ตอนที่ 4 ถอดไหม
กริ่ง....................
[...ทำไมโทรศัพท์ ดังได้เวลาแบบนี้ว่ะ...]
ผมคิดแบบนั้นน่ะครับ
ถึงแม้ในใจจะแอบเสียได้หน่อยๆก็เหอะ
เพราะไม่รู้ว่าไอ้บูมมันเหม่อมองอะไรของมัน
“ต่าย โทรศัพท์ดังอ่ะ”
[...เมิงมาบอกกูทำไม เมิงก็รับดิว่ะ...]
ตกลงไอ้บูมมันเป็นอะไรของมันกันแน่
ขนาดโทรศัพท์ดัง แทนทีมันจะไปสนใจที่โทรศัพท์
แต่นี้มันยังมองหน้าผมไม่ลด ละ เลิก กันสักที
“อืม...แม่นายโทรมา”
ผมบอกไอ้บูม ในตอนที่เอามือถือในมือของมันมาดู
และเบอร์ที่โทรเข้าก็เบอร์แม่ผมนี้แหละ
สงสัยป้าใจแกจะโทรมาหาไอ้บูม
“แล้วทำไงอ่ะ”
[...กรูจนปัญญาจริงๆเลย ไอ้บูม...]
ปากมันถามเรื่องโทรศัพท์
แต่หน้ามันจะติดกับหน้าผมอยู่ร่ำไร
แล้วตกลงหน้าผมเหมือนโทรศัพท์ขนาดนั้นเลยเหรอครับ
“เอา...คุยดิ”
ผมกดรับสายให้มัน
ซึ่งไม่รู้เป็นเพราะมันไม่มีโทรศัพท์ เลยกดรับสายไม่เป็น
หรือเป็นเพราะโทรศัพท์ของผมรุ่นเก่าเกินไป มันเลยหาปุ่มกดไม่เจอ
แต่มันจะยังไง ก็ช่างมันเหอะ
เพราะตอนนี้ผมรู้สึกโล่ง
สบายใจ
อากาศสดชื่น
และรู้สึกว่า ไอ้อาการแปลกๆมันก็หายไปด้วย
พร้อมกับไอ้บูมที่เดินหายไปนอกบ้าน
แล้วตอนนี้มันก็ยืนหล่อ
คุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าบ้านนั้นแหละ
[...ผมรู้สึกกับมันยังไงกันแน่ว่ะ...]
ผมมานั่งเล่นที่โซฟา ตอนรอไอ้บูมคุยโทรศัพท์อยู่กับแม่
และผมก็คิดถึงเรื่องที่ไอ้บูมเข้ามาบ้านผม พร้อมกับที่มันว่าผม...ไอ้สิว
และตอนที่ไอ้บูม มันทำหน้าหล่อใส่ผม หมายถึงเมื่อกี่นี้ และบนห้อง
ผมไม่รู้ว่า ไอ้อาการตัวชา ร้อนตรงหน้าอกกับที่หน้า
มันเกิดขึ้นตอนไหน เมื่อไร
แต่ผมก็พอรู้ว่าผมรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่อยู่ใกล้...ไอ้บูม
แหละผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร
ไม่ใช่เพราะผมอยู่ใกล้คนอื่นแล้วไม่รู้สึก
แต่กับไอ้บูม มันเล่นกับผมมากกว่าเพื่อนที่ผมสนิท
หน้าของมันเวลาอยู่ใกล้หน้าผม...ผมต้องกลั้นหายใจ
ทั้งที่กรูก็อยากหายใจต่อ
แล้วเวลาหน้าอกของมัน ที่เต็มด้วยกล้ามเนื้อ
มาสัมผัสกับหน้าอกลีบๆของผม...หัวใจผมแทบหยุด
ทั้งที่ผมก็อยากมีชีวิตต่อ
และอาการนี้...ผมเองไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไร
ผมรู้ว่านี้คงเป็นอาการเริ่มแรก ของคนมีความรัก...
และผมก็คิดว่า คนแบบผมที่ไม่เคยมีความรักกับใคร(นอกจากคนในครอบครัว)
มันจะทำให้การว่างตัวกับนิสัย...ใจง่าย...ของตัวเองยาก
ก็ลองคิดดู นี้ขนาดผมเจอมันแค่มันวันเดียว
มันกลับทำให้อาการแบบนี้เกิดขึ้นได้
แล้ววันต่อไปล่ะ วันที่ผมต้องอยู่กับมันอีก...3 อาทิตย์
ผมคงไม่ต้อง...รักมัน...ตายเหรอ
เหอ..........
ผมถอนหายใจ เพราะผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเป็นปัญหาซะะแล้วสำหรับผม
และผมก็น่าจะหาวิธีไหน ที่จะหลีกไอ้อาการแบบนี้ได้
สงสัยผมต้องโทรไปถามไอ้คนเจน เรื่องแบบนี้ซะหน่อยแล้ว
และคนๆนั้นคือ...ไอ้เมย์ เพื่อนผมเอง
แต่ตอนนี้ผมไม่มีโทรศัพท์และรู้สึกเหนื่อยมาทั้งวัน
สงสัยให้รอดจากวันนี้ไปได้ก่อน แล้วค่อยวางแผน
เหอ......มีเรื่องให้คิดน่าปวดหัวจริงๆกรู
“ต่าย ไปกันได้ยังครับ”
สงสัยไอ้บูมมันคุยโทรศัพท์พึ่งเสร็จ
และนี้พอมันเดินเข้ามาในบ้าน
ประโยคที่มันพูด ช่างสุภาพเรียบร้อย จนผมน่าขนลุก
....ครับ....
มันคิดได้ไงถึงพูดคำนี้กับผม
ทั้งที่ต่อให้โลกแตก มันก็ไม่น่าจะหลุดออกมาจากปากของมันได้
“อ่อ....ได้เลย”
ผมตอบมันเสร็จและรีบลุกขึ้นยืน
เพราะอะไร......อันนี้ไม่น่าถาม
ก็ไอ้คนที่ชื่อ...บูม และท่าทางมันตอนนี้แหละ
ที่ผมต้องรีบลุกขึ้นซะก่อน
“เฮ้ย....”
ผมตกใจ เพราะจู่ๆไอ้บูมมันก็ดึงมือให้ผมนั่งลงอีก
ตอนแรกที่มันลงมานั่งข้างๆผม ผมเองก็ยังพอทน
แต่พอมันเริ่มมาชิดผม มากขึ้นๆ
และไอ้มือที่เอามาว่างทับกับไหล่ผม
มันทำให้อาการตัวชา หายใจไม่ออก แล้วหัวใจหยุดเต้น
มันเกิดขึ้นอีกแล้ว....
ผมเลยตัดปัญหาโดยการลุกขึ้นซะก่อน
ตอนแรกคิดว่าจะหมดปัญหา แต่นี้อะไร มันสร้างปัญหาชัดๆ
ผมคนที่น่าจะไปนั่งข้างๆมันในตอนแรก
แต่กลับยืนหาเรื่องใส่ตัว ให้มันดึงนั่งลงบนตักของมัน
และอาการเดิมๆ ก็เริ่มเป็นขึ้นอีก
แบบนี้ผมจะทำไงดี เพราะหากลุกขึ้น ไอ้บูมมันก็จับเอวอยู่
แล้วหากไม่ทำอะไรเลย ผมแย่แน่ๆ
“ไม่ต้องรีบก็ได้เนอะ นั่งแบบนี้ก็อุ่นดี”
ไอ้บูมบอกผมว่าอุ่น แต่ทำไมผมรู้สึกร้อน...(ตกลงกรูเพี้ยนหรือเมิงเพี้ยน)
แล้วท่านั่งของผมบนตักของมัน ก็ไม่ธรรมดาเลย
เพราะดูจะยิ่งเพิ่มความสะดวก ในการให้ไอ้บูมลวนลามผมมากขึ้นไปอีก...(กรูไม่ได้อ่อย...โว้ย)
“ต่าย หน้าเป็นอะไรอ่ะ แดงหมดเลย”
ไอ้บูมมันถามผมและมือมันก็เริ่มจับที่แก้ม และผมเริ่มตัวชา
“ต่าย เหงื่อไหลเยอะจัง มาเช็ดให้”
ไอ้บูมมันเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมันออกมา
และเริ่มเช็ดเหงื่อที่ไหลเหมือนเขื่อนแตกให้ผม
และผมเริ่มหายใจไม่ออก ในขณะที่อาการตัวชายังมีอยู่
“ต่าย หน้าอกสั่นๆ ไหนดูหน่อยว่า สบายดีเปล่า.......แล้วทำไม หัวใจต่ายเต้นเร็วจัง”
ไอ้บูมมันเอาหัวไปแนบกับหน้าอกผม
และหัวใจผมเริ่มหยุดเต้น
ในขณะที่อาการตัวชา และหายใจไม่ออก ยังคงมีอยู่
“ต่ายปากสั่นๆ ไหนดูซิ”
“ต่ายร้อนใช่ไหม แบบนี้ต้องถอดเสื้อ”
“ต่ายถอดกางเกงด้วยไหม งั้นตกลงถอดดีกว่า”
“ต่ายกางเกงใน....”
ผมไม่รู้ว่ามันพูดอะไร
และไม่รู้ว่ามันทำอะไรผมอีก
แต่ที่รู้ คือรู้แค่ว่า....กรูเป็นลม
“เฮ้ย..ต่ายเป็นไร”
และนั้นก็เป็นประโยคสุดท้าน ก่อนผมจะไม่รู้เรื่องอะไรอีก....
-------------------------------------------------------------------------------------------ปล.ขอบคุณมากๆครับทุกคน และคำแนะนำ ผมเองเอาไปใช่น่ะครับ ไม่รู้ดีหรือเปล่า
อ่านรวดเดียวจบ ชอบคับ บูม+ต่าย อิอิ
ขยันเขียนบ่อยๆเด่วก็เก่งเองคับน้องรัก
เขียนให้จบนะเว๊ยอย่าเป็นแบบใครบางคนแถวนี้555+
ปล.อย่าคิดในใจมากเด่วคนอ่านจะงง
>>>อย่าหายไปไหนอีกน่ะครับ