ตอนที่ 2 : เบอร์ปริศนา คู่กรณีมีถึงสอง!?
เก้าโมงตรง ผมยืนรออยู่หน้าเคาน์เตอร์ของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ เมื่อไม่มีคุณเลขาพาเข้าไปเลยติดแหงกอยู่ที่ชั้นหนึ่งเพราะยังไม่มีบัตรพนักงาน
“น้องเจ!”
ไม่ทันโทรเรียก พี่ฌานปลาไหลมือปลาหมึกก็เดินออกจากลิฟต์ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรทันที
“มานานรึยังครับ แล้วนี่...วันนี้ใส่แว่นด้วยเหรอ”
“ให้สมเป็นผู้จัดการไงครับ” ผมขยับแว่นเป็นคำตอบ เพราะมาทำงานวันนี้วันแรกเลยตัดสินใจสวมเสื้อยืดคลุมทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวสีกรมท่า ตอนแรกกะจะใส่เชิ้ตหรอกนะ แต่เด็กอายุสิบแปดปีที่ตัวเล็กอย่างผมเนี่ยใส่เชิ้ตมันดู...เกินวัยไปสักนิด แทนที่จะดูสุภาพกลายเป็นขัดตาซะงั้น เลยตัดสินใจแต่งให้สมวัย แล้วคว้าแว่นกรอบดำที่ตอนแรกตั้งใจซื้อให้พี่จิตอนปลอมตัวสมัยเขาเป็นดารามาใช้ พอสวมแล้วดูเนิร์ดขึ้นจม
“ต่างหูหายไปไหนหมดล่ะ” นิฌานแตะนิ้วกับใบหูของผมแผ่วเบา โชคดีที่แค่ชั่ววูบไม่งั้นได้เจอนายเจตรินมือไม้กระตุกแน่
“ถอดออกสิครับ” ผมมองเขาเหมือนถามอะไรโง่ๆ รับบทเป็นผู้จัดการดาราทั้งที ผมไม่อยากให้ภาพลักษณ์ออกมาดูเป็นเด็กมีปัญหา เกกมะเหรกเกเรหรอกนะ
“พี่ชอบเราเมื่อวานมากกว่า”
“เหรอครับ” ผมพยายามจะไม่กลอกตา เมื่อมีใบผ่านทางอย่างนิฌานแล้วก็เดินเข้าไปด้านในเตรียมทำหน้าที่เสียที
งานแรกในฐานะผู้จัดการดาราวันนี้ คือการมาเฝ้านิฌานถ่ายโฆษณาน้ำหอม
เพราะบทพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง Love After Death ทำให้ภาพลักษณ์ของนิฌานกลายเป็นผู้ชายอบอุ่นที่พร้อมจะดูแลคนรักจากใจจริงอย่างไร้ข้อแม้ แม้จะเป็นน้ำหอมสำหรับผู้หญิง แต่กลับถูกว่าจ้างให้มาเป็นพรีเซนเตอร์ โดยรายละเอียดโฆษณาจะเกี่ยวกับสามีที่เลือกซื้อน้ำหอมไปเป็นของขวัญให้ภรรยานั่นเอง
แม้พี่จิจะเคยเป็นสตั้นท์แมนเก่าที่ผันตัวมาเป็นดาราช่วงหนึ่ง ก่อนจะจบลงด้วยการเป็นนักเขียนบท แต่ผมซึ่งเป็นน้องชายไม่เคยเข้ามาในกองถ่ายมาก่อนเลย เมื่อเป็นครั้งแรกไม่ว่าอะไรก็ดูใหม่ไปหมด ผมระงับความตื่นเต้น ยกมือไหว้ทักทายทีมงานอย่างมีมารยาท
“เด็กคนนี้คือใครเหรอคะพี่ฌาน”
ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาดาราหนุ่มอย่างสนิทสนม...นิฌานเป็นที่ชื่นชอบสำหรับต่างเพศมากทีเดียว เท่าที่ดูจากการแต่งตัวที่ค่อนข้างเน้นรูปร่างและป้ายพนักงาน ผมว่าเธอน่าจะเป็นสไตลิสต์ประจำบริษัท ถึงได้มองนิฌานอย่างหลงใหลได้ปลื้ม อีกนิดแทบจะกลืนกิน
สงสัยไอ้ความเจ้าชู้นั่นจะไม่ใช่แค่กับดาราด้วยกัน แต่เผื่อแผ่ไปถึงทีมงานเบื้องหลังด้วย...
“ผู้จัดการคนใหม่ของพี่เอง เรียกว่าน้องเจก็ได้นะ”
“เจตริน ทองคำดีครับ” ผมแนะนำตัวอย่างเป็นการเป็นงาน ก่อนจะยื่นนามบัตรที่เพิ่งทำสดๆ ร้อนๆ เมื่อเย็นวานยื่นให้ทีมงานตรงหน้า “ผมรับงานเป็นผู้จัดการให้คุณนิฌานสามเดือน ระหว่างนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“ต๊าย น่าเอ็นดู” อีกฝ่ายรับนามบัตรผมไปถือพร้อมมองมาด้วยสายตาเป็นประกาย
“อย่าเชียวนะ นี่เด็กพี่” นิฌานกอดคอผมพร้อมเอ่ยกึ่งอวด เพื่อไม่ให้ดาราใต้ความดูแลต้องเสียหน้า ผมเลยพยายามอดทนนับหนึ่งถึงสิบในใจ
“เดี๋ยวนี้พี่ฌานหันไปกินเด็กแทนแล้วเหรอ ระวังติดคุกนะคะ” สไตลิสต์สาวเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอด
“น้องเจสิบแปดแล้ว”
“ต่อให้สิบแปด แต่การกระทำชำเราเด็กโดยไม่ยินยอมก็ติดคุกครับ” ผมเอ่ยแทรกเบาๆ
“แหม มีอารมณ์ขันซะด้วย” หญิงสาวป้องปากหัวเราะคิกคัก แต่ไม่วายเหลือบสายตามองนิฌานอย่างสื่อความนัย “ไปเปลี่ยนเสื้อด้วยกันมั้ยคะสุดหล่อ”
“จุ๊ๆ อย่าพูดอะไรไม่ดีต่อหน้าเด็กอายุสิบแปดสิ” นิฌานขยิบตาอย่างทีเล่นทีจริง ถ้าคนอื่นมาได้ยินคงคิดว่าเป็นการล้อเล่นขำขัน แต่ผมคิดว่าพวกเขาสองคนต้องมีเหตุการณ์เปลี่ยนเสื้อฉบับสิบแปดบวกมาก่อนแน่นอน “มาเถอะน้องเจ พี่จะพาเราทัวร์กอง!”
นิฌานกอดคอผมพาเดินรอบสตูดิโอเพื่อให้ทุกคนได้รู้จักหน้าของผู้จัดการคนใหม่ ผมเองก็ไม่อิดออด เพราะเกรงว่าถ้าเริ่มทำงานขึ้นมา อาจจะโดนไล่ออกจากห้องเพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กหลง
“เจตริน ทองคำดี ผู้จัดการคนใหม่ของนิฌานครับ ผมจะทำงานนี้สามเดือน ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรสามารถติดต่อผมได้ทุกเมื่อนะครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
“ฝึกงานเหรอเรา” ผู้กำกับที่ค่อนข้างมีอายุ หรือเผลอๆ จะอายุเท่าพ่อผมมองอย่างชื่นชมที่เด็กสมัยนี้รู้จักหาประสบการณ์ “ทำงานกับนิฌานก็ต้องตั้งใจหน่อยล่ะ เพราะรายนี้น่ะ...เยอะ!”
“อะไรเยอะครับ” นิฌานหัวเราะเสียงใส ราวเป็นคนดีที่ถูกใส่ความ
“กิ๊กเยอะไง! คนเก่าๆ เลิกไปหมดรึยังล่ะ” ไม่พูดเปล่า ผู้กำกับยังปรายตาไปยังสไตลิสต์สาวที่ยืนรออยู่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อซะด้วยสิ
“ความหลังก็ให้เป็นความหลังเถอะครับ” นิฌานพูดก่อนจะก้มมากระซิบข้างหูผม “แต่ปัจจุบันพี่จะดูแลน้องเจอย่างดีเลย”
ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ผมค่อยๆ หยิบแขนนิฌานออกจากบ่า เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งเขาให้ช่วยพาลากทำความรู้จักรอบกองอีกต่อไปในเมื่อผู้กำกับคือคนสุดท้ายในที่นี้ที่ได้นามบัตรผม
“ดูผู้จัดการคนใหม่สิผมสิ รังเกียจกันซะด้วย” นิฌานหันไปฟ้องผู้กำกับ “เอาเถอะ ได้เวลาเปลี่ยนเสื้อแล้ว มาครับน้องเจ มาเปิดหูเปิดตากัน”
“พี่ฌานก็ไปเปิดหูเปิดตากับเธอสิครับ” แน่นอนว่าผมหมายถึงสไตลิสต์สาวนั่นเอง
“คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย พี่ไม่เคยทำอะไรๆ กับเธอสักหน่อย สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือเลย”
“พี่ไม่ได้เป็นลูกเสือมาตั้งหลายปี เกียรติอะไรนั่นน่าจะระเหือดหายไปหมดแล้วนะ”
“พี่ชอบเราตรงที่รู้ทันเนี่ยล่ะ!”
นิฌานตบไหล่ผมดังป้าบ ดูอารมณ์ดีอย่างประหลาด ก่อนจะจับแขนลากผ่านหน้าสไตลิสต์ที่ยืนรอเก้อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับถ่ายโฆษณา
“จะพาผมมาทำไม พี่ก็เปลี่ยนของพี่ไปสิ” ผมโวยวายเมื่อถูกลากเข้ามาในห้องส่วนตัวเล็กแคบ ก่อนหน้านี้ไม่กล้าขัดขืนมาก...เพิ่งเข้ากองวันแรกจะไปมีเรื่องตื้บดาราภายใต้การดูแลของตัวเองต่อหน้าทีมงานได้ยังไง มีแต่อยู่กันสองต่อสองนั่นแหละผมถึงจะกล้าขึ้นเสียงใส่
“ช่วยถือเสื้อให้พี่หน่อย” นิฌานไม่ตอบแต่ถอดเสื้อส่งให้ผม ที่แขวนก็มีแต่ดันเรียกใช้ผู้จัดการประหนึ่งราวแขวนผ้า ผมรับเสื้อมาถืออย่างปลงตก ตามด้วยเข็มขัด และกางเกง...
“ชอบมั้ย”
ยัง ยังมีหน้ามาถามอีก ผมมองคนที่เหลือแต่บ็อกเซอร์ลายการ์ตูนด้วยความเพลียใจ บอกเลยว่าหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์มตรงหน้าไม่สะทกสะท้านจิตใจด้านชาที่ถูกทารุณจากหุ่นล่ำบึกของพี่ชายในอดีตแม้แต่น้อย ทำแบบนี้เพื่ออะไร ตั้งใจโปรยเสน่ห์? กะให้ผมหวั่นไหว?
พลาดซะแล้วนิฌาน เพราะตอนนี้ผมมองเขาด้วยสายตาไร้อารมณ์สุดขีดจนชวนเสียเซลฟ์
“มองหุ่นทำไม พี่หมายถึงกางเกงใน” นิฌานแก้คำทันที
“ผมไม่ใช่เด็กชอบดูการ์ตูนนะครับ”
“ว้า พี่อุตส่าห์ใส่มาอวดเรา” นิฌานพูดอย่างเสียดายสุดแสน ไม่วายคาดหวังปฏิกิริยาจากผมมากกว่านี้ แน่ล่ะ...จงใจทำทีเป็นเปลือยกายใช้กลยุทธ์ชายงาม แล้วเบรกอารมณ์ด้วยกางเกงในลายการ์ตูนเพื่อให้ดูขำขันป้องกันความกระดากอายไม่ให้รุกไล่เกินจริง นับว่าเขาวางหมากมาอย่างดิบดีตามประสาผู้ช่ำชองในการศึก
ผมขี้เกียจเปิดโปงเจตนาไม่บริสุทธิ์ของเขา เลยพับผ้าใส่ไม้แขวนให้เรียบร้อยเป็นการตัดบท
นิฌานเองก็หยิบเสื้อที่ทางทีมงานเตรียมไว้สวมใส่ไม่ยักจะพูดอะไรอีก แต่เชื่อสิว่าไม่ยอมหยุดง่ายๆ แค่นี้แน่...
“น้องเจผูกเนกไทให้พี่หน่อย”
นั่นปะไร...เงียบได้ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ
“มือเป็นง่อยกะทันหันเหรอครับ”
“ไม่ได้เป็นง่อย แต่หมดเรี่ยวหมดแรงกะทันหันอยากสำออยใส่น้องเจ”
งวดนี้เล่นใหญ่จนผมถึงกับพูดไม่ออก ก่อนจะมองเนกไทอย่างครุ่นคิดว่าหากพลั้งมือรัดคอคนตรงหน้าตายไปจะต้องติดคุกกี่ปีกันนะ
“อย่าเพิ่งคิดฆาตกรรมพี่ครับ พี่ล้อเล่น” นิฌานรีบคว้าเนกไทมาผูกเองทันควัน ข้อดีของเขาที่พี่จิเคยบอกคือคนคนนี้มักรู้จังหวะในการเข้าใกล้และผละห่าง บางครั้งเหมือนจะถูกคุกคาม แต่บางทีก็เหมือนไม่ตั้งใจ เพราะอย่างนี้ถึงมีคนตกบ่วงหลายครั้ง
“ผมว่าผมพูดชัดตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะว่าถ้าพี่ฌานคิดจะลองจีบผมเล่นๆ รบกวนลบออกจากสมองด้วย”
โดนหยอดติดกันขนาดนี้ผมชักแกล้งบื้อไม่ไหว
“พี่ไม่ได้จีบ”
นี่เขาคิดว่าผมไอคิวติดลบสองรึไง
“พี่ไม่ได้จีบจริงๆ แต่มันเป็นนิสัยพี่ ถ้าน้องเจไม่คิดอะไร ก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาตรงไหนนี่ครับ” ช่างเป็นคำตอบแถแบบขอไปทีสมฉายาปลาไหล
“งั้นผมขอเรียกค่าจ้างสำหรับรักษาสุขภาพจิตเพิ่ม”
“เรียกเพิ่มพี่ไม่เกี่ยง แต่เปลี่ยนจากค่าจ้างเป็นเลี้ยงอาหารน้องเจจะดีกว่านะ”
ผมกลอกตา นึกอยากโทรสายด่วน 1323 ปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต
เปล่า ไม่ได้จะโทรเล่าเรื่องตัวเอง แต่จะต่อสายส่งให้นิฌานนั่นแหละ!
หลังส่งนิฌานเข้าฉากสำเร็จ ผมก็รู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่เวลาผ่านไปแค่หนึ่งชั่วโมงนับจากมาเหยียบที่บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์...
เพิ่งจะเริ่มงานแท้ๆ นะไอ้เจ อย่าเพิ่งท้อสิวะ!ผมตบแก้มตัวเองเรียกกำลังใจ ก่อนจะถือกระเป๋านิฌานไปหามุมนั่งอยู่ริมสตูดิโอเพราะกลัวเกะกะทีมงานคนอื่นที่เริ่มเช็กสถานที่ถ่ายทำอย่างเคร่งเครียดระหว่างรอนิฌานซ้อมบทสำหรับเตรียมถ่ายทำจริง
พลันรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนกะทันหัน
แผ่นดินไหว? ไม่ใช่! โทรศัพท์ของนิฌานต่างหาก!!
ผมลังเลเล็กน้อยว่าควรจะรับดีมั้ย จะถือเป็นการก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวที่ตกลงกันในสัญญาหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเรื่องงานขึ้นมาล่ะ ตั้งแต่มาถึงที่นี่ผมก็แนะนำตัวแล้วช่วยนิฌานเปลี่ยนชุด ไม่นับว่าทำงานเป็นชิ้นเป็นอันนัก เลยแอบพนันกับตัวเองในใจว่าถ้านับหนึ่งถึงห้าแล้วยังไม่วางสาย ผมจะถือวิสาสะรับแทนเอง
หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...ห้ายังไม่วางแฮะ คนโทรเข้าสงสัยจะมีเรื่องด่วน ขอรับแล้วกันนะไอ้พี่ฌาน!
“สวัสดีครับ ผมเจตริน ผู้จัดการของคุณนิฌานพูดสายครับ”
(( ผู้จัดการ? นิฌานมีผู้จัดการตั้งแต่เมื่อไหร่!? ))
เสียงปลายสายค่อนข้างมีอายุ ตัดเรื่องกิ๊กไปได้เว้นแต่นิฌานจะมีรสนิยมชอบคนสูงวัย แต่จะบอกว่าเป็นเรื่องงาน...ก็ไม่ถูกต้อง เพราะคงไม่มีตัวแทนจากบริษัทไหนถามผู้จัดการดาราด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากเหมือนอยากถลกหนังหัวผ่านโทรศัพท์ขนาดนี้
ผมนึกถึง ‘คนใกล้ตัวที่หวังผลประโยชน์’ อันเป็นปัญหาทันควัน
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ” ผมตอบเสียงเรียบ ในเมื่อไม่ใช่กิ๊กและไม่ใช่งาน งั้นผมก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจมากนัก “ไม่ทราบว่ามีธุระสำคัญรึเปล่าครับ เพราะตอนนี้คุณนิฌานกำลังติดถ่ายโฆษณา ถ้ายังไง...ผมจะให้เขาติดต่อกลับ”
(( ไหนบอกชื่อเธอให้มันชัดๆ อีกครั้งสิ ))
“เจตริน ทองคำดีครับ”
(( มาเป็นผู้จัดการของนิฌานได้ยังไง ))
“คุณคมสันเป็นคนทาบทามครับ”
ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง พร้อมเสียงกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความโฉดชั่ว เอ๊ย ความเก่งกล้าสามารถของเลขาประจำตัวท่านประธานแห่งบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์นั้นทรงอานุภาพกระทั่งหญิงวัยกลางคนยังยอมแพ้ไม่กล้าซักไซ้
“ให้ผมช่วยติดต่อคุณคมสันเกี่ยวกับรายละเอียดการว่าจ้างมั้ยครับ” ผมแสร้งถามเสียงเรียบ จงใจให้อีกฝ่ายรีบๆ วางสายไปด้วยความหวาดกลัวระคนผวา
(( ไม่ๆๆ ไม่ต้องรบกวนเขาหรอก ถ้านิฌานเสร็จงานแล้วให้โทรมาด้วยแล้วกัน ))
“ครับ”
ผมมองโทรศัพท์ในมือที่ถูกตัดสายไปแล้วด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ!
“น้องเจ”
ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อนิฌานเอ่ยเรียกพร้อมเดินเข้าใกล้ด้วยสีหน้าชื่นมื่น
“เห็นที่พี่ฌานซ้อมแสดงเมื่อกี้มั้ยครับ พี่เก่งมั้ย”
“เสียใจด้วย ผมไม่ได้ดู” พูดพลางส่งโทรศัพท์ให้เขา “เมื่อกี้มีผู้หญิงวัยกลางคนโทรมา สอบถามเรื่องผมนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมตอบตามที่เราตกลงกันไว้ไม่บิดพลิ้ว”
“พี่ไว้ใจน้องเจอยู่แล้ว” นิฌานเผยแววตาวูบไหววูบหนึ่งเมื่อเห็นเบอร์ปลายสาย “เก็บโทรศัพท์ก่อนเถอะ ไว้เสร็จงานค่อยโทรไป”
แล้วนิฌานก็ทิ้งตัวนั่งข้างผม
“ผู้กำกับล่ะครับ” เพิ่งมาสังเกตเอาก็ตอนนี้ว่าผู้กำกับหายไป ถึงว่าดาราหนุ่มมานั่งว่างเกาะติดกับผมเป็นตังเม
“เข้าห้องน้ำน่ะ เดี๋ยวจะเริ่มถ่ายทำจริงแล้ว” นิฌานพูดพลางมองผมด้วยแววตาประกายระยับ “คราวนี้น้องเจตั้งใจมองพี่ดีๆ ด้วยล่ะ”
ผมลุกเนียนๆ เดินเนียนๆ ไปหยิบน้ำฟรีประจำกองมาให้นิฌานอย่างเอาใจใส่ ซะที่ไหน...แค่ถือโอกาสปลีกตัว เปลี่ยนมายืนกอดอยู่ข้างเก้าอี้ไม่ให้คนตัวโตนั่งเบียดต่างหาก
“ขอบคุณครับน้องเจ” นิฌานรับน้ำไปถือพลางมองผมด้วยรอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ยอมหยุด ขนาดผมก้มหน้าจ้องพื้นไม่สนใจยังรู้สึกถึงพลังงานชวนขนหัวลุกจากสายตาเขาเลย ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ
“ผู้กำกับมาแล้ว เงยหน้าเถอะ”
ผมเงยหน้า ทันเห็นแผ่นหลังนิฌานเดินเข้าฉากพอดี...ค่อยยังชั่ว ถ้าเจอสายตากรุ้มกริ่มจ้องทะลุกระดูกนั่นอีกผมต้องยั้งมือไม่ไหวต่อยหน้าเขาแน่ๆ นับว่าอีกฝ่ายกลับตัวทัน หรือไม่ก็พอเดาอารมณ์ผมได้ถึงรีบชิ่งซะก่อน
เดี๋ยวหยอก เดี๋ยวหยุด เดี๋ยวรุก เดี๋ยวหนี
ผมมองแผ่นหลังนั้นอย่างประเมินจนเผลอเคาะนิ้วกับต้นแขนโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่เสียงโทรศัพท์สั่นจะดังขึ้นอีกครั้ง หลังนับหนึ่งถึงห้ายังไม่วางผมก็กดรับอีกตามเคย แต่ไม่ทันได้พูดอะไรก็โดนแทรกขึ้นมาก่อน
(( นิ...ฌาน...กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ))
ผมยืนนิ่ง ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะมีสติดูหน้าจอโทรศัพท์ที่กดวางไปแล้วด้วยความสยดสยอง
น้ำเสียงครางกระเส่ากึ่งโหยหวนต่อท้ายด้วยพลังทำลายล้างจนหูชานั้นต้องไม่ใช่เรื่องงาน ไม่ใช่คู่อริเจ้าเก่าเจ้าเดิม และไม่ใช่กิ๊กอย่างแน่นอน
ไม่สิ...อาจจะเป็นกิ๊กที่ถูกทิ้ง?
แต่นิฌานปลาไหลตัวพ่อขนาดนั้น ต้องมีวิธีพูดกล่อมดีๆ ให้ยอมรับได้อยู่แล้ว จะมีใครพยาบาทอาฆาตขนาดโทรมากรี๊ดใส่กันเลยเหรอ ผมนึกออกอย่างเดียวคือพวกแอนตี้แฟน แต่...แอนตี้แฟนขั้นไหนกันถึงมีเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวดาราด้วย!?
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ผมตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋านิฌานอย่างสงบ
ก่อนจะหลับตานั่งสมาธิ ขอให้ธรรมะช่วยขจัดภัยพาลแก่ลูกด้วยเทอญ โอม...
----------------
น้องเจผู้เจออะไรก็ไม่หวั่น เจอคนกรี๊ดใส่ทีถึงกับนั่งสมาธิ 5555
ครอบครัวทองคำดีนั้นค่อนข้างธรรมะธรรมโม เจเองถึงจะรับมือกับผู้ไม่หวังดีมาเยอะแต่ไม่เคยเจอเคสโรคจิตอย่างนี้เลยไปไม่เป็นเหมือนกัน มาเอาใจช่วยน้องกันด้วยนะคะ ตอนนี้โดนหยอกโดนแหย่ไปซะเยอะ แต่ยังปลอดภัยดีครบสามสิบสอง!!!
#JustUnotUs
เพจนักเขียนที่ส่งพลังใจปลอบขวัญน้องเจ