ขอประกาศก่อนเลยนะคะ คือเราขอรีไรต์ชื่อเล่นของสองแฝดนะคะ
ตอนแรกยังคิดชื่อเล่นไม่ออกเลยใส่ชื่อจริงไปเลย แต่คนเราเรียกกันแต่ชื่อจริงมันแปลกค่ะ ขนาดในที่ทำงานยังรู้สึกแปลกเลย
ดังนั้นจึงขอเพิ่มชื่อเล่นลงไปหน่อย
คนพี่ชื่อ
บอส คนน้องชื่อ
วิน นะคะ
กราบขออภัยมา ณ ที่นี้
ขอบพระคุณผู้ที่หลงเข้ามาอ่านทุกท่านค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จิ๊กๆ
ใครมาสะกิดเนี่ย คนจะหลับจะนอน
จิ๊กๆ
อีกแล้ว อะไรเนี่ย ผมเอื้อมมือไปปัดสิ่งรบกวนออก
“ตื่นๆ ไกล้ถึงแล้ว”
ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาจากเสียงเรียกและแรงกระแทกตรงศีรษะ
“ต้องรุนแรงขนาดนี้เลย?” เมื่อกี้ไอ้พอทมันเอาไหล่ข้างที่หนุนอยู่กระแทกหัวผมครับ
“อยากตื่นยากเองนี่ เมื่อยจะตาย”
“ตอนแรกจิ้มซะเบาใครมันจะไปตื่น” กวนกันชัดๆ แนะ มีการมายิ้มอีก เห็นแก่การให้ยืมใหล่จะให้อภัยก็แล้วกัน ถึงจะไม่ได้ขอก็เถอะ
หันออกไปมองทิวทัศน์นอกรถเห็นทะเลอยู่ไกลๆ มาถึงประมาณ 10 โมงเช้า ใช้เวลาเดินทางไม่นานจากกรุงเทพฯ
หลังจากนั้นไม่นานพวกเราก็มาถึงโรงแรมที่พักซึ่งอยู่ใกล้ชายหาดพัทยา เป็นโรงแรมที่ค่อนข้างมีระดับหรูหราพอสมควรเลย พอรถจอดที่หน้าโรงแรมก็พากันทยอยลงจากรถอย่างรวดเร็ว
ข้างนอกว่าหรูแล้วเดินเข้ามาในยิ่งหรูกว่า ตอนนี้ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่ล็อบบี้เพื่อรับกุญแจห้องพัก โดยแบ่งพักห้องละ 2 คน ผมอยู่กับไอ้พอทเจ้าเก่าเจ้าประจำเช่นเดิม
“ตอนนี้ก็แยกย้ายไปห้องพักนะครับ บ่ายโมงให้มารวมกันที่นี่อีกรอบนะ” พนักงานที่รับหน้าที่ผู้นำกลุ่มประกาศกลางห้องโถงหลังจากแจกจ่ายกุญแจให้ทุกคนครบแล้ว พวกเราจึงแยกกันไปห้องของตัวเองทันที พวกแฝดไอดอลได้เลขห้องติดกันพอดีก็เดินตามหลังมาด้วย
พอเข้ามาในห้องแล้วผมก็ตะลึงทั้นที โชคดีที่ได้ห้องมองเห็นทะเล วิวดีสุดๆ ห้องพวกผมอยู่ชั้นที่ 8 ไม่สูงมากแต่ก็ไม่เตี้ยไป มุมกำลังดี เดินออกไปนอกหน้าต่างเป็นบานกระจกเลื่อนภายนอกเป็นระเบียงมีที่ชุดโต๊ะเก้าอี้วางอยู่กับต้นไม้ประดับอีกเล็กน้อยด้านข้างสร้างบรรยากาศให้ร่มรื่นอีกนิด
ตุ๊บ
หันไปมองตามเสียง เจอไอ้พอทโยนกระเป๋าเข้าตู้เสื้อผ้าไปแล้ว ผมก็ไปเก็บของเข้าที่บ้างดีกว่า
เปิดกระเป๋าหยิบชุดออกมาแขวนไว้ที่ราวแขวนในตู้ บังเอิญเหลือบไปเห็นกระเป๋าของคุณเพื่อนยังคงสภาพเดิมทุกสิ่งอย่าง ไอ้นี่มันไม่คิดจะจัดของเลยรึไงนะ
ช่างเหอะ เรื่องของมัน
ว่าแล้วก็หยิบพวกครีมบำรุงทั้งหลายที่น้องพีชซื้อมาให้วางบนโต๊ะเครื่องแป้งในห้อง น้องพีชกำชับว่าต้องใช้ทุกวันห้ามบิดพลิ้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกรักผมจึงกลายเป็นผู้ชายเจ้าสำอางขั้นต้น พกครีมกันแดด ทาครีมบำรุง ก่อนนอนต้องมาร์กหน้า ทั้งที่เมื่อก่อนปล่อยเนื้อปล่อยตัวมาก แต่สีทนได้ จะได้เป็นคุณพ่อสุดหล่อของน้องพีชไปนานๆ
เบนสายตาไปทางอัลฟ่าที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำมา จ้องมองใบหน้าที่ยังคงหนุ่มแน่นทั้งที่อายุเท่ากัน
อิจฉาอ่ะ
“มองหน้ามีไร”
“ห้ะ เปล่านี่” ใครจะบอกว่าอิจฉาหนังหน้ามันมาก อัลฟ่านี่มันอัลฟ่าจริงๆ
“ไม่ได้หลงกูใช่ป่ะ” ไอ้พอทยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผมรีบเอามือยันไว้ทันที
“หลงบ้าหลงบออะไร มีแต่แกนั่นแหละที่หลงตัวเอง”
“ที่รักทำมาเป็นปากแข็ง ชอบเขาก็พูดเถอะ” ไอ้พอทพ่นคำพูดแสลงหูพร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้กว่าเดิมพลางทำหน้าชวนถีบไปด้วย
“เล่นไรเนี่ย ขนลุก” ผมว่าเอามือยันหน้าแรงกว่าเดิม ทำไมไม่ขยับเลยว่ะ ความต่างชั้นนี้
ก๊อกๆ
ใครมาเคาะประตูห้อง?
เพื่อนเลวผละออกจากตัวผมไปส่องตาแมว ผมเลยถามมันว่าใครมา
“ลูกท่านประธานมา เปิดมั้ย” ยังมีหน้ามาถาม
“เปิดดิ”
ผมเดินตามไปที่ประตู พบฝาแฝดออร่ากระแทกตา 1 คู่ ยืนยิ้มแย้มแจ่มใสแจกชาวโลกที่หน้าประตู
“ผมมาชวนพี่กันต์ไปทานข้าวด้วยกันน่ะครับ”
“ไปด้วยกันนะครับ”
ดวงตาสีฟ้าจางสองคู่พากันส่งสายตาเหมือนลูกหมาขออาหารมาให้ ฮึ่ย สมกับเป็นมืออาชีพ ขนาดเป็นผู้ชายยังแอบเคลิ้ม
“ชวนแต่กันต์คนเดียวเหรอ ใจร้ายจัง” ไอ้พอทส่งเสียงตัดพ้อ ผมยืนอยู่ข้างหลังจึงไม่เห็นว่ามันทำหน้ายังไงตอนพูดประโยคนี้ แต่ผมเห็นคู่สนทนากับมันดวงตาวาววับแว๊บนึงรึเปล่า? คิดไปเองมั้ง
“พวกผมก็ให้ไปด้วยกันนี่แหละครับ กินข้าวหลายคนสนุกดีจะตาย” หนุ่มวิ้งค์คนพี่ตอบ
“ผมเป็นได้แค่ตัวแถมเหรอเนี่ย น่าน้อยใจจริง”
“ไม่หรอกครับ คุณพีระเป็นเพื่อนพี่กันต์ต่างหาก”
“......”
ทำไมแอร์โรงแรมเย๊นเย็น
ในที่สุดเราก็เคลื่อนพลมาที่ห้องอาหารของโรงแรม แม้ว่าภูผาฟ้าครามจะเป็นไอดอลโด่งดังก็ไม่เป็นปัญหากับการมานั่งทานอาหารในห้องรวมเพราะแขกส่วนใหญ่ยังคงเป็นชาวต่างชาติ จึงไม่มีใครสนใจพวกเรามากนัก
ผมยื่นบัตรทานอาหารของโรงแรมที่ได้มาพร้อมกับกุญแจห้องให้พนักงานหน้าห้องอาหารก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน มองหาโต๊ะนั่งสำหรับ 4 คน
พวกเราเลือกที่นั่งติดกระจกมองเห็นภายนอก บรรยากาศดีใช้ได้เลยครับ คุมโทนสีเทาน้ำตาล มีสีสันจากดอกกุหลาบแดงและใบสีเขียวในแจกันทรงโมเดิร์นตัดกับผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดเน้นความเรียบหรู
หลังจากนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยบริกรก็เดินเข้ามารับออเดอร์อาหาร ผมสั่งสปาเก็ตตี้ต้มยำกุ้งไป เหล่าอัลฟ่าทั้งหลายพากันสั่งโปรตีนเน้นๆ ฝาแฝดสั่งสเต็กทีโบนกับริบอาย ส่วนคุณพอทสั่งเป็นสเต็กเนื้อส่วนเทนเดอร์ลอย ล่อของแพงเชียว
อาหารมาเสริฟแล้วต่างคนต่างกิน อัลฟ่าสามัคคีชุมนุมยังคงมีเรื่องพูดคุยเล็กน้อยตามประสาพวกเดียวกัน ผมม้วนเส้นกินไปเรื่อยๆชมนกชมไม้ไม่ขอเข้าร่วมวงสนทนาชวนหนาวนั้น
อา... อร่อยแฮะ กุ้งนี่สดดีจัง แอบจำกลับไปทำให้น้องพีชลองทานบ้างดีกว่า
เวลา 13.00 นาฬิกา พนักงานทุกคนที่มาร่วมทริปรวมตัวอยู่ที่ล็อบบี้ครบทุกคน เฮโลขึ้นรสบัสอีกรอบเพื่อไปจุดหมายปลายทางของวันนี้
แกะ?
ที่พัทยาหรือ?
ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ฟาร์มแกะแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของพัทยาเลยทีเดียว พวกผู้หญิงที่มากันกรี้ดกร้าดด้วยความดีใจ ถ้าไม่นับว่าแกะมันดูไม่ค่อยเข้ากับทะเลสักเท่าไหร่ก็ถือว่าเป็นแหล่งถ่ายรูปชั้นยอดของบรรดานักเซลฟี่ตัวแม่ที่ตอนนี้พากันควักกล้องฟรุ้งฟริ้งออกมาถือกันให้พรึบ
หลังได้รับแจกตั๋วเข้าโครงการที่สามารถนำไปแลกหญ้าให้น้องแกะได้ 1 กำก็เดินเข้าไปข้างในอย่างเอื่อยเฉื่อยผิดกับสาวๆ ทั้งหลาย
“พี่กันต์ไปถายรูปด้วยกันนะครับ” บอสกับวินเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ครั้งนี้ฝาแฝดไวกว่าเพื่อนเก่าแก่ ตรงเข้ามาคว้าแขนทั้งสองข้างพาไปที่โซนถ่ายรูปก่อนจะหยุดตรงแกะตัวยักษ์สีแดงแป๊ดสะใจ ผมยังมึนอยู่ ตามไม่ทัน
ทั้งสองจับผมยัดช่องภายในตัวแกะ คนพี่จัดท่าจัดทางให้เรียบร้อยคนน้องตั้งกล้องเตรียมถ่ายดุจมืออาชีพเสร็จแล้วรีบวิ่งมาโพสท่าข้างผม
“3 2 1 ชีส” ทั้งคู่ออกเสียงนับถอยสไตล์คาวาอี้ ผมก็ยิ้มตาม ไม่ถนัดอะไรแบบนี้เลยครับ
จากนั้นผมก็โดนลากไปถ่ายรูปทั่วสารทิศเท่าที่จะไปได้ ปิดท้ายจบที่มุมรูปปั้นแกะน้อยมุ้งมิ้งเล็มหญ้า
เหนื่อยครับ เหนื่อยมาก เข้าใจถึงสัจธรรมสังขารไม่เที่ยงอย่างแท้จริง การเต้นโคฟไม่ได้ช่วยอะไรเลย ฮือ
ตอนนี้ผมเลยหนีมานั่งในร้านกาแฟบรรยากาศดีพักร่างกายกับพวกลูกน้องในแผนกแล้วครับ แก๊งค์สาวแกร่งแรงเกินร้อยนั่งเช็ครูปกันอยู่ คาดว่าน่าจะได้ถ่ายใหม่อีกรอบเพราะได้ยินเสียงบ่นหงุงหงิงว่าหน้าลอย แสงไม่ดี รูปดูอ้วน ฯลฯ ส่งรูปวิวที่ถ่ายให้น้องพีชดูดีกว่า เผื่ออยากให้ป๊ะป๋าพามา
“ว่าแต่อยากถ่ายรูปกับน้องวินน้องบอสจัง อุตส่าห์มากับคนดังทั้งที” น้องจ๋าขาเม้าส์พูดบ่นงืมงำ
“นั่นสิ หัวหน้ายึดบุคคลสาธารณะไปแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย” น้องมลผู้คล้ายจะเรียบร้อยรับไม้ต่อจากจ๋า
“หือ อะไร เปล่าสักหน่อย” ผมเงยหน้าจากมือถือหันไปมองพวกผู้หญิงที่ทำหน้าตาไม่เชื่อถือส่งมาให้ พวกนั้นมาถึงก็ลากเอาๆ ไม่ใช่ความผิดผมเลยสักนิด
“น้องๆ เขาดูเหมือนจะติดหัวหน้ามากเลยอ่ะ กับพวกผมที่ทำงานด้วยยังไม่สนิทขนาดนี้เลย” ไอ้เมฆก็มาร่วมวงด้วย
สองสาวเบต้าหันหน้าเข้าหากันพยักหน้าหงึกหงัก 1 ทีก่อนเบนเข็มมาทางผม
“ติดเติดอะไร ไม่หรอกหน่า” น้องมันแต่อยากอ้อนผู้สูงวัยตามประสาผู้เยาว์เฉยๆมั้ง คงเห็นว่าผมไม่ค่อยมีเพื่อนนอกจากไอ้พอท ว่าแต่มันหายไปไหนเนี่ย โดนโอเมก้าลากเข้ามุม?
“โหๆๆ หัวหน้าไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอคะ คนที่น้องเขามาสกินชิพมีแค่หัวหน้านั้นแหละค่ะ”
เป็นอย่างนั้นหรอกหรือ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ คิดว่าเป็นคนเฟรนลี่ซะอีก
“หัวหน้าไปอยู่ไหนมา โดนมองด้วยสายตาเทิดทูนปานจะกลืนกินขนาดนั้นยังไม่รู้ตัว”
“แกก็เวอร์ไปนะไอ้เมฆ” ผมเอ็ด กลืนกินเลยเหรอ เกินไป๊
“ไม่เวอร์หรอกค่ะหัวหน้า ชัดจนทิ่มตาคนทั้งแผนกแล้วค่ะ มีอะไรก็พี่กันต์จะส่งงานอะไรให้พี่ก็รับอาสาหมด ถ้ามองไม่เห็นก็ตาบอดแล้วค่ะ” ยัยจ๋าพูดอะไรออกมาน่ะ จะเป็นแบบนั้นได้ไงกัน
“จบเอกมโนโทจินตนาการใช่มั้ยพวกคุณ? คิดไปเอง”
หันไปมองที่พึ่งสุดท้ายส่งสายตาอย่างแรงกล้าว่า ‘ไม่จริงใช่มั้ย’ ไปให้นิดผู้สุขุมที่สุดในแผนก
เธอส่งยิ้มพิมพ์ใจให้ชุ่มชื้นก่อนหันหน้าหนีไปทางอื่น
อะไรกัน ไม่มีพวก โดดเดี่ยวเดียวดายอย่างแท้จริง!
“อยู่นี่เองพี่กันต์”
สะดุ้งเลยครับ จู่ๆก็โดนกอดซ้ายขวาเป็นแซนวิช คนแก่หัวใจจะวาย
“น้องบอสน้องวินมาพอดีเลย พวกพี่อยากถ่ายรูปกับน้องน่ะค่ะ จะได้อวดแผนกอื่นให้อิจฉาเล่น” จ้ะจ๋าพูดพลางยิ้มหน้าทะเล่น
ทั้งสองหันไปตอบทั้งที่ยังไม่เอาแขนออกจากคอผม “ได้สิครับพี่สาว แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ” ภูผาว่า
“อะไรเหรอ พี่สาวพร้อมเปย์จ้ะ” ยัยจ๋าทำหน้าสาวใหญ่มีเงินเรียกเด็กโฮสเปิดขวด
วินผละออกไปซุบซิบกับยัยจ๋าแป๊ปนึง คุยอะไรกันนะอยากรู้
“พี่สาวจัดให้ค่ะ ถึงไหนถึงกัน” จากนั้นทั้งสองคนจึงจับมือกันบ่งบอกว่าดีลสำเร็จลุล่วง แล้วสาวๆ ก็ลุกไปถ่ายรูปพร้อมไอดอลของปวงชนเหลือผู้ชายวัยกลางคน 1 วัยผู้ใหญ่ตอนต้นอีก 1 เฝ้าโต๊ะ
“เออพี่ ว่าแต่คุณพีระเค้าไปไหนอ่ะ ปกติมาเที่ยวแบบนี้ตัวติดกับพี่จะตาย”
“ไม่รู้อ่ะ โดนลากไปไหนซักที่แหละมั้ง” โอเมก้ากับเบต้าหญิงในบริษัทเล็งมันเยอะจะตาย ในบริษัทเรามีอัลฟ่าหลายคนก็จริง แต่มันก็เหมือนอัลฟ่าในหมู่อัลฟ่าถ้าไม่นับลูกชายท่านประธาน มาสนิทกับผมได้ยังไงยังงงอยู่เลย
“ผมน่ะอิจฉาคุณพีระมากเลยอ่ะ หน้าหล่อ หุ่นก็ดี เก่งอีกต่างหาก เบต้าอย่างผมคงได้แค่ฝันถ้าจะเป็นแบบนั้นบ้าง” ไอ้เมฆโอดครวญพลางเอาหน้าลงไปไถโต๊ะ
“เบต้าเราก็มีข้อดีในแบบเบต้านะเว้ย อย่าน้อยใจในโชคชะตาเลย ไม่ต้องฮีทไม่ต้องรัท ดีจะตาย อย่างน้อยเราก็สูงกว่าโอเมก้านะ” ผมตบไหล่ปุๆ ส่งคำพูดให้กำลังใจมัน รวมถึงให้กำลังใจตัวเองด้วย ใช่ซี๊ เรามันกลุ่มชนบ้านๆ เกณฑ์ค่าเฉลี่ยของชาติทุกสิ่งอย่าง
“หัวหน้า...” ไงล่ะ ซาบซึ้งล่ะสิ สายตาดูมีชีวิตชีวาขึ้นนะ
“ส่วนหน้าตาเดี๋ยวนี้วิทยาการกว้างไกล พึ่งมีดหมอก็ไม่เสียหาย”
“หัวหน้า!”
ฮะๆ หน้ามันตลกดีจัง ถือว่าเอาคืนคำพูดพิเรนทร์ๆ ของมันก็แล้วกัน ฮึ
“คุยอะไรกันเหรอ หึ้ม?” ตายยากตายเย็น แค่เอ่ยถึงก็สามารถอัญเชิญได้
“ฮะๆ เปล่าสักหน่อย ว่าแต่หายไปไหนมา”
“ก็แค่น้อยใจ คนแถวนี้ได้ใหม่แล้วลืมเก่า เรามันสู้หนุ่มเอ๊าะๆ วัยขบเผาะไม่ได้นี่” ทำสะบัดสะบิ้ง มันไม่เข้ากับหน้าตาอัลฟ่าของแกเลยซักนิด จากดูดีกลายเป็นทุเรสมาก มลพิษทางสายตา
“พูดอะไรไร้สาระ ห่างกันบ้างก็ดีแล้วไงแกจะได้หาคู่บ้าง” เห็นมันโสดมานานไร้คู่เคียง อยากให้มีคนมาดูใจมัน ผมเป็นเพื่อนที่ดีใช่มั้ยครับ (ความจริงคือไม่ได้ตั้งใจหรอก แค่โดนเด็กลากไปเฉยๆ)
“มีนายอยู่แล้วจะไปมองคนอื่นได้ยังไงล่ะ”
บรึย! ขนลุกมากอ่ะ ยัง! ยังมากอดคอผมอีก
“ช่วยเลิกพูดจาแบบนั้นได้ป่ะ” ดูสายตาของโอเมก้าที่ทิ่มแทงสิ พรุนไปหมดแล้วๆๆๆ ผมเบต้าครับ ไม่ต้องกลัวโดนแย่งอัลฟ่าขนาดนั้นก็ได้ๆๆๆ
“ฮะๆ เบต้าแบบหัวหน้านี่เป็นที่อิจฉามากเลยนะครับ”
“มีอะไรน่าอิจฉา” มนุษย์ค่าเฉลี่ยเนี่ยนะน่าอิจฉา
“ก็อัลฟ่าคัดเกรดล้อมหน้าล้อมหลังขนาดนี้ โอเมก้าส่งสายตาเร่าร้อนมาเต็มไปหมด ผมยังโดนลูกหลงไปด้วยเนี่ย” ตาตี่ๆ ของลูกน้องชายคนเดียวหันมองรอบๆ ก่อนจะตัวสั่นเหมือนหวาดกลัวพลังงานลึกลับบางอย่าง
ไม่เห็นน่าอิจฉาตรงไหน แกไม่ได้โดนเองยังตัวสั่น คนโดนทิ่มเต็มๆมันผมนี่! เก็กไว้เฉยๆหรอกถึงยังนิ่งอยู่ได้
และแล้วอัลฟ่าผู้เป็นเป้าหมายก็ลากผมไปไห้อาหารแกะ กูยังอยากหย่อนก้นจิบกาแฟอยู่นะเฮ้ย
“หญ้า 2 กำนะครับ” พนักงานทวนพร้อมรับหางตั๋วไป เสร็จแล้วหันหลังไปหยิบหญ้าอาหารแกะมาให้พวกเรา คุณพอทที่ใช้เรี่ยวแรงของอัลฟ่าลากผมมาได้สำเร็จก็จูงไปคอกแกะทันทีที่ได้รับหญ้า
ผมนั่งยื่นหญ้าให้น้องแกะตัวที่ใกล้ที่สุด หวังให้มันหันหน้ามางับหญ้าที่ถืออยู่แต่กลับโดนสบัดหน้าหนีใส่ หันไปมองไอ้พอทที่โดนแกะรุมแย่งหญ้าในมืออย่างเอาเป็นเอาตาย อะไรอ่ะ ทำไมไม่กินของผมล่ะ
ยังมายิ้มเยาะเย้ยอีก หมั่นไส้แรง ผมโปรยหญ้าเข้าคอกไปเลยครับ กินก็กิน ไม่กินก็ไม่ต้องกิน ยื่นแขนนานๆ แล้วเมื่อย
“เสร็จยัง จะได้ไปขึ้นรถ” เริ่มอยากกลับแล้วครับ ความมุ้งมิ้งนี้มันไม่เข้ากับผมเลย มากับน้องพีชก็ว่าไปอย่าง งื้อ คิดถึงลูก
“ไปถ่ายรูปรวมก่อนสิ” แล้วผมก็โดนลากมาจุดถ่ายรูปสุดท้ายก่อนกลับ
แอคท่าไปหลายท่าในที่สุดก็ได้ขึ้นมาตากแอร์บนรถสักที
พวกเรานั่งรถกลับที่พัก วันนี้ตอนค่ำมีงานเลี้ยงปาร์ตี้เล็กๆ ในห้องจัดเลี้ยงโรงแรมแบบไม่เป็นทางการ กินดื่มได้เต็มที่ ผมชอบงานแบบนี้ที่สุดเลย
หลังจากขึ้นห้องอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยก็ออกมานั่งเช็ดผมบนเตียงให้คุณชายพอทเข้าไปอาบบ้าง เอาไดรมาเป่าต่อให้แห้งกันหนังศีรษะขึ้นรา เป็นคนชอบสระผมตอนกลางคืนครับ รู้สึกสะอาดดีเวลานอนไม่คันหัว
ไอ้พอทที่อาบเสร็จแล้วเดินออกมา คราวนี้พ่ออัลฟ่าร่วมห้องนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวคาดเอวผืนเดียว เปลือยท่อนบนอวดกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบฉบับอัลฟ่า หยดน้ำตามลำตัวพร่างพราวหยอกล้อแสงไฟในห้อง แขนข้างหนึ่งยกขึ้นเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูของโรงแรม ท่วงท่าดุจนายแบบโฆษณาชั้นในชายยั่วยวนชวนให้ฮอร์โมนโอเมก้าพุ่งพล่าน
มันไม่อายผมก็ไม่อาย กล้าเปิดก็กล้าดู ผู้ชายเหมือนกัน อยากถ่ายรูปไปขายหาค่าเทอมให้น้องพีชจังแฮะ น่าจะได้หลายตัง
ผมเข้างานก่อนมันดีกว่า ไปพร้อมกันเดี๋ยวโดนเขม่น หนีไปคนเดียวนี่แหละดี ตอนมันหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าแต่งตัวผมก็ย่องๆ ออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องจัดเลี้ยงตอนนี้เริ่มมีคนมาประปรายแล้วครับ มีบริกรเดินขวักไขว่ภายในงาน โต๊ะวางอาหารจนละลานตา เป็นแบบบุฟเฟต์เลือกตักได้ตามสะดวก ผมคว้าอาวุธในการกิน จาน ช้อน มีด ส้อม ก่อนจะเดินไปตักอาหาร พุ่งเข้าซุ้มซีฟูดอย่างว่องไว ตักกุ้งลายเสือย่างจนพูนจาน หยิบน้ำจิ้มซีฟูดมาวางแล้วเดินไปที่โต๊ะของเมฆที่กินเนื้อไปได้ครึ่งจาน
“รับน้ำอะไรดีครับ” บริกรถามด้วยท่าทางสุภาพ
“ขอเป็นน้ำเปล่าแล้วกันครับ” พ่อที่ดีต้องไม่แตะแอลกอฮอล์ครับ
“ซักครู่นะครับ” พอบริกรเดินจากไปผมก็เริ่มเอาส้อมจิ้มกุ้งย่างที่ผ่ากลางมาให้แล้วในน้ำจิ้มสีเขียวสด
ฮ้า แซบ เค้าทำรสจัดกำลังดีไม่เหม็นเขียวพริก สมเป็นโรงแรมมีระดับ กุ้งก็อร่อย ลาบปาก ฟินมาก
ระหว่างที่นั่งทานไปเรื่อยๆ ฝาแฝดแห่งตระกูลภัทธ์รัฐชัยได้ก้าวเข้ามาในงานเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองคนแต่งตัวกึ่งทางการด้วยเชิ้ตสีขาวและสีดำตัดกัน เข้ากับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อนเข้ารูปเน้นขาเรียวยาวกล้ามเนื้อสมส่วน สวมรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้ม ผมสีดำขนกาปล่อยเป็นธรรมชาติเข้ากับบรรยากาศเบาสบายของงานเลี้ยง มุ่งตรงมาที่โต๊ะผมทันทีไม่สนใจสายตาคนทั้งงานที่จ้องมอง
“โห พี่กันต์ตักกุ้งมาเยอะเลย ชอบหรือครับ” แฝดพี่เสื้อขาวนั่งประกบซ้ายถาม
“อืม พี่ชอบอาหารทะเลน่ะ” ซีฟูดนี่รักมาก แต่รักที่สุดต้องกุ้ง รักรองลงมาจากน้องพีชเลย
แฝดน้องตักอาหารเสร็จก็หย่อนตัวนั่งข้างขวา แฝดพี่จึงออกไปตักอาหารบ้าง ผมหันไปมองจานของวิน เนื้อเน้นๆ อีกแล้ว เด็กหนุ่มระบบเผาผลานดีจริง
พวกเรานั่งกินกันไปเรื่อย พวกสาวบัญชีก็ตามมาสมทบ ความอลังการของอาหารบนจานที่พอกันกับเสื้อผ้าหน้าผมทำเอาต้องมองหน้าพวกเธอสลับกับจานอยู่หลายรอบ รักยมข้างตัวผมยังอ้าปากค้างไปกับความยิ่งใหญ่นั้น
อย่ามาบ่นอ้วนทีหลังล่ะ
“หนีมาก่อนเฉยเลยได้ไงกัน” จองเวรไม่มีหยุดคุณเพื่อนยากนั่นเอง ที่นั่งข้างผมถูกจองหมดมันจึงนั่งถัดจากบอสไป
“ทำไมคุณพีระไม่นั่งกับฝ่ายบุคคลล่ะครับ” บอสเปิดฉากพูดกับคนนั่งข้างก่อนทันทีทั้งที่ยังไม่ทันหย่อนก้นดีเลย
ความจริงงานนี้ไม่ได้ฟิกซ์ที่ แต่ส่วนใหญ่มักจะสนิทกันในแผนกสุดท้ายกลายเป็นนั่งแยกส่วนกันเฉย มีส่วนน้อยเท่านั้นถึงจะไปนั่งกับคนแผนกอื่น หนึ่งในนั้นคือไอ้หมอนี่
“ทำไมผมต้องไปนั่งด้วยละครับ อยากนั่งตรงไหนก็นั่งไม่ผิด งานเค้าไม่ได้ห้ามนี่ครับ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลตอบคำถามอย่างมาดมั่นส่งยิ้มละลายใจเปร่งรัศมีเจิดจ้าสู้ไอดอลข้างกาย
วันนี้มันก็แต่งตัวดีครับ เสื้อยืดคอกว้างสีเทาอ่อนแขนสามส่วนแต่งกระดุมคอสามเม็ดแหวกอกพอเซ็กซี่ บวกกับกางเกงยีนส์สีฟ้าซีดมีรอยขาดชวนแหวกให้ขาดมากกว่าเดิม ผมสั้นสีน้ำตาลเปลือกไม้หยักศกพริ้วไหวระต้นคอ ดวงตาสีดำคมกริบจ้องมองคุณชายไอดอลอย่างกวนอารมณ์ชวนให้ประทับรอยเท้าที่หน้า
“ผมถามเพราะสงสัยเองครับ” นัยตาสีฟ้าใสหรี่ลง มุมปากโค้งขึ้นได้รูปสวยส่งให้คู่สนทนา
ทำไมถึงหนาวแบบนี้ คุยเล่นกันอยู่ไม่ใช่รึ? พวกสาวๆ ที่ตอนแรกซุบซิบกันอยู่ยังเงียบสนิทเพิ่มความเย็นเข้าไปอีก คนบนโต๊ะที่เหลือเหล่กันไปมา ได้ข้อสรุปจากการเทเลพาธีทางสายตาว่าก้มหน้าแล้วกินเถอะ ผมจึงเลิกสนใจพวกนั้นแกะกุ้งกินต่อไป
งานเลี้ยงเริ่มครึกครื้น กิจกรรมเกมส์ต่างๆที่ทางบริษัทจัดมาถือว่าสนุกใช้ได้ นั่งดูคนหนุ่มสาวเล่นกันไปพลางทานอาหารไปพลาง ค่อยสมกับเป็นปาร์ตี้หน่อย
“เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ท่อน้ำเดินแล้วครับ ต้องปลดปล่อย
ดีที่ห้องน้ำอยู่ไม่ไกลห้องจัดเลี้ยงมาก เดินตามสัญลักษณ์ห้องน้ำชายเข้าไปทำธุระให้ไวจะได้รีบไปกินต่อ คราวนี้เล็งเนื้อย่างชุ่มฉ่ำไว้แล้ว น่ากินจริงๆ ครับ
ผมหันหลังกลับหลังจากล้างมือเช็ดให้แห้งเรียบร้อยเตรียมเดินออกจากห้องน้ำ
“เฮ้ย”
ตกใจหมดครับ ฝาแฝดเข้ามากันเงียบๆ ผมยังผวากับเรื่องสยองในห้องน้ำไม่หาย อยู่ๆก็เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง สะดุ้งแรง
“พวกผมมีเรื่องพูดกับพี่นิดนึงครับ” วินว่า
“มีอะไรงั้นเหรอ”
“เรื่องรางวัลที่พี่บอกจะให้น่ะครับ” บอสเริ่มเกรินเข้าเรื่อง นัยตาทอแสงสะท้อนสวยงาม
“หือ ว่าไงล่ะ” บอกป๋ามาเลย
“วันพรุ่งนี้เราขอจองตัวพี่ทั้งวันเลยได้มั้ยครับ” ห้ะ อะไรคือจองตัว
“อยู่เที่ยวกับเราทั้งวันน่ะครับพี่” อ่อ อย่างนี้นี่เอง เผลอถอยไปก้าวนึงซะแล้วสิ
“ได้สิ ขออย่างเดียวอย่าทรมารสังขารพี่เยอะ พี่แก่แล้ว” วันนี้เที่ยวนิดหน่อยยังไหลไปกับเก้าอี้ มากกว่านี้ต้องนอนแหมะแน่นอน
“แก่อะไรกันครับ พี่กันต์ยังหนุ่มแน่นอยู่เลย” คนน้องเข้ามาเกาะไหล่ออดอ้อน ไม่รู้ว่าชมเล่นหรือจริงแต่ก็ดีใจครับ ฮ่า
“งั้นเข้างานกันเถอะครับ” วินและบอสคล้องแขนผมคนละข้างพาเดินเข้างานไปอีกครั้ง
ว่าแต่ทำไมต้องคุยในห้องน้ำด้วยอ่ะ?