#Re2love •1
“ทาถู ปวดเมื่อยวิงเวียนก็ทาถู น้ำมันห้าเซียนชั้นครูใช้ทาถูแก้โรคสารพัด....”
เสียงเพลงทำนองฟังสนุกที่เปิดวนซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบทำให้ปลายนิ้วเรียวของร่างสูงโปร่งรัวใส่คีย์บอร์ดขยับเป็นจังหวะไปตามเสียงเพลงด้วย ไหล่ทั้งสองข้างขยับขึ้นลงตามอารมณ์เจ้าของความคิดลื่นไหลที่กำลังถูกถ่ายทอดจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรซึ่งปรากฏอยู่หน้าจอโน๊ตบุ๊คเป็นเนื้อความสละสลวย โดยมีเจ้าของนามปากกาชื่อ “ลีลาวดี” นั่งพิจารณาอย่างพอใจ
“พุฒิ” เจ้าของนามปากนวนิยายชวนฝันนั้นละมือจากคีย์บอร์ดแล้วเลื่อนมือมาจับคางตัวเอง ขณะที่สายตาจดจ้องอยู่กับบทอัศจรรย์ของนวนิยายอีโรติกที่ตัวเองแต่งขึ้นมา ดวงตาคู่กลมโตกวาดสายตาอ่านต้นฉบับตรงหน้าเพื่อหาคำผิดแล้วจึงกดเซฟ ขณะที่ไหล่ทั้งสองข้างยังขยับตามจังหวะเพลงที่เปิดวนซ้ำไปซ้ำมาราวกับเล่นสนุกเป็นเด็กๆ
“ทาถู ทาถู”
คราวนี้พุฒิเปล่งเสียงร้องออกมาพร้อมกับโยกศีรษะไปด้วย ทำไปทำมาก็นึกขำตัวเองที่อายุจนปูนนี้แล้วยังมีกิริยาแบบเด็กๆ ปกติแล้วชายหนุ่มไม่ใช่ที่ฟังเพลงสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเพลงฮิตๆ ดังๆ ของยุคสมัยนี้นั้นเขาตามไม่ทันหรอก แต่ช่วงห้าปีให้หลังมานี่แหละ เขากลับเปลี่ยนเป็นคนละคนนั่นเพราะมีชีวิตน้อยๆ ที่ต้องดูแล
พุฒิยิ้มอมยิ้มให้กับภาพเด็กน้อยแก้มแดงในกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน ใบหน้าเล็กๆ นั่นถอดแบบเขามาเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว คาง จมูก ริมฝีปาก จะยกเว้นก็แต่ดวงตาที่ได้มาจากมารดาอยู่อย่างเดียว นั่นเลยเป็นสิ่งเดียวที่ภรรยาเขาคุยโม้ได้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเรามีความคล้ายคลึงกับเธออยู่บ้าง
“อ๊ะ”
มัวแต่หลงรูปลูกชายตัวเองจนเผลอวางนิ้วบนแป้นพิมพ์เลยเผลอกดอักษรค้างเสียยาวพรืด ร่างสูงโปร่งส่ายหัวให้กับอาการหลงลูกที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้นจนอ่อนใจ
“ทาถู ทาถู”
เนื้อเพลงท่อนเดิมกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะกี่รอบต่อกี่รอบเขาก็ร้องมันได้อย่างขึ้นใจ เอาจริงๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพลงนี้มันมีที่มาอย่างไร แต่บังเอิญว่ามารดาเขาเคยร้องเพลงนี้กล่อมลูกชายเขาจนหลับปุ๋ย นับตั้งแต่นั้นมา
“พิกเล็ต” ลูกชายตัวน้อยของเขาในวันวานแต่บัดนี้พุงยื่นขึ้นมาตามความรักความเอาใจใส่ของทุกคนในบ้าน ก็ติดเพลงนี้ไปโดยปริยาย หากคืนไหนไม่ได้ร้องกล่อมก่อนนอนเป็นต้องโยเยจนเขาปวดหัว และไม่ต้องเดาว่าพ่ออย่างเขาจะหลงเจ้าหมูนั่นขนาดไหน
เฮ้ย ไม่น่าอยากจะเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นคนแก่คนหลงเด็กตอนอายุสามสิบเก้าย่างสี่สิบ
พุฒิถอดแว่นสายตายาวแล้วคลึงขมับไปมาเป็นการผ่อนคลายเพราะการทำงานจ้องหน้าจอนานๆ ทำให้เขาตาพร่ามัว อายุมันมากขึ้นอะไรๆ มันก็ร่วงโรยไปตามวัย คิดแล้วก็นึกขำว่าตอนที่พิกเล็ตเรียนจบ ไม่รู้ว่าเขาจะมีแรงไปรับปริญญาลูกชายรึเปล่า ไม่อยากนึกถึงสภาพตัวเองที่ถือไม้เท้ายักแย่ยักยันไปงานให้ลูกชายได้อาย
มีลูกตอนแก่นี่มันลำบากใจจริงวุ้ย
คิดดูสิเวลานี้เพื่อนวัยเดียวกันลูกโตจนเข้ามหาวิทยาลัยกันบ้างแล้วและบางส่วนก็มีหลานอุ้มกันไปแล้ว ขณะที่เขาเพิ่งจะเสียซิงครั้งแรกตอนอายุสามสิบห้ากับรุ่นน้อง ใครมันจะไปคิดว่าตัวเองน้ำยาดี นึกว่าชาตินี้คงไม่มีบุญวาสนามีลูกเป็นของตัวเอง ได้แต่แย่งหลานฝาแฝดลูกของน้องสาวมาอุ้มเล่น แต่สุดท้ายบุญก็หล่นทับเมื่อเขาทำรุ่นน้องสาวท้องในวัยสามสิบห้าปี
จะว่าโชคชะตาเล่นตลกก็เป็นได้ เพราะครั้งแรกที่รู้จากปากภรรยาคืนเดียวว่าเธอท้องเขาก็มึนไปเหมือนกัน นึกถึงคำพูดของเพื่อนๆ ที่แซวว่าชาตินี้เขาคงครองตัวเป็นโสดจนตาย พุฒิก็คิดว่าตัวเองคงรักชีวิตโสดไปซะแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่างานเลี้ยงรุ่นนั่นเขาจะฟาดแอลกอฮอล์จนเมาหัวเราน้ำแล้วตื่นขึ้นมาบนเตียงกับรุ่นน้อง
“ดาหวัน” เป็นรุ่นน้องคณะที่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาตั้งแต่สมัยเรียน นิสัยของเธอน่ารักเรียบร้อยจนครองตัวเป็นโสดมาติดๆ กับเขานี่แหละ สงสัยว่าพระพรหมท่านจะเวทนาคนโสดถึงผีผลักให้รักกันชั่วข้ามคืนซึ่งเร็วยิ่งกว่าสี่จีซะอีก นี่แฟนนักอ่านจะรู้บ้างมั้ยเนี่ยว่าเจ้าของปากกา
“ลีลาวดี” ซึ่งโด่งดังจากการนิยายที่ชูโรงด้วยบทอัศจรรย์สุดละมุนจนเป็นที่โด่งดังจะเพิ่งเคยเสียซิงครั้งแรกตอนอายุสามสิบห้าปี
นั่นล่ะถึงทำให้ชีวิตชายโสดซึ่งใช้ชีวิตหลังเรียนจบเป็นพนักงานออฟฟิศในตำแหน่งกองบรรณาธิการนิตยสารท่องเที่ยวในตอนนั้นกลายเป็นคนมีครอบครัว แต่ชีวิตครอบครัวอันสมบรูณ์ซึ่งพุฒิใฝ่ฝันมีอันต้องพังทลายลงเมื่อภรรยาสาวมาด่วนจากไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ทิ้งให้เขาเป็นพ่อม่ายกับลูกชายกำพร้าแม่ตั้งแต่สองขวบ หลังจากภรรยาเสียชีวิตเขาเลยตัดสินใจลาออกจากงานมาทำงานเขียนอย่างเต็มตัวเพื่อจะได้มีเวลาดูแลลูกชายคนเดียวอย่างใกล้ชิด
คิดมาถึงตรงนี้เขาก็ยื่นปลายนิ้วไปลูบไล้ปลายนิ้วภาพภรรยาในกรอบรูปซึ่งอยู่ในอิริยาบถยืนยิ้มและอ้อมแขนมีเจ้าลูกชายตัวจ้ำม่ำ รอยยิ้มอ่อนหวานของเธอยังงดงามเสมอแม้ว่าบัดนี้จะเหลือเพียงแต่ภาพถ่าย เขายิ้มอ่อนๆ ในใจระลึกถึงวันวาน พุฒิมองรูปนั้นอยู่นานก่อนละสายตากลับมายังต้นฉบับที่ยังค้างอยู่ก่อนจะลงมือทำต่อ
“เสร็จสักที”
พุฒิขยับปลายนิ้วกดเซฟงานแล้วนอนแผ่หลาไปกับโต๊ะทำงาน
...Rrrrr...
“หือ?”
“.....”
“อะไรมันสั่นๆ หว่า”
...Rrrrr...
“ทาถู ทาถู”
คนที่กำลังขยับหาที่นอนเพื่อคลายเมื่อยถึงกับสะดุ้งโหยง ก็ว่าอยู่ว่าอะไรมันสั่นๆ ชายหนุ่มนึกขำตัวเองที่ตั้งเสียงเรียกเขาเป็นเพลงเดียวกับเพลงโปรดที่ใช้กล่อมให้ลูกน้อยนอน
“ครับ”
[คุณพ่อน้องพิกเล็ตใช่มั้ย? ดิฉันครูประจำชั้นของน้องพิกเล็ตนะคะ]
“ครับ”
เขาขยับตัวตรงแล้วมุ่นหัวคิ้วด้วยความแปลกใจ สัญชาตญาณคนเป็นพ่อกำลังบอกว่าการที่ครูประจำชั้นของลูกชายโทรหาต้องมีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นแน่นอน
[น้องพิกปีนเครื่องเล่นแล้วตกลงมาค่ะ]
ฉิบหาย!
พุฒิตาเหลือกทันทีหลังจากรับทราบว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสร้างวีรกรรมชวนเพื่อนแอบไปปีนเครื่องเล่นในจังหวะที่ครูพี่เลี้ยงเผลอจนพากันตกลงมาหัวร้างข้างแตก พอวางสายเขารีบถลาลงมาจากบ้านชั้นสอง
“เชี่ย”
พุฒิเบรกเอี๊ยดเกือบหัวทิ่มเพื่อหลบกระแป๋งที่มาตั้งรองน้ำฝนที่ทะลุหลังคาลงมาแถวๆ ตีนบันได
“ตาเถรยายชี”
ชายหนุ่มอุทานออกมาตามความเคยชิน
“เสียงอะไรกันล่ะนั่น”
“ผมเกือบเตะกระแป๋งรองน้ำของคุณนายน่ะสิครับ”
“ตายแล้ว”
ร่างสมส่วนของ
“คุณพรรณี” มารดาวัยหกสิบห้าเดินจ้ำพรวดๆ มาท่าทางกระฉับกระเฉงไม่สมวัย ใบหน้าเหี่ยวย่นเป็นไปตามวัยเลิกคิ้วสูงยิ่งทำให้ตีนกาและรอยเหี่ยวย่นเห็นได้ชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะความงามในวัยหกสิบกว่านี่ต้องยอมคุณนายเธอจริงๆ
“กระแป๋งแม่แตกมั้ยล่ะนั่น”
พุฒิถอนหายใจเซ็งๆ
“คุณนายน่าจะห่วงที่ผมจะลื่นหัวแตกมากกว่านะครับ”
“แกมันหัวแข็งน่าตาพุฒิ”
“คุณนายครับแข็งขนาดไหนล้มฟาดไปพิกเล็ตก็เป็นกำพร้าได้ครับแม่”
“ย่ะ”
คุณพรรณีเธอเดินมาเลื่อนกระแป๋งนั่นไปไว้ชิดผนังให้
“แล้วนี่เป็นอะไรทำไมถึงเหมือนรีบร้อนจะไปไหน”
“หลานแม่ก่อเรื่องแล้วสินะครับ”
“ตาหมูของแม่ไปทำอะไรใครอย่างนั้นหรือ”
ชายหนุ่มกรอกตาไปมาเมื่อได้ยินสรรพนามที่มารดาเรียกเจ้าลูกชายของเขาอย่างเอ็นดูว่า
“ตาหมู” ก็เพราะเอ็นดูกันขนาดนี้น่ะสิ เจ้าพิกเล็ตถึงได้ดื้อขึ้นทุกวัน
“ตาหมูของแม่แอบไปปีนเครื่องเล่นจนตกลงมาหัวแตก”
“คุณพระ"
“พระก็ไม่ช่วยเด็กดื้อแล้วล่ะครับแม่”
เขาขยับไปคว้ากุญแจรถที่แขวนอยู่ตรงผนังห้องรับแขกแล้วรีบซอยเท้าไปยังโตโยต้าโคโรล่ารุ่นก่อนปีสองพัน สมบัติสุดรักสุดห่วงของคุณพรรณีตั้งแต่สมัยเธอยังสาว
“ตายแล้วตาพุฒิ แล้วหลานแม่เป็นยังไงบ้างล่ะนี่ ใจคอแม่ไม่ดีเลย”
“เห็นครูเคทแกบอกว่าหัวโนกับเข่าถลอกนิดหน่อยครับแม่”
“โธ่ตาหมูของย่าไม่น่าซนจนได้เรื่องเลย”
นั่นสิเด็กสี่ขวบอะไรดื้อตาใสขนาดนี้!
เขาส่ายหัวไปมาก่อนจะรีบมุดเข้าไปในรถแล้วสตาร์ทเครื่องก่อนจะบังคับพวงมาลัยพาคุณปู่โตโยต้าลงสู่ท้องถนน ขณะที่ในใจคิดว้าวุ่นไปทั่ว นึกถึงเจ้าลูกชายที่เดี๋ยวนี้ชักจะดื้อขึ้นทุกวัน ทั้งยังห่วงกังวลอยากรีบไปให้เห็นกับตาว่าลูกชายไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไร แค่ได้ยินว่าลูกร่วงจากเครื่องเล่นหัวใจของคนเป็นพ่อก็แทบจะร่วงหล่นไปตาม
เจ้าพิกเล็ตเอ้ย!
“ทำไมรถติดจังวะ”
พุฒิพึมพำตาก็เหลือบมองนาฬิกาที่ขยับเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้วที่เขายังข้ามไม่พ้นไฟแดงแยกหน้านี้สักที ชายหนุ่มถอนใจก่อนจะตัดสินใจหักพวงมาลัยไปทางลัด ร่างสูงโปร่งยิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะซอยลัดนี้แทบจะไม่มีรถสัญจรเลย ซ้ำถนนบริเวณนี้ยังเพิ่งทำเสร็จและตัดผ่านสนามกีฬาของเขตจึงไม่ค่อยมีใครทราบว่ามีทางลัดนี้ด้วย
พุฒิมองทางข้างหน้าสลับกับมองโทรศัพท์มือถือใจเป็นกังวลด้วยกลัวว่าครูประจำชั้นลูกจะโทรมาอีกแล้วไม่ได้ยิน เพราะนี่มัวแต่ติดไฟแดงเกือบชั่วโมงทั้งที่ป่านนี้ควรจะถึงโรงเรียนอนุบาลเอกชนที่ห่างจากบ้านนัก
“เฮ้ย”
อารามมัวแต่มองโทรศัพท์ทำให้เผลอหมุนพวงมาลัยตามจนล้อรถเบี่ยงไปชิดขอบถนนข้างทาง
เอี๊ยด! “ตายห่า”
พุฒิอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูกเมื่อโตโยต้าโคโรล่ารุ่นเก๋าหน้าจูบตูดกับฟีโน่สีน้ำตาลอ่อนที่จอดไว้ข้างถนน เขากุมขมับรีบลงจากรถไปดูสภาพความเสียหาย ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มโล่งออกเพราะไม่มีรอยแตกหักหรือบุบสลายของรถจักรยานยนต์คู่กรณี แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะมันก็มีรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่คงทำให้เจ้าของรถไม่พอใจเป็นแน่
เขาหันรีหันขวางมาหาเจ้าทุกข์แต่จนแล้วจนรอดก็พบใคร ในใจยิ่งร้อนรนเพราะธุระที่จะไป สุดท้ายเลยวิ่งไปหยิบกระดาษปากกามาเขียนอธิบายว่าตัวเองขับรถเฉี่ยวรถคันดังกล่าว พร้อมกับแนบชื่อและเบอร์โทรตัวเองลงไป ขณะที่กำลังเอาเทปใส่แปะแผ่นกระดาษกับตัวรถเสียงทุ้มห้าวก็ดังมาแต่ไกล
“คุณจะทำอะไรรถผม”
พุฒิสะดุ้งโหยงยืนอ้ำๆ อึ้งๆ ตกใจทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ”
“มีอะไรกับรถผมเหรอครับ”
เจ้าของฟีโน่สีน้ำตาลอ่อนอยู่ในชุดกีฬาเนื้อตัวชื้นเหงื่อ เส้นผมสีเทาแนบไปศีรษะ ดวงตาดูมีประกายระยิบระยับ เครื่องหน้าดูดีท่าทางสะอาดสะอ้านเหมือนนายแนบ คนตรงหน้าเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเมื่อเขาไม่ตอบคำถามสักที
“คือผมขับรถเฉี่ยวรถคุณ”
ดวงตาพราวระยับของเจ้าของรถเข้มขึ้นจนพุฒิต้องรีบอธิบาย
“ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างนะครับ แต่พอดียืนคอยแล้วไม่เห็นใครเลยจะเขียนโน๊ตบอกไว้ คือผมไม่ได้ตั้งใจจะหนีนะ”
ชายหนุ่มตรงหน้ากดยิ้มมุมปาก
“คุณชื่ออะไร”
“ผมเหรอ?”
พุฒิชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ชื่อพุฒิ ผมชื่อพุฒิ”
“ผมชื่อกาย เรียนอยู่มหาลัยแถวนี้ครับ”
“เรียนอยู่?”
“ผมอยู่ปีสาม แล้วคุณเรียนหรือทำงานอยู่แถวนี้เหรอ?”
หา?
กายแนะนำตัวแล้วถามเขากลับ แต่คำถามนั้นทำให้พุฒิยิ้มขำ นานๆ จะมีคนทักว่ายังเรียนอยู่ทั้งที่ใช้ชีวิตวัยกลางคนแล้ว
“ผมสามสิบเก้าแล้วครับ”
“พูดจริง?”
กายตาโตทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“หน้าคุณเด็ก”
เขายิ้มกว้างขึ้นมาทันที
“ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะสี่สิบอยู่แล้ว”
“เชื่อเถอะ”
พุฒิพูดขำๆ ก่อนจะเหลือบมองไปรอยขูดขีดรถมอเตอร์ไซค์
“ว่าแต่...”
“อ๋อ”
เด็กหนุ่มตรงหน้าชะโงกไปดูรถแล้วโบกมือไปมา
“ไม่เป็นไรรอยเท่าแมวข่วน”
“แต่ว่า...”
“ถ้ารู้สึกผิดเลี้ยงก็ข้าวผมสักมื้อก็พอ”
“หา?”
“เลี้ยงข้าว”
กายพูดทวนอีกครั้งแล้วขยิบตาให้เขาหนึ่งที ท่าทางแบบนั้นทำเอาพุฒิรู้สึกเก้อเขินให้ตายเถอะ ไอ้คนคนตรงหน้านี่มันท่าทางจะแพรวพราวไม่ใช่เล่นนะเนี่ย บุคลิกขี้เล่นบวกกับดวงตาแพรวพราวนั่นส่งเสริมให้คนตรงหน้าดูดีบอกไม่ถูก
“ว่าไงครับ”
“ว่าไงคือ?”
กายบุ้ยปากไปที่รอยขีดข่วนนั่น
“ตกลง”
เด็กหนุ่มเดาะลิ้นแล้วยื่นมือมาคว้ากระดาษในมือพุฒิ
“งั้นกระดาษใบนี้ผมขอนะพี่พุฒิ”
พี่พุฒิงั้นเหรอ?
“เอ่อ?”
“ก็พี่อายุห่างจากผมเป็นรอบ”
พุฒิย่นจมูกเมื่อถูกแซวเรื่องอายุ เด็กหนุ่มยิ้มเลยกดยิ้มมุมปากก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้าเขา
“อะไร?”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
รู้จักกันเพราะเขาขับรถเฉี่ยวนี่มันน่ายินดีตรงไหนวะ พุฒิเกาศีรษะอย่างงงๆ แต่ก็ยื่นมือไปสัมผัสกับมือคนตรงหน้า ฝ่ามือใหญ่กุมมือเขาไว้แล้วบีบเบาๆ ก่อนจะปล่อยในที่สุด
“ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่พุฒิ”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างดวงตาพราวระยับดูหล่อเหลาน่ามอง
“อื้ม”
★ ☆★ ☆★ ☆
“พิกเล็ต” ชายหนุ่มเรียกชื่อเจ้าตัวแสบเสียงเข้ม ร่างน้อยๆ แก้มกลมดวงตาใสแจ๋วที่ยืนหลบอยู่หลังครูประจำชั้นทำแอบๆ แหงนหน้ามองเขาพร้อมกับทำตาปริบๆ ขนตาที่ยาวอยู่แล้วเลยกระพือเล็กน้อย ริมฝีปากน้อยๆ ทำยู่ย่น แก้มขาวมีเลือดฝาดกลมน่าเอ็นดูมากถ้าอยู่ในสถานการณ์เป็นปกติ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่เจ้าเทวดาตัวน้อยๆ ของเขาอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าชุดนักเรียนเปรอะเปื้อนคราบดิน หน้าผากโหนกนูนเพราะมีผ้าห่อน้ำแข็งพันประคบ หัวเข่าทั้งสองข้างซึ่งมีรอยถลอกถูกป้ายยาแดงเรียบร้อยแล้ว
“พิกเล็ตครับ”
หัวศีรษะทุยสวยค่อยๆ โผล่ออกแล้วผลุบกลับไปที่หลังครูประจำชั้นเช่นเดิม พุฒิยืนรอท่าอย่างใจเย็นทั้งที่ไม่ชอบใจการกระทำของลูกชายนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากแสดงกิริยาที่ไม่ดีให้ลูกได้เห็น
“พิกเล็กครับออกมาคุยกับคุณพ่อเร็วลูก”
“ครูเคท” ครูประจำชั้นวัยสาวคว้าบ่าเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา
“พิกเล็ต”
“พ่อจ๋า”
ริมฝีปากน้อยที่เม้มแน่นอยู่นานเปล่งเสียงออกมาเบาๆ พร้อมกับเบะปากหน้าแหยได้ใจจนเขานึกขันให้
“ไหน พิกเล็ตเจ็บตรงไหนบอกพ่อจ๋าสิลูก?”
“หนูขอโทษ”
พุฒิถอนหายใจแรงๆ ท่าทางของเขาทำให้ลูกชายตัวน้อยหน้าเสีย เจ้าหมูพิกเล็ตเลยเดินหนีบๆ มากอดคอที่นั่งยองๆ อ้าแขนรออยู่
“พ่อจ๋าหนูขอโทษ”
“เห็นมั้ยครับว่าเพราะความซนของหนูถึงทำให้หนูเจ็บตัวแบบนี้”
“ก็ไตตั้นบอกว่าเบื่อ” เจ้าหมูน้อยอ้าปากแก้ตัวอย่างว่องไว “หนูเลยพาไปเล่นเครื่องเล่นเอง”
พุฒิจูบกระหม่อมบางที่ชื้นเหงื่อแล้วลูบแผ่นหลังน้อย
“หนูเจ็บตรงไหนบอกพ่อจ๋าสิครับ”
“ตรงนี้ฮะ”
เจ้าพิกเล็ตชี้ที่ศีรษะที่โหนกนูนเพราะผ้าประคบน้ำแข็ง
“หนูเจ็บ”
“ไหนๆ มาพ่อจ๋าเป่าให้น้าคนดี เพี้ยงหายนะลูก”
พุฒิเป่าส่วนนั้นให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้โอกาสนั้นลอบสำรวจร่างกายมอมแมมของลูกชาย เลยเห็นข้อมือที่ดูจะบวมขึ้นนิดหน่อยเขาเลยลองใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ
“ฮึก”
นั่นไง!
หมูน้อยเบะปากเตรียมเป่าปี่พุฒิเลยรีบรวบเจ้าหมูมาไว้ในอ้อมกอด พิกเล็ตซุกหน้าลงที่บ่าเขาแล้วเกี่ยวรอบคอเสียแน่นแล้วประคองเจ้าหมูที่ตัวหนักขึ้นทุกวันแล้วอุ้มขึ้นแนบกับตัวก่อนจะอุ้มเดินออกมา พุฒิเห็นเด็กน้อยเพื่อนซี้เจ้าพิกเล็ตที่นั่งหน้าเศร้าอยู่หน้าห้อง ดูสิขาถลอกปอกเปิกไปหมดไม่ต่างกันเลย ชายหนุ่มเลยตัดสินใจเดินอุ้มเจ้าหมูไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
“ไตตั้นครับ เป็นยังไงบ้างลูก”
“เจ็บนิดหน่อยครับ”
พิกเล็กกอดเขาแน่นขึ้นเจ้าตัวทำหน้ายู่เมื่อพุฒิทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับคนอื่น
“เจ็บมากมั้ยลูก?”
“เจ็บครับอาพุฒิ”
“นั่นแหละคราวหลังอย่าชวนกันไปไกลๆ จากสายตาคุณครูอีกนะลูก”
“ครับ”
เด็กน้อยรับคำพุฒิเลยหันมาทางลูกชายตัวเอง “แล้วเราล่ะ”
“หนูจะไม่ดื้อ”
พ่อจะเชื่อหนูได้มั้ยนี่ลูก!
★ ☆★ ☆★ ☆
“หนูชอบ”
พิกเล็ตยิ้มเผล่เลียไอศกรีมโคนเคเอฟซีที่เจ้าตัวร่ำร้องอยากจะกินตั้งแต่พุฒิพาเข้ามาในห้าง ชายหนุ่มยิ้มกว้างยื่นทิชชูไปเช็ดขอบปากจิ้มลิ้มที่เลอะไปด้วยคราบไอศกรีมอย่างเอ็นดู เจ้าหมูน้อยยิ้มกว้างรอท่าและเงยหน้าให้เช็ดอย่างไม่อิดออดลืมอาการบาดเจ็บที่หน้าผากกับหัวเข่าไปเลย
เวลาบ่ายแก่ๆ หลังจากรับลูกชายตัวป่วนจากโรงเรียนอนุบาลเอกชนแล้วเลยพามาเดินห้างเพราะเคยให้สัญญาว่าวันนี้จะพามาซื้อนิทานเล่มใหม่ไว้อ่านก่อนนอน พิกเล็ตยิ้มร่าตั้งแต่ได้ไอศกรีมอันโปรดเจ้าหมูดึงแขนเขาพาเดินไปยังร้านหนังสือ
พุฒิหัวเราะอ่อนๆ เดินตามแรงจูงนั้นอย่างไม่รีบร้อน เพราะถึงจะเดินไวขนาดไหนเท้าเล็กๆ ตัวป้อมๆ นั่นก็ไปได้ไม่เร็วนักหรอก ก็ติดทั้งพุงทั้งขาที่สั้นถึงอยากจะไปไวอย่างใจนึกก็จนปัญญา พุฒินึกขำลูกชายตัวเอง สงสัยต้องไปบอกให้คนที่บ้านหยุดตามใจปากพิกเล็ตสักที ดูสิเสื้อนักเรียนสีขาวนั่นแน่นจนเหมือนจะแยกขาดจากกันแล้ว
เฮ้อ! เจ้าลูกหมูของพ่อจ๋าเอ้ย!
“พ่อจ๋า”
“ครับ”
พุฒินั่งยองๆ ก้มหน้าไปตามฝ่ามือน้อยๆ ที่กวักเรียก มืออ้วนป้อมนั่นชี้ไปยังนิทานเล่มหนึ่งซึ่งมีรูปหน้าปกเป็นรูประเบียงปราสาทสวยงาม ตรงกลางมีภาพเจ้าชายหนุ่มกำลังเต้นรำกับหญิงสาวในชุดราตรีสีฟ้า
“พ่อจ๋าหนูอยากได้เล่มนี้”
“หือ?”
“ซินเดอเรลล่าเหรอลูก?”
“สวยอ่า”
พุฒิทำหน้าปุเลี่ยนๆ เมื่อพิกเล็ตดูจะชื่นชอบชุดราตรีสีฟ้านั่นถึงขนาดจ้องตาไม่กระพริบ เขาเกาหัวอย่างไม่รู้จะทำยังไง จังหวะนั้นเหลือบตาไปเห็นนิทานอีสปหน้าปกมีรูปสัตว์น่ารักอย่างกระต่ายกับเต่า พุฒิเลยเบี่ยงเบนความสนใจชี้ชวนลูกชายดู
“ดูสิพิกเล็ตอันนี้มีคุณกระต่ายกับคุณเต่าด้วย”
“โห”
เจ้าลูกหมูทำตาโตเอื้อมมือไปลูบหน้าปกอย่างชอบใจ
“คุณกระต่ายฟันยื่นออกมาด้วยแหละพ่อจ๋า”
“ใช่ครับแบบนี้ไง”
พุฒิทำฟันยื่นจนพิกเล็ตตบมือหัวเราะชอบใจ
“งั้นเอาเล่มนี้เนอะ”
พิกเล็ตพยักหน้าจนผมกระจาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายหันกลับไปมองซินเดอเรลล่าตาละห้อย
“อันนี้ก็สวยนะพ่อจ๋า”
“หนูชอบเหรอลูก?”
พุฒิลูบศีรษะลูกอย่างเอ็นดู
“หนูชอบ”
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก็พอจะรู้ว่าลูกชอบไปตามประสาเด็ก แต่คนเป็นพ่อมันก็อดตะหงิดๆ ในใจไม่ได้ พุฒิอยากให้ลูกชื่นชอบอะไรก็ตามที่เด็กผู้ชายทั่วไปชอบ แต่ก็นั่นแหละหากเป็นความชื่นชอบของลูกเขาก็พร้อมจะยอมรับ ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไรเขาก็รับได้หมดนั่นแหละ พุฒิส่ายหัวขำๆ กับความคิดที่ห่างไกลขนาดนั้น เอาเถอะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
“แล้วกระต่ายกับเต่าล่ะครับ”
“อันนั้นหนูก็ชอบ”
พุฒิอมยิ้มมองใบหน้าขาวครุ่นคิดขนตากระพือไปมาเหมือนลังเล ริมฝีปากน้อยๆ ขบเม้มครุ่นคิดราวกับผู้ใหญ่ ท่าทางแบบนั้นทำเอาพุฒิลอบขำ
โธ่เอ้ยลูก!
“พ่อจ๋า”
พิกเล็ตเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตมีแววออดอ้อนคนมอง ให้ตายเถอะ เจ้าหมูตัวนี้
“ครับ”
“หนูขอสองเล่มได้มั้ยฮะ”
“ได้ครับ”
“งื้อ หนูรักพ่อจ๋า”
พิกเล็ตดีใจกระโดดตัวลอย ก่อนจะพุ่งมากอดคอแล้วจูบแก้มเขารัวๆ
“แต่หนูต้องสัญญากับพ่อจ๋ามาก่อน”
พิกเล็ตเอียงคอมองอย่างสงสัย
“หนูต้องไม่ดื้อไม่ซน และห้ามแอบครูเคทไปเล่นเครื่องเล่นอีก”
พิกเล็ตพยักหน้ารัวๆ
“หนูสัญญาจ๊ะ”
“ไหนเรามาทำสัญญาลูกผู้ชาย”
พุฒิยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกกำปั้นไปแตะกับกำปั้นน้อยๆ ของเจ้าลูกชายเบาๆ
“อู้ยเจ็บอ่า”
พิกเล็ตทำหน้าแหย เมื่อขยับมือแรงๆ แล้วสะเทือนถึงข้อมือที่บวมที่
“นั่นแหละ จำไว้ว่าเพราะหนูดื้อหนูถึงเจ็บตัวแบบนี้ คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”
“หนูเชื่อพ่อจ๋า”
“ดีมากครับคนเก่ง”
พุฒิรวบร่างอ้วนป้อมขึ้นอุ้มพร้อมกับคว้าหนังสือนิทานสองเล่มติดมือไปด้วย ระหว่างนั้นเขาเดินผ่านโซนหนังสือแนวปรัชญาก่อนจะถึงเคาน์เตอร์จ่ายเงินอีกไม่กี่ก้าว แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้พุฒิเหลือบตามองหน้าปกหนังสือเล่มนั้น ชายหนุ่มแทบเดินสะดุดเมื่อเห็นชื่อหนังสือ
‘อยากกลับไปคุยกับแฟนเก่า’ ชายหนุ่มยืนจ้องหนังสือเล่มนั้นอยู่นานจนรู้สึกได้ถึงแรงรัดที่คอซึ่งสะกิดให้เขาได้สติ
พุฒิกระพริบตาปริบๆ จ้องมองลูกชายในอ้อมแขนที่กดจูบที่แก้มเขารัวๆ
“พ่อจ๋า”
“หนูว่าไงนะลูก”
“หนูรักพ่อจ๋า”
พุฒิอมยิ้มเมื่อมือน้อยๆ อวบอูมยกขึ้นป้องปากแล้วกระซิบข้างหูพุฒิ แต่เสียงนั้นก็ดังพอให้พนักงานที่อยู่ประจำเคาน์เตอร์จ่ายเงินได้ยิน พนักงานสาวจึงยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู
“อุ้ยน่ารักจังเลยค่ะคุณพ่อ ว่าแต่น้องชื่ออะไรคะ?”
“หนูชื่อพิกเล็ตฮะ”
เจ้าหมูตอบใสเสียงสาวๆ เหล่านั้นเลยจับแก้มกลมอย่างชอบอกชอบใจ
“โอ้ยน่ารักจังเลยลูก”
“พี่ให้ลูกอมไปกินนะคะ”
พนักงานสาวยื่นฮอลล์ในลิ้นชักสามเม็ดให้เจ้าหมูที่ตาพราวระยับถูกใจเมื่อได้ของกิน
“ขอบคุณฮะ”
มือไหว้อ่อนบวกกับตาหยีนั่นทำให้สาวๆ ต่างชมไม่ขาดปาก จนกระทั่งใครคนหนึ่งลงทุนซื้อช็อกโกแลตบาร์ให้ติดไม้ติดมือให้แลกกับขอถ่ายรูป พุฒิเห็นลูกมีความสุขก็อมยิ้มก่อนจะหันกลับไปมองที่โซนหนังสือที่เขาผ่านมาก่อนหน้านี้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับมองไม่หนังสือเพราะแผ่นหลังสูงใหญ่ที่ดูสะดุดยืนบังอยู่
“ฬ...ม” พุฒิพึมพำนึกห้ามปากตัวเองไม่ให้หลุดชื่อนั้นออกมา ก่อนจะหลับตาลงแล้วลืมขึ้นอีกครั้งภาพนั้นก็หายลับไป
ตาฝาดอีกแล้ว! ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะจูงมือพิกเล็ตที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ลูบคลำๆ ช็อกโกแลตนั่นอยู่นานสองนานจนกระทั่งขึ้นมานั่งในรถแล้วก็ยังไม่เลิกชื่นชมกับของกิน
“หนูจะเอาไปแบ่งไตตั้น”
“หือ?”
“หนูจะเอาแบ่งให้ไตตั้นฮะพ่อจ๋า” พุฒิหันมาฟังในสิ่งที่ลูกจะพูดอย่างตั้งใจ “เพื่อขอโทษที่หนูทำให้ไตตั้นเจ็บตัวไปด้วย”
“ดีที่สุดเลยครับลูก”
พุฒิชะโงกไปจุ๊บเหม่งลูกชาย
“ฟอด”
แล้วเจ้าพิกเล็ตก็เหนี่ยวคอเขาแล้วกดจูบที่แก้มเสียงดังฟอดก่อนจะหัวเราะจนตาหยี
รอยยิ้มสว่างไสวของลูกทำให้ความรู้สึกหม่นๆ ในใจเขาหายวับไปกับตา
★ ☆★ ☆★ ☆
เปิดเรื่องใหม่นะคะ คุณพ่อลูกติดกับอดีตอันงวยงง ฮี่ๆๆๆ
ใครรักใครหลงหนูพิกเล็ตช่วยเม้นท์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า
หวีดในทวิตติด #Re2love ด้วยนะจ๊ะ
TBC.