ตอนที่ 27
เต็นกลับขึ้นห้องได้ก็นั่งพักบนโซฟาอย่างคนรู้สึกล้า ไม่ใช่ล้าร่างกายแต่ล้าที่หัวใจจากการเผชิญหน้ากับแชมป์เมื่อครู่ กี่ทีแล้วหนอที่หัวใจต้องเป็นแบบนี้หลังจากที่ได้พบเจอกับคนๆ นั้น มันถึงเวลาหรือยังที่จะพาหัวใจให้หลุดพ้นบ่วงความเจ็บช้ำที่คอยกระตุกมัดที่ใจให้ระบมไม่จบไม่สิ้น ลำบากมากหรือกับการที่จะเป็นคนคลายปมบ่วงนี้ด้วยตัวเอง ทำไมพยายามทำแล้วถึงไม่สำเร็จ
เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะลุกเดินเอาถุงยาไปเก็บที่โต๊ะหัวเตียง รู้สึกตกใจปนแปลกใจเมื่อที่ตรงนั้นมีเงินสดวางอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งโดนทับไว้ด้วยนาฬิกาปลุก นี่มันของใครกัน จำได้ว่าก่อนออกไปตัวเองไม่ได้วางเงินไว้ตรงนี้นี่ งั้นต้องเป็นของแชมป์สิ แล้วเจ้าตัวไม่พกกระเป๋าตังค์หรือไงถึงได้วางเงินสดจำนวนมากไว้แบบนี้ วางไว้เป็นระเบียบอีกต่างหาก แต่เอ๊ะ! กระดาษที่วางอยู่ด้านล่างสุดนั่นมันเป็นบิลค่าเครื่องดื่มวันนั้นนี่นา หรือว่า?
เต็นหยุดความสงสัยไว้แค่นั้น เด็กหนุ่มรีบวางถุงยาไว้ที่ว่างข้างๆ แล้วหยิบเอาจำนวนเงินสดและใบเสร็จที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาดู นับดูคร่าวๆ พบว่าจำนวนของเงินมากเกินจำนวนตัวเลขในเสร็จอยู่หลายร้อยบาท นึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างจึงลองพลิกด้านหลังของใบเสร็จดู พบลายมือเขียนบอกชัดเจนว่า
เงินค่าเหล้า ขอโทษที่คืนให้ช้านะ….แชมป์
อ่านเสร็จเต็นยืนนึกคิด ไม่ได้รู้สึกดีใจที่ได้เงินคืนแต่กลับคิดมากว่าตัวเองไม่ควรวางใบเสร็จนี้เอาไว้ในที่แจ้งขนาดนี้ กลัวเหลือเกินว่าคนที่คืนเงินให้จะคิดว่านี่เป็นการทวงเงินทางอ้อม เจ้าตัวยิ่งไม่เคยคิดเรื่องดีๆ กับตนเลยสักครั้ง เด็กหนุ่มวางเงินสดในมือไว้ที่เดิมแล้วทรุดกายนั่งลงที่ขอบเตียง เชื่อเหลือเกินว่าตอนนี้ตนคงกำลังถูกมองในด้านลบอีกจากผู้ชายอย่างแชมป์
ด้านแชมป์ กลับถึงวงเวียนใหญ่ก็แวะไปไปหาอะไรรองท้องที่ร้านของแม่ น่าแปลกที่กินอะไรไม่ลงเลยสักอย่าง รู้สึกตื้อๆ ในลำคอทั้งๆ ที่ก่อนมารู้สึกหิวจนไส้จะขาด
“ข้าวยังเต็มจานอยู่เลยแชมป์ ไหนบอกหิวไงลูก” เมื่อลูกค้าในร้านไม่มีแล้วผู้เป็นแม่จึงนั่งลงทัก เด็กหนุ่มรวบช้อนส้อมวางไว้บนจานข้าวยกน้ำขึ้นดื่มก่อนเอ่ยบอก
“มันกินไม่ลงอ่ะแม่”
“ทำไม นี่มันไข่เจียวสูตรแชมป์เองนะ ทำไมถึงกินไม่ลง” แม่เอ่ยว่า เด็กหนุ่มก้มมองจานไข่เจียวตรงหน้า ใช่มันเป็นสูตรที่เด็กหนุ่มคิดขึ้นมาเองและครั้งหนึ่งเคยใช้ประเด็นนี้พูดคุยหยอกล้อกับคนๆ หนึ่ง ในสมองเริ่มจำได้ว่าเคยสัญญาว่าถ้ามีโอกาสจะทำให้เจ้าตัวกิน ถึงตอนนี้เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบใบหน้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตอนนี้มีแต่ใบหน้าและท่าทีต่างๆ ของคนนั้นลอยวนไปวนมาอยู่ในห้วงความคิด นี่เขาเป็นอะไรไปนะ เกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้เป็นแบบนี้
“เอาอย่างอื่นมั้ยเดี๋ยวแม่ทำให้ใหม่” แม่เอ่ยบอกเมื่อเห็นอาการลูกชายแปลกๆ
“ไม่อ่ะแม่ ตอนนี้เหมือนแชมป์จะกินอะไรไม่ลงแล้ว” แชมป์ตอบเมื่อรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ผู้เป็นแม่พยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอ่ยถาม
“แล้วเมื่อคืนไปค้างไหนมา แล้วปิดโทรศัพท์ทำไมโทรหาไม่ติดเลย”
“ค้างห้องเพื่อนครับ แล้วแบตโทรศัพท์มันหมด แชมป์ไม่ได้ปิดเครื่องเอง”
“อืมๆ คราวหน้าคราวหลังจะไปไหนมาไหนโทรบอกแม่มั่ง ไม่ใช่รอให้แบตหมดแล้วติดต่อกันไม่ได้แบบนี้”
“ขอโทษครับแม่ ว่าแต่แชมป์เข้าบ้านก่อนนะ ปวดหัวน่ะอยากนอนพัก เดี๋ยวค่ำๆ แชมป์ออกมาช่วยเก็บร้าน” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกกับผู้เป็นแม่ก่อนจะลุกเดินหายเข้ามาในบ้าน เจอกับพี่สาวและน้องชายก็ไม่ทักไม่ทาย ได้แต่เดินผ่านหน้าพวกเขาขึ้นห้องพักตัวเองไปเงียบๆ จนทั้งสองอดจะคุยกันไม่ได้
“เฮียแชมป์เป็นไรอ่ะเจ๊ วันนี้ดูแปลกๆ”
“อกหักมามั้ง ซึมมาเชียว”
“น่าจะจริง ปกติไม่เห็นซึมขนาดนี้”
สองพี่น้องมองหน้ากันสักพักคิดสรุปตรงกันว่าคนที่เดินผ่านหน้าไปน่าจะตกอยู่ในอาการเช่นนั้น ก่อนทั้งคู่จะสนใจกับกิจกรรมที่ตนกำลังทำค้างอยู่
ในห้องของแชมป์ เด็กหนุ่มจัดการชาร์จแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือ รอให้กระแสไฟเข้าเครื่องสักพักจึงเปิดเครื่องขึ้นดู เช็คข้อมูลในเครื่องไปเรื่อยเปื่อยรวมถึงการแจ้งเตือนจากระบบว่ามีใครบ้างที่พยายามติดต่อหาตนตอนที่เครื่องปิดการทำงานจากการที่แบตเตอรี่หมด
หนึ่งหมายเลขไม่คุ้นตาถูกแจ้งมาถึงสองครั้งติดกันในเวลาสายๆ ของวันนี้ เด็กหนุ่มนึกฉงนว่าเป็นหมายเลขของใครเพราะไม่คุ้นตา แต่เพราะร่างกายเริ่มเพลียจึงไม่คิดสนใจที่จะติดต่อกลับ หากเจ้าของหมายเลขมีเรื่องสำคัญจะติดต่อกับตนจริงๆ คงติดต่อกลับเข้ามามากกว่าสองสายแล้วมั้ง นี่อาจจะเป็นคนโทรผิดเบอร์ก็เป็นได้ คิดได้ดังนั้นจึงจัดการวางโทรศัพท์ลง เปิดโหมดปิดเสียงแล้วเอนกายลงนอนพักเล่นๆ แต่เผลอหลับยาวไปจนค่ำมืด
ทางด้านเต็นยังไม่วายคิดมากอยู่เช่นเดิม คิดวกไปวนมาว่าควรจะโทรศัพท์กลับไปชี้แจงกับคนที่คืนเงินให้ดีหรือไม่ว่าตนไม่ได้ตั้งใจวางใบเสร็จค่าเครื่องดื่มไว้ให้เห็นเพื่อจงใจทวงเงินทางอ้อม เด็กหนุ่มไม่คิดว่านี่เป็นการคืนเงินอย่างบริสุทธิ์ใจเป็นแน่ คนอย่างแชมป์ไม่น่าจะมาใส่ใจคนที่ไม่เคยมีความสำคัญอย่างเขา โทรศัพท์ถูกถืออยู่ในมือนานสองนานก่อนจะกลั้นใจยอมติดต่อไปหาในที่สุด แต่แล้วก็พบกับความผิดหวังเมื่อไม่มีการตอบรับจากเจ้าของหมายเลข พอสถานการณ์เป็นแบบนี้ก็อดคิดถึงเมื่อก่อนไม่ได้ที่ไม่ว่าตนจะพยายามติดต่อคนนั้นยังไงก็ไม่สามารถติดต่อไปอย่างเช่นวันนี้ ที่สุดก็เกิดอาการท้อใจวางโทรศัพท์เอาไว้บนที่นอนแล้วพาร่างเข้าไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
แชมป์รู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มสะบัดหน้าไล่อาการมึนๆ สักพักก็เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มาเช็คดูด้วยความเคยชิน เห็นหมายเลขเดิมตอนก่อนจะนอนปรากฏตรงหน้าจออีกครั้ง
“ใครวะ” เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาเบาๆ ตัดสินใจติดต่อกลับเพราะคิดว่าไม่น่าเป็นการโทรมาผิดเบอร์ แต่แล้วก็ไม่มีการตอบรับจากหมายเลขนั้น
“ไม่รับสายแฮะ” เด็กหนุ่มวางสายแล้วเอ่ยออกมา ไม่คิดที่จะติดต่อกลับไปอีกจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วลุกขึ้นไปทำธุระในห้องน้ำ
*****************************************************
บนดาดฟ้าที่ลมค่อนข้างแรง เต็นนั่งชันเข่าปล่อยวางความรู้สึกล้าๆ ทั้งหมดทิ้ง ก่อนหน้านี้ตอนออกมาจากห้องน้ำแล้วเช็คโทรศัพท์ดูเห็นแล้วว่าแชมป์ติดต่อกลับมาหาตน แต่ระหว่างที่กำลังชำระร่างกายอยู่นั้นได้ขบคิดเรื่องที่ตนสมควรจะปล่อยวางเรื่องราวเก่าๆ ได้แล้วหรือยัง การเป็นคนอ่อนแออ่อนไหวปล่อยให้คนอื่นเข้ามามีอิทธิพลเหนือจิตใจได้ตลอดเวลาแบบนี้มันดีแล้วหรือ สมควรแก่เวลาหรือยังที่จะพาหัวใจแกร่งขึ้นดั่งการแสดงออกภายนอก สมควรแก่เวลาหรือยังที่จะลืมความรักที่พังทลายลงครั้งก่อน สมควรแก่เวลาหรือยังที่จะหยุดการเลิกลงทัณฑ์หัวใจตัวเองด้วยการจำจองอยู่กับความรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ได้ทำลงไปเพราะความอ่อนไหว สมควรแก่เวลาหรือยังที่จะยอมให้หัวใจเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคนที่ดีแสนดี สุดท้ายความถามทั้งหมดจบลงด้วยคำตอบที่บอกกับตัวเองเบาๆ ว่า
“ถึงเวลาแล้วแชมป์ที่นายจะกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเรา”
เมื่อบอกกับหัวใจเช่นนั้นนาทีที่เห็นหมายเลขของคนที่ติดต่อกลับมาหัวใจจึงไม่ใยดีที่จะติดต่อกลับไป จากนี้ต่อไปคนๆ นั้นจะมองจะเห็นเขาเป็นตัวอะไรก็สุดแล้วแต่เถิด เพราะหัวใจจะไม่เก็บเอามาเป็นสาระให้ใจต้องเจ็บปวดอีก
****************************************************************
เวลาผ่านไปกว่าสัปดาห์ที่ทั้งเต็นและแชมป์ไม่ได้ติดต่อหรือพบเจอกันอีก มันเป็นการง่ายสำหรับเต็นกับการทำใจให้ลืมทุกอย่างได้เร็วขึ้น ประกอบกับคนรักเก่าอย่างนพและเพื่อนใหม่อย่างแม็คก็คอยชวนไปโน่นไปนี่อยู่ไม่เคยเว้นหากมีเวลาว่างตรงกัน เด็กหนุ่มไม่ได้ปิดบังเรื่องใครกับใคร เจอหน้าคนรักเก่าก็เปิดใจพูดออกไปเรื่องเพื่อนใหม่ เจอหน้าเพื่อนใหม่ก็บอกกล่าวเรื่องคนรักเก่าให้ฟัง สองคนไม่ได้แสดงออกถึงท่าทีไม่พอใจอะไร บอกเคารพในการตัดสินใจของคนกลางว่าหากจะให้ใครยืนอยู่ตำแหน่งไหน ตัวเองก็รู้สึกยินดีด้วยทั้งนั้น ในเมื่อสถานการณ์ไม่ได้บีบบังคับให้ต้องเลือกแบบนี้เด็กหนุ่มจึงรู้สึกผ่อนคลายและไม่กดดันกับการที่จะต้องบอกอีกคนว่าไปกับอีกคน ผลที่ได้จากการพบเจอไม่ว่าจะกับใครสุดท้ายก็คือรอยยิ้มเสียงหัวเราะและการพูดคุยอย่างเฮฮาสนุกสนาน ไม่เคยมีสักครั้งที่เกิดเรื่องราวหึงหวงหรือทะเลาะกันเพราะเด็กหนุ่มวางตัวอย่างชัดเจนแล้วว่าวินาทีนี้ตอนนี้คงมีใจให้กับคนทั้งสองแค่เพื่อนที่ดีเท่านั้น หากว่าใครคนใดคนหนึ่งคิดว่าไม่ทนกับสถานภาพแบบนี้ก็ยินดีกับการจากลา แต่คำตอบที่ได้กับคนทั้งสองก็ทำเอาน้ำตาแทบไหลด้วยความซึ้งใจจากคำพูดที่ตรงกันคือยินดีและเต็มใจที่จะดูแลความสัมพันธ์นี้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต เพราะการที่คนเราจะมอบความรู้สึกดีๆ ให้กันไม่จำเป็นเลยว่าจะต้องหวังผลตอบแทน
ส่วนแชมป์ ตอนนี้ได้กลายเป็นคนแปลกไปในสายตาเพื่อนร่วมก๊วน จากเด็กหนุ่มร่าเริงเฮฮากวนๆ บัดนี้กลายเป็นใครอีกคนที่พูดน้อย ไม่ค่อยยิ้ม ระดับความเฮฮาลดลงอย่างน่าตกใจ กลุ่มเพื่อนเคยฟันธงว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในภาวะคนอกหักจากน้ำมือแฟนสาวอย่างมิว แต่วันก่อนหลายสายตาเห็นชัดเจนว่ามิวตามมาขอคืนดีถึงหน้ามหาวิทยาลัยแต่เด็กหนุ่มตอบกลับไปเพียงว่าขอเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ตามถามไถ่ว่าหากยินดีที่จะไม่คืนดีเองแล้วทำไมต้องมาแสดงท่าทางเซื่องซึมให้เพื่อนๆ เห็น คำตอบที่ได้กลับมาทำเอางงกันไปทั้งกลุ่มเพราะเจ้าตัวบอกอาการที่เป็นนี่ไม่ใช่เพราะคนรักอย่างมิว พอถามต่อไปว่าแล้วเป็นเพราะใครก็ไม่เคยมีใครได้คำตอบชัดเจน จนที่สุดจึงขี้เกียจเซ้าซี้ ปลอบก็แล้ว ถามก็แล้ว ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมเปิดใจพูดคุย ทุกคนจึงลงความเห็นว่าปล่อยมัน!
***************************************************
ถึงเวลาผลัดเปลี่ยนฤดูกาลจากหนาวไปสู่ร้อน ไม่ใช่เพียงองศาจากอุณหภูมิเท่านั้นที่แปรเปลี่ยนไปแต่เรื่องราวต่างๆ ของเต็นก็ได้ดำเนินเปลี่ยนทิศไปเช่นกัน มาวันนี้เด็กหนุ่มได้ปิดชีวิตนักศึกษาลงได้สำเร็จ พร้อมๆ กับการลบภาพของแชมป์ออกไปได้จนเลือนรางในความรู้สึก แต่ทั้งนพและแม็คก็ยังไม่มีใครก้าวเข้ามาในหัวใจได้มากกว่าคำว่าเพื่อนได้อยู่ดีแต่วิถีชีวิตของสองคนนั้นก็ใช่ว่าจะไม่เจอเรื่องดีๆ เพราะแม็คเองก็เรียนจบพร้อมๆ กับเขา ส่วนนพเองก็ได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเด็กหนุ่มเคยแนะนำสองคนให้รู้จักกันแล้วตอนเจอกันโดยบังเอิญ แต่วันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะทั้งสามนัดเลี้ยงฉลองกับความสำเร็จอีกก้าวของชีวิต ณ ร้านๆ หนึ่ง แถวชานเมือง ไม่ต่างกับแชมป์ที่มาร้านๆ นี้กับกลุ่มเพื่อนที่เรียนจบพร้อมตนด้วยเช่นกัน
สองคนยังไม่เจอกันโดยทันทีเพราะร้านที่ว่านั้นกว้างขวางพอสมควร และโต๊ะที่ทั้งสองเลือกนั่งกับคนที่มาด้วยก็อยู่กันคนละมุม
ที่โต๊ะของแชมป์
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิวะแชมป์ ยังไม่หายโดนของมาอีกหรือไงวะ วันนี้วันเลี้ยงฉลองนะโว้ย ทำหน้ายังกะมาร่วมงานศพใครเลยนะมึง” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยว่าติดตลกในตอนที่เห็นเด็กหนุ่มนั่งนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาตั้งแต่มาถึง จะว่าไปอาการนี้พวกเขาก็น่าจะชินกันแล้ว เพราะแชมป์ได้กลายเป็นคนเป็นคนแบบนี้มาแล้วเนิ่นนานนับตั้งแต่วันนั้นที่คิดว่าเจ้าตัวอกหักจากคนรักอย่างมิวแต่เจ้าตัวบอกไม่ใช่ ซึ่งจนป่านนี้เพื่อนในกลุ่มก็ยังไม่มีใครรู้สาเหตุว่าคนๆ นี้กลายเป็นคนเหม่อซึมจากน้ำมือใคร แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าตัวไม่เล่าก็ไม่อยากที่จะเซ้าซี้ แต่วันนี้ขอสักวันให้เจ้าตัวร่าเริงสมกับการมาร่วมฉลองการปิดชีวิตนักศึกษาลงได้สำเร็จกันหน่อยเหอะ
“เออน่ะ อย่างน้อยกูก็มากะพวกมึงแล้ว จะอะไรกะกูนักหนา” แชมป์เอ่ยตัดรำคาญ ใช่ว่าเขาอยากจะมาเฮฮาที่นี่สักเท่าไหร่ ถ้าเพื่อนไม่เซ้าซี้เขาก็คงไม่มาที่ร้านแห่งนี้แน่ เด็กหนุ่มปิดตายความรู้สึกเฮฮาร่าเริงนับตั้งวันนั้นที่เดินจากเต็นมาแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกเสียใจและน้อยใจที่คนๆ นั้นไม่ติดต่อกลับมาหาตนเลยนับตั้งแต่วันนั้น จำนวนเงินเขาคืนให้และข้อความที่ได้เขียนไว้ก่อนการจากลาไม่สามารถสะกิดใจคนๆ นั้นให้นึกถึงเขาบ้างเลยหรือ มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะนะ เพราะหากมันสะกิดใจเจ้าตัวป่านนี้เขาก็คงได้รับการติดต่อกลับมาแล้ว จะว่าฝ่ายนั้นจำหมายเลขโทรศัพท์เขาไม่ได้ก็ดูจะเป็นการปลอบใจตัวเองเกินไป เพราะก่อนหน้านั้นเจ้าตัวก็เฝ้าโทรศัพท์มาตามเขาทั้งเช้าและเย็น จะให้เขาเป็นฝ่ายติดต่อกลับไปหาเอง ก็ไม่รู้จะติดต่อกลับไปยังไง เพราะไม่ได้เอ่ยขอหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ของเจ้าตัวไว้เลย ป่านนี้คงกำลังมีความสุขกับรักครั้งใหม่อยู่ล่ะมั้ง แต่จะกับใครล่ะ จะเป็นกับนายแม็คหรือนายนพเขาก็สุดจะคาดเดา
ที่โต๊ะของเต็น เด็กหนุ่มกำลังมีความสุขจริงๆ อย่างที่แชมป์คาดเดา ซึ่งความสุขที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่ากับใครระหว่างคนรักเก่าอย่างนพหรือเพื่อนใหม่อย่างแม็ค เพราะตอนนี้สองคนนั้นต่างก็นั่งเฮฮาอยู่ต่อหน้า
“เรียนจบแล้วคิดจะทำอะไรต่ออ่ะแม็ค” นพเอ่ยถามแม็คเป็นการเป็นงานหลังคุยเฮฮาหยอกเหย้ากันพอสมควรแล้ว กับเต็นนั้นก่อนหน้าเจ้าตัวบอกชายหนุ่มแล้วว่าจะกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดสักพัก ใกล้ๆ วันรับปริญญาถึงจะกลับมา
“ยังไม่รู้เลยพี่นพ อาจจะหาที่เที่ยวพักผ่อนสักพักแหละแต่ที่ไหนยังไม่รู้เลย” แม็คตอบ นพจึงหันมาเอ่ยกับเต็นยิ้มๆ
“ไม่ชวนแม็คไปเที่ยวบ้านด้วยเหรอเต็น”
“อ้าว เต็นจะกลับบ้านเหรอ” แม็คชิงถามก่อนที่เต็นจะเอ่ยอะไร พอได้คำตอบว่าใช่ก็แสดงท่าทีอยากตามไปด้วยอย่างชัดเจน
“อย่าเลยแม็ค บ้านเต็นมันไม่มีที่ให้เที่ยวหรอก” เต็นเอ่ยบอก เพราะใจจริงอยากกลับไปที่บ้านเกิดเพียงลำพัง
“จริงเหรอพี่นพ” แม็คหันมาถามอีกคนที่เคยบอกว่าเคยไปมาแล้ว
“ไม่รู้ดิ พี่ชักเลือนๆ แล้วเพราะไม่ได้ไปมานานแล้วเหมือนกัน” นพตอบ ชายหนุ่มฟังคำค้านของคนรักเก่าก็รู้ได้ว่าเจ้าตัวคงกำลังอยากจะอยู่เพียงลำพังจึงเลี่ยงเอ่ยไปเช่นนั้น ไม่ต่างจากแม็คที่พอจะอ่านท่าทีออกจึงไม่เซ้าซี้อะไรมาก อย่างที่เคยเอ่ยไว้ตั้งแต่ต้นว่าสองหนุ่มเคารพในการตัดสินใจของเต็น ประเด็นการพูดคุยนี้จึงจบไป ก่อนที่ทั้งหมดจะหันมาคุยหยอกเหย้ากันใหม่ กระทั่งอิ่มจากมื้ออาหารแห่งการฉลองนี้จึงตกลงว่าจะกลับกัน ซึ่งเวลาขณะนี้ก็เย็นย่ำลงพอดี
“ขามาเต็นมากับพี่แล้วขากลับผมขอไปส่งเต็นละกันนะพี่นพ” แม็คเอ่ยบอกทีเล่นทีจริง คนฟังเริ่มรู้จักนิสัยติดเล่นจึงเอ่ยยิ้มๆ ยกมือตบไหล่
“ตามสบายเลยไอ้น้อง”
เต็นมองภาพนั้นอย่างสุขใจ ไม่รู้สินะเห็นสองคนดีต่อกันแบบนี้หัวใจเด็กหนุ่มก็พลอยยิ้มได้ไปด้วย
“ไปนะเต็น ถ้าแม็คมันรังแกระหว่างทางโทรฟ้องนพได้ตลอดเลยนะ เดี๋ยวนพจะมาจัดการให้” นพเอ่ยเอาฮาก่อนจากไปที่รถตนเอง แม็คส่ายหน้ามองคามหลังยิ้มๆ
“ไอ้พี่นพบ้าเอ้ย”
“ไปว่าเขาเดี๋ยวก็เต็นก็โทรฟ้องซะนี่” เต็นหันมาว่ายิ้มๆ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินคู่กันออกยังลานจอดรถด้านหน้าร้าน เดินไปกันได้สักพักแม็คเป็นฝ่ายชะงักคลำกระเป๋ากางเกงเอ่ยขึ้น
“เต็นรออยู่นี่นะ แม็คว่าแม็คลืมกุญแจรถไว้ที่โต๊ะแหงเลย” เอ่ยจบเด็กหนุ่มก็รีบเดินแกมวิ่งกลับเข้าไปในร้าน เต็นมองตามสักพักจึงเดินไปยังม้านั่งที่อยู่ใกล้ๆ หันมองโน่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็พลันสะดุ้งหน่อยๆ กับเสียงทักข้างๆ ตัว
“ไม่เจอกันนานเลยนะเต็น”
โปรดติดตามตอนต่อไป