คำเตือนก่อนทำพิธีข้อที่ ๔ : ถ้าคิดว่าผีไม่กล้าเข้าวัด ก็อย่าลืมว่าเมรุเผาผีนั้นอยู่ในวัด
"อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวา~ติ"
เสียงสวดมนต์ทำวัตรเย็นดังก้องไปทั่วโบสถ์ ไอ้กลอนและผองเพื่อนก้มหน้าอ่านบทสวดมนต์ตามพระท่านแบบทันบ้างไม่ทันบ้างเพราะไม่เคยคุ้น แต่ด้วยแรงผลักดันอันแรงกล้าจากไอ้พี่ภพก็ทำให้พวกเราตั้งอกตั้งใจสวดกันอย่างไม่ย่อท้อ
ครับ....ตอนนี้พวกเราพากันมาสิงอยู่ในวัดที่หลวงลุงของไอ้โรมบวชอยู่ โชคดีที่วัดนี้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอยู่แล้วจึงไม่เป็นปัญหาที่พวกเราสี่คนจะมาขออาศัยอยู่แบบกระทันหันจากโรคอุจจาระวิ่งขึ้นสมอง
พอทำวัตรเย็นเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็ยกขบวนมาหาหลวงลุงที่กุฎิอันเป็นกิจวัตรประจำวัน หลวงลุงท่านถึงจะอายุเยอะแล้วแต่ความคิดความอ่านท่านก็ยังทันสมัยคุยกับวัยรุ่นอย่างพวกผมได้สบายๆ และที่สำคัญท่านเป็นพระแท้- -ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่สามารถกราบไหว้ได้อย่างสบายใจ
"หึๆ ว่ายังไง ดีขึ้นบ้างหรือยัง?"
ท่านทักทายอย่างเป็นกันเองหลังจากที่พวกเราก้มกราบท่านเสร็จเรียบร้อยแล้ว สาเหตุที่พวกเราสี่คนมาที่นี่ท่านก็รู้ดีครับเพราะไอ้โรมมันเล่าให้หลวงลุงของมันฟังหมด อ้อ....ยกเว้นเรื่องที่ไอ้ผีหื่นมันจับผมทำเมียนะครับ เรื่องแบบนี้เล่าให้พระท่านฟังก็ออกจะเกินไปหน่อย มันเลยบอกแค่ว่าไอ้พี่ภพตามรังควานผมเท่านั้น
"ก็สบายใจขึ้นเยอะครับหลวงลุง แต่บอกตามตรง- -ผมก็ยังเสียวสันหลังอยู่หน่อยๆครับ"
"จะว่าไป ไอ้ที่มาหมกตัวอยู่ในวัดนี่ก็เป็นแค่การหนีปัญหาชั่วคราวเท่านั้น ไม่คิดจะแก้ที่ต้นเหตุกันบ้างหรือ?"
"โธ่~~หลวงลุง คนกับผีจะพูดกันรู้เรื่องกันได้ไงครับ" ไอ้หมูอบมันเป็นโรคตาขาวหนักกว่าใครเพื่อน เพราะงั้นพอได้ยินหลวงลุงเอ่ยปากถามแบบนั้นจึงออกอาการผวาเป็นคนแรก
"แน่ใจนะว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง?"
หลวงลุงถามยิ้มๆ พลางเหลือบมองมาทางไอ้กลอนให้เย็นหลังวาบ แหงล่ะ- -ไอ้พี่ภพยิ่งกว่าคุยได้อีก เขียนมันก็ยังเขียนได้เลย แต่จะพูดกันรู้เรื่องไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะมันดูจะเอาแต่ใจไม่น้อยเลย
"ก็- -คุยรู้เรื่องมั้งครับ" ผมตอบหลวงลุงเบาๆ
"ถ้าคุยกันรู้เรื่องก็คุยกันเสียเถอะ"
"งั้นปล่อยให้กลอนมันคุยไป แต่พวกผมที่ไม่เกี่ยวนี่สิครับหลวงลุงทำท่าว่าจะโดนหางเลขไปด้วย หลวงลุงพอจะมีของขลังอะไรให้พวกผมอุ่นใจบ้างหรือเปล่าครับ?"
ไม่เกี่ยวเหี้ยสิ....มึงนั่นแหละตัวต้นเหตุเลยไอ้หมาตีน!
"อาตมามีพระรัตนตรัยเป็นเครื่องคุ้มครองกายแล้ว เครื่องรางของขลังอย่างอื่นนะไม่มีหรอก ห้อยไปก็หนักคอเปล่าๆ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับหลวงลุง ตินมันชอบใส่ปลอกคอ ฮ่าๆๆ" ไอ้กลอนได้ทีเลยซ้ำเติมไปอีก
"กูไม่ใช่หมานะไอ้กลอน! โอ๊ะ- -ขอโทษนะครับหลวงลุง"
"ฉาน~ไม่ได้พูด นายพูดเองนะนายจ๋า~~"
"แล้วพวกเอ็งจะเอาของพวกนั้นไปทำไมล่ะ?" หลวงลุงขำไปกับพวกผมก่อนจะถามไอ้ตินยิ้มๆ
"เอาไปกันผีนะสิครับ"
ไอ้ตินตอบชัดถ้อยชัดคำ พอไอ้หมูอบเห็นว่าหลวงลุงทำท่าจะให้ของขลังขึ้นมาจริงๆ ก็รีบคลานตุบตับเบียดหลานแท้ๆอย่างไอ้โรมขึ้นไปนั่งตีคู่กับไอ้ตินอย่างรวดเร็ว
"พระเครื่องมันก้อนหิน ดิน เหล็กปั้นหล่อเป็นองค์พระ ถ้าผีกลัวพระเครื่องจริงก็ต้องกลัวดินกลัวหินกลัวเหล็กทั้งโลกสิ"
"โธ่~~หลวงลุงพระเครื่องที่ผ่านการปลุกเสกมันต่างจากดินหรือเหล็กธรรมดาก็กันผีได้สิครับ"
"แล้วไอ้พิธีปลุกเสกนั่นมันทำให้ต่างจากเดิมยังไง?"
หลวงลุงยังซักไม่เลิก คราวนี้ไอ้ตินเริ่มตอบช้าลงแล้วล่ะครับ
"เอ่อ- -ก็เขาว่ามันมีพลังจิตที่แรงกล้าของหลวงพ่อหลวงปู่อยู่ในนั้นน่ะครับ"
"ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่นั่งสมาธิฝึกพลังจิตจิตเสียเองล่ะ" หลวงลุงย้อนขำๆ
"หลวงลุง~~"
"ไม่มีจริงๆหรอครับหลวงลุง" ไอ้หมูอบที่เห็นแววว่าจะชวดเอ่ยถามเสียงอ่อย
"อันที่จริงก็คิดผิดตั้งแต่หนีผีเข้ามาในวัดแล้วล่ะนะ" หลวงลุงเอ่ยเสียงเรียบพลางยกน้ำชาขึ้นจิบ "คิดกันได้ยังไงว่าผีต้องกลัวพระกลัววัด"
"เอ๋???"
"ดูนั่น" หลวงลุงชี้มือไปทางป่าหลังวัด "เมรุเผาศพ โคนต้นโพธิ์นั่นก็มีแต่ของที่ไม่ดีๆแล้วเอามาทิ้งวัด เห็นอย่างนี้แล้วยังคิดว่าผีกลัวพระกลัววัดอยู่อีกหรือ? ในวัดน่ะ- -ผีเยอะกว่าข้างนอกอีก!"
พวกผมมองตามที่หลวงลุงชี้แล้วก็ขนตั้ง ลางสังหรณ์เห่าเตือนไม่มีหยุด ไอ้สามตัวก็คงจะเป็นเหมือนกันพวกเราเลยขยับเข้ามาเบียดกันเป็นกลุ่ม
"หึๆ นี่ก็ดึกแล้วกลับไปนอนพักผ่อนเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า โรมก็ดูแลเพื่อนด้วยอย่ารบกวนพระเณรกับผู้ปฏิบัติธรรม จะพูดจะจาอะไรกันก็เบาๆหน่อย"
++++++++++++++++++++
พวกผมนั่งเบียดรวมกันอยู่ในห้องเดียวไฟเฟยจะเปิดก็ไม่ได้เกรงใจพระท่าน ได้แต่พึ่งเทียนเข้าพรรษาเล่มโตซึ่งไอ้กลอนบอกได้เลยว่ามันสร้างบรรยากาศชวนสยองเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
"ไอ้โรมหลวงลุงพูดแปลกๆว่ะ มึงคิดว่าท่านตั้งใจจะบอกอะไรกันแน่วะ?"
ไอ้ตินที่ปีนขึ้นไปนั่งซุกตักไอ้โรมอย่างไม่ดูขนาดตัวควายๆของมันถามเสียงสั่น ไอ้หมูอบรีบยื่นหน้าจากโปงผ้าห่มมาเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่บิ๊กๆทันที
"นั่นดิ มึงเป็นหลานพอจะรู้เส้นหลวงลุงท่านหรือเปล่าวะ?"
"กูไม่แน่ใจว่ะ"
"มึงฉลาดที่สุดในกลุ่มแล้ว มึงลองบอกมาก่อนเถอะ" ผมที่กอดแทบจะสิงแขนมันพูดปะเหลาะพลางเหลียวซ้ายเหลียวขวาด้วยความระแวง
"กูว่าหลวงลุงเหมือนจะบอกว่านายตานีนั่นเข้ามาในวัดได้ว่ะ"
"เชี่ย!!!"
ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในวัดด้วยเถอะครับ แต่พวกผมไม่ได้ตั้งใจด่าจริงๆจังๆหรอกนะ ก็แค่หลุดปากตอนตกใจตามสันดานเหี้ยๆของพวกผมเอง
"มึงโกหกกูใช่ป่ะไอ้โรม!?"
เสียงผมสั่นยิ่งกว่าเดิม....แหงล่ะ- -ถ้าไอ้พี่ภพมันเข้าวัดได้จริงๆ คนที่ซวยมากที่สุดก็คือไอ้กลอนคนนี้แหละไม่ใช่ใครหน้าไหน
"เพื่อนน้องกลอนพูดถูกแล้วล่ะ"
.....................
.................
............
........
ชิบหายแล้วไง!!!!
โดยไม่ให้ตั้งเนื้อตั้งตัว พวกผมก็เห็นไอ้พี่ภพที่หน้าบึ้งงอเป็นจวักยืนกอดอกเก๊กท่าหล่อยู่หน้าประตูเรียบร้อยแล้ว
"คิดจะหนีพี่นั้นหรือ"
ฮือออออ ไอ้กลอนตายโหงแน่นอนงานนี้!
ผมกอดแขนไอ้โรมแน่นขึ้นอีกสองเท่า พวกเราสี่คนเบียดกันแทบจะผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ไอ้โรมที่รับบทหนักเป็นหลักให้เพื่อนเกาะเริ่มตาเหลือก แค่ไอ้ตินที่นั่งอยู่บนตักมันก็หนักพอแล้ว ยังมีผมกับไอ้หมูอบที่น้ำหนักน้องๆช้างเกาะแขนซ้ายขวาอีก
"กลอนมานี่"
ผมส่ายหน้าดิก ไอ้พี่ภพมันเลื่อนสายตาลงต่ำอีกนิด ก่อนตาเขียวเข้มจัดขึ้นมาทันที....กลายเป็นสีเขียวจริงๆนะครับไม่ใช่การอุปมาอุปไมยใดๆทั้งสิ้น
"ไอ้เหี้ยกลอน พี่เขาหึงที่มึงเกาะกูเป็นตุ๊กแกอยู่เว้ย! เพราะงั้นรีบไสหัวออกไปด่วนๆ!"
ไม่ว่าเปล่า....ไอ้โรมมันผลักบวกถีบผมถลาไปหล่นแหมะที่มือไอ้พี่ภพได้แม่นเหมือนจับวาง
"ห้องไอ้กลอนอยู่ข้างๆนะครับ แต่จะคุยกันก็เบาๆหน่อย ผมกลัว เอ๊ย! เกรงใจพระท่าน"
ฮือออออ~~~เพื่อนกูนี่รักกูชิบหาย!!!
พี่ภพมันลากผมมาในห้องปุ๊บก็กอดหมับแรงๆจนกระดูกผมแทบหัก ถึงทุกอย่างจะเงียบสนิท แต่น่าแปลกที่ผมกลับรับรู้ว่ามันกำลังสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ทำอะไรรุนแรงทั้งที่โกรธมาก
"กลัวพี่ขนาดนั้นเลยหรือ?"
ไอ้กลอนพยักหน้ารับไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว...แหงสิครับ- -นั่นผีนะครับ แค่ได้ผัวนี่ก็ทำเอาผมปวดร้าวพออยู่แล้ว ที่ต้องหมดสิ้นความแมนเสียศักดิ์ศรีเพลย์บอยตัวพ่อที่เที่ยวฟันหญิงเป็นว่าเล่นมายี่สิบกว่าปี แต่ไอ้ผัวที่ว่ายังเสือกเป็นผีอีก...ใครยอมรับได้ง่ายๆก็แสดงไม่แสดงว่าไม่บ้าก็เสียสติไปแล้ว
คิดจะสู้กับผีมันยากนะครับ....
ผีหายตัวได้ ล่องหนได้ อ่านใจได้ มีอิทธิฤทธิ์ยกนั่นเหาะนี่ เรียกว่าได้เปรียบผมเต็มประตูทุกประตูเลยก็ว่าได้ เกิดคบๆกันไปแล้วทะเลาะกันด้วยสาเหตุแอบหม้อสาว อารมณ์หงุดเงี้ยวอยากเที่ยวผับ ไม่ยอมให้ซั่ม หรือจะสาเหตุที่อะไรก็เหอะ แต่ได้เห็นชัดๆว่าคนที่ซวยคือไอ้กลอนเพียงฝ่ายเดียว
แล้วอย่างนี้จะให้ผมยอมง่ายๆได้ยังไงกัน!
หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมหรอก!!!
"น้องกลอน"
เสียงเรียกที่เหมือนจะขำแกมละเหี่ยใจของไอ้พี่ภพดึงสติผมที่คิดจนเพลินให้เผลอเงยมองหน้าหล่อๆของมัน และหน้ามันก็เหมือนน้ำเสียงเด๊ะ...ปากยกยิ้มน้อยๆแต่ตาฉายแววละเหี่ยจิตละเหี่ยใจ
.....ไอ้ผีหื่นมันเป็นอะไรของมันวะ???....
"นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ก็กราบลาพระท่านกลับบ้านสวนซะดีๆ พี่จะรออยู่ที่เรือน"
"ไม่กลับไม่ได้เหรอ?"
แม่ง...ทำไมกูถามเสียงอ้อนเป็นตุ๊ดได้ขนาดนี้วะ เหมือนผู้หญิงแอบหนีผัวมาเที่ยวแล้วไม่อยากกลับบ้านสัดๆ
"ไม่ได้!" ไอ้พี่ภพตอบเสียงแข็งทันที
"แล้วอย่าคิดว่าจะหนีพี่พ้นนะ" มันไม่ว่าเปล่ายังดึงแก้มผมซะย้วย "พี่เป็นผีนะ ตามน้องกลอนได้ถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว นี่ยังถือว่าใจดีมาตามเฉยๆถ้าทำให้พี่โกรธมากกว่านี้ล่ะก็....น้องกลอนได้รู้ซึ้งแน่ว่าผีหลอกหัวโกร๋นเป็นอย่างไร และเพื่อนๆของน้องกลอนก็จะโดนไปด้วยโทษฐานที่สนับสนุนน้องกลอนดีนัก!"
ขู่ซะผมเสียววูบเลยวุ้ย!!!
"สนับสนุนบ้าอะไรล่ะ ไม่เห็นเหรอว่าพวกมันจับกลอนใส่พานยกให้พี่ด้วยซ้ำ!"
พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็อารมณ์เสียครับ เพื่อนๆช่างรักไอ้กลอนเหลือเกิน!
"ก็ต่อหน้าเท่านั้นแหละ เลิกพูด นอนได้แล้ว"
ไอ้พี่ภพส่ายหน้าระอาแล้วก็ยกผมลงจากตักดันตัวลงนอนบนฟูกทั้งๆที่ยังกอดผมนั่นแหละ แถมด้วยผ้าห่มที่เหาะหวือมาคลุมเราได้อย่างพอเหมาะพอดี กระทั่งไอ้พี่ภพดีดนิ้วดับเทียนจนห้องมืดสนิทไอ้กลอนถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อกี้ท่าทางตัวเองแม่งโคตรหล่อแหลม....
คุณๆนึกออกป่ะ?....ไอ้พี่ภพนั่งขัดสมาธิมีผมนั่งคร่อมทับหันหน้าเข้าหากันและแนบชิดติดกันแบบสุดๆ เพราะมันใช้สองแขนกอดผมไว้แน่น เหี้ย!- -กูนั่งไปได้ไงวะ!?
"น้องกลอน ถ้ายังไม่เลิกคิดอะไรไร้สาระเราก็มาทำอย่างอื่นกันดีกว่าไหม?"
"รู้แล้วๆ อย่าทำจริงๆนะไอ้พี่ภพ นี่มันในวัดนะเว้ย!"
"งั้นก็รีบนอน"
"เผด็จการชิบหาย"
แล้วผมก็ต้องเลิกบ่นเลิกพูดและคิดอะไรอีกแบบด่วนๆหลังจากถูกไอ้พี่ภพกอดแน่นขึ้นเป็นสัญญาณเตือน
ว่าแต่.....
กูหายกลัวไอ้พี่ภพตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?
+++++++++++++++++++++
"ตกลงมึงจะกลับบ้านสวนไปเป็นเมียผีจริงๆ?"
ผมซัดผัวะไปเต็มเหนี่ยวหลังกลางหลังไอ้ตินโทษฐานพูดจาเข้ารูหูแต่ไอ้กลอนทนฟังไม่ได้
"ปากเสีย มึงอ่ะมีคดีติดตัวหลายกระทงนะมึง อย่าให้กูว่างมาคิดบัญชีล่ะ กันกูเอาเต็มที่แน่!"
"คิดเหรอว่าจะได้ออกมาง่ายๆ ดูก็รู้ว่าคุณผีตานีโคตรๆๆๆๆหวงมึง กลับไปนี่มึงได้นอนแบ่บกับเตียงเป็นเดือนแน่ ฮ่าๆๆๆ"
ไอ้กลอนสะอึกพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ที่โดนไปเกือบอาทิตย์หนึ่งนั่นเป็นความทรงจำที่แย่โคตรๆ....เสียวอ่ะมันก็เสียวอยู่ แต่มากเกินไปมันก็ไม่สนุกหรอก เหมือนกับการกินอาหารอร่อยๆนั่นแหละ ใครๆก็อยากกิน แต่ถ้าให้กินติดๆกันไม่มีหยุดความอร่อยก็จะหดหายเหลือแต่ความคลื่นเหียนอยากจะอาเจียน
"ไอ้หมาตีนหยุดเห่าก่อน!" ไอ้หมูอบตวาดเสียงเครียดเมื่อเห็นท่าทางย่ำแย่ของผม ไอ้ตินเลยเลิกล้อมีสีหน้าเป็นห่วงขึ้นมาทันที
"พวกมึงกูกลัว"
ในแง่ของความเป็นผี...ผมยอมรับว่าเริ่มชินกับมันแล้วเพราะไอ้พี่ภพแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากคนทั่วไป มันอาจจะใช้อิทธิฤทธิ์โน่นนี่นั่น แต่ก็ไม่ได้ใช้แหกอกแหกตาหลอกให้กลัว ดังนั้นไอ้กลอนยังพอรับได้อยู่ครับ
แต่ในแง่ของความเป็นผัวนี่สิ...ไอ้กลอนยอมรับว่ากลัวสุดตีน กลัวแบบโคตรๆ คิดดูสิ- -กะอีแค่ผมหลุดปากตามแรงอารมณ์ว่าชอบสาวๆสวยๆ มันก็หาเรื่องกดผมไปเป็นอาทิตย์ แล้วนี่ผมทำให้มันโมโหสุดๆคุณคิดว่าอาทิตย์เดียวมันจะเอาอยู่งั้นเหรอ!
"ใจเย็นๆไอ้กลอน มึงอย่าเพิ่งมโนไปเอง กูว่าเขาก็ใจเย็นขึ้นเยอะแล้ว ไม่งั้นคงไม่กลับไปรอคุยกับมึงที่บ้านสวนหรอก" ไอ้โรมลูบหัวตบหลังปลอบผมเสียงอ่อน "เอางี้ เดี๋ยวพวกกูไปกับมึงด้วย"
"เฮ้ย!!!"
ไอ้สองตัวที่เหลือร้องเสียงหลง แต่เมื่อเจอสายตาดุๆของไอ้โรมก็หน้าสลดยอมพยักหน้ารับด้วยท่าทางเหมือนจะตาย ส่วนผมก็ไม่สนว่าเพื่อนจะอยากหรือไม่อยากไป นาทีนี้ไอ้กลอนขอมีเพื่อนร่วมชะตากรรมก่อนล่ะครับ
++++++++++++++++++++++
ในเวลานี้ไอ้กลอนมีความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นโจรที่กำลังย่องเบาเข้าบ้านตัวเองยังไงพิกล ยกเว้นไอ้โรมแล้วที่เหลือต่างหันซ้ายหันขวาหวาดระแวงสุดขีด
"พวกมึงนี่- -"
ไอ้โรมพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนสลัดไอ้ตินกับไอ้หมูอบที่เกาะมันแน่นทิ้ง แล้วลากมือผมขึ้นบันไดเปิดประตูบ้านเข้าไปเร็วซะจนไม่ให้ได้ตั้งตัวสักนิด
"พี่ตานีผมพาไอ้กลอนมาส่ง"
ไอ้โรม....มึงกล้ามาก!!!
"อ้อ มากันแล้วหรือ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ"
ผมนิ่งอึ้งมองไอ้พี่ภพผัดอะไรสักอย่างในกระทะส่งกลิ่นหอมฉุยเหวอๆ ส่วนไอ้สามคนนั่นก็ใบ้แดกไปเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าพวกมันอึ้งเพราะสาเหตุไหน แต่สำหรับผมแล้วกำลังอึ้งที่ไอ้พี่ภพมันทำอาหาร!
อ่านปากกลอนนะครับ.....
ทำ-อา-หาร
คุณพระช่วย! ไอ้พี่ภพมันเกิดคึกอะไรขึ้นมาถึงได้จุดไฟจับตะหลิวลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง ทุกทีเห็นใช้อิทธิฤทธิ์แบบผีๆจัดการเอาแท้ๆ ครั้งแรกที่เห็นนี่ไอ้กลอนผวาไปเลยกับฉากทัพพีกำลังคนแกงในหม้อโดยไม่มีใครจับ (ผู้ใดนึกภาพไม่ออกกรุณาไปหาหนัง harry potter มาดู)
"เฮ้ย! ไอ้กลอนพี่เขาเป็นผีจริงแน่นะ"
ไอ้ตินกระซิบกระซิบถามเสียงเบาหวิว ผมไม่สนใจคำถามของไอ้เพื่อนปากหมาแต่เดินกึ่งเต้นหรับๆไปยืนมองไอ้พี่ภพตาโต จนกระทั่งมันหันมาเห็นจึงเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม
"พี่กินยาผิดป่ะ? หรือรากกล้วยโดนเผาเลยกระทบกระเทือนถึงจิตใจ!"
"น้องกลอนตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่"
"ก็พี่ทำกับข้าว!"
สามคนและหนึ่งผีพากันเงียบกริบแถมยังทำหน้างงๆไม่เข้าใจอะไรอีกต่างหาก ผมเลยบอกย้ำไปอีกทีหนึ่งแบบเน้นๆ
"พี่ภพทำกับข้าว!"
"แปลกหรือ?"
"ปกติพี่ลงมือทำเองซะที่ไหนล่ะ ใช้อิทธิฤทธิ์ช่วยตลอด!"
"........"
"......"
"เฮ้อ~~น้องกลอน"
"เฮ้อ~~ไอ้กลอนเอ๊ย"
ผมมองซ้ายมองขวาดูไอ้โรมจ้องตากับไอ้พี่ภพงงๆเพราะสองคน เอ๊ย! หนึ่งคนกับอีกหนึ่งผีพอเรียกชื่อผมขึ้นมาพร้อมกันก็หันไปประสานตาสื่อสารข้อความที่เข้าใจกันเพียงลำพัง ทิ้งให้พวกเราอีกสามคนอยู่วงนอกกลายเป็นส่วนเกินซะงั้น
หรือว่า....ไอ้พี่ภพจะชอบไอ้โรม!
"อย่าคิดอะไรไร้สาระนะน้องกลอน"
ผมสะดุ้งเฮือกยิ้มแหยๆหนีเข้าไปซุกหลังไอ้ตินกับไอ้หมูอบ แต่พวกมันก็เสือกไสผมออกมา หนึ่งแรงหรือจะสู้สองแรงได้ สุดท้ายไอ้กลอนก็ถูกดันออกมาอยู่แนวหน้าจนได้
"ไอ้กลอนกูกลับก่อนล่ะ มึงก็พูดคุยกับพี่เขาดีๆอย่ารั่วให้มันมากนัก เห็นใจพี่เขาหน่อยที่ต้องมาดูแลมึงที่อายุสมองเท่ากับเด็กสิบขวบน่ะนะ"
"เดี๋ยวๆ ไหนมึงบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกูไง!"
ถึงหางคิ้วจะกระตุกกับถ้อยคำเหน็บแนมของไอ้โรม แต่ผมก็ต้องทำเป็นเมินเกาะแขนมันเอาไว้ก่อน...บ้าน่า- -ถ้าไอ้โรมไป ไอ้ตีนกับไอ้หมูอบมีหรือจะยอมอยู่ เพราะงั้นมึงจะด่ากูอีกสักกี่ครั้งไอ้กลอนคนดีก็ไม่ถือสา
"ไม่จำเป็นแล้วล่ะ ป่ะ- -กลับได้แล้วพวกมึง ปล่อยให้ผัวเมียเค้าเคลียร์กันเอง"
"จะ- -จะดีหรือวะ?" ไอ้ตินถึงจะกลัวจนหัวหดแต่ก็ยังอุตส่าห์ยื่นหน้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
"มึงจะไม่กลับก็ได้ แต่กูกลับล่ะ"
"เฮ้ยๆๆๆ รอกูด้วย เอ่อ- -ไอ้กลอนมึงก็ทนๆไปก่อนนะ บาย!"
ว่าแล้วไอ้ตินก็วิ่งตามหลังไอ้หมูอบที่แทบจะกลิ้งหลุนๆไปรออยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว ทิ้งให้ผมที่โดนมือตุ๊กแกของไอ้พี่ภพยึดคอเสื้อมองตามหลังรถคันหรูของไอ้โรมด้วยน้ำตานองหน้า
"พะ- -พี่ภพ"
"ว่าไงจ๊ะ?"
น้องกลอนโคตรเกลียดเวลาที่มึงพูดหวานๆเลยว่ะ โคตรสยอง!
"ถ้าจะเอากลอนห้ามเอาติดๆกันแบบข้ามวันข้ามคืนเหมือนคราวก่อนนะ! กลอนโคตรเหนื่อย โคตรเพลีย โคตรเจ็บ!!!"
"อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆ"
มันพยายามกลั้นหัวเราะแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวหลุดหัวเราะเสียงดังจนผมหน้าหงิก....อะไรวะ! นี่มันเรื่องซีเรียสนะโว้ยจะมาหัวเราะทำหอกอะไร!
"แฮ่ม! ถ้าน้องกลอนสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี ไม่หนีไปอีกพี่ก็ตกลง"
"อย่ามาพูดเหมือนกลอนเป็นเด็กนะ!"
"ถ้าไม่ใช่เด็กเราก็มาทำเรื่องของผู้ใหญ่กันดีไหมจ๊ะ?"
ผมมองหน้าหื่นๆของมันที่ยื่นเข้ามาจนชิดแล้วก็ส่ายหน้ารัวๆ แม่ง...เรื่องอะไรจะยอมวะ
"รู้แล้วๆ กลอนจะไม่หนีพี่ไปไหนอีกแล้ว"
"สัญญาแล้วนะ"
"สัญญา!"
"ดี งั้นก็มาทานข้าวก่อน เสร็จแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกันอีก"
"แค่คุยนะ?"
ผมถามมันอย่างระแวงไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ว่ามันจะยอมแค่คุยจริงๆไอ้พี่ภพหัวเราะหึๆในคอแบบชวนหมั่นไส้ ก่อนจะตอบยืนยันให้โล่งใจ
"แค่คุยเฉยๆ"
เพราะงั้นไอ้กลอนเลยเดินไปนั่งรอมันที่โต๊ะทานข้าวอย่างสบายใจโดยไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับเสียงพึมพำเบาหวิว
"ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ทำบนเตียงก็ได้"
++++++++++++++++++++