ตอนที่ 30 ถ้าตัดคำว่า "ไม่" ออก
ผมหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้... แถมยังตื่นสายมากอีกต่างหาก ยังดีที่มีเรียนสายก็เลยไม่เป็นไร
ไอ้จอมป่วนมันหายไปอีกแล้ว หายไปตอนที่ผมกำลังหลับ แต่มันจะอยู่หรือไปผมก็ไม่ได้สนใจอยู่ดี ก็แค่กระต่ายเพี้ยนตัวนึงเท่านั้นนี่นา ถึงมันจะหลุดออกจากกรงไปโดนหมาป่ากัดตายก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมจริงไหม?
ผมไปเรียนตามปกติ ถึงจะยังรู้สึกปวดไหล่ เคล็ดขัดยอกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปบ้างแต่ก็สดชื่นกว่าตอนที่อดหลับอดนอน อัตราความหงุดหงิดจึงลดลงประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์
เย็นวันนั้นผมกลับห้องเร็วเพราะถึงจะไปชมรมก็คงจะโดนไล่กลับมาอยู่ดี ไม่ไปดีกว่า
ด้วยความที่ว่างมากเลยเริ่มทำความสะอาดห้อง จัดแจงเอาเสื้อผ้าที่อัดแน่นเต็มตะกร้าไปซักเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญข้างล่าง ขัดห้องน้ำ แล้วก็นอนหมดสภาพ
พักสายตาไปได้ครู่เดียวยังไม่ทันได้เคลิ้มเสียงโทรศัพท์ก็กรีดร้องขึ้น ผมสะดุ้งคว้าอุปกรณ์สื่อสารนั่นมากดรับทันที
“อื้อ...ว่า?” ผมส่งเสียงอู้อี้ลงไปคล้ายคนเพิ่งตื่น จนอีกฝ่ายก็ชะงัก
“อ้าว...หลับอยู่เหรอ?” เสียงโต้งตอบกลับมา ทำให้ผมผิดหวังเล็กน้อย...
นั่นสินะ ผมควรรู้แต่แรกว่า คงไม่ “สำคัญ” มากขนาดที่ “มัน” จะโทรหา
“อื้อ” ผมตอบกลับสั้นๆ เหมือนตอบรับในคำถาม แต่ความจริงผมขี้เกียจคุยด้วยอีกประการหนึ่ง กลัวว่าจะหาเรื่องเหวี่ยงพาลคนรอบข้างไปทั่ว เมื่อเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
“งั้นมึงนอนต่อเถอะ แค่นี้นะ” มันวางสายไปไม่เซ้าซี้อีก คงไม่อยากรบกวนคนกำลังนอน
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง มือที่กำโทรศัพท์ไว้มันคงหนักจนไม่สามารถหลับตาลงได้อีก จนนึกโมโหที่โต้งดันโทรมาตอนนี้ แต่ความจริงจะโทษโต้งมันก็ไม่ได้ มันอาจจะเป็นห่วงเพราะเห็นสภาพโทรมๆ ของผมเมื่อวาน ซึ่งก่อนกลับมาผมโทรไปหาเคลียร์แล้ว แต่ผมไม่ได้ใส่ใจที่จะโทรหามันเลย มันต้องเป็นฝ่ายโทรเชคอยู่ตลอดว่าผมยังอยู่ดี ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยหรืออดตายไปแล้วแทบทุกครั้ง
ถ้าตัดเรื่องที่เราบังเอิญชอบคนคนเดียวกันออกไป ผมว่ามันก็เป็นคนดี เป็น “เพื่อน” ที่แสนดีจริงๆ
ผิดกับไอ้กระต่ายฮิตเลอร์นี่อย่างฟ้ากับเหว ที่มันไม่เคยเลยที่จะใส่ใจว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง โลกคงหมุนรอบตัวมันคนเดียวถึงได้เห็นแก่ตัว เอาแต่ใจได้ขนาดนี้
ผมกดเลื่อนไปตามเบอร์โทรเข้าออกในโทรศัพท์
นอนมองจ้องหมายเลขสิบหลักที่ไม่ได้เมมชื่อเอาไว้นั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมลบชื่อมันออกจากเครื่องเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ก็ตลก...ที่ผมจำเบอร์มันได้ “ขึ้นใจ”
ผมไม่เคยคิดจะโทรหามันเลยสักนิด แต่ระหว่างที่กำลังเหม่อ มือมันก็เผลอกดโทรออกไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
หัวใจผมเต้นแรง เพราะลังเลว่าจะกดวางสายหรือรอให้มันกดรับดี แต่ท้ายที่สุดระหว่างที่ผมยังลังเลอยู่ เสียงก้องๆ ก็แผดออกมาจากโทรศัพท์...ผมเอาโทรศัพท์แนบหูอย่างช้าๆ
“ฮัลโหล....”
“อ้าว...มึงเองเหรอวอก ” อีกฝ่ายถามกลับ
“ถ้าไม่ใช่กูแล้วมึงคิดว่าเป็นใครล่ะไอ้สัด.....” ผมแกล้งด่ากลับไปกลบเกลื่อนความรู้สึกทั้งมวลตอนนี้
“เปล่า... แค่ไม่คิดว่ามึงจะโทรมา.... มีอะไรหรือเปล่า?”
เออ... นั่นสิ ผมมีอะไร? ไม่มีเลย ไม่มีธุระอะไรทั้งสิ้น ผมก็แค่.....
“เออ... โทษที กูแค่โทรผิด” ผมตอบกลับไป ก่อนจะกดวางสายโดยไม่ได้ฟังอีกฝ่ายพูดอะไรอีกเลย
ทุกอย่างไม่มีเหตุผล ผมไม่ได้อยากโทรไป ไม่ได้อยากฟังเสียงมันเลยสักนิด ก็แค่มือเจ้ากรรมมันเผลอไปโดนปุ่มโทรออกเท่านั้นแหละ และการที่คนรับสายจะไม่ได้แสดงอาการว่าดีใจที่ผมโทรไป ผมก็ไม่ได้รู้สึกน้อยอกน้อยใจอะไรสักนิดเดียว การที่วางสายไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ ไม่ได้ทำเพราะอยากเรียกร้องความสนใจด้วย
และการที่มันไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่โทรกลับนานเป็นสิบๆ นาทีแบบนี้ ผมก็ไม่ได้รอ...
ผมไม่ได้อ่อนแอ เจ็บปวด หรือหวั่นไหวเลยสักนิดเดียว....
ผมบอกตัวเองแล้วพยายามข่มตาหลับ นิ่งนานอยู่หลายนาทีก็ยังไม่ยอมหลับ...
ยกมือปาดน้ำตาที่ซึมๆ ออกจากหัวตา
ได้โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าผมร้องไห้ ...
เพราะผมก็แค่ง่วงนอนมากเท่านั้นเอง ไม่ได้ร้องไห้เพราะเหตุผลอื่นเลยจริงๆ
...............................
ห้ามโวยวายว่าตอนนี้สั้นนะ เพราะ มันสั้นจริงๆ ฮ่าๆ
ช่วงนี้มีโหวต เซ็งเป็ดกันอ่ะ แบบว่า ก็เลยแต่งมาลงสักหน่อยก่อน
เพราะกลัวจะมีใครๆ ใส่ชื่อลงไปเป็นนิยายดองเค็ม ฮ่าๆ
ตอนนี้เอาไปแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวแต่งมาเพิ่มให้เร็วๆ นี้
ขอบคุณทุกๆ คนที่ตามทวงนะคะ