ตอนที่๖
ดวงตาสีเทาที่แวววาวในที่มืดนั้นเหม่อมองออกไปราวไร้จุดหมาย สหัสที่ยืนนิ่งไม่ขยันตัวราวกำลังครุ่นคิดอะไรบางงอย่าง ร่างสูงใหญ่ที่เติบโตขึ้นมาอย่างสง่างามนั้นช่างน่าดู สิงห์ราสูงศักดิ์ที่ระเห็จออกมาจากบ้านเกิดเมืองนอนและสุดท้ายกลายเป็นสิงห์ราที่มีนายนั้นหากมองในสายตาของอมนุษย์ด้วยกัน คงจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายแต่สำหรับเขาการที่เขาได้มาติดตามท่านเธรา ทำให้เขาได้เติบโตขึ้นเรียนรู้ที่จะมองโลกในอีกมุมที่เขาในขณะที่เป็นแม่ทัพแห่งพาณาไม่เคยได้นึกถึง
“สหัส” เสียงหวานที่คุ้นหูทำเอาสหัสอยากจะถอนหายใจ ก่อนขยับตัวหนีสัมผัสแผ่วเบาที่ต้นแขนเมื่อเจ้าของเสียงเรียกเอื้อมมือมาจับ
“คาร์มาเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินเพ่นพ่านแบบนี้นะ” สหัสบอกออกไปอย่างเย็นชา เขารู้ดีว่าเรื่องของพารัมนั้นคงไม่พ้นสายตาและสันชาติญาณของคาร์มาไปได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรเสียการที่คาร์มาที่เป็นอมนุษย์ที่มีอำนาจพอที่จะก่อให้เกิดสงครามได้มาอยู่ในเหตุการณ์ที่น่าอึดอัดแบบนี้ย่อมไม่ส่งผลดีต่อนันทานครมากนัก
“ข้าไม่รู้มาก่อนว่านันทานครมีประเพณีขังแขกไว้แต่ในห้องที่มีทหารเฝ้าราวกับนักโทษ” คาร์มาบอกน้ำเสียงมีแววไม่พอใจแฝงอยู่อย่างไม่ปิดบัง
“เรื่องอะไรที่เกิดที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า” สหัสบอกตรงๆ
“ยกเว้นเรื่องของท่าน สหัสกลับพาณากับข้าเถอะ” คาร์มาวกเข้าเรื่องเดิมเขาพอรู้ว่าเจ้าเด็กพารัมนั้นต้องมีอะไรซ้อนอยู่ไม่มากก็น้อย แล้วพลังงานรุนแรงบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ตอนเกิดจันทร์ดับนั้นยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าตอนนี้ในนันทานครเมืองที่แสนเกรียงไกรของพวกมนุษย์นั้นกำลังเก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้ สิ่งมีชีวิตที่น่าจะเกี่ยวกับการผลัดเปลี่ยนผู้ครองบัลลังก์ของพาณานั่นก็คือยักษ์ที่ในเมืองอมนุษย์แทบจะสาปสูญไปแล้วด้วยซ้ำ
“คาร์มาเจ้าชอบสิ่งใดในตัวข้า” อยู่ดีๆสหัสก็ถามคำถามที่ทำเอาคนฟังเลิกคิ้ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแย้มยิ้มงดงามเมื่อคิดว่าสหัสนั้นคงเริ่มจะใจอ่อน
“ท่านที่แสนงดงาม กล้าหาญซื่อสัตย์และรักษาคำพูดเยี่ยงชีพ” คาร์มาบอกก่อนเดินเข้ามาใกล้สหัสและจับมือแกร่งขึ้นมากุมไว้กลางหน้าอก “กลับพาณากับข้านะ”
“งั้นเจ้าก็คงรู้คำตอบแล้วคาร์มา” สหัสบอกเสียงเรียบพลางดึงมือออกมากการเกาะกุมพร้อมถอยห่าง “ข้าไม่กลับพาณากับเจ้า” สหัสบอกง่ายๆ “ข้ารักษาคำพูดของข้าเสมอ”
คำตอบที่ทำเอาคาร์มากัดฟันแน่น พลางเชิดหน้าขึ้น “ถ้าท่านรักษาคำพูดจริง ท่านต้องรักษาคำสัญญาที่ให้กับข้าไว้สิทำไมท่านถึงทำเหมือนจำมันไม่ได้”
“ข้าจำได้”
“ท่านสัญญาว่าจะเคียงข้างข้าตลอดไป” คาร์มาเอ่ยดวงตาเริ่มเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“สัญญาที่ข้าต้องรักษาอยู่ฝ่ายเดียว เจ้าไม่คิดว่ามันเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือคาร์มา” สหัสเอ่ยน้ำเสียงเรียบริมฝีปากงดงามได้รูปกระตุกยิ้มมุมปากราวเย้ยหยันก่อนจะหันหน้าออกไปอีกทางดวงตาสีน้ำเงินทอดมองดวงจันทร์ที่กำลังสาดแสงเรื่อเรืองอยู่ปลายท้องฟ้าอีกไม่นานดวงตะวันคงจะขึ้นมาทำหน้าที่แทน ไม่ว่าอย่างไรท้องฟ้าก็ไม่เคยเดียวดาย เช่นเดียวกับคาร์มาต่อให้ไม่มีเขา คาร์มาก็ไม่มีทางที่จะโดดเดี่ยว
“ท่านยังโกรธเรื่องคืนนั้น ข้าอธิบายได้นะ...”
“ข้าไม่ต้องการคำอธิบายที่ใช้เวลานานเกือบสี่ปีกว่าจะเอ่ยออกมา คาร์มาเจ้ากลับไปเถอะไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่กลับพาณาไปกับเจ้า” สหัสบอกก่อนทำท่าจะก้าวเดินจากไปก่อนชะงักแล้วหันมายังคาร์มาอีกครั้ง “นันทานครไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ เจ้าคงรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร” สหัสบอกก่อนจะหันหน้าเดินจากไปคราวนี้เขาไม่แม้แต่จะหันมามองแม้คาร์มาจะเอ่ยเรียกเขาก็ตาม
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คาร์มายืนนิ่งอยี่เดิมโดยไม่ยอมขยับไปไหน สิงห์ราหนุ่มแสยะยิ้มกับตัวเองทันทีเมื่อรับรู้ว่ามีบางคนกำลังเดินเข้ามาใกล้
“ข้านึกว่าจะแอบจนเช้าซะอีก” คาร์มาบอกก่อนหันมาพบกับร่างของผู้มาเยือน
“ถ้าไม่แอบฟังจะเห็นเจ้า มาตามตอแยให้พี่สหัสกลับไปกับตัวเองรึไง” พารัมตอบออกมาอย่างไม่รู้สึกผิดที่ตัวเองแอบฟังคนอื่นคุยกัน จริงๆแล้วพารัมนั้นโดนพาไปอยู่ในห้องและล่ามด้วยโซ่ตรวดังเดิม เพราะต่อให้ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าพารัมคือยักษ์และดูเหมือนพารัมจะควบคุมตัวเองได้ในระดับหนึ่งแต่เพื่อความปลอดภัยของทุกคน พารัมจึงถูกนำไปขังไว้ก่อน แต่ดูเหมือนความสามารถพิเศษต่างๆที่เริ่มปรากฏนั้นทำเอาพารัมเริ่มอยู่ไม่สุข เมื่ออยู่ดีๆพารัมก็ได้กลิ่นของสิ่งมีชีวิตต่างๆ และสามารถแยกมันได้ว่ากลิ่นนี้คือใคร ทั้งที่พารัมไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ากลิ่นของสิงห์ราเป็นอย่างไร ทั้งกลิ่นของสหัสและกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย สหัสที่มาส่งพารัมที่ห้องขังนั้นออกไปจากห้องสักพักแล้วแต่พารัมก็ยังได้กลิ่นอยู่แปลว่าสหัสคงยังไม่ไปไหนไกล และอยู่ดีๆกลิ่นของสิงห์ราตนใหม่ก็ปรากฏขึ้นพารัมใช้เวลาไม่นานนักในการปักใจว่าเจ้าของกลิ่นนั้นคือคาร์มา คิดได้ดังนั้นพารัมเลยลองใช้มือของตัวเองง้างโซ่ตรวนที่ใช้พันธนาการตนออก และมันก็คลายออกอย่างง่ายดายด้วยพละกำลังของยักษ์ เรี่ยวแรงที่เพียงคิดอยากใช้ก็ปรากฏอย่างง่ายดาย พารัมพาตัวเองออกมาข้างนอกอย่างเงียบเชียบและก็พบกับสหัสและคาร์มาจริงๆทั้งคู่ยืนคุยกันอยู่เป็นครู่บทสนทนาที่พารัมได้ยินชัดทั้งที่อยู่ไกลพอสมควร นี่สินะความสามารถของพวกอมนุษย์พารัมคิดในใจทั้งที่ยังคงแอบฟังทั้งสองคุยกันอย่างเงียบๆ จนสหัสจากไปพารัมก็ตั้งใจจะกลับห้องเหมือนกัน แต่บางอย่างก็สะกิดใจ พารัมอยากคุยกับคาร์มาและบอกว่าตอนนี้สหัสไม่ใช่ของใครนอกจากเขา ไม่ว่าจะมาไม้ไหนพารัมก็ไม่มีทางยอมให้สหัสกลับไปกับคาร์มาเด็ดขาด
“ข้าไม่ยักรู้ว่าชาววังนันทาจะไร้มารยาทขนาดนี้” คาร์มาพูดก่อนมองพารัมหัวจรดเท้าพารัมอยู่ในชุดเรียบร้อยผมยาวสยายถูกมัดมวยไว้กลางศีรษะ ใบหน้าที่มีเครื่องหน้าชวนมองดวงตาแวววาวแม้จะมีสองสีดูแปลกตาจมูกรั้นๆและริมฝีปากน่ารักนั้นดูช่างเหมาะเจาะ แม้จะไม่สวยงามจนจับตาแต่ก็น่ามองไม่น้อย
“มารยาทของข้าเลือกใช้กับบางคนเท่านั้น” พารัมบอก ก่อนหันกลับมามองคาร์มาที่ยังคงยืนอยู่ที่บริเวณทางเดิน พารัมมองคาร์มาหัวจรดเท้าก่อนเบ้ปาก เป็นชายแต่มีใบหน้างดงามขนานั้นช่างน่าหมั่นใส้ ก่อนจะเหลือบมองเงาตัวเองที่สะท้อนในกระจกใสประดับเสา ดวงตาข้างหนึ่งที่เป็นีแดงดูประหลาดตาพารัมคิดก่อนยักไหล่อย่างไม่สนใจแม้ตอนนี้เขาจะเป็นชายแต่เขาใสนตอนนี้ก็ยังคงงดงาม อย่างเขาน่ะต่อให้อยู่ในร่างยักษ์ก็ยังงดงาม พารัมไม่ยอมแพ้สิงห์ราตรงหน้าหรอก
“เจ้าเป็นอะไรกับพี่สหัส” ถามพลางเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดีคาร์มามองยักษ์น้อยตรงหน้าก่อนแสยะยิ้ม
“คู่หมั้น”
คำตอบของคนตรงหน้าทำเอาพารัมเบ้ปากสายลมรอบตัวเริ่มโหมแรงทำเอาต้องสูดหายใจลึกๆข่มอารมณ์ “แค่คู่หมั้น” พารัมพูดก่อนมองคาร์มาหัวจรดเท้าเหมือนที่คาร์มามองตน “ทำมาอวด ข้าเป็นเมียยังไม่พูดสักคำ” พารัมบอกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาก่อนยิ้มหยันราวผู้ชนะเมื่อคาร์มามีท่าทีไม่พอใจกับคำพูดของตน “เจ้าอาจไม่รู้ข้าอยู่ในร่างของหญิงสาวมาเกือบสิบแปดปี หญิงกับชายน่ะอยู่ใกล้กันจะเกิดอะไรขึ้นดีล่ะท่านคาร์มา ยิ่งพี่สหัสที่อยู่ในช่วงกลัดมันขนาดนั้น จะปฎิเสธลงได้อย่างไรกัน ข้าแพ้ดวงตาสีเทาแสนงามคู่นั้นซะด้วยสิ ยิ่งตอนเรียกชื่อข้านะ พารามม....แหม!กระดากปาก” พูดจบพารัมก็แสร้งยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะเบาๆราวเขินอายก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องของตน เขาไม่สนใจหรอกว่าคำโกหกของเขาคาร์มาจะเชื่อไหม พารัมบอกแล้ว แค่ไม่ให้พี่สหัสไปกับคาร์มาพารัมยอมทำทุกอย่างเขาเสียพ่อกับแม่ เขาไม่มีแม้กระทั้งบ้านให้กลับแล้วเขาจะไม่ยอมเสียพี่สหัสให้ใครเด็ดขาด
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“ทะ...ท่านเธราว่าอย่างไรนะ” สหัสละล่ำละลักถามเธราอย่างไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อเขาถูกเรียกมารับคำสั่งแต่เช้าตรู่
“ข้าสั่งให้เจ้า นำทางพารัมไปยังเมืองพาณา ไม่ว่าพารัมมีหน้าที่อะไรต้องสะสางเจ้าจงอยู่ดูแลจนกว่าทุกอย่างลุล่วง” เธราเอ่ยคำสั่งอีกครั้ง เขามองไปยังสิงห์ราของตนก่อนถอนหายใจเบาๆ เธราพอจะเข้าใจความรู้สึกสหัสแต่จะทำอย่างไรได้เมื่อเขาเผลอรับปากพารัมตัวแสบไปแล้ว
------------------------------------------------------------------------------
----------------------------
เธราที่มักจะลุกขึ้นมาดูแลห้องเก็บยาแต่เช้าได้รับจดหมายที่เธราฝากมากับนางกำนัลว่าอยากพบมีเรื่องสำคัญมากๆจะบอกและต้องการบอกเขาเพียงคนเดียว เธราจึงไปหาพารัมทันทีร่างของพารัมที่ถูกโซตรวจตรึงไว้ดูน่าสงสาร แม้ตอนนี้พารัมจะอยู่ในร่างชายหนุ่มแต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเสียงสะอึกสะอื้นที่ดูเหมือนจะขาดใจนั้นก็ทำเอาเธราใจอ่อนได้อย่างเคย
“ข้ากลัวพี่เธรา ถ้าข้าเข้าไปในเมืองอมนุษย์ข้าจะต้องถูกไล่ฆ่า ข้ากลัวเหลือเกิน”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไป พารัมอยู่ที่นี่แหละ อาจจะต้องหาที่ซ้อนตัวสักพักเจ้าไม่ต้องกลัวข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไร” เธราเอ่ยปลอบ
“ไม่ได้หรอกถ้าข้าอยู่ นันทานครต้องเจอปัญหาแน่ๆ พวกอมนุษย์รู้แล้วว่าข้าพ้นจากการถูกสะกด ข้าจะกลับร่างยักษ์อีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ข้าไม่ยอมให้พี่เธราเดือดร้อนเพราะข้าอีกแล้ว แต่...แต่ข้ากลัวววว ฮือออ” พารัมปล่อยโฮสะอึกสะอื้นก่อนขยับเข้ากอดเธราราวหาที่พึ่ง
“แล้วเจ้าจะเอายังไงพารัม” เธราถามอย่างหมดหนทาง
“ก็...ก็ให้พี่สหัสพาข้าไปส่งสิพี่สหัสน่ะ มีตำแหน่งใหญ่โตในพาณาคุ้มครองข้าได้อยู่แล้ว อีกอย่างข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าเข้าไปในเมืองอมนุษย์แล้วต้องทำอะไรบ้าง พี่สหัสเป็นอมมุษย์น่าจะแนะนำข้าได้” พารัมเข้าเรื่องทันที
เธราได้ฟังคำขอร้องของพารัมแล้วก็ต้องถอนหายใจ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเล่นกลใส่กันนะ
“เอาเถอะข้าจะลองถามสหัสดู”
“พี่เธราต้องสั่ง ฮืออ...พี่สหัสเกลียดข้าเขาไม่ไปหรอก” พารัมร้องไห้อีกครั้ง
“ตกลงพารัม ข้าจะสั่งให้สหัสไปกับเจ้า หยุดร้องได้แล้ว” เธราบอกก่อนเช็ดน้ำตาให้พารัม เขาอยู่ปลอบโยนพารัมอีกเป็นครู่ก่อนจะออกไปจากห้อง โดยไม่รู้ว่าทันทีที่ประตูห้องปิดลงร่างที่เคยร้องไห้ราวขาดใจกลับแย้มยิ้มออกมาเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“เจ้าไปพูดอะไรกับท่านเธรา พารัม!!!” เสียงตวาดดังลั่นของสหัสดังมาก่อนที่เขาจะก้าวมาถึง พารัมตอนนี้ออกมานั่งเล่นอยู่ที่ตำหนักท้ายบึงโดยมีราซีนนั่งอยู่ข้างๆ
“พี่สหัสหมายถึงอะไร” พารัมตีหน้าซื่อ
“เจ้าบอกให้ท่านเธราสั่งให้ข้าพาเจ้าไปพาณาใช่ไหม” สหัสตะคอก
“ข้าจะไปมีสิทธิสั่งอะไรพี่เธรา” พารัมเถียงพลางนึกกระหยิ่มในใจ การที่สหัสมาโวยวายใส่เขาแบบนี้แปลว่าพี่เธราต้องสั่งให้พาเข้าไปพาณาแล้วแน่ๆ ดีจริง
“พารัม คนอย่างเจ้ามันทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามใจตัวเองอยู่แล้ว” สหัสบอกอย่างเหลืออด
“ใครๆก็ทำทุกสิ่งให้ได้ตามที่หวังทั้งนั้น มีใครไม่ตักข้าวกินเพื่อหวังให้อิ่มบ้าง ทำไม โมโหที่ต้องพาข้าไปพาณา เพราะว่าใจจริงอยากไปกับคู่หมั้นเก่ารึไง” พารัมตะโกนใส่หน้าสหัสบ้างเขาไม่ใช่คนที่จะทนให้ใครมาตะโกนใส่หน้าปาวๆหรอกนะ
“พารัมใจเย็น” ราซีนที่ยืนอยู่ใกล้ๆรีบเข้าไปจับแขนห้ามปรามเมื่อพารัมทำท่าจะแผลงฤทธิ์ สายลมรอบตัวแม้จะยังนิ่งสนิทแต่ก็ไว้ใจไม่ได้ ราซีนคิดก่อนจะเลื่อมือไปกุมโซ่สายฟ้าที่เขาติดตัวตลอดเวลาเบาๆเพื่อความอุ่นใจ นี่หากเขาไม่มีอาวุธที่จับอมนุษย์ได้ทุกชนิดเขาคงไม่กล้า ให้พารัมออกมาเดินเล่นแบบนี้หรอกยักษ์น่ะน่ากลัวน้อยเสียที่ไหนยิ่งเป็นยักษ์น้อยขี้โมโหแบบนี้ยิ่งน่ากลัว
พารัมสูดหายใจลึกๆเมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มโมโหหากดวงตาสองสียังคงจ้องตอบดวงตาสีเทาที่มีแววโกรธเคืองอย่างไม่เกรงกลัว
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ากับคาร์มาเป็นคู่หมั้นกัน” สหัสถาม
“แล้วใช่ไหมล่ะ”
“มันเรื่องของข้า”
“เรื่องของพี่ก็คือเรื่องของข้า” พารัมสวนทันควัน
“เจ้าไม่ได้เป็นอะไรกับข้า พารัม”
“ไม่เป็นวันนี้ก็เป็นเข้าสักวันแหละ คู่หมั้นของพี่น่ะอ่อนแอชะมัดข้าแค่หลอกว่าข้าเป็นเมียพี่ ก็แสดงอาการโมโหโทโส แปลว่าเจ้าสิงห์ราหน้าหวานนั่นไม่เชื่อใจพี่สักนิด” พารัมพูดออกไปอย่างลืมตัวว่าตนแอบไปสร้างเรื่องเอาไว้
“นี่เจ้า...” สหัสชี้หน้าพารัมอย่างเหลืออด นี่พารัมไปโกหกคาร์มาว่าเป็นเมียเขางั้นรึ
“ทำไม ข้าพูดอะไรผิด ข้าบอกแล้วว่าวันนี้ไม่ได้เป็นวันหน้าก็ได้เป็นอยู่ดี”
“หยุดเลยพารัม” สหัสพูดลอดไรฟันจนแทบจะเป็นเสียงขู่ของสิงห์รา
“ข้าจะรักพี่มันก็เรื่องของข้า พี่ไม่มีสิทธิมาห้าม” พารัมบอกพลางเชิดหน้าขึ้นท่าทางยียวนนั้นช่างแสนกวนโมโห
“แต่เจ้าไม่มีสิทธิไปโกหกใครว่าเป็นเมียข้า” แม้จะพยายามสะกดอารมณ์แต่ท่าทางของพารัมนั้นช่างน่าโมโห
“ดีเท่าไหร่ที่ตอนนี้ข้าเป็นชาย ถ้ายังเป็นร่างหญิงสาวล่ะก็ ข้าจะบอกว่าอุ้มท้องลูกของพี่ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ดูซิข้ากับสิงห์ราหน้าหยิ่งนั่นใครจะแน่กว่ากัน” พารัมพูดอย่างไม่สนใจท่าท่างโมโหของสหัส พลางยักไหล่ก่อนเดินจากไปทันที
“พารัม!!!” สหัสได้แต่เรียกชื่ออย่างโมโหแต่ก็จนปัญญาจะปรามจริงๆ
“ฮ่าๆ เออดีจริงๆข้าเพิ่งเคยเห็นการสารภาพรักที่ดุเดือดขนาดนี้ อมนุษย์เขาบอกรักกันแบบนี้สินะ” ราซีนพูดอย่างติดตลก “สหัสงานหนักหน่อยนะข้าเป็นกำลังใจให้ ฮ่าๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะนั้นช่างตรงข้ามกับคำพูดราซีนเดินตามพารัมไป ปล่อยให้สหัสยืนสงบอารมณ์อยู่คนเดียวอย่างยากเย็น
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ข้ามาส่งแค่นี้ล่ะ” สหัสเอ่ยออกมาเขามาส่งคาร์มากลับเมืองอมนุษย์ โดยมีกองกำลังพิเศษที่เป็นพวกลูกครึ่งอมนุษย์ตามมาด้วย พวกนี้โชบุกับชุนฝึกมาอย่างดีจึงถูกส่งมาให้คอยระวังให้เขา เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียตอนนี้ก็ไว้ใจใครไม่ได้
“ท่านไม่กลับไปกับข้าเพราะพารัมใช่ไหม” คาร์มาเอ่ย “แต่เจ้านั่นเป็นยักษ์เป็นศัตรูกับสิงห์ราท่านก็รู้”
“ข้าไม่รู้” สหัสตอบหน้าตาย “ไม่เคยมีกฎข้อให้ที่บอกว่ายักษ์เป็นศัตรู ประเพณีล่ายักษ์ มีขึ้นก็ตอนที่เป่าพันธุ์อื่นขึ้นมามีอำนาจ พอข้าได้ออกมาเรียนรู้โลกภายนอกข้าจึงไม่แน่ใจว่าทีเราล่ายักษ์กัน เป็นเพราะยักษ์นั้นร้ายกาจหรือเพราะยักษ์นั้นเก่งกาจกันแน่”
“ท่านได้พารัมเป็นเมียจริงๆสินะ” คาร์มาบอกออกมา ใบหน้าที่ก้มต่ำนั้นทำให้สหัสไม่เห็นสีหน้าของคนพูด แต่สหัสก็เหนื่อยใจเกินจะอธิบาย
“เจ้ากลับไปเถอะคาร์มา”
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สิงห์ราหนุ่มยืนมองท่านเจเนสที่กำลังสั่งการให้นางกำนัลช่วยพารัมเก็บของเพื่อเดินทางไปพาณา ของมากมายถูกตระเตรียมอย่างพร้อมสรรพ และดูจะเยอะเกินไปสำหรับการเดินทางที่ต้องปิดเป็นความลับครั้งนี้
“ข้าคิดว่าของพวกนี้คงเอาไปไม่ได้” สหัสเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพหก่อนชี้ไปที่กองสัมภาระขนาดใหญ่
“ทำไมล่ะสหัส ของพวกนี้มาแต่ของจำเป็นทั้งนั้น เสื้อผ้าอาหารแห้งหยูกยา พารัมน่ะชอบป่วยเวลาอากาศเปลี่ยน” เจเนสบอกออกมาอย่างเป็นห่วง แม้ตอนนี้พารัมจะไม่เป็นเด็กสาวแสนน่ารักแล้วแต่พารัมในสายตาของเจเนสกลับไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ หลังจากที่พารัมกลายร่างในคืนจันทร์ดับ เธอก็ได้มาพบพารัมอย่างเป็นห่วงพารัมในร่างของชายหนุ่มนั้นดูแปลกตาดวงตาสีแดงที่ดูน่าขนลุกนั้นไม่ได้ทำให้ท่าทางน่าเอ็นดูของพารัมลดน้อยลง พารัมทำความเคารพเจเนสอย่างนอบน้อมก่อนเอ่ยลาพร้อมเหตุผลมากมายที่ทำให้พารัมต้องไปยังเมืองอมนุษย์ เจเนสเองแม้จะไม่ได้ยุ่งกับเรื่องของบ้านเมืองมานานแต่เธอเองก็พอจะรู้เรื่องการผลัดเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ขึ้นปกครองพาณาอยู่บ้าง
“พารัมเป็นยักษ์ คงจะไปปลอดภัยถ้าไปอย่างเอิกเกริกนัก”
“แล้วข้าจะเอาอะไรไปได้บ้างล่ะ” พารัมถามถึงตอนนี้เขาจะมีร่างกายเป็นชายแต่ด้วยความที่ใช้ชีวิตเป็นหญิงสาวมาทั้งชีวิต จึงมีนิสัยของผู้หญิงอยู่ไม่น้อย มือเรียวหยิบเอาชุดโปรดขึ้นมามองอย่างทำใจก่อนจะวางมันลงไปที่เดิมตอนนี้ถ้ามาใส่กระโปรงแบบนี้เดินไปมาคนเห็นคงคิดว่าเขาเป็นบ้าแน่ๆ
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“อะไร” พารัมถามเสียงสั่นเมื่อสหัสโยนกรรไกรมาตรงหน้า ตอนนี้พารัมกำลังเตรียมตัวที่จะออกเดินทางไปเมืออมนุษย์ ซึ่งพารัมเอาไปได้แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นและมันเป็นของชายชาวบ้านทั้งสิ้น สหัสไม่ให้เอาอะไรไปเลยแม้แต่น้ำหอมสักขวด
“ตัดผมเจ้าซะ” พารัมนั้นยังติดนิสัยหญิงสาวอยุ่มาก แม้จะเริ่มมีนิสัยโผงผางหรือใจร้อนเผยออกมาบ้างแล้วก็ตาม และผมยาวสลวยที่งดงามขนาดนี้ จะไปบอกใครได้ว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาไหนจะผิวพรรณที่แทบไม่มีริ้วรอยนั่นอีก วังว่าพอออกเดินทางจะพอกร้านแดดลมจนเหมือนชาวบ้านธรรมดาขึ้นมาบ้าง
พารัมหยิบกรรไกรขึ้นมาช้าๆก่อนเงยหน้ามองสหัสราวไม่แน่ใจ เขารู้ว่าสหัสต้องการให้เขาเดินทางอย่างเงียบๆและเป็นความลับอย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง แต่อยู่ดีๆจะมาให้ตัดผมที่เพียรไว้มาตั้งแต่เล็กแต่น้อยพารัมก็อดใจหายไม่ได้ พารัมค่อยๆเอากรรไกรตัดลงไปบนเส้นผมเงางามช้าพลางหลับตาปี๋อย่างไม่อยากจะเห็นจนสุดท้านสหัสต้องแย่งกรรไกรมาเสียเอง
“นั่งนิ่งๆ” สหัสบอกก่อนจะหยิบเอากลุ่มผมเงางามขึ้นมาตัดออกไปทีละช่อ ดวงตาสีเทาเหลือบมองพารัมที่นั่งตัวเกรงหลับตาปี๋ แล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้ท่าทางเก่งกาจปากร้ายไม่กลัวใครแค่ถูกตัดผมแค่นี้กลับไม่กล้าดูเสียอย่างนั้น
“ยิ้มอะไรอ่ะ” เสียงทักของคนที่กำลังโดนตัดผมทำเอาสหัสต้องหุบยิ้มลงทันควัน “ข้าเห็นนะ แนะๆแอบยิ้มอะไรอ่ะ” พารัมชี้เข้ามาในกระจกให้นิ้วเรียวของตนตรงกับใบหน้าของสหัส
“ข้าน่ารักใช่ใหม่ล่า ดูสิผมสั้นก็ดูดีไปอีกแบบเนอะ” พารัมชมตัวเองอย่างน่าไม่อาย ทำเอาสหัสถอนหายใจก่อนโยนกรรไกรลงบนตักของพารัมทันทีที่ตัดผมให้เสร็จ
“เตรียมตัวให้ดีเราจะเดินทางกันกลางดึกคืนนี้ และอย่าออกไปไหนก่อนเด็ดขาดตอนนี้คนในวังคิดว่าเจ้ากำลังป่วยทันทีที่เจ้าเดินทางออกจากนันทา ทางนี้ก็จะปล่อยข่าวว่าเจ้ากลับบันกุไปรักษาตัว ทุกคนจะคิดแค่ว่ามียักษ์หลงมาอาละวาดและถูกท่านราซีนปราบไปแล้ว จำเอาไว้อย่าทำให้ทุกอย่างแย่ลงเพราะความไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของเจ้า” สหัสบอกกับพารัมยาวเหยียดถึงทุกอย่างที่เตรียมการไว้
“ข้ารู้แล้ว” พารัมบอกหากชักสีหน้างอง้ำ ไม่รู้จะดุอะไรเขานักหนา พารัมคิดก่อนมองสหัสที่เดินออกจากห้องไปทันทีที่บานประตูปิดลง พารัมก็มองเงาของตัวเองที่สะท้อนในกระจกอย่างนิ่งงัน เขาไม่รู้จริงๆว่าเมื่อเข้าไปในใองอมนุษย์แล้วเขาต้องเจออะไรบ้าง แต่บางอย่างก็เรียกร้องให้เขากลับไปหา กลับไปทำตามหน้าที่ที่ติดตัวมาตั้งแต่ถือกำเนิด พารัมแตะมือลงไปที่กลางหน้าอกตัวเองเบาๆ ดวงใจรักขสะ ที่ฝังอยู่ในนั้นราวกับจะตอบรับสัมผัสของเขาทันที พารัมเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกว่าภาระหน้าที่ของตนนั้นคงไม่ง่ายนัก
“พ่อ แม่ คุ้มครองข้าด้วย” พารัมเอ่ยเบาๆราวกับให้กำลังใจตัวเอง
มาแล้ววว ใครเล่นทวิตติดแทค #ยักษ์อ่อย คุยกันน
ฝากสหัสพารัม ด้วยค่าา
#ดวงใจรักขสะ