หนึ่งปีที่จากไป ใครว่าคนที่เข้มแข็งจะเข้มแข็งได้ตลอดไป และ ใครว่าคนที่อ่อนแอจะอ่อนแอได้ตลอดชีวิต ทฤษฎีนี้ไม่มีในโลกหรอก มีแต่คนที่ไม่รู้จักตัวเองจริงๆเท่านั้นแหละที่คิดว่าตัวเองยังเข้มแข็งอยู่ และคิดว่าตนเองยังอ่อนแออยู่ ลองได้มาเจอกับเรื่องราวที่ทำให้ตนเองต้องเสียใจที่สุดสิ จากคนที่เข้มแข็งก็กลายเป็นคนที่อ่อนแอได้ในชั่วข้ามคืน ส่วนคนที่อ่อนแอก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้เข้มแข็งได้เพียงแค่ข้ามวัน ไม่มีใครรู้หรอกว่าความจริงแล้วภายใต้หน้ากากความเจ็บปวดนั้น แต่ละคนกำลังคิดอะไรอยู่ ..
แก้วเกล้า เด็กผู้ชายที่มีปมด้อยมาตั้งแต่เด็ก คนที่เพิ่งจะรู้จักคำว่ารักที่แท้จริงก็ตอนที่ได้มาอยู่ร่วมกับคนที่รังเกียจตนเองยิ่งกว่าอะไรดีอย่าง เจ้าขุน หนุ่มหล่อเพลย์บอยตัวพ่อที่ถูกบังคับให้หมั้นกับไอ้แก้วหน้าม้าคนที่ตนไม่เคยคิดว่าจะต้องมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน สองคนนี้ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่น่าจะมีอะไรเข้ากัน และไม่น่าจะครองรักกันได้
หลังจากที่ขุนเข้าโรงพยาบาล แก้วเองที่ตอนแรกเตรียมการไว้ว่าจะบินไปเรียนต่อโทที่ออสเตรเลียเลยก็ตัดสินใจเปลี่ยนไฟท์บินเลื่อนไปเป็นอาทิตย์หน้า เพราะตนทนไม่ได้ที่จะหนีไปทั้งๆที่พี่ขุนตามหาเขาจนต้องมานอนนิ่งไม่ได้สติแบบนี้ แก้วเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพี่เขาต้องทำถึงขนาดนั้น ในเมื่อเขาก็เน้นย้ำให้ช้ำใจเล่นทุกทีว่าไม่ได้รักคนอย่างแก้วเลยแม้แต่นิด อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์แก้วแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนมัวแต่เฝ้าพี่ขุนว่าเมื่อไหร่พี่จะตื่นขึ้นมา หมอแจงรายละเอียดแล้วว่าร่างกายภายในบอบช้ำจากแรงกระแทกแต่ก็ไม่ถึงกับพิการและคงไม่ถึงตาย อย่างมากก็แค่สลบไปหลายอาทิตย์ เมื่อไหร่ที่ร่างกายฟื้นตัวพี่ขุนก็จะตื่นขึ้นมาเอง สมองได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อยเพราะรถมีระบบถุงลมนิรภัยอย่างดี 6 ใบ ป้องกันทั้งด้านหน้าด้านหลังและกระจกด้านข้างจึงทำให้พี่ขุนที่คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่แล้วไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต
หลังจากที่เข้าโรงพยาบาล ก็มีเพื่อนขุนมาเยี่ยมมากมายรวมถึงรตี เธอพยายามจะเอาเรื่องแก้วเพราะเธอคิดว่าแก้วเป็นคนทำให้ขุนต้องมานอนเป็นเจ้าชายนิทราแบบนี้ เธอก่นด่า สาปแช่งแก้วทุกครั้งที่มาเยี่ยม และเป็นทุกครั้งที่เลย์กับเพื่อนต้องคอยกันเธอออกไปให้ห่าง ตัวแก้วเองแก้วเสียใจและอยากจะขอโทษต่อหน้าพี่ขุนจริงๆจากใจแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะถ้าแก้วยังอยู่จนพี่ขุนฟื้นแก้วคงใจอ่อนและสุดท้ายพี่ขุนก็จะไม่เห็นค่าแก้วเหมือนเดิม จากที่เคยคิดว่าจะแต่งงานตอนนี้แก้วกำลังคิดว่าถ้ากลับมาเริ่มใหม่มันจะดีกว่าไหม หรืออาจจะต้องรอให้เป็นเรื่องของอีกหนึ่งปีถัดไป ไม่แน่วันนั้นมาถึงแก้วอาจจะรู้คำตอบของใจตัวเองก็ได้ ว่าจริงๆแล้วเขาต้องการอะไรกันแน่
หลังจากหนึ่งอาทิตย์ในโรงพยาบาลก็ถึงเวลาที่แก้วต้องเดินทาง เขามีเมทคอยรับอยู่ที่ซิดนีย์ แก้วไม่อยากอยู่คนเดียวเพราะกลัวตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า ป๋าเองก็ตามใจแก้วเพราะจากที่เห็นเขาก็ตระหนักได้ว่าเรื่องมันมาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยน ยื้อไปก็จะมีแต่คำว่าเจ็บ หลังจากที่แก้วไปเรียนต่อ อีกอาทิตย์ต่อมาขุนก็ฟื้น วันแรกเขายังไม่ค่อยได้สตินอนซมไม่พูดไม่จาอยู่หนึ่งวันเต็มๆ แต่หลังจากนั้นพอสติเริ่มมาเขาก็เอาแต่โวยวายเมื่อรู้ข่าวว่าแก้วไปเรียนต่อแล้ว เขาโกรธตัวเองที่ทำร้ายมันจนถึงขั้นต้องหนีไป แต่ตอนนี้เขายังทำอะไรไม่ได้ .. ไม่นานนักอาการบาดเจ็บ บาดแผลต่างๆก็ดีขึ้น ร่องรอยจากแผลกระจกบาดยังไม่สามารถทำให้ขุนดูหล่อน้อยลงเลยสักนิด
เพื่อนๆต่างพากันให้กำลังใจเพื่อนรัก มีทั้งกำลังใจและของฝากมากมาย แต่มันก็ไม่เท่ากำลังใจจากป๋า ป๋าเล่าให้ขุนฟังว่าก่อนที่น้องจะไปน้องทำอะไรให้เขาบ้าง เทฉี่ เช็ดอุจจาระ เช็ดตัว เฝ้าไข้ คอยดูแลเขาจนตัวเองผอมซีดไม่ได้หลับได้นอน ขุนแค่ได้ฟังก็น้ำตารื้น เขาไม่คิดว่ามันจะรักเขาและดีกับเขาได้มากเท่านี้ จากคนที่เคยเกลียดขี้หน้าแต่ตอนนี้ถึงแม้ต่อให้มันจะน่าเกลียดลงกว่านี้อีกสิบเท่าขุนก็จะไม่ยอมปล่อยมันไปอีกแล้ว
อีกสามวันต่อมาขุนก็ออกจากโรงพยาบาล เขาพักฟื้นอยู่เป็นสัปดาห์ถึงได้เดินเหินเป็นปกติ พอขุนหายสิ่งแรกที่เขาจะทำคือการไปตามตัวไอ้แก้วหน้าม้ามันกลับมา แต่ป๋าไม่ให้เขาทำแบบนั้น ป๋าได้แต่บอกว่าปล่อยให้น้องมันเรียนไป ป๋ามอบหมายงานให้ขุนเป็นคนทำ เริ่มจากการทำตัวให้สมกับที่เป็นลูกชายบริษัท หลังจากที่โดนบังคับ ไม่นานขุนก็สามารถทำหน้าที่ได้ด้วยตนเองมาตลอด ป๋าเริ่มวางใจให้เขาทำโปรเจคท์ใหญ่ต่างๆแทน และขุนก็ทำได้ดี พอมีงานที่เยอะขึ้นขุนก็ไม่ค่อยได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เขาตัดสินใจบอกเลิกรตีและนั่นเหมือนฝันร้ายในชีวิต เธอทั้งขู่จะฆ่าตัวตายและอีกสารพัดจนขุนต้องเด็ดขาด สุดท้ายเธอก็ได้รับเงินปลอบใจไปเป็นทุนอยู่หลายสิบล้าน และนั่นคือจุดจบของขุนกับรตี ขุนไม่เคยติดต่อและแยแสเธออีกเลยแม้ว่าอีกฝ่ายจะคอยติดต่อมาก็ตาม ขุนสั่งห้ามรตีไม่ให้มายุ่งกับแก้วพร้อมทั้งต่อว่าเรื่องที่เธอเป็นคนทำให้แก้วจมน้ำ เธอเป็นคนเผยเรื่องที่ปิดบังออกมาเองเพราะเธอโกรธขุนมากและครั้งนั้นคือเหตุผลที่ทำให้ขุนตัดสินใจเลิกยุ่งกับเธอเด็ดขาด
ผ่านมาแล้วสามเดือนแก้วเองก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้น เมทแก้วเป็นคนอังกฤษที่พูดไทยได้และนั่นทำให้แก้วสนิทกับแจ็คกี้มากๆ แก้วไม่ได้แต่งหน้าหลอกใครอีกเลยเพราะคนที่นั่นเขาไม่มีใครมองคนที่หน้าตา การเป็นเพื่อนต้องเริ่มจากความจริงใจก่อนเสมอ แจ็คสอนให้แก้วใช้ชีวิตด้วยตัวเองอย่างฉลาด รู้ทันคน อาจารย์ในคลาสสอนความรู้ในเรื่องบริหารและเศรษฐศาสตร์ให้แก้วได้นำไปใช้ .. ป๋ามักจะโทรมาหาแก้วทุกๆสามวัน ป๋าเล่าเรื่องที่พี่ขุนเริ่มเป็นคนที่มีความคิดมากขึ้น พี่ขุนเก่งขึ้นสามารถทำโปรเจคท์ของป๋าได้สำเร็จและนั่นพาเขาไปสู่การเป็นหัวหน้าคนที่ดี เขาเริ่มมีลูกน้องคนสนิทหลังจากที่ไม่เคยมีใครเคารพนับถือ ปัจจุบันขุนได้ขึ้นอยู่บอร์ดบริหาร คนที่เคยสบประมาทเขาตอนนี้กลายเป็นไว้ใจเขา
แก้วเองก็เริ่มเปลี่ยนตัวเอง จากคนที่เคยอ่อนแอ ตอนนี้เขาเริ่มจะเซี้ยวนิดๆ เขาโดนแจ็คฝึกโดยเริ่มจากการไปตะโกนแหกปากที่สวนสาธารณะใจกลางเมืองจนไปถึงการเปิดใจคุยกับเพื่อนๆหลากหลายเชื้อชาติ แก้วเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นมิตรขึ้นและเริ่มดูแลตัวเองได้แล้ว
เดือนที่หกทุกคนฉลองคริสมาสต์กันอย่างสนุกสนาน ที่ซิดนีย์ผู้คนจะให้ความสำคัญกับเทศกาลต่างๆมาก มีการแสดงและการเต้นรำในทุกๆงาน แก้วเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความสุขมากเช่นกัน หลังจากงานเฉลิมฉลองแก้วกลับมาที่ห้องก็พบกับพัสดุจากเมืองไทยวางอยู่ นั่นทำให้แก้วตื่นเต้นอย่างมาก เขาแกะกล่องออกและพบว่ามันเป็นกล่องดนตรีที่เอาไว้ใช้ไขลานแล้วมีเสียง แก้วจับมันขึ้นมาไขแล้ววางไว้ให้เสียงเพลงบรรเลงไป เขาหยิบกระดาษที่เขียนด้วยลายมือป๋าพร้อมรูปถ่ายอีกหนึ่งใบขึ้นมา
เห็นรูปไหมลูก นั่นน่ะไอ้พี่ขุนของลูกไง มันกำลังเลือกของขวัญปีใหม่ให้เรา ตอนแรกมันก็ทำท่าทางหยิ่งๆ แต่พอป๋าเคบอกจะรีบส่งมันก็บึ่งรถออกไปแล้วกลับเข้ามาตั้งกล่องดนตรีไขลานนี้ไว้ที่โต๊ะทำงาน หึ เด็กชะมัด รูปนั่นลูกน้องป๋าเคเขาแอบถ่ายไว้เอง หวังว่าแก้วจะมีความสุขนะลูก มีความสุขมากๆนะครับคนดีของป๋า แล้วปีใหม่ป๋าจะไปเยี่ยม รัก แก้วนั่งอมยิ้มในข้อความที่ได้อ่าน ในรูปเป็นพี่ขุนกำลังยืนหันข้างเลือกกล่องดนตรีอย่างตั้งใจ พี่เขาไม่เคยลืมแก้วสินะ หลังจากนั้นแก้วก็เปิดสไกป์คุยกับป๋าและได้ความว่าป๋าเคจะส่งพี่ขุนไปดูงานที่อเมริกาตอนช่วงปีใหม่ตามที่แก้วขอ แก้วยังไม่อยากเจอพี่ขุนตอนนี้ แก้วเองยังทำใจไม่ได้และยังไม่เชื่อดีว่าพี่ขุนจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีก
เดือนที่เจ็ดป๋าก็มาเยี่ยมแก้ว สองพ่อลูกไปฉลองปีใหม่กันในร้านเล็กๆน่ารักๆ แค่นั้นก็มีความสุขมากแล้ว อยู่เที่ยวกันสามวันป๋าก็กลับ หลังจากป๋ากลับไปก็ถึงเวลาของการสอบกลางภาค แก้วต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น ส่วนขุนตอนนี้เขาทำงานดีจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นประธานภาค เขาสามารถทำรายได้ให้บริษัทเป็นจำนวนมาก ซึ่งนั่นเปลี่ยนให้ขุนเพลย์บอยกลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ตอนนี้สื่อต่างๆพากันลงหัวข้อว่าขุนเป็นเพลย์บอยกลับใจที่มีคนอยากเข้าหาที่สุดในยุคนี้
เดือนที่สิบแก้วก็ได้รับข่าวดีจากทายว่าทายกับพี่วาร์ฟตกลงคบกันแล้วหลังจากที่พี่วาร์ฟตามจีบทายมานานจนคนในบริษัทรู้รวมถึงพี่ขุนของแก้วด้วย ทายเล่าว่าชีวิตรักก็ดำเนินไปด้วยดีแต่ติดอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องของเลย์ที่ยังคอยตามรังควานทายอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้แก้วกำลังทำวิทยานิพนธ์จบ อีกสองเดือนแก้วก็จะได้กลับบ้านแล้ว ตอนนี้แก้วรู้สึกเริ่มตื่นเต้นที่จะได้กลับไป แก้วไม่รู้ว่าพี่ขุนจะอยากเจอแก้วเหมือนที่แก้วอยากเจอหรือเปล่า
เดือนสุดท้ายของการเรียนแก้วปรึกษาและเร่งทำวิทยานิพนธ์จนเสร็จ ทำ case study สุดท้ายพร้อมพรีเซนต์จบเป็นอันว่าผ่านแก้วแทบจะกรีดร้องออกมาเพราะโดนแก้ไปแล้วสามรอบ แจ็คกี้เองก็เรียนจบด้วยเช่นกัน เขาสัญญาว่าจะกลับไปเที่ยวเมืองไทยสักวันหนึ่งหากมีเวลา หลังจากนั้นก็มีพิธีรับมอบปริญญานักเรียนปริญญาโท ป๋าณพเองก็บินขึ้นมาร่วมแสดงความยินดีกับแก้วด้วย หนึ่งปีที่จากมามันให้อะไรกับแก้วเยอะจริงๆ แก้วได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งเพื่อนใหม่ ได้ประสบการณ์ชีวิตชั้นเลิศ ได้ใช้เวลาไปกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่และตอนนี้สิ่งที่เขาต้องไปทำก็คือการเที่ยวพักผ่อนต่อที่นี่อีกสักอาทิตย์นึงก่อนจะเดินทางกลับบ้าน
.....
ขุน"เออ ขุนเอ้ย เดี๋ยวแกแวะไปรับคนของป๋าให้หน่อยนะ รออยู่ในรถนั่นแหละ เขาจะออกมาตอนสามทุ่ม" ป๋าบอกผม เดี๋ยววันนี้ผมอาจจะไปหาเลย์มันหลังจากไม่ได้เที่ยวนาน เลย์มันยังคงเฮิร์ทจากเรื่องน้องทายของมันอยู่ ไม่รู้จะเฮิร์ทไปถึงไหน ในเมื่อมันเองก็พาผู้หญิงมานอนอยู่ตลอด
"ครับ ผมจะแวะไปให้" ผมขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนจะออกมาผับประจำ ป๋ามักจะให้ผมไปรับแขกท่านบ่อยๆ หลังๆเราทำธุรกิจกับต่างชาติมากขึ้นและผมเองได้รับมอบหมายให้ดูแลลูกค้า
"ไงมึง มาๆๆ แต่งตัวซะหล่อเลยนะสัส" เลย์มันด่าผม ตอนนี้เรามานั่งแค่สองคน ไม่ได้มีเพื่อนคนอื่นมาด้วย
"กูต้องไปรับแขกของป๋าว่ะ คืนนี้สามทุ่ม" ผมบอกกระดกเหล้าเข้าปาก แม้จะกินมากไม่ได้แต่ขอแค่สักนิดหน่อยก็ยังดี
"นี่น้องแก้วมึงเขาจะไม่กลับมาแล้วใช่ป่ะวะ". พอเริ่มกรึ่มแม่งก็พูดแทงใจดำกูอีกแล้วไอ้เพื่อนเวร ผมเองผมก็นึกถึงมันตลอดนะ สงสัยมันจะลืมผมไปแล้วแหละ มันคงจะเกลียดผมไปแล้ว
"ไม่รู้ว่ะ ช่างแม่งมันเหอะ ไม่กลับก็อย่ากลับ" ซะที่ไหนล่ะ ผมนี่โคตรอยากเจอมันเลย
"มึงแม่งยังหลอกตัวเองอยู่อีกหรอวะ ปีนึงเต็มๆเลยนะเว่ยที่เพลย์บอยอย่างมึงไม่มีใคร" เป็นอย่างที่มันว่าแหละครับ แต่ผมแค่ไม่เจอผู้หญิงที่ผมอยากควงด้วยล่ะมั้ง ถ้าเจออย่างรตีผมไม่เอานะ เข็ด
"อย่ามารู้ดีว่ะ กูแค่หาผู้หญิงดีๆไม่ได้ก็เท่านั้น" ผมบอกมัน ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ผมยังไม่อยากมีใคร
"แต่ก่อนมึงไม่เห็นเลือกเลย โทรมาเอามึงยังทำเลย โอ๊ย" ผมโบกหัวมันไปทีนึง แม่งพูดจาไม่ให้เกียรติกันเลย นั่นมันอดีตเว่ย
"พูดมากเหี้ย แดกๆ" เรากินกันจนสองทุ่มสิบห้าผมก็ต้องเตรียมออก ระหว่างนั่งก็มีพาหญิงมานั่งบ้างครับแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่นั่งกินเหล้าเป็นเพื่อน ผมขับรถมาออกมาจากผับถึงสนามบินก็ตอนเกือบสามทุ่ม พอถึงผมก็จอดรถด้านหน้าเอาบุหรี่ขึ้นมาดูด นี่คันใหม่แล้วนะครับแพงกว่าเดิมหน่อย คันนั้นป๋าขายทิ้งไปแล้วแม้จะเสียดายแต่ผมไม่ชอบขับรถมีตำหนิ
ก๊อก. ก๊อก
ผมนั่งเปิดเพลงดูดบุหรี่จนสามทุ่มกว่าก็ยังไม่เห็นมีใครมา ผมนั่งรออีกสักพักก็มีคนมาเคาะกระจก ผมปลดล็อคได้เขาก็เปิดประตูออกแล้วขึ้นมานั่งข้างๆพร้อมกระเป๋าขนาดกลางหนึ่งใบ คนที่ป๋าให้มารับเข้ามานั่งข้างๆผมก็ลองหันไปมอง ผู้ชายตัวเล็กๆใส่สามส่วนกับเสื้อยืดตัวบางๆ สวมแว่นตาสีชา ใบหน้าขาวเนียน ปากเล็กเป็นกระจับได้รูป ไหนจะผมสีทองตัดกับผิวขาวนวลนั่นอีก ป๋าแม่งให้กูมารับใครวะเนี่ย ทอมหรือผู้ชายวะ รูปร่างแม่งดูยังไงก็ทอมชัดๆ แต่ก็คงจะเป็นผู้ชายเพราะหน้าอกแบนแต้บ แถมคงจะหน้าตาดีใช่เล่น แค่ข้างๆยังดูดี แต่ดูไปดูมาก็คุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหน ผมขับรถออกมาเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางคือบ้านป๋าณพ สงสัยพอไอ้แก้วไม่อยู่ป๋ามันก็เลยหาเด็กนอกมาออฟว่ะ ขับรถมาก็ไม่มีการพูดคุยใดๆทั้งสิ้น หรือมันอาจจะไม่ได้พูดไทยแต่ก็ช่างเหอะ นอกจากขาขาวๆที่ขยับขึ้นลงจนใจหวิวแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ ผมเลี้ยวเข้าซอยที่เคยมาส่งไอ้แก้วมันลงวันแรกที่ผมขับรถสาดน้ำใส่มัน เข้าไปจนถึงบ้านป๋า คนขับรถวิ่งมาเปิดประตู ผมขับมาจอดในบ้านตอนแรกกะจะไม่ลง แต่ป๋าออกมาเรียกผมก็เลยต้องลงมาไหว้ท่านก่อน
"ว่าไงคนดี ทำไมถึงเซี้ยวขนาดนี้หืม ใครใช้ให้เราทำผมสีทอง" ผมมองดูป๋าที่กอดกับเด็กป๋าแล้วถึงกับเบ้ปาก มีหอมแก้มกันด้วย ขนลุกซู่เลยกู เดี๋ยวนี้ถึงกับชอบผู้ชายแล้วหรอ ตัวเล็กๆแบบนี้สเป็คสินะ นี่ถ้าแก้วมันรู้มันจะว่าไงเนี่ย ที่พ่อมันคั่วเด็กขนาดนี้
"ขอบคุณนะขุนที่ไปรับน้องให้ ขอบคุณพี่เขาสิลูก" ป๋าณพพูด ผมรับไหว้ป๋าณพ ส่วนเด็กคนนั้นมันหันมามองผม แค่มองผ่านแว่นยังรู้เลยว่ามันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า มารยาททรามจริงๆ
"ขอบคุณ" มันพูดออกมาแล้ว อ้าว พูดไทยก็ได้นี่แถมเสียงแม่งคุ้นได้อีก มันยกมือไหว้ลวกๆ ผมเลยได้แต่พยักหน้ากลับ
"ไปๆ ขึ้นบ้าน ขุนจะกลับเลยไหม ทานข้าวกับลุงก่อนสิ" ป๋าณพพูด แต่ผมไม่ไหว สี่ทุ่มจะมานั่งกินข้าวอะไร ปล่อยให้เขาสวีทกันไปดีกว่า
"ไม่ดีกว่าครับผมกลับละ"
"อ่าวหรอ งั้นเจอกันพรุ่งนี้ที่ประชุมนะ ขับรถดีๆ"
"ครับ" ผมเดินลงมาสตาร์ทรถออก มองทางกระจกหลังสองคนนั้นเขาควงกันขึ้นบ้านไปแล้ว สงสัยคืนนี้จะยาว ผมขับรถกลับบ้านเลยไม่แวะไหนแล้ว กลับมาถึงบ้านก็เจอป๋านั่งรออยู่
"รับไปส่งเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" ป๋าถามผมสีหน้าปกติ
"ครับ เรียบร้อย" ผมบอกจะก้าวขึ้นห้อง
"เดี๋ยวๆ เขาเป็นไงมั่ง" ป๋าถามผมเลยต้องหยุดเดิน
"ก็เซี้ยวๆ แก่นๆ เด็กป๋าณพหรอ" ผมคิดถึงเด็กหัวทอง ยอมรับนะว่าดูดี แต่สีทองเนี่ยนะแม่งคิดได้ไง
"เออๆ เด็กรักเขาเลยล่ะ . พรุ่งนี้เตรียมตัวนะ ป๋าจะแนะนำบอร์ดบริหารคนใหม่คู่กับแก"
"ใครอ่ะ ทำไมป๋าไม่เคยบอกผม"
"ฉันเคยบอกแกแล้ว แกลองนึกดีๆ เหอะน่า ไปๆ พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้เจอกัน" ป๋าพูดแล้วลุกเข้าห้องไป อะไรวะเนี่ย ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย บอร์ดบริหารคนใหม่ก็ต้องเป็นไอ้แก้วสิวะ .. หรือว่าาาา ...
....
แก้ว"ทั้งเซี้ยว ทั้งซน ถามจริงทำไมทำผมสีทอง" ป๋าถามผมที่นั่งทานข้าวต้มอยู่ หิวมากเลยครับ ที่ใส่แว่นออกมาเพราะตาบวมมากนอนตลอดการเดินทางเลยไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
"ผมใช้สเปรย์ฉีดอ่ะป๋า อยากลองหัวทองสักวันสองวัน" ผมฉีกยิ้มหวานให้ป๋าจนโดนมะเหงกมาที
"ป๋าก็ตกใจหมดนึกว่าลูกชายสุดที่รักอยากเป็นฝรั่งมังค่าเสียแล้ว" ป๋าพูดกวนๆจนผมอดขำไม่ได้
"แล้วนี่เราไม่ได้บอกพี่เขาจริงๆหรอ" ป๋าคงถามถึงเมื่อครู่นี้ ตลกดีนะ สายตาพี่ขุนนี่เหยียดหยามผมมากเขาคงนึกว่าผมเป็นอิตัวของป๋าล่ะมั้ง
"พรุ่งนี้ก็เจอ. ถือเป็นเซอร์ไพรส์ละกัน" ผมพูดพลางคิดถึงคนที่เจอเมื่อครู่นี้ พี่เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาลืมแก้วหน้าม้าไปหรือยัง แต่ผมคนนี้ไม่ลืมเขาแน่ๆ ไม่เคยลืม
"ทานเสร็จก็รีบพักผ่อน ป๋าไม่ไหวแล้วขอตัว" ป๋าหอมหัวผมก่อนจะเดินขึ้นบ้าน ผมออกไปเปิดน้ำทานก่อนจะขึ้นบ้านเหมือนกัน ห้องของผมที่หลังๆไม่ค่อยได้เข้ายังถูกจัดอย่างดี พรุ่งนี้ถ้านมตื่นมาเธอต้องช็อคแน่ๆที่เห็นผม ผมเข้าห้องน้ำสระผมออกก็เดินมาโทรศัพท์หาทาย คิดถึงทายจัง
(( เฮ้ยย แก้ววว ถึงไทยละหรออออ )) ดูท่าทายจะตื่นเต้นมาก
"ถึงตอนสามทุ่ม คิดถึงทายมากเลยนะ เรามีของฝากให้เพียบแต่เดี๋ยวรอให้เพื่อนเมทส่งมาให้อ่ะ "
(( ไม่หวังของฝากเลยตอนนี้โคตรอยากเจอแก้วเลยเหอะ ))
"เขินนะเนี่ย เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็เข้าบริษัทไง"
(( เออ แล้วนี่เจอพี่ขุนสุดหล่อหรือยัง ถ้าเขารู้ว่าแกกลับมานะเขาคงช็อคแน่ๆอ่ะ ))
"เจอละ หยิ่งเหมือนเดิม แต่เขาจำเราไม่ได้หรอก เราฉีดผมสีทองอ่ะ เขานึกว่าเราเป็นเด็กป๋า ฮ่าาาา"
(( โอ๊ยตายละ ผมทองเลยหรอ แค่นึกก็ฮาละเนี่ย แล้วเขาจำแก้วไม่ได้เลยหรอ พรุ่งนี้เตรียมรับมือพี่ขุนไว้ได้เลยแก้วเอ้ย ไม่อาละวาด ไม่ใช่เขา ))
"อืม จำไม่ได้ สงสัยเพราะเราใส่แว่นสีกลบเกลื่อนด้วยมั้ง ถ้าเห็นตาเขาก็คงจำได้อ่ะแหละ ส่วนเรื่องนั้นคิดไว้แล้วแหละ .. แต่ก็อยากเจอแล้วนะ อยากรู้ว่าเขาจะทำยังไง"
(( โดนแน่ๆ นะวังตัวให้ดี ))
"แล้วนี่อยู่คนเดียวป่ะ หรือ อยู่กับใคร"
(( อยู่คนเดียวดิ จะให้อยู่กับใครล่ะครับ ))
"แหมะ เราก็นึกว่าตัวอยู่กับพี่วาร์ฟไง"
(( บ้าดิ ไม่มีเว่ย ไม่ได้ตัวติดกัน ))
หลังจากนั้นเราก็คุยกันสัพเพเหระจนต่างคนต่างง่วงถึงได้ยอมวาง ผมต้องทำตัวให้ชินกับเวลาที่เมืองไทยเหมือนเดิม ตอนไปออสแรกๆผมนอนไม่หลับเพราะเวลาของเขาเร็วกว่าเราตั้งสี่ชั่วโมง ผมพยายามหาเพลงฟังหาหนังดูถึงได้หลับไป พอสายๆก็ต้องตื่นไปเรียนซึ่งมันไม่ง่ายเลย .. ผมปิดไฟแล้วหยิบกล่องดนตรีขึ้นมาไขลาน ปล่อยให้ดนตรีบรรเลงไป พรุ่งนี้ผมจะได้เจอเขาแล้ว ไม่รู้ว่าผมกลัวหรือกังวลกันแน่ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ถ้าหากเจอกันแล้วพี่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรผมเลยผมจะทำอย่างไร คิดเเล้วก็กลุ้ม หนึ่งปีที่ผ่านมามันช่วยให้ผมโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ผมเลิกรักพี่เขาได้เลย
....
"พร้อมนะลูก" ป๋าถามผมตอนที่นั่งอยู่ด้านหลัง วันนี้เป็นวันประชุมบอร์ดผู้บริหาร คาดว่าพี่ขุนก็คงนั่งอยู่ด้วย
"พร้อมครับ" ผมกำลังนั่งรอให้ป๋าเคเรียกผมออกไป ตื่นเต้นเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้ผมเริ่มกลัวมากกว่า
"ผมจะแนะนำประธานภาคคนใหม่คู่กับเจ้าขุนให้ทุกคนรู้จักนะครับ เขาคือ แก้วเกล้า ลูกชายป๋าณพหุ้นส่วนหลักของบริษัทเรา" ป๋าเคพูด ตอนนี้ผมใจตุ้มๆต่อมๆ ทำไมมันตื่นเต้นขนาดนี้เนี่ย มือผมเย็นชืดจนตอนนี้สีแดงแทบไม่หลงเหลืออยู่ พอป๋าพูดจบทุกคนก็ยืนขึ้นร่วมปรบมือให้เสียงดัง ผมเดินออกไปหน้าห้องท่ามกลางความตกใจของทุกท่านในห้อง ไม่เว้นแม้แต่พี่ขุนตอนนี้ที่กำลังทำหน้าอึ้งตกใจจนผมเองก้าวขาแทบไม่ออก
"ผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" ผมพูดจบป๋าก็ให้ไปนั่งที่เก้าอี้ข้างหน้าตรงข้ามพี่ขุน ผมไม่ได้มองหน้าเขาแต่ผมรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่ส่งมา
"เอาล่ะ จบการประชุมครับ" นั่งฟังกันอีกนิดหน่อยป๋าเคก็จบการประชุม ทุกคนในห้องประชุมพากันเดินออกไปแล้วตอนนี้เหลือแค่ผม พี่ขุน แล้วก็สองป๋า
"มึงโกหกกูทำไม" เขาพูดขึ้นมาหลังจากในห้องมีเพียงแค่ความเงียบ ผมพยายามตั้งสติ ผมต้องเข้มแข็ง ผมจะไม่ใช่แก้วคนเดิมอีกแล้ว
"กูถามว่ามึงโกหกกูทำไม ห๊ะ!" เขาเดินเข้ามาหาผมด้วยความฉุนเฉียว ผมว่าถ้าป๋าเคไม่กั้นไว้เขาต้องเดินเข้ามาต่อยผมแน่ๆ
"มีอะไรค่อยๆพูดกัน อย่าขึ้นกูมึงกับน้อง" ป๋าดันเขาออก เขาเริ่มหลับตาสงบสติอารมณ์ ส่วนตอนนี้ผมเองก็ยืนสั่นเล็กๆอยู่ข้างป๋า
"ไปคุยกับกูในห้อง ป๋า ผมขอคุยกับมันแค่สองคน" พี่ขุนพูด ผมหันไปมองป๋าแล้วพยักหน้า เขาคงไม่ใจร้ายถึงขนาดฆ่าผมหมกห้องหรอกมั้ง
"คุยก็คุยกันดีๆ ขุนเองก็รู้แล้วนี่ว่าตอนที่ขาดน้องไปมันทรมานขนาดไหน" ป๋าพูด พี่ขุนไม่ได้ตอบแต่เดินนำออกไป ผมก็เดินตามออกมา ระหว่างทางเจอพี่ๆมีบางคนก็จำผมได้ บางคนแทบจะมองผมเป็นคนแปลกหน้า เพาะผมไม่ได้แต่งหน้ามาแล้วเขาก็คงจำผมไม่ได้หรอกว่าผมคือแก้วหน้าม้าคนเดิม
"เอาล่ะ .. กูไม่รู้ว่าจะพูดไงดีที่มึงไม่ได้มีหน้าตาขี้เหร่เหมือนก่อน แต่กูอยากพูดเรื่องที่มึงหนีกูไป ปีนึงเต็มๆ มึงทำได้ไงวะแก้ว มึงไม่รู้หรอว่ากูขับรถตามมึงจนรถชนขนาดนั้น" เขาเดินไปที่กระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวกรุงเทพในตอนกลางวันได้ดีแล้วพูดออกมาไม่ได้มองมาทางผม
"ผมรู้" ผมบอกเขา ใช่ผมรู้ รู้แล้วจะทำอะไรได้ ในเมื่อเขาพูดเองว่าไม่ได้รักผม
"มึงรู้แต่มึงก็ยังจะไป" เขาพูดเหมือนผมเป็นคนผิดมาก ก็เพราะเขาไม่ใช่หรอ ผมถึงได้อดข้าวอดน้ำจนเกือบป่วย
"พี่จะมาพูดแบบนี้ทำไม พี่เคยสนใจผมด้วยหรอว่าจะอยู่หรือจะไป" ผมถามเสียงแข็ง เขาหันหน้ากลับมาแล้วเดินมาหาผมที่ยืนกำมืออยู่
"ทุกอย่างมันเป็นเพราะมึง ที่กูเกือบตายก็เพราะมึง" เขาก้าวมาจนชิดกับผมแล้วจับแขนสองข้างแน่นจนเจ็บ เมื่อไหร่เขาจะเลิกอารมณ์ร้ายสักที
"ถ้าทุกอย่างเป็นเพราะผม ผมก็ไปแล้วไงครับ ผมไปจากพี่แล้ว ถ้าผมเป็นตัวซวยพี่ก็อย่ามายุ่งกับผม ก็แค่นั้น เราไปหย่ากันเลยไหมล่ะ ง่ายดี จะพรุ่งนี้หรือจะวันนี้ดี" ผมถามจ้องตาเขาที่กำลังเดือดเป็นไฟ เขาโกรธมากจนหน้าแดง ตอนนี้เขาบีบแขนผมจนผมเจ็บไปหมดแล้ว
"กูไม่หย่ากับมึงหรอกแก้ว มึงจำไว้เถอะว่าที่กูไม่หย่าไม่ใช่เพราะหลงใหลหน้าตาของมึง แต่กูแค่อยากให้มึงเจ็บที่ต้องเห็นกูมีคนอื่นในขณะที่คบกับมึง เอาเหมือนก่อนไหมล่ะ รตีไง อยากได้แบบนั้นใช่ไหม ห๊ะ" เขาบีบผมแรงขึ้นอีก ตอนนี้เรากำลังทำสงครามกันอยู่ใช่ไหม ได้สิ อยากเล่นแบบนี้ก็ได้
"คิดว่าพี่มีคนอื่นได้ แล้วผมจะมีบ้างไม่ได้หรอครับ" ผมบอกอย่างท้าทาย ตอนนี้เรากำลังแข่งกันจ้องตา ไม่มีใครยอมใคร
"ก็ลองดูสิ ถ้ามึงกล้า" เขาปล่อยแขนผมอย่างแรง ส่วนผมตอนนี้ใจไม่ดีเลยครับ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมไม่ยอมหรอก
"พี่ก็คอยดูละกัน" ผมพูดแล้วเดินออกมาจากห้องนั้นเลยไม่หันกลับไปมองอีก ผมไม่ได้ยินเสียงโวยวายอะไรจากในห้องแสดงว่าพี่เขาโตขึ้นเยอะแล้ว ปกติถ้าเป็นแบบนี้เขาอาจจะทำร้ายผม ทำลายข้าวของ ไม่ก็จบลงด้วยเรื่องบนเตียง แต่นี่เขารู้สึกอดทนอดกลั้นไว้ได้แสดงว่าเขาเริ่มมีความอดทนมากกว่าเดิมเยอะแล้ว
.
"เป็นไงบ้างแก้ว พี่ขุนว่าไงบ้าง" ผมกลับมาห้องใหม่ทายก็รีบเข้ามาหาผมทันที ตอนนี้ผมมีที่นั่งเป็นของตัวเองแล้ว ไม่ได้เป็นเลขาเหมือนแต่ก่อน
"ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" ผมบอกทาย ทายก็ทำตาโต คงคิดสินะว่าคุยกับพี่ขุนมันจะง่าย. ก็อย่างที่ทายว่า ถ้าไม่อาละวาดก็ไม่ใช่พี่ขุน
"มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ" ทายจับมือผมเป็นกำลังใจ ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้ทาย สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์เข้า
"ครับป๋า" เบอร์ป๋าเคโทรมาครับ
(( ขุนมันมาบอกป๋าให้หาฤกษ์แต่งงานให้ เราจะว่าไงลูก ))
"เขาบอกแบบนั้นหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่ป๋าจะจัดการครับ" ผมตอบ ก็ไม่ผิดจากที่คิดไว้เท่าไหร่
(( ถ้างั้นป๋าจะได้รีบหาฤกษ์ ดีแล้วลูก ดีกันก็ดีแล้ว ))
"ขอบคุณครับป๋า"
วางสายไปแล้ว ผมก็ได้แต่ขำคำป๋าอยู่ในใจ ดีกันกับผีสิครับป๋า ลูกป๋าแทบจะฆ่าผมตายอยู่แล้วเนี่ย ผมนั่งคิดในใจ ต่อจากนี้พวกเราคงไม่ได้ดำเนินไปตามแผนการของสองป๋าแล้วสินะครับ แต่มันกำลังดำเนินไปในทิศทางของผมกับพี่ขุนเท่านั้น แล้วตอนนี้พี่ขุนก็ดันมาติดกับผมแล้วเสียด้วย ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าใครจะเป็นคนสติแตกก่อนกัน ..
- ♛ ขุนแผน ปะทะ แก้วหน้าม้าเดอะซีรีย์ ♞ -
ขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวังนะคะ ที่เราเขียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร
หนึ่งปีผ่านเร็วไปมั้ย ตอนแรกว่าจะเขียนแค่คำว่า 1 ปีผ่านไป แต่ว่ามันคงน่าเกลียดเกิน
ส่วนคอมเม้นของทุกคนเราอ่านหมดแล้วนะคะ จะพยายามแก้ไขทุกส่วนให้หมด
แต่พล็อตเราไม่เปลี่ยนน้า ใครอยากให้รีไรท์ก็กดโหวตโพลเอาเน่อ
หวังว่าทุกคนจะให้อภัยค่ะ
ตอนนี้ดีไม่ดีเม้นบอกได้เลยนะคะอยากรู้มาก
ขอบคุณค่ะ