บทที่ 12
กมลเลื่อนดูรูปในคอมพิวเตอร์ที่กลองเพิ่งส่งอีเมลล์มาให้เมื่อครู่อย่างไม่ค่อยมีสมาธิเท่าใดนัก เพราะในหัวคิดเรื่องของคนที่กำลังร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์อยู่ในห้องน้ำ เมื่อครู่ต่างฝ่ายต่างก็เปียกมะลอกมะแลก ดังนั้นกมลจึงตัดสินใจอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน และอนุญาตให้ณธิปอาบบ้างเป็นลำดับถัดไป
เขาพยายามคิดว่านี่คือเหตุสุดวิสัย และก็คงไม่อาจทำตัวใจไม้ไส้ระกำกับหุ้นส่วนทางธุรกิจได้ จึงได้ตัดสินใจเช่นนั้น แต่เมื่อลองคิดๆ ดูจากประสบการณ์ที่เคยผ่านมา กมลก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกระแวงอีกฝ่ายอยู่บ้างเหมือนกัน เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังก้าวเข้าไปติดกับดักอย่างไรอย่างนั้น
แต่เอาเถอะ คนคนนั้นคงไม่กล้าทำอะไรอุกอาจ อย่างมากก็คงแค่พูดเหมือนหมาหยอกไก่แบบทุกทีเท่านั้น ชายหนุ่มคิด ก่อนจะหันไปมองลมพายุด้านนอกว่ามีท่าทีจะสงบลงบ้างหรือยัง ซึ่งเป็นจังหวะที่ณธิปออกมาจากห้องน้ำพอดี
“ขอบคุณสำหรับเสื้อนะครับ ใส่ได้พอดีเลย”
มองแค่หน้าหวานๆ ณธิปก็เผลอคิดไปว่าคุณไอคงตัวบางๆ น่าทะนุถนอม แต่พอลองใส่เสื้อและประเมินจากส่วนขาที่โผล่ออกมาจากกางเกงนอน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ชายหน้าหวานคนนี้เป็นคนมีกล้ามเนื้อพอสมควรทีเดียว
“ดีแล้วครับ” โชคดีที่กมลหยิบเสื้อนอนติดมาสองตัว จึงมีให้ณธิปยืมเปลี่ยนได้ก่อน ส่วนขนาดก็ไม่ได้เล็กมากเกินไปจนดูน่าเกลียด
“คุณไอทำอะไรอยู่ครับ”
“ดูรูปที่กลองส่งมาให้ครับ”
“ส่งมาให้แล้วเหรอ ทำงานเร็วดีจริง ผมขอดูด้วยสิครับ”
ครั้นณธิปเดินเข้ามาใกล้ กมลก็ผุดลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปค้นเอาสายชาร์จแบตเตอรี่มาถือ และหอบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คไว้ในอ้อมแขน
“เราออกไปนั่งที่โต๊ะด้านนอกดีกว่าครับ ผมว่าคงสะดวกกว่า”
“ได้ครับ” ณธิปพยักหน้ารับ ก่อนเดินตามอีกฝ่ายออกไปจากส่วนของห้องนอน
กมลหาทางเลี่ยงที่จะนั่งอยู่ในห้องนอนกับอีกฝ่ายได้อย่างแนบเนียน ไม่ใช่ว่าเขาป้องกันตัวเองไม่ได้ หรือระแวงจนขี้ขึ้นสมอง แต่ชายหนุ่มรู้สึกว่ามันไม่เหมาะนัก อีกอย่างเขากับณธิปก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นด้วย
เมื่อมาถึงโต๊ะทานอาหารด้านนอก หนุ่มหน้าหวานก็เสียบสายชาร์จแล้วนั่งดูรูปข้างๆ กับณธิป ระว่างที่เลื่อนรูปไปเรื่อยๆ พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันมากนัก กระทั่งถึงไฟล์สุดท้าย ณธิปจึงเริ่มเอ่ยก่อน
“กลองเขาถ่ายรูปสวยนะครับ ผมอยากซื้อไฟล์เอาไว้โปรโมตลงในเว็บไซด์ของโรงแรมเลย”
“ไม่ต้องซื้อหรอกครับ เดี๋ยวผมส่งให้ก็ได้ คุณมีอีเมลล์หรือเปล่า”
“มีสิ” เจ้าของดวงตารีเรียวพยักหน้ารับ “ว่าแต่คุณไอนี่ใจดีจังนะครับ ไม่คิดเงินด้วย”
“ไม่หรอกครับ เรื่องเท่านี้เอง อีกอย่างเราก็ทำธุรกิจร่วมกัน”
“แบบนี้ก็ดีแล้วครับ ผมจะได้เซฟงบด้วย คุณรู้ไหมกว่าปางปาลีจะเสร็จ งบบานปลายจนผมถูกทางบอร์ดบริหารติงมาเหมือนกัน”
“เป็นธรรมดาครับ ตอนผมปรับภูมิทัศน์ที่บริษัทงบก็ค่อนข้างบานปลายเหมือนกัน เพราะอยากทำให้มันออกมาดีที่สุด แต่ก็ต้องคอยตบให้อยู่กับร่องกับรอยด้วย”
“นั่นสิ ยิ่งปางปาลีนี่ถือเป็นลูกคนแรกของผม ก็เลยเห่อมากไปหน่อย กว่าจะจัดสรรลงตัวจนเปิดให้บริการได้ ทำเอาปวดหัวน่าดู”
นึกๆ ดูแล้วณธิปก็ขำตัวเอง ตอนที่จบมาใหม่ๆ เขาก็มีโอกาสได้จับโปรเจคใหญ่ทันที นั่นคือคุมโครงการก่อสร้างรวมทั้งบริหารโรงแรมที่ภูเก็ต ตอนนั้นเขาแบกความคาดหวังจากหลายๆ คนเอาไว้มาก แต่ถึงตอนนี้มันก็ผ่านมาได้ด้วยดี แม้ต้องศึกษาและลองผิดลองถูกอยู่นานก็ตาม
“ลูกคนแรกหมายถึง…” กมลถามต่อ เพราะเมื่อหัวข้อสนทนาอยู่ที่เรื่องงาน มันก็ดึงความสนใจของเขาได้อยู่หมัด
“ก็ตอนเริ่มเข้ามาช่วยงานที่บ้าน ผมได้จับโครงการนี้โครงการแรก แถมพี่ภัทรยังเสนอให้ทำอย่างเต็มตัวด้วย” ณธิปขยายความ
“อ๋อ แล้วตอนนี้คุณมีโครงการอื่นที่ดูแลอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ”
“ตอนแรกดูที่นี่ที่เดียวก็หัวหมุนแล้วล่ะ แต่พอลงตัวก็ไปช่วยดูที่สาธรกับโครงการใหม่ที่หัวหินด้วย เพราะพี่ภัทรต้องไปลงเวลาให้กับสายการบินเต็มตัวน่ะครับ"
“ที่หัวหินเป็นโรงแรมเหมือนกันหรือครับ”
“ไม่ใช่หรอกครับ เป็นโครงการบ้านพักตากอากาศน่ะ แต่ไม่ได้มีหลายยูนิตนักหรอก เป็นโครงการขนาดกลางน่ะครับ”
“อ๋อ” กมลพยักหน้ารับ นึกชื่นชมคนคนนี้อยู่ในใจอีกหนึ่งข้อ “คงจะเหนื่อยน่าดูเลยนะครับ รับผิดชอบตั้งมากขนาดนั้น”
“ก็พอสมควรเลยล่ะ” ชายหนุ่มยอมรับตามตรงแบบไม่วางฟอร์ม
“แต่ก็เก่งนะครับ อายุเท่านี้ ทำได้ขนาดนี้ อย่างผมแค่ดูแลงานที่บริษัทอย่างเดียวก็แทบแย่แล้ว” หนุ่มหน้าหวานเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ
“ขอบคุณครับ” คนเจ้าเล่ห์กระตุกยิ้ม ก่อนจะทำตาพราวระยับแล้วหยอกอีกฝ่ายไปประโยคหนึ่ง “แต่ผมไม่ได้เก่งแค่เรื่องงานอย่างเดียวนะ”
“อ้อ…” จากเรื่องงานเปลี่ยนมาเป็นคำพูดที่แฝงนัยได้ในประโยคเดียว กมลจึงเกือบจะตั้งตัวไม่ติด
“คุณไอไม่อยากรู้เหรอว่าผมเก่งเรื่องอะไร” ครั้นเห็นอีกฝ่ายชะงัก ณธิปยิ่งนึกสนุก
“ไม่ล่ะครับ สำหรับผม รู้แค่เรื่องงานเรื่องเดียวก็พอแล้วล่ะ” เห็นคนตอบ ตอบหน้าตาย คนที่แกล้งเย้าเอาไว้ก็เผลอหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ให้ตายสิ คุณนี่เป็นคนที่สุดยอดจริงๆ นะ” ณธิปเอียงหน้าแล้วเท้าคางจ้องกมลยิ้มๆ “ไม่เหมือนคนในแบบที่ผมคุ้นเคยเลยรู้ไหม”
“เหรอครับ” กมลยังคงสีหน้าเฉยสนิทเอาไว้ แล้วเบนสายตาไปมองจอคอมพิวเตอร์แทนหน้าตากรุ้มกริ่มของคนที่นั่งข้างๆ
“อืม ไม่เหมือนเลย”
ดวงตาเรียวมองสำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายตั้งแต่ปลายคาง ริมฝีปาก จมูก ดวงตา คิ้ว หน้าผาก ไปจนถึงปลายเส้นผม ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดสรรอย่างลงตัว และเหมือนที่เคยเห็นก่อนหน้าไม่เปลี่ยน ทว่าความรู้สึกที่มีต่อเจ้าของใบหน้านี้กลับค่อยๆ เปลี่ยนไปในทุกครั้งที่มอง
เขาคิดว่ามันคงไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นอะไรสักอย่างที่อยู่ภายในตัวคนคนนี้ ที่มันดึงดูดความสนใจของเขาได้อยู่หมัด
ความรู้สึกอึดอัดของกมลแผ่ขยายมากขึ้น เขาเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่จ้องหน้าไม่ลดละ จนในที่สุดเขาก็ไม่มีสมาธิมองอีเมลล์ของลูกค้าที่เพิ่งส่งมาให้อ่านเมื่อครู่
กมลหันหน้ากลับมามองเจ้าของโรงแรมหนุ่มตาขวาง คิ้วที่ขมวดเล็กๆ ตรงกลางหน้าผากไม่ได้ทำให้ณธิปรู้สึกเกรงกลัวเลยสักนิด แต่เขากลับยิ่งรู้สึกตื่นเต้นที่ทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนสีหน้าได้
“จะมองให้ทะลุไปเห็นหูอีกข้างของผมด้วยไหมครับ”
คำประชดประชันที่ได้ยินทำให้ณธิประเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบ และเสียงหัวเราะนั่นก็ทำให้กมลหงุดหงิดมากขึ้น ทว่าก่อนจะพูดอะไรออกมาอีกคำ คนเจ้าเล่ห์ก็ขยับโน้มตัวเข้าไปใกล้ คล้ายจะโอบคนหน้าหวานกลายๆ
“ทำยังไงดีล่ะคุณไอ”
“อะไร?”
“ผมว่า
ผมชักจะชอบคุณจริงๆ เสียแล้วสิ”
เมื่อคืนกว่าณธิปจะกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองได้ก็ดึกพอสมควร เพราะพอฝนซา คนคนนั้นก็โทรศัพท์สั่งให้คนนำอาหารมาให้ทานมื้อดึก ทั้งๆ ที่กมลก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมท่าเดียว สุดท้ายหนุ่มหน้าหวานจึงยอมทำตามใจ เพื่อตัดปัญหาไม่ให้อีกฝ่ายยื้อเวลาอยู่ต่อนานมากกว่าเดิมอีก
ครั้งเมื่อทานกันเสร็จเรียบร้อย ณธิปก็ยอมกลับไปง่ายๆ หากยังทิ้งข้อความให้กมลต้องขบคิดว่าอีกฝ่ายยังมีแผนอะไรซ่อนเอาไว้อยู่หรือไม่
“พอผมกลับก็รีบเข้านอนเลยนะครับ พรุ่งนี้ตื่นมาทำงานแต่เช้า ถ้าเสร็จเร็วผมจะได้พาไปดูอะไรดีๆ” และกมลก็ยังเดาไม่ออกว่า อะไรดีๆ ที่อีกฝ่ายบอกไว้ คืออะไรกันแน่
“เฮ้อ~”
หนุ่มหน้าหวานสลัดความคิดที่วนเวียนอยู่กับคำพูดและการกระทำของณธิปทิ้ง ก่อนจะสำรวจเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยแล้วออกจากห้อง เพื่อไปพบกับทีมงานที่รออยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนฝนตก เช้าวันนี้อากาศจึงแจ่มใสเป็นพิเศษ ทีมงานทุกคนมาทันเวลาพระอาทิตย์ขึ้นพอดี จึงสามารถเก็บภาพสวยๆ เอาไว้ได้พอสมควร
กระทั่งเดินเก็บภาพตามจุดต่างๆ ที่ถ่ายค้างเอาไว้เมื่อวานจนเสร็จ ผู้จัดการวิมลก็พาพวกเขาไปรับประทานอาหารเช้าที่จัดไว้ให้ ระหว่างทานอาหารทุกคนก็ได้พูดคุยถึงงานที่เรียบร้อยก่อนเวลาที่กำหนดไว้
“งานเสร็จเร็วแบบนี้ คุณไอจะเลื่อนไฟล์กลับไหมคะ”
“อืม” คนถูกถามหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนตอบ “เดี๋ยวขอดูเที่ยวบินก่อนนะ เพราะเลื่อนไฟล์กะทันหันแบบนี้ ไม่รู้จะมีที่นั่งหรือเปล่า”
“คุณไอจองไฟล์กลับกรุงเทพตอนกี่โมงครับ” เป็นวิมลที่ถามบ้าง
“คืนนี้ตอนสองทุ่มครึ่งครับ แต่เราเสร็จงานกันแต่เช้าเลย เมื่อวานก็คุยรายละเอียดต่างๆ กับคุณณธิปไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรอีก”
“เอ…แต่เห็นคุณณธิปว่าคุณไอยังมีโปรแกรมอยู่กับเราทั้งวันนี่ครับ”
“โปรแกรมอะไรกันครับ”
“ล่องเรือไงครับ นี่ผมก็เตรียมการไว้หมดแล้ว ท่านว่าตกลงกับคุณไอแล้วเมื่อคืน อีกอย่างป่านนี้ก็คงไปรอที่เรือแล้วด้วย” วิมลเฉลย “พอพูดแล้วผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ประเดี๋ยวผมไปสั่งให้คนเตรียมรถก่อนดีกว่า เดี๋ยวทุกท่านทานอาหารเสร็จได้เดินทางไปที่ท่าเรือของเราเลย จะได้ไม่เสียเวลารอ” พูดจบวิมลก็ขอตัวออกไปประสานงานกับคนรถ ทิ้งให้ทีมงานจาก I promise ทุกคนนั่งงงเป็นไก่ตาแตก
“ล่องเรืออะไรกันคะคุณไอ” นิดาหันมาถามด้วยความตื่นเต้น
“เอ่อ…” กมลเองก็ไม่รู้ เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้ตกลงอะไรไว้กับคนเจ้าเล่ห์สักนิด “พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน คุณณธิปไม่ได้บอกรายละเอียดพี่ไว้ด้วย ยังไงเดี๋ยวไปดูก็คงจะรู้ ว่าแต่พวกเราสองคนมีใครเมาเรือไหม” ผู้เป็นหัวหน้าถามลูกน้องสองคนด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ครับ”
“นิดาก็ไม่เมาค่ะ ว่ายน้ำเก่งด้วย ดีจังที่เราได้เที่ยวก่อนกลับ” หญิงสาวบอกอย่างร่าเริง ก่อนจะขอตัวไปหยิบหมวกสานที่ห้องเพื่อนำติดตัวไปด้วย
“คุณณธิปนี่เขาดูแลเราดีเกินไปหรือเปล่าครับ เหมือนไม่ได้มาทำงานเลย” นายกลองตั้งข้อสังเกตขณะเช็คเลนส์กล้อง
“อืม นั่นสิ” กมลเองก็คิดเช่นเดียวกับช่างภาพหนุ่ม “แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง มาทำงานด้วย มาเที่ยวด้วยแบบนี้”
“สำหรับผมก็ดีนะครับ สนุกดี” ชายหนุ่มเว้นวรรค ก่อนหันมามองหน้าเจ้านายตัวเอง “แต่กลัวว่าคุณไอจะไม่สนุกน่ะสิ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็เขาดูวอแวกับคุณไอยังไงก็ไม่รู้ ยังไงถ้าอึดอัดก็บอกผมได้นะ ผมจะช่วยกันๆ ให้”
กมลมองหน้าลูกน้องคนสนิทที่ทำงานด้วยกันมานานอย่างอึ้งๆ ด้วยไม่คิดว่ากลองเองก็สังเกตเห็น ก่อนยิ้มอย่างอ่อนโยนให้อีกฝ่าย
“ขอบใจนะกลอง”
“ไม่เป็นไรครับ แต่สิ้นปีนี้ผมขอโบนัสเพิ่มมากกว่าคนอื่นหน่อยจะดีมาก”
“เดี๋ยวเถอะ ไอ้เราก็นึกว่าอยากช่วยจริงๆ”
“หึ ผมอยากช่วย แต่ถ้ามีข้อแลกเปลี่ยนด้วยก็ดีครับ เพราะดูท่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ธรรมดานะ มองดูก็รู้ว่าอยู่ในระดับที่ทำให้คุณไอของพวกเราปวดหัวได้แน่ๆ จริงไหมครับ”
กมลไม่ได้ตอบ แม้คำพูดของกลองค่อนข้างจะตรงกับความจริงทุกประการก็ตาม เพราะไม่ว่าจะพบกันกี่ครา ณธิปก็สามารถทำให้เขาปวดเศียรเวียนเกล้าได้ทุกครั้งไป
ช่วงสายของวันกมลและทีมงานถูกพานั่งรถมาที่ท่าเรือซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวโรงแรมเท่าไหร่นัก ที่นั่นมีเรือยอร์ชจอดเทียบท่าอยู่ละลานตาไปหมด วิมลเดินนำพวกเขาไปยังเรือ Catamaran สุดหรู ลำที่เตรียมพร้อมจะออก และที่นั่นกมลก็ได้พบกับณธิปซึ่งรออยู่ก่อนแล้ว
“มีใครเมาเรือกันหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีครับ” กมลตอบแทนทุกคน
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย เดี๋ยวจะหมดสนุกเสียก่อน เชิญครับ เรือของเราพร้อมออกเดินทางแล้ว” ณธิปว่าอย่างยิ้มแย้ม พร้อมผายมือเชิญให้ทุกคนขึ้นมาบนเรือ
การเดินทางคราวนี้คนที่ดูจะตื่นเต้นที่สุดก็เห็นจะเป็นหญิงสาวคนเดียวของคณะ เพราะหลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย นิดาก็ขอตัวขึ้นไปเตรียมข้าวของและกลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าสวยๆ ชุดใหม่
ส่วนกมลนั้นก็แต่งตัวง่ายๆ ไม่ได้เตรียมอะไรมากมาย เขาสวมชุดเดิมที่สวมเมื่อเช้า รับเครื่องดื่มเย็นๆ มาจากบริกร ก่อนเดินไปนั่งรับลม ปล่อยให้พนักงานทั้งสองเดินถ่ายรูปตามมุมต่างๆ ขณะที่เรือแล่นไปยังจุดหมายแรก
“คุณชอบไหม” เจ้าของเสียงถามเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ก่อนนั่งลงข้างๆ กมล
“ก็ดีครับ คู่แต่งงานหลายๆ คู่คงชอบแบบนี้ มันค่อนข้างโรแมนติกดี ผมว่าใส่โปรแกรมนี้ลงไปด้วยก็ดีนะครับ นอกจากจะเสียค่าเช่าสถานที่แล้วได้รับบริการห้องพัก ถ้าเป็นแพคเกจแบบพรีเมี่ยมขึ้นไปอีก ก็มีโปรแกรมล่องเรือแถมไปด้วย”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องงานสักหน่อย แล้วมันแค่ก็ดีเองเหรอ อุตส่าห์คิดว่าคุณจะตื่นเต้นเสียอีก นี่ผมไม่เคยพาใครมาแบบนี้เลยนะ” ชายหนุ่มแสร้งทำเสียงน้อยใจนิดๆ เขาสู้อุตส่าห์ทำให้อีกฝ่ายประทับใจ แต่คุณไอกลับไม่สนเรื่องพวกนั้นเลย
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไงครับ” คนหน้าหวานเลิกมองท้องฟ้าและผืนน้ำ เปลี่ยนมาดูหน้าคนข้างๆ แทน “จะบอกว่าปฏิบัติกับผมพิเศษกว่าใครเหรอ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ” ณธิปยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายเข้าใจสิ่งที่เขาอยากจะสื่อตั้งแต่แรก
“อืม…” กมลเม้มปากราวกับใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจถามออกมาตรงๆ “ที่เขาว่าคนเจ้าชู้มักจะคารมดี เป็นแบบนี้เองสินะครับ”
“ผมไม่ได้เจ้าชู้สักหน่อยนะ” ณธิปรีบบอก
“เหรอครับ” กมลพยักหน้ารับราวกับว่าเพิ่งรู้สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
“ดูทำหน้าเข้า จริงๆ นะ เวลาคบใครจริงจัง ผมคบทีละคน” ชายหนุ่มแก้ต่างให้ตัวเอง
“แปลว่าที่ผมเคยเห็นคือไม่จริงจังใช่ไหม”
“เคยเห็นด้วยเหรอครับ แหม…งั้นแปลว่าที่ผ่านมาผมอยู่ในสายตาของคุณไอตลอดเลยน่ะสิ ดีใจจัง” คนเจ้าเล่ห์ว่าพลางยิ้มระรื่น ทำเอากมลเกือบกรอกตาใส่ให้รู้แล้วรู้รอด
ความจริงอย่างที่เขาเคยวิเคราะห์ผู้ชายคนนี้ไว้ก็คงจะถูกแล้ว ณธิปเป็นคนหน้าตาดี หน้าที่การงานเด่น แต่เจ้าชู้มาก ซ้ำยังมีชั้นเชิงในการเข้าหาคนที่สนใจหลากหลายวิธี คนแบบนี้กมลไม่เคยคิดอยากยุ่งด้วยเลยสักนิด และไม่รู้สึกประทับใจในสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้ มีแต่อยากถอยให้ห่าง
และอย่างเช่นตอนนี้ ตอนที่ณธิปกำลังขยับเข้ามาหาเขาอย่างแนบเนียน พร้อมกับวางมือไว้ข้างหลังเหมือนจะโอบกลายๆ คนหน้าหวานยิ่งอยากจะถอยห่างให้ไกล
“ผมแค่หยอกเล่นนิดเดียว ทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ผมอีกแล้วนะครับ” พอเห็นสถานการณ์ไม่ดีณธิปก็ถอยออกมานั่งที่เดิม ก่อนจะชวนกมลคุยเรื่องอื่นแทน “คุณชอบทะเลไหม”
“ก็ชอบนะครับ”
“แล้วได้เที่ยวบ่อยหรือเปล่า”
“ก็บ่อยนะ แต่ไม่ได้เที่ยวหรอกครับ ส่วนใหญ่ไปทำงาน”
“อ๋อ ก็คล้ายๆ กันนะ ผมน่ะไม่ค่อยได้มาทะเลหรอก ส่วนใหญ่จะอยู่เหนือมากกว่า มีที่ได้มาบ่อยๆ ก็ตอนดูแลปางปาลีนี่แหละ”
“เอ็นพีกรุ๊ปมีโรงแรมทางเหนือด้วยเหรอครับ” กมลถามด้วยความสนใจ
“ก็มีครับ แต่ผมไม่ได้ไปดูหรอก ตรงนั้นหุ้นส่วนของเราดูแลอยู่”
“งั้นแปลว่าคุณชอบเที่ยวภูเขา”
“ก็ไม่ใช่อีกแหละครับ แต่ผมโตที่โน้น ก็เลยชอบกลับไปหาคุณย่าบ่อยๆ”
“อ๋อ”
แม้จะคุยกันได้เรื่อยๆ แต่กมลก็ยังเว้นระยะห่างระหว่างตัวเองกับณธิปอยู่ กระทั่งเรือเดินทางมาถึงที่สำหรับให้ดำน้ำดูปะการังได้ นิดาจึงมาเรียกให้เขาไปลงน้ำด้วยกัน
“นิลงคนเดียวมันแปลกๆ น่ะค่ะ”
“แต่ผมไม่ได้เตรียมชุดมาน่ะสินิดา ขอนั่งให้กำลังใจอยู่บนเรือได้ไหม จะคอยให้กลองถ่ายรูปสวยๆ ให้ด้วย” กมลว่าอย่างลำบากใจ เพราะเขาไม่ได้เตรียมชุดมาผลัดเปลี่ยนจริงๆ
“งั้นก็ได้ค่ะ รู้อย่างนี้ชวนพวกตัวแสบในแผนกมาด้วยดีกว่า เป็นหญิงสาวคนเดียวมันเปล่าเปลี่ยวหัวใจค่ะ” เธอบ่นกระปอดกระแปด ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงเล่นน้ำ
กมลนั่งอยู่ตรงโซนที่สามารถมองเห็นนิดาเล่นน้ำได้ชัดเจน แต่ก็คุยกับณธิปไปด้วย ส่วนกลองนั้นเดินถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ไปไม่ได้สนใจอะไรมากเท่าที่ควร
ผ่านไปสักระยะ ขณะที่ณธิปกำลังชวนให้กมลไปมาที่โรงแรมอีกครั้งในวันเปิดตัว ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่าหญิงสาวเพียงคนเดียวที่กำลังว่ายน้ำอยู่ทีท่าทีแปลกๆ คล้ายกับว่าจะจมน้ำอย่างไรอย่างนั้น เขาจึงรีบวางแก้วลงแล้วเดินไปดูให้แน่ใจ และก็เป็นจริงดังที่คาด
“นิดา!!” ชายหนุ่มรีบกระโดดลงไปในน้ำ ก่อนว่ายตรงเข้าไปช่วยเธอ ท่ามกลางความตกใจของทุกคนบนเรือ
เขาพานิดากลับขึ้นเรือได้ในเวลาต่อมา เธอเป็นตะคริว และไม่ยอมสวมเสื้อชูชีพที่ทางเจ้าหน้าที่จัดให้ เพราะคิดว่าแค่ว่ายอยู่ใกล้ๆ เท่านั้น นับว่าเป็นโชคดีที่เธอว่ายน้ำเก่ง จึงสามารถพยุงตัวอยู่ได้นานกว่าที่คิด
กมลตกใจจนหน้าเสียเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ ทว่ามีเพียงณธิปคนเดียวเท่านั้นที่มีสติที่สุด เจ้าของดวงตารีตวัดหันกลับมามองกมล ก่อนออกเสียงสั่งอย่างลืมตัว
“ขอผ้าเช็ดตัวให้เธอหน่อย”
“ครับๆ”
ระหว่างที่กมลรีบรับผ้าเช็ดตัวจากพนักงานในเรือมาห่อตัวหญิงสาวไว้ ณธิปก็ช่วยปฐมพยาบาลขั้นต้นให้กับนิดา รอจนกล้ามเนื้อที่แข็งตัวคลายลงสีหน้าของหญิงสาวจึงดีขึ้น
“ขอบคุณนะคะคุณณธิป” นิดายกมือไหว้ชายหนุ่ม ด้วยน้ำตาคลอหน่วย
“ไม่เป็นไรครับ” ณธิปทำหน้าเครียด ก่อนจะหันไปหาลูกน้องของตัวเอง แล้วเรียกให้ทุกคนลงไปที่ห้องใต้ท้องเรือเพื่อตำหนิที่ปล่อยให้หญิงสาวลงเล่นน้ำโดยไม่สวมเสื้อชูชีพ
กมลเองก็รู้สึกไม่ดีอย่างมาก เขาขอโทษนิดาที่ไม่ได้จับตาดูเธอเหมือนที่สัญญา แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเธอมีส่วนผิดเต็มๆ ที่ประมาทเกินไป
บ่ายนั้นณธิปจึงให้เรือกลับเข้าฝั่งทันที ไม่ได้ไปเที่ยวต่อตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก เพราะต้องพาหญิงสาวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คร่างกาย
หลังจากเข้าฝั่งและพานิดาไปโรงพยาบาลเรียบร้อย กมลก็กลับมาเก็บของที่ห้องเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ เขาเองยังรู้สึกผิดและยอมรับว่ารู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ แม้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะผ่านพ้นไปด้วยดีแล้วก็ตาม เช่นเดียวกันกับณธิปที่ยังรู้สึกว่าการดูแลของพนักงานยังหละหลวม เหตุการณ์นี้ยังถือว่าโชคดี แต่ถ้าเกิดเรื่องทำนองนี้กับลูกค้าจริงๆ พวกเขาอาจไม่โชคดีเช่นนี้
ดังนั้นก่อนจากกัน สีหน้าของทั้งสองหนุ่มจึงไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
“ขอบคุณสำหรับเรื่องวันนี้มาก ถ้าไม่ได้คุณ พวกผมคงแย่” กมลเอ่ยกับคนที่ยืนยันจะมาส่งถึงสนามบินด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมสิต้องขอโทษ มันเป็นความสะเพร่าของทางเราเอง โชคดีที่คุณนิดาไม่เป็นอะไรมาก” ณธิปว่า
“ยังไงก็ต้องขอบคุณครับ”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรับเอาไว้นะ” เห็นกมลดื้อและเอาแต่จะขอบคุณท่าเดียว สุดท้ายณธิปจึงต้องยอม
“ยังไงวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วพบกันตอนคราวหน้าตอนที่ผมนำงานเข้าไปเสนอ”
“ได้ครับ ถ้าทางคุณเรียบร้อยแล้วก็ติดต่อมาก่อน เพราะหลังจากนี้ผมคงไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพกับภูเก็ต”
“แล้วยังไงผมจะโทรไปนัดล่วงหน้าครับ แต่ความคืบหน้าต่างๆ แล้วก็ไฟล์รูปที่คุณขอ ผมจะส่งไปให้ทางอีเมลล์” กมลว่า
“ได้ครับ” ณธิปยิ้มออกเมื่อได้ยินประโยคที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องลงทุนทำทั้งหมดนี้ตั้งแต่แรก “
ผมจะรอโทรศัพท์จากคุณนะ”
“ครับ แล้วผมจะโทรไป”
กมลไม่ได้ย้ำว่าเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น เพราะคิดว่าณธิปคงรู้ดีอยู่แล้ว เมื่อบอกลากันเรียบร้อยเขาก็เดินเข้าเกตมาพร้อมกับพนักงานสองคนที่รออยู่ ตอนที่กมลกำลังจะเลี้ยวไปอีกด้าน หางตาของเขายังเห็นว่าผู้ชายคนนั้นยืนมองมาจากจุดเดิม
เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้หวั่นไหวกับสิ่งที่ณธิปทำ และยังให้อีกฝ่ายได้แค่ฐานะผู้ที่ร่วมงานกันเช่นเก่า ทว่าความเป็นคนเอางานเอาการ และเหตุการณ์ที่เข้ามาช่วยนิดา รวมทั้งขอโทษเรื่องอุบัติเหตุทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเอง ทำให้ ณ ตอนนี้กมลมองณธิปในแง่ดีขึ้นเล็กน้อย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แอบมาลงดึกมากกกก คือไฟกำลังติดแล้วมีเวลาว่างจากงานหลวงค่ะ
ตอนนี้คุณไอบวกคะแนนให้คุณเล็กมานิดนึง แต่หนทางข้างหน้าก็ยังอีกยาวไกล
นี่ปาเข้าไป 12 ตอนแล้ว คนดีของบ่าวเพิ่งจะมองพระเอกดีบ้าง
สู้ต่อไปนะคุณเล็กสายเปย์ 55555
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
เจอกันตอนหน้าน้า
ละอองฝน.