถึงหญิงสาวที่ตนแอบรักมาโดยตลอด

“มุตตาข้าช่วยลูกของเจ้าได้เพียงเท่านี้”































.......................................

เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจรวมถึงเก็บไฟที่จะเผากระท่อมท่านยุ่ง เก็บมือเก็บเท้าที่จะตบ ตี ถีบ กระทืบ และสารพัดที่จะทำร้ายท่านยุ่งไว้ อิอิอิ

เอาใจช่วยนภนต์ที่ถูกฟันหลัง(สงสัยจะเลือดหมดตัวไปแล้ว) และเอาใจช่วยรพีพงศ์ให้จมน้ำ

และเอาใจช่วยป๋ากนธีนำตัวหลานรักและสนมคนงามมาสู่อ้อมอกอ้อมใจ 55555 ท่านยุ่งทีมป๋ากนธีนะคะ  อิอิอิ

//พระราหูมาทำไมยังไม่ใช่ฤดูร้อน(ท่านยุ่งติดเทพสามฤดู)

//พระอังคารปลอดภัยใช่ไหม

//นาคินทร์อย่าช่วยรพีพงศ์เลยว่ายน้ำหนีไปหาป๋ากนธีดีกว่า เป็นสนมดีกว่าเป็นเชลย (ยุยง)

//รพีพงศ์จมน้ำไปเลย ไอ้คนไม่รู้ใจตัวเอง

สุดท้ายนี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านมาเม้นเป็นกำลังใจนะคะ การได้อ่านเม้นแล้วโต้ตอบอย่างกวนๆ ไม่รู้คนอ่านจะไม่พอใจหรือเปล่า..แต่ท่านยุ่งจะกวนต่อไป 5555555

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
«ตอบ #223 เมื่อ16-08-2017 16:55:03 »

555+ ไม่เจ็บตัวไม่รู้ใจ พระอังคารนอกจากหูเบาแล้วยังดันทุรังอีกแหน่ะ
กนธีตกลงรักหลาน หวงก้างนาคินทร์ช่ายป่ะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
«ตอบ #224 เมื่อ16-08-2017 19:38:27 »

รอตอนต่อไป :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
«ตอบ #225 เมื่อ16-08-2017 20:19:15 »

+ เป็ดไว้ก่อนค่ะ

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
«ตอบ #226 เมื่อ16-08-2017 21:53:20 »

สนุกมากค่ะ..เดี๋ยวมาอ่านต่อ +เป็ดคร๊าบ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
«ตอบ #227 เมื่อ16-08-2017 21:55:46 »

งงใจ ท่าน กนธี

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
«ตอบ #228 เมื่อ16-08-2017 23:21:56 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
«ตอบ #229 เมื่อ16-08-2017 23:50:59 »

รอตอนต่อไป~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
« ตอบ #229 เมื่อ: 16-08-2017 23:50:59 »





ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.22 P.8 (16/08/2560)
«ตอบ #230 เมื่อ17-08-2017 02:29:03 »

นักแสดงสมทบมาอีกแล้วจ้าา

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.23 P.8 (28/08/2560)
«ตอบ #231 เมื่อ28-08-2017 16:10:04 »



สาปรัก ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung 0209

File : 23















หยดแล้วหยดเล่า…หยาดโลหิตสีทองไหลออกมาจากบาดแผลที่ยาวเป็นลายพาดกลอนบนแผ่นหลังไม่ต่างจากพยัคฆ์ บาดแผลที่เกิดจากความประมาทจนถูกพระขรรค์ฟาดฟันจนทิ้งรอยเจ็บเอาไว้กับนภนต์ หากความเจ็บของแผลกายนั้นไม่หนักเท่ากับแผลใจ ถึงกระนั้นนับว่านภนต์มีโชคอยู่บ้างที่พระพฤหัสบดีลงมาช่วยและจัดการพระศุกร์ไว้ได้

“อึก..”

“ท่านพี่!!!”

บนหลังพระโคศุภราชชลันธรพยายามโอบพยุงกายเทพนภนต์ที่หมดเรี่ยวแรงจนไม่สามารถประคองกายบนหลังพระโคได้ เทพหนุ่มทรุดตัวลงโชคดีที่ชลันธรคอยพยุงเอาไว้จึงไม่ล้มลงหน้าคะมำ

“ท่านพี่ไหวหรือไม่เล่า หากไม่ไหวอย่าฝืนเลย เราหยุดพักกันดีก่อนหรือไม่...” ชลันธรเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ดวงตาเรียวสวยมีน้ำตาคลอ…‘เป็นเพราะข้า ท่านพี่ถึงได้บาดเจ็บเยี่ยงนี้’...

“เจ้าอย่าได้คิดโทษตัวเองเลยชลันธร พี่ยินดีที่ปกป้องเจ้าต่อให้ถึงตาย พี่จะไม่ให้เจ้าได้รับอันตรายหรือตกเป็นของผู้ใดเป็นอันขาด…” มีหรือจักไม่รู้ว่าคนรักคิดอันใดอยู่ เพียงได้สบตานภนต์นั้นก็รู้แล้วว่าชลันธรกำลังคิดมาก

“แต่…”

“ไม่มีแต่…เจ้าอย่าได้กังวลเลย พี่หาได้เป็นอันใดมาก ขอเพียงพี่ได้นั่งพักสักครู่ชั่วยาม ให้มีแรงก็เพียงพอแล้ว” นภนต์พูดขัดขึ้นมาทั้งสองจึงหยุดพัก ชลันธรพยุงกายหนาให้ลงจากหลังพระโคศุภราช  แล้วไปยังโขดหินย่อมๆ ที่อยู่ใต้พุ่มไม้พอจะบังร่มได้

“จริงสิ!! ท่านพี่…ท่านพี่เคยร่ายมนต์รักษาแผลข้า เหตุใดจึงไม่รักษาแผลท่านเล่า” ชลันธรนึกขึ้นได้จึงไต่ถาม เมื่อครั้นตนเจอนภนต์คราแรก ชลันธรนั้นได้รับบาดเจ็บนภนต์นั้นก็เป็นผู้รักษาแผลให้

“พี่มิสามารถทำได้ในเพลานี้ ด้วยพี่ไม่มีกำลังกายพอ ทั้งพระขรรค์ที่เป็นศาสตราวุธประจำกายพระศุกร์ยังกำกับพระเวทย์ไว้เสียด้วย หากจักรักษาต้องให้ผู้มีคาถาแกร่งกล้ามาช่วยไม่ก็ต้องรอให้กำลังพี่ฟื้นตัวเสียก่อน” นภนต์ตอบ

“แล้วเราจักให้ใครรักษาเล่า รพีพงศ์เองมีฤทธิ์เดชก็หายไปกับนาคินทร์เสียแล้ว หากรอท่านพี่ฟื้นกำลังข้ากลัวว่าโลหิตนี้จะไหลออกมาหมดตัวท่านพี่เสียก่อน... ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้าโดยแท้” ชลันธรเอ่ยเสียงเศร้า นึกเจ็บใจที่ตนเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่สามารถช่วยคนรักได้ทั้งยังเป็นตัวถ่วงเสียอีก

“ไยเจ้ากรรแสงกันเล่า พี่บอกแล้วว่าอย่ากังวล อย่าโทษตัวเอง” นภนต์ยกมือขึ้นมาเกลี่ยนน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวของชลันธร

“เป็นเพราะข้า…ฮึก..ฮือ...” ความเสียใจนี้ชลันธรนั้นสุดกลั้น ท้ายที่สุดร่างบางก็มิอาจสร้างทำนบกั้นน้ำตาได้

“ถ้ารู้สึกผิดมาก็จงนำตักเจ้ามาเป็นหมอนให้พี่หนุนนอนเถิด” นภนต์เอ่ยแล้วเอนกายลงนอนหนุนตักกว้างของคนรัก

“ตักเจ้ายังอุ่นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยชลันธร” นภนต์เอ่ยชมพร้อมส่งรอยยิ้มให้เจ้าของหมอนจำเป็น ชลันธรก้มลงจุมพิตหน้าผากของนภนต์ เมื่อผละออกก็พบว่าเทพแห่งท้องนภาสลบไปแล้ว

“ท่านพี่นภนต์!!!...ท่านพี่!!!”

‘ฟึบ!’

‘ฟิ้ว!’

ชลันธรที่กำลังเสียขวัญด้วยอาการที่ทรุดลงของนภนต์ก็ต้องตกใจ เมื่อลูกศรแล่นผ่านพักตรางามอย่างฉิวเฉียด ชลันธรหันมองไปรอบกายว่าใครกันที่ยิงศรมา…‘หรือว่าข้านี้จะหนีไม่พ้นเงื้อมมือมัจจุราช’…ชลันธรตกอยู่ในอาการผวา หวาดกลัวทั้งยังพะวงนักด้วยนภนต์ที่ไม่รู้สึกตัวว่าภัยกำลังคืบคลานเข้ามา

“พวกเจ้าเป็นใครบังอาจเข้ามารุกล้ำในเขตพลับพลาที่ประทับขององค์เทพีปัณฑารีย์ (ปัน-ดา-รี)”

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด…อาจจะเป็นนิยามที่เหมาะในช่วงเวลานี้ของชลันธรและนภนต์ ทั้งที่ทุกสิ่งกำลังจะดีขึ้น ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วยามอาการของนภนต์จะดีขึ้น แต่ไฉนความโชคร้ายถึงได้ย่างกรายเข้ามา ไหนจะต้องพลัดพรากจากสหาย ไหนจะนภนต์ที่อ่อนพละกำลังเพราะบาดเจ็บ แล้วนี่ยังมีเหล่าทหารของเทพีปัณฑารีย์ซึ่งมิรู้ว่ามาดีหรือมาร้ายได้ยืนรายล้อมพร้อมถืออาวุธครบมือ

“เรานามว่าชลันธรและผู้ที่นอนหนุนตักข้าอยู่นี้คือเทพนภนต์ แม่ทัพแห่งสวรรค์ เราทั้งสองมิได้ตั้งใจจะรุกล้ำเข้ามาในเขตพลับพลาที่ประทับของเทพีปัณฑารีย์ ได้โปรดอย่าทำอันใดพวกเราเลย โปรดเห็นใจพวกเราด้วยเถิด...” ชลันธรเอ่ยด้วยความจริงเพราะตนเองไม่สามารถที่จะเข้าต่อกรกับทหารพวกนี้ได้ และบางทีหากเอ่ยชื่อนภนต์ออกไปเหล่าทหารที่ยำเกรงด้วยตำแหน่งแม่ทัพน่าจะเห็นใจชลันธรบ้าง  แต่เหล่าทหารต่างมองหน้ากันไม่รู้จะเชื่อในสิ่งที่ผู้บุกรุกเอ่ยออกมาดีหรือไม่ เพราะระดับเทพนภนต์ที่เป็นแม่ทัพแห่งสวรรค์จะมาบาดเจ็บอยู่ในป่ากันติทัตทั้งยังมานอนหนุนตักมนุษย์ผู้นี้ได้หรือ…

“เจ้ามนุษย์...เจ้าอย่ามาหลอกลวงพวกเราเลย...ท่านเทพนภนต์เก่งกาจขนาดไหนเป็นที่ประจักษ์ทั้งสามโลก...บุกรุกแล้วยังไม่พอ ซ้ำยังแอบอ้างนามท่านแม่ทัพสวรรค์อีก... พวกเจ้าไปจับผู้บุกรุกทั้งสองแล้วนำไปให้เทพีปัณฑารีย์สอบสวนบัดเดี๋ยวนี้...” นายกองทหารกล่าวสั่งลูกน้องตรงเจ้าจับกุมชลันธรและนภนต์ทั้งที่ยังบาดเจ็บ

“อ๊ากกกกกก...”  เสียงร้อยเพราะความเจ็บปวดของเหล่าทหารที่หมายตรงเข้าจับกุมทั้งสอง แต่ยังมิทันได้เข้าใกล้ ร่างก็กระเด็นลอยออกไปเสียก่อน

“ศุภราช...” ชลันธรเอ่ยชื่อพระโคของพระศุกร์ที่ยังคงติดตามชลันธรกับนภนต์มา โคขาวกายล่ำสันพุ่งเข้าขวางทาง ขวิดร่างเหล่าทหารของเทพีปัณฑารีย์กระเด็ดออกไปเสียก่อน  เหล่าทหารต่างมึนงงจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเพราะเข้าไปอีกอาจจะโดนขวิดกระเด็นตาย...หรือไม่ก็เพราะถูกกีบเท้าใหญ่นั้นเหยียบย้ำ  พระโคศุภราชกำลังคึกพิโรธมิต่างจากโคถึก แววตาดุดัน เท้าหน้าตะกุยดินพร้อมพุ่งชนเหล่าทหารที่หมายย่างกรายแตะต้องกายชลันธร เสียงลมหายใจเข้าออกนั้นดังแรง เป็นสัญญาณให้ผู้ที่หมายเข้ามานั้นรู้ว่ากำลังคึกเต็มที่...แต่เหล่าทหารหาญก็หาแกร่งกลัวไม่ยังคงตั้งท่าวงล้อมประจันหน้ากับพระโคศุภราชด้วยอาวุธครบมือแต่ก็ยังมิกล่าผลีผลามบุกเข้าไป...

“พวกเจ้าเก็บอาวุธบัดเดี๋ยวนี้!!!” เสียงหวานแฝงไปด้วยอำนาจดังก้องทำให้ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาต่างรีบทำตามคำสั่งเพราะกลัวจะได้รับอาญา ดรุณีงามทรงเครื่องอาภรณ์สีกลีบบัวเยื้องย่างเข้ามาฝ่าวงล้อมทหาร ดวงเนตรงามดุจดั่งเนื้อทรายมองดูผู้ถูกล้อม สีหน้าที่ดูเรียบนี้นั้นบ่งบอกได้ถึงว่าเป็นผู้มีบุญญาบารมีมากล้น หากแต่สีหน้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก คราแรกคิดว่ามีผู้แอบอ้างพอได้เห็นก็ตกใจไม่น้อยที่พบกับเจ้าของนามที่ตนนั้นคุ้นเคย...

“เทพนภนต์…” เทพีปัณฑารีย์เดินตรงเข้าไปโดยมิได้หวากกลัวพระโคศุภราชที่กำลังคึกหนัก เพียงฝ่ามือบางลูบสัมผัสอย่างบางเบาที่กลางกระหม่อมทุยของพระโคศุภราช โคขาวก็มีท่าทีที่สงบนิ่งอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงจุดที่ชลันธรและเทพนภนต์อยู่  ปัณฑารีย์ก็ย่อกายนั่งลงมองใบหน้าหล่อเหลาโดยไม่สนใจชลันธรที่แอบไม่พอใจอยู่เนืองๆ ด้วยมิชอบใจที่เทพีสาวมองคนรักตนด้วยสายตาเยี่ยงนี้…ไม่ชอบเลยสักนิด

“…นี่มันเลือด!! เลือดมาจากไหนกันเปื้อนสไบข้าหมดแล้ว” เทพีปัณฑารีย์เอ่ยออกมา คนงามเอามือจับชายสไบสบัดคราบเลือด อดที่จะตกใจมิได้

‘มัวแต่มองท่านพี่นภนต์จนไม่สังเกตอันใดเลยสินะ’

“เทพีปัณฑารีย์ เราขออภัยแทนเทพนภนต์ด้วยที่เลือดของเทพนภนต์ได้เปรอะเปื้อนสไบของท่าน” ชลันธรเอ่ย

“เลือดของเทพนภนต์หรอกหรือ... ทหารยืนนิ่งอยู่ไยเล่ารีบเข้ามาช่วยข้าพยุงกายเทพนภนต์แล้วพากลับไปที่พลับพลาบัดเดี๋ยวนี้...” ปัณฑารีย์เทวีออกคำสั่งเหล่าทหารนายกองก็เข้ามาพยุงร่างเทพนภนต์ไปยังพลับพลาที่ประทับโดยที่ชลันธรเดินตามไม่ห่าง ใจก็อยากจะไปพยุงกายด้วยตัวเองแต่เหล่าทหารก็เบียดเสียดยากที่จะแทรกเข้าไปถึงกายนภนต์ได้ พระโคศุภราชที่ตามชลันธรมาด้วยจึงได้แต่ให้ศีรษะถูกแขนชลันธรเพื่อปลอบใจ...

“พวกท่านจะพาเทพนภนต์ไปทำอะไรกัน...” ชลันธรเอ่ยถามทหารนายหนึ่งที่อยู่ใกล้

“เจ้ามิต้องเป็นห่วงท่านเทพนภนต์ดอก...เทพีปัณฑารีย์เป็นเทพแห่งการรักษาเป็นธิดาของเทพโอสถ  เทพีท่านมีความเมตตาจะรักษาเทพนภนต์ให้หายเป็นปกติดังเดิม...”  ถึงคำตอบนั้นจะทำให้ชลันธรเบาใจได้เพียงครึ่งแต่ก็ไม่ไว้ใจหญิงงามนามปัณฑารีย์นี้เท่าใดนัก ก็ด้วยสายตาที่มองเทพนภนต์นั้นราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ...

เมื่อถึงพลับพลาที่ประทับ เทพีปัณฑารีย์จึงรับสั่งให้เหล่าทหารพานภนต์เข้าไปยังกระโจมพร้อมมิให้ใครเข้าไปด้านใน มิเว้นชลันธรที่ก็จำต้องรอนภนต์คนรักอยู่ด้านนอกเช่นกัน ท่ามกลางสายตาของทหารและธารกำนัลผู้ติดตามเทพีปัณฑารีย์ที่คอยจับจ้องไม่วางตาเนื่องด้วยไม่เคยได้พบพานมนุษย์รุกล้ำเข้ามาในป่ากันติทัตมาก่อน ชวนให้ชลันธรอึดอัดใจยิ่งนัก แต่ก็เบาใจที่พระโคศุภราชเคยเฝ้าอยู่มิห่างจากกายตน …‘หากเราไม่เห็นแก่ที่เทพีปัณฑารีย์สามารถช่วยท่านพี่นภนต์ได้ ข้าจะอาละวาดโวยวายเสียให้รู้แล้วรู้รอด’...ชลันธรหน้านิ่วคิ้วขมวดผิดจากอุปนิสัยที่เป็นคนใจเย็น หากบัดนี้กลับรู้สึกว่ากำลังว้าวุ่นใจบางอย่าง เหมือนกับว่าไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเห็นก็ยิ่งชวนหงุดหงิด ก็ด้วยของเทพีสาวที่ตั้งท่าทางนั้นเหมือนมิได้สงวนกายแฉกเช่นเทพี สตรีสวรรค์กลับเลือกที่จะใกล้ชิดนภนต์จนเกินงาม... ‘แบบนี้สินะ ที่พวกมนุยษ์เรียกว่า อ่อยเหยื่อ...’ 

ไม่นานนักพวกทหารก็ดึงม่านกั้นที่พลับพลาลงกลายเป็นกระโจมขนาดใหญ่ทำให้ชลันธรมิสามารถเห็นการรักษาของเทพีปัณฑารีย์ได้อีก ทำให้ชลันธรนั้นเริ่มอยู่ไม่สุข .... “นี่มันแกล้งกันชัด ๆ เทพีปัณฑารีย์...”



.

.

.



เวลาผ่านไปจนไม่หลงเหลือแสงรวีฉาบท้องฟ้า ค่ำแล้วเหตุใดเทพีปัณฑารีย์ยังไม่ออกมาแจ้งอาการของเทพนภนต์ คนที่รออยู่ข้างนอกอย่างชลันธรจึงได้แต่เดินไปมาหน้ากระโจมอย่างร้อนใจ สุดท้ายก็อดทนรอไม่ไหวบุกเข้าไปในกระโจมเสียเอง แต่เทพีปัณฑารีย์มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไป จึงได้มีทหารคอยกันเฝ้าหน้ากระโจมอยู่ ชลันธรนึกหาทางเข้าไปจึงแสร้งเดินออกห่างจากกระโจมก่อนจะอ้อมไปด้านข้างซึ่งติดกับต้นไม้ใหญ่ อันเป็นมุมอับทำให้ชลันธรสามารถลอดเข้าไปในกระโจมโดยที่ทหารกล้ามิทันได้เห็น

ภายในกระโจมกว้างขวางผิดจากที่พบเห็นภายนอก การตกแต่งรวมถึงเครื่องเรือนนั้นไม่ต่างจากยกวิมานขนาดย่อมมาวางไว้ในกลางไพรีเช่นนี้ หากสิ่งเหล่านี้มิได้ทำให้ชลันธรสนใจเท่ากับอิศสตรีทีกำลังใช้นิ้วเรียวดุจลำเทียนลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างของนภนต์ซึ่งบัดนี้ไร้ซึ่งรอยแผล

“เทพีปัณฑารีย์ท่านกำลังทำอันใดหรือ” ชลันธรถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แม้ว่าอารมณ์นั้นเดือดดาลไม่พอใจกับการกระทำไร้กุลสตรีเยี่ยงนี้ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพีแห่งการรักษา

“นึกว่าใคร…มนุษย์น้อยนี่เอง เจ้าบังอาจมากที่รุกล้ำเข้ามาในกระโจมของข้า” ปัณฑารีย์เทวีเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะจากการชื่นชมรูปกายของเทพนภา ร่างอรชรลุกจากบรรจถรณ์มานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก

“เราขออภัยด้วย...ที่เราบังอาจรุกล้ำเข้ามาในกระโจมนี้ หากเรานั้นเป็นห่วง... ‘ภัสดา’...ของเราจึงใคร่มาดูอาการ…” ชลันธรบอกความจำนงและไม่ลืมเน้นเสียงคำบ่งบอกสถานะระหว่างตนกับนภนต์เทพีสาวได้รับรู้ ปัณฑารีย์เทวีได้ฟังก็ขบฟันแน่นนึกแค้นเคืองที่ชลันธรบังอาจเรียกนภนต์ว่าภัสดา

“เจ้าไม่ต้องห่วงอันใด…ข้านี้ได้รักษาท่านภนต์จนหายตั้งแต่มาถึงแล้ว เพียงแค่ตอนนี้ข้าหมายให้ท่านเทพนภนต์ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็เท่านั้น”

“แล้วเหตุใดท่านถึงไม่แจ้งแก่เรา ปล่อยให้เรายืนรอหน้ากระโจมเสียจนมืดค่ำ” ชลันธรไม่พอใจขึ้นมาเมื่อรู้ว่าตนเองโดนแกล้งเสียแล้ว

“พอดีข้าไม่คิดว่าเจ้านั้นสำคัญอันใด เป็นเพียงมนุษย์อย่าคิดสำคัญตัวผิด” ปัณฑารีย์ยิ้มเยาะชลันธร เทพีสาวคิดว่านี่สินะที่เขาเรียกว่าคางคกขึ้นวอ

“เราไม่สำคัญสำหรับท่าน หากเราสำคัญสำหรับเทพนภนต์” ชลันธรไม่คิดยอมแพ้เช่นกันในเมื่ออีกฝ่ายแรงมาเช่นนี้ทั้งยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนรัก ชลันธรผู้แสนน่ารักก็เปลี่ยนเป็นยักษาได้ในทันที

“เจ้า!!!” เทพีปัณฑารีย์สะกดกลั้นอารมณ์ไม่ไหวจนลุกขึ้นยืน หัตถายกขึ้นมาเตรียมเข้าตบตีชลันธร

“จะตบหน้าเราหรือเทพีปัณฑารีย์...ก็เอาสิ” ชลันธรมิได้กลัวเกรงเทพีปัณฑารีย์แม้แต่น้อยซ้ำยังเดินเข้าหา

“เป็นบุรุษแต่พูดมาได้ว่าเทพนภนต์เป็นภัสดา...ถ้าเจ้าสำคัญกับเทพนภนท์ขนาดนั้นล่ะก็...ไหนบอกมาสิว่าเจ้าเป็นใคร...”  เทพีปัณฑารีย์เอ่ยถาม

“เรามีนามว่าชลันธร...อดีตพระสมุทรในร่างมนุษย์ และมีศักดิ์เป็นพระภาดาของพระผู้สร้างองค์ปัจจุบัน...” ชลันธรแจ้งความจริงแก่เทพีปัณฑารีย์

“เจ้ามนุษย์ธรรมดา ช่างน่าขันยิ่งนัก...เจ้าอย่ามาโกหก...ยกตนข่มข้าหน่อยเลย...อ้างว่าเป็นอดีตพระสมุทรในร่างมนุษย์ และยังอ้างว่ามีศักดิ์เป็นพระภาดาของพระผู้สร้างอีก บอกความจริงมาบัดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจักตัดลิ้นเจ้าเสีย...”  เทพีปัณฑารีย์เดินพูดไปรอบกายชลันธร และคิดว่าชลันธรโกหกจึงพูดขู่ให้บอกความจริง

“เราก็แจ้งความจริงแก่ท่านไปแล้ว...หากว่าไม่เชื่อเห็นทีต้องจนใจ...แต่ที่ท่านจะทำร้ายเรานั้นถ้าท่านอยากลิ้มลองทัณฑ์เทวาของพระผู้สร้างก็มาลองกันดู เรามีเทวราชโองการคุ้มครองทั้งห้ามฆ่าห้ามทำร้าย...ท่านเคยได้ยินเรื่องที่พระเทวีภัควลัญชญ์ต้องทัณฑ์กักบริเวณที่สวนขวัญเจ็ดร้อยปีหรือไม่เล่า...”  ชลันธรเอ่ยถึงครั้งอดีต

“เคยแล้วทำไม...” เทพีปัณฑารีย์ตอบ เทวีคนงามนึกสงสัยว่าเหตุใดมนุษย์ผู้นี้ถึงได้รู้เรื่องทัณฑ์ของมหาเทวีในสวนขวัญ

“ก็ด้วยเพราะพระเทวีภัควลัญชญ์ลงโทษเรากับบุษยะจนเกินเหตุไงเล่า พระผู้สร้างและพระบิดาเราจึงกริ้วหนักทำให้พระเทวีภัควลัญชญ์ต้องทัณฑ์เทวา ซ้ำบริวารลงถูกสาปให้กลายเป็นชะนีไพรอีก...หากไม่อยากเผชิญชะตากรรมเดียวกันกับพระเทวีภัควลัญชญ์แล้วล่ะก็  ขออย่าได้ขวางทางเราให้เข้าดูแลเทพนภนต์เลย...”  ชลันธรกล่าวจบก็เดินเข้ามายังที่นภนต์นอนอยู่

“นี่เจ้า...” เทพีปัณฑารีย์ยังเข้าขวางทาง ทั้งสองประจันหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง

‘ชลันธร…ชลันธรของพี่อยู่ที่ไหน...’ เสียงเพ้อชองนภนต์เข้ามาขัดเสียก่อน ชลันธรพอได้ยินนภนต์เรียกชื่อตนก็ยกยิ้มที่มุมปากให้เทพีปัณฑารีย์อย่างผู้ชนะ  กายบางรีบเดินเข้าไปหานภนต์โดยเทพีปัณฑารีย์เองเดินตามตนไปเช่นกัน

“ท่านพี่…ข้าอยู่นี้แล้ว” ชลันธรกุมมือหนามาแนบแก้มขาวหวังว่านภนต์จะรับรู้ถึงไออุ่นของตน

“ชลันธร…อืม..ชลันธรน้องพี่” สัมผัสรักสื่อถึงเทพหนุ่มรูปงาม เผยให้ดวงเนตรคมที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา นภนต์รู้สึกดียิ่งนักที่ตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าคนรัก ก่อนจะสังเกตว่ายังมีเทพีรูปงามยืนยืนอยู่ใกล้ๆ

“เทพีปัณฑารีย์…” นภนต์เอ่ยน้ำเสียงงุนงงว่าเหตุใดจึงเจอเทพีแห่งการรักษาที่นี่

“ใช่…ข้าเองท่านนภนต์ ข้าดีใจอย่างยิ่งที่ได้พบเจอท่านอีกครั้ง” ปัณฑารีย์เทวีจีบปากจีบคอทักทายเทพที่ตนนั้นแอบรักเสียจนชลันธรนั้นไม่ชอบใจ

“แล้ว…”

“ท่านพี่คงสงสัยใช่หรือไม่ว่าเราสองอยู่ที่ใดและพบเทพีปัณฑารีย์ได้อย่างไร” ชลันธรเอ่ยเสียงหวานพลางพยุงนภนต์ให้นั่งพิงกายตนตาก็เหลือบมองปัณฑารีย์อย่างผู้มีชัย นภนต์พยักหน้าเป็นคำตอบ สร้างความอิจฉาให้กับปัณฑารีย์เป็นอย่างมาก

“ข้ามาเที่ยวเล่นในป่ากันติทัตแล้วบังเอิญเจอท่านนภนต์บาดเจ็บจึงได้พาท่านมารักษาที่พลับพลาที่ประทับของข้า” เทพีปัณฑารีย์ให้คำตอบ

“ข้าขอบน้ำใจท่านเป็นอย่างมากเทพีปัณฑารีย์ที่ช่วยรักษาข้าและดูแลชลันธรในระหว่างรอข้าฟื้นขึ้นมาด้วย” นภนต์กล่าวคำคุณ เทพีปัณฑารีย์ยิ้มรับ ผิดกับชลันธรที่นึกหมั่นไส้… ‘ดูแลเรา...ให้ยืนอยู่ข้างนอกตั้งนานสองนานนะสิ’...

“ไม่ต้องขอบน้ำใจข้าดอก สมัยท่านกลับจากการทำศึกกับพวกอสูรร้าย ข้านี้ก็คอยทำแผลให้ท่านออกบ่อย” ปัณฑารีย์แสดงความสนิทสนมผ่านคำพูดกลายเป็นสาดน้ำมันลงกองเพลิงในใจชลันธร ร่างบางกำหมัดแน่นมองนภนต์ตาขวาง นภนต์ถึงกับชะงัก… ‘นี่ข้ารอดจากคมดาบของพระศุกร์แล้วมาตายเพราะเมียโกรธหรือนี่’...

“ข้าโชคดีที่มีสหายที่ดีคอยรักษาแผลให้” คำพูดของนภนต์ทำให้ดรุณีสาวยิ้มไม่ออก นภนต์รู้ว่าเทพีปัณฑารีย์คิดเช่นไรกับตน เพื่อไม่ให้ชลันธรเข้าใจผิดและเทพีปัณฑารีย์จะได้ไม่หวังสานสัมพันธ์ นภนต์จึงได้พูดตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไม่ให้ก่อเกิดปัญหา

“จะว่าไปชลันธรนั้นหน้าตาดูคล้ายอดีตพระสมุทรยิ่งนัก ไหนจะชื่อเสียงเรียงนามยังเหมือนเสียอีก” เทพีปัณฑารีย์แสร้งถามนภนต์อีกครั้ง ด้วยไม่ปักใจเชื่อว่าชลันธรนั้นพูดความจริง

“ไม่ให้เหมือนก็คงไม่ได้ในเมื่อนั้นคือชลันธรในร่างมนุษย์ อดีตเทพสมุทรตามที่ท่านกล่าวถึง” นภนต์เอ่ย

“เป็นเรื่องจริงกระนั้นหรือ...แล้วไยถึงมาอยู่กับท่านนภนต์เล่า ในเมื่อเจ้าวางยาพิษพระนางกวินตา แถมเมื่อครู่ยังยกอ้างว่าท่านนภนต์เป็นภัสดาอีก...” ปัณฑารีย์เอ่ยท่าทางดูแคลนจนชลันธรโกรธจนตัวสั่นหากต้องไว้หน้านภนต์ไว้จึงจำต้องเงียบไม่โต้ตอบ โกหกว่าเป็นคนรักเทพเวหามันช่างตลกสิ้นดี เทพนภนต์คงมิเอาคนที่ทำร้ายมารดาตนเองมาเป็นคู่ชีวิต...

“ข้าเป็นภัสดาของชลันธรจริงหาได้เป็นเรื่องแอบอ้างไม่ ทั้งนี้ข้ามีหน้าที่ปกป้องชลันธรเพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้วางยาท่านแม่ของข้า...” นภนต์ตอบข้อสงสัย ชลันธรพอได้ฟังคำพูดของนภนต์ที่ยืนยันคำพูดทั้งหมดของตนก็คลายความโกรธขึ้นมาบ้าง เทพีปัณฑารีย์ได้ฟังดังนั้นแล้วก็ได้แต่แสร้งทำเป็นยิ้มออกมา

“จริงสิ เพลานี้มืดค่ำแล้วท่านนภนต์และชลันธรนอนพักผ่อนที่นี่ก่อนเถิด” ปัณฑารีย์เทวีเปลี่ยนเรื่อง

“ข้าคงต้องปฏิเสธ บุรุษสองคนจะมานอนค้างแรมในกระโจมเดียวกับสตรีได้เยี่ยงไร ยิ่งสตรีผู้เป็นเทพีชั้นสูงแล้วดูท่าจะไม่งามนัก อีกทั้งข้าเองรู้สึกดีขึ้นมากโขคงจะนอนด้านนอกได้มิเป็นปัญหาใด” นภนต์เอ่ย

“ท่านกำลังเข้าใจผิด ข้าขออภัยที่พูดแจ้งไปไม่กระจ่าง ก่อนหน้านี้ข้าให้ไพร่พลช่วยสร้างกระโจมอีกหลังไว้ แม้จะไม่ใหญ่โตเท่ากระโจมของข้า หากมันสามารถทำให้ท่านหลับสบายกว่านอนกลางดิน” ปัณฑารีย์เทวีเอ่ยทั้งที่ใจนั้นอยากจะให้นภนต์อยู่กับตน หากใครสามารถเข้าไปในความคิดคงจะต้องส่ายหน้าและต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่านี่หรือคือเทพีที่แสนฉลาดและเรียบร้อยจนเป็นที่เลื่องลือ

“ข้าขอบน้ำใจอีกครั้งที่อุตส่าห์รักษาแผลให้กับข้ารวมถึงให้ที่พักหลับนอน” นภนต์เอ่ย

“มิเป็นไรไม่ได้ อย่างไรเสียข้าต้องช่วยท่านอยู่แล้ว” ปัณฑารีย์เอ่ย

“ชลันธรเป็นอันใด ไยเจ้าถึงนั่งเงียบ” นภนต์ถามคนรักที่นั่งไม่พูดไม่จาเสียพักใหญ่

“ข้าง่วงนอนเลยไม่อยากจะเสวนาอันใด…ฮ้าว…” ชลันธรเอ่ยแล้วแสร้งยกมือป้องปิดปากที่เปิดกว้าง

“เจ้าง่วงนอนเสียแล้วหรือ…ถ้าเช่นนั้นเทพีปัณฑารีย์ข้าคงต้องขอตัวพาชลันธรไปพักผ่อนก่อน อีกอย่างนี่ก็เริ่มดึกแล้วข้าไม่อยากจะรบกวนท่านอีก”  นภนต์รีบกล่าวลาด้วยเป็นห่วงชลันธรที่กำลังง่วง เพราะด้วยคงเหนื่อยล้าจากการเดินทาง

“เชิญท่านและชลันธรตามสบายเถิด” เทพีปัณฑารีย์กล่าวเชิญให้ทั้งสองได้ออกไปพักผ่อน

(ต่อ)

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.23 P.8 (28/08/2560)
«ตอบ #232 เมื่อ28-08-2017 16:10:37 »


นภนต์และชลันธรจึงออกจากกระโจมของเทพีปัณฑารีย์แล้วมุ่งหน้าไปยังกระโจมที่อยู่ตรงข้าม เมื่อทั้งสองเข้าไปแล้วพระโคศุภราชก็เคลื่อนย้ายมานอนขวางทางเข้าทำให้มิมีใครสามารถเข้าไปยังด้านในหมายเป็นการรบกวนทั้งสองได้อีก ภายในกระโจมการตกแต่นั้นไม่แตกต่างจากกระโจมของเทพีมากเท่าใดนัก ชลันธรที่ทำทีเหมือนจะง่วงนอนจากกระโจมของเทพีปัณฑารีย์ พอถึงที่พักของตนก็เดินอย่างปกติไปยังเตียงไม้สลักจนนภนต์แปลกใจ

“ไหนเจ้าบอกพี่ว่าง่วง เมื่อครู่เดินมาแขนขาแทบจะไม่มีแรงจนพี่ต้องพยุง แล้วนี่เดินไม่สนใจพี่ ใบหน้าก็บึ้งตึงเสียอีก” นภนต์เอ่ยถามชลันธรไม่ตอบได้แต่มองค้อนแล้วล้มตัวลงนอนไม่สนร่างสูง

“ชลันธรเจ้าเป็นอันใด บอกพี่ได้ไหมเล่า” ฟูกหนานุ่มยุบตัวลงเมื่อนภนต์นั่งใกล้คนงามที่นอนพลิกตัวหันหลังให้ ด้วยเห็นท่าทางก็รู้ว่าอดีตพระสมุทรเทพกับลังเง้างอน จึงเอนกายนอนเคียงข้าง กรแกร่งตวัดเอวบางเข้าสวมกอด

“ชลันธร…เจ้าบอกพี่มาเถิด พี่ทำอันใดให้เจ้าเคืองโกรธก็บอกมา” นภนต์โน้มใบหน้าให้ริมฝีปากชิดหลังหูก่อนจะเอ่ยคำถามค้างคาใจ

“ตอนเราถูกสาปอยู่ในโลกมนุษย์  ท่านกับเทพีปัณฑารีย์มีความสัมพันธ์กันเช่นไร” ชลันธรยอมเปิดปากเอ่ยทั้งยังเปลี่ยนสรรพนามขานเรียก นภนต์ได้ฟังก็เผยรอยยิ้มออกมา จะไม่ให้ยิ้มนั้นคงแปลกในเมื่อการกระทำของชลันธรในครานี้บ่งบอกว่ากำลังหึงหวงเทพหนุ่มอยู่

“พี่นั้นคิดกับเทพีปัณฑารีย์เป็นเพียงสหายเท่านั้น ยามไปรบเทพีปัณฑารีย์จะเป็นผู้ช่วยรักษาเหล่าเทวาที่บาดเจ็บ” นภนต์ตอบ ด้วยเทพีปัณฑารีย์ความสามารถในด้านการรักษา บ่อยครั้งที่นางจักมาช่วยเทพโอสถดูแลผู้บาดเจ็บ

“แล้วท่านมีใจให้กับเทพีปัณฑารีย์บ้างหรือไม่ นางทั้งสวย ทั้งเก่งดูแลท่านดีเยี่ยงนั้น”

“ไม่…ตั้งแต่เจ้าถูกสาปพี่เองเจ็บปวดเพราะพิษรัก จึงไม่คิดจะเข้าหาใครหรือ รักใครอีกเลย ถึงแม้ว่าพี่จะเคยแค้นเคืองเจ้าแต่เพลานี้ เจ้าเบาใจได้ว่าเจ้าเป็นรักแรก รักเดียว รักสุดท้ายของพี่…ชลันธร” ทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมาแฝงด้วยความจริงจังของนภนต์ทำให้คนที่เง้างอนพลิกตัวเข้ามาสวมกอด

“ข้าขอโทษที่สงสัยในตัวท่านพี่...” ชลันธรเอ่ยแล้วซุกใบหน้าไปที่แผงอกกว้าง

“พี่ดีใจที่เจ้าเป็นเยี่ยงนี้ เจ้ารู้ไหม” นภนต์ลูบผมนุ่มอย่างเบามือนึกเอ็นดูคนรัก

“เหตุใดท่านพี่ถึงดีใจ ในเมื่อข้าทำกิริยาไม่ดีต่อท่านพี่” ชลันธรช้อนตามองนภนต์ในแววตามีแต่ความสงสัย

“ดีใจที่เจ้าหึงหวงพี่…ทำให้พี่รู้ว่าเจ้ารักพี่อีกทั้งพี่ไม่เคยเห็นเจ้าเป็นอย่างนี้มาก่อน ไม่คิดเลยว่าชาตินี้จะได้เห็น พี่คงตายตาหลับที่ได้เห็นเจ้าหึงพี่”

“ท่านพี่อย่าพูดเรื่องตายสิ ข้าใจไม่ดีเลยตอนที่พระศุกร์ทำร้ายท่านพี่ ข้าไม่อยากให้ท่านพี่เจ็บหรือจากข้าไป” ความเศร้าสร้อยร้อยเรียงเป็นประโยค นภนต์รู้สึกผิดขึ้นมาที่ทำให้คนรักเสียใจ

“เจ้าอย่าได้ห่วงเลย…ยามนี้พี่หาได้เจ็บปวดไม่ ครานี้ต่อให้พระศุกร์หรือใครหน้าไหนเข้ามาทำร้ายเจ้าพี่จักปกป้องไม่ให้ระคายเคืองผิวขาวของเจ้า” นภนต์เอ่ย มือหน้าค่อยๆไล้แก้มเนียนลงมาตามแนวสันกราม

“ถึงกระนั้นข้าก็ยังเป็นห่วงท่านพี่อยู่ดี” ชลันธรคว้ามือที่ลูบไล้มาประทับรอยจูบที่หลังมือ

“เจ้าอย่าลืมเสียสิว่าพี่นั้นเป็นนักรบเป็นแม่ทัพหลวงแห่งสวรรค์ ศึกรบพี่ไม่ขลาดและศึกรักนั้นพี่เองก็ไม่หวั่น” นภนต์ไม่รอให้ชลันธรได้เฉลียวใจในคำพูด เทพเวหาพลิกตัวคร่อมร่างชลันธรเสียแล้ว

“ท่านพี่ข้าง่วงนอนเหลือเกิน” ชลันธรหาทางเอาตัวรอด มีหรือที่นภนต์จะยอมให้ร่างบางไม่เข้าร่วมศึกบนเตียงนี้

“เจ้าง่วงก็นอนเสีย ส่วนที่เหลือพี่จะจัดการเอง” นภนต์ยิ้มเจ้าเล่ห์แววตาเป็นประกายระยิบระยับราวพยัคฆาเห็นเนื้อแสนโอชะ

“ท่านพี่ไม่อายหรือไร…ทหารมากมายอยู่ด้านนอกต้องเห็นเงาว่าท่านพี่ทำอันใด” ชลันธรให้เหตุผลเผื่อว่านภนต์จักหยุดทำศึก

“พี่ไม่อาย ทีแรกที่พี่เข้ามาในกระโจมพี่นั้นได้ร่ายคาถาให้ผู้ที่อยู่ด้านนอกมองว่าภายในกระโจมนั้นดับไฟตะเกียงแล้ว อีกทั้งเสียงร้องของเจ้ายามพี่ฝังร่างปักดาบก็หามีใครได้ยินไม่” นภนต์เอ่ยพร้อมกับกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลันธรหน้านิ่วคิ้วขมวดทั้งโกรธทั้งอาย

“ท่านพี่!!! ข้าไม่…อุ๊บ!”

…‘ใครเล่าจะปล่อยให้เจ้าร้องห้ามพี่’… นภนต์ปิดปากคนรักด้วยริมฝีปากตนเอง เสียงที่ร้องโวยวายเมื่อครู่ถูกดูดกลืนไปพร้อมกับปลายลิ้นเล็กจนชลันธรอ่อนระทวยเผยอปากต้อนรับให้นภนต์รุกใช้ลิ้นสำรวจกวาดเสบียงแสนหวาน

โอษฐ์หยักนั้นคอยพร่ำจูบ หัตถาเริ่มขยับเข้าสอดลูบไล้เอวคอดขึ้นไปจับหมับที่แผ่นอกแล้วนวดเค้นแผ่วเบาปลุกปั่นอารมณ์ให้ชลันธรพร้อมร่วมรบในสมรภูมิรักนี้

“ฮื้ม…” ชลันธรครางในลำคอพร้อมกับใช้กำปั้นน้อยๆทุบไหล่ร่างสูงเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าขอสงบศึกระหว่างชิวหาชั่วคราว นภนต์เองยอมถอยกำลังเป็นอย่างดีแต่อย่างไรเสียก็มิวายประทับริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นการส่งท้าย

“ท่านพี่..อือ…อย่าใช้มือจับตรงนั้น..อ่ะ…” พอริมฝีปากเป็นอิสระชลันธรจึงร้องห้ามไม่ให้มือแสนซุกซนเล่นกับยอดอกเมล็ดบัวสีหวาน นภนต์ผละมือออกจนชลันธรยังนึกสงสัยไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่…นภนต์นั้นไม่น่าจะรามือโดยง่ายเช่นนี้

“ท่านพี่..จะทำอันใด…ทะ..ท่านพี่..อ๊า…” นภนต์รามือแต่กลับก้มลงใช้ลิ้นตวัดเลียยอดอกทั้งสองสลับกันผ่านผ้าผืนบางที่ปกปิดจนชลันธรครางเสียงหวาน ครั้นใช้มือผลักไสก็กลับไร้เรี่ยวแรง ไหนจะเป็นร่างกายที่ไม่รักดีแทนที่จะดิ้นหนีกลับขยับเข้าหาจนแนบชิดไร้ที่ว่างให้อากาศแทรกผ่าน

เมื่อเห็นว่าคนรักพร้อมสู้ศึกนภนต์จึงปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ปกปิดกายของตนเองและชลันธรออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นั่งพิงเสาเตียงแล้วดึงร่างบางมาโถมทับตนจนสัมผัสถึงไอร้อนที่แผ่ซ่าน

“ชลันธร…น้องช่วยใช้ปากน้องตีดาบให้พี่ได้ไหมเล่า” ไม่พูดเปล่านภนต์จับข้อมือเล็กให้มาจับดาบขนาดใหญ่ตรงกลางกาย ชลันธรเองแม้จะกระดากอายในเรื่องแบบนี้หากรู้ดีว่านภนต์นี้หมายถึงอะไร

“ท่านพี่นภนต์…ข้า….ข้ามิกล้า” แก้มขาวมีเลือดฝาดแดงก่ำ พอจะดึงมือกลับนภนต์นั้นก็ยังบังคับให้มือตนจับดาบร้อนอยู่ดี

“ลองดูเถิดนะคนดี…ถือว่าช่วยพี่สักครา” นภนต์เอ่ยหว่านล้อมขอร้องเสียงกระเส่า แววตาอ้อนวอนชวนให้ชลันธรใจอ่อนเสียจนได้ คนงานพยักหน้ารับแล้วขยับกายเลื่อนลงมามือข้างหนึ่งจับดาบไว้ให้มั่นแล้วจึงค่อยใช้ลิ้นเลียวนจากปลายดาบไล่ลงมาช้าๆ ลากขึ้นลงแผ่วเบาด้วยความที่ไม่ค่อยจักชำนาญ

“อืม…ชลันธร” นภนต์พึงพอใจแม้อีกฝ่ายจะไม่ประสีประสานัก ชลันธรเองยิ่งได้ยินเสียงร้องรวมถึงมือหนาที่คอยลูบผมตนด้วยความรักก็ใจชื้นขึ้นและกล้าที่ใช้ปากเข้าครอบดาบทีละนิด…ทีละนิด

“อืม….ดีมาก” นภนต์มองชลันธรที่คอยปลุกปั่นตีดาบให้แข็งขืนขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากห่อรัดเล็กน้อยทั้งใช้ลิ้นคอยเย้าไปด้วยในระหว่างที่ขยับรูดขึ้นลง นภนต์เองก็มิได้จะรับความสุขเพียงอย่างเดียว ร่างสูงใช้ดัชนีของตนจุ่มน้ำในจอกแก้วบนโต๊ะใกล้เตียงลากยาวไปที่ร่องบั้นท้ายแล้วหยุดที่เตาหลอมสีอ่อนของชลันธร

“อ๊ะ!!...ท่านพี่!!” ชลันธรถอนปากออกแทบทันใดยามที่ถูกนภนต์ใช้นิ้วลูบวนปากทางสีสดแล้วสอดเข้าไปในกายทีละนิ้วจนเป็นสาม

“อ่ะ…อ่า…อ่า” ชลันธรครางกระเส่าเมื่อดัชนีทั้งสามขยับเข้าออกบ้างก็หมุนวน ตาเรียวช้อนตามองคนรักหยาดเยิ้มจนนภนต์อดไม่ได้ที่จะจุมพิตที่หน้าผากเนียน

“แม้ดาบพี่จะตีเสร็จเป็นรูปร่างแต่พี่นั้นอยากจะหลอมมันกับไฟในกายน้องยิ่งนัก” รอเวลาจนเห็นสมควรด้วยผนังนุ่มเริ่มตอดรัด นภนต์จึงหยอดคำหวานพลางจับชลันธรให้นอนคว่ำคุกเข่าไว้

“อ๊า..ท่านพี่!!..เจ็บ..อ่ะ” ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกหากเรื่องกามศึกระหว่างทั้งคู่ก็หาได้เกิดขึ้นเลยหลังจากที่นภนต์ขับพิษนาครักษาร่างบาง จึงไม่แปลกที่ชลันธรจะร้องออกมาหางตามีเม็ดน้ำใสซึมเล็กน้อย นภนต์รู้ว่าดาบของตนนั้นทำคนรักเจ็บจึงได้จูบซับลงบนแผ่นหลังเป็นการปลอบประโลม

“ชลันธร…พี่รักเจ้า” นภนต์โน้กระซิบสวาทรักให้ชลันธรชื่นใจ มือข้างนึงรั้งเอวบางไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ขยับแก่นกายให้ชลันธรอ่อนไหวพาให้ลืมเจ็บ จากนั้นจึงเริ่มกระแทกสะโพกตนส่งดาบเข้าออกในเตาหลอม

“อ่า..อะ..อ๊ะ..อ๊า”

“อืม..”

นภนต์กระแทกกายไม่มีเว้นพักเว้นหยุดจนร่างของชลันธรโยกไปด้านหน้า ความเจ็บที่ได้รับก่อนหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความสุขสม และวาบหวิวเสียจนชลันธรจิกเล็บเข้ากับภูษาที่ปูเตียงจนยับยู่ยี่ กระนั้นนภนต์ก็ไม่ปรานียังคงส่งดาบเข้าฟันจ้วงแทง

“อ่า..า…ท่านพี่นภนต์”

“เจ้าชอบหรือไม่เล่า..อ่า”

“ชอบ..อืม…อ่ะ..” เสียงหวานตอบตามความจริงในเมื่อบัดนี้ได้รับการปรนเปรอถึงสองทาง

“เหวอ…ท่านพี่จักทำอันใดข้า”

ชลันธรร้องเหวอด้วยความตกใจอยู่ดีๆ นภนต์ก็กอดเอวตนแล้วรัดให้ลุกนั่งเอนพิงกายทั้งที่ร่างกายยังคงเชื่อมกัน นภนต์ยิ้มกริ่ม…ใครเล่าจะให้เจ้ารับความสุขโดนยมิต้องทำอันใด…

“หากเข้าชอบจงขยับกายตีดาบพี่ให้หลอมเหลวทีเถิด” นภนต์เอ่ย ชลันธรหน้าขึ้นสีทั้งโมโหทั้งอายแต่เหนือสิ่งใดความรู้สึกค้างคาและแรงราคะมีมากล้นยิ่งกว่า สุดท้ายชลันธรก็เป็นฝ่ายเข้าหาคมดาบของแม่ทัพหลวง

“อ๊า…อ่า…อะ..อ๊า”

‘จุ๊บ..’

ชลันธรเริ่มค่อยๆ โยกกายขย่มแก่นกายใหญ่โดยปล่อยให้อารมณ์นำพาไป นภนต์เองนั้นมิได้นั่งเปล่าเทพหนุ่มซุกไซ้คอขาว ทั้งขบเม้ม ดูดดุน จนเป็นรอยแดงลามไปถึงหลังใบหู ไหนมือที่ข้างหนึ่งคอยเขี่ยสะกิดยอดอก อีกข้างคอยนำพาความสุขให้กลางกายเล็ก

“ท่านพี่...ข้าเหนื่อย..อื้อ..กายข้าก็ใกล้..แล้ว…” ชลันธรจวนเจียนใกล้ถึงฝั่ง นภนต์จึงขยับสะโพกสวนรักกายบาง อย่าว่าแต่ชลันธรเลยนภนต์เองมิอาจสามารถทนต่อแรงรัดภายในยามที่ปลายดาบกระแทกตรงจุดกระสันได้

“อ่า…อ่ะ..ท่านพี่..ข้ารักท่าน…อ่า..ท่านพี่นภนต์”

“พี่ก็รักเจ้า…ชลันธร…อ่า..รัก..รักเจ้า”

“อ๊า…”

ชลันธรปลดปล่อยความสุขสมหลั่งไหลออกมาเป็นสายธารสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนหน้าท้อง ฝ่ายนภนต์เองปลายดาบถูกหลอมจนมีน้ำโลหะหลั่งออกมาในกายคนรัก

“พี่รักเจ้า…ชลันธร” นภนต์บอกรักคนงามที่อ่อนเพลียเสียจนอิงศีรษะพิงอกแกร่งของตน

“ข้าก็รักท่านพี่” ชลันธรยิ้มรับและตอบกลับ  ทั้งสองพร่ำบอกรักกันมิรู้จักเบื่อ  หากแต่ชลันธรต้องหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

“หากเจ้ารักพี่...ถ้าเยี่ยงนั้นพี่ขอทำรักเจ้าอีกรอบจะได้หรือไม่...” นภนต์ยังมีความต้องการอีกครั้ง จึงร้องขอคนรักให้คลายกำหนัดตนอีกสักรอบ

“อื้อ…ท่านพี่!!..ไม่แล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว...” ชลันธรปฏิเสธ

“มิได้หรือคนดี...พี่ขออีกรอบเดียวเท่านั้น...”  นภนต์ยังคงอ้อนขอร้องให้ชลันธรร่วมรักกับตนอีกครั้ง

“ก็ได้...” กายบางสบมองแววตาเทพหนุ่มหยุดคิดเพียงครู่หนึ่ง ด้วยมิทนเสียงออดอ้อนจึงพลางตอบตกลง ชลันธรปล่อยให้จิตใจที่ลอยได้ในยามนี้นั้นนำพา  ใจหนึ่งก็คิดหากเทพีปัณฑารีย์ได้ยินเสียงสัปดลนี้เสียหน่อยคงจะเป็นการดีไม่ใช่น้อย...ชลันธรจึงตั้งใจเปล่งเสียงให้ร้องดังกว่าศึกรักครั้งเมื่อครู่  ซ้ำยังพูดเชิญชวนในนภนต์ทำรักตนรุนแรงอีกด้วย... เล่นเอานภนต์นั้นลุ่มหลงกายนี้อย่างหมดใจ ตั้งใจตอบรับด้วยความรักที่รุนแรงเช่นกัน

ทางด้านเทพีปัณฑาเทวีที่ยังคงมิได้บรรทม ในคราแรกต้องการที่จะวางแผนพิสูจน์ว่าเทพนภนต์โกหกตนหรือไม่ในเรื่องที่บอกว่าชลันธรเป็นคนรักเพราะสมัยก่อนนั้นเทพนภนต์คอยหาทางหลบหลีกยามตนไปเยี่ยมเยือนเสมอ หากเพลานี้เทพีปัณฑารีย์มิต้องพิสูจน์สิ่งใดแล้ว ด้วยเวทย์มนต์ของนภนต์มิอาจทำอันใดเทพีแห่งการรักษาได้ เป็นเหตุให้เทพีปัณฑารีย์ได้ยินเสียงครางกระเส่าของบุคคลทั้งสองที่อาศัยอยู่ในกระโจมอีกหลัง

“ฮึ้ย!!!....ชลันธรเจ้านี่มันร้ายกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก...เจ็บใจยิ่งนัก!!!”





















.................................

ขอเสียงปรบมือและกำลังใจ คำชื่นชม ให้กับท่านพี่นภนต์ด้วยนะคะ ทั้งที่บาดเจ็บเสียเลือดมากจนกระทั่งรักษาจนหาย...ท่านพี่นภนต์ยังตรากตรำทำศึกโดยมีชลันธรคอยช่วยหลอมดาบ....



ท่านยุ่งต้องขอโทษทุกคนที่ฉากทำศึกรักของเทพนภนต์และชลันธรไม่ได้สวยงามอะไร ไม่ถนัดจริง ได้โปรดอย่าเผาคฤหาสถ์ฟางของยุ่งค่ะ ยุ่งไม่อยากย้ายไปอยู่ในกอไผ่



ส่วนเทพีปัณฑารีย์นั้น น่าสงสารนะคะที่ไม่ได้นอน ดูสิต้องดูแลแขก รักษานภนต์แต่กลับถูกแขกผู้มาเยือนส่งเสียงดัง ท่านยุงเห็นใจมากเลยค่ะ



ป.ล. เราได้เห็นชลันธรหึงแล้วนะคะ ดีใจแทนท่านนภนต์มากเลยค่ะและยินดีต้อนรับเทพนภนต์เข้าสู่ทำเนียบพ่อบ้านใจกล้าค่ะ

ป.ล. 2 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามา อ่าน ให้กำลังใจ หรือแสดงความคิดเห็นกันนะคะดีใจมาก ติชมได้ตามสบายเลยค่ะ ท่านยุ่งยินดีตอบ สนุกดีค่ะได้พูดจาหยอกกับทุกคน สุดท้ายนี้รักนะคะ


ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.23 P.8 (28/08/2560)
«ตอบ #233 เมื่อ28-08-2017 19:33:16 »

ก็ได้แต่หวังว่าเทพีนางนี้จะยอมรับความพ่ายแพ้ในสนามรักได้นะ

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.23 P.8 (28/08/2560)
«ตอบ #234 เมื่อ28-08-2017 19:51:47 »

ชอบภาษา..ชอบการใช้คำเปรียบเปรยต่างๆ..เนื้อเรื่องมีหยิบยกเรื่องต่างๆมาผสมได้ดี..ชอบมากค่ะ..มาต่ออีกนะคะ  +เป็ด

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.23 P.8 (28/08/2560)
«ตอบ #235 เมื่อ28-08-2017 22:58:26 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.23 P.8 (28/08/2560)
«ตอบ #236 เมื่อ29-08-2017 06:05:08 »

ก็ได้แต่หวังว่าเทพีนางนี้จะยอมรับความพ่ายแพ้ในสนามรักได้นะ

เจอชลันธรร้องไปแบบนั้นแล้วบอกเลยว่าควรหยุด 555

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.23 P.8 (28/08/2560)
«ตอบ #237 เมื่อ29-08-2017 06:06:38 »

ชอบภาษา..ชอบการใช้คำเปรียบเปรยต่างๆ..เนื้อเรื่องมีหยิบยกเรื่องต่างๆมาผสมได้ดี..ชอบมากค่ะ..มาต่ออีกนะคะ  +เป็ด


ขอบคุณที่ชื่นชอบในตัวนิบาย ภาาา และเนื้อหานะคะ ยุ่งดีใจมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.23 P.8 (28/08/2560)
«ตอบ #239 เมื่อ29-08-2017 07:32:14 »

ชลันธร นางร้ายจ้ะ 55555 ออดอ้อนภัสดามาก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด