คุณแม่พี่เอย์!!!“ส....ส....สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้เธอ เธอรับไหว้แล้วส่งยิ้มให้
“คะ....คือ คุณ อะ..เอ่อ....คะ....คุณ....” วุ๊ยยย คือผมจะเรียกเธอว่าอะไรวะผมก็งง เธอก้าวเข้ามาแล้ว นั่งลงที่เก้าอี้พลาสติกธรรมดาได้ คือชุดเธอโคตรอลังมากแบบผ้าไหมสีทองสูทกางเกงเสื้อเข้ารูปคือหุ่นดีและสวยมาก ผมทายว่านี่คือชุดทำงานเธอ เมื่อวานนี้ไม่ใช่ชุดเต็มรูปแบบๆนี้
“เรียกฉันว่าคุณรัน” เสียงเธอคือแบบ....แฝงไปด้วยอำนาจ แต่หน้าตานี่ยิ้มนะ
“คะ..ครับ สวัสดีครับคุณรัน”
“ไหว้พระเถอะจ๊ะ” เมื่อผมไหว้อีก เธอก็รับไหว้อีกครั้งส่งยิ้มอ่อนโยนอย่างเคย ทำไมแปลก ๆ วะรอยยิ้มเธอทำไมไม่เหมือนเมื่อวานเลย ผมรีบเดินเข้าไปหาแม่ผมแล้วบอกผู้หญิงสวย ๆ ที่มานี่คือคุณแม่ของพี่เอย์เจ้านายผม แม่เลยรีบเดินเข้ามาสวัสดีเธอ คุณแม่พี่เอย์ยิ้มให้คุณแม่ผมพี่ขมเองก็มาสวัสดีด้วย เธอรับไหว้สวยงามมากเช่นกัน
“ปิงหาน้ำมาให้คุณท่านดื่มสิลูก” เออใช่ผมหันหน้าหันหลังทำอะไรไม่ถูก คือไม่คิดเลยว่าเธอจะมา คือผมงงไปหมดจริงนะ อะไรวะแล้วเธอรู้ได้ไงว่าร้านเราอยู่ที่นี่ แล้วเธอมาทำไม แล้วพี่เอย์? คือคุณชายเอย์ยังไม่โทรหาผมเลยด้วยซ้ำตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อะไรกันแม่มันจะมาทั้งทีทำไมไม่โทรบอกผมล่วงหน้าเลยวะ
ผมคิดสารพัดจนหัวหมุนติ้วไม่รู้จะเดินไปทางไหน
“ปิงไม่ต้องยุ่งยากหรอก” คุณรันลุกขึ้น เธอเดินเข้าไปหาแม่ผม คือแม่รีบถอยหลังเลยนะ ผมรีบเข้าไปยืนข้างแม่ทันที คือท่าทางคุณแม่พี่เอย์ดูข่ม ๆ ไงไม่รู้ถ้าเธอไม่พูดออกมานี่คือน่ากลัวมากดูมีบารมี
“เธอเป็นคุณแม่ของปิงสินะ”
“ใช่จ๊ะ เอ้ย ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของปิง” ผมเอื้อม ๆมือไปลูบๆหลังแม่คือรู้ว่าตอนนี้แม่เกร็งมาก พี่ขมไปจัดการลูกค้าหน้าร้านให้แทน เพราะรู้สึกว่าคุณแม่พี่เอย์คงมีธุระกับคุณแม่ของผมแน่แล้ว
ตายห่าผมคิดไปไกลเลยนะแต่อีกใจคือคิดว่าเพราะเธอเห็นว่าผมทำความสะอาดทำอาหารให้ลูกเธอๆคงจะมาดูว่าที่บ้านผมกินอยู่อะไรยังไงแบบไหนมั้ง
“ค้าขายแบบนี้เหรอ อืมม ร้านอาหารอีสาน ลูกค้าเยอะไหม ขายดีหรือเปล่า”
“กะ..ก็พอได้ขายค่ะคุณท่าน” แม่ผมตอบ คุณรันแม่พี่เอย์ค่อยเดินทอดส้นสูงมองไปที่มุมต่าง ๆ ของร้านกวาดสายตาจนทั่ว คืออยากบอกว่ามีใยแมงมุมกับครอบครัวมดไต่อยู่บนเพดานด้วย บ้านคนรวยๆคงไม่มีของพวกนี้มั้งนะ คือห้องพี่เอย์ก็ไม่มี ผมเคยดูในหนังก็ไม่มีอ่ะ
“ก็ดีนะ แบบนี้ก็ดีแล้ว ขอให้ขายดีขึ้นๆก็แล้วกัน” เธอหันมายิ้มหวานให้ แม่เองก็ยิ้มตอบ ผมไม่ยอมห่างแม่เลยนะคืออะไรไม่รู้ล่ะถึงคุณแม่พี่เอย์จะพูดจาดีหน้าตาท่าทางดีแต่ผมรู้สึกแปลกๆกับเธอว่ะ ดูเหมือนเธอแผ่บารมีมากเกิน ใครอยู่ใกล้ก็พลอยถูกกดลงไปด้วย
“ที่ฉันมาวันนี้ก็ไม่มีอะไรหรอกไม่ต้องตกใจไป แค่ได้รู้จากเอย์เขาว่าลูกชายเธอไปทำอาหารดูแลห้องให้เขา เลยอยากมาดูเสียหน่อยว่าบ้านเรากินอยู่อะไรกันแบบไหน” สายตาเธอมองทอดไปที่อาหารหน้าร้าน รวมถึงบรรดาครกส้มตำของแม่และเครื่องเคียง
“เดี๋ยวฉันขอพาหนูปิงออกไปทำธุระกับฉันหน่อยแล้วกันนะ เธอคงจะไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม”
“ปะ..ไปไหนครับ” ผมรีบถาม แม่เองก็หันมามองผมใหญ่
“โอ๊ยไม่ต้องตกใจจ๊ะ ไม่พาไปฆ่าไปแกงหรอกน้องเอย์เอาฉันตายเลย แค่อยากพาปิงไปเปิดหูเปิดตาบ้างพอดีได้รู้เรื่องจากเอย์เขาเมื่อคืนนี้ วันนี้เลยกะจะมารับไปดูอะไรด้วยกันหน่อย ไม่เกินสองสามชั่วโมงหรอกเดี๋ยวพามาส่งให้ถึงหน้าร้านเลย ไปกับฉันหน่อยนะปิง”
ผมกับแม่มองหน้ากัน คือผมไม่เข้าใจว่ะ อะไรวะผมไม่รู้จักเธอเลยนะจู่ๆบอกจะมาพาไปโน่นไปนี่ แล้วคือพี่เอย์ก็ไม่เห็นโทรมาบอกว่าอะไรยังไง คือผมควรออกไปกับเธอป่ะวะ แม่เองก็ทำสีหน้าไม่ค่อยดีด้วย คงจะห่วงผม
“ไปกันได้แล้วมั้งรีบไปจะได้รีบกลับ” เธอลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปรอด้านนอก ผมมองดูแม่นิดนึงตัดสินใจแล้วเดินเข้าไปล้างมือพอออกมาแม่เดินเข้าหาผมทันทีเลย
“ปิง ไม่เป็นไรแน่นะลูก คุณแม่เอย์เขาท่าทางแปลกๆนะ คือ....”
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวปิงรีบไปรีบกลับ แม่ไม่ต้องห่วงนะ คุณรันเธอก็บอกเองว่าเดี๋ยวก็พามาส่งแล้ว ปิงไม่เป็นไรนะแม่ เดี๋ยวปิงมา” ผมจับมือแม่ขึ้นมาบีบเบา ๆ ความหมายคือให้เชื่อใจผมไม่เป็นไรนะ แล้วผมก็รีบเดินตามคุณแม่พี่เอย์ออกไป เธอขึ้นไปนั่งรอที่รถเบนส์สีดำของเธอแล้ว มีคนขับรถในชุดสุภาพยืนรอผมอยู่ด้านนอก ลุงเขาเปิดประตูให้ผมขึ้นไปนั่งด้านหน้า
บรรยากาศบนรถอึมครึมมากผมงี้ตัวเกร็งเลยดิ่ มีเสียงเพลงสากลคลาสสิคคลอเบา ๆ คุณรันนั่งอยู่เบาะหลังเธอเงียบเลยผมเองก็ไม่กล้าหันไปมอง แล้วไม่รู้ด้วยว่าเขาจะพาผมไปไหน เสียงโทรศัพท์สักนิดจากพี่เอย์ก็ไม่มีเข้ามา ผมภาวนาเลยนะสาธุขอให้มันโทรเข้ามาด้วยเถ้อ ผมจะบอกมันทันทีเลยว่าตอนนี้ผมอยู่กับใคร
“ปิงมาทำงานกับเอย์เขานานหรือยังครับ”
ผมสะดุ้งนิดนึงคือจู่ ๆ เธอพูดขึ้น
“เอ่อ สักพักแล้วครับประมาณห้าหกเดือนแล้ว”
“มาดูแลห้องให้พี่เขาทุกวันเลยเหรอ”
“อ๋อไม่ครับ ผมจะมาเฉพาะวันที่ว่าง”
“อาทิตย์ละกี่วัน”
“ก็ไม่แน่นอนหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็สองสามวัน” คือขอโทษครับผมโกหก จริง ๆถ้าไม่ติดสอบผมมาเกือบทุกวันอ่ะ
“แล้วปิงเรียกเอย์ว่ายังไงเหรอครับ”
“อะ..เอ่อ คืออะไรครับ” แม่พี่เอย์หมายความว่ายังไงวะ
“เรียกคุณเอย์หรือเรียกพี่เอย์”
“เรียกพี่เอย์ครับ”
“เหรอจ๊ะ” ผมหันไป เธอส่งยิ้มให้โคตรหวานก่อนจะขยับริมฝีปากสวยพูด “ปกติแล้วพนักงานในบริษัทจะเรียกเขาว่า ‘คุณเอย์’ แสดงว่าปิงเนี่ยสนิทกับน้องเอย์มากสินะ”
“.........” คือผมเงียบไป สายตาเธอตอนนี้ผมอ่านไม่ออกเลยจริง ๆ เธอพูดไปก็ยิ้มไปนะแต่ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆเหมือนถูกสอบสวนเลยวะ
“เดี๋ยวฉันจะพาปิงไปดูที่ๆนึง จวนจะถึงแล้วล่ะ อ้อไม่ต้องตกใจนะ ชุดที่ปิงสวมอยู่ปกติเข้าไม่ได้แต่วันนี้ปิงมากับฉันต่อให้แต่งตัวมอซอแค่ไหนก็เดินผ่านได้สะดวกมากจ๊ะ”
ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก! คือเธอด่าผมป่ะวะ เอิ่มมันก็จริง ชุดที่ใส่วันนี้เสื้อยืดคาราบาวแดงครับส่วนกางเกงเป็นยืดจั๊มขาห้าส่วนอีกแล้ว ที่สำคัญรองเท้าผ้าใบวันนี้คือคู่เก่านะครับ ดำนิดๆแล้วด้วยถึงจะเป็นสีฟ้าก็เถอะ มีรอยเลอะจากคราบน้ำแกงเมื่อเช้านิดหน่อยนี่ผมล้างแล้วนะคิดว่าสะอาดดีแล้ว
รถขับเข้าเขตเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงมากมาย คือผมไม่ค่อยชอบแถวนี้เลยจริงนะมันมีแต่ตึกรูปร่างแปลกตาส่วนใหญ่เป็นตึกกระจกซึ่งสูงมากแล้วเอนหน้าเอนหลังผมไม่รู้มันเป็นปฏิมากรรมแบบไหนแต่คือผมกลัวว่ะ กลัวมันเอนหล่นลงมาทับ สักพักรถชะลอลงที่ทางเข้าด้านหน้าตึกรูปทรงเอนๆล้ำสมัยหลังหนึ่ง ผมอ่านป้ายชื่อบริษัทอันใหญ่ๆที่วางเป็นแนวนอนอยู่บนสวนหย่อมตรงทางเลี้ยวเข้าตัวตึกประดับโขดหินสวยงาม
‘อัศวคอนสตรัคชั่น’ อึ๋ยยย ผมรู้จักนะบริษัทนี้คือเขาดังมากเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ นี่ก็เพิ่งมีข่าวเกี่ยวกับการรับงานก่อสร้างโรงแรมหรูสองแห่งที่ติดอันดับหนึ่งในห้าของอาเซียนซึ่งอยู่ที่ภูเก็ตและกระบี่
อะไรวะ! อย่าบอกนะว่า....รถเลี้ยวเข้ามาจอดลงที่ช่องจอด คุณรันก้าวลงไปทันทีที่ลุงคนขับลงไปเปิดประตูรถให้เธอ ผมเองก็รีบลงมายืนบ้าง เธอเดินเข้ามาหา ในมือคล้องกระเป๋าถือสีเหลืองทองใบใหญ่มากเข้ากับชุดเธอเลย
“เข้าไปกันเถอะจ๊ะ” เธอว่าแล้วเดินนำเข้าไป ผมก็เดินตามหลังเธอสิครับ ยังไม่รู้ว่าเธอจะพาไปทำอะไร ในใจนี่ความคิดตีกันวุ่นวายไปหมด เอาจริง ๆ เลยใช่ไหมคือผมกำลังคิดว่าอย่าบอกนะว่า พี่เอย์มันเป็นคนในตระกูลนี้
ขณะอยู่ในลิฟต์นี่คือผมแอบมองๆตัวเองในกระจกด้วยนะโคตรจะมอซอจริงอ่ะ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะต้องมาในสถานที่แบบนี้ถ้ารู้ก็จะแต่งให้สุภาพมากกว่านี้อยู่หรอก ขนาดลุงคนขับรถยังไม่ชายตาแลผมเลยเอาแค่นั้นพอ คือชุดผมมันไม่เหมาะจริงๆ
“เอ่อคือ....
“เป็นอะไรจ๊ะ ไม่ต้องเกร็งนะ เดี๋ยวออกไปปิงมาเดินอยู่ข้างหลังฉัน ไม่ต้องสนใจสายตาใครจะมองมาแบบไหนยังไง จำไว้แค่ว่าหนูมากับฉันแค่นั้นพอ”
พอลิฟต์เปิดออกแค่นั้นแหละผมแทบเป็นลมพ่อคุณแม่คุณเอ๊ยยยยยย คือตึกด้านนอกที่ว่าสวยแล้วหรูแล้ว แต่ข้างในนี้สวยงามกว่าอลังการกว่าเยอะมากๆๆๆผมแปลกใจตั้งแต่ลิฟต์แล้ว คือลิฟต์อะไรวะโคตรหรูหราแล้วก็ใหญ่มาก สมแล้วสมทุกอย่างที่เป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างอาคารใหญ่โต เพราะอาคารของตัวเองคือเป็นต้นแบบได้ทุกอย่างจริง ๆ ยืนยันอีกครั้งครับว่าหรูหรามาก
“สวัสดีครับท่าน /สวัสดีครับคุณรัน /สวัสดีค่ะท่านประธาน บลาๆๆ” นี่คือเสียงจากบรรดาพนักงานที่เดินผ่านกลุ่มของเราหยุดทำความเคารพคุณแม่พี่เอย์ เธอไม่ได้ยกมือขึ้นรับไหว้นะครับเธอแค่พยักหน้าส่งให้ ก่อนจะพาผมเลี้ยวเข้าไปอีกทาง
“ที่ฉันพาปิงมาวันนี้เหตุผลหลักๆเลยก็คือจะพามาดูที่ทำงานในอนาคตของเอย์ตั้นเขา” เสียงเธอเย็นเฉียบ หน้านิ่งมาก
เราหยุดกันอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง ประตูไม้บานใหญ่หรูหรามีป้ายติดไว้ด้านหน้าชัดเจน
เอย์ตั้น อัศวเหมมินทร์
รองประธานกรรมการ
เธอเปิดบานประตูผลักเข้าไป เผยให้เห็นห้องทำงานกว้างขวางหรูหรา โต๊ะทำงานตัวใหญ่มากวางอยู่ริมกระจกใสฝั่งหนึ่งของห้องกินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง เครื่องอำนวยความสะดวกสิ่งทันสมัยครบครัน
“เข้ามาสิจ๊ะปิง” เธอพยักหน้าเรียกเบา ๆ ผมก้าวเข้าไปแบบไม่รู้ตัวเลย คุณเชื่อไหมครับผมรู้จักพี่เอย์มานานแล้วก็จริง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพี่เอย์นามสกุล
อัศวเหมมินทร์ ผมไม่เคยรู้และไม่เคยถามว่าบ้านพี่เขาทำงานอะไรแบบไหน พี่เอย์คือนายจ้างของผมเป็นคนรักของผม เป็นเหมือนเพื่อนเหมือนพี่ชายและเป็นทุกอย่างให้ผมได้
ทำไมผมถึงไม่เคยถามมันเลยวะ
“นี่เป็นห้องทำงานของเอย์เขา ฉันจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้เขาเรียบร้อยตั้งแต่สองปีที่แล้ว ต่อไปน้องเอย์จะต้องบริหารบริษัทนี้ต่อให้กับฉัน” เธอเดินเข้ามาจูงมือผมให้ไปยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ชี้ให้มองออกไปที่นอกประตูใหญ่บานนั้น
“ปิงลองมองออกไปด้านนอกดูสิลูก นอกห้องนี้ เห็นไหมว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่ต้องทำงานให้กับน้องเอย์” ประตูห้องที่ถูกเปิดอ้าไว้ เผยให้เห็นพนักงานในชุดสูทหลากหลายคนเดินขวักไขว่ถือแฟ้มงานบ้างโทรศัพท์บ้าง แต่ละคนคล้องป้ายชื่อห้อยอยู่ที่คอไม่ก็หนีบอยู่ที่หน้าอก ขนาดผู้หญิงยังใส่กางเกงเป็นสูทมาทำงานคือทะมัดทะแมงและกระตือรือล้นกันมาก สังคมคนละแบบกับที่ผมเคยอยู่จริง ๆ นะ
“ต่อไปในอนาคตน้องเอย์จะต้องมานั่งบริหารงานแทนฉันและแทนคุณพ่อของเขา ไม่ใช่แค่ที่ห้องนี้แต่จะเป็นห้องประธานกรรมการใหญ่ วันนั้นจะมาถึงในไม่ช้าฉันรอแค่เขาสั่งสมประสบการณ์ให้มากขึ้นก็แค่นั้น นี่คือหน้าที่ของคนที่เป็นแม่ ฉันกับคุณพ่อของเอย์ทำทุกอย่างไว้เพื่อเขามากจริง ๆ น้องเอย์เป็นเด็กน่ารักเขาเชื่อฟังฉันทุกอย่างไม่เคยขัดใจเลยสักครั้งปิงเชื่อไหมลูก”
เธอแตะไหล่ผมให้หันไปที่กระจกผนังบานใหญ่ด้านหลังเก้าอี้ประธานตัวโต ตึกนี้สูงมากมายจริง ๆ สูงเสียดฟ้าเลยนะ
“ปิงลองมองลงไปด้านล่างสิจ๊ะ เห็นผู้คนข้างล่างนั่นไหม ตัวเล็กจิ๊ดเดียวอย่างกับมดเลยเนอะ ฉันรู้สึกนับถือทุกครั้งเลยนะเวลาที่มองคนตัวเล็กๆพยายามดิ้นรนต่อสู้ บางคนเข็นรถมาขายอาหารถึงหน้าบริษัทฉันไม่เคยว่าไม่เคยห้ามไม่เคยไล่ นับถือเลยด้วยซ้ำที่เขามีความพยายามขยันขันแข็ง เราต่างคนก็ทำมาหากินในฐานะของคนสุจริตกันทั้งนั้น
ที่สำคัญคือขอให้รู้ว่าตัวเองควรจะยืนอยู่ที่จุดไหนอย่างไร”ผมยกมือขึ้นเกาะบานกระจก ก้มมองผู้คนที่เห็นจากไกลๆตรงนี้คือตัวเล็กมากจริง ๆ แต่ละคนต่างทำมาหากิน มีรถเข็นขายอาหารมาจอดขายก๋วยเตี๋ยวบ้างข้าวแกงบ้างหมูปิ้งบ้าง คือน่าจะขายให้กับพนักงานบางส่วนของที่นี่ บริษัทใหญ่ๆแบบนี้คงจะมีพนักงานหลายร้อยชีวิตเผลอๆเป็นพัน ตั้งแต่ระดับล่างขึ้นมาจนถึงระดับบน
“บริษัทของเราไม่ได้มีแค่ที่ประเทศไทยหรอกนะ เรายังลงทุนที่ประเทศอื่น ๆ ด้วยฉันว่าปิงเองก็คงเคยดูข่าวบ้าง ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และโครงการในอนาคตฉันคิดว่าเราน่าจะลงทุนเพิ่มที่เมียนมาร์และเวียดนาม
เธอพาผมเดินออกมาที่ด้านนอกลงลิฟต์แวะไปที่อีกชั้นเป็นชั้นที่โชว์โมเดลจำลองเป็นร้อย ๆ พัน ๆ แบบ โครงสร้างของตึกรวมทั้งผลงานที่ผ่านมาของบริษัททั้งที่ทำอยู่และผลงานที่สำเร็จแล้ว คือผมนี่ตื่นตามาก เพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก เราลงลิฟต์มาที่ลานจอดรถกันอีกครั้ง
“เดี๋ยวฉันจะพาปิงไปดูอีกที่นึงด้วยนะจ๊ะ”
รถหรูขับพาผมวกเข้าตัวเมืองอีกครั้ง ตลอดทางผมนั่งนึกมาตลอดคือคุณแม่พี่เอย์มีจุดประสงค์อะไรวะ จู่ ๆ พาผมไปดูกิจการธุรกิจของบ้านเธอแบบนั้น คือเธอเพิ่งจะรู้จักหน้าผมเมื่อวาน ผมแค่สวัสดีเธอ แล้วเมื่อวานเธอยังทำท่าเฉย ๆ กับผมอยู่เลย วันนี้เกิดอะไรขึ้นคือมาหาผมถึงที่ร้านซึ่งเซอร์ไพร้ซ์มาก ที่สำคัญ ตอนนี้สิผมนี่ขนลุกเลยเหอะ เพราะรถเลี้ยวเข้าไปในบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูหราจากยุโรปที่มีชื่อเสียงความเชื่อถือได้อันดับหนึ่งในเมืองไทย
'อัศวออโต้อิมพอร์ต'ผมที่ชื่นชอบเรื่องรถอยู่แล้วนี่ตาตั้งหูตั้งเลยครับ ตอนเรียนมีอาจารย์พูดถึงบริษัทนี้หลายเคสมาก ผมเคยแต่ขับรถผ่านดูโชว์รูมรถจากภายนอกคือบรรดารถหรูรถในฝันของใครต่อใครต่างโชว์อยู่ที่โชว์รูมหรูหราของที่นี่ แล้วที่สำคัญคืออู่รถของที่นี่ใหญ่มากๆเครื่องมือนี่ล้ำสมัยจนเป็นเคสตัวอย่าง มีรุ่นพี่ผมเคยได้มาดูงานที่บริษัทนี้ด้วยแต่รุ่นผมได้ไปดูของบริษัทรถญี่ปุ่นแทน ตอนนั้นยังแอบเสียดายเลยเหอะ
“ลงมาสิจ๊ะ”
คุณแม่พี่เอย์เดินนำผมเข้าไปที่โชว์รูมใหญ่ พนักงานรีบวิ่งเข้ามายกมือสวัสดีเธอกันใหญ่ แล้วคือทุกคนมองมาที่ด้านหลังซึ่งก็คือผมที่ยืนเก้ๆกัง ๆ อยู่ ผมรู้ๆผมแต่งตัวมาคือมันไม่ใช่ไม่เหมาะไม่ควรแต่คุณๆครับกรุณาอย่าดูผมแค่ภายนอกได้ไหมผมของร้องล่ะ ทำไมวะแม่งเหมือนอยากจะร้องไห้เลย คือผมเองก็อดทนนะรู้สึกถึงความต่างตั้งแต่ไปเดินปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่บริษัทคอนสตรัคชั่นใหญ่ๆโน่นแล้ว พอเธอพามาที่นี่อีกผมนี่แบบดีใจน่ะ ก็ใช่ผมได้เข้ามาดูรถสวย ๆ ใกล้ ๆ แต่ทำไมผมรู้สึกอยากจะร้องไห้อีกแล้วเมื่อผมเห็นว่าเป็นชื่อใครที่ติดป้ายไว้ที่หน้าห้องทำงานใหญ่ด้านในแห่งนี้
เอย์ตั้น อัศวเหมมินทร์
ประธานกรรมการ
....ประธาน.....
“คุณพ่อน้องเอย์พอรู้ว่าเราสองคนได้ลูกชายท่านก็เตรียมศึกษาเรื่องธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ พอน้องเอย์เริ่มโตเขาชอบรถมากคุณย่าเองก็สนับสนุนอยากให้หลานได้ดูแลเกี่ยวกับธุรกิจด้านนี้แบบจริงจัง จริง ๆ แล้วบ้านเราทำแค่คอนสตรัคชั่นแต่พอหันมาจับธุรกิจด้านนี้ก็รุ่งเรืองมากขึ้นไปอีก ตอนนี้คุณพ่อเอย์เขายุ่งกับงานมากได้แต่รอให้เอย์เขาจบไว ๆ จะให้เข้ามานั่งแทนตำแหน่งคุณพ่อเขาได้เลย ฉันเตรียมห้องเตรียมอะไรไว้ให้เขานานแล้ว”
และนี่คือทั้งหมดที่เธอพูดกับผม ก่อนที่ห้องทำงานหรูหราจะถูกเปิดออกให้ดูอีกครั้งไม่ใหญ่เท่าบริษัทก่อสร้างก่อนหน้านี้แต่ก็ดูดีมากไม่แพ้กัน ผมจินตนาการออกเลยนะพี่เอย์ตอนที่ใส่สูทนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวนี้กับเก้าอี้ประธานตัวใหญ่ ๆ
สุดท้ายเธอพาผมเดินออกไปดูอู่รถและโชว์รูมเครื่องเสียงติดรถยนต์คืออยากบอกว่าอลังการมากสวยมากแล้วคุณภาพเสียงคือสุดยอดมากเรียกว่ามาที่เดียวคุณจะได้รถที่ติดตั้งทุกอย่างครบวงจร
สมแล้วที่เป็นบริษัทหลักในเครือ
อัศวเหมมินทร์กรุ๊ป “ถึงแล้วจ๊ะ”
ในที่สุดรถจอดลงที่หน้าร้านอาหารส้มตำอีสานเล็กๆ ผมหันไปยกมือสวัสดีเธอแต่ก่อนจะได้เปิดประตูลงไปเธอพูดอะไรบางอย่างกับผม
“ขอบใจนะปิงที่เราช่วยดูแลเรื่องอาหารแล้วก็เรื่องการกินอยู่ให้กับลูกชายของฉัน ปิงเป็นเด็กดีฉันดูวันนี้ฉันก็รู้ไม่แปลกใจเลยที่น้องเอย์เขาจะยอมรับในตัวปิง
แต่ว่า...”
เธอเว้นจังหวะนิดนึง คงอยากจะบอกให้ผมตั้งใจฟังสิ่งที่เธอจะพูดหลังจากนี้
“แต่ว่าคนเรา..ถ้ารู้ว่าตัวเองควรจะวางตัวอยู่แค่ไหน ระดับและสังคมของเรา ที่ๆเราควรจะยืนอยู่คือจุดไหน คนที่ไม่ใฝ่สูงเกินตัว คนที่รักความพอดี คนที่ไม่หวังมากกับสิ่งที่เกินเอื้อมคว้า คนๆนั้นจะเป็นคนที่มีความสุขมาก อย่าทะเยอทะยานอยากได้อยากเป็นในสิ่งที่มันสูงเกินกำลัง เพราะเมื่อไหร่ที่เราพลาดพลั้งตกลงมา มันไม่ได้จะเจ็บแค่ตัวเรา ครอบครัวพ่อแม่พี่น้องก็อาจจะเจ็บปวดได้รับผลกระทบจากความมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัวของเราได้”คุณเชื่อไหม....หน้าผมนี่ชาจนเหมือนไร้ความรู้สึกมากเลยนะ ผมไม่รู้คืออะไร คุณแม่พี่เอย์น่ารักมากใจดีมากยิ้มสวยมากเรียกผมเพราะมากให้เกียรติผมดีกับผมทุกอย่าง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกอยากจะร้องไห้กับคำพูดแต่ละคำที่เธอสอนผมเหลือเกิน
เธอไม่ได้ระบุว่าใครคนนั้นคือผมตรง ๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเธอกำลังหมายถึงผมอยู่เลยวะ
ผมคนนี้เหรอที่ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว? ผมคนนี้เหรอที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครและอยู่ที่ระดับไหน?
“ขอบใจมากนะปิง ฉันรู้ว่าปิงเป็นเด็กดี หวังดีกับน้องเอย์ เรามาช่วยกันส่งเสริมให้เอย์เขามีอนาคตที่ดีด้วยกันนะจ๊ะ ปิงทำได้แน่นอนฉันรู้”
นั่นคือสุดท้ายที่เธอพูดและยิ้มอ่อนโยนกับผมก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป ผมนิ่งงันไปหลายนาทีก่อนที่จะหันกลับมาที่ร้านเล็กๆของเรา แม่ยืนมองผมด้วยสายตาที่เป็นห่วงมากผมรู้เลย ผมถอนใจเฮือกใหญ่ตั้งสติใหม่ สลัดความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ออกไปตอนนี้ช่วยแม่ก่อนเรื่องต่าง ๆ ที่ยุ่งยากผมจะค่อยคิดหลังจากนี้ ผมเดินเข้าไปกอดแม่ แม่ลูบหัวผมแต่ไม่ถามอะไรสักคำ
อะไรวะโคตรอยากร้องไห้เลย แต่ผมจะไม่ทำแบบนั้นหรอก ผมไม่อ่อนแอ ผมเข้มแข็งเหอะ ผมเก่งนะ
.
.
“ลูกพี่ปิง โย้วๆ ทางนี้พี่ทางนี้”
เสียงไอ้บาสดังมาแต่ไกลมันตะโกนโบกไม่โบกมือเรียกผมตั้งแต่เพิ่งจอดมอไซด์โน่นแหละ ที่สนามบอลวันนี้ครึ้มนิดๆโชคดีที่ไม่มีฝน ผมมาถึงสายนิดหน่อย ตอนแรกกะว่าไม่มาหรอกจะไปทำงานที่ห้องคุณชายเขาแต่เมื่อกลางวันคุณแม่ของพี่เอย์มาหาพาไปโน่นไปนี่แล้วที่สำคัญคือตัวมันเพิ่งจะโทรหาผมก่อนผมออกมาจากบ้านนิดเดียวเอง แต่ผมไม่รับสายปล่อยให้เรียกแม่งอยู่นั่นแหละ ผมเซ็งยังไม่อยากเจอมันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอะไรยังไง ผมยังเบลอๆงงๆ เลยลองขับรถมาดูเผื่อเจอเพื่อน ๆ ที่สนามบอลซึ่งไอ้บาสกับไอ้วุฒิอยู่พอดี
“เป็นไรมึงดูทำหน้าดิ๊” ไอ้วุฒิวิ่งออกมาจากสนามผลักหัวผมเบา ๆ คงเห็นผมมาแล้วแต่ไม่ยอมเข้าไปเล่น คือกระแดะทำเป็นนางเอกไงดึงหญ้าเล่นอยู่เนี่ย
“เปล่า ไม่ได้เอารองเท้ามา”
“แล้วมาทำไม มาสนามบอลแต่ไม่ติดสตัดมาด้วย จะมาเหล่หนุ่ม ๆ เหรอจ๊ะน้องปิงคนจ๋วย”
“จ๋วยพ่องดิ่” ผมยันโครมมันไปที มันหลบทันผมเลยเตะป๊าปเข้าให้แถว ๆ สีข้าง ไอ้วุฒิแกล้งร้องโอดโอย สักพักหมาบาสวิ่งออกมาล้มตัวลงนอนตักผม
“พี่ปิงเป็นไรหน้าตาไม่ค่อยดีเลย มีไรปรึกษาพวกผมดิ่” มันขยับหัวนอนลงดี ๆ
“เปล่า ก็ปกตินี่” ผมโกหกคือความจริงไม่ค่อยสบายใจแหละ ผมคิดนะคิดเรื่องพี่เอย์ คือไม่รู้เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นพี่เอย์พูดอะไรกับแม่มันหรือเปล่าทำไมจู่ ๆ แม่มันมาหาผมถึงที่ร้านแบบนั้น
“ถุย!ปกติ เออโคตรจะปกติเลยมึง” ไอ้วุฒิล็อคคอผมเข้าไปกอดไว้ จ้องหน้าผมใหญ่เลยเหมือนมันกำลังจับผิด ส่วนไอ้บาสก็แหงนคอขึ้นมาดูจากตักผมนั่นแหละ ในที่สุดผมเลยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ให้พวกมันฟังแบบคร่าว ๆ เอาแค่ว่าผมอยากระบายให้ใครสักคนได้ฟังก็แค่นั้น คือทุกอย่างก็ไม่มีอะไรนะ พวกคุณอาจจะคิดว่าผมคิดมากตีตนไปล่วงหน้าแต่เออ ผมก็ไม่สบายใจจริงอ่ะ
“ไม่เข้าท่าแล้วอ๊ะพี่ ผมว่าแม่พี่เอย์เขาแปลกๆนะ เขารู้เรื่องพี่กับพี่เอย์แล้วเหรอ” หมาบาสแม่งทำเสียงอะไรของมันวะ
“กูก็ว่าเขารู้แล้ว ไม่งั้นจู่ ๆ จะมาพามึงไปดูธุรกิจยิ่งใหญ่มหาศาลของครอบครัวเขาทำไม แบบนี้ไม่ค่อยดีเลยว่ะปิง เหมือนอยากตอกย้ำให้มึงรู้ถึงความแตกต่างระหว่างตระกูลเขากับครอบครัวของมึงแบบกลาย ๆ เลยนะ” ไอ้วุฒิเสริม
“เฮ้ยถ้าเป็นแบบนั้นนะคือร้ายอ่ะพี่” หมาบาสลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าผมทันที “แล้วพี่เอย์เขาว่าไงอ่ะ รู้เรื่องหรือเปล่าได้โทรหาพี่ก่อนไหมตอนที่แม่เขาจะมา”
“เปล่า เมื่อคืนกูไม่ได้คุยกับพี่เขาเลย”
“อ้าวแล้วเมื่อคืนพี่กลับยังไง เมื่อคืนฝนตกนี่ตอนผมไลน์ไปไหนว่าอยู่บนรถ ไม่ใช่พี่เอย์เขามาส่งพี่หรอกเหรอ”
“เปล่า พี่เอย์เขากลับไปกับคุณแม่เขา”
ผมพูดได้แค่นั้นแหละครับไอ้บาสกำลังจะซักต่อแต่เจอไอ้วุฒิจ้องหน้ามันไว้ วุฒิขยับมานั่งกอดคอผม ผมเลยส่งยิ้มบางไปให้มัน คือวุฒิเป็นเพื่อนที่ดีของผมมากนะมันกับผมเรียนมาด้วยกันตั้งแต่แรกเราสองคนค่อยมาสนิทกับหมาบาสทีหลัง ไอ้บาสมันมาติดผม แล้วไอ้วุฒิกลัวผมรำคาญเลยกันไว้ให้ตลอดในที่สุดมันสองคนเลยไปไหนมาไหนด้วยกันมากกว่าผมเสียอีก กลายเป็นว่าตอนนี้คือบาสติดวุฒิหรือวุฒิติดบาสอันนี้ผมไม่รู้
“ดุดบุหรี่ป่ะ” มันถามล็อคคอผมให้แน่นขึ้นจ้องหน้าผมอยู่ ตัวมันคือเหนียวอ่ะเพิ่งเล่นบอลเสร็จผมเลยผลักมันออกแล้วมุดออกจากแขนมัน
“ไม่เอากูจะนอน”
“นอนนี่มา” มันตบลงที่ตัก ผมนอนลงจริงเลย ตอนนี้ค่ำแล้วด้วยไม่รู้กี่โมงแล้วขี้เกียจดูเวลาเห็นแค่ที่สนามเปิดไฟสปอตไลท์นานแล้วแค่นั้น
“ดาวสวยจัง” ผมพูดขึ้น หมาบาสเอนตัวลงนอนที่ตักผมอีกทอดนึง คือตอนนี้สรุปไอ้วุฒิมันนั่งอยู่แค่คนเดียวผมสองคนนอนกางแข้งกางขาอยู่
“ดาวที่อยู่บนฟ้าน่ะสวยงามอยู่แล้ว อย่าคิดจะไปดึงมันลงมาเชียวนะมึง ดาวจะทอแสงสวยๆก็เพราะอยู่บนนั้นแค่นั้นแหละ ลองถ้าลงมาอยู่บนดินเมื่อไหร่ดาวก็หมดความสวยแล้ว”
“เหมือนกับเรื่องของกูเลยเนอะ” ผมว่าแล้วล้วงเอามือถือขึ้นมา สายจากพี่เอย์เรียกเข้าแล้วประมาณสิบกว่าครั้งแต่ผมปล่อยไว้ไม่ได้รับ ผมกดถ่ายรูปดาวคันไถที่มองเห็นกะว่าให้อยู่ในเฟรมแล้วจะสามารถเห็นได้ถนัดชัดๆแต่รูปที่ถ่ายออกมาก็ยังไกลมากอยู่ดีเห็นแค่เป็นจุดเล็ก ๆ ดูยังไงก็ไม่เหมือนคันไถสักกะติ๊ด ผมเบื่อๆเลยยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม นอนหลับตาคือไม่อยากดูแม่งแล้ว
(ต่อด้านล่าง)