ตอนที่15
“กินอะไรดีอ่ะ”หลังจากดูหนังเสร็จเราก็เดินมันยังชั้นใต้ดินของตัวห้างเพื่อหาอะไรกิน เพราะตอนนี้ก็บ่ายโมงหว่าเข้าไปแล้ว
“อยากกินอะไรล่ะ อาหารญี่ปุ่น หรืออาหารเกาหลี”จีจูงมือผมมายืนอยู่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังและตรงข้ามกันก็มีร้านอาหารเกาหลีเปิดใหม่ตั้งอยู่
“เกาหลีป่ะ เบื่ออาหารญี่ปุ่นแล้ว”ผมว่าก่อนจะมองไปที่ร้านอาหารเกาหลีที่มีพนักงานตอนรับชายหญิงสวมใส่ชุดประจำชาติยืนยิ้มมาที่เราอย่างเชื้อเชิญ
“อืม”เมื่อตกลงได้เราก็เดินเข้าไปยังร้านอาหารเกาหลีฝั่งตรงข้ามทันที ด้านในถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอไม้ให้ความรู้สึกเหมือนประเทศเกาหลีมาก มีกลิ่นเหมือนเคื่องเทศอ่อนลอยอบอวลไปทั่วร้านทำให้เกิดความหิวอย่างหน้าประหลาดใจ
“กินไรอ่ะ”เนื่องจากผมไม่เคยได้ทานอาหารเกาหลีทำให้ผมได้แต่ไล่สายตายไปตามเมนูอย่างอยากลำบาก
“กินอันนี้ไหมอร่อยดี”จีชี้มาที่รูปข้าวที่มีพักมากมายวางเรียงรายกันอยู่ด้านบนด้วยสัสันสดใสน่ากิน
“อืม”
“ขอบิบิมบับ2ครับ แล้วก็ต๊อกโบกิด้วย1ที่”จีหันไปสั่งอาหารกับพนักงานชายที่รอรับออร์เดอร์อยู่
“ผมยาวแล้ว ไปตัดบ้าง”ผมที่กำลังนั่งอ่านเมนูอาหารไปเรื่องอย่างสนใจต้องเงยหน้าขึ้นมองคนฝั่งตรงข้ามที่จู่ก็ทักขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“หรอ อืมแต่ไว้แบบนี้ก็ดีอ่ะ หมัดได้ด้วย”ผมบอกพร้อมทำท่ารอบผมที่ตอนนี้ยาวระต้นคอให้จีดู
“อาหารที่สั่งได้แล้วครับ”พอดีกับที่พนักงานยกถาดอาหารมาเสริฟ
เมื่ออาหารมาเราก็ลงมือกินกันทันที นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ทานอาหารเกาหลีรู้สึกรสชาติจะแตกต่างกว่าที่คิดเยอะแค่ก็อร่อยดี เรานั่งกินไปคุยกันไปได้สักพักมือถือจีก็ดัง
“ฮัลโหล พี่อยู่ที่เอสพานาท อืม อืม ได้ อืม”แล้วก็วางไป
“ใครโทรมาหรอ”สีหน้าจีดูเครียดๆขึ้นมาทันทีที่วางสายเสร็จ
“ที บอกให้ไปรับที่สยาม เพราะออกมาเที่ยวกับเพื่อน”ว่าอย่างขุ่นๆ ก่อนจะก้มกินต่อ
“แล้วทำไมต้องทำหน้าไม่ชอบด้วย น้องทีก็ไปเที่ยวกับเพื่อนออกบ่อย”ผมถามอย่างงงๆ ก่อนหน้านี้น้องทีก็ไปเที่ยวกับเพื่อนออกจะบ่อยแต่ไม่เคยเห็นจีทำหน้าไม่พอใจแบบนี้มาก่อนเลย
“ถ้าแค่เพื่อนก็ดี”จีว่าลอยๆก่อนจะสั่งบิบิมบับอีก1ถ้วย
เห็นจีนิ่งๆแบบนี้แต่จีเป็นหวงน้องมากกกก เรียกได้ว่าตอนเด็กๆแทบไม่ให้คาดสายตา ไปไหนมาไหนก็คอยไปรับไปส่งตลอด มีแค่ช่วงที่เริ่มเข้ามหาลัยที่ห่างๆออกไปบ้างนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดหน่อย ผมยังจำได้ มีครั้งหนึ่งที่โรงเรียนเราจัดงานสารสัมพันธ์กับโรงเรียนในเครือแล้วมีคนมาจีบน้องทีที่ตอนนั้นรับหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ หลังจากจบงานจีก็แอบไปดักตีผู้ชายคนนั้นจนต้องเข้าโรงพยาบาล ผมจำได้เลยว่าแม่ของจีโมโหมากจนแทบจะไล่จีออกจากบ้าน แต่ดูเหมือนว่าจีจะไม่ค่อยสำนึกสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากนั้นเวลาที่มีงานอะไรที่โรงเรียนก็มักจะมีคนเข้าใจผิดว่าน้องทีเป็นเด็กผู้หญิงและเข้ามาจีบแทบทุกครั้ง และจีก็ลงมือจัดการเองแทบทุกงาน จนที่โรงเรียนรู้กิติมาศักดิ์ของพี่ชายทีอย่างดี
“พี่จี”ในขนาดที่ผมกับลังคิดอะไรเพลินๆจู่ๆก็ได้ยินเสียงเล็กร้องเรียกคนตรงหน้าและเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาร่างเล็กก็ถลาเข้ามานั้งฝั่งตรงข้ามอย่าถือวิสาสะ
“เอส”จีดูจะตกใจไม่น้อยเมื่อจู่ๆน้องเอสที่ในมือมีถูกรองเท้าแบรนด์ดังในมือถลาเข้ามากอดแขน
“เมื่อวานเอสโทรไปพี่ก็ไม่รับ นี่ครับ รองเท้าที่เรามาดูกันเมื่อครั้งก่อน เอสสั่งไซด์พี่จีไปเมื่อวานเขาเพิ่งโทรมาบอก”รองเท้าคู่สวยถูกหยิบออกมาจากกล่องใบใหญ่เพื่อให้จีได้ดู
“เอส ปล่อย”จีดูร้อนรนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนถึงปากจะบอกให้คนตัวเล็กกว่าข้างกายปล่อยแขนที่เจ้าตัวกอดแนบชิด แต่สายตากับมองมาที่ผมด้วยความร้อนใจ
“อ๊ะ สวัสดีครับดีพี่กันต์ พอดีเอสไม่เห็นว่ามีคนอื่นมาด้วย”ท้ายประโยคเน้นเสียงจนหน้าเกียดแต่ดูเหมือนคนพูดจะไม่สนใจในสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปสักนิด
“......”ผมได้แต่นั่งนิ่งๆ สงบใจ โดยมีจีที่เริ่มหน้าเสียมองมาที่ผมไม่ละสายตา
“เอส ปล่อยก่อน”จีพยายามดึงแขนที่เกาะแน่นหนึบออกจากตัว แต่อีกคนดูยิ่งจะกอดรัดหนักกว่าเดิม
“ทำไมครับ ก็พี่จีผิดสัญญานิไหนบอกจะมาดูรองเท้ากับเอส”ใบหน้าน่ารักน่าชังงอง่ำอย่างหน้าเอ็นดู ใช่มันคงจะหน้าเอ็นดูกว่านี้ถ้าเราเป็นคนที่ไม่รู้จักกันและไม่ได้อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
“ขอโทษครับ พอดีผู้ชายคนนี้เข้ามาก่อกวน ไม่ทราบว่าทางร้านปล่อยให้เข้ามาได้ยังไงครับ”ผมกวักมือเรียกพนักงานที่ยืนดูเหตุการณ์อย่างสนใจให้เข้ามาหา
“เอ่อ คือ ทางเราคิดว่าเขาคือเพื่อนของคุณ”พนักงานตอบอย่างหาทางออกไม่ได้
“เขาไม่ใช่เพื่อนครับช่วยกรุณา เอาเขาออกจากแฟนผมด้วย” ผมไม่ใช่นางฟ้า ไม่ใช่เทวดาแสนดี ผมเรียนรู้เรื่องนี้มาจากพี่เกรว การนิ่งเฉยกับคนที่คิดจะแย่งสิ่งที่เป็นของเราไป ไม่ได้ทำให้เราดูเป็นคนดีหรือเป็นนางเอก ในชีวิตจริงไม่มีใครมาสงสารเรา เมื่อก่อนผมอาจจะนิ่งและยอมมาตลอดเพราะนั้นจีเป็นคนเลือก และตอนนี้จีเลือกผมดังนั้นผมไม่จำเป็นต้องทำตัวแสนดียินยอมให้ใครต่อใครเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราได้
แค่ครั้งที่แล้วที่เขาเข้ามาดึงจีออกไปตอนเราไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารข้างมอนั้นก็เกินพอ ผมถือว่าผมให้โอกาสเขาได้เคลียร์กันแล้ว
“กันต์”จีเรียกชื่อผมอย่างนึกไม่ถึง เมื่อก่อนผมจะทำตัวแบบนี้ถ้าผมหมั่นใจว่าสิ่งที่ผมทำนั้นถูกและผมไม่ได้ผิด แต่คงนึกไม่ถึงว่าผมจะกล้าพูดขึ้นมากลางร้านแบบนี้
“ถ้าไม่ไป ผมไปเอง ค่าอาหารครับ”ผมหยิบเงินแบงค์พันวางไว้ที่โต๊ะและลุกขึ้นสะพายเป้อย่างใจเย็น ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเดินออกไปเหมือนคนร้าย
“ไปซะก็ได้ พวกชอบแย่งของคนอื่น!”เดินออกมาได้ไม่กี่เก้าก็ได้ยินเสียงคนน่ารังเกียจพูดขึ้นอย่างร้ายกาจ
“....”ผมไม่จำเป็นต้องตอบโต้หรือแก้ต่างอะไรทั้งนั้น เพราะนั้นควรจะเป็นหน้าที่ของอีกคนที่ยังสะลัดแขนออกจากแฟนเก่าไม่ได้ตังหาก
ผมเดินออกมา ก่อนจะเดินไปซื้อของที่ตั้งใจมาซื้ออย่างใจเย็น ใช่ผมควรใจเย็น เพราะผมเชื่อ เชื่อว่าจีจะต้องเดินมาตามผมถ้าเขายังเลือกผม
“ถ้าไม่จบไม่ต้องตามมา”ผมส่งข้อความสั้นๆไปหาจีก่อนจะกลับมาเดินเลือกหนังสือต่อ
เมื่อซื้อหนังสือที่ต้องการได้แล้วผมก็พาตัวเองมานั่งอ่านที่ร้านกาแฟชื่อดังเพื่อรอ
รอให้ทุกอย่างจบ
เพียงแค่ไม่นานหลังจากได้เครื่องดื่ม จีก็เดินมาหาผมที่นั่งอยู่ริมกระจก
“โกรธหรอ”
“เปล่า”ผมตอบตามจริง ผมไม่ได้โกรธ แต่บ้างครั้งเราก็ต้องการอะไรที่มันชัดเจน ผมไม่พูดหรอกว่าเพราะผมมาที่หลัง จีเลยมีคนอื่นมาก่อน เพราะผมไม่ได้มาที่หลัง เวลาหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้ามันเพียงพอที่ผมจะไว้หน้าน้องเอสแล้ว ผมถือว่าผมให้เวลาเขาปรับตัวมากพอแล้ว
“แล้วทำไมเดินหนี”จีนั่งเท้าคางกับโต๊ะก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาทางผม
“แล้วถ้านั่งอยู่ต่อจะได้อะไร นั่งเพื่อ?”ผมหยิบหนังสือในถุงขึ้นมาอ่าน ไม่ถึงนาทีมือถือผมก็สั่นและมีการแจ้งเตือนจากแอพพิเคชั่นสีน้ำเงิน
“รู้สึกดีที่แฟนหึง”ตามด้วยภาพของผมที่กำลังนั่งหน้าตึงอ่านหนังสืออยู่ ผมเงยหน้าขึ้นมองจีอย่างเคืองๆ แต่จีกับยิ้มเฉ่ง ทำท่าเหมือนดีใจมากมายจริงๆ
ผมไม่ชอบรอยยิ้มจีเวลาแบบนี้เลย
เพราะ มันโกรธไม่ลงจริงๆ
หลังจากที่นั่งจนบ่าย3เราก็ขับรถมารับน้องทีที่สยาม แต่เพราะรถค่อนข้างติดกว่าจะไปถึงก็สี่โมงเย็นแล้ว
“ช้า!”แค่เปิดประตูน้องทีก็บ่นหน้างอ ไม่บ่อยหนักหรอกที่น้องทีจะบ่นแบบนี้ คงเจอเรื่องไม่พอใจอะไรอีก
“ไม่น่ารักเลยเห็นไหมพี่กันต์มาด้วย”จีเอี้ยวตัวไปดุน้องทีที่วันนี้แต่งตัวน่ารักเป็นพิเศษในมือมีถูกกระดาษเล็กสีสันสวยงามที่เจ้าตัวแทบจะโยนลงพื้นรถ
“ขอโทษครับ พี่กันต์สวัสดีครับ”น้องทีหน้างอกว่าเดิมแต่ก็ยอมหันมาขอโทษและยกมือไหว้ผม
“เป็นไรครับ ใครทำให้อารมณ์ไม่ดี”ผมหันไปถามอย่างขำๆเพราะปากเล็กนั้นยื่นแสดงออกว่าไม่พอใจอย่างหนัง
“ก็พี่.. ก็เพื่อนทีอ่ะ ไม่ยอมมาตามนัด ทีนั่งรอตั้งแต่บ่ายโมงจนบ่ายสามก็ไม่ยอมมา”ว่าจบก็ปาถุงกระดาษสีสวยที่ถือว่าลงพื้นพรม
“ที”จีว่าเตือนเพราะเห็นน้องทีทำท่าทางไม่น่ารัก
“ทีปวดหัวทีจะนอน”ว่าจบก็ล้มตัวลงนอนแล้วเอาเสื้อแจ๊กเก็ตแขนยามขึ้นปิดหน้า
ผมได้แต่มองหน้าจีแบบงงๆจีส่ายหน้าไปแล้วขับรถกลับบ้านกัน
TBC.