ตอนที่ 45. วันพ่อแห่งชาติ
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากกลับมาจากรุงเทพคือ มีคนทักแต้มเยอะขึ้น นั่นเป็นเพราะรูปที่ทางอาจารย์และรุ่นพี่อัดไว้ติดที่บอร์ดกิจกรรมของโรงเรียน มิหนำซ้ำอาจารย์ใหญ่ยังประกาศรายชื่อนักแสดงทุกคนและให้ออกมายืนเรียงกันที่หน้าเสาธงเพื่อชื่นชมผลงานของคณะทำงานที่มีทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ชายหญิงถ้วนหน้าเนื่องจากงานนี้เป็นงานใหญ่ระดับประเทศ การแสดงของคณะทำงานชุดนี้เรียกว่าโดดเด่นจนมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐมาเชิญนักแสดงไปเปิดงานพ่อขุนเม็งรายที่จะมีในสิ้นปีอีกด้วย
เมื่อกลับจากกรุงเทพทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ทุกคนกลับเข้าสู่โหมดดำเนินตามกิจวัตรประจำวัน ชีวิตของนักเรียนชั้นม.ปลายเดินอย่างเชื่องช้าจนถึงเทศกาลสอบกลางภาค เมื่อคะแนนออกมาปรากฎว่ายิ่งใหญ่กินรวบตามคาด แต้มมีวิชาที่ทำได้เยอะที่สุดคือภาษาไทยแต่ก็ยังสู้เพื่อนสนิทไม่ได้ ทุกอย่างเริ่มลงตัว ตื่นเช้าไปเรียน ตอนเที่ยงเล่นกีฬา ตอนบ่ายเรียน ตกเย็นก็กลับหอชีวิตในวัยเรียนดูเหมือนจะเป็นไปอย่างเรื่อยเปื่อยและเงียบสงบราวกับชีวิตไม่มีสีสันอะไร เว้นเสียแต่ว่าต้นเดือนธันวาคม ยิ่งใหญ่ก็ยิ้มร่าและพูดกับแต้มอย่างรื่นเริงว่า
“พรุ่งนี้ย้ายหอนะ”
แต้มได้ฟังก็ตาลุก ไม่รู้มาก่อนว่ายิ่งใหญ่จะย้ายออกจากที่นี่ “ทำไมย้ายอะ นายไปติดต่อหอใหม่ตอนไหน”
“ก็ติดต่อไปสักพักละช่วงใกล้สอบ”
“แล้วทำไมถึงคิดจะย้าย แล้วมัดจำไปรึยัง แล้ว...”
“พอ” ยิ่งใหญ่ยกมือมาห้าม “เราจัดการทุกอย่างแล้ว หน้าที่ของเราก็คือเก็บของให้เสร็จก่อนรถมารับพรุ่งนี้”
“เดี๋ยวสิ” แต้มปรามเพื่อน “แล้วนายจะย้ายไปไหน ทำไมถึงอยากย้าย”
“เอาน่า ห้องนี้มันแคบไปสำหรับเราสองคนนายไม่รู้สึกเหรอ” แต้มกวาดตามองรอบห้องที่กำลังรกรุงรังได้ที่
“นายไม่ต้องห่วงนะ เราจ่ายเงินมัดจำแล้ว”
“นั่นแหละที่เราห่วง เพราะเรายังไม่ได้ออกเลยสักบาท”
“นายจะออกทำไมล่ะ” ยิ่งใหญ่ทำท่าครุ่นคิด “เราเป็นคนอยากให้นายมาอยู่ด้วยจะให้นายออกทำไม คิดมาก”
“มันก็ควรจะช่วยกันไม่ใช่เหรอ” แต้มแย้ง
“ถ้านายอยากจะช่วย” ยิ่งใหญ่มาโอบคอเพื่อนที่มีท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด “นายก็แค่อย่าย้ายกลับบ้านก็พอ”
“หึ นายพูดเหมือนไม่ได้พูด”
“นี่” ยิ่งใหญ่ถอนหายใจ “นายจะคิดมากทำไม ที่ผ่านมาเราก็ไม่คิดค่าห้องนายอยู่แล้ว แค่นายช่วยค่าน้ำ ค่าไฟ ทำความสะอาดห้อง ล้างห้องน้ำ นอนให้เรากอดทุกคืนมันก็โอเคแล้วไง”
“ใจคอนายจะให้เราเป็นหมอนข้างไปตลอดงั้นเหรอ” แต้มบ่นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย
“ยังไงเราก็ไม่ให้นายจ่าย เราพอใจแบบนี้”
“พูดเองเออเองตลอด” แต้มบ่นไม่เลิก
“นายจะหยุดบ่นได้ยัง” ยิ่งใหญ่ถาม “ถ้าหยุดแล้วก็มาช่วยกันเก็บของ”
แต้มกลอกตา ไม่เคยเถียงเพื่อนคนนี้ชนะเลยถ้าเขายืนกรานอะไรมาแล้ว “ขอบใจนะ”
“หืม ขอบใจอะไร”
“ช่างมันเหอะ เก็บของๆ” แต้มรวบหนังสือที่กองระเกะระกะบนโต๊ะญี่ปุ่นให้เป็นระเบียบ ยิ่งใหญ่ง่วนกับการติดเทปกาวที่กล่องกระดาษ แต้มเพิ่งสังเกตว่ามันกองสุมอยู่ที่ระเบียงมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่เคยเอะใจถาม
กว่าพวกเขาจะจัดของเสร็จก็เกือบค่ำ เดิมทีแต้มตั้งใจจะกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ แต่เมื่อมีกิจกรรมนี้เข้ามาแทรกจึงต้องเลื่อนความคิดออกไปก่อน ทั้งคู่นอนแผ่หราบนเตียงมองดูกล่องกระดาษเจ็ดกล่องใหญ่และกระเป๋าเดินทางที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าอย่างเหนื่อยล้า
“นายจะไปเยี่ยมแม่อีกทีเมื่อไหร่” แต้มถาม เมื่อตอนปิดเทอมยิ่งใหญ่ไปหาแม่อยู่เป็นสัปดาห์ก่อนจะกลับมาด้วยสีหน้าที่อิ่มเอมใจอย่างชัดเจน
“คงไปอีกทีช่วงวันหยุดรัฐธรรมนูญอะ พ่อก็จะไปด้วย นายจะไปด้วยกันไหม”
“ไม่อะ แม่บอกว่าใกล้จะเกี่ยวข้าวแล้ว เราคงกลับไปช่วยแม่”
“จริงดิ” ยิ่งใหญ่ตาลุกวาว “ให้เราไปเกี่ยวข้าวด้วยนะ”
“หึ นายจะไปทำไม นายเคยเกี่ยวข้าวเหรอ”
“ไม่เคยอะ แต่อยากลอง”
“คุณชายขอรับ คิดว่าการเกี่ยวข้าวมันง่ายเหรอ เกี่ยวไม่ดีเคียวบาดมือไม่รู้ด้วยนะ”
“ไม่ต้องมาขู่ แม่บอกมั้ยว่าจะเกี่ยววันไหน”
“อืม คงกลางๆเดือนแหละ รอให้ข้าวมันเหลืองกว่านี้หน่อย”
ยิ่งใหญ่ยิ้มแป้น “ดีเลย เราอยากเกี่ยวข้าว”
แต้มมองเพดานอย่างหมดคำพูด แล้วก็ยิ้มให้กับมันอย่างลืมตัว
***********************************************************************
วันนี้เป็นวันพ่อแห่งชาติ หลังจากที่จัดข้าวของเข้าห้องใหม่ลงตัวแล้ว แต้มก็ออกปากชวนยิ่งใหญ่กลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมพ่อเสียหน่อย ถึงแม้ระยะทางจากหอพักกับที่บ้านจะไม่ไกลมาก แต่พวกเขากลับไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมที่บ้านเท่าใดนักเนื่องจากมุแต่การเรียน บางครั้งก็ทำกิจกรรมเสียมืดค่ำ ยิ่งช่วงฤดูหนาวเช่นนี้ อาจารย์ฝ่ายนาฎศิลป์ก็รับงานแสดงในเทศกาลฤดูหนาวเชียงราย หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีว่า งานพ่อขุน และเพื่อให้การแสดงออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด พวกเขาเลยถูกเคี่ยวเข็ญให้ซ้อมท่าทางท่วงท่าให้ดูสวยงามอ่อนช้อยราวกับว่าไม่เคยออกแสดงมาก่อนเสียอย่างนั้น
จบจากงานพ่อขุนก็จะเป็นงานกีฬาสีในช่วงเดือนมกราคม ที่โรงเรียนแบ่งออกเป็น 6 สี ตามเลขที่ห้อง พวกเขายังโชคดีที่ยังไม่ต้องทำอะไรมากเพราะยังใหม่สำหรับที่นี่ รุ่นพี่ม. 6 ก็ต้องเรียนหนักและเตรียมสอบเอ็นทรานซ์ ภาระหนักจึงตกเป็นของรุ่นพี่ชั้นม. 5 ที่ต้องเป็นแกนนำในการจัดงาน ทั้งจัดหาเชียร์ลีดเดอร์ ซุ้มเชียร์ จัดหานักกีฬา และอื่นๆจนนับไม่หวาดไม่ไหว
“ฟุตบอลสี ลงชื่อใหญ่กับแต้มแล้ว”
“วอลเลย์บอลชายปีนี้ลงชื่อแต้มกับใหญ่แล้วนะ”
“ปีนี้ใหญ่เป็นคฑากรนะ”
“บาสปีนี้ใหญ่ลงชื่อให้แต้มแล้ว อย่าลืมไปซ้อมนะ”
ฯลฯ
“นายจะลงชื่อเราคู่กับนายทุกกีฬาเลยรึไง” แต้มถามเพื่อนสนิทที่กำลังร่าเริงในการวิ่งไปลงชื่อสมัครการแข่งขันกีฬาของสีตัวเอง แต้มที่เดินอยู่ด้วยกันก็พลอยโดนหางเลขไปด้วยอย่างโต้แย้งไม่ได้
“นายจะไม่ลงเล่นกับเราจริงดิ” ยิ่งใหญ่ถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ
“นี่ ไม่ต้องลงชื่อเป็นหลีดนะ เราเต้นไม่เป็น” ยิ่งใหญ่ชะงักและถอยออกมาจากแถวผู้สมัครคัดเลือกเชียร์ลีดเดอร์
“นายไม่เคย จะรู้ได้ไงว่าทำไม่เป็น” ยิ่งใหญ่พยายามหาข้อโต้แย้ง
“นายลงชื่อแข่งไปกี่รายการแล้วล่ะ ถ้าคัดหลีดแล้วเกิดได้อีก นายจะเอาเวลาที่ไหนไปซ้อม”
“เออว่ะ มันก็จริง” ยิ่งใหญ่ฉุกคิดได้
“น้องใหญ่ น้องแต้ม มาลงชื่อเร้ววววว ปีนี้พี่จะให้น้องๆเป็นหลีด” รุ่นพี่ท่าทางตุ้งติ้งรีบฉุดแขนยิ่งใหญ่ไปที่หัวแถว ถึงแม้จะมีนักเรียนทุกระดับชั้นมายืนออ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่มีใครเทียบรัศมียิ่งใหญ่ได้เลยสักคน
“ขอโทษทีครับพี่ ต้องขอบาย พวกผมลงกีฬาไป 6 รายการแล้ว ถ้าลงหลีดอีกคงไม่ได้ซ้อมแน่ๆ” ยิ่งใหญ่ออกตัว
“แหม ทำไมรีบไปลงชื่อจังเลยล่ะ ยังไงก็ต้องคัดตัวนักกีฬาอยู่ดี มาลงชื่อไว้ก่อนมั้ย” รุ่นพี่คนเดิมยังไม่ละความพยายาม
“ปีนี้ผมถือคฑาด้วยนะครับพี่ จะเอาเวลาที่ไหนมาซ้อมล่ะ”
“อ้าว ตายจริง พี่ไม่รู้ งั้นโอเคค่ะ ใหญ่ไม่ต้องคัดหลีดแล้ว แต้มล่ะ” แต้มหันขวับ ไม่คิดว่าตัวเองจะโดนด้วย
“คือ...”
“เอางี้มั้ย ใหญ่ถือคฑาแล้ว แต้มถือธงไง หน่วยก้านก็ไม่เลวนะ”
“...” แต้มจนปัญญาที่จะโต้แย้ง เพราะยิ่งใหญ่ลงชื่อให้เขาเรียบร้อยแล้ว
***********************************************************************
ยิ่งใหญ่สตาร์ทรถและออกตัวจากคอนโดใหม่ตอนเกือบเที่ยง พวกเขาหิวโซกันหนักหน่วงเพราะต้องรีบจัดของให้เสร็จ เพราะแต้มยืนยันว่าจะต้องกลับบ้านให้ได้ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ยิ่งใหญ่ก็ได้แต่อยู่บ้านหรือไม่ก็หอพัก ตอนเย็นก็แค่โทรไปหาพ่อที่ทำงานจนลืมวันลืมคืน ทั้งคู่แวะร้านบะหมี่เชียงรายตรงแยกหอนาฬิกาเพื่อจัดการตัวเองก่อนที่จะสั่งใส่ถุงกลับบ้านเอาไปฝากแม่และย่าโดยไม่ลืมกำชับให้แม่รอก่อน อย่าเพิ่งเตรียมมื้อเที่ยง
เมื่อถึงบ้านก็บ่ายแล้ว อากาศร้อนระอุราวกับไม่ใช่เดือนธันวาคม แต่แม่กลับเดินออกมาเปิดประตูด้วยชุดเสื้อกันหนาวแบบเต็มยศ ยิ่งใหญ่ยกมือไหว้และเดินขึ้นเรือนอย่างคุ้นเคย แต้มแกะห่อบะหมี่จัดใส่ชามให้แม่กับย่าก่อนเข้าไปในห้องนอนของพ่อ
หลังจากแม่ย้ายพ่อมาอยู่บ้านย่าก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างไปได้ดี พ่อไม่มีอาการหอบเหนื่อยเนื่องจากเจอฝุ่นเกาะเหมือนบ้านหลังเก่าแล้ว ห้องนอนสะอาดเอี่ยมเพราะแม่มาปัดกวาดเช็ดถูไม่ได้ขาด ย่าทานมื้อเที่ยงเสร็จก็คุยจ้อกับยิ่งใหญ่ที่ห้องนั่งเล่น ย่าชอบดูมวยเป็นชีวิตจิตใจ แกชอบวันอาทิตย์เพราะมีรายการมวยให้แกดู วันนี้มีหลานชายคนโปรดกลับมาพ่วงด้วยยิ่งใหญ่ที่คุยเก่งอยู่แล้ว ทั้งคู่เลยดูเหมือนย่าหลานกันมากกว่าแต้มเสียอีก เพราะเมื่อนักมวยต่อยเข้าเป้า ทั้งย่าและยิ่งใหญ่ก็ร้องเฮลั่นบ้าน รอยยิ้มไม่เห็นฟันของย่าช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งนัก
“พ่อครับ สุขสันต์วันพ่อนะครับ ขอให้พ่อแข็งแรงนะครับ” แต้มไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรให้สละสลวยไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เขามองสภาพพ่อที่นอนราบกับเตียง ดวงตากลมโตจับจ้องมาที่ลูกชายอย่างไม่อาจตีความหมายได้ทำให้แต้มยิ่งสะท้อนใจ ยิ่งมองนานเท่าไรก็ยิ่งรู้ว่า พ่อไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
"”เออจริงด้วย พี่ตาฝากของมาให้พ่อด้วยนะครับ นี่ไง” แต้มหยิบหมวกไหมพรมสีครีมมาสวมที่ศีรษะของพ่อ รอยบุบยุบเข้าไปเกือบครึ่งกะโหลกเย็นเฉียบ ความอุ่นของหมวกไหมพรมคงจะช่วยให้พ่อไม่ต้องทนหนาว ต้องตาตั้งใจถักทอหมวกใบนี้ในช่วงที่ตัวเองว่าง ถึงแม้จะมีหน้าที่รับผิดชอบมากเพียงใด แต่เธอก็ยังปลีกเวลามาทำให้ผู้เป็นพ่ออย่างเต็มใจ
“เดี๋ยวผมเอาโถไปทิ้งก่อนนะครับ พ่อนอนเถอะ” ผู้เป็นพ่อหลับตาอย่างว่าง่าย ลมหายใจแผ่วเบาโรยรินจนน่าใจหาย แต้มสะกดกลั้นความหวิวโหวงในใจก่อนหยิบโถใต้เตียงพ่อไปเทและล้างทำความสะอาด แม่นั่งร่วมวงดูมวยกับย่าโดยมียิ่งใหญ่อยู่ด้วยตลอดเวลา
“วันนี้จะกลับกันกี่โมงนิ” แม่ถามตอนที่แต้มลงไปนั่งร่วมวง
“คงไม่เกินห้าโมงเย็นอะแม่ ช่วงนี้มืดเร็วไม่อยากให้ใหญ่ขับรถมืดๆ”
“ดีแล้ว แม่ตัดกล้วยไว้ให้แล้ว อย่าลืมเอาไปด้วยนะ แล้วก็มีอ้อยที่แม่ตัดใส่ถุงไว้ เอาไปกินได้เลย”
“โหยแม่ ของโปรด” ยิ่งใหญ่ยิ้มอย่างร่าเริง เพราะเขาชอบกินอ้อยสดที่ควั่นเป็นชิ้นแล้วแช่ตู้เย็น หยิบมาเคี้ยวเล่นทีละชิ้นตอนอากาศร้อนๆ ความหวานและเย็นของมันช่วยให้สดชื่นเป็นอย่างมาก
“แล้วแม่อาการเป็นไงบ้างล่ะใหญ่”
“แม่เหรอครับ อาการดีขึ้นแล้วนะครับ ตอนนี้รอผลตรวจเลือดว่าดีหรือยัง คิดว่าเชื้อมะเร็งคงไม่ลุกลามแล้วล่ะครับ”
“ดีแล้ว อย่าลืมหมั่นไปเยี่ยมท่านนะ ยังไงก็แม่ลูกกัน”
“ครับแม่” ยิ่งใหญ่รับคำอย่างว่าง่าย แต้มคงเล่าเรื่องที่บ้านให้กับแม่ตัวเองไม่น้อย การที่แม่ของแต้มออกปากเช่นนี้ก็คงเพราะเป็นกังวลว่าเขาจะหมางเมินกับแม่อีก
“แล้วนี่หอใหม่เป็นไงบ้างล่ะ”
“หอใหม่กิ๊กเลยแม่ ห้องใหญ่กว่าเดิมด้วย” แต้มบรรยายแทนเพื่อน
“ดีแล้ว เดี๋ยวแม่ช่วยค่าห้องนะลูก”
“ไม่ได้ครับแม่ แค่แม่ให้แต้มไปอยู่เป็นเพื่อน ช่วยติวหนังสือก็มากพอแล้วครับ” ยิ่งใหญ่ออกตัว
“ได้ยังไงล่ะ ค่าห้องไม่ใช่ถูกๆ จะให้แต้มไปอยู่ฟรีได้ไง”
“แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นนะครับ แต้มน่ะช่วยผมไว้เยอะ แค่นี้จิ๊บจ๊อยมากๆ”
“เอาน่าแม่ อย่าไปขัดมันเลย ตามใจเจ้าของห้องไป” แต้มห้ามทัพก่อนที่แม่จะพูดอะไรต่อ
“ที่ห้องมีหม้อหุงข้าวมั้ย แม่จะได้ไปตักข้าวสารให้ไปหุงกันด้วย”
“มีครับแม่ แต่ไม่ต้องหรอกครับ ที่เอาไปครั้งก่อนยังไม่พร่องเลย พวกผมไม่ค่อยได้ทำกับข้าวกินกันอะครับ เลิกเรียนก็เย็นแล้ว แถมมีซ้อมนั่นซ้อมนี่อีก”
“แล้วนี่กินข้าวตรงเวลากันหรือเปล่าเนี่ย” แม่ถามทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง ยิ่งใหญ่รู้สึกตื้นตันกับความห่วงใยนี้เสียนัก บทสนทนาทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องของการอยู่กินของพวกเขาแทบจะทั้งสิ้น ถึงแม้แม่จะถามแต้มเสียมากกว่า แต่ยิ่งใหญ่ก็รับรู้ถึงความเป็นห่วงที่แผ่วงกว้างมาล้อมรอบตัวเขาไว้ด้วย มันเป็นความอบอุ่นที่แสนบริสุทธิ์ ไม่ต่างจากความห่วงใยของแม่แท้ๆของตนเลยแม้แต่น้อย
“พูดถึงข้าว ใหญ่มันจะขอมาช่วยแม่เกี่ยวข้าวด้วยอะครับ”
“หืม จริงเหรอ เคยเกี่ยวมั้ยล่ะนั่น”
“ไม่เคยครับ แต่ผมอยากลองดู”
“มันร้อนนะลูก เหนื่อยด้วย ต้องคอยก้มๆเงยๆ ยิ่งเกี่ยวไม่เป็นยิ่งต้องระวังคมเคียวบาดมือด้วยนะ” ยิ่งใหญ่หันมามองหน้าแต้ม พลางคิดในใจว่า พวกนายนี่สมเป็นแม่ลูกกันจริงๆ พูดจาเหมือนกันเป๊ะ
“ผมไหวครับ ครั้งก่อนผมยังไปจับปลาได้เลย ตอนปลูกผมก็ไม่ได้มา ขอผมไปช่วยเกี่ยวด้วยนะครับ”
“แหม น้ำเสียงจะอ้อนไปไหน” แต้มแซว
“ถ้าใหญ่อยากทำ แม่ก็ไม่ขัดหรอก ไว้แม่จะเกี่ยวแล้วจะโทรบอกแต้มนะ”
“ครับแม่ ขอบคุณนะครับ” ยิ่งใหญ่ยิ้มร่า เข้าไปกอดผู้เป็นย่าที่กำลังเฮกับเชิงมวยในทีวีอย่างสนุกสนาน แต้มพิงหลังกับผนังบ้านมองเพื่อนที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วยความสุขใจ ไม่คิดเลยว่าผู้ชายอย่างยิ่งใหญ่จะเข้ามาในชีวิตของตนได้ไกลถึงเพียงนี้....
***********************************************************************
จบตอน...