เภฟิล์มหมอเต็ม #4 ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม (จบ)- หมอเต็ม -
หลังจากวันนั้น ผมก็เจอกับไอ้ฟิล์มน้อยลง มันไม่ค่อยมาหาผม ซึ่งปกติมันจะเป็นคนเข้าหาผมก่อนอยู่แล้ว เมื่อมันไม่เข้าหาผม แน่นอนว่าเราก็ค่อยๆ ห่างกันไป เพราะผมก็ไม่ติดต่อไปเหมือนกัน
วันนี้หลังเลิกงาน ผมมีนัดดูหนังกับน้องพริก เป็นเดตแรกของเรา หลังจากที่คุยกันทางไลน์มาสองอาทิตย์กว่า ผมขับรถไปรับน้องที่ทำงาน ซึ่งน้องเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง
"พริกคิดไว้รึยังครับว่าจะดูหนังเรื่องอะไร" ผมเอ่ยถามน้องหลังจากรับขึ้นมาบนรถแล้ว
"พริกอยากดูมู่หลานค่ะ พี่เต็มอยากดูเรื่องอื่นรึเปล่าคะ"
"พี่ดูอะไรก็ได้ที่น้องพริกอยากดูครับ" พูดจบ ก็ส่งยิ้มให้คนข้างๆ
"งั้นพริกหารอบหนังเลยนะคะ"
"ครับผม"
จากนั้น น้องก็ได้รอบหนังตอนเกือบสองทุ่ม เราจึงต้องหาข้าวกินกันก่อน ผมก็ถามน้องอีกตามเคยครับว่าอยากกินอะไร น้องอยากกินอาหารญี่ปุ่น ผมก็พาไปกินครับ พอกินเสร็จก็รีบมารอดูหนังในห้างสรรพสินค้าที่มีหนึ่งเดียวของจังหวัด ซึ่งเป็นศูนย์รวมของทุกสิ่ง หนึ่งในนั้นก็มีติวเตอร์ต่างๆ
ในขณะที่ผมกับพริกกำลังจะเดินไปดูหนัง สายตาผมก็ไปสะดุดกับแผ่นหลังที่คุ้นเคย ข้างกายมีนักเรียนม.ปลาย ทั้งคู่เดินจับมือกัน กำลังพูดคุยยิ้มหัวเราะให้กันราวกับโลกนี้มีเพียงพวกเขาสองคน
ทำไมใจผมมันเจ็บแปล๊บๆ ขึ้นมาอีกแล้ว
"พี่เต็ม นั่นใช่พี่ฟิล์มไหมคะ" น้องพริกชี้ไปที่คนคู่นั้น แล้วเอ่ยถามผมออกมา
"ไม่แน่ใจอ่ะ เห็นแต่ด้านหลัง พี่จำไม่ได้หรอก"
"แต่พริกว่า ต้องใช่แน่ๆ ค่ะ ว่าแต่…เด็กข้างๆ เป็นใครกันนะ ทำไมเค้าจับมือกัน"
"อันนี้พี่ก็ไม่รู้ครับ"
"พี่เต็ม! หรือว่าพี่ฟิล์มเค้าเป็น?! "
"เอ่อ พี่ไม่ทราบครับ"
"พริกว่าเราไปทักเค้าหน่อยไหมคะ? " ตอนนี้น้องพริกที่แสนเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก กลายเป็นอีกคนไปแล้วครับ ผมนึกเอ็นดูอยู่ในใจ
"ไม่ดีมั้งครับ เค้าอาจจะอยากมีเวลาส่วนตัว"
"พี่เต็มรู้อะไรแน่ๆ เล่าให้พริกฟังหน่อยสิ นะคะ นะคะ" น้องพริกใช้สองมือเล็กๆ เขย่าแขนผม เหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ ผมจึงเอื้อมมือไปกุมมือเล็กของอีกฝ่ายให้หยุดเขย่า พลางเปลี่ยนเรื่องให้อีกฝ่ายเลิกสนใจ
"พี่ไม่รู้อะไรจริงๆ ครับ ใกล้ถึงเวลารอบหนังเราแล้วนะ เราไปนั่งรอตรงโน้นดีกว่าไหมครับ" ผมพยายามพูดกับน้องด้วยความอ่อนโยน งงตัวเองเหมือนกัน พูดแบบนี้ก็เป็นด้วย โคตรจะแมนเลย
ระหว่างที่ผมคุยกับน้องพริกอยู่นั้น ไอ้ฟิล์มกับเด็กมันก็เดินเข้ามาใกล้พวกผม พอหันไปเจอ มันก็จำเป็นที่จะต้องทักทายแล้วล่ะครับ
"ไงมึง มาดูหนังเหรอ" มันทักผมก่อน
"อืม แล้วมึงล่ะ"
"มารับน้องเรียนพิเศษเสร็จ แล้วจะเลยไปส่งที่บ้าน"
"อ่อ งั้นพวกกูขอตัวก่อนนะ หนังใกล้เริ่มแล้ว"
"อือ"
แล้วผมก็จูงน้องพริกเลี่ยงออกมา พาเดินไปซื้อป๊อปคอร์นและน้ำอัดลมเพื่อรอเข้าไปในโรงหนัง ผมอดที่จะมองตามคนอีกคู่ไม่ได้ ก็เห็นกำลังเดินคล้องแขนกันลงบันไดเลื่อน เด็กมันพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆ มองดูแล้ว…เหมาะสมกันดี
ผมเบือนหน้าหนี หันมาสนใจร่างเล็กคนที่อยู่ข้างๆ ผม ที่ตอนนี้ก็พูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย สดใส มีชีวิตชีวา ร่าเริง น่ารัก อยู่ด้วยแล้วน่าจะสบายใจ แต่…ผมกลับรู้สึกไม่แฮปปี้ ใจผมวนเวียนคิดถึงแต่หน้าไอ้ฟิล์ม ยิ่งมาเห็นมันเดินยิ้มมีความสุขกับเด็ก ใจผมยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข
"พี่เต็ม! พี่เต็ม! ฟังพริกอยู่ไหมคะเนี่ย?! "
"อ่อๆ ฟังครับ" เปล่าครับ ไม่ได้ฟังเลย
"งั้นเมื่อกี้พริกพูดอะไรคะ"
"พริกบอกว่า…บอกว่าอะไรนะ…เอ่อ…อะไรน๊าาา"
"ไม่ต้องเลย ไม่ตั้งใจฟังพริกอ่ะ"
"งั้นน้องพริกพูดใหม่ เดี๋ยวคราวนี้พี่ตั้งใจฟังเลยครับ"
"ไม่เอา พริกไม่พูดแล้ว"
ไม่พูดเปล่านะครับ งอนเดินหนีผมแล้ว อิหยังวะ เรื่องแค่นี้ก็โกรธเหรอ? ผมงงเล็กน้อยตามประสาคนไม่เคยมีแฟนครับ
ผมกลับห้องมาด้วยความรู้สึกเซ็งๆ ไม่ใช่เพราะน้องงอนผมนะครับ เพราะน้องงอนผมแค่แป๊ปเดียว ผมแค่ซื้อลิปสติกให้หนึ่งแท่ง น้องก็หายงอนแล้ว แต่ที่เซ็ง เพราะในหัวผมมีแต่ภาพไอ้ฟิล์มกับเด็กนั่นเต็มไปหมด คิดจินตนาการไปต่างๆ นานา ว่าเค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว
นี่ผมชอบมันจริงๆ เหรอครับ?
ทำยังไงถึงจะสลัดความรู้สึกนี้ออกไป ทั้งที่พยายามทุกทาง ไม่ว่าจะขีดเส้นอย่างชัดเจนว่าให้มันเป็นแค่เพื่อน หรือพยายามไปคบคนอื่นเพื่อลบภาพมันออกจากหัว แต่ทุกทางที่ทำไปไม่ได้ช่วยให้ผมลบภาพมันออกไปได้เลย
มีแต่ 'ชัดเจน' มากขึ้นทุกวัน
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อกผมต้องระเบิดเข้าซักวันแน่ๆ
- เภฟิล์ม -
วันนี้ผมต้องไปรับน้องจากที่เรียนพิเศษเหมือนเคยครับ ผมทำแบบนี้ได้อาทิตย์กว่าแล้ว ก็ตั้งแต่ที่ไอ้เต็มมันไล่ให้ผมไปมีแฟนนั่นแหละ ผมก็เริ่มเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์กับน้อง น้องก็น่ารักตามวัย ยังใสๆ ยังอ่อนต่อโลก ครอบครัวเค้าเลี้ยงมาดี ผมก็ไม่กล้าทำน้องเค้าแปดเปื้อนหรอกครับ อย่างมากก็เดินจับมือกันใสๆ แค่นั้นน้องเค้าก็เขินจะแย่อยู่แล้วครับ
"วันนี้พี่ฟิล์มอยู่เป็นเพื่อนบีมก่อนได้ไหมครับ พ่อกับแม่ไปงานเลี้ยงยังไม่น่าจะกลับ" น้องเอ่ยชวนผม ระหว่างที่ใกล้ถึงบ้านน้องแล้ว
"ได้สิครับ" ผมหันไปส่งยิ้มน้อยๆ ให้ด้วย
พอถึงบ้านน้อง ผมก็ขับรถเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย แต่ผมก็เคยเข้าไปแค่ห้องรับแขกนะครับ เพราะน้องเคยพาผมเข้าไปสวัสดีพ่อกับแม่ โดยที่แนะนำว่าผมจะมาติววิชาอื่นๆ ที่น้องไม่ได้เรียนพิเศษให้ พ่อกับแม่น้องจึงต้อนรับขับสู้ผมอย่างดี
จอดรถเสร็จ ผมก็เดินตามน้องเข้าไปในบ้าน แล้วก็นั่งลงโซฟารับแขกเหมือนเคย แต่น้องบอกว่าเข้าไปนั่งเล่นห้องนอนน้องก็ได้ น้องก็คงเชื้อเชิญเพราะไม่คิดอะไรมาก แต่สำหรับผม คนที่ผ่านโลกมาพอสมควร ก็อดคิดไม่ได้ว่า…โอกาสมาถึงแล้ว
ผมเดินตามน้องเข้าไปในห้องนอน เป็นห้องเรียบๆ ไม่มีอะไรตกแต่งมาก มีโต๊ะคอมฯ ตู้เสื้อผ้า และเตียงนอนใหญ่อยู่กลางห้อง และประตูเปิดสู่ห้องน้ำส่วนตัว
"พี่ฟิล์มนั่งเล่นที่เตียงบีมก็ได้นะครับ เดี๋ยวบีมไปอาบน้ำก่อน"
ผมรั้งแขนน้องไว้ น้องก็หันหน้ามามองผมด้วยความแปลกใจ แต่ผมอาศัยจังหวะนั้นฝังเรียวปากของตัวเองลงไปยังริมฝีปากอิ่มเต็มตรงหน้า ดูดเม้มเบาๆ ก่อนจะผละออกมา ผมจ้องตาน้องนิ่ง พร้อมกับพูดขึ้นว่า
"อย่าชวนใครเข้าห้องนอนง่ายๆ แบบนี้อีกนะครับ…มันอันตราย"
"คะ ครับ"
"รีบไปอาบน้ำเถอะครับ ก่อนที่พี่จะอดใจไม่ไหว"
"คะ ครับ"
"พี่ออกไปรอข้างนอกนะครับ"
"…ครับ"
พูดจบ ผมก็ปล่อยมือน้อง แล้วเดินออกมานั่งรอที่ห้องรับแขก ที่ผมเดินออกมา ไม่ใช่เพราะผมจะอดใจไม่ไหวหรอกนะครับ แต่ขณะที่ปากผมจูบกับน้องบีม หน้าไอ้เต็มกลับลอยเข้ามาในหัว นี่ผมท่าจะอาการหนักแล้วนะครับ
จริงๆ ผมเริ่มหัวเสียตั้งแต่เห็นมันยืนกุมมือน้องพริกอยู่หน้าโรงหนังแล้วครับ แต่ผมก็แสดงออกไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือ เดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อทักทาย แต่ก็ดูมันไม่อยากให้ผมเข้าไปทักนักหรอกครับ
แต่ก็ช่างเถอะครับ ผมก็ไม่อยากทนมองภาพบาดตาบาดใจนั้นซักเท่าไหร่ ก็ดีแล้วที่มันรีบขอตัวเดินออกไป เพราะถ้าอยู่นานกว่านี้ อาจเป็นผมที่ควบคุมตัวเองไม่ได้
ผมคิดไปถึงวันที่มันบอกให้ผมไปมีแฟน ดูท่าทางมันก็คงอยากให้ผมมีแฟนจริงๆ เพราะมันจะได้ไม่ตัวติดกับผมไง แล้วที่ผมมาคุยกับน้องบีมก็เพราะมันเลยนะ ถ้าวันนั้นมันบอกให้ผมไม่สนใจเด็กคนนี้ ผมก็จะไม่สนเลย เพราะยังไงผมก็แคร์มันมากกว่าอยู่แล้ว
ไม่ใช่ว่าผมโทษมันนะที่ผมต้องมาเป็นแบบนี้ แต่ผมเต็มใจทำตามสิ่งที่มันต้องการ…ผมเต็มใจทำเพื่อมันเอง
พอพ่อแม่น้องมาถึงแล้ว ผมก็ขอตัวออกมาเลยครับ โดยที่น้องยังอาบน้ำไม่เสร็จ ผมขับรถออกมาเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมาย ยังไม่คิดจะกลับหอพัก เปิดเพลงเบาๆ คลอไปกับบรรยากาศเหงาๆ ยิ่งทำให้ความรู้สึกจมดิ่งสู่เบื้องลึกของจิตใจ
บางครั้งอาจถึงเวลาที่ต้องให้ค่ากับ 'ความรู้สึกของตัวเอง'
ชอบ…ก็บอกไปเลยว่าชอบ
ผลจะออกมาแบบไหน ก็ต้องยอมรับ เพราะถ้าเก็บไว้อีกต่อไป ความรู้สึกเหล่านี้มันคงจุกอกผมตายเข้าซักวัน
ผมขับรถกลับหอพักอย่างคนที่มีเป้าหมาย ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่ผมไม่สนใจเวลาแล้วครับ ผมเดินเข้าไปในหอพักแพทย์ กดลิฟต์ไปยังชั้นห้า ออกจากลิฟต์ก็ไปเคาะประตูห้องบานที่คุ้นเคย
ไม่นานประตูก็เปิดออก…
หลังบานประตู คือ ไอ้เต็มในสภาพที่เหมือนคนหลับไปแล้ว หัวเหอยุ่งเหยิงยืนหน้าหงิกมองผมอย่างเคืองๆ
ผมไม่สนใจแล้วว่ามันจะอยู่สภาพไหน ผมเดินเข้าไปในห้องของมัน ปิดประตูตามหลัง ทันทีที่ได้ยินเสียงบานประตูกระทบกัน เป็นสัญญาณว่า…โลกทั้งใบมีเพียงเราสองคน ผมก็สาวเท้าเข้าไปกอดมัน กอดแนบแน่นชนิดที่ไม่ยอมให้อากาศลอยผ่านได้เลย มีแรงยั้งตัวจากมันนิดหน่อย แต่แค่นิดหน่อยจริงๆ เพราะหลังจากนั้นมันก็โอบกอดผมตอบ…แนบแน่นไม่ต่างกัน
หลังจากที่เรายืนกอดกันนิ่งนาน เป็นเวลากี่นาทีก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันรู้สึกดีจนผมไม่อยากละอ้อมแขนไปไหนเลย แต่ก็เป็นไอ้เต็มอีกนั่นแหละครับที่ผละตัวออกมาก่อน แต่ผมก็รั้งแขนมันไว้ ราวกับว่า กลัวมันจะหายตัวไปเสียอย่างนั้น มันเลยจับมือผมแล้วจูงไปนั่งลงที่ปลายเตียงนอน
สัมผัสอบอุ่นจากมือนุ่มของมันทำให้ผมจับไว้ไม่ยอมปล่อย แม้ว่าเราจะนั่งอยู่ข้างกันก็ตาม ผมก้มลงไปมองหน้ามันที่เงยมองผมอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาฉายแววสับสน มีความกล้าๆ กลัวๆ อยู่ในดวงตาคู่นี้ เรื่อยลงไปเป็นจมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้เผยอน้อยๆ ภาพตรงหน้าทำให้ผมอดใจไม่ไหว ฝังจมูกและปากลงไปยังใบหน้าคนข้างกาย รับรู้ถึงการตอบรับอันดี ไม่ใช่แรงต้านอย่างที่นึกกลัว
ลิ้นร้อนไล้เลียขอบปากอิ่มอย่างเชื่องช้า ไม่เร่งร้อน ไม่เร่งเร้า ราวกับต้องการจดจำทุกสัมผัสให้ติดตรึงไว้ในความรู้สึก…
ผ่านไปนานพอสมควร ผมถึงยอมปล่อยริมฝีปากมันให้เป็นอิสระ เรานั่งจ้องตากันนิ่ง ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากแต่ละคน เหมือนกลัว…กลัวว่าถ้าฝ่ายใดพูดออกมาแล้วจะกลายเป็น 'คนแพ้'
เพราะความสัมพันธ์ของพวกผมมันเป็นความสัมพันธ์ที่ 'แข่งขัน' กันมาตลอด
แต่ท้ายสุดแล้ว…ผมก็ต้องยอมแล้วล่ะครับ ยอมเป็นคนแพ้ในการแข่งขันนี้
"วันนี้กูนอนด้วยนะ…"
ผมพูดออกไป โดยที่ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว มันก็พยักหน้าหงึกหงักเหมือนเป็นการอนุญาตไปในตัว ผมจึงยอมปล่อยมือมัน เพื่อจะลุกไปนอนโซฟาซึ่งเป็นที่ของผม แต่มันก็กระตุกข้อมือผมไว้ แล้วเอ่ยขึ้น
"นอนเตียงด้วยกันก็ได้…จะได้นอนสบาย"
พูดจบ มันก็หลบสายตาผม ผมจึงมองไม่เห็นว่านัยน์คู่นั้นฉายแววอะไรออกมา แต่ในเมื่อมันชวนแล้ว ผมก็ทำตามที่มันบอก ล้มตัวลงนอนแทบจะในทันที มันก็เดินไปปิดไฟ แล้วกลับมาล้มตัวนอนอีกด้านของเตียง เตียงเล็กๆ ที่มีผู้ชายสองคนนอนข้างกันก็ทำให้เราตัวติดกันไปโดยปริยาย
เรานอนหงายมองเพดานไปได้ซักพัก ผมก็ตะแคงข้างหันมาหามัน และมันก็เปลี่ยนมานอนแบบผม ตอนนี้เราจึงจ้องหน้ากันนิ่ง รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่รินรดกันและกัน แต่ก็ไม่มีใครยอมพูดอะไร
ผมหายใจลึกๆ อีกครั้งก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา
"ถ้าตอนนี้ เรากำลังแข่งกันอยู่ เกมนี้มึงชนะว่ะเต็ม…กูแพ้ราบคาบเลย"
"ทำไมวะ"
"กูว่า…กูชอบมึงเข้าแล้วว่ะ มึงชนะกูแล้ว กูยอมมึงทุกอย่างแล้ว"
"…ไม่ว่ะ มึงไม่ได้แพ้ เกมนี้เราเสมอกัน เพราะกู…ก็ชอบมึงเหมือนกัน"
"กูไม่ได้ชอบมึงแบบเพื่อนนะ"
"แล้วมึงคิดว่ากูชอบมึงแบบเพื่อนรึไง…ไม่มีเพื่อนที่ไหนเค้าเอากันหรอก"
"มึงนี่น๊าา แล้วอะไรคือการไล่ให้กูไปมีแฟน"
"ก็กู…กลัว"
"กลัวอะไรของมึง"
"…กลัวแพ้มึงไง"
จบประโยค ผมก็ดึงมันเข้ามากอดแนบอกอุ่น…บอกตัวเองว่าจะไม่ยอมปล่อยอ้อมกอดนี้อีกแล้ว ต่อให้เป็นการแข่งขันที่ผมต้องแพ้ ผมก็ยังจะอยู่ตรงนี้ รอกอดมันอยู่อย่างนี้ตลอดไป…
End.
Talk : จบแล้วนะคะ สำหรับเภฟิล์มกับหมอเต็ม
สำหรับหนังสือเปิดพรีออเดอร์แล้วนะคะ ตามไปที่ลิงค์นี้ค่ะ (มีตัวอย่างตอนพิเศษให้อ่านด้วยค่ะ)
https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=85b4dfa8579583fcf7982a60b8fe925cส่วน e-book ลิงค์นี้เลยจ้า
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzk4NDA4NyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzNDAwMSI7fQ&page_no=1Special : พี่เลี้ยงจำเป็น (Mini NC) (ประมาณ 21 หน้า raw)"ลูกชายคนโตหิวรึยังครับ หึหึ" พี่กี้แซวผม
"หิวครับ" ผมก็เล่นไปกับเค้า
"ให้แกะสปาเก๊ตตี้ให้เลยไหมครับ"
"ไม่หิวสปาเก๊ตตี้ครับ…หิวแด๊ดดี้น่ะครับ หึหึ" แซวผมดีนัก เอาคืนซะเลย ฮ่าๆๆ
"กินแด๊ดดี้ไม่ได้นะครับอานิว" ข้าวกล้องเอ่ยขึ้น ในระหว่างที่เคี้ยวอาหารหมดคำแล้ว
"ทำไมละครับข้าวกล้อง" ผมเอ่ยถามเด็กน้อยอย่างขำๆ
"ก็คุณครูสอนมาว่าป่าป๊า ก็คือพ่อ แล้วพ่อก็คือ daddy ซึ่ง…พ่อ ไม่ใช่ อาหาร นะครับ งั้นอานิวกิน daddy ไม่ได้นะครับ" เด็กน้อยขยายความให้ผมเข้าใจ นั่นแทบจะทำให้ผมกลั้นหัวเราะไม่ได้ เด็กหนอเด็ก
"โอเคๆ อานิวเข้าใจแล้วครับ อานิวไม่กิน daddy แล้วก็ได้"
ผมมองไปที่พี่กี้ ก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มรอรับอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็เดินมากระซิบที่ข้างหูผม ให้ได้ยินกันสองคน
"แต่ daddy กินลูกชายได้นะ"
ผมมองตอบพี่กี้เขินๆ อย่างไม่รู้จะตอบโต้ยังไงดีแล้วครับ…คนหื่นก็คือคนหื่นนั่นแหละ!
Special : ในวันที่เราต้องไกลห่าง (ประมาณ 26 หน้า raw)ผมตื่นแต่เช้าขึ้นมาในห้องที่เริ่มจะคุ้นเคย เพราะอาศัยมากว่าสองอาทิตย์แล้ว ห้องที่ไม่ได้ใหญ่มาก มีเพียงเตียงนอน และห้องน้ำในตัวเท่านั้น สภาพกลางเก่ากลางใหม่ ถูกดัดแปลงมาจากห้องพักผู้ป่วย แต่บัดนี้กลายมาเป็นห้องพักแพทย์เสียแล้ว
ตอนนี้ผมเป็นอินเทิร์นสอง หมายความว่า ทำงานเข้าสู่ปีที่สอง และในปีนี้จะต้องถูกส่งไปโรงพยาบาลชุมชน หรือ รพช. หรือ โรงพยาบาลประจำอำเภอที่มีขนาด 10-120 เตียง ผมจับฉลากกับเพื่อนๆ ได้รพช. ขนาด 30 เตียง ก็จัดว่าเป็นขนาดเล็ก ไม่วุ่นวายเท่ารพท. (โรงพยายาลประจำจังหวัดทั่วไป) ที่เคยอยู่มา ปริมาณคนไข้น้อยกว่า แต่ต้องมีความรู้แทบทุกด้าน เพราะมีหมอแค่ 3 คน รวมผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้ว
หนึ่งในหมอ 3 คนก็มีไอ้ตะวันด้วย ดวงผมจะสมพงษ์กับมันเกินไปแล้วนะครับ ตอนเป็นอินเทิร์นหนึ่งก็วนวอร์ดเดียวกันตลอด พอมารพช. ยังได้โรง'บาลเดียวกันอีก แต่จริงๆ แล้วผมก็แอบอุ่นใจนะที่เป็นมัน เพราะทำงานร่วมกันบ่อย จนคิดว่ารู้จักกันดีประมาณหนึ่งแล้ว
เรื่องงานก็หนักใจไปอีกแบบ แต่ก็ไม่มาก รอให้เข้าที่เข้าทางก็คงดีกว่านี้ แต่เรื่องที่มีผลต่อจิตใจมากกว่า คือ ต้องอยู่ห่างไกลกับพี่กี้เป็นระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร เพราะเป็นอำเภอที่อยู่ติดกับอีกจังหวัด
ผมไม่เคยต้องอยู่ไกลกับพี่กี้มากขนาดนี้ และนานขนาดนี้ ใจมันก็หวิวๆ หน่อยครับ ปกติมีคนกินข้าวด้วย มีคนนอนรออยู่ที่ห้อง แต่ตอนนี้มองไปทางไหนมันก็ว่างเปล่าไปหมด ยิ่งต้องมาอยู่ในสภาพ 'ห้องผีสิง' ที่กรีนให้คำนิยามไว้ ใจมันยิ่งห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก...
Special : Honeymoon trip (NC) (ประมาณ 27 หน้า raw)เราผละริมฝีปากออกจากกัน น้องมองตาผมนิ่ง…นาน
ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่า…ชัดเจน
"ทีนี้ ตาผมแล้วนะ"
"หืมม์? "
ผมถามด้วยความงงงวย มีเครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเริ่มอยู่ในหัว
"ก็ที่พี่บอกจะให้นิวไง"
"ให้อะไร"
"ให้นิวรุกพี่"
"เอิ่มมม"
"ไม่ต้องเอิ่ม ป่ะ ไปต่อที่เตียงกัน"
พูดจบ น้องก็กึ่งลากกึ่งจูงผมขึ้นมาจากน้ำ ส่วนผมนั้นยังขาอ่อนปวกเปียกจากการเสียน้ำเมื่อครู่อยู่เลยครับ น้องลากผมเข้าไปชำระล้างร่างกายภายใต้ฝักบัวอันเดียวกัน โรแมนติกสุดๆ แต่จะโรแมนติกกว่านี้ ถ้าฉากต่อไป ไม่ใช่ผมที่ต้องเสียตัวให้น้อง!
///////////////////////////////////////////////////
หากชอบ ก็ฝากอุดหนุนเป็นกำลังใจให้เรา เพื่อจะได้มีแรงแต่งนิยายเรื่องต่อไปหน่อยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ (รัก)
ำหรับหนังสือเปิดพรีออเดอร์แล้วนะคะ ตามไปที่ลิงค์นี้ค่ะ (มีตัวอย่างตอนพิเศษให้อ่านด้วยค่ะ)
https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=85b4dfa8579583fcf7982a60b8fe925cส่วน e-book ลิงค์นี้เลยจ้า
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzk4NDA4NyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzNDAwMSI7fQ&page_no=1