ต่อ
กว่าที่คุณวุฒิจะยอมมาส่งขนมผิงที่คอนโดเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเย็น ขนมผิงหิ้วขนมถุงใหญ่ยืนมองรถของคุณวุฒิขับออกไปจนลับตา ดูท่าคุณหมอคงจะรู้ดีว่าลูกหมูของเขากินเยอะถึงได้ซื้อขนมมาให้สองถุงใหญ่ขนาดนี้
ขนมผิงไม่ได้คิดจะนอนค้างที่คอนโดเลยสักนิดเพราะเขาต้องกลับไปหาลูกๆที่บ้าน แต่เขาเลือกให้คุณวุฒิมาส่งที่นี่ก็เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรู้จักบ้านก็เท่านั้น ขายาวเตรียมก้าวเดินไปยังลานจอดรถ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากับร่างสูงของใครบางคนนั่งอยู่บริเวณล็อบบี้ของคอนโด
ขนมผิงไม่ได้ค้างที่คอนโดมาพักใหญ่หลังจากที่ปิญญ์ชานนท์บุกเข้ามาในห้องของเขาวันนั้น ดูท่าว่าปิญญ์ชานนท์คงจะมาดักรอเขาและติดสินบนให้กับพนักงานและรปภ.ของที่นี่ ถึงจะไม่พอใจแต่ขนมผิงไม่ได้ติดใจที่จะพาลให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะคนอย่างปิญญ์ชานนท์ เพราะยังไงเขาก็ไม่ค่อยจะได้มาที่นี่อยู่แล้วหากไม่จำเป็น
ใบหน้านิ่งเฉยหันไปพยักหน้าให้กับชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งรอเขาอยู่อีกฟากของล็อบบี้ ก่อนจะเดินเบี่ยงออกเดินลัดเลาะไปยังด้านข้างของตัวตึกคอนโด
เป็นเวลาเย็นมากแล้วจนแสงแดดสีส้มค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความมืด ระหว่างที่กำลังสาวเท้าไปข้างหน้า ขนมผิงปรายตามองมายังด้านหลังเล็กน้อย แล้วก็เป็นอย่างที่คิดที่ปิญญ์ชานนท์กำลังเดินตามเขามา
ดูเหมือนว่าปิญญ์ชานนท์ต้องการที่จะจองล้างจองผลาญเขาให้ถึงที่สุดสินะ ทั้งที่เป็นฝ่ายผลักไสไล่ส่งเขากับลูกในวันนั้น แต่พอมาวันนี้กลับเป็นฝ่ายที่ยัดเยียดเอาตัวเองเข้ามายุ่งกับชีวิตของเขาไม่จบไม่สิ้น
ตกลงแล้วปิญญ์ชานนท์ต้องการอะไรจากเขากันแน่!! หรือว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายต้องการที่จะทำให้เขาย่อยยับไปมากกว่าสามปีที่แล้วกัน
“ไง หายหน้าไปหลายวัน คิดว่าจะจับเหยื่อใหม่ๆได้แล้วซะอีก ทำไมถึงได้กลับมาหาน้องชายฉันซะล่ะ”
สิ้นเสียงคุกคามแขนของผอมก็ถูกดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้า
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะครับ…คุณปิญญ์”หันไปตอบด้วยน้ำเสียงยียวนไม่ต่างกัน
ทั้งขนมผิงและปิญญ์ชานนท์หยุดยืนอยู่ริมสระน้ำของคอนโด ในเวลาที่เย็นจัดเกือบจะมืดแล้วแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่ค่อยเดินผ่านไปมาเลยสักคน
“เกี่ยวสิในเมื่อนายเป็นเมียฉัน ฉันมีสิทธิทุกอย่างในตัวนาย มีสิทธิที่จะห้ามไม่ให้นายไปอ่อยคนอื่นไปทั่ว”
คำพูดของปิญญ์ชานนท์ช่างเป็นเรื่องน่าขบขันที่ตอกย้ำให้ขนมผิงรู้สึกเจ็บจนจุก ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มขึ้นมาราวกับกำลังเยาะเย้ยในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพูด
“คุณเป็นโรคจิตรึไงคุณปิญญ์ถึงได้ตามราวีผมอยู่ได้ ถ้าว่างนักคุณน่าจะเอาเวลาของคุณไปใส่ใจกับราคาหุ้นที่กำลังจะตกดีกว่านะครับ”
“นายรู้ได้ยังไง!! อ้อจริงสิ ในเมื่อนายเองก็มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนี่ นายนี่วันหนึ่งได้เหยื่อยกี่รายกันนะ ฉันไม่อยากจะคิดถึงจำนวนเลยจริงๆ”พูดพร้อมกับเหยียดยิ้มดูแคลน
ไม่เพียงแค่นั้น มือใหญ่ที่กุมแขนของผอมเอาไว้กลับบีบแน่นขึ้น ออกแรงดึงให้ขนมผิงเซเข้าไปหาจนใบหน้าปะทะเข้ากับแผงอก
ขนมผิงเงยน้าจ้องมองอีกฝ่ายแน่นิ่ง ริมฝีปากยังคงไม่หยุดเหยียดยิ้มโต้ตอบแม้ว่าลมหายใจร้อนผ่าวจะเป่ารดลงมาบนใบหน้าก็ตาม
“กี่รายผมก็ไม่รู้หรอกนะ…แต่ดูท่าคุณคงอยากที่จะเป็นรายถัดไป ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ตามผมมา”
ราวกับต้องการจะเยาะเย้ย ขนมผิงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าคมคาย ค่อยๆเบี่ยงหน้าหลบออกมาแล้วเป่าลมหายใจใส่หูของอีกฝ่ายเป็นการหยอกล้อ
คนเรามักจะไม่ชอบในสิ่งที่เกลียด…เมื่อขนมผิงแสร้งเป็นในสิ่งที่ปิญญ์ชานนท์เกลียดปิญญ์ชานนท์ย่อมไม่พอใจ มือใหญ่ยอมปล่อยแขนของเขาออกก่อนจะออกแรงผลักจนขนมผิงเซถอยออกมาครึ่งก้าว
ใบหน้าหล่อเหลาดูถือตัวเมื่อครู่แปลเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด นัยน์ตาคู่ดุจ้องมองมาที่เขาด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด แต่แทนที่ขนมผิงจะกลัวกลับรู้สึกสะใจในโทสะของอีกฝ่ายที่ตัวเองได้กวนจนมันขุ่น
“ใครบอกว่าฉันตามนายมา!! คนชั้นต่ำอย่างนายอย่ามาหลงตัวเองไปหน่อยเลย คนอย่างนายมันน่าขยะแขยง!!”
“อ้อ ถ้างั้นคุณจะบอกผมว่าที่คุณมาที่นี่ก็เพราะว่าคุณมาหาคนรู้จักของคุณงั้นสิ อืมมมม น่าเชื่อถือดีนะครับ”ขนมผิงแสร้งพยักหน้า ยิ้มราวกับกำลังสวมใส่หน้ากาก
“ชะ ใช่ ฉันมาหาคนรู้จักของฉัน เรื่องอะไรฉันจะต้องมาหาคนอย่างนาย!! ฉันไม่มีวันที่จะสนใจคนอย่างนายจนต้องตามนายมาหรอกนะ!!”ช่างเป็นคำพูดที่น่าเชื่อถือดีจริงๆกับใบหน้าที่ดูลุกลี้ลุกลน
“ถ้างั้นก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องมาคอยระแวง…ว่าคนอย่างคุณจะมาหลงเสน่ห์ผมจนตามผมไปแทบทุกที่แบบนี้”
“มันจะมากไปแล้วนะขนมผิง!!”ปิญญ์ชานนท์ตวาดกร้าวอย่างไม่พอใจ
ร่างสูงใหญ่ปรี่เข้ามาหาขนมผิงด้วยความรวดเร็ว แต่นั่นก็ไม่เร็วเท่ากับร่างที่สูงใหญ่พอๆกันเดินเข้ามาประชิดแล้วคว้าแขนที่กำลังยื่นมาหาเขาเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
บอดี้การ์ดที่แทนทัพส่งมาให้สามารถแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่แรกเจอจนขนมผิงอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“นายเป็นใคร!!”ปิญญ์ชานนท์ถามด้วยความไม่พอใจเมื่อข้อมือถูกจับเอาไว้แน่นหนำซ้ำยังออกแรงบีบจนต้องนิ่วหน้า
ดูเหมือนว่าปิญญ์ชานนท์คงจะไม่ค่อยชอบใจนักที่เป็นฝ่ายถูกกระทำซะเอง
“ไม่รู้สิครับ อาจจะเป็นเหยื่อรายใหม่ของผมก็ได้ ใครจะไปรู้”ขนมผิงพูดพลางสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ร่างของปิญญ์ชานนท์
ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นจ้องมองอีกฝ่ายราวกับต้องการจะกวนอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่แล้วให้ปะทุมากขึ้น มือผอมยกขึ้นมาวางทาบลงบนแผงอกแข็งแรงอย่างเบามือด้วยท่าทียั่วเย้า
เพียงเสี้ยววินาทีที่ปิญญ์ชานนท์กำลังเผลอไผลกับนัยน์ตาคู่โศกที่จ้องมองเข้ามาในดวงตา มือที่ทาบลงมาบนอกก็ออกแรงผลักให้เขาถอยไปยังด้านหลังอย่างไม่ใยดี เป็นจังหวะเดียวกับข้อมือที่ถูกบีบเอาไว้คลายออก
ตูมมมมม!!
ไม่ทันตั้งตัว เสียงผืนน้ำตกกระทบก็ดังสนั่นพร้อมกับละออกน้ำสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
ขนมผิงได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เขากำลังพึงพอใจที่เห็นหมาบ้าอย่างปิญญ์ชานนท์กำลังตะเกียกตะกายอยู่ในสระน้ำ
ถึงแม้ว่าน้ำในสระนั่นจะไม่สามารถชำระจิตใจอันสกปรกของอีกฝ่ายได้ แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะชำระล้างกลิ่นกายอันกายน่าสะอิดสะเอียนไปได้บ้าง
-----------------------------------------------------------------------------------