ตอนที่27
หลังจากเรื่องวุ่นวายในวันนั้นก็ผ่านมาร่วมหนึ่งอาทิตย์ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรงเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสารเพื่อไม่ให้เรื่องถึงตำรวจพี่ทิมต้องจ่ายค่าทำขวัญและค่าเสียเวลาให้กับทางโรงเรียนถึง2แสนบาท ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมจ่ายแต่โดยดีพร้อมกับคำพูดชวนหมั่นไส้อีกว่า “2แสนแลกกับการได้แกล้งน้องชายอวดดีอย่างแก โครตคุ้มว่ะ”ทำเอาพี่ทอสถึงกับหัวฟักหัวเหวี่ยงไปเป็นชั่วโมง
แต่ยังดีที่พี่ทิมเข้ามาแนะนำตัวและกล่าวขอโทษผมที่เล่นอะไรรุนแรงจนเป็นเหตุให้ผมถึงกับเป็นลมซึ่งผมก็ให้อภัยไปแบบเหลี่ยงไม่ได้เพราะยังไงเขาก็คือพี่ชายของพี่ทอส
จากวันที่พี่ทิมลากพนักงานพี่ทอสขึ้นห้องไปก็ใช้เวลาถึง3วันกว่าเจ้าตัวจะยอมออกจากห้องและเข้ามาจัดการเรื่องต่างๆที่ตัวเองได้ทำลงไปพร้อมซื้อของเล่นมากมายมาให้น้องจี ตามใจแทบทุกอย่างจนตอนนี้เจ้าตัวเล็กร้องหาแต่ลุงทิมลืมน้องเชนไปสนิทเลยทีเดียว ทำเอาคุณพ่อถึงกับงอนลูกไปแทบทั้งวัน
“เมื่อไหร่จะกลับ”เป็นคำถามรอบ4ของวันเมื่อพี่ทอสถามพี่ทิมในขนาดที่พวกเราทั้ง5คนกำลังนั่งกินมื้อเย็นกันที่ห้องเดิมที่เกิดเรื่องเมื่อคราวก่อน
“แกพูดกับพี่ชายของแกแบบนี้ได้ไง”พี่ทิมหยุดมือที่กำลังหั่นสเต็กเนื้อแกะรสเลิศทันทีแต่ใบหน้าหล่อยังคงมีรอยยิ้มยียวน
“แล้วคิดจะอยู่ถึงเมื่อไหร่”พี่ทอสยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามทุกวิถีทางเพื่อไล่ให้พี่ทินกลับเร็วที่สุด
“จนกว่าจะเบื่อ”พี่ทินพูดขึ้นพร้อมหันไปทางพี่เบล ที่เอาแต่ก้มหน้าเขี่ยข้าวผัดไปมา ด้วยใบหน้าเศร้า
“นั้นพนักงานผม ช่วยปล่อยตัวให้มาทำงานด้วย”พี่ทอสกอดอกหน้าบึงมองอย่างไม่ชอบใจ”ไม่ทำงานผมก็คงจ่ายเงินเดือนให้ไม่ได้”และเหมือนจะจงใจกระตุ้นพี่เบลที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าไม่พูดไม่จา และดูเหมือนจะได้ผล เมื่อพี่เบลเงยหน้าขึ้นมามองพี่ทอสด้วยสายตาที่เหมือนจะร้อนไห้ จนผมอดไม่ได้เลยหยิกต้นขาพี่ทอสใต้โต๊ะ พี่ทอสสะดุ้งนิดๆก่อนจะหันมามองหน้าผมแล้วเลิกคิ้ว เชิงถามว่า หยิกทำไม
“งั้นก็ลาออก เพราะฉันคงยังปล่อยไปไม่ได้ ไม่ซิอาจจะไม่มีวันปล่อยไปด้วยซ้ำ”ท้ายประโยคหันไปมองพี่เบลที่จ้องกลับมาด้วยสายตาเจ็บปวด
“คุณป้าเป็นไรฮะ”น้องจีที่นั่งเงียบกินไก่ทอดอยู่นาน ถามขึ้นเมื่อเห็นพี่เบลเซหน้าหลบไปทางอื่นและดูเหมือนจะร้องไห้
“น้องจีเรียกแบบนั้นได้ไง”ผมถามเพราะน้องจีเรียกพี่เบลว่าป้ามันดูจะเสียมารยาทไปสักหน่อยสำหรับการเรียกผู้ชายว่าอย่างนั้นถึงพี่เบลจะตัวเล็กและสวยเหมือนผู้หญิงก็เถอะ
พี่เบลเป็นคนผิวขาวเหลืองซึ่งมันทำให้ผิวพรรณดูผุดผ่องมากจนผมยังชอบเลยตัวก็เล็กๆ ติดจะผอมมากๆด้วย ใบหน้ากลับดูอ่อนเยาว์เกินกว่าอายุ แต่วันกับดูโทรมมาก ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากครั้งแรกที่เจอเมื่อ3วันก่อนมาก
“ทำไมฮะ คุณครูบอกจีว่า แฟนของลุงต้องเรียกป้า แล้วลุงทินก็บอกจีว่าคุณป้าเบลเป็นเมียลุง เมียก็คือแฟน น้องจีผิดตรงไหนฮะ”เจ้าตัวเล็กเถียงคอเป็นเอ็นมั่นอกมั่นใจในความรู้ใหม่ที่ตัวเองมี
“น้องจีครับคำว่าป้าเนี๊ย เขาไว้ใช่กับผู้หญิงครับ กับผู้ชายต้องเรียกลุง”ผมอธิบายแต่น้องจีก็ยิ่งขมวดคิ้วสงสัยเข้าไปใหญ่
“อ้าว ป้าเบลเป็นผู้ชายหรอฮะ”แค่นั้นล่ะ ทำเอาพี่เบลที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะร้องไห้หันมาหาน้องจีพร้อมสายตาเจ็บปวดทันที
และจู่ๆน้องจีก็กระโดดลงจากเกาอี้เด็กแล้วเดินไปหาพี่เบลก่อนเจ้าตัวจะปีนขึ้นนั่งตักเองเสร็จสับ
“ป้าเบลให้น้องจีเรียกว่าป้าเบลนะฮะ นะฮะๆ”น้องจีที่นั่งบนตักพี่เบลและหันหน้าเข้าหาพี่เบลยกมือขึ้นจับแก้มพี่เบลทั้งสองข้างแล้วจับส่ายไปมาเพื่ออ้อนขอซึ่งนั้นดูเป็นการกระทำที่น่ารักในสายตาของพ่อแม่ แต่มันดูไม่มีสัมมาคารวะจนผมต้องดุ
“น้องจี!”น้องจีหันมามองผมก่อนจะหันกลับไปทางพี่เบลอีกครั้ง ผมเริ่มสังเกตเมื่อเร็วๆนี้เอง ว่าน้องจีจะชอบมากกับผู้ชายที่น่าตาน่ารัก เจ้าตัวจะรีบเข้าไปตีสนิททันที สังเกตจาก น้องเกรว น้องเชน น้องกันต์และล่าสุด ก็คือพี่เบล น้องจีจะติดมากกับของน่ารักๆแต่กับเด็กผู้หญิงเจ้าตัวกับชอบทำท่าเมินใส่ ซึ่งนิสัยแบบนี้เหมือนพี่ทอสมาก ผมได้ข่าวมาว่า อยู่โรงเรียนน้องจีชอบทำท่าไม่ชอบเด็กผู้หญิงจนทำเด็กผู้หญิงหลายคนร้องไห้มาแล้ว(น้องกันต์เล่าให้ฟัง)
“เอ่อ เรียกว่าลุ...”และพี่เบลที่ทำหน้าลำบากใจอยู่พยายมพูด แต่พี่ทินก็พูดแทรกเสียงดังขึ้นมา
“อย่าเรื่องมาก”ทำให้พี่เบลก้มหน้าลงอย่าเลี่ยงไม่ได้ทันที
“ลุงทินอย่าดุป้าเบลนะ น้องจีไม่ชอบ”และดูเหมือนผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการจะช่วยเหลือไว้ทัน หลังจากนั้นก็ลงมือกินกันต่อแต่น้องจีไม่ยอมกลับมานั่งที่เดิมเพราะอ้างว่ากลัวลุงทินแกล้งป้าเบลของเจ้าตัวอีก
คืนหนึ่งหลังจากที่ผมเพิ่งเข้านอนได้ไม่นานก็เริ่มปวดท้องและหายใจไม่ออก ผมเจ็บจนต้องงอตัวรู้สึกเหมือนเจ็บจนจะขาดใจและก่อนที่ผมจะหมดสติไป ผมได้ยินเสียงพี่ทอสที่เรียกชื่อผมนับ10ครั้งด้วยน้ำเสียงที่ผมรู้สึกเศร้าใจ
ผมกำลังรอรถพยาบาลด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ผมเพิ่งเข้านอนเมื่อ2ชั่วโมงก่อนและตื่นขึ้นมาเพราะเสียงลมหายใจของเมียผมที่กำลังนอนงอตัวอยู่ใบหน้าเนียนเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจนผมเริ่มใจไม่ดี ก่อนจะเรียกเขาให้รู้สึกตัวแต่สิ่งที่ผมได้กลับมาคือ
ใบหน้าที่สลบและลมหายใจที่รวยริน
ไม่นานนักรถพยาบาลก็มาน้องจีที่นอนหลับอยู่อีกห้องตื่นเพราะเสียงรถพยาบาลเพราะน้องไม่พอจึงร้องไห้เสียงดังร้องเรียกหาแม่ตลอดจนผมอดปวดใจไม่ได้ และ สิ่งที่ทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าคือภาพคนรักที่กำลังถูกหามขึ้นแปลพร้อมลูกชายที่วิ่งเข้าหาและร้องเรียกแม่ตลอดเวลาจนผมต้องจับตัวไว้และอุ้มน้องจีขึ้นมา พอลงมาถึงไอ้คินกับน้องเชนที่ผมโทรตาม ทั้งคู่อยู่ชุดนอนทั้งคู่เหมือนผมและน้องจีก็มาถึง น้องเชนรีบเข้ามารับน้องจีและปล่อยให้ผมนั่งรถพยาบาลไป
ตลอดทางผมทำได้แค่เพียงกุมมือที่เย็นเฉียบและมองใบหน้าเนียนที่มีหน้ากากออกซิเจนบดบังความน่ารักที่ผมหลงใหล
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะความกลัว เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเตียงคนไข้ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินทันทีอย่างรวดเร็ว ตัวผมถูกกันให้อยู่ข้างนอกเพื่อไม่ให้เข้าไปรบกวนการทำงาน หลังจากนั้นหมอนนต์ก็วิ่งมา
“หมอ”ผมรีบดึงแขนของหมอทันทีที่กำลังจะวิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน
“ช่วยเอฟ ช่วยให้ได้”ผมออกแรงบีบแขนหมอด้วยความกลัวและกังวล
“นั้นเป็นสิ่งที่ผมทำมาตลาดตั้งแต่5ปีก่อน”เขาพูดแค่นั้นแล้ววิ่งเข้าห้องฉุกเฉินไป
ไม่นานหลังจากที่หมอเข้าไปไอ้คินและน้องเชนที่อุ้มน้องจีกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาผม น้องจียังร้องไห้ไม่หยุดพอมาถึงผมก็ยื่นแขนออกแล้วโผล่เข้าหาผมทันที
“พ่อฮะ แม่ล่ะ แม่อยู่ไหนฮือๆๆ”น้องจีที่ทั้งร้องทั้งพูดถามหาแต่แม่ไม่หยุด ผมก็ทำได้แค่กระชับอ้อมกอดแล้วจูบปลอบที่ผมนิ่ม
“เดี๋ยวแม่มาครับ ไม่ร้อง นะ”ผมพูดประโยคนี้ซ้ำไปมาเพื่อบอกน้องจีและตัวผมเองด้วย เดี๋ยวก็มา อีกเดี๋ยวก็มาใช่ไหม อย่าร้องต้องเข้มแข็ง
“หลังจากที่หมอเข้าไปเกือบ20นาทีก็ออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี น้องจีหลับแล้วผมจึงฝากน้องเชนอุ้มก่อนจะรีบเดินมาหาหมอ
“ปลอดภัยใช่ไหม”นั้นเป็นสิ่งเดียวที่ผมต้องการรู้
“เด็กกลับตัวกะทันหันทำให้สายสะดือผันคอและเพราะกลับตัวกะทันหันจึงทำให้อวัยวะภายในเกิดการเคลื่อนที่ส่งผลโดยตรงกับระบบทางเดินหายใจ”หมออธิบายด้วยใบหน้าหนักใจ
“แล้วต้องทำไง ทำไงหมอ”ผมเขย่าตัวหมอไปมาเพื่อเค้นคำตอบอย่างหวาดกลัว
ทำไมกันทุกครั้งสิ่งที่ผมรักมักจะเป็นแบบนี้ทำไมพวกเขาต้องจากผมไป ทำไมผมถึงต้องอยู่คนเดียวมาตลอด ทุกเช้าที่ลืมตาตื่นขึ้นมาสิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือทุกอย่างที่ผมมีในตอนนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน กลัวคนที่ผมรักทั้งหมดจะจากผมไป เหมือนตอนนั้น เหมือนคุณปู่และคุณย่า
“ต้องผ่าคลอดทันที แต่เด็กมีโอกาสรอด50/50เพราะอายุครรภ์แค่7เดือนกว่าๆและร่างกายของเอฟที่อ่อนแออยู่แล้วการที่จะปลอดภัยทั้งคู่จึงไม่มาก แต่ถ้าปล่อยไว้ทั้งเด็กและแม่ไม่รอดแน่”ในวินาทีที่หมออธิบายหัวใจของผมเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นบีบอย่างแรงจนแทบหายใจไม่ออก
“ตามขั้นตอนคุณต้องเซ็นยินยอมให้ผ่าคลอด”หมอว่าก่อนที่พยาบาลจะเดินเอาเอกสารกับปากกามาทางผม
ผมลงมือเซ็นด้วยมือที่สั้นเทา
“ผมจะช่วยพวกเขาให้ได้”หมอว่าก่อนจะบีบไหล่ผมเป็นเชิงให้ว่างใจ
“ผมเชื่อคุณได้ใช่ไหม”ผมถามอย่างคาดหวัง
“ผมเอาชีวิตผมเอาลูกชายมาเป็นตัวประกันเลย หึ”ว่าจบก็เดินเข้าห้องผ่าตัดอีกห้องทันทีก่อนที่เตียงคนไข้ที่เอฟนอนอยู่จะถูกเข็นผ่านหน้าผมตามเข้าไป
ถ้าพระเจ้ามีจริงสิ่งเดียวที่ทั้งชีวิตผมจะอ้อนวอนคือ ขอให้พวกเขาปลอดภัย แล้วผมจะไม่ขออะไรอีกทั้งชีวิต
ในเช้าของวันถัดมาผมที่นั่งรอด้วยความกังวลโดยมีน้องจีนอนหนุนตักตลอดทั้งคืนนั้นก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้เสียงเด็กร้อง
ผมรีบอุ้มน้องจีขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูไม่นานพยาบาลก็เดินออกมาพร้อมห่อผ้าสีเขียวเดินมาทางผม
“ได้แปปเดียวนะค่ะ โชคดีที่เด็กตัวใหญ่และค่อนข้างแข็งแรง ตรวจดูนะค่ะ เพศไหน นิ้วมือ นิ้วเท้าครบไหม”พยาบาลพูดแล้วเปิดผ้าออกให้ผมดูตามจุดที่บอก
“นี่ลูก..”ผมถามด้วยอาการตื่นเต้นจนผมยังอดแปลกใจในพฤติกรรมตัวเองไม่ได้
“ค่ะ ลูกชาย น้ำหนัก3045กรัม เด็กแข็งแรงมากค่ะถึงจะคลอดก่อนกำหนด แต่คุณหมอบอกให้เข้าตู้อบเพื่อดูอาการก่อนนะค่ะ ต้องขอตัว”แล้วพยาบาลก็เดินเข้าห้องผ่าตัดไปอีกครั้ง ผมที่มัวแต่ยืนอึงรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่น้องจีเรียกผม
“พ่อฮะ เมื่อกี่น้องไหน”น้องจีถาม ผมไม่รู้สึกแม้กระทั่งลูกที่อยู่ในอ้อมกอดตื่นมานานแล้วเลยหรอนี่ หัวใจของผมเต้นแรงแต่ไม่ใช่เพราะความกลัวเหมือนเมื่อคืน แต่มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจและมันทำให้ผมหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า
“ไอ้ทอส หัวเราะเสียงดังทำห่าอะไร”ไอ้คินที่นั่งหลับอยู่เดินเข้ามาหาผมพร้อมจูงมือน้องเชนที่เพิ่งเปิดตาเดินตามมา
“เมื่อกี้ลูกกู ลูกกู ลูกกู”ผมร้องบอกอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่
“กูได้ยินแล้ว จะตะโกนหาพ่อมึงหรือไง”ไอ้คินเอามือปิดหูน้องเชนไว้แล้วด่าผมกลับ
“ที่โรงพยาบาลงดใช้เสียงนะครับ”หมอนนต์เดินออกมาพร้อมถอดผ้าปิดปากออกว่าผมด้วยรอยยิ้ม
“หมอขอบคุณ ขอบคุณมาก”บอกเมื่อเริ่มสงบสติของตัวเองได้แล้ว
“ผมทำตามหน้าที่”พูดจบเตียงคนไข้ที่เอฟนอนอยู่ก็ถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดใบหน้าขาวซีดจนดูหน้าห่วง
“ไม่ต้องห่วงปลอดภัยแล้ว ตอนนี้หลับเพราะฤทธิ์ยาสลบ”หมอบอกให้ผมคล้ายกังวล
“ส่วนเด็ก คงต้องเข้าอบ2วัน เพื่อดูอาการถ้าไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อนขึ้นมาก็จะย้ายมาอยู่ห้องเด็กอ่อนได้ตามปกติ”หมอว่าจบก็ขอตัวเดินไปตรวจดูใบสั่งยา
หลังจากที่ผมจัดการเรื่องห้องพิเศษแล้วก็กลับไปเอาข้าวของต่างๆที่จำเป็นมา ส่วนน้องจีน้องเชนอาสาดูแลให้ในระหว่างที่ผมกับไปเอาของที่บ้านกับไอ้คินที่อาสาเป็นคนขับรถแทนผมที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน
ตอนนี้เรื่องที่ผมกังวลต่างๆหมดลงไปร่างกายที่อ่อนล้าก็ต้องการการพักผ่อนทันที แค่ไม่กี่นาทีที่ผมขึ้นรถผมผมก็หลับได้อยากสบายใจที่สุดในชีวิต เพราะผมมั่นใจ ไม่ว่าผมจะตื่นขึ้นมาในอีกกี่หมื่นครั้งข้างหน้าทั้งเมียและลูกของผมจะนอนอยู่ข้างๆและมันไม่มีทางเป็นแค่ความฝัน
หลังจากเรื่องทุกอย่างเริ่มลงตัวผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรบอกพ่อตาแม่ยาย พอโทรไปเล่าทุกอย่างให้ฟังก็โดนด่าร่วมชั่วโมง แต่ผมกลับดีที่ในเสียงที่แม่ยายด่านั้นกำลังสั่งให้พ่อตาเก็บเสื้อและรีบออกรถ นี่คือครอบครัว ครอบครัวที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัส ผมเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าการถูกตำนิจากครอบครัวนั้น มันเกิดขึ้นด้วยความรักและความห่วงใหญ่
หากจะต้องขอบคุณอะไรสักอย่างคงต้องขอบคุณ40ดีกรีในวันนั้นเมื่อ5ปีก่อน ที่ทำให้ผมมีคนที่ผมรักมายขนาดนี้ และไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็สัญญาว่าผมจะปกป้องพวกเขาด้วยชีวิต
TBC.
คู่พี่ทิมเป็นโปรเจคใหม่ ไม่มีอะไรมากในเรื่องนี้เเค่ทำให้อยากแล้วจากไป555
เห็นน้องทีไหม เห็นเนอะแค่นิดก็เถอะ
มีข่าวมาบอกด้วยว่า I'm Pregnant จะร่วมเล่ม แปะๆ
แต่ไม่ได้ทำเองนะ ลิขสิทธิเป็นของสำนักพิมพ์หนึ่งเดียว
เพราะสกิวคำผิดของคนเขียนสูงมากจึงมิกล้า
แต่เนื้อหาด้านในไม่ถูกแก้ไขแน่นนอนแต่อาจจะต้องแก้คำผิดซึ่งจากที่ดูตอมเม้นมามันเยอะมาก
และอาจจะมีรูปประโยคบางตอนที่อ่านแล้วงงๆที่ต้องเเก้ซึ่งถ้าแกเราเป็นคนแก้เองไม่ใช่สำนักพิมพ์
แต่คนผิดนี่ไม่ไหวจะแก้เอง
ถ้ารักน้องจีชอบแม่เอฟ เกลียดอีพี่ทอส ก็อย่าลืมเก็บตังค์รอ5555