** รบกวนนักอ่านทุกท่านอ่านทอร์คด้านล่างด้วยค่า **
HEAVY WEIGHT: 17 KG. [100%]
“กูถามอะไรได้มั้ย?” ไอ้ปองกุลทำหน้าตาเสือกเต็มที่จนผมเบ้ปาก เรื่องเสือกขอให้บอกครับ
“เออ...ว่า?” ผมกำลังไถโทรศัพท์ดูรอบหนังที่กำลังเข้าฉายในโรงพอดี ผลักใบหน้ามันออกไปไกลๆหนอย
“มึงคบกับไอ้ชะรีฟใช่มั้ย?”
ผมเงยหน้าขึ้นมองมันที่กำลังตาวาววับด้วยความเสือกสุดๆ หันกลับมามองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง คราวนี้ผมไม่ได้สนใจกับรอบหนังที่กำลังจะกดจองแต่อย่างใด ในหัวมันกำลังเกิดเป็นควันขมุกขมัวที่ผมก็มองไม่เห็นคำตอบ
“อืม นั่นสินะ” ผมปัดเขม่าควันพวกนั้นออกไปเพราะผมรู้สึกว่าบางทีมันก็ไม่ต้องหาคำตอบก็ได้มั้ง ผมมีความสุขกับปัจจุบันที่เป็นแบบนี้ มันดีแล้วจริงๆครับ
“อ้าว...” มันยังซักต่อแต่ผมก็ทำแค่ยักไหล่ แล้วกดจองรอบหนังลงไป
“เลิกถาม สรุปมึงจะดูมั้ยหนัง” รำคาญไอ้แห้งเดี๋ยวปั๊ดกระโดดทับแม่ง
“เออ ดูๆ” ผมเลยให้มันเอาไปกดจองที่นั่งที่อยากนั่ง ตัดเงินผ่านบัตรเรียบร้อยผมก็ค่อยเรียกเก็บเงินสดจากบรรดาลูกหนี้ทั้งหลาย
สารถีสุดหล่อมารับถึงหน้าคณะเลยครับ ผ่านมาหลายวันที่แผลไอ้โรห์เริ่มดีขึ้น ผมถามว่ามันต้องไปตัดไหมเมื่อไหร่มันบอกว่าอีกสองสามวันตามหมอนัด ผมเลยบอกเดี๋ยวจะไปเป็นเพื่อน
“ขอบคุณครับ” มันหันมายิ้มตาเยิ้มใส่ผม แน่นอนว่าใจก็เต้นเป็นอุงกาอุงก้าไปสิครับ แต่…
“เฮลโหลวว เห็นหัวกูบ้างมั้ย?” เสียงแหลมน่ารำคาญดังมากจากคนที่นั่งข้างหลัง คีลมู๊ดเหี้ยๆเลยครับ
ไอ้แขกถึงกับอมยิ้มส่วนผมก็ทำปากหมุบหมิบ จนมือใหญ่สีนน้ำผึ้งค่อยๆเอื้อมมาจับมือนุ่มนิ่มของผมไว้แล้วบีบเบาๆ เฮ้ย...เดี๋ยวไอ้ปองกุลมันก็ตาร้อนเป็นไฟอีกเหรอ
ช่างมันเถอะ ผมก็เขินนิดหน่อยนะแต่มันก็รู้สึกดีจนยอมให้หน้าตัวเองขึ้นสีแดงเป็นแป๊ะยิ้มและปล่อยให้ไอ้ปองกุลมันนั่งสำลักน้ำลายต่อไป ไม่รู้อะไรติดคอ กระแอมอยู่ได้!
ไม่เคยคิดว่าไอ้ปองกุลจะเป็นก้างขวางคอจนกระทั่งวันนี้เลยนะเนี่ย…
“เอ้า เชิญคู่รักนั่งก่อนเลยครับ” มันทำเสียงกวนตีนตอนที่เราทั้งสามเข้ามาในโรงหนังแล้ว ทำเป็นผายมือให้ผมกับไอ้โรห์เข้าไปนั่งข้างกันแล้วมันค่อยนั่งปิดท้ายครับ
ผมก็ไม่ขัดศรัทธามัน เดินเข้าไปนั่งก่อนเลยครับตามมาด้วยไอ้โรห์และปิดท้ายด้วยไอ้แห้ง กอดถังป๊อบคอร์นเอาไว้กับตัวส่วนแก้วน้ำวางเอาไว้ที่หลุมวางแก้ว เป็นเซ็ทแบบพิเศษที่ผมอ้อนวอนขอไอ้โรห์ ส่วนหนึ่งคืออยากได้แก้วน้ำที่ทำเพื่อโปรโมทหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ผมควักป๊อบคอร์นเข้าปากเป็นพักๆ ยื่นไปให้ฟาโรห์ที่นั่งข้างๆ ส่วนไอ้ปองกุลไม่ต้องห่วงนะครับเพราะมันก็ซื้อเองอีกเซ็ทด้วยความอยากได้แก้วเหมือนกัน มีแต่ไอ้แขกนี่แหละครับที่ไม่ได้ชื่นชอบเป็นพิเศษ แถมมันยังบอกว่ามันไม่ให้ผมกินข้าวโพดคนเดียวทั้งกระป๋องด้วย
อ้าว...อะไรวะ? ขนาดไอ้ปองกุลมันยังกินคนเดียวได้เลยอะ ทำไมหนูพุกจะกินคนเดียวบ้างไม่ได้ล่ะเนี่ย ไม่เข้าใจโคตร
หนังเปิดตัวมาก็น่าตื่นเต้นจนลืมกินป๊อบคอร์นไปเลยครับ เสียงดังสนั่นโรงจนผมถึงกับสะดุ้ง ขยับเบียดตัวเองกับพนักเก้าอี้ รู้ว่าเบียดไอ้โรห์แหละครับแต่ว่าทำไงมันตื่นเต้นมาก นั่งไปนั่งมาผมแทบจะเอนพิงร่างกายกับต้นแขนแกร่งตลอดเวลา
มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ผมล้วงมือเข้าไปในถังป๊อบคอร์นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ของมันก็ล้วงเข้ามาในถัง มือผมแตะกับมันอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเลยให้ผมเป็นฝ่ายหยิบข้าวโพดก่อนแต่ตอนที่ผมกำลังจะเอาเข้าปาก มืออุ่นกลับดึงมือเอาไว้ ถึงกับต้องหันขวับไปมองมันตาโต
ท่ามกลางความมืดแต่ผมกลับเห็นนัยน์ตาคมหวานมันชัดเจน ที่แน่ๆตอนนี้ตัวละครในหนังกำลังคิดถึงความหลังผ่านกระจกเงาอย่างโรแมนติก ตอนนี้ผมต้องโฟกัสที่นั่งสิ ไม่ใช่จับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับมือตัวเองที่โดนมันดึงเข้าหาไอ้หล่ออย่างช้าๆ
ริมฝีปากได้รูปงับข้าวโพดคั่วจากมือผมเข้าปากเคี้ยวช้าๆ แต่ยังไม่ยอมละสายตาจากผมสักวินาที แอร์ในโรงหนาวแต่ผมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนระอุเหมือนเตาอบ ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกริมฝีปากพรมจูบเบาๆที่ปลายนิ้วอย่างอ้อยอิ่ง พอได้สติก็รีบชักมือตัวเองกลับมากุมไว้
ผมกำลังแย่ครับ...ร่างกายมันแปลกไปด้วย ทั้งก้อนเนื้อข้างซ้ายที่ทำงานหนัก หัวใจเต้นจนจะทะลุออกมา อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นไปทั่วร่างกาย ผมมองปลายนิ้วชี้ที่ยังทิ้งรอยสัมผัสแผ่วเบาเอาไว้ อยากจะด่ามันแต่ติดว่ายังอยู่ในโรง
กลัวคนอื่นเห็นแต่ตอนนี้ทุกคนสนใจที่หน้าจอยักษ์ คงไม่มีใครทันสังเกตุว่าผมหน้าแดงเป็นหมูหันไปถึงไหนต่อไหน
คราวนี้พอผมล้วงมือเข้าไปในถังป๊อบคอร์นอีกครั้งไอ้โรห์มันก็ล้วงเข้ามาพร้อมกัน...อีกแล้วเหรอวะ! มันจับมือผม ตัวใหญ่โตของมันเอี้ยวมากระซิบที่ข้างหู
“พุกกินเยอะแล้วนะ...”
ข้าวโพดยังไม่พร่องเลยสักนิด มึงมีหน้ามาบอกกูอีกว่าแดกเยอะ ไอ้แขก!
ตลอดหนังทั้งเรื่องมือผมอุ่นจนร้อนเพราะโดนคนข้างๆกุมมือเอาไว้ในถังป๊อบคอร์นไม่ยอมปล่อย ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมออกจากโรงมาแล้วกลิ่นชีสถึงได้ติดมือตลอดเวลา
“อ้าว ข้าวโพดเหลือเยอะแยะ” ขณะที่กำลังเดินออกจากโรง ไอ้ปองกุลชะโงกหัวมามองกล่องป๊อบคอร์นในมือของไอ้โรห์
ผมกลั้นลมหายใจอย่างไม่รู้ตัว เฉไฉไม่ยอมสบกับดวงตาคมหวานเยิ้มคู่นั้น
ไอ้โรห์แม่งขยันทำผมรู้สึกเหมือนตัวจะระเบิดทุกทีเลย
หลังจากดูหนังเสร็จ พวกผมตัดสินใจกลับกันเลยเพราะเริ่มขี้เกียจเดินห้างแล้ว ถ้าตามปกติแล้วหอผมกับไอ้แห้งมันอยู่ระแวกเดียวกันนั่นแหละแต่ว่าเดี๋ยวนี้แถบจะจำทางกลับหอตัวเองไม่ได้แล้วเนี่ย
“งั้นกูไปละ” ไอ้ปองกุลมันล่ำลาตอนที่รถมาจอดที่หน้าหอมันพอดี
ผมนี่ได้แต่มองทางเข้าหอของตัวเองที่ถัดไปไม่ไกลอย่างอาลัยอาวรณ์
ไอ้โรห์...ปล่อยกูกลับบ้านมั่ง
แต่ไอ้แขกมันก็แจกยิ้มพิฆาตมาให้หน้าตาเฉย บอกตามตรงว่าปฏิเสธไม่ได้จริงๆครับ พลังทำลายล้างมันสูงมาก แค่มันหันมายิ้มตาเยิ้มทีเดียวผมก็หัวหมุนนั่งเป็นไอ้บื้อมาจนถึงคอนโดมันอีกจนได้
เจ็บใจชะมัด!
เลยแกล้งเอาพุงเบียดแขนมันตอนที่กำลังเดินเข้าห้องพอดี ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มหัวเราะเบาๆตามหลังแล้วไอ้โรห์มันให้ผมไปอาบน้ำก่อน
“มึงอาบก่อนก็ได้นะ” เสียสละให้เจ้าของห้องเป็นมารยาทครับ
“ไม่เป็นไร ไปอาบเถอะ”
“อาบกับกูแมะ?” ผมแกล้งทำเสียงล้อเลียนมันพร้อมกับขยิบตาให้ ปกติผมก็มีแกล้งมันแบบนี้เป็นบางครั้งบางคราว
แต่เหมือนคราวนี้ผมกำลังขุดหลุมระเบิดใส่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวเลยครับ นัยน์ตาสีเข้มเบิกกว้างขึ้นก่อนที่ไอ้แขกมันจะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ผมถึงรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรไป
ฉิบหายอย่างไม่ต้องหาอะไรเลยครับ!
“เอ่อ...กูไปอาบก่อนละกัน” รีบคว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมพุ่งไปที่ประตูน้ำ
แต่กลับโดนมือใหญ่คว้าต้นแขนเอาไว้แน่นพร้อมกับกับดึงเข้าไปปะทะกับแผ่นอกแข็ง จมูกกระแทกจนผมร้อง
“ไหนว่าจะอาบด้วยกันไง...” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ลมหายใจร้อนที่เป่ารดทำให้ผมย่นคอ ขนลุกซู่ไปทั่วร่างกาย พยายามขยุกขยิกเพื่อให้ตัวเองหลุดออก แต่ไอ้แขกมันกลับยิ่งเอาแขนรัดผมแน่นขึ้นไปอีก
ตอนนี้เลือดทุกเม็ดวิ่งมากองที่ใบหน้าผมอย่างพร้อมเพรียงเลยครับ กัดปากแน่น ก้มหน้าไม่ยอมสบตาคมเข้มที่ฉายแววระยิบระยับ
“ม...ไม่เว้ย” หนูพุกตายเพราะปากจริงๆเลยครับ อย่ามาทำตาเยิ้มแบบนั้นนะไอ้แขก
ผมรีบใช้ตัวนุ่มนิ่มของตัวเองเบียดแซะแผ่นอกแข็งปักของอีกฝ่าย อาศัยจังหวะที่มันเผลอสะบัดแขนวิ่งแน่บไปห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงหัวเราะดังตามหลังมาด้วยครับ
“เดี๋ยวโรห์ตามเข้าไปนะ” มันตะโกนบอก
“ไม่ต้องเลยเว้ย”
แม่ง...หัวใจผมจะหลุดออกมาข้างนอกแล้วมั้งเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเมื่อก่อนผมไม่เคยเขินมันขนาดนี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้มันแตะนิดแตะหน่อยผมก็แทบไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว
ตอนอาบน้ำก็ต้องเหล่มองทีประตูตลอดเลยว่ามันจะบ้าจี้เข้ามาอาบตามที่มันพูดเอาไว้หรือเปล่าแต่ก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อแม้จะอาบเสร็จแล้วก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะเข้ามาแต่อย่างใด แต่ก็ดีแล้วครับ…
ขืนมันเข้ามาเห็นผมตอนแก้ผ้า...เอ่อ...ไม่อยากจะคิดว่ามันจะทุเรสลูกตามากแค่กันนะ
ปกติถ้าคนหุ่นดีเขาก็คงมีดีอะไรให้โชว์ แต่หุ่นอย่างผมนี่จะเอาอะไรไปโชว์ดีเนี่ย
...ระบำหน้าท้อง?...
เอ้า! ส่ายเอว...ส่ายตูดหน่อย
พรืด!! แค่คิดก็สงสารไอ้โรห์ขึ้นมาทันทีเลยเนี่ย
ผมแอบเหล่ใบหน้าคมคายที่ยิ้มบางๆให้ตอนมันเดินผ่านผมไปอาบน้ำ แม้ว่าตอนนี้ผมจะทำตัวเหมือนปกติดีทุกอย่าง แต่ผมรู้ดีเลยว่าข้างใจลึกผมไม่เคยหยุดกังวลได้เลยสักนิดเดียว บอกจากใจเลยว่าทุกครั้งที่ผมคิดถึงเรื่องมัน...มันเหมือนมีตะกอนจางๆที่ตีขึ้นมาในจิตใจของผมตลอดเวลา
ไม่รู้ว่าอย่างนี้เขาเรียกว่างี่เง่าไปเองหรือเปล่า แต่เชื่อเถอะครับ...ถ้าใครชอบคนที่เขาดูดีกว่าเรา เราจะกังวลเสมอว่าเราเหมาะสมกับเขาหรือเปล่า ถึงเราสองคนจะใจตรงกันแต่ผมกลับไม่มีความมั่นใจเลยว่าผมสามารถเดินเคียงข้างมันได้อย่างภาคภูมิใจ
ใครๆก็ไม่รู้ชอบบอกว่าความรักคือเรื่องของคนสองคน...คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเราก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาพสังคมภายนอกก็ยังมีส่วนที่ทำให้ต้องดำเนินชีวิตเหมือนกัน
“พุก...”
ผมพาตัวเองออกจากความคิดจิปาถะพวกนั้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเรียก ร่างสูงนั่งลงข้างๆผมก่อนที่จะจับมือผมเอาไว้ คลึงเนื้อนุ่มนิ่มไปมา
“คิดมากอะไรอีกแล้วหรือเปล่า?”
คำถามนี้ทำให้ต้องหันไปสบดวงตาคมเข้ม ฟาโรห์ดูไม่สบายใจ ผมเม้มปากก่อนจะยิ้มให้มัน
“อืม...นิดหน่อย” พูดพร้อมกับกระชับมือมันเอาไว้แน่น “คิดว่าเป็นพุกน่ะดีแล้วใช่มั้ย...สำหรับโรห์”
“ทำไมถึงยังคิดแบบนี้อีกแล้ว” พ่อยอดชายทำเสียงเข้มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง คิ้วเข้มขมวดมุ่นจนผมเม้มปากแน่น “โรห์มันเป็นคนไม่น่าเชื่อใจขนาดนั้นเลยเหรอ” แล้วมันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
มือใหญ่ค่อยๆคลายมือออกมาจากมือ ผมผวารีบคว้ามือมันกลับมาจับไว้แน่น สอดนิ้วเกี่ยวกับนิ้วมัน รีบส่ายหน้า หัวตาเริ่มร้อนผ่าว
“ร...โรห์” ผมพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น
ผมใจเสียเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจอีกครั้ง ผมกลัวมันเบื่อผม...เบื่อที่ผมเป็นขี้กังวล โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคน
“เชื่อใจฉันบ้างแล้วก็เชื่อมั่นในตัวเองหน่อยนะ” เสียงทุ้มพูดเสียงแผ่ว
ผมมันบ้าฉิบหายเลย! งี่เง่าไร้สาระไม่เข้าเรื่องเลยไอ้หนูพุก!!
ขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนหน้าผากของเราสองคนแนบติดกัน ลมหายใจของเราสองคนผสมปนเปกันไปหมด ผมเป็นฝ่ายคล้องคออีกฝ่ายเข้ามาใกล้จนปากเราแตะกันแผ่วเบา
ความนุ่มหยุ่นแต่รู้สึกเหมือนสมองโล่งไปหมด อ้อมแขนแกร่งกระชับตัวผมเข้าไปจนแทบไม่เหลือช่องว่างใดๆ จากการจูบแบบเงอะงะของผม ไอ้แขกมันก็เปลี่ยนมาเป็นคนนำแทน
ผมเกร็งตัวเมื่อลิ้นร้อนๆค่อยๆเล็มที่ริมฝีปากไปมาเหมือนจะขออนุญาต ผมค่อยๆเปิดปากให้ฟาโรห์รุกล้ำเข้ามา
เป็นครั้งแรกจริงๆที่ผมโดนจูบจนร่างกายแทบจะเหลวเป็นน้ำขนาดนี้ เบียดตัวเข้าหาอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล กดท้ายทอยของพ่อยอดชายให้เข้ามาใกล้ขึ้นอีก
ไอ้โรห์มันค่อยๆถอนจูบขณะที่ผมกำลังหัวเบลอคิดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนโดนมันพาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า...อา...เมฆขาวปุกปุย
จมูกโด่งกดลงแผ่วเบาที่ช่วงลำคอของผมจนสะดุ้งโหยง ได้สติร้องเรียกมันทันที
“โรห์!”
“ชู่ว...” ผมพยายามดันตัวมันออก แต่กลับโดนรัดแน่นกว่าเดิม “เป็นเด็กดีนะ...”
แค่ประโยคสั้นๆทำให้ผมหยุดนิ่ง ปล่อยให้อีกคนขยับจมูกไปที่ลำคออีกฝั่ง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่ได้ มันแปลกๆ ฝ่ามือร้อนค่อยๆลูบไล้ไปตามร่างกาย ตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงหน้าท้อง
อื้อ! พุงวันแพ็ค!!
“โรห์ อ...อย่า” รีบคว้ามือมันเอาไว้ก่อนที่มันจะสอดมือเข้าไปเจอกับห่วงยางใต้เสื้อผม
ผมพอจะรู้ว่าถ้าปล่อยต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ผมรู้สึกว่าไม่อยากให้มันเห็น บอกตรงๆผมกลัว…
“ไม่เป็นไรนะครับ...” เสียงทุ้มเบาเหมือนกระซิบ “นะ...ไม่เป็นไรนะ...”
ผมรู้สึกว่ามือมันหมดแรงไปดื้อตอนที่สบกับนัยน์ตามคมหวายหยดย้อยคู่นั่น กลั้นหายใจเมื่อฝ่ามือใหญ่ลูบที่พุงแผ่วเบา ผมสะดุ้งหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อไอ้แขกมันขย้ำเนื้อแน่นๆของผมโดยไม่ให้ผมตั้งตัวใดๆ
แม่ง! มือไวไปไหน ตั้งแต่อาบน้ำได้คนเดียว อาม่าก็ไม่เคยมาถูกขี้ไคลให้ผมอีก เลยไม่มีใครลูบคลำ แต่ตอนนี้ไอ้แขกมันกำลังทำให้ผมเป็นบ้า
“เฮ้ย...” ผมตาเหลือกเมื่อนิ้วเรียวยาวของมันสะกิดเม็ดเล็กๆบนหน้าอกผม
ผลัก!!!
ไม่รู้ว่าผมไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ผลักร่างสูงใหญ่จนมันผงะออกไป ผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ตัวเกร็งและสั่นเบาๆ
“พุก...” เสียงทุ้มของไอ้ฟาโรห์ฟังดูอ่อนแรง ผมกัดริมฝีปากแน่นจนชาไปหมด
ผมเห็นนัยน์ตาคมเข้มมันฉายแววตกตะลึง มันจะคิดว่าผมรังเกียจมันอีกหรือเปล่านะ...ทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด
ผมแค่กลัว…
ใครจะพูดอะไรก็ตามเกี่ยวกับรูปร่างผมผมกลับเฉยๆ แต่พอเป็นมันแล้วผมกลับไม่อยากให้มันเห็นรูปร่างใต้ร่มผ้าเท่าไหร่เลย มันน่าเกลียดแน่ๆ ไม่ต้องไม่โอเคแน่นอนเลยครับ
“ฮึก...กู...ขอโทษ” พยายามจะพูดออกไปแต่กลายเป็นว่าผมจะร้องไห้ขึ้นเสียอย่างนั้น
ความมั่นใจที่เคยมีมันเริ่มหดหายไปเรื่อยๆ ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆขยับเข้ามาหาผมอีกครั้ง มันชะงักไปครู๋หนึ่งตอนที่ใกล้จะสัมผัสกับไหล่ของผมแต่สุดท้ายมืออุ่นข้างนั้นก็ลูบปลอบผมเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะ...โรห์ขอโทษ” ผมส่ายหน้าระรัว มันไม่ใช่ความผิดโรห์เลยสักนิด มันเพราะผมหมดความมั่นใจกับตัวเองต่างหาก “ขอโทษครับ...”
มันพูดซ้ำอยู่อย่างนั้นจนผมน้ำตาไหลอาบใบหน้า ร่างสูงใหญ่เขยิบหนีออกไปเล็กน้อยแต่ฝ่ามือมันยังคงลูบไหล่ผมไม่หยุด
ทั้งที่เราเพิ่งจะเข้าใจกันได้ไม่นาน แต่ผมกลับรู้สึกว่า...มันกลับค่อยๆห่างผมออกไปอีกแล้ว
ทั้งคืนนั้นผมนอนไม่หลับแม้จะง่วงมากแค่ไหนก็ตาม ผมนอนกระสับกระส่ายและสมองก็คิดเรื่องบางอย่างทั้งคืนจนรุ่งเช้า
ผมเกลียดตัวเองในตอนนี้ชะมัด!
ผมตื่นมามหาวิทยาลัยด้วยสภาพเหมือนศพหมีแพนด้า ทั้งตาบวมตุ่ยเพราะทั้งร้องไห้และไม่ได้นอน ไอ้ปองกุลถึงกับผงะตอนเจอหน้าผมเดินเข้ามาที่คณะ
หลังจากเรื่องเมื่อคืนทำให้ผมสติแตก ตอนเช้ามาฟาโรห์ยังดูเป็นห่วงความรู้สึกผมอยู่ แต่สิ่งที่ผมจับความรู้สึกมันได้ก็คือ...มันก็ดูเสียศูนย์กับเรื่องเมื่อคืนเช่นกัน แม้ว่าผมจะพยายามทำให้บรรยากาศมันเป็นเหมือนเดิมแต่ดูยังไงก็็ฝืนทำชัด
ฝืนทั้งผมและมัน…
“เป็นอะไรวะ ทำหน้านิ่ว” เสียงไอ้เพื่อนแห้ง ผมหันไปมองมันแล้วเบ้ปาก อยู่ๆก็อยากจะให้พุงห่วงยางของตัวเองมันกลายเป็นเอวผอมๆเหมือนไม้เสียบผีแบบไอ้ปองกุลขึ้นมาทันที
เฮ้อ! ตอนนี้สิ่งที่ผมทำได้ไม่ใช่แค่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธ์หรืออะไรทั้งสิ้น มีแต่ต้องพึ่งตัวเองนี่แหละ!
หนูพุกคนนี้ตัดสินแล้วว่า...
“กูจะลดน้ำหนัก” ผมโพล่งขึ้นมาอย่างมั่นใจ
ไอ้ปองกุลเกือบทำโทรศัพท์ร่วงลงพื้น มันรีบเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง
“ว๊อทททท” แหม...ว๊อทเป็นฝรั่งเชียวนะมึง…
“อะไร? ทำหน้าเหมือนเห็นผี” แม่ง...แค่จะลดน้ำหนักเอง ทำเป็นตกใจไปได้
“ม...มึง...มึงๆ” ไอ้ปองกุลติดอ่าง “อย่างมึงเนี่ยนะ???”
“เออ น้ำหน้าอย่างกูนี่แหละเว้ย!” ผมตั้งมั่นกับตัวเอง “หนูพุกจะลดน้ำหนักให้ได้ภายในหนึ่งเดือน!” ประกาศเสียงกร้าว หน้าตามุ่งมั่นสุดๆ
ไอ้เพื่อนกุ้งแห้งเยอรมันยังคงทำหน้าเหลือเชื่อต่อไปครับ
“อยู่ๆมึงคึกอะไรขึ้นมาวะ”
“กูก็แค่...อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง” ผมพยายามหาเหตุผลที่เป็นกลางมากที่สุด
ใครจะอยากบอกว่ากลัวไอ้ฟาโรห์มันเป็นลมไปซะก่อนตอนที่เห็นสารรูปพุงย้วยกันเล่า!
ไอ้ปองกุลหรี่ตาอย่างจับผิด ทำหน้าเป็นเหมือนนักสืบ...ถึงตัวจะเป็นผู้ใหญ่แต่สมองยังเป็นเด็ก...ประมาณนั้นเลยครับ
“โอเค กูจะพยายามเชื่อ” อย่ามาทำตัวมีสมองเป็นผู้ใหญ่เวลานี่นะไอ้ปองกุล ผมเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ว่าแต่...กูควรจะเริ่มไงดีวะ?” ผมเสิร์ชมาหลายวิธีมากเลยครับ ทั้งแบบลดแป้งลดน้ำตาล ออกกำลังกาย กินคลีน ไปจนถึงลดอหารเลยหรือไม่ก็กินยาลดน้ำหนัก
“ถ้ามึงตั้งใจแล้ว ปองกุลคนนี้จะช่วยมึงเองเพื่อน!” มันพูดพลางตบอกแบนๆของตัวเองดังปักๆจนผมรู้สึกว่ามันจะช้ำในมั้ยวะ
ไอ้ปองกุลเพื่อนรักมันช่วยผมเสิร์ชหาในเน็ตทุกเว็ปที่คิดว่าดี คิดว่าโดนแน่นอน แต่ยังมีสิ่งที่ผมต้องเตือนมันอีกหนึ่งเรื่อง
“แล้วทำไมมึงถึงไม่อยากให้ไอ้โรห์รู้ด้วยวะ” มันทำหน้างงตอนที่ผมบอกว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้โรห์เด็ดขาด
“เออน่า...กูขอแค่นี้แหละ” บางครั้งก็อยากจะลดน้ำหนักเงียบๆบ้างได้มั้ยวะ
ไอ้ปองกุลยังคงทำหน้าเหมือนหมาขี้สงสัยแต่สุดท้ายก็ยอมล่าถอยกลับไป ไม่ถามอะไรให้มากความ
ผมเริ่มวิถีการลดน้ำหนักฉบับหนูพุกในอาทิตย์ถัดมาครับ ตอนแรกไอ้โรห์ถึงกับตาค้างตอนที่ผมบอกมันว่า…
“วันนี้ข้าวเช้าพุกขอแค่ไข่ต้มนะ” มันทำหน้าสงสัย ผมเลยรีบบอกว่าเมื่อวานกินเยอะไปหน่อย เลยรู้สึกเหมือนอาหารไม่ย่อยเท่าไหร่ มันก็พยักหน้าเออออแล้วต้มไข่ต้มมาเผื่อผมสองใบ
แต่ขอบอกเลยครับว่าแม่งโคตรยาก ยากฉิบหาย ยากจนจะตายให้ได้ วันแรกๆผมหิวหน้ามืด ตอนเช้ากินแค่ไข่ต้มไม่ก็โยเกิร์ต ตอนกลางวันผมกินแค่ฟักทองต้มกับสลัด ตอนเย็นกินผลไม้ ไม่คิดว่าแค่ลดน้ำหนักชีวิตจะยากลำบากขนาดนี้ นับถือคนที่เขาลดได้เลยครับเพราะตอนนี้ผมแทบจะเหี่ยวแห้งตายเป็นซากหนู
“มึง...กูจะตายแล้ว” ตอนนี้บ่ายสามแล้วผมก็หิวมาก หิวจนแสบไส้ ได้แต่คดตัวฟุบหน้าลงกับโต๊ะเรียนนิ่งๆ ไม่อยากจะขยับไปไหนมาไหนเพราะกลัวเสียพลังงานจากอาหารที่กินย่ชาไส้ไปตอนกลางวัน
“มึงต้องอดทนนะเว้ย” แม่งปากบอกให้กูอดทนแต่มึงมานั่งแดกโตเกียวให้กูเห็นนี่นะ ไอ้เพื่อนชั่ว!
“เออๆ อดทนๆ” ท่องไว้ว่าเพื่อไอ้โรห์ๆ ได้แต่สะกดจิตตัวเองทุกวี่ทุกวัน
กัดฟันทำวิธีนี้ไปได้หนึ่งอาทิตย์ แน่นอนว่าพยายามอย่างมากไม่ให้ไอ้โรห์เห็นเพราะวันไหนที่มีเรียนเช้าผมก็บอกมันว่าจะออกไปกินกับไอ้ปองกุล บางวันก็ขอมันกลับไปนอนหอตัวเองบ้าง อ้างว่างานเยอะ ต้องอ่านหนังสือสอบ แรกๆมันก็ทำท่าจะไม่ยอมแต่สุดท้ายมันก็ไม่ว่าอะไรครับ ผมคิดว่ามันอาจจะกลัวว่าผมจะอึดอัดกับสิ่งมันที่มันเคยทำไว้วันนั้น
ขอโทษนะโรห์...รอกูอีกนิดนะ...
และผมก็ตัดสินใจทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเองนั่นก็คือก้างขึ้นเหยียบตาชั่งน้ำหนัก
เลขดิจิตอลที่โชว์อยู่ที่หน้าปัดทำให้ผมเบิกตา…
ฉิบหาย!
น้ำหนักลดลงมาสองกิโลกรัม!
- 100% -
สวัสดีค่า
ขออภัยที่หายไปนานนะคะ มัวแต่หายไปปั่นต้นฉบับเรื่องนี้มา ตอนนี้อ่านแล้วมีเรื่องขอชี้แจงเกี่ยวกับยัยหนูอ้วนสักเล็กน้อยเพื่อไม่ให้หลายๆท่านรำนางค่ะ
ช่วง2-3ตอนหลังที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าหนูพุกจะเริ่มงี่เง่า (ขออนุญาตใช้คำนี้เลย) ขึ้นแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันมีเหตุผลนะคะ เนื่องจากอาโปลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นหนูพุกแล้วมีคนหล่อแบบโรห์มาชอบมันต้องวิตกจริตเป็นธรรมดาว่าเราเหมาะกับเขาจริงๆเหรอ ทำให้มันกลายเป็นกังวลในทุกเรื่องแล้วอีกอย่างคือเป็นชาย-ชายแล้วด้วยมันยิ่งทำให้กังวลกว่าปกติค่ะ อาโปพยายามอยากจะสื่อว่ามันไม่ใช่แค่รักกันแล้วจะจบไป ชีวิตจริงของคนเรามีเรื่องให้คิดให้กังวลร้อยแปดพันเก้า แล้วยัยหนูอ้วนดันคิดมากอีกด้วยเลยทำให้นางงี่เง่ากับพ่อยอดชาย
ตอนนี้หนูพุกเริ่มอยากจะลดน้ำหนักแล้ว แต่จะสำเร็จมั้ยคอยติดตามตอนต่อไปนะคะ (แอบใบ้ว่าต่อให้อ้วนต่อไปพี่โรห์เขาก็ไม่แคร์หรอกค่ะ แต่ที่ห่วงที่สุดคืออยากให้หนูพุกสุขภาพดีเฉยๆค่ะ)
ตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายที่นางจะงี่เง่าแล้วเพราะตอนหน้าโรห์จะมาเครียร์ปัญหาทุกอย่างให้จบค่ะ หากอ่านแล้วตอนนี้นังหนูมันทำตัวรำก็ขออภัยด้วยนะคะ ขออภัยที่อาจจะทำให้นักอ่านไม่ถูกใจกับนังหนูเวอร์ชั่นงี่เง่า อดทนนางอีกนิดเดียวเท่านั้นค่ะ (ปกติไม่เคยเขียนตัวละครให้งี่เง่าขนาดนี้ ฮ่าๆ น้องเจ้าขาก็น่ารักเรียบร้อย ส่วนน้องนมก็เด๋อสุด)
อ่านแล้วมีคอมเม้นท์หรือฟี๊ดแบ็กสามารถบอกอาโปได้เลยนะคะ อ่านทุกคอมเมนท์เลยค่ะเพราะคือกำลังใจให้อาโปเขียนงานต่อไปเรื่อยๆ
ขอบคุณมากที่สนับสนุนกันมาโดยตลอด
ปล. ต้องขอแจ้งล่วงหน้าว่าเรื่องรักหนักมากออกไม่ทันงานหนังสือมีนาคมที่จะถึงนี้นะคะ เนื่องจากอาโปล่าช้าเองค่ะ ขออภัยจริงๆค่ะ