11.Stackoverflow รู้ทุกอย่างยกเว้นใจน้องซวย
วันก่อนพาโชคโมโหมากจนตวาดใส่พี่ยูที่เป็นหัวหน้าแท้ๆพร้อมกับลงจากรถแล้วปิดประตูปังใส่หน้า และดูเหมือนว่าน้องพาซวยนั้นจะโมโหมาจนถึงวันนี้
“พัช โปรเจคที่พัชอัพขึ้นมาพี่ update php แล้วเครื่องพี่ error timezone”
หัวหน้าที่วันๆขลุกอยู่กับ server และไม่ได้เก่งทุกเรื่องบนโลกเดินมาถามลูกน้องที่พอบอกว่าเป็นแฟนกันแล้วช่วงนี้ไม่ยอมมองหน้ากันดีๆเลย
“เปิด terminal เข้าไปแก้ในไฟล์ php.ini ครับ เป็น timezone='Asia/Bangkok’ แล้วรันใหม่“
พาโชคบอกโดยที่ตายังจ้องอยู่บนจอคอมตัวเอง
“แล้วไฟล์ ini มันอยูตรงไหน”
หัวหน้าถามอีกครั้ง ทั้งๆที่ปกติแล้วบอกอะไรไปนิดหน่อยพี่แกไปนั่งค้นเองแล้วแก้เองหมด
“Stackoverflow ครับ”
พอพูดจบพวกพี่ๆที่นั่งเงียบๆทำงานอยู่ก็ขำพรืด เพราะไอ้ stackoverflow ที่ว่าคือ google ของชาว developer ไม่ว่าท่านจะบัคตรงไหน ติดอะไร server ไหนตาย strackoverflow สามารถช่วยท่านได้ ยกเว้นแต่พี่ยูในตอนนี้ที่ stackoverflow จะไม่ช่วยอะไรเลย
“เหมือนไอ้ซวยกับกำลังไล่ให้ลูกพี่ไปเปิด google เอาว่ะ”
พี่เอกว่าพร้อมกับขำแบบหยุดไม่ได้ ส่วนพาโชคนั้นไม่หันมามองหน้าหัวหน้าที่ยืนปั้นหน้าไม่ถูกแม้แต่น้อย
“ขอโทษที่รบกวนครับ”
พี่ยูว่าก่อนจะเดินกลับโต๊ะตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะให้ดังขึ้นอีก
“พาโชคแม่งพัฒนาเว้ย”
พี่บอลว่าเพราะแต่ก่อนเห็นแต่พี่ยักษ์เป็นคนดุน้อง แต่ตอนนี้น้องมันเริ่มเถียงบ้างแล้ว
“ระวังเจอซองขาวไล่ออกช่วงสิ้นเดือนนะมึง”
พี่เดี่ยวเสริม สรุปบ่ายวันนี้ทุกคนก็ครื้นเครงเพราะน้องเล็กผู้กำลังบัคมาตั้งแต่เช้าหัวร้อนใส่ลูกพี่จนลูกพี่หงอย มีแต่พี่เจนเท่านั้นที่วันนี้นั่งเงียบมองสองหนุ่มอย่างคนกำลังครุ่นคิด
“ไปกินส้มตำไหมโชค”
ปกติพาโชคเลิกงานแล้วจะกลับบ้านเลย นานๆทีจะได้ไปเที่ยวกับพี่ๆแต่วันนี้ไม่รู้นึกยังไงถึงอยากไปกับพี่เจน
“ไปกับใครบ้างครับ”
พัชผู้ไม่ชินกับการคำความรู้จักคนใหม่ๆถามพี่สาวคนเดียวในห้อง เพราะเผื่อพี่เจนไปกับเพื่อนจะได้ถอนตัว
“คนเดียวค่า กูกินข้าวเย็นคนเดียวมาสามปีแล้ว”
พัชขำก่อนจะตอบตกลง สองพี่น้องรีบออกจากออฟฟิศแล้วนั่งแท็กซี่มาที่ห้างใกล้ๆกัน
“ทำไมวันนี้ชวนแล้วมาวะ”
เจนถามน้องเล็กที่ปกติแล้วหวงตัวอย่างกับอะไรดี
“เมื่อคืนดูคลิปคนกินส้มตำในยูทูปพี่ อยากกินตามเฉย”
เจนหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเดินนำไปที่ร้านประจำ พวกเขานั่งกินข้าวและคุยกันเรื่อยเปื่อย ซึ่งก็ไม่พ้นบ่นเรื่องงานเป็นเสียส่วนใหญ่
“แล้วจะกลับบ้านยังไง”
เจนถามน้อง เพราะหลังจากพัชเคยขับมอไซต์ล้มเนื้อตัวถลอกปอกเปิกพาโชคก็ตัดสินใจถอนตัวออกจากวงการแว้น หลังจากนั้นก็กลับบ้านเองบ้างหรือไม่ก็พี่ธามหรือหัวหน้าไปส่งบ้าง เนื่องจากบ้านพาโชคค่อนข้างไกลจากเมือง
“รถไฟฟ้าต่อรถตู้แล้วต่อพี่วิน”
เจนคิดตามก่อนจะบอกน้อง
“ย้ายมาหาคอนโดในเมืองไหม กูเห็นมึงเดินทางแล้วเหนื่อยแทน”
“เคยคิดเหมือนกันพี่ พ่อแม่ก็บอกให้ขาย แต่ผมอยู่บ้านนั้นมาตั้งแต่เด็กเลยไม่อยากขายมัน เผื่อตอนแก่พ่อแม่อยากกลับไทยมาอยู่บ้านด้วย”
เจนเคยเห็นบ้านพาโชคอยู่หลายครั้ง มันเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่แถบชานเมือง ดูก็รู้ว่าพ่อแม่มันคงพอมีฐานะพอตัว แม้จะมีบริเวณบ้านกว้างขวางแต่เจนว่ามันไม่เหมาะกับการอยู่คนเดียวแม้แต่น้อย
“ไม่งั้นก็ปล่อยให้เช่าไงมึง พี่ว่ามันกว้างไป พอพ่อแม่กลับมาจริงๆค่อยจัดการกันใหม่”
พัชคิดอยู่หน่อยก่อนจะตอบ
“เออว่ะ น่าสนนะพี่ เดี๋ยวลองติดป้ายให้เช่าถ้ามีคนโทรมาคงต้องคิดใหม่ ผมก็ขี้เกียจตื่นเช้า”
พาโชคว่า
“คอนโดพี่เจนมีเหลือสักห้องไหม”
พาโชคถามถึงคอนโดที่เดินจากออฟฟิศไปแค่สิบนาที ทำเลใกล้ห้างและรถไฟฟ้า เจนส่ายหน้า
“เต็มตั้งแต่ก่อนสร้างเสร็จอีก แต่มีให้เช่า พี่ว่ามึงซื้อใหม่ดีกว่าถ้าจะเช่าเดือนละสองสามหมื่น”
พัชพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้ววันนี้เป็นอะไรทำไมหัวร้อนใส่ลูกพี่”
พาโชคกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะตอบ
“ผมอารมณ์ไม่ค่อยดีพี่เจน”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่พาโชคผู้รื่นเริงตลอดเวลาจะอารมณ์เสียได้ยังไงถ้าไม่มีเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง
“พี่ยูไปทำอะไรให้โกรธ”
อาจจะเพราะพี่เจนเป็นผู้หญิงช่างสังเกตถึงทำให้ดูออกว่าน้องกับหัวหน้ามีเรื่องกันอยู่ พัชมองหน้าพี่เจนที่แม้ไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวกันมากนักแต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ทำงานร่วมกันมามากกว่าสองปีเต็ม มันมากพอที่จะทำให้รู้ว่านิสัยแต่ละคนเป็นยังไง ไว้ใจได้แค่ไหน
“ไม่มีอะไรครับ เรื่องไร้สาระ”
แต่พาโชคก็เลือกที่จะไม่พูด เจนพยักหน้าเข้าใจก่อนจะบอกออกมา
“เอาที่มึงสบายใจ มีอะไรอยากจะปรึกษาก็บอกพี่ได้”
พาโชคไหว้ขอบคุณพี่เจนที่คอยดูมันอยู่ห่างๆเสมอ แต่ถึงยังไงมันไม่อยากลากพี่เจนเข้ามาในวงเวียนชีวิตวุ่นวายช่วงนี้จริงๆ
หลังจากกินข้าวกันเสร็จพี่น้องร่วมงานก็เดินช้อปปิ้งกัน พาโชคได้เสื้อมาสองตัวกับกางเกงยีนส์สีซีดขาดๆตัวนึงตามคำแนะนำของเจนที่เห็นน้องสวมแต่ชุดเดิมๆ เพราะที่ออฟฟิสไม่มีกฏของการแต่งตัวอยู่แล้ว ยกเว้นแค่ตอนประชุมใหญ่เพราะฉะนั้นการที่แผนกอื่นจะเห็นทีม developer สวมกางเกงวอร์มพร้อมรองเท้าแตะไปทำงานถือเป็นเรื่องปกติ เคยมีเรื่องเล่าขานด้วยว่าพี่รปภ.ไม่ให้ทีมนี้ขึ้นตึกเพราะคิดว่าเป็นคนส่งของ
“ใส่ชุดที่พี่เลือกมาพรุ่งนี้ด้วยนะ”
“ผมต้องซักก่อนไหมพี่”
พัชบอกคนที่กำลังบังคับมันจริงจัง
“ปั่นคืนนี้มันก็แห้งทันถ้ามึงจะทำ”
พาโชคขำพร้อมกับตอบรับเพื่อเห็นแก่สไตล์ลิสคนเก่งที่ช่วยเลือกอยู่ตั้งนาน ก่อนที่ทั้งสองคนจะบอกลากันเพื่อกลับบ้าน พาโชคพึ่งจะนึกออกว่าอีกเหตุผลของการมากินข้าวกับพี่เจนในวันนี้ก็เพราะเบื่อที่จะปฏิเสธการกลับบ้านกับหัวหน้าหรือแม้แต่กับพี่ธาม
แต่แม้จะหนีก็หนีไม่พ้น พาโชคไม่ได้คิดว่ากลับบ้านมาจะเจอ CRV คันใหญ่คุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้านตัวเอง พัชอยากจะเอาทะเบียนรถคันนี้ไปซื้อหวยจริงๆ มันมองทะลุกระจกหน้ารถเข้าไปก็พบว่าผู้ชายตัวใหญ่กำลังหลับคอพับอยู่ตรงเบาะคนขับในตอนเกือบสี่ทุ่มกว่า พาโชคเดินเข้าไปเคาะกระจกข้างคนขับไม่นานนักเจ้าของรถก็เปิดประตูออกมาหา
“ไปไหนมา”
นั่นเป็นคำถามของหัวหน้าที่มานั่งรอตั้งแต่ทุ่มกว่า เห็นตอนเลิกงานพาโชคเดินออกไปพร้อมกับเจนเห็นว่าไปกินข้าวกันแต่ไม่คิดว่าน้องจะกลับดึกขนาดนี้
“มาทำไม”
พาโชคผู้ซวยตลอดกาลถามลูกพี่
“มาหาพัช”
และลูกพี่มันก็ตอบด้วยความจริง พัชเบื่อที่จะเถียงเลยเดินเข้าบ้านโดยที่มีอีกคนเดินตามมาไม่ห่าง
“พัช”
พาโชคไม่ได้ว่าอะไร มันเปิดประตูบ้านเข้าไปก่อนจะเดินนำไปที่เครื่องซักผ้า เพื่อที่จะปั่นผ้าแบบที่พี่เจนบอก
“เลิกโกรธพี่ได้ไหม”
คนเป็นหัวหน้าบอกเสียอ่อนแต่คนที่เป็นลูกน้องอย่างไอ้พัชกลับรู้สึกเป็นต่อ
“ทำไม?”
พัชหันมาถามคนหน้าหงอย
“แค่พ่อกับแม่โกรธพี่ก็เหนื่อยแล้ว พี่ไม่อยากให้พัชโกรธอีกคน”
พาโชคแอบขำแต่ก็แกล้งเขาต่อ
“แล้วผมโกรธมันเกี่ยวอะไรกับพี่”
รู้สึกแปลกๆเหมือนกันเพราะไม่เคยเห็นพี่ยักษ์เป็นแบบนี้มาก่อน
“พี่ไม่มีกำลังใจ”
“ห้ะ?”
พาโชคอุทานก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ แขกของบ้านขึงต้องจำใจเดินออกมารอที่ห้องนั่งเล่นแทน
ศศินนั่งคิดอะไรอยู่พักใหญ่ เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองกำลังสับสนหรือว่าทำอะไรอยู่ แต่ที่บอกพ่อแม่ไปว่าคบกันอยู่กับพัชเป็นการคิดเผื่ออนาคต เพราะถ้าเกิดพ่อมันเจอพัชจะต้องสงสัยแน่นอนว่าทำไมถึงมามีอะไรกันทั้งๆที่ทำงานที่เดียวกัน ถึงตอนนั้นคงจะอธิบายได้ลำบาก ที่สุดแล้วพี่ยูก็รู้ตัวว่ากำลังทำผิด พี่มันก็แค่อยากทำทุกอย่างให้จบลงด้วยดีก่อนที่จะเริ่มสิ่งใหม่ แต่ไม่รู้ว่าพัชจะโกรธขนาดนี้ ไม่นานนักพาโชคก็เดินออกมาข้างนอกพร้อมกับเบียร์กระป๋องในมือ มันเดินมาหยุดที่ข้างหน้าหัวหน้าก่อนจะบอก
“โอเคผมเลิกโกรธ กลับบ้านไปได้แล้ว”
แต่พี่ยูกลับส่ายหน้า เพราะดูก็รู้แล้วว่าไล่
“พี่จะรู้ได้ไงว่าพัชเลิกโกรธ”
หัวหน้าถามหน้าตาน่าสงสารผิดวิสัย
“โว้ยย”
ส่วนคนซวยนั้นโวยวายอย่างเซ็งชีวิต ความรู้สึกมันปะปนกันไปหมด แต่ก่อนพาโชคยอมรับว่าตัวเองลึกๆแล้วคาดหวังว่าความสัมพันธ์ของมันกับหัวหน้าจะพัฒนาได้มากกว่ากว่าคู่นอน แต่ตอนนี้มันหวังแค่ว่าจะได้ชีวิตสงบสุขของตัวเองคืนมา ไม่อยากได้อะไรแล้ว ไม่คิดด้วยว่าลูกพี่จะหน้าด้านไปบอกคนอื่นว่ามันเป็นแฟนทั้งๆที่พัชไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
“แล้วต้องทำยังไงพี่ถึงจะกลับบ้านไป”
เจ้าของบ้านถามพลางนั่งลงข้างกันแล้วหยิบรีโมทมาเปิดทีวี
“แล้วตอนกลางวันไปกินข้าวไหนมา”
ลูกพี่เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว นอกจากจะตามติดชีวิตพาโชคมายันที่บ้านพี่แกยังอยากรู้ไปหมดว่าพัชไปไหนทำอะไร
“ไปกินข้าวเที่ยงไง”
เจ้าของบ้านบอกโดยที่ฟังดูจากดาวอังคารยังรู้ว่าตอบกวนตีน
“ไปกับใคร”
แขกของบ้านจี้อย่างกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา
“ไปกับใครก็ได้โตแล้ว”
และพาซวยผู้น่ารักก็เปลี่ยนไปแล้ว น้องมันหันมาสบตาคนที่อายุน่าจะมากกว่าสิบปีอย่างไม่ได้เคารพ
“ไปกับไอ้ธามมาใช่ไหม”
หัวหน้าว่าเสียงดุ
“แล้วจะทำไม”
ส่วนลูกน้องกลับไม่ได้ดูกลัวสักนิด พี่ยูถอนหายใจยาวก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากระป๋องเบียร์เย็นเฉียบจากเด็กอีกคนมาไว้ในมือ
“ขอหน่อย”
ว่าแล้วก็กระดกเข้าปากหลายอึก
“พี่เมาแล้วกลับบ้านไม่ได้ ขอค้างที่นี่นะ”
พัชงงกับความหน้ามึนของหัวหน้า มันถลึงตาใส่ก่อนจะเดินขึ้นไปนอนบนบ้านโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้หัวหน้านอนตบยุงที่โซฟาต่อไป
***
เพราะพาโชคให้คำตอบไม่ได้ว่าทำยังไงถึงจะหายโกรธหัวหน้า เพราะฉะนั้นอาทิตย์ที่ผ่านๆมาเลยถูกลูกพี่ยูเกาะเป็นปลิง เห็นพัชที่ไหนก็ต้องเห็นพี่ยูที่นั่นเป็นที่แปลกตาแปลกใจของคนทั้งตึก
“วันนี้ลูกพี่ลาหยุดนะ”
พี่เอกเดินเข้ามาในออฟฟิศในยามเข้าพร้อมกับข่าวดีของพาโชค พัชที่ขยับตัวมาไม่ได้หลายวันถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่ต้องมาคอยนั่งตอบคำถามคนอื่นว่าทำไมมีหัวหน้าตามเป็นเหาฉลามแบบนั้น แต่ก็น่าแปลกที่พี่ยูไม่ได้บอกอะไรทั้งๆที่เมื่อคืนโทรมากวนตั้งหลายรอบ
“ลาไปทำไมคะ”
เจนถามเพราะตั้งแต่ทำงานมาด้วยกันห้าหกปีก็พึ่งเคยเห็นหัวหน้าลา
“เห็นบอกกลับเชียงใหม่ น่าจะมีธุระกับที่บ้าน”
พาโชคนั่งเงียบทั้งวันและนั่นก็อยู่ในสายตาของเจน
'น้องเป็นยังไงบ้าง ติดอะไรไหม'
เจนอยากจะแหมไกลถึงดาวอังคาร เพราะในระหว่างที่กำลังคิดอยู่ว่าทำไมพี่ยูที่ช่วงนี้ดูรุกพาโชคถึงได้หายกลับบ้านไป เจนมองแชทส่วนตัวของตัวเองกับหัวหน้าแล้วแสยะยิ้ม มันจะมีสุขใดเท่าคู่ชิปนั้นเรียล
'น้องมีความสุขดีค่ะ’
เจนตอบไปพร้อมกับยิ้มกริ่ม จะว่าเจนชิปมั่วซั่วก็ไม่ถูกเพราะมีมูลตั้งแต่ที่พาโชคเข้ามาทำงานแรกๆต่างหาก หัวหน้าเคยเมาแล้วบอกว่าพัชน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ เจนที่ตอนนั้นปักใจเชื่อว่าพี่ยูชอบผู้หญิงถามไปว่าพี่เคยชอบผู้ชายไหม หัวหน้าหลุดออกมาว่าเคยคบผู้ชาย เจนเลยตั้งตัวเป็นแม่ยกยูxพัชมาตั้งแต่ตอนนั้น
‘น้องกินข้าวยัง’
ผู้หญิงคนเดียวในห้องนั่งมองมือถือพร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอคิดอะไรอยู่ชั่วครู่ก่อนจะจรดนิ้วพิมพ์ลงไป
‘เจนจะคอยดูน้องให้ แต่กลับมาช่วยมาอธิบายด้วยค่ะ’
นั่นเป็นประโยคคำสั่ง ซึ่งหัวหน้าก็พอรู้
‘ตอนเที่ยงน้องไปกินข้าวกับใคร’
เจนหัวเราะก่อนจะตอบกลับไป
‘พี่ธามค่ะ’
‘งั้นดูน้องให้ด้วย แล้วพี่จะกลับไปอธิบาย'
แม้หัวหน้าจะบอกแค่นั้นแต่เจนก็รับรู้ถึงแรงอาฆาตผ่านตัวหนังสือ แต่อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนแรกๆว่าเจนนั้นทีมพี่ยู จะบอกว่าเข้าข้างลูกพี่ก็คงไม่แปลก สาวคนเดียวของออฟฟิศชอบเชียร์มวยรอง พี่ยูนี่ช่วงนี้ดวงชงจริงจัง ทั้งเรื่องที่บ้านที่น่าจะมีปัญหาอะไรไม่รู้ ทั้งมีปัญหากับพาโชคแถมยังมีพี่ธามอีก เจนว่าควรจัดทริปไหว้พระล้างซวยให้หัวหน้าตัวเองสักทริปก็ดีเหมือนกัน
ศศินวางมือถือลงข้างตัวเมื่อพ่อเดินเข้ามาหาในห้องที่ไม่ได้มาอยู่ตั้งแต่จบมัธยม เขาตัดสินใจกลับบ้านมาจัดการเรื่องตัวเองให้มันเสร็จเสียที เขามองหน้าพ่อเต็มตาหลังจากครั้งสุดท้ายที่ไปวางระเบิดไว้ว่ามีแฟนผู้ชาย
“มาคนเดียวรึไง”
คุณตำรวจที่พึ่งเกษียณอายุราชการได้ไม่ถึงปีแล้วกลับมาทำไร่อยู่บ้านถามลูกชายคนเล็กของบ้านที่ปกติแล้วก็ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาเพราะตัวพ่อเองก็ไปรับราชการต่างจังหวัดตลอด ยูเองก็อยู่กับแม่ที่บ้านเชียงใหม่ ส่วนพี่ชายคนโตถูกส่งไปอยู่ต่างประเทศกับคุณป้าตั้งแต่เด็กๆนานๆกลับมาที แต่ก็ยังบ่อยกว่าที่ยูกลับบ้านเสียอีก
“มาคนเดียวครับ”
ไม่ใช่ว่าเขากับพ่อไม่สนิทใจกันแต่เป็นเพราะไม่ค่อยได้คุยกันเลยกลายเป็นว่าไม่รู้จะคุยกันอย่างไงเสียมากกว่า คุณตำรวจเก่าที่เมื่อเดือนที่แล้วได้รับสายจากลูกชายว่ามีเรื่องให้ช่วยแต่ไม่คิดว่าจะได้ยินมหากาพย์เรื่องซับซ้อนถึงกับทำงง ไม่รู้จะตกใจเรื่องคดีหรือเรื่องลูกชายตัวเองก่อนดี
“จะให้แฟนมาเป็นพยานด้วยไหม”
คนเป็นพ่อถามตรงๆ ส่วนตัวลูกชายกลับไม่ได้พูดอะไร
“ถ้าไม่อยากให้แฟนมายุ่ง ลูกก็แจ้งความฝ่ายเดียวไม่ต้องกล่าวถึงบุคคลที่ 3”
คนเป็นพ่อพูดต่อ แม้จะแอบงอนลูกแต่ก็มีสติพอ อาจจะเพราะชั่วชีวิตการเป็นตำรวจเขาเคยเจอคดีอะไรแปลกๆมาเยอะ เจอทั้งเรื่องดีไม่ดี คดีสะเทือนขวัญ จนไม่รู้จะตกใจไปทำไมแล้ว
“อย่างนั้นน่าจะดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้น้องคิดมาก”
ในที่สุดคนที่เงียบมาตั้งนานก็พูดออกมา
“พ่อถามจริง ไปคบกันตอนไหน”
เพราะยูเองนานๆทีติดต่อกับที่บ้าน ด้วยเพราะโตแล้วพ่อแม่ถึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก อย่างที่เขาบอกว่าไม่ใช่ว่าทุกครอบครัวจะสนิทหรือคุยกันทุกวัน
“ทำงานด้วยกันครับ”
ลูกชายที่นานๆทีกลับมาบ้านตอบ
“เขาชอบลูกเหรอ”
ถึงอย่างไรคนเป็นพ่อแม่ย่อมเข้าข้างลูกตัวเองก่อนเสมอ เหมือนที่พ่อแม่ของยูคิดว่ายังไงลูกของตัวเองก็ไม่มีทางไปชอบผู้ชายก่อน
“ผมชอบน้องครับ”
คำตอบทำเอาคนเป็นพ่อนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถามใหม่
“ถามจริง ลูกคบผู้หญิงก็ได้ใช่ไหม”
“ได้ครับ”
และเขาก็ตอบตามความจริงเหมือนกัน จริงๆพาโชคไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่เขาเคยชอบและก็ไม่ใช่ว่าเขาชอบผู้หญิงไม่ได้
“พ่ออยากให้เลือกนะ เพื่ออนาคต”
ศศินมองหน้าพ่อที่ไม่เจอกันบ่อยนักก่อนจะตอบ
“ครับ ผมก็ไม่รู้อนาคตเหมือนกัน”
เขาตอบโดยไม่ได้ให้ความหวังคงแก่ แต่เพราะไม่รู้จริงๆว่าอนาคตจะเป็นยังไง แม้แต่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะกลับไปคุยกับพัชได้ไหม
“แสดงว่าที่ไม่ค่อยกลับเชียงใหม่เพราะเรื่องคลิปใช่ไหม”
พ่อถามถึงเรื่องคลิปและการทำร้ายร่างกายตั้งแต่สมัยมัธยม เขาพยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน จะเรียกว่ามัธยมเป็นช่วงที่เขาเหนื่อยมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ จากเด็กที่เคยชอบไปเที่ยวที่นั่นนี่กับเพื่อนหลังจากโดนทำร้ายร่างกายเขาก็เริ่มเก็บตัวมากขึ้น ยูรู้สึกว่าทุกที่ในเชียงใหม่ไม่ปลอดภัยสำหรับเขา เหมือนพี่ชายของเนสยังมองเขาอยู่ตลอดเวลาแม้แต่ในห้องเรียน
ตอนที่ยูโดนซ้อมซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำได้มากที่สุดก็แค่ร้องไห้ เขากลัวแต่ก็ไม่ได้โทษใคร กลัวจนเลือกที่จะย้ายไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพ และที่นั่นทำให้ชีวิตพี่ยูค่อยๆดีขึ้นเพราะไม่มีใครรู้จัก และหลังจากนั้นก็ไม่เคยให้ใครเข้ามาใกล้มากกว่าการเป็นเพื่อนหรือคู่นอน เขากลัวทุกคนจะรู้ว่าเคยทำอะไรไว้บ้าง และคงไม่มีใครรับได้
...แต่ตอนนี้เขาก็โตและเหนื่อยเกินกว่าจะหนีมันแล้ว…
“เอ้า มาคุยเรื่องกฏหมายกัน”
คนเป็นพ่อว่าเมื่อเห็นลูกชายกลับไปนั่งเงียบเหมือนเดิม
***