ตอนที่29.2
ไอ้ตินมันอยากออกไปเดินยืดเส้นยืดสาย แต่ผมรู้สึกเพลียๆเลยตัดสินใจนอนพักอยู่ที่ห้อง ไอ้ภูต้องอ่านเอกสารอะไรสักอย่าง ไม่ได้ไปเหมือนกัน มันเลยไปคนเดียว
“มึงไปได้แน่เหรอ”แอบเป็นห่วงมันเหมือนกัน ไอ้ตินเหล่มองระหว่างสวมเสื้อกันหนาว
“ไม่ต้องห่วงหรอก มึงน่ะพักซะ อีกอย่างกูไม่ได้โง่เหมือนมึง”มันเน้นคำว่าโง่ใส่หน้าผมเต็มๆ
“จ้า พ่อคนฉลาด”
“เดี๋ยวซื้อขนมมาให้”มันยิ้มจาง ก่อนคว้ากระเป๋าเป้ออกไปจากห้อง ความจริงแล้วไอ้ตินมันก็มีอารมณ์ศิลปินเหมือนกันนะ หลังจากมันออกไปไม่นาน ในห้องก็เหลือเพียงเสียงพลิกกระดาษกรอบแกรบดังมาจากไอ้ภูที่นอนอ่านเอกสารอยู่บนเตียง ผมย้ายไปนอนข้างๆมัน เจ้าตัวเหลือบมองก่อนจะกลับไปจ้องกระดาษตามเดิม นอนมองหน้ามันจนเผลอหลับไป ลืมตามาอีกครั้งไอ้ภูก็ยังนอนอ่านเอกสารอยู่เหมือนเดิม คิ้วของมันขมวดมุ่นเข้าหากันเวลาที่มันตั้งใจแบบนี้มันดูโตขึ้นเป็นกอง ผมขยับตัวเข้าไปนอนเกยไหล่อีกฝ่าย ยื่นหน้าไปดูว่ามันอ่านอะไรอยู่ ไอ้ภูเหลียวมองด้วยสายตาแปลกใจ
“เป็นไร อยู่ๆก็มาออเซาะ”มันพึมพำก้มมาจุ๊บหน้าผากเบาๆ
“เปล่า...แล้วมึงไม่เพลียเหรอ”เป็นห่วงมันน่ะครับ ผมยังไม่เห็นมันพักเลย
“กูถึก สบายหายห่วง ไม่เหมือนมึงหรอก”มันบิดจมูกผมเบาๆ ก้มมากัดขย้ำต้นคอให้ผมเสียวเล่น แล้วมันก็หันไปอ่านเอกสารภาษาอังกฤษยาวเป็นพรืดต่อ นับถือมันเหมือนกันที่พยายามอ่าน เพราะไอ้ภูเปิดกูเกิ้ลแปลภาษาเป็นพักๆ ผมนึกอยากแกล้งมันขึ้นมาจึงพลิกตัวกอดเอวอีกฝ่ายหลวมๆ วางมือลงบนหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง มันยังคงจ้องเอกสารตามเดิม ผมไล่มือลงต่ำเรื่อยๆจนถึงจุดสำคัญ
“ทำไร...”ไอ้ภูละสายตาจากเอกสาร มองผมด้วยรอยยิ้ม แต่ผมไม่ตอบ แนบหน้ากับแผ่นอกแน่นๆของมันต่อ ส่วนมือก็ซุกซนต่อไป ลมหายใจของอีกฝ่ายเริ่มถี่กระชั้น รับรู้ได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้น แต่มันก็อดทนใช้ได้ ไม่หือไม่อือสักแอะ ต่างจากลูกชายมันที่เริ่มกบฏ คิดไม่ซื่อซะแล้ว
“จะแกล้งกูรึไง”ผมแค่ยิ้มให้กับเสียงที่สั่นน้อยๆของมันเท่านั้น อยากรู้ว่าคนอย่างไอ้ภูจะทนได้นานแค่ไหน ผมลงมือทำร้ายลูกชายมันต่อ ร่างกายมันกระตุกเป็นบางครั้งเวลาที่ผมบดขยี้อ้อยอิ่ง ไอ้ภูวางเอกสารลงจนได้
“นึกว่าจะเก่ง”ผมหัวเราะ มันมองด้วยสายตาขุ่นๆ ก่อนขยับมาเอาคืนผมด้วยการกัดปากแรงๆ
“อย่าแกล้ง ถ้ากูทนไม่ไหวแล้วจะหนาว”มันกระซิบเสียงกระเส่า ผมร้อนวูบวาบทันที พอจะปล่อยมือออกจากลูกชายมัน ไอ้ภูก็คว้ามือผมไว้เหมือนบอกว่าต่อให้จบ ผมมองหน้ามันครู่นึง เห็นสีหน้าทรมานของมันแล้วก็สะใจ อย่างน้อยผมก็เอาคืนมันได้
“เร็วๆ”มันเร่ง
“ขอร้องกูดีๆก่อน”ผมต่อรอง
“ไอ้ฟิก...”
“งั้นมึงก็พึ่งตัวเองต่อไป”ผมเลื่อนตัวลงจากเตียง ความจริงก็เพลียๆแหละ แต่ตอนนี้อยากแกล้งมันมากกว่า ไอ้ภูคว้าเอวผมไว้ จรดปากแตะกกหูแรงๆเหมือนหมั่นเขี้ยว
“เออ ก็ได้ ช่วยกูหน่อย”นี่คือดีของมันแล้วเหรอ
“....นะ....”มาตกม้าตายเพราะคำนี้ของมันนี่ล่ะ หูร้อนขึ้นมาวูบวาบเลย ผมผลักให้มันนอนลงอีกครั้ง ก่อนจะก้มใช้ปากทำร้ายลูกมึนต่อ มันหลุดเสียงครางมาเป็นระยะๆ จนเมื่อใกล้ถึงฝั่งมันก็รีบกดหัวผมไว้เหมือนกลัวว่าผมจะแกล้งให้มันค้างเติ่งแบบเมื่อกี้ ผลคือผมต้องกล้ำกลืนของเหลวที่มันปลดปล่อยออกมา
“รีบๆออกไปเลย เดี๋ยวกูตบะแตกอยากทำอย่างอื่น”ไอ้ภูใช้เท้าเขี่ยผมลงจากเตียง ผมกลัวจะเป็นแบบนั้นเหมือนกันจึงรีบชิ่งออกจากห้อง
ห้องโถงด้านนอกเงียบสนิท พี่ภักคงออกไปเช็คงานแล้ว หลังจากหาน้ำล้างคอได้ ผมก็เปิดทีวีดูแก้เซ็ง ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เหมือนดูหนังใบ้ ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไอ้ตินกลับมา มันหิ้วของพะรุงพะรังมาด้วย ส่วนใหญ่เป็นหนังสือ
“ขนมของกูอ่ะ”ผมทวงเมื่อมันวางของลงบนโซฟา
“ไม่ลืมหรอกน่า”มันส่งกล่องขนมปังอะไรสักอย่างมาให้ แล้วก็พวกลูกกวาด ช็อกโกแลต ทำเหมือนผมเป็นเด็กไปได้
“พี่ภูล่ะ”มันถามเมื่อไม่เห็นเงาหัว วางถุงกระดาษที่บรรจุด้วยแฮมเบอร์เกอร์และเฟรนช์ฟรายหอมๆลงบนโต๊ะ
“นอน”มั้ง
“มึงพักบ้างยังเนี่ย สีหน้ายังดูแย่ๆอยู่เลย”ไอ้ตินมองสำรวจใบหน้าของผม
“กูถึกพอๆกับพวกมึงนั่นล่ะ”ผมแกะถุงขนมปังออก ไอ้ตินเอาหนังสือออกมาดมๆ โรคจิตจริงๆ มันบอกว่าชอบกลิ่นหนังสือใหม่ๆ มันหายเอาของเข้าไปเก็บในห้อง
“พี่ภูหลับจริงๆด้วย”มันปิดประตูตามหลังเบาๆ ผมนึกอะไรดีๆได้พอดี นี่อาจเป็นวิธีทำให้ผมมีข้ออ้างในการกดไอ้ตินก็เป็นได้ ผมมองมันสำรวจนู่นนี่ด้วยสายตาครุ่นคิด
“จ้องกูแบบนี้ กินกูเลยไหม”มันพูดโดยไม่หันมามอง เจ้าตัวกำลังสนใจแจกันลวดลายสวยงามจากจีน ประเมินแล้วท่าจะแพง
“ให้กินรึเปล่าล่ะ”ไม่รู้ว่าผมทำสีหน้าแบบไหนไอ้ตินถึงได้หันมามองด้วยสีหน้าแปลกๆ”
“คิดอะไรชั่วๆอยู่รึเปล่าเนี่ย”มันย่นหน้า
“เปล่า”ผมเดินเข้าไปหามัน ไอ้ตินดูระแวดระวังขึ้นมาทันที
“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”ถ้าผมดูไม่ผิด คิดว่ามันมีอาการกลัวอยู่เหมือนกัน ผมเข้าไปออเซาะมันด้วยการกอด
“กูว่ามึงสมองกระทบกระเทือนแน่ๆ”มันยังดูงงๆอยู่แต่ก็ยอมให้ผมกอดต่อไป ผมเริ่มใช้แผนเดียวกับไอ้ภูค่อยๆลดระดับลงช้าๆ กดจมูกลงที่ซอกคอของอีกฝ่าย
“เฮ้ย จะทำอะไร”ไอ้ตินดึงมือผมออกจากลูกชายมัน ไอ้นี่หลงกลยากจัง
“มึงนะ....ทีไอ้ภูยังยอมกูเลย”ผมเริ่มใส่สีตีไข่
“ยอม?”มันดูงงๆ
“เออ มันเสร็จกูแล้ว”ไอ้ตินนิ่งไปอย่างมึนงง
“คนอย่างมันยังยอมกูเลย เพราะมันรักกู มึงไม่รักกูเหรอ”ประโยคเบสิกในการเสียตัวก็มา ไอ้ตินยังนิ่งอยู่ แต่ผมว่ามันกำลังมึนและตกใจมากกว่า ผมกอดมันอีกครั้ง มันยืนนิ่งเป็นท่อนไม้เลย
“แต่ถ้ามึงไม่โอเค กูก็ไม่บังคับหรอก”ทำเสียงเศร้าๆประกอบ
“ฟิก...เรื่องนี้มัน…”ไอ้ตินหันมาเผชิญหน้ากับผม สีหน้าดูลำบากใจและสับสน ผมรอให้มันพูดอะไรสักอย่าง ความจริงเรื่องนี้ผมไม่ซีเรียสอะไรหรอก ถ้าได้ก็ดีไป
“มึงตามกูมา”ไอ้ติเดินนำผมไปยังห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องของพี่ภัก อย่าบอกนะว่ามันยอม? ผมใจเต้นตึกตักเหมือนจะกระเด็นออกมาจากอกให้ได้
“กูยอมก็ได้ แต่ถ้าหากว่ามึงทำกูเจ็บ...”สีหน้าของมันไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ ผมล็อคห้องน้ำอย่างว่องไว
“เออๆ สัญญาว่าจะเบาๆ”ผมรีบพูด ไม่คิดว่ามันจะยอมง่ายขนาดนี้ หรือคำพูดเมื่อกี้ไปสะกิดใจมันเข้า ไอ้ตินดูกล้าๆกลัวๆ เพิ่งเคยเห็นมันเป็นแบบนี้ครั้งแรก
“รีบๆทำเลย เร็วๆ”มันหลับหูหลับตาพูด ผมจัดการดันมันติดกับผนังห้องน้ำ ความจริงมันก็ยาก ถ้าจะทำในพื้นที่แคบๆแบบนี้ แทนที่ครั้งแรกของผมกับมันน่าจะดีกว่านี้หน่อย แต่ก็เอาเถอะ เดี๋ยวมันจะเปลี่ยนใจ ผมขบจูบไปตามแผ่นอกเปลือยเปล่า กวาดตาหาตัวช่วยในห้องน้ำ ก็มีแค่ครีมอาบน้ำ แต่เริ่มได้ไม่เท่าไหร่มันก็ฟาดผมเสียงดัง
“พอๆ กูแสบว่ะ”มันบอกว่ามันแสบทั้งๆที่ผมเพิ่งลองแค่นิ้วเดียวเอง ไอ้สาดดดด
“มาถึงขั้นนี้แล้ว...”
“รอกูพร้อมก่อนได้ไหม”มันทำสีหน้าจริงจัง ก่อนจะถอยไปยืนอีกฝั่ง ทิ้งให้ผมเคว้งคว้างกับอารมณ์ค้างๆคาๆ
“เดี๋ยวกูช่วย”มันเข้ามากอดปลอบใจเหมือนปลอบเด็กน้อยที่ลูกโป่งลอยหลุดจากมือไปต่อหน้าต่อตา แต่ตอนนี้อารมณ์หื่นหดหายไปนานแล้ว
“เอาน่า ยังอยู่ด้วยกันอีกนาน มีเวลาอีกเยอะ”มันกระซิบบอกเมื่อหัวเราะเบาๆ ก่อนจะออกไปจากห้องน้ำ โธ่ ไอ้ทำได้แค่พ่นน้ำอย่างเดียวจริงๆ ผมสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ทำใจได้แล้วก็ออกมาจากห้องน้ำ ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นว่าใครนั่งอยู่ที่โซฟา
…พี่ภัก
เขาดูตกใจมากที่เห็นผมกับไอ้ตินออกมาจากห้องน้ำด้วยกัน
“บอกแล้วว่าให้กดแรงๆ”ไอ้ตินหันมามองผมก่อนจะหัวเราะ
“คือพอดีเมื่อกี้ชักโครกมันกดไม่ค่อยลงน่ะครับ ผมเลยต้องเข้าไปดู”มันหันไปพูดกับเจ้าของห้องที่พยักหน้ารับงงๆ ไม่รู้ว่าพี่แกจะ
เชื่อไหม ผมสำรวจตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ โล่งหน่อยที่มันสงบหมดแล้ว
“ตอนแรกผมคิดว่าพี่จะกลับตอนเย็นๆซะอีก งานไม่เยอะเหรอครับ”ผมชวนคุย นั่งลงที่โซฟาว่างๆ
“พี่แค่เข้าไปเช็คอะไรนิดหน่อยน่ะ อีกอย่างกลัวพวกเราจะหิว แถวนี้ไม่ค่อยมีร้านอาหารถูกปากด้วย พี่เลยซื้อมาฝาก”พี่ภักชี้ไปที่กล่องข้าวสวยและพวกแกงเขียวหวานหอมๆบนโต๊ะ
“ขอบคุณมากครับ”ไอ้ตินยิ้มรับ จะว่าไปพี่ภักนี่ก็ใจดีเหมือนกันแฮะ
“คือผมขอถามเรื่องส่วนตัวหน่อยนะครับ คือพี่มีแฟนหรือยังอ่ะ หล่อแบบนี้มันต้องมีสาวมาติดบ้างแหละ”ผมลองถาม ไอ้ตินย่นคิ้วใส่ผม ไม่รู้ว่าไม่ชอบใจอะไร พี่ภักหัวเราะเสียงดัง แก้มขึ้นเลือดฝาดเล็กน้อย
“พี่สนใจเรื่องงานมากกว่าน่ะ เรื่องผู้หญิงก็ห่างไปนานแล้ว”ผมพยักหน้าเข้าใจ พอดีกับที่ไอ้ภูออกมาด้วยสภาพผมยุ่งๆ
“กลิ่นอะไร…แกงเขียวหวานเหรอ”มันทำจมูกฟุดฟิด เข้ามาค้นถุงบนโต๊ะดู
“พี่แวะซื้อมา คิดว่าพวกเราคงชอบ ความจริงพี่ดีใจนะที่พวกเรามา ปกติพี่อยู่คนเดียวตลอด”ผมสัมผัสได้ว่าพี่ภักค่อนข้างจะเหงาอยู่เหมือนกัน เดาว่าคงไม่ค่อยมีเพื่อน
“ผมบอกแล้วว่าให้หาเวลาพักผ่อนบ้าง แค่นี้ก็รวยอยู่แล้ว”ไอ้ภูเข้านั่งข้างๆพร้อมกับเอาหัวพิงๆไหล่ผมไปด้วย
“พี่ภักเขาไม่ใช่คนขี้เกียจแบบมึงนี่”ผมดันหัวไอ้ภูออกแบบเนียนๆกลัวพี่เขาจะสงสัย
มื้อกลางวันก็เลยผ่านไปแบบกระอักกระอ่วน ผมกับไอ้ตินมองหน้ากันก็พลอยจะหัวเราะออกมาตลอดเพราะเรื่องในห้องน้ำ ผมว่าพี่ภักเขาไม่เชื่อที่ไอ้ตินพูดหรอก เพราะเจ้าตัวลอบมองมาบ่อยๆ
“แล้วฟิกกับตินมีแฟนกันหรือยังล่ะ”พี่ภักเบนเข็มมาทางผมกับไอ้ตินแทน ไอ้ภูเหลือบมอง ก่อนก้มหน้าก้มตาพุ้ยข้าวต่อไป
“มีแล้วครับ”ไอ้ตินตอบ
“ผมก็มีแล้วครับ สวยมากกก”ผมลากเสียงยาว ไอ้ภูถึงกับไอค่อกแค่ก
“แต่แฟนผมสวยกว่าครับ”ไอ้ตินนึกบ้าอะไรไม่รู้ พี่ภักหันไปมองพร้อมรอยยิ้ม
“เวลาปกติอาจจะไม่ค่อยสวย”เมื่อเห็นพี่ภักทำหน้างง มันก็ขยายความต่อ
“แต่จะสวยมากๆเวลา….”มันเงียบเสียงลง ก่อนจะหัวเราะ ถ้าผมมองไม่ผิด ผมว่ามันแอบเขิน พี่ภักก็เช่นกัน ไอ้บ้านี่พูดอะไรก็ไม่รู้
“พี่ต้องทำใจหน่อยนะ ช่วงอวดเมียมักโหดร้ายกับคนโสดเสมอ”ไอ้ภูมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มที่ผมไม่กล้ามอง ทำแบบนี้ผมล่ะกลัวพี่ภักเดาอะไรได้จริงๆ
“พี่น่าจะหาแฟนได้แล้วนะ”ไอ้ภูวกกลับมาที่พี่ภัก
“รอให้พร้อมกว่านี้ก่อนค่อยมี”ผมแปลกใจจริงๆ หรือชอบอยู่คนเดียว แต่ดูจากอาการเหงาๆคงไม่น่าใช่
“เออว่าแต่ภูเล่นกล์อฟเป็นรึเปล่า”
“ไม่เป็นครับ ทำไมอ่ะ อย่าบอกนะว่าผมต้องไปออกรอบกับพวกรุ่นใหญ่ที่ทำงาน”มันทำหน้าหมองเมื่อญาติรุ่นพี่พยักหน้าตอบ
“ว่างๆค่อยฝึกก็ได้ ไปด้วยกันหมดนี่แหละ สนุกดี”พี่ภักหันมามองรอบโต๊ะ ก็แน่อยู่แล้วล่ะ ไอ้ภูคงไม่ยอมไปฝึกคนเดียวแน่
หลังจากอิ่มท้อง ไอ้ตินก็ช่วยพี่ภักล้างจาน พี่เขาเนี้ยบมากจริงๆครับ ขนาดไอ้ตินยังขอยอมแพ้ ผมกับไอ้ภูนั่งดูหนังอยู่ที่โซฟา เมื่อไอ้ตินเข้ามาร่วมวงผมก็หาเรื่องมันทันที
“มึงพูดแบบนั้นได้ไง พี่เขายิ่งสงสัยอยู่”
“เขาไม่รู้หรอกน่า”มันกระซิบตอบ หยิบเฟรนช์ฟรายเหี่ยวๆเข้าปาก
“มึงไม่เห็นที่พี่เขายิ้มเหรอ”ผมว่าพี่แกคงรู้แล้วล่ะว่าผมกับไอ้ตินมีซัมติงกัน ไอ้ภูหยิบรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เหมือนมัน
พยายามหาอะไรทำ
“เอ๊ะ มึงหงุดหงิดอะไรเนี่ย”มันมองหน้าผมก่อนจะยิ้ม
“หรือว่าโกรธที่กูบอกว่ามึงสวย มึงพูดก่อนนะ”ผมหน้าร้อนวูบวาบ ไอ้ภูหันมองแค่แว๊บเดียวก่อนจะยื่นหน้าไปหาไอ้ติน
“แต่กูเห็นด้วยกับที่มึงพูดนะ”ไอ้เลว
“พวกมึงไม่ต้องเลย”ผมเหลือบมองที่เคาน์เตอร์ครัว พี่ภักยังคงง่วนอยู่กับการล้างจานให้สะอาดเอี่ยมอ่อง
“ถ้ามึงไม่ได้เป็นแบบนั้นก็เงียบๆไป มาร้อนตัวทำไม ดูซิ หน้าแดงหูแดงหมดแล้ว”ไอ้ตินยื่นมือมาบิดหูผมเบาๆ
“ว่าแต่เข้าไปทำอะไรกันในห้องน้ำ”ไอ้ภูถามทั้งๆที่มันน่าจะเดาได้อยู่แล้ว
“ทำไมหมู่นี้มึงหื่นบ่อยจังวะ จู่โจมกูก่อนตลอด”มันกระซิบถาม
“กูยังหื่นไม่ถึงครึ่งของพวกมึงเลย”
“เออ พี่ภู ผมมีคำถาม”ไอ้ตินกระแอม ก่อนจะย้ายมานั่งข้างๆไอ้ภู ผมขมวดคิ้วเมื่อนึกได้ว่าใส่ไข่เรื่องไอ้ภูไว้นี่นา
“ไอ้ฟิกมันบอกว่าพี่เสร็จมันแล้ว”ไอ้ตินพยายามกลั้นยิ้มระหว่างที่ถาม ไอ้ภูหันมามองผม แต่ก่อนที่มันจะได้ด่า พี่ภักก็เข้ามาช่วย
ชีวิตพอดี
“ตอนเย็นพี่ต้องจัดงานวันเกิดให้ลูกค้าพิเศษที่คลับ อยากไปด้วยกันรึเปล่า”พี่ภักไล่สายตามองเรียงคน ผมกับพวกมันมองหน้ากัน ต่างคนต่างคิดว่าจะไปดีหรือไม่ ผมก็อยากลองไปเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่พวกมันจะอนุญาตไหม ผมจึงรอให้มันสองคนตอบก่อน
“ก็…โอเค ไปครับ”พอไอ้ภูตอบตกลงผมถอนหายใจเบาๆ นึกว่าจะไม่ได้ไปซะแล้ว พยายามเก็บอาการเนื้อเต้นไว้เดี๋ยวพวกมันจะด่าเอา
เชื่อไหมครับว่าคุณพ่อทูนหัวของผมถึงกับเป็นคนเลือกเสื้อผ้าให้ผมเลยครับ
“แค่ไปเที่ยวเอง”ผมเกาหน้าผาก นั่งมองไอ้ภูกับไอ้ตินเลือกเสื้อเหมาะๆให้ผม ไอ้ภูหันมามองก่อนจะโยนเสื้อเชิ้ตแขนยาวมาให้
“อย่าพูดมาก ให้ไปก็บุญเท่าไหร่แล้ว”ผมทำเสียงอู้หูใส่พวกมัน
“เป็นพระคุณจริงๆที่ให้กูไป”
“อย่ากวน นี่กูเป็นห่วงนะ”ไอ้ตินทำหน้าเคร่ง
“บอกตัวเองเถอะ ไม่ใช่ว่าเมาแล้วสร้างเรื่อง กูก็ไม่ปล่อยพวกมึงเหมือนกัน”ผมเอาเรื่องเก่าๆมาแขวะ น่าแปลกที่พวกมันสองคน
สงบปากสงบคำแต่โดยดี
คลับที่ว่าเป็นคลับชื่อดังของย่านนี้ ผมสังเกตกลุ่มคนที่มาต่อแถวรอเข้าคลับส่วนใหญ่จะเป็นพวกเงินหนา แต่งตัวมีระดับ บางกลุ่มก็สวมสูทจัดเต็มมาเลย พี่ภักเองก็เช่นกัน ลูกค้าพิเศษมาด้วยกันสามคน หญิงหนึ่ง ชายสอง เป็นคนฟิลิปปินส์ทั้งหมด พี่ภักแนะนำไอ้ภูก่อนตามระเบียบ ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจฟัง(เพราะฟังไม่ค่อยออก)
“เอานี่ติดตัวไว้”ไอ้ตินยัดกระดาษอะไรสักอย่างใส่กระเป๋ากางเกงของผม หยิบออกมาดูคือชื่อที่อยู่และเบอร์โทรของมันและพี่ภัก
“มึงทำเหมือนกูเป็นเด็กน้อยเลย”ผมหัวเราะหึๆ แต่ก็ยัดไว้ที่เดิม กันไว้เผื่อว่าเมาแล้วหลง ผมยิ่งไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ด้วย ผมกับ
ไอ้ตินทักทายลูกค้าของพี่ภักตามมารยาท ผมงูๆปลาๆเยสโนโอเคไป ผู้หญิงชื่ออะไรไม่รู้จำไม่ค่อยได้ แต่ผู้ชายหน้าตาพอไปวัดไปวาชื่อเดรก ส่วนอีกคนอ้วนๆหน่อยชื่อแฮร์รี่ คุยกันเป็นวรรคเป็นเวรระหว่างที่รอให้คลับเปิด มีการ์ดตัวใหญ่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู
คอยตรวจบัตร
“มึงว่า…ไอ้คนนั้นมันแปลกๆรึเปล่าวะ”ผมกระซิบเบาๆกับไอ้ติน มันหันมามองผมเหมือนไม่รู้ว่าคนนั้นที่ผมหมายถึงคือใคร
“ไอ้คนที่ชื่อเดรกอ่ะ”ผมขยายความ ผมว่าผมได้รังสีแปลกๆมาจากมัน รู้สึกจะมองพี่ภักบ่อยไปนะ หรือผมคิดมากไปเอง ส่วนเจ้า
ตัวก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก จิ้มโทรศัพท์บ้างหรือไม่ก็คุยกับลูกค้าผู้หญิงคนนั้น ไอ้ตินเดาะลิ้นเบาๆคอยจับผิดไปกับผมด้วย ส่วนไอ้ภูน่าสงสารหน่อยที่ต้องคุยกับนายแฮร์รี่เรื่องรถนี่ล่ะ มันดูเบื่อหน่าย ขยับสูทนอกไปมาเหมือนอึดอัด แต่ก็ต้องทำเหมือนว่าฟัง ผมยกนิ้วโป้งให้เมื่ออีกฝ่ายหันมาเจอ ให้กำลังใจมันหน่อย เดี๋ยวจะหมดแรงซะก่อน
ภายในคลับแบ่งเป็นหลายโซน โซนที่พี่ภักจองไว้คือโซนวีไอพี โซฟาและม่านประดับหรูหราเชียว เครื่องดื่มราคาแพงมาบริการทีหลัง ผมเห็นไอ้ภูจ้องขวดวอดก้าตาเป็นมัน แต่พอมันเหลือบมาเห็นสายตาของผมมันก็ทำเป็นเสมองทางอื่น
“จะออกไปโซนด้านนอกก็ได้นะ เดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเอง ส่วนภู พอดีคุณแฮร์รี่เขาอยากคุยด้วย เขามีหุ้นเหมือนกัน อยู่คุยอีกแป๊ปเดียว”พี่ภักหันไปหาไอ้ภู มันทำหน้าเซ็ง
“ฝากดูมันด้วยนะ คุยเสร็จเดี๋ยวตามไป”ไอ้ภูโน้มมาคุยกับไอ้ติน
“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่เอาตัวเองให้รอดเถอะ”ไอ้ตินกระตุกมือผม เห็นใจไอ้ภูเหมือนกัน มันคงกะมาเที่ยวเต็มที่ ตอนที่เดินผ่าน ผมเอื้อมบีบมือมันเบาๆ
“สู้ๆ”เห็นมันยังยิ้มได้ ไอ้ตินพาผมเดินลัดเลาะหาโต๊ะว่าง ส่วนใหญ่ถูกจับจองไว้แล้ว ผมเริ่มตาลายกับแสงสีม่วงๆที่หมุนวนไปทางนู้นทางนี้ที มีฟลอร์สำหรับเต้นรูดเสาด้วย แต่เป็นโชว์ของคลับ สาวๆก็สะบึ้มๆทั้งนั้น ไอ้ตินพาผมมานั่งที่โต๊ะแถวๆเคาน์เตอร์บาร์ ผมกับมันไม่ค่อยมีอารมณ์อยากเมาเท่าไหร่จึงสั่งแค่เบียร์บลูมูนมา เพราะยี่ห้ออื่นไม่ค่อยได้แตะกลัวจะเมาปลิ้นไปก่อน
“ห้ามเมานะ”ไอ้ตินเตือน เมื่อเห็นผมกระดกทีเดียวค่อนแก้ว
“ไม่เมาหรอก กูรู้น่า ไม่ทำให้พวกมึงเป็นห่วงหรอก”มันอมยิ้มกับคำตอบของผม
“เออ หัดเป็นเด็กดีซะบ้าง”
ผมนั่งมองกลุ่มคนเต้นอยู่ที่ฟลอร์ จังหวะเพลงน่าดิ้น แต่ผมไม่กล้าลุกไปเพราะไอ้คนข้างๆนี่ล่ะ
“ไปเต้นกันป่ะ”ผมชวน
“ไม่เอา”มันตอบแบบไม่ต้องคิด
“มึงไปเพื่อนกูหน่อย”เวลาไปเที่ยวผับอะไรเทือกนี้ ผมไม่เคยเห็นไอ้ตินมันเต้นเลย รักษามาดตลอด
“เต้นตรงนี้ก็ได้”มันพยักเพยิดไปที่โต๊ะข้างๆมีกลุ่มคนขยับตามจังวะเพลงอยู่
“กูเต้นคนเดียวก็เหมือนคนบ้าดิ มึงไปยืนเป็นเพื่อนกูเฉยๆก็ได้นะ”ผมใช้ลูกอ้อนกวนไม้กวนมือมันอยู่นาน สุดท้ายมันก็ทนรบเร้าไม่ไหว จึงได้แต่ทำหน้าบูดตามผมมา ผมคว้าขวดเบียร์แนบตัว เบียดแทรกกลุ่มผู้หญิงเมาไปที่ว่าง เหลือบมองไอ้ตินทำตัวไม่ถูกท่ามกลางขาแดนซ์
“มึงมาเต้นกับกู”ผมดึงชายเสื้อให้มันตามมา
“มึงเคยเห็นกูเต้นด้วยเหรอ”มันบ่นอุบอิบ
“เต้นตามกูก็พอ”มันทำหน้าระอาเมื่อผมออกสเต็ปให้มันดู
“ไม่มีคนสนใจหรอกน่า”มีเสียงปรบมือโห่ร้องรอบตัวเมื่อดีเจคนใหม่ขึ้นมาเล่นเพลง ไอ้ตินเหมือนอยากเดินหนี แต่มันก็ไม่กล้าทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว แต่เอาจริงๆไม่มีใครลากผมไปปล้ำหรอก แถวนี้มีแต่มาดแมนแฮนด์ซั่มทั้งนั้น เมื่อซาวด์เพลงมันส์ๆเริ่ม ขาแดนซ์ก็เริ่มออกสเต็ป ผมตั้งใจจะคว้าไหล่ไอ้ติน แต่ก็เจอไหล่ใครเข้าไม่รู้ มองอีกทีก็เห็นมันโดนสาวๆกลุ่มข้างๆลากไปเต้นด้วย หรือ
จะพูดให้ถูกมันเป็นเสาให้สาวๆผมสั้นคนนั้นเลื้อย ไม่รู้จะขำหรือสงสารดี
“ds;li9e[‘][t]ynnu-7-=o8yr”เอาแล้วครับ มีหนุ่มนอกเข้ามาคุยกับผม ซึ่งแน่นอนว่าผมฟังไม่ออก ผมได้แต่โบกมือไปมา
“No No”ปฏิเสธไปก่อน
“fdklfkoi54v-bvrreurwea”รู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์ต่างดาวเลยว่ะ ผมเหลียวมองไอ้ตินมันพยายามดึงมือของแม่ผมสั้นออก เมื่อเห็นชัดว่าคุยกันไม่รู้เรื่องฝ่ายนั้นก็ถอยทัพไปขอคนอื่นเต้นแทน ผมมองไปที่ไอ้ตินอีกครั้ง มันยังถูกรุมล้อมอยู่ ไม่รู้ทำไมผมขำมากกว่าจะหึง ผมปล่อยให้สาวคนนั้นสอนสเต็ปการเต้นให้มันโดยที่ผมคอยดูอยู่ใกล้ๆ ยังไงเสียผมก็ไม่กล้าปล่อยให้มันหลุดสายตาหรอก
หมับ!
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อมีมือดีมาคว้าเข้าที่สะโพกของตัวเอง
“ไอ้ภู”ผมพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ มันยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของผม
“กูตกใจหมด”มันถอดสูทออกจนเหลือแต่เสื้อเชิ้ต
“ไม่มีใครตาถั่วอยากจับของมึงหรอก”เหมือนมันด่าตัวเองกลายๆ ไอ้ภูมองไปรอบๆก่อนจะเจอไอ้ตินแล้วกลับมามองผม
“ระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำเลยนะ”มันดึงขวดเบียร์ไปจากมือผมอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย ภู ของกูนะ”ไม่ทันแล้ว มันยัดขวดเปล่าคืนผม
“แค่นี้เอง หวงเหรอ”มันมองซ้ายมองขวา คว้าผมไปจุ๊บปากเบาๆก่อนจะปล่อยแล้วพาผมไปร่วมกลุ่มกับสาวๆที่เต้นอยู่กับไอ้ติน
ไปๆมาๆ เลยได้ออกสเต็ปกับสาวๆพวกนี้ไปปริยาย ใครเป็นใครบ้างก็ไม่รู้แต่ผมได้จับคู่เต้นกับทุกคนในกลุ่มเลย เต้นกับคนแปลกหน้าแบบไม่คิดอะไรมากก็มันส์ดี ไม่รู้ว่ามันสองคนจะสุดเหวี่ยงเหมือนผมไหม เหมือนสาวกลุ่มนี้จะอยากไปต่อกับพวกผม แต่ก็ปฏิเสธไปตามระเบียบ เพราะผมกับพวกมันจะไปต่อกันเองต่างหาก คึๆ
“กูว่ามึงใกล้เมาแล้วนะ”ไอ้ตินเข้ามายื้อผมให้มายืนใกล้ๆ ตอนนี้ดีเจเล่นเพลงช้าแล้ว
“มึนนิดหน่อย สงสัยกูเต้นมากไป”ผมยืนพิงพวกมันสองคน ไอ้ภูผลักหน้าผากผมแรงๆ
“สนุกอยู่คนเดียว เก็บกดมาจากไหนวะ”มันยิ้มขำ
“ปกติพวกมึงไม่ค่อยให้กูออกไปเที่ยวนี่หว่า เออ แล้วทำไมพวกมึงไม่ออกอาการหวงกูเหมือนทุกทีอ่ะ”วันนี้พวกมันมาแปลกแฮะ
“ไม่รู้ดิ สงสัยมึงเต้นกับผู้หญิงล่ะมั้ง”ไอ้ตินตอบ มันส่งแก้วโค้กให้ผม “เรื่องไหนปล่อยได้ก็ปล่อย”
“อนุญาตให้มึงปล่อยผีได้หนึ่งวันไง กลัวมึงอกแตกตายไปซะก่อน”ไอ้ภูหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ายัดใส่มือ ผมรับมาดมๆ มีกลิ่นของไอ้
ภูติดอยู่ หอมดี น้ำหอมตัวที่ผมเคยซื้อให้มัน จนวันนี้มันก็ยังใช้แบบเดิมอยู่เลย
“โรคจิตเข้าไปทุกที”มันพึมพำอยู่ใกล้ๆ ผมเริ่มหมดแรงเลยได้แต่มองคนอื่นเต้นท่ามกลางแสงสลัวๆ ไอ้ตินเลยกล้าสอดมือมากอดเอวผมไว้หลวมๆ
“แล้วพี่ภักล่ะ”ไอ้ตินถาม
“ยังคุยกับลูกค้าอยู่เลย เอาเรื่องอะไรมาคุยกันเยอะแยะก็ไม่รู้ แต่จะกลับก่อนก็ได้ มีป้ายรถเมล์อยู่แถวนี้พอดี”ตอนนี้ผมก็เริ่ม
เหนื่อยแล้วเหมือนกัน หิวข้าวด้วย ผมกับพวกมันเลยตกลงกันว่าจะกลับเพราะเริ่มหมดแรง
ออกมาสูดอากาศด้านนอกได้แล้วสดชื่นกว่าด้านในตั้งเยอะ ระหว่างที่เดินไปรอที่ป้ายรถเมล์ก็ผ่านโรงแรมสามดาวเข้าพอดี ผมกับอีกสองคนหยุดเดินอัตโนมัติ
“ต่อไหม หรือจะกินข้าวก่อน”ไอ้ตินถาม แต่ก็อย่างว่าแหละครับ แค่มองตาก็รู้ไส้รู้พุง สรุปข้าวไม่ต้องกิน กินอย่างอื่นแทน ไหนๆก็ไหนๆแล้วกลับไปอพาร์ทเม้นต์ตอนนี้เกรงว่าจะไม่สะดวก เดี๋ยวพี่ภักกลับมาจ๊ะเอ๊เข้าคงสยองน่าดู
*************************************