โทรครั้งที่ 14_______________
Call 98
เอิ้นพยายามไม่คิดมากเรื่องที่แล้วมา เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ควรเก็บมาคิดมากหรือน้อยใจให้วุ่นวาย สลัดความรู้สึกหม่นหมองออกไป จดจ่อกับปัจจุบันให้มากที่สุดเหมือนที่โชนเคยบอก
เอิ้นชวนให้โชนค้างคืนที่นี่ เพราะดึกมากแล้ว ส่วนโชนเองก็ไม่ปฏิเสธ อันที่จริงเขาก็ตั้งใจจะมาค้างกับเอิ้นอยู่แล้ว
โชนอาบน้ำเสร็จสรรพ เขามองตัวเองในเสื้อผ้าของเอิ้นที่ดูจะผิดไซส์เล็กน้อย
คนตัวสูงเดินใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมมาหาเอิ้น ก่อนนั่งลงข้างๆ
“คุณเอิ้น...ยังโกรธอยู่ใช่ไหม”
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้โกรธ”
“แต่ว่า...” โชนอยากจะบอกว่าเอิ้นดูเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง เพียงแต่คนแก่กว่าหันมาส่งยิ้มให้
“ไม่ได้โกรธครับ” รอยยิ้มของเอิ้นทำให้โชนหัวใจเต้นแรงจนหาเสียงตัวเองไม่เจอ
ต่อจากรอยยิ้ม ก็ตามด้วยอ้อมกอดอุ่นจากอีกฝ่าย เอิ้นพุ่งกอดโชนโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งตัว เขาตกใจเล็กน้อย แต่ก็เอื้อมมือกอดคนตัวเล็ก ตอบรับไออุ่น กดให้เอิ้นจมลงไปกับหน้าอก
“คิดถึง” เอิ้นเอ่ย... “คิดถึงจังเลย”
“ผมด้วย”
“จริงหรือ...? ไม่ใช่ว่าติดเกมจนลืมผมไปแล้วหรอกหรือ”
“เปล่านะครับ” คนติดเกมเอ่ยเถียง แต่เพราะโชนติดเกมจริง ทำให้มาหาเอิ้นช้า เขาจึงไม่อาจหาข้อแก้ตัวอะไรให้ตัวเองมากมายอีกนอกจากคำปฏิเสธที่ฟังไม่ขึ้น
โชนรู้ตัวว่าทำให้เอิ้นเสียใจอีกแล้ว เขาควรละเอียดอ่อนกับความรู้สึกของเอิ้นให้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้เรื่องที่ทำผิดไปแล้วล้วนย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้
“...ขอโทษนะครับ” จึงได้แต่เอ่ยคำขอโทษที่ใครๆ ก็พูดกันได้
เอิ้นยิ้ม ไม่ได้สนใจคำแก้ตัวหรือคำขอโทษใด เขากอดโชนแน่นขึ้นไปอีก
ที่ต้องการ...มีแค่นี้เอง
ขอแค่อ้อมกอดและไออุ่นจากคนๆ นี้ ให้เขารู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
ขอแค่นี้เอง
Call 99
เวลาผ่านไปจนดึกกว่าเดิม ทั้งคู่พากันเข้านอน ครานี้เตียงนอนของเอิ้นไม่ได้เล็กแคบเหมือนเตียงที่หอโชนแล้ว แต่สองร่างก็ยังคงนอนเบียดกันไม่ห่าง
เอิ้นลอบดมกลิ่นกายของโชน แสนคิดถึง แสนคะนึงหา
ซุกซบใบหน้าตัวเองแนบกับอกแกร่ง ลอบฟังเสียงหัวใจของอีกฝ่าย แอบใช้เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจแทนบทเพลงขับกล่อมให้นอนฝันดี
ทว่ายังไม่ทันจะได้หลับตา โชนก็เอ่ยออกมาทำลายความเงียบ
“คุณเอิ้น”
“หืม”
“ยังโกรธอยู่ใช่ไหม”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ได้โกรธ”
“...ผมไม่อยากให้คุณเอิ้นปิดบังผมนะ” โชนคอยสังเกตเห็นเอิ้นอยู่ตลอด และการที่เอิ้นดูเงียบซึมเช่นนี้ เขาหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะนึกเคืองกันอยู่
คงจะดีกว่าถ้ายอมพูดให้เข้าใจกัน
“ผมไม่ได้โกรธ” เอิ้นว่า “แต่ก็เสียใจนิดหน่อยที่โชนไม่มาหา”
“ผม...ติดเกม ผมผิดเอง ขอโทษนะครับ”
“อืม ไม่เป็นไรหรอก”
“ผมปล่อยให้คุณเอิ้นอยู่คนเดียวอีกแล้ว...”
“ไม่เป็นไรหรอก”
“คุณเอิ้นอยากตีผมไหม ลงโทษผมยังไงก็ได้ คุณเอิ้นจะได้สบายใจ”
“ไม่ทำหรอก...”
โชนสำนึกผิดอย่างจริงจัง เขาเคยใจร้อนเป็นเด็กๆ จนทำให้เกิดเรื่องมาครั้งนึงแล้ว พอครั้งนี้ก็ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เอิ้นเสียใจอีก เขามันไม่ละเอียดอ่อนเลยจริงๆ
ถึงอย่างนั้น เอิ้นก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากเอ่ยคำว่าไม่ได้โกรธ กับไม่เป็นไร
แต่โชนรู้ว่ามันไม่จริง น้ำเสียงของเอิ้นเบาหวิวจนสัมผัสได้ว่าคนน่ารักมีเรื่องไม่สบายใจ
“คุณเอิ้น...มีอะไรอยากบอกผมอีกไหม”
“...” เอิ้นลังเล ไม่กล้าบอกความจริงในใจ กลัวอีกฝ่ายรำคาญ
“บอกมาเถอะนะ เราจะได้เข้าใจกันมากขึ้น”
“ผม...” เอิ้นตัดสินใจเอ่ย “ผมคิดว่ามีแค่ตัวเองที่คิดถึงโชน...”
“ผมก็คิดถึงคุณเอิ้นนะ”
“แต่โชนไม่มาหา...ปล่อยผมรออยู่คนเดียว ผมเลยคิดว่ามีแค่ผมที่รอให้เราเจอกัน”
“ไม่จริงนะ” โชนว่า
เอิ้นมุ่นคิ้วกับคำเอ่ยปฏิเสธของคนข้างกาย เขาขยับตัว จับไหล่โชนไว้แน่น พลิกตัวขึ้นมาคร่อมโชนไว้ใต้ร่าง
เอ่ยประโยคที่ค้างคาอยู่ในใจออกมา
“ถ้างั้นทำไมไม่รีบมาหา”
ไม่ว่าเปล่า เขาขยับใบหน้าเข้าหาอีกฝ่าย บรรจงจุมพิตแสนหวาน เอ่ยแทนความคิดถึงที่ท่วมล้น
Call 100
“คุณ...เอิ้น...”
เอิ้นไม่ปล่อยให้โชนส่งเสียงอะไรออกมา เมื่อเขาเริ่มชิมริมฝีปากของอีกฝ่าย ทำตามที่โชนเคยพร่ำสอนยามจูบกัน ค่อยๆ ใช้ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัด ชอนไชไปในโพรงปาก ไล่ชิมน้ำหวานละมุนลิ้น
โชนค่อยๆ สัมผัสใบหน้าหวาน ยึดมือจับแน่นไม่ให้เอิ้นหันหน้าหนี ก่อนรุกจูบกลับ
คนเริ่มจูบพลันอ่อนแรง ทิ้งน้ำหนักตัวลงใส่คนใต้ร่าง หลับตาปี๋ หอบหายใจแรง เมื่อตามจังหวะของอีกฝ่ายไม่ทัน
โชนพลิกตัวขึ้นคร่อม จับคนตัวเล็กฝังลงกับเตียงนุ่ม
ระดมจูบอีกครั้ง ไล่ลามไปทั่วใบหน้า มุดลงซอกคอขาว
“โชน...พอก่อน”
“...ครับ?” เจ้าของชื่อรับคำ เงยหน้าออกจากต้นคอ
“พอแล้ว” เอิ้นว่า ดันไหล่แกร่งให้ออกห่าง
“คุณเอิ้น...” โชนร้องเสียงหงอยที่ถูกสั่งให้หยุด ก็ตอนนี้อารมณ์กำลังระอุได้ที่ขนาดนี้
“นอนกัน”
“ไม่ทำต่อเหรอ...”
“...” เอิ้นดันให้โชนมานอนข้างๆ แทนคำตอบ คนเด็กกว่าพยายามจ้องอีกฝ่ายฝ่าความมืด
“คุณเอิ้น...พี่เอิ้น...”
“ไม่ต้องเรียกเลย”
“พี่เอิ้นครับ...”
“นอนครับ”
โชนส่งเสียงร้องหงุงหงิงเมื่อโดนขัดใจ เอิ้นเริ่มรุกใส่เขาก่อนแท้ๆ แต่กลับหยุดกลางคันแบบนี้ เขาแทบขาดใจแล้ว
คนแก่กว่าลอบยกยิ้ม เมื่อเห็นอาการอีกฝ่าย เขาตวัดแขนไปกอดโชนไว้ ขยับตัวแนบชิด
“ถือว่าเป็นการลงโทษนะ”
กระซิบบอกคำลงโทษแสนหวาน
“ถ้าโชนมาหาผมไวกว่านี้ ก็คงให้ทำแล้วล่ะ”
Call 101
คืนนั้น โชนนอนพลิกตัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง นอนมองเจ้าของบ้านหลับปุ๋ยอย่างนึกอยากจะย้อนเวลากลับไป
นี่คงเป็นวิธีลงโทษของเอิ้น ซึ่งมันได้ผลเอามากๆ ตอนนี้โชนเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกอยากกอดมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้มันเป็นยังไง บทลงโทษครั้งนี้ เขาหลาบจำแล้ว
กว่าโชนจะสงบจนหลับได้ก็ใช้เวลาไปกว่าชั่วโมง
เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา บอกเวลาเช้า โชนลืมตาตื่นก่อนอีกฝ่าย เขาลอบสังเกตคนหลับปุ๋ยพลันสังเกตเห็นว่าเอิ้นมีรอยคล้ำใต้ตาดำอย่างที่ผิกปกติไปเห็นได้ชัด ปกติเอิ้นทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่เคยปรากฏร่องรอยของความเหนื่อยล้าเช่นนี้
โชนเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของเอิ้นอย่างเบามือ ไล่นิ้วไปยังเปลือกผิวตาของอีกฝ่าย
เขาผิดเองที่ติดเกม ผิดเองที่ให้สัญญาไว้แล้วแท้ๆ แต่กลับเมินเฉย ผิดเองที่ปล่อยให้เอิ้นเฝ้ารออยู่คนเดียว
ยิ่งคิดก็ยิ่งตระหนักได้ว่าเอิ้นต้องรออยู่คนเดียวนานแค่ไหน และเฝ้ารอวันที่เราจะได้เจอกันอย่างใจจดใจจ่อแค่ไหน
เขาไม่อยากทำลายความคาดหวังของเอิ้นอีกแล้ว
เขาควรจะเป็นแฟนที่ดี ไม่ใช่เป็นคนที่เอิ้นต้องมานั่งกังวลเช่นนี้
เขาควรจะเป็นคนที่เอิ้นอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ใช่กังวลใจ
เขาควรโตขึ้นได้แล้ว
เวลาเจ็ดโมงกว่า เอิ้นขยับตัว ซุกหนีอากาศเย็นเข้าไปในผ้าห่ม ขยับตัวแนบแน่นกับไออุ่นจากอีกฝ่าย
“อือ...หนาว” เจ้าของห้องบ่นอุบจนโชนนึกเอ็นดูคนแก่กว่า อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสเส้นผมเส้นเล็ก ลูบมันเบาๆ
“โชน...?”
“ครับ คุณเอิ้นหนาวหรือ เดี๋ยวผมลุกไปปิดแอร์ให้นะ”
แม้ว่าอากาศข้างนอกจะเย็นสบายก็ตาม แต่เอิ้นติดนอนในห้องปรับอากาศจึงเปิดแอร์ไว้ทั้งคืน
ทันทีที่โชนขยับตัวตั้งท่าจะลุก คนหนาวก็ขยับมือวาดโอบรอบคนตัวโตไว้ไม่ให้ไปไหน
“ไม่ต้องไป อยู่อย่างนี้” เจ้าของห้องเอ่ยสั่ง และโชนจะว่าอะไรได้ นอกจากนอนกอดคนตัวหอม มอบไออุ่นในยามเช้าให้เอิ้นต่อไป
แปดโมงครึ่ง เอิ้นตื่นเต็มตา กะพริบตาปริบๆ มองโชนที่นอนมองเอิ้นอยู่ก่อนแล้ว
พลันใบหน้าขาวก็ขึ้นสี
ทั้งเขินเรื่องเมื่อคืนที่เขารุกจูบโชน ทั้งอายที่ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายกอดรั้งโชนไว้แนบแน่น
การไม่ได้เจอกันแค่พักเดียวทำให้เอิ้นควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ
คนขี้เขินรีบขยับตัวออกห่าง
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเอิ้น”
“อะ...อือ อรุณสวัสดิ์”
โชนไม่ได้สังเกตว่าเอิ้นกำลังเขินม้วน เขาขยับตัวยืดเส้นยืดสาย พลางเอ่ยชวนให้อีกฝ่ายไปทานข้าวด้วยกัน
เอิ้นตอบรับ พยายามไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืน
โชนเองก็ไม่ได้เอ่ยถึงมันอีก
เอิ้นคิดว่าวันนี้จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทว่าก่อนโชนจะกลับหอ เขาเอ่ยประโยคที่ชวนให้เอิ้นหน้าแดงแปร๊ดอีกครั้ง
“ไว้คราวหน้ามาต่อกันนะครับ”
Call 102
หลังจากคราวนั้น โชนก็ตัดสินใจทำการหอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กับเอิ้นตลอดช่วงปิดเทอมเล็กนี้ เพราะอย่างไรเสียโชนก็ไม่ได้มีธุระต้องไปไหน จะให้ไปๆ มาๆ หาเอิ้นทุกวันก็คงจะเหนื่อย สุดท้ายเลยจบลงตรงที่โชนมาขลุกอยู่ในบ้านเอิ้น
ส่วนเอิ้นก็ได้อยู่กับแฟนสมใจ
โชนหอบเกมมาที่บ้านเอิ้น แต่จะเล่นช่วงระหว่างที่เอิ้นต้องทำวิทยานิพนธ์ เพราะเอิ้นต้องใช้สมาธิ ส่วนเขาไม่มีอะไรทำ ไปกวนเอิ้นก็ไม่ได้ เอิ้นจึงอนุญาตให้โชนติดเกมได้ในช่วงเวลานี้
แม้จะมีหลายครั้งที่เอิ้นทำงานเสร็จแล้ว แต่ต้องมานั่งดูโชนนั่งเล่นเกมต่ออีกสองสามตาก็ตาม
แต่เพียงแค่เอิ้นนั่งลงข้างๆ โชนก็แทบจะหยุดเกมเพื่อมาดูแลคนรักของตัวเองอยู่แล้ว
ส่วนเอิ้นเองบางครั้งก็เกรงใจที่ต้องให้โชนมานั่งรอตนทำงาน จึงเอ่ยชวนโชนไปเที่ยวนอกบ้านอยู่บ่อยครั้ง ท้ายสุดโชนก็เอ่ยออกมาว่าไม่ได้ต้องการไปไหนเป็นพิเศษ ขอแค่อยู่ข้างๆ เอิ้น และเอิ้นไม่เป็นกังวลก็พอ
นั่นทำให้ปิดเทอมเล็กของโชนมีแต่เอิ้นและเกมเพลย์
“เบื่อมั้ย...”
“หืม ไม่ครับ”
เอิ้นเอ่ยถามโชนตอนกลางวันของวันหนึ่ง พวกเขานอนกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยกัน เอิ้นนอนอ่านหนังสือ ส่วนโชนนอนฟังเพลงพลิกตัวไปมา
“ปกติปิดเทอมโชนทำอะไรหรือ”
“อืม...ถ้าอยู่บ้านป้าก็มักจะช่วยป้าน่ะครับ แต่ถ้าว่างๆ ก็เช่าการ์ตูนมาอ่าน ฝึกดีดกีตาร์”
“ไม่ออกไปไหนเหรอ”
“ผมไม่ค่อยมีตังค์ ไม่อยากสิ้นเปลืองด้วย อยู่บ้านก็ไม่ได้แย่ แต่บางทีก็ออกไปเตะบอลกับเด็กแถวบ้าน”
“จริงสิ โชนชอบออกกำลังกายนี่นะ”
“อืม ครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก อยู่กับคุณเอิ้นนี่แหละดีที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้น...ช่วงเย็นๆ ออกไปวิ่งก็ได้นะ ที่หมู่บ้านมีสวนสาธารณะเล็กๆ ให้ออกกำลังกายอยู่”
“คุณเอิ้นมาวิ่งด้วยกันมั้ย”
“ไม่เอา ผมบอกแล้วว่าผมไม่ถนัดด้านนี้”
“ผมวิ่งคนเดียวก็เหงาแย่สิ”
โชนทำให้เอิ้นชะงัก เขาพยายามหาคำเถียงต่อ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่ชอบออกกำลังกายจริงๆ
“ไปแป๊บเดียว ไม่เหงาหรอก”
“แต่ถ้าไปสองคนจะดีกว่า”
“งั้นวิ่งหน้าบ้านผมเถอะ” เอิ้นว่า ก้มอ่านหนังสือ ตัดบทไม่ให้โชนหาทางลากเอิ้นออกไปวิ่งได้อีก
ส่วนคนโดนตัดบทก็ขยับตัวมาหาเอิ้น โดยเอิ้นไม่ทันรู้ตัวว่าอีกฝ่ายเคลื่อนตัวมาใกล้ และทิ้งน้ำหนักใส่หลังเอิ้นอย่างไม่ปรานี
“โชน!”
เจ้าของชื่อโชนนอนหนุนหลังเอิ้นอย่างไม่ขออนุญาต เอิ้นที่นอนคว่ำตัวอ่านหนังสืออยู่ก็ไม่สามารถพลิกตัวกลับได้ จึงได้แต่ร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น
มือใหญ่เอื้อมไปตะปบเอวสอบ ลากไปถึงก้อนเนื้อนิ่ม บีบเค้นอย่างสนุกมือจนเอิ้นร้องลั่น
“จริงๆ เราออกกำลังกายในห้องกันสองคนก็ได้นี่เนอะ”
เอิ้นหน้าขึ้นสี ทำไมมันมาเรื่องนี้ได้กันล่ะเนี่ย
Call 103
ใกล้วันปีใหม่มากขึ้นทุกที โชนขลุกตัวอยู่กับเอิ้นตลอดเวลา เขาตัดสินใจออกไปวิ่งรอบๆ หมู่บ้านช่วงเย็นบ้าง สำหรับโชนแล้ว การได้ออกกำลังกายทำให้เขามีความสุข
เสียแต่ถ้าเอิ้นยอมออกกำลังกายด้วยกันกับเขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้
เขาหมายถึงออกกำลังกายใต้ร่มผ้า
ที่ผ่านมาทั้งคู่นอนเตียงเดียวกัน แต่ไม่มีอะไรเกินเลยเพราะเอิ้นเอาแต่เขินม้วน โชนจับนิดจับหน่อยเอิ้นก็รู้สึกแล้ว เพียงแต่คนขี้เขินก็เอาแต่ม้วนตัวหนีทุกที โชนก็ไม่อยากบังคับ เห็นคนเขินเขาก็ใจพองโต ลอบยิ้มอย่างมีความสุขไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เลยต้องหาทางให้เหงื่อออกด้วยวิธีอื่นแทน
แม้ว่าจะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่โชนทำสำเร็จไปครึ่งทาง ช่วยกันปลดปล่อยออกมา
ทว่ามันก็จบแค่นั้น เมื่อเอิ้นเขินม้วนจนตัวบิด และไม่ยอมให้โชนแตะต้องตนมากจนเกินไป
เพราะถ้าเตลิดแล้วคงห้ามใจไม่ได้เหมือนที่แล้วมาอีก
เอิ้นไม่อยากเขินตายคาบ้าน อีกอย่าง...ถ้าทำอะไรลึกซึ้งกว่านี้ ป้าภาจะต้องรู้แน่แท้
โชนจึงได้แต่นอนกอดแฟนตัวเองตามคำขอ ทว่าในหัวพลางคิดถึงวิธีลากเอิ้นไปโรงแรม
ช่วงนี้เป็นหน้าหนาว แต่โชนยังคงออกวิ่งได้อย่างไม่สะทกสะท้านอากาศเย็น ผิดกับเอิ้นที่เอาแต่นอนแฉะแบะ ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา
พอได้อย่ด้วยกันหลายวันทำให้ทั้งคู้รู้นิสัยใจคอกันมากขึ้น นิสัยหลายๆ อย่างของพวกเขาต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงมีแต่ต้องพยายามปรับความเข้าใจกันให้มากยิ่งขึ้น
เอิ้นลดความคิดมากและความขี้น้อยใจลง ส่วนโชนก็ลดความใจร้อนและใช้เหตุผล ละเอียดละอ่อนกับความรู้สึกให้มากขึ้น
ความรักไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอเพียงเข้าใจกันก็มากพอ
ช่วงกลางวันพวกเขามักจะนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น โชนเล่นเกมเพลย์ตามปกติ ส่วนเอิ้นนั่งดูอยู่ข้างๆ พอเอิ้นเริ่มห่อตัวหนีจากอากาศหนาว โชนก็สังเกตเห็นพอดี
“คุณเอิ้น หนาวหรือ”
“อือ ปีนี้อากาศหนาวเนอะ”
โชนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาไม่ได้รู้สึกหนาวขนาดนั้น แค่เย็นๆ ผิวเฉยๆ เขาสงสัยว่าคุณเอิ้นคงขี้หนาวพอสมควร หรือไม่ก็เขาหนังหนากว่าชาวบ้าน
คนเด็กกว่าทำหน้าที่แฟนไม่รอช้า มือใหญ่หยิบเอาผ้าคลุมที่พาดบนโซฟามาคลุมตัวเอิ้นไว้ พร้อมกับมอบอ้อมกอดของตัวเองให้อีกฝ่าย
“แบบนี้อุ่นขึ้นมั้ย”
“...”
เอิ้นพยักหน้า เขาเขินจนหาเสียงตัวเองไม่เจอ
ใช่ว่าโชนจะไม่เคยทำแบบนี้ แต่พอเอิ้นโดนโชนถูกตัวเข้านิดหน่อยก็พลันเขินมันซะทุกที
ถึงอย่างนั้น เอิ้นก็ไม่ได้นิ่งเฉยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาขยับเขาไปซุกอกแกร่ง ใช้ปลายจมูกถูไถออดอ้อนหาไออุ่น ถึงจะแอบเคอะเขินอยู่บ้าง แต่มุดอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ โชนคงไม่เห็น
โดยที่เอิ้นไม่รู้ว่าแม้จะสามารถซ่อนใบหน้าตนได้ แต่ใบหูแดงๆ นั่นไม่สามารถเล็ดรอดจากสายตาโชนไปได้
___________________________________
อีกสองตอนจะจบแล้วน้า
#Call123456