มาแล้วครับ...
ต้องขออภัยที่หายไปนานมาก งานชิ้นใหญ่+สำคัญ ทำให้ผมต้องจัดการให้เสร็จก่อน
กลับมาเขียนละครับ แต่หลังจากนี้ ภาระความรับผิดชอบในงานบางอย่างผมจะเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้ผมอาจมีช่วงที่เขียนมาให้อ่านไม่สม่ำเสมอ แต่ไม่หายไปแน่นอนครับ
บทที่ 61 เป็นเรื่องส่งท้ายชีวิต ม.5 ขึ้น ม.6 ของทุกตัวละครหลักอย่างเป็นทางการ และในบทถัดๆ ไป ของจริงที่บิ๊กกับแทนต้องเผชิญกำลังจะมาถึงอย่างเป็นทางการละครับ
มาชมกันต่อเลยครับ
***********
Chapter 61 ถ้าคิดว่าการไปค่าย รด. คือเรื่องหนักแล้ว...สอบปลายภาคยังไงก็ชนะเลิศอยู่ดี สำหรับสอบปลายภาคปีนี้ โรงเรียนผมกับบิ๊กจัดค่อนข้างพร้อมกัน ไม่ห่างกันเป็นอาทิตย์แบบปีที่แล้ว แต่สิ่งที่บิ๊กบ่นมากกว่าการอ่านหนังสือสอบ กลับไม่ใช่เรื่องความยากของบทเรียน แต่มันคือ
“เมื่อไหร่ตัวจะหายดำซะที” บิ๊กกลับมาจากค่าย อีกสามวันก็ต้องสอบปลายภาคต่อเลย สภาพดำแดดของบิ๊ก ทำให้ผิวขาวอมชมพูระเรื่อของบิ๊กดูคล้ำอย่างชัดเจน ถึงจะไม่เป็นสีกาแฟใส่นมแบบผมก็ตามที
“แป็ปเดียวเอง เดี๋ยวก็กลับมาปกตินะ แค่คล้ำแดดเอง” นั่นทำให้การอ่านหนังสือของผมกับบิ๊ก ดูจะไม่ลื่นไหล เพราะบิ๊กเอาแต่มองแขนที่ดำไม่เท่ากันของตัวเองอยู่
“ใครจะเหมือนแทนอะ ตากแดดกับไม่ตากก็สีเดิมตลอด” ใช่ซิ จะบอกว่าเราดำก็พูดมาตรงๆ นั้นทำให้บิ๊กรู้ว่า
“เราชอบแฟนผิวสีนะ แต่ตัวเราไม่อยากดำแค่นั้นเอง อย่าทำหน้างอนแบบนี้ซิๆๆ อ่านต่อๆๆ นะๆๆ” ได้ผล ทีนี้ละเงียบอ่านหนังสือต่ออย่างไม่งอแงเลยทีเดียว
“ดีนะ รอบนี้เราสอบวันเดียวกัน หยุดอ่านหนังสือวันเดียวกันด้วย จะได้ปิดเทอมพร้อมกัน ไม่ต้องรอใครสอบเสร็จก่อน เสร็จหลัง” ผมพยักหน้าให้บิ๊ก เพราะในหัวผมกำลังแก้โจทย์เลขอยู่ และหลังจากผมเขียนวิธีทำกับคำตอบเสร็จ ผมค่อยตอบไปว่า
“ปีหน้า ม.6 แล้วนะ มันเหนื่อยและยากนะ อีกอย่าง คะแนนสอบที่บิ๊กเก็บไว้ ยังไม่ค่อยดีนะครับ เราอะเป็นห่วงรู้ไหม” ที่จริงก็ไม่ได้แย่หรอก แต่ผมแค่กลัวบิ๊กจะเลือกคณะที่เรียนได้ไม่ดีเท่าที่หวัง
“ที่จริงเรามีคณะในดวงใจแล้วแหละ ดูเข้ากับตัวเองสุดละ” ผมไม่เคยได้ยินบิ๊กพูดถึงสิ่งที่ตัวเองอยากทำในอนาคตเท่าไหร่นัก ที่จริง เราต่างไม่เคยเล่าความฝันในอนาคตให้ฟังกันเลยด้วยซ้ำ
“เคยคิดว่าอาชีพอะไรเหมาะกับตัวเอง จะให้รุนแรงเต็มร้อย แบบไปเป็นตำรวจ ทหาร ก็คงไม่ไหว ชอบเล่นกีฬา แต่ก็ไม่ได้อยากเป็นนักกีฬา อยากแข่งรถ แต่พอมีแทนก็ห่วง ไม่กล้าเอาชีวิตไปทิ้ง เลยคิดออกว่า...อยากเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนส แหๆ” ผมว่าก็เหมาะกับบิ๊กอยู่นะ ผมยิ้มแล้วคิดตาม ก็...เท่ห์อะ ชอบ
“ยิ้มแบบนี้คิดไรอะ” ผมคงมองจนทำให้บิ๊กแอบเขิน
“เปล่า ก็นึกตามอยู่ เท่ห์ออก เทรนให้เราด้วยนะครับ” บิ๊กพยักหน้ายิ้มๆ ขณะที่มือยังทำโจทย์ต่อไป
“คนนี้ เทรนฟรี ไม่คิดเงิน ขอแค่หัวใจเป็นค่าเทรนพอ” แหวะ...เน่า
“แล้วแฟนผมละครับ อยากทำไรตอนโตครับผม” ผมวางปากกาลง นึกอยู่ครู่ บิ๊กจะเป็นคนแรกที่ได้ฟังความฝันของผมจากปากผมเอง
“เราอยากเป็นเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ ที่ใครมาทานก็มีความสุข เป็นร้านที่ใครๆ ก็ทานได้ จะกินทุกวัน หรือจะโอกาสพิเศษ ก็ต้องนึกถึงร้านเรา เราอยากให้ร้านนี้อยู่จนกว่าเราจะไม่มีแรง แล้วส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปที่เค้าคิดเหมือนเราไปทำต่อ ดูเวอร์ไปมะ” ไม่เลยสักนิด นี่แหละ แฟนผมตัวจริง
“ไม่เลย เราช่วยทำงานร้านแทนได้ไหมครับ” แทนยิ้มๆ พยักหน้า
“ช่วยกินอย่างเดียวนะ เราถนัด” แทนตบเหม่งผมเบาๆ
“ถ้าไม่กิน เราหุ่นไม่ล่ำ ไม่มีลูกค้าซื้อเราไปเทรน เราไม่มีเงินนะ” ผมก็มั่วไปแก้ตัวไปเรื่อย แทนหันกลับไปสนใจโจทย์ในหนังสือต่อไป แต่ผมเห็นนะ ว่าแฟนผมยิ้ม อิๆ
ผมกลับมาทำโจทย์ต่อไป เหลือบไปมองบิ๊กที่ยิ้มเล็กๆ แต่มือยังทำโจทย์ต่อไป ผมอยากให้อนาคตที่เราสองคนหวังไว้ แต่ตอนนี้...
สอบผ่าน ไม่ต้องซ่อม จะดีใจมากครับ
………………..
วันสอบวันสุดท้ายของปลายภาคปีการศึกษา ตั้ม โจ แชมป์ และผม เดินออกจากห้องสอบวิชาสุดท้ายนั้นคือชีวะแทบจะพร้อมกัน และสิ่งที่พวกเราทุกคนพูดทันทีที่รวมตัวพร้อมกันคือ
“ซ่อมเมื่อไหร่ดีวะ” พร้อมกันพูดโดยมิได้นัดหมายจริงๆ
“ใครแถวนี้แมร่งบอกง่าย อ่านแค่นี้พอ เป็นไงละ ความรู้ก็มีเท่าที่มึงให้อ่านจริงๆ” ไอ้ตั้มโวยคนแรก เพราะคนที่บอกให้อ่านแค่ไม่กี่บทนั้นก็คือ...
“กูก็ถามจากไอ้เชี่ยเอ๋อมานะเว้ย มันก็บอกว่าออกแค่นี้จริงๆ” ไอ้โจ...มึงพลาดแล้ว
“กูถึงบอกให้มึงเอาไอ้เอ๋อมาติว มึงก็บอกว่าอ่านแค่นั้นพอ เป็นไงวะ ฉิบหายกันหมดเลย” ไอ้แชมป์ที่ไม่ค่อยประมาท รอบนี้หน้ามืดซะงั้น
“ไอ้บิ๊ก มึงอย่าทำเป็นเงียบ ทำได้อย่ามาเนียน” อ้าว ก็บอกอยู่พร้อมพวกมึงว่ากูรอซ่อมด้วย โว้ๆๆ ไอ้พวกนี้
“กูก็อ่านตามพวกมึงนั้นแหละ เชื่อไอ้โจเหมือนกัน ตายหมู่เลย” ถ้าแฟนผมเรียนสายเดียวกันกับผมนะ เชื่อว่าแฟนผมจับติวแบบไม่สนใจแนวข้อสอบโรงเรียนผมแหง่ๆ
“เออ ปิดเทอมนี้แฟนกูจองคอร์สเรียน O-Net โดยเฉพาะให้ ฝากบอกพวกมึงด้วยว่า ช่วยมาลงกับกูหน่อย” ผมเปิดกระเป๋าส่งใบสมัครให้พวกมันทุกคน
“เออ ก็ได้วะ คะแนน GAT ยิ่งต่ำเตี้ยอยู่” ไอ้ตั้มรับใบสมัครก่อนคนแรก ที่เหลือก็รับไป
“งั้นไปลงกับกูวันนี้เลยนะ เหลือที่ไม่เยอะละ ที่ติดกันไม่รู้จะพอเปล่าด้วย” แชมป์ยกมือถามคนแรกก่อนเลยว่า
“แฟนมึงลงด้วยใช่มะ” ผมพยักหน้ายักคิ้วเล็กน้อย
“พวกเราไปลงกันเองเถอะวะ เดี๋ยวเป็น กขค แมร่ง ไม่อยากสำลักความหวาน” ไอ้ตั้ม มึงก็พูดเกินไป
“เออ มึงอะ ไปลงกับแทนเลย เดี๋ยวไม่ได้นั่งข้างๆ กัน เมียไม่คุม มึงเรียนไม่รู้เรื่องพอดี” ก็ถูกของมึงนะแชมป์
“งั้นกูไปก่อนนะ” ผมปิดซิปกระเป๋าเป้แล้วสะพายขึ้นหลังก่อนจะวิ่งไปบ้านไอ้แชมป์อย่างไว
ผมส่งใบสมัครแล้ว ฉะนั้นผมต้องรีบไปลงเรียนกับแฟนผม จะได้เอาที่นั่งติดกันได้
………………..
นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้เรียนพิเศษข้างๆ บิ๊ก ในฐานะคู่รัก บิ๊กดูตั้งใจกว่าตอนที่ผมเจอกันครั้งในห้องเรียนพิเศษ ถึงจะไม่ใช่สถานที่เดิม วิชาเดิม แต่คนที่นั่งเรียนข้างๆ ผมคนนี้ คือคนเดิมที่สำคัญสุด ตลอดเวลาสี่ชั่วโมงเต็มๆ แน่นอนว่าบิ๊กมีอาการหลับเพราะตามไม่ทันบ้าง
นอกจากผมต้องจดแล้ว ต้องเตรียมกระดาษอีกแผ่นข้างๆ สำหรับจดแนวเนื้อหาอย่างย่อ สำหรับเก็บไว้ทวนความจำเวลาจะสอนบิ๊ก เพราะบางทีผมจดในหนังสือ ถึงจะเข้าใจเอง แต่ภาษาที่ครูสอนในห้อง เอามาใช้กับบิ๊กได้ดีกว่าผมอย่างชัดเจนเช่นกัน
“จดไม่ทันเลยอะ” บิ๊กกำลังเดินออกจากที่เรียนพิเศษกับผม หลังจากหลุดจากเพื่อนๆ ร่วมห้องที่ทยอยออกมาพร้อมกันมากมาย บิ๊กบิดขี้เกียจจนเสียงกระดูกดังลั่นไปหมด
“ไอ้บิ๊ก อยู่นี่เอง” ผมหันกลับไปตามเสียงทักทาย นั้นคือตั้มกับโจและกับแชมป์ที่มากับไบรท์
“พวกมึงจองช้าไปวัน ได้นั่งหลังห่างกับที่นั่งกูไกลมาก” บิ๊กเอยปากบ่นก่อน ในขณะที่เพื่อนๆ บิ๊กชูนิ้วกลางให้
“ดูแฟนแทนพูดดิ แมร่ง หาว่าพวกเราลงเรียนช้า ก็มันเลยให้ใบสมัครอีกสองวันปิดรับคอรส์ ใครจะไปจองที่ดีๆ ทันละ” ตั้มโวยใส่ก่อนทันที
“ใช่ นี่ไม่ได้นั่งใกล้ๆ แทน ลอกไม่ทันเลย” ถ้าระดับไบรท์ต้องมาลอกเรา เราคงสอบตกแล้วแหละ
“ไบรท์ต้องลอกเรา คงสิ้นหวังแล้วแหละ” ไม่ต้องมาทำแบ๊วเลย เก็บไปทำกับแชมป์ไป
“เออ หกโมงเย็นเจอที่ร้านเฮียจิ๋วนะ กินข้าวเสร็จ เล่นสักชั่วโมงนึงนะ” ตั้มบอกกับบิ๊กก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
เหลือเวลาอีกสองชั่วโมงก่อนไปร้านเฮียจิ๋ว เราทั้งคู่กำลังเข็นรถเข็นในซุปเปอร์มาร์เก็ตของสยามพารากอน ซื้อของเข้าห้องทั้งของกินของใช้ โดยเฉพาะ...ที่บิ๊กหยิบทีสามขวดใหญ่ๆ
“เยอะไปเปล่า ทีละหลอดก็ได้นะ” ผมแอบเขินตอนจ่ายเงินนะ
“ไม่เยอะหรอก แป็ปเดียวก็หมด หมดแล้วไม่มีใช้ซิ ขาดตอนพอดี” บิ๊กยิ้มกว้างๆ เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น ผมเดินข้างๆ บิ๊กก็เข็นรถตอนนี้แบบเขินๆ เพราะสามขวดที่ว่าอยู่บนสุดของกองของที่ซื้อ
“เดี๋ยวบ่นเจ็บไม่รู้นะ ยิ่งไม่ได้ใส่เสื้อตอนทำกิจกรรมอยู่” อย่าพูดลอยๆ หน้าตายแบบนี้ เราเขินนะ
“ห้ามทำกับคนอื่นนะ...” ไม่รู้ทำไม แต่ผมจู่ๆ ก็รู้สึกแบบนี้ขึ้นมา
“ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เรารักเท่ากับแทนแล้ว” บิ๊กพูดเสียงดังเล็กน้อย พูดจบเข็นรถหนีผมไปอย่างรวดเร็วทันที ผมรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่บิ๊กจะหยุดที่ชั้นขายแชมพู
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ” ผมอยากฟังอีกรอบแค่นั้นแหละ
“ของดีมีครั้งเดียว” บิ๊กยักคิ้วอมยิ้ม ก่อนจะวางแชมพูที่พึ่งหยิบลงรถเข็น แล้วหันมองผมชัดๆ เหมือนจะพูดอะไร
“โลกของเรา มีแค่แทนคนเดียวนะครับ...ไปจ่ายเงินแล้ว เดี๋ยวรถติดนะ” ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามบิ๊กที่เข็นของเต็มรถ แต่จู่ๆ ผมก็พูดกับบิ๊กไปว่า
“ถ้าวันนึง...เรามีอุปสรรคที่ไปต่อไม่ได้ บิ๊กจะ...” ผมยังไม่ทันพูดจบ บิ๊กตอบผมแค่
“เราจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะหนักแค่ไหน เราจะพาแทนผ่านมันไปได้” ผมรู้สึกโง่ที่ถามอย่างบอกไม่ถูก ผมกับบิ๊กเดินมาถึงคิวรอจ่ายเงิน บิ๊กปล่อยมือซ้ายที่กำลังจับรถเข็นมาจับมือขวาผม ฝ่ามืออุ่นๆ กำลังบีบมือผมเบาๆ
บิ๊กไม่ได้มองมาที่ผม สายตามองไปที่คิวจ่ายเงิน แต่มือที่กุมอยู่ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจอย่างบอกไม่ถูก...ผมกังวลใจลึกๆ กับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น อนาคตยังมาไม่ถึงซะหน่อย ผมจะไม่ปล่อยมือบิ๊กนะ...
………………..
ออกจากพารากอนสี่โมงครึ่ง ครึ่งชั่วโมงถึงคอนโดแทน เก็บของเสร็จ อาบน้ำ แต่งตัวใหม่ ออกมารถติดอย่างยิ่ง เท้าซ้ายผมต้องคอยเลี้ยงคลัชท์เข้าเกียร์ไปเรื่อยๆ แพนด้าคันน้อยของผมพาผมกับแทนมาถึงร้านเฮียจิ๋วตอนหกโมงตรงพอดี ตั้ม แชมป์ โจ และไบรท์ รอที่โต๊ะอาหารเรียบร้อย
“มึงมาช้าอีกแล้ว ไอ้หัวหน้าวง” กูรถติด ไอ้ตั้มมึงเข้าใจหน่อยซิ
“กูไม่ได้แว๊นมา แต่มาทันแล้วกัน” ผมกับแทนนั่งประจำที่ สำรวจกับข้าวสักหน่อย โอเค ยังไม่พร่องไปมาก ที่ผมกลัวสุดเวลากินข้าวรวมกันคือ
“ดีนะ ยังเหลืออยู่ นึกว่าไอ้โจแดกหมดแล้ว” เรื่องกินเกลี้ยงไม่เหลือให้เพื่อนต้องโบ้ยมันก่อน
“สัส!!! ตลอด เดี๋ยวทีหลังก็ไม่เหลือให้จริงๆ แทนครับ ดูมันพูดดิ รังแกอะ” ไม่ต้องหาพวก แฟนกูต้องเข้าข้างกูซิ แทนได้แต่ยิ้มๆ หัวเราะๆ
“ทีหลังมาช้าอดกิน รู้เปล่าว่าหิว” แชมป์ มึงก็พอกัน นิ่งตลอด ขยับนี่แดกกระจายเหมือนกันนะมึง
“หิวมากกินผัวมึงก่อนซิวะ” ได้ผลไบรท์ถึงกับหลุดขำ ไอ้แชมป์มันเขินจนกระแทกไหล่หนึ่งทีแรงๆ ใส่ไบรท์เรียบร้อย
พอๆ กินข้าวดีกว่า กับข้าวชุดใหญ่ที่เฮียจิ๋วเตรียมให้ยังอร่อยเหมือนเดิม ขนาดแฟนผมยังยกให้ว่าบางอย่างทำอร่อยกว่ารสมือเจ้าตัว (แต่ผมว่าแฟนผมทำอร่อยสุดนะ) แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกทุกครั้งเวลาที่แทนมานั่งดูผมร้องเพลงคือ ผมตื่นเต้น บางทีมองหน้าแฟนแล้วร้องไม่ออกเอาดื้อๆ ทั้งที่ปกติอยู่ห้องก็ร้องเพลงให้แทนฟังเรื่อยๆ แต่พอขึ้นเวทีจริง เกร็งๆ บอกไม่ถูก ตอนนี้เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง จะต้องขึ้นเวทีละ
“เตรียม Playlist ไว้ยังแชมป์” หน้าที่รับผิดชอบการจัดเพลงเวลามาเล่นที่ร้านเป็นของแชมป์ และเจ้าตัวยกนิ้วโป้งให้ขณะที่ปากยังกินข้าวอยู่
“รอสักครู่นะครับ ฟังเพลงเพลินๆ เดี๋ยวคืนนี้ไปเที่ยวกันต่อนะ” ผมหันแก้มให้แทน ขอสักฟอดก่อนขึ้นร้องเพลง แทนหอมแก้มผมเบาๆ แล้วเสียงโห่จากที่เหลือก็ตามมา
“ไม่ต้องอิจฉา ของดีมีเฉพาะบิ๊กเว้ย ไปได้แล้วพวก” พวกมึงไม่ต้องส่ายหัว หาดีแบบกูไม่ได้ก็เข้าใจ อิๆๆ
แขกในร้านเฮียเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ พวกเราวงกุมารทองเริ่มตั้งเครื่องดนตรีกัน กลอง กีตาร์ เบส คีย์บอร์ด ไมค์ พวกผมกำลังแบ่งหน้าที่ตั้งเสียงกัน แล้วทุกอย่างก็เรียบร้อยในสิบนาทีต่อมา
“สวัสดีทุกๆ ท่านที่กำลังทานอาหารเย็นกันนะครับ พวกเราวงกุมารทองกลับมาอีกครั้งครับ” เสียงปรมมือจากผู้ชมที่เป็นขาประจำมีประปรายบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ลืมกันนั้นแหละนะ
“ช่วงหัวค่ำแบบนี้ ฟังเพลงเบาๆ กันดีกว่าครับ” ผมเริ่มดีดกีตาร์ขึ้นคอร์ดกับเพลง ”บอกรัก” ของ Bedroom Audio
ผมสบตากับแทนเรื่อยๆ ในขณะที่ปากผมร้องชิดกับไมค์เต็มเสียงทุกลมหายใจ คนที่นั่งในร้านตอนนี้ ถ้าไม่ทานข้าว ก็กำลังชนแก้ว ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว จบเพลงแรกแล้ว...ผมต่อเพลงที่สองเป็นเพลง “รักครั้งเดียว” ของ ETC เพื่อความคึกคักขึ้นเล็กน้อย
“ขอเพลงเพิ่มกันเข้ามาได้นะครับ ถ้าร้องได้ เล่นเป็น จัดให้แน่นอนครับ” ผมพักดื่มน้ำ แต่ขวดน้ำผมละ หันซ้าย หันขวา ไม่เจอ ที่ข้างล่างเวที แทนส่งขวดน้ำดื่มที่ใส่หลอดให้เรียบร้อยให้ผมจากหน้าเวที ผมรับมาดื่มแบบยิ้มๆ ก่อนที่แทนจะวิ่งกลับไปที่โต๊ะ ผมดื่มแล้ววางไว้ที่พื้นข้างๆ ขาไมค์ แล้วเด็กเสริฟ์ก็เอากระดาษขอเพลงมาให้
“ชื่นใจเป็นพิเศษ มีคนส่งน้ำให้ เอาละครับมีคนขอเพลงมาแล้ว เขียนว่า “อยากได้เพลงง้อแฟน พามาทานข้าวตอนนี้ ขอโทษแล้ว ยังไม่ยอมคืนดีซะที” โอเคครับ ทำผิดมา จะง้อแฟน งั้น เพลงนี้ละกัน” ผมหันไปบอกเพื่อนๆ ว่าให้เล่นเพลง “เผลอ” ของ Mr.Z เพลงนี้หน้าที่หลักตกไปทางแชมป์ที่ต้องเล่นคีย์บอร์ดเยอะเป็นพิเศษ
“หวังว่าเพลงที่จบไปจะทำให้คืนดีกันนะครับ ง้อแบบน่ารักๆ ผู้ชายก็มีเผลอกันบ้าง แต่เชื่อเถอะครับ ว่าเค้ารักคุณคนเดียวจริงๆ ไหนๆ เวลาแฟนผมงอน ผมชอบทำอย่างนึงง้อแฟน กอดเลยครับ ถ้าไม่ยอมก็กอดแน่นๆ นี่แหละครับ งั้นต่อด้วยเพลงนี้ละกันครับ” หันไปบอกเพื่อนให้เล่นเพลง “กอด” ของ Skykick Ranger กันต่อ
เพลงนี้ผมชอบเป็นพิเศษ โดยเฉพาะท่อน “ถ้ายอมให้กอด แล้วยอมให้จูบ ไอ้ฉันคงจะซึ้ง...ใจ” ที่ผมจิกสายตาไปหาแทนโดยเฉพาะ ที่จริงก็เน้นไปที่แฟนผมทั้งเพลงแหละ เจ้าตัวได้แต่อายม้วนอยู่ที่โตัะคนเดียว จบเพลงนี้ปรบมือกันทั้งร้าน สงสัยผมร้องถึงอารมณ์เพลงจริงๆ
“กลับมาเล่นตาม Playlist กันดีกว่าครับ สามเพลงรวดเลยนะครับ เริ่มที่เพลงนี้เลยครับ เมื่อกี้กอดแล้ว ก็ต้องใกล้ใช่ไหมครับ งั้น มาใกล้กันดีกว่าครับ” เสียงเคาะกลองของโจเริ่มคอร์ดก็ดังขึ้น เพลง “ใกล้” ของ Scrubb จัดว่าเป็นเพลงที่คึกคักพอที่จะทำให้บางโต๊ะต้องขยับตัวตามจังหวะเพลงตามกัน จบเพลงนี้ผมเลยต่อด้วย “หัวใจผูกผัน” ของ บอย โกสิยพงษ์ แล้วต่อด้วยเพลง “ทฤษฎีสีชมพู” ของ 7th Scene
“สามเพลงรวด ดื่มน้ำแป็ปนะครับ” เสื้อเชิ้ตที่ผมใส่มาขึ้นเวทีตอนนี้เริ่มชุ่มเหงื่อที่หลังเล็กน้อย มองไปที่ล่างเวที แทนส่งผ้าเย็นให้ผม ก็...ยิ้มซิครับ ผมรับมาเช็ดหน้า เช็ดเหงื่อ แล้วเสียงกลองกับคีย์บอร์ด ก็เคาะแซวผมแบบตึ๊งโปะรอบนึง
“อิจฉาก็บอกมา หึๆ โอเคครับช่างมัน เพลงต่อไปกลับมาเบาๆ กันบ้างนะครับ อีกสักสามเพลงละกันครับ” คีย์บอร์ดของแชมป์เริ่มคอร์ดก่อน เพลง “ชั่วโมงต้องมนต์” ก็เล่นขึ้น แต่ที่พิเศษคือ เพลงนี้ผมยกให้แชมป์ร้อง แน่นอนว่าเพลงนี้มอบให้ไบรท์ แน่นอนว่าทำให้ไบรท์ยิ้มแก้มปริสุดๆ ผมดีดกีตาร์ร้องข้างๆ เฉพาะท่อนฮุค จบเพลงแล้ว ไบรท์นั่งปรบมือให้คนเดียว ผมมองแชมป์ดีๆ มันหน้าแดงเลยแหละ ฮิ้วๆๆ จะเก็บไว้ล้อทีหลังนะ ฮาๆ
“สองเพลงรวดเลยแล้วกันครับ เดี๋ยวพี่ๆ วงต่อไปเค้ามารอละครับ” งั้นคึกคักกันสักหน่อยละกันนะครับ เบสของตั้มเริ่มเล่นขึ้นคอร์ด ก่อนจะเริ่มเล่นเพลง “ขาหมู” ของ Tattoo Colour ซึ่งคึกคักพอให้หลายโต๊ะมองและร้องตามกันพอสมควร แล้วจบด้วยเพลง “ไม่ค่อยเต็ม” ของ Big Ass เป็นอันเรียบร้อย
“ขอบคุณทุกคนครับ เดี๋ยวอีกสักครู่เจอกับวงต่อไปนะครับ พวกเรากุมารทอง ขอบคุณทุกคนนะครับ เจอกันใหม่ทุกวันเว้นวัน หนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มนะครับ สวัสดีครับ” พวกเราทุกคนในวงไหว้ขอบคุณ ก่อนจะวางเครื่องดนตรีแล้วเดินลงจากเวทีกันกลับไปที่โต๊ะอาหาร
“แทนละ” ผมถามไบรท์ที่นั่งคนเดียวตอนนี้
“ไปโทรศัพท์อะ ลุกไปตอนเพลงสุดท้ายเล่นพอดี” ผมนั่งลง ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออกเพื่อระบายร้อนเล็กน้อย
“ร้องเพลงเพราะนะ” ไบรท์เอยปากชมแชมป์ ส่วนไอ้แชมป์เหรอ
“ไม่ได้ร้องให้นายฟังซะหน่อย แต่ได้ฟังก็ดีแล้ว รู้ปะ” เออ ไอ้ปากแข็ง กูละเบื่อมึงจริงๆ ตลอดๆๆๆ
ว่าแต่...แทนไปนานจัง สงสัยเรื่องสำคัญ
………………..
การเรียนพิเศษที่หนักหน่วงตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา จบลงด้วยการสอบก่อนวันเกิดบิ๊กสองวัน ฉลองวันเกิดบิ๊กปีนี้จึงพิเศษหน่อย ผมอยากให้มันคึกคักกว่าปีก่อนที่ผมได้จัดให้เป็นครั้งแรก ผมเลยเชิญตั้ม โจ แชมป์ ไบรท์ มางานวันเกิดบิ๊ก แต่ไม่บอกบิ๊กว่าจะมานะ
“ที่จริงแทนไม่ต้องทำอาหารเยอะขนาดนี้ก็ได้นะ ออกไปกินข้าวด้วยกันก็พอแล้ว” ถึงบิ๊กจะบ่นๆ แต่ก็เป็นลูกมือให้ผมอยู่
“ไม่ได้ๆ วันพิเศษมีครั้งเดียวนะครับ เดี๋ยวคืนนี้มีเซอร์ไพรส์แน่นอน” บิ๊กที่กำลังหั่นผักอยู่ข้างๆ ผมหันมามองผมอย่างสนใจทันที
“อะไรอะ บอกมาเลยๆๆๆ” บอกก็ไม่ตื่นเต้นซิ
“หั่นดีๆ เดี๋ยวก็หั่นนิ้วหรอก” หั่นไปมองผมไปก็โดนนิ้วซิครับ
เวลาผ่านไปเร็วมาก อาหารทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว มีอย่างเดียวที่ผมทำแล้ว แต่ไม่ได้เอามาให้บิ๊กดู คือเค้กวันเกิดที่รอบนี้ได้เพื่อนๆ บิ๊กช่วยกันเตรียม และสถานที่ทำเค้กก็เหมือนเดิม บ้านไบรท์นั้นเอง แถมเป็นครั้งแรกที่แชมป์ไปบ้านไบรท์ด้วย แต่ถึงจะไม่บอกคุณพ่อกับคุณแม่ของไบรท์ว่าฐานะอะไร แต่แชมป์ก็รู้สึกดีใจที่ไบรท์ดูจะทำอะไรเกินเพื่อนกับแชมป์ต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่แบบตั้งใจมาก
“ไปอาบน้ำ แต่งตัว จะได้มาเริ่มงานฉลองนะครับ นะๆ” ผมต้องถอดผ้ากันเปื้อนบิ๊กแล้วกลับหลังหันบิ๊ก ผลักให้ไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำให้เรียบร้อย พอเข้าไปอาบแล้ว ผมส่งข้อความหาทุกคนว่าถึงไหนกันแล้ว ทุกคนใกล้ถึงแล้ว น่าจะพอดีกับที่บิ๊กอาบน้ำเสร็จพอดี พอบิ๊กอาบน้ำเสร็จ ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยเช่นกัน (ทำครัวมาทั้งวัน เหม็นเหงื่อแย่)
“บิ๊ก...ก่อนจะเริ่มงานวันเกิด ปิดตาก่อน” ผมส่งผ้าดำผืนยาวพอที่จะมัดให้บิ๊กมองไม่เห็นได้
“อะไรอะ ขี้โกงเห็นๆ” ผมทำหน้างอนขู่ซะเลย ได้ผล บิ๊กโหมดกลัวเมียทำงาน ฮาๆ ผมจัดการมัดให้เรียบร้อย แล้วพาบิ๊กเดินไปนั่งโซฟารับแขก เช็คแล้วว่ามองไม่เห็นชัวร์ หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาที โทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น เจ้าหน้าที่ฟอนท์ด้านล่างบอกว่าเพื่อนๆ มากันหมดแล้ว ได้เวลาละ
“ชู่วๆๆ ค่อยๆ เข้ามานะ” ตั้มถือเค้กเข้ามาคนแรก ก่อนจะถอดรองเท้าไว้ในห้องตรงแถวหน้าประตู ส่วนเพื่อนๆ คนอื่นก็เดินตามเข้ามา ปิดท้ายด้วยไบรท์ที่ถือถุงกล่องของของขวัญทั้งหมดที่ทุกคนเตรียมไว้ให้
“ใครมาอะที่รัก” เสียงบิ๊กถามผมในขณะที่เจ้าตัวยังนั่งโซฟาอยู่ ผมจัดแจงถือเค้กไปนั่งข้างๆ บิ๊กให้เรียบร้อย
“พร้อมยังๆๆ” ผมถามบิ๊กอีกที บิ๊กพยักหน้า
“แกะที่ผูกตาละนะ” บิ๊กเอื้อมมือไปแกะที่ผมผูกไว้ข้างหลัง ใช้เวลานิดหน่อย เพราะผมผูกไว้แน่นมาก
“Happy Birthday to you Happy Birthday to you Happy Birthday Happy Birthday to you สุขสันต์วันเกิดๆๆๆ” ทุกคนช่วยกันร้องเพลงนี้ให้ ก่อนที่บิ๊กจะมองแบบอึ้งๆ แล้วเป่าเทียนแบบรวดเดียวดับ
“พวกมึงแมร่ง มิน่าทำไมวันนี้มือถือเงียบทั้งวันเลย” บิ๊กโวยทันทีหลังจากเปิดไฟในห้องเรียบร้อย
“เจ้าของวันเกิดตัดเค้กด้วย หิวแล้ว” บิ๊กที่กำลังดูเค้กอยู่ที่โต๊ะ โดนโจจับกดหัวหน้าจุ่มลงเค้กเต็มๆ เละเรียบร้อย
“เชี่ย!!! ใครแกล้งกู” บิ๊กรีบเอามืดเช็ดหน้า เช็ดตาที่ตอนนี้เปื้อนครีมเค้กเรียบร้อย เสียงโห่ร้องดีใจของตั้ม แชมป์ โจ ดูจะพอใจกับการแกล้งบิ๊กครั้งนี้ ส่วนไบรท์ก็ปรบมือพอใจกับเค้าด้วย
“นี่รู้เห็นเป็นใจกับเค้าปะเนี่ย” บิ๊กรีบถามผมที่ส่งทิชชู่แบบซับน้ำมันแผ่นใหญ่ให้เช็ดหน้า ผมส่ายหน้าแบบแบ๊วๆ ว่าไม่รู้ไม่เห็น
“ฝากไว้ก่อนนะพวกมึง วันหลังกูจะเอาคืน” แล้วเสียงหัวเราะของทุกคนก็ดังขึ้น
สุขสันต์วันเกิดปีที่ 17 นะครับ
………………..
สัปดาห์สุดท้ายของการปิดเทอมก็มาถึง ปีสุดท้ายของม.ปลายก็กำลังจะเริ่มต้นแล้ว เรียกว่าเป็นของจริงสำหรับผมกับบิ๊กเลยก็ว่าได้ เหนื่อยทั้งเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรม บิ๊กเองก็มีหน้าที่ของชมรมดนตรีเพิ่มเข้ามา เรื่องเรียนก็ต้องให้ผมคอยช่วยติวอยู่เรื่อยๆ เหนื่อยจนแทบไม่ว่างกันทั้งที่ตอนนี้ยังไม่เปิดเทอมแท้ๆ
“เปิดเทอมเราจะรอดไหมเนี่ย” บิ๊กเอยขึ้นมาหลังจากทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ผมที่นอนพิงหัวเตียงเช็ค Facebook อยู่
“รอดซิ มหาลัยหนักกว่านี้อีกนะ รู้ไหม” บิ๊กถอนหายใจเบาๆ แบบเหนื่อยๆ
“ถ้าสอบเข้ามหาลัย อยากอยู่มหาลัยเดียวกันอะ จะได้ไม่ต้องไปรับไปส่งแบบนี้อีก” ผมวาง iPhone ไว้หัวเตียงข้างๆ ก่อนจะปิดไฟให้เหลือแค่ไฟดวงเล็กที่หัวเตียง แล้วขยับตัวลงมานอนข้างๆ
“ก็ขยันซิครับ จะได้อยู่มหาลัยเดียวกัน ต่างคณะกัน แต่ไปหากันง่ายหน่อยไง” บิ๊กพลิกตัวมาข้างๆ
“แต่ถ้าเราไม่ติดที่เดียวกับแทน เราก็ขับรถไปรับไปส่งแบบนี้แหละ” ผมพลิกตัวขยับหน้าใกล้ๆ บิ๊กมากขึ้น
“แล้วถ้ามันคนละจังหวัดกันอะ” ผมแกล้งแหย่บิ๊กดู บิ๊กตอบทันทีไม่ลังเลเลย
“เราจะซิ่วไปเรียนมหาลัยเดียวกับแทน ไปเป็นรุ่นน้องแทนหนึ่งปีไง” ไม่ใช่ละ ถามเล่นๆ อย่าเอาจริงเชียวนะ
“เราไม่ไปไหนไกลหรอก ก็ไม่อยากห่างบิ๊กเหมือนกันแหละ” บิ๊กขยับตัวจุมพิตที่ริมฝีปากผมเบาๆ ก่อนจะกลับมานอนที่เดิม
“อยากเรียนจบไวๆ จะได้บอกแม่ให้มาขอ เราเอาจริงนะ” ฟังดูเพ้อเจ้อ แต่สำหรับผม ลึกๆ ดีใจอย่างที่สุดแหละ
“แต่ที่บ้านเราคงไม่ยอมหรอก เค้ายังไม่โอเคกับสิ่งที่เราเป็นเลย” บิ๊กขยับตัวให้ใกล้ผมมากขึ้นจนปลายจมูกเราทั้งคู่ชนกัน
“ถ้าวันนั้นมีจริง แทนออกมาอยู่กับเราได้นะ เราจะดูแลเอง ขอให้แทนร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเราก็พอ โอเคไหม” ผมพยักหน้าอย่างไม่ลังเลทันที
“ต่อให้โลกทั้งใบไม่โอเคให้เรารักกัน เราก็ไม่สน เราไม่เคยคิดว่าเรื่องของเราผิดตรงไหน เราโตพอที่จะเลือกทางของเราแล้ว ถ้าเราไม่มีแทนซิ...เราไม่รู้จะไปทางไหนด้วยซ้ำตอนนี้” ผมรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“อย่าลืมเข็นเราให้เรียนจบมหาลัยด้วยนะ เรากลัวเรียนไม่ไหวอะ” แน่นอนครับ เราจะช่วยบิ๊กแน่นอน
“แน่นอน บิ๊กเรียนจบชัวร์ เราช่วยแน่นอนครับ” บิ๊กยิ้มร่าเริงพยักหน้า
“ง่วงแล้ว แต่ยังไม่อยากนอนเลย แบบ...” บิ๊กพูดจบสะบัดผ้าห่มออก แล้วคร่อมทับตัวผมไว้
“ตีหนึ่งแล้วนะ เดี๋ยวได้ตื่นเที่ยงหรอกครับ” ผมเตือนบิ๊กสักหน่อยว่าถ้าทำกิจกรรมรักแล้ว...จะเป็นอย่างไร
“ยังไม่เปิดเทอมซะหน่อย ไม่ได้ทำตั้งสามวันแล้วนะ” บิ๊กพูดจบ เริ่มรุกล้ำซอกคอผมอย่างนิ่มนวล ริมฝีปากของบิ๊กที่ลากไปตามซอกคอสลับดูดเม้นตอนนี้ ทำให้อารมณ์ผมปล่อยตามเลยเรียบร้อย มือทั้งสองของผมเริ่มโอบรับสัมผัสและสิ่งที่เกิดขึ้นจากบิ๊ก ผมรู้สึก...อยากให้จดจำทุกนาทีที่บิ๊กกำลังทำแบบนี้กับผม
เพราะทุกสิ่งของผม เป็นของบิ๊กแค่คนเดียว...เท่านั้น หากวันนึงที่ผมไม่มีบิ๊ก ผมก็ไม่มอบทุกสิ่งให้ใครอีกต่อไปเช่นกัน
จนกว่าที่ผมและบิ๊กถึงปลายทาง ผมขอปล่อยทุกสิ่งให้อยู่ในการควบคุมของบิ๊กนะ...
**********
บทนี้ตั้งใจเขียนให้ยาวพิเศษแต่แรก เพราะหลังจากนี้จะค่อนข้างหนักเน้นๆ หลังวันอาทิตย์นี้ คงลงมือทำบทที่ 62 มาให้อ่านกันละครับ
บทที่ 62 น่าจะได้อ่านประมาณพุธที่จะถึงนี้ (หรือเร็วกว่านั้น)
ขอบคุณสำหรับการติตดามครับ