( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 485166 ครั้ง)

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
โอ้ยยยยยย พี่อาฟ น้องเมด ท็อปฟอร์มทั้งคู่ไปเล้ยยยยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ afuse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากเลยค่ะ น่ารัก


ป.ล.อ่านแล้วแอบคิดว่าอิมเมจเป็นวนว อิ้อิ้ ฟิน

ออฟไลน์ jbook

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :hao6: สนุกมากเลยจ้า

ออฟไลน์ duckka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ง๊าาาาาาาาาาา กำลังติดเลยยยยย
อ่านจนวางไม่ลงเพราะหลงเมดกับพี่อาฟ :katai3:

ออฟไลน์ ffern

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ๋อยยยยพี่อาฟ เขินไปหมดเเล้วเนี่ย  :-[

ออฟไลน์ aft22423

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ปกติตัวเราเองเป็นคนที่ชื่อแปลกอ่ะนะ ไม่เคยเจอใครชื่อเหมือนเลย จนมาเจอจนได้!!! พระเอกชื่อเล่นเหมือนเราเลยคร้าาาาาา อ่านไปก็แปลกๆไป5555555

แล้วก็อ่านรวดเดียวจบ ชอบมากจ้า ไว้มีเรื่องใหม่จะมาติดตามอีกน้าาาา อ่อ รอตอนพิเศษ 2 3 4 5 6 ... ด้วย อิอิ

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
เรื่องนี้ได้แนวคิดเรื่องความรัก แบบคนเราคงกันต้องคิดหลายๆด้าน บางตอนเราอ่านก็เชียร์ทีมนี้ พออ่านมุมมองของอีกคน ก็เออว่ะ ชอบมากๆค่ะ

ออฟไลน์ Maeo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากๆ เลยค่ะ
อยากได้แฟนแบบพี่อาฟ อบอุ่น ละมุนเวอร์
 :กอด1:

ออฟไลน์ chaoyui

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
อาฟดีจังเลยอะ เมดโชคดีมากจริงๆ

ออฟไลน์ Piiiimsen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากกก ชอบผู้ชายแบบอาฟ น่ารักไม่ไหวแล้วฮือออ ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ แงงงง ชอบอาฟกับเมดมากกก รักๆๆๆ  :mew1: :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ฉลองวันเด็กให้เด็กชายอารยะเหรอน้องเมด

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่อยากให้จบ อยากติดตามชีวิตกลุ่ม throw up ไปแบบนี้เรื่อยๆเลยคะ

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ชอบมากกกกกก  มีหลากหลายอารมณ์ มาอ่านรวดเดียวจบ...ฟินมากกก

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ chonaun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากๆครับ :katai2-1:

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
 
 
ตอนพิเศษที่ 2

‘ เสาร์นี้กูกลับบ้านนะ ’ คำพูดที่ได้ยินเป็นครั้งที่สิบ ผมทำทีเป็นไม่สนใจและไม่แม้จะตอบตกลงอะไรทั้งนั้น แต่บางทีอาจเพราะการไม่ตอบตกลง คนที่รู้จักกันดีอย่างดีแบบคนที่กำลังนั่งกินเครปในมือพลางใช้นิ้วจิ้มทำงานบนหน้าจอไอแพตไปด้วยนั้นก็เลยยังคงคะนั้นคะยอที่จะต้องการคำตอบ ‘ คนแบบมึง ถ้าไม่ได้รับคำตอบว่าไปสิ พอถึงวันจะไปจริงๆ มึงก็จะบอกว่า ใครบอกให้ไป แล้วก็เอาข้ออ้างสารพัดมาอ้างกับกู จะพากูไปนู้นไปนี่บ้างละ เพราะงั้นกูเลยต้องเอาคำตอบจากมึงให้ได้ว่าจะให้กูไป ไม่งั้นกูก็จะไม่หยุดพูดเด็ดขาด ’

รู้ดี และ ร้ายกาจขึ้นทุกวันจริงๆ ไอ้แก้มอ้วน

“ แต่กูไม่มีทางให้มึงไปหรอก ” ความคิดที่ถูกเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องทำงานบนชั้นสาม ทำให้คนที่กำลังกินและทำงานไปด้วยคนนั้น เลิกคิ้วมองกันอย่างสงสัย “ มองไร ”

“ มึงนั่นแหละเป็นเหี้ยอะไร อยู่ๆพูดขึ้นมาคนเดียว ผีเข้าเหรอ ? ”

“ ส่วนมึงก็ผีตะกละเข้าถูกมั้ย ” เอื้อมมือไปเขี่ยเศษเครปที่ติดอยู่ข้างแก้มออก ผมเผลอยกยิ้มกับปฎิกริยาตอบกลับของมันที่ก็ยกมือตัวเองขึ้นปัดหน้าแบบวุ่นวายไปหมด เพราะคิดว่ายังคงมีเศษขนมติดอยู่ “ กูลงไปข้างล่างนะ ”

“ อื้ม เดี๋ยวกูจะลงตามไป วันนี้มีเช็คเหล้ากับเด็กๆ ”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับให้มันก่อนจะเดินออกมา ผมเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ในห้องคนเดียวอย่างเช่นทุกที แล้วตอนที่กำลังปิดประตูลง ก็ต้องเผลอยิ้มออกมาเหมือนทุกครั้ง ที่ได้แอบมองกันแบบนี้

ผมรู้เรื่องการกลับบ้านของเมดตั้งแต่วันที่เราไปเที่ยวทะเล จำได้ว่าพอลืมตาตื่นขึ้นมา ช่วงเวลาที่กำลังจะดึงคนข้างตัวเข้ามากอดแล้วหอมแก้มเหมือนทุกที ผมกลับพบว่าเมดอาบน้ำเสร็จแล้วและกำลังนั่งดูเมนูอาหารอยู่ปลายเตียง ความหงุดหงิดแรกเริ่มคืบคลานเข้ามาหาเพราะอดที่จะได้ทำอะไรตามปกติที่อยากทำ แต่ทว่าความหงุดหงิดของจริงมันเริ่มต้นตอนที่เมดหันมายิ้มให้กัน แล้วพูดว่า ‘ เมื่อกี้พ่อกูโทรมา พ่อบอกให้กลับบ้านบ้าง กูเลยจะกลับบ้านเสาร์นี้นะ ’

ในตอนนั้นผมตอบมันแค่ว่า ‘ ไม่ให้กลับ ’ ก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปจูบที่ริมฝีปากสีสวยนั่นแล้วลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำ แต่ในสถานการณ์อย่างงั้นเมดคงไม่คิดหรอกว่า ผมพูดจริง และไม่ได้โกหกมันแต่อย่างใด

“ อ้าวสัดพี่ กูคิดว่ามึงจะลงมาพร้อมพี่เมด ” น้องชายผมเงยหน้าขึ้นถาม พลางเช็ดแก้วเหล้าในมือไม่มีหยุดในตอนที่เห็นกัน ผมเองก็ไม่ได้ตอบอะไรกับคำทักทายนั่น แต่กลับหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเพื่อนสนิทที่กำลังเขียนอะไรสักอย่างในกระดาษ มันคงเป็นแผนงานของผับที่มันกำลังร่างไว้คร่าวๆ สำหรับงานฝ่ายการตลาดในเดือนถัดไปของ throw up

“ เอาอะไรเบาๆมาแก้ว ”

“ แก้วเปล่ามั้ยครับคุณลูกค้า ” บอกกันยิ้มๆ แบบกวนตีนชวนให้อยากจะยกเท้าขึ้นถีบ ผมมองหน้าน้องชายตัวเองนิ่งๆ เป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนสนิท

“ มึงยังไม่รู้ตัวอีกนะสัดเดย์ ” เจเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยกยิ้มแล้วส่ายหน้า

“ หน้ากูเหมือนเพื่อนเล่นมึงมากเหรอเดย์ ”

“ โอเค วันนี้ไม่เล่นเนอะ ” น้องชายผมตอบยิ้มๆ “ เพราะงั้นก็คือหน้าไม่คล้ายเพื่อนเล่นแต่คล้ายๆพี่ชายกูมากกว่าแหละ ”

“ มึงสั่ง mojito สิ แล้วให้ไอ้เดย์ผสม blue label เข้าไป โคตรเด็ดเลยนะ วันก่อนมันทำให้กูกิน ”

“ จัดมา ” เชิดหน้าไปบอกน้องชายก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบแก้วขึ้นมาจากชั้นวางเพื่อเริ่มทำค๊อกเทลที่สั่ง

“ หนักบลูหน่อยนะสัดพี่ เข้มขึ้นอีกระดับจากของพี่เจ ”

“ อื้ม ”

“ อ้าวเฮีย ลงมาเร็วจังวะคิดว่าจะมาพร้อมพี่เมด ” ไอ้อัยย์ที่เอ่ยทัก มันเดินมายืนข้างเพื่อนซี้ตัวเองแล้วยิ้มให้กัน ส่วนผมที่ได้แต่มองพวกมันก็ได้แต่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม

“ แล้วทำไมกูต้องลงมาพร้อมไอ้เมด ลำไส้ใหญ่กูติดกับมันรึไง ”

“ แหม มึงก็กล้าพูดคำนั้นนะสัดพี่ เอาจริงๆถ้าสำไส้พวกมึงสองคนผูกติดกันได้ ตอนนี้มันคงผูกติดกันไปแล้วละ เพราะกูก็เห็นว่าพี่มึงตามติดพี่เมดของกูประดุจเจ้ากรรมนายเวรเลย ไปไหนมาไหนไปส่งตลอด ลืมตาตื่นขึ้นมาเจอเธอเป็นคนแรก แล้วก่อนจะหลับตานอนก็เจอเธอเป็นคนสุดท้าย  ” เสียงเหมือนคนตอแหลที่เอ่ยล้อชวนให้เราที่อยู่ตรงนั้นหลุดยิ้ม

“ มึงมีเหรียญบาทติดมาสักเหรียญมั้ย ” หันไปถามไอ้เจ มันก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าอย่างไม่รีรอแล้วตอนที่ยื่นมาให้ ผมก็หยิบมันส่งต่อไปให้น้องชายตัวเอง

“ อมไว้เดย์  เผื่ออีกเดี๋ยวมึงจะได้ลงไปนอนเล่นในโลงศพ ”

“ เก็บไว้ใส่ปากมึงเถอะไอ้สัดพี่ ” เดย์ทำทีเป็นมองผมด้วยสายตาที่กำลังเครียดแค้นพลางหันไปบอกเพื่อน  “ สัดอัยย์ มึงไปเอายาฆ่าหญ้ามาให้กู กูจะผสมเหล้าให้มันแดก ”

“ ปัญญาอ่อน ” ผมว่าก่อนจะคืนเงินที่อีกคนไม่ได้รับไปคืนเจ้าของ แล้วตอนนั้นไอ้เจก็เอ่ยถามกัน

“ ได้ข่าวเสาร์นี้ไอ้เมดกลับบ้าน ”

“ ข่าวไวจัง” ผมพูดเสียงเบาในตอนนั้นแก้วค๊อกเทลที่สั่งก็ถูกยกมาวางไว้ตรงหน้าพอดี ผมยกมันขึ้นดื่มก่อนจะพยักรับกับความชัดเจนของรสแอลกฮอล์ที่ผสมลงไปซึ่งถูกใจกว่าแบบปกติที่เคยกิน

“ ก็เสาร์นี้วิวมันไม่ได้มาอยู่กับกู เห็นบอกว่าจะกลับบ้านพร้อมไอ้เมด”

“ อื้ม ” พยักหน้ารับก่อนจะวางแก้วนั่นลงตรงหน้า “ แล้วมึงรู้ใช่มั้ย ว่าไอ้เมดจะขับรถไปเอง ”

“ รู้ ” พูดแบบนั้นก่อนจะหันมาเหล่มองกันแล้วยกยิ้มให้ “ เป็นห่วงเหรอครับเพื่อนอาฟ ” ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่คิดว่าเจคงเดาคำตอบนั่นได้ “ ไม่เอาน่าสัด ไอ้เมดมันก็ขับรถได้ ”

“ แต่ที่มึงไม่รู้ คือมันขับล่าสุดตอนวันที่กูป่วย แล้วมีรถมากกว่าสามคันที่มันเกือบจะไปชนท้าย เพราะยังกะระยะความห่างของตัวรถที่ขับกับคันข้างหน้าไม่เป็น ”

“ กูถามจริง ” ผมยกยิ้มกับคำถามนั่นก่อนจะถอนหายใจออกมา พลางยกแก้วที่ตรงอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง

“ มึงไปส่งมันหน่อยสิ ”

“ ได้ไงละไอ้สัด กูเคยเจอพ่อแม่มันที่ไหน ” เจบอกปัด “ แล้วทำไมมึงไม่ไปเอง ก็ไหนๆจะต้องแนะนำตัวเองกับพ่อไอ้เมดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไปมันวันพรุ่งนี้เลยสิ ”

“ กูต้องพามันไปหาพ่อแม่กูก่อน ”

“ ไม่ต้องตามแผนมากก็ได้มั้งสัดอาฟ บางทีอะไรๆมันก็ไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่มึงคิด ลดหย่อนชีวิตหน่อย ไปก่อนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ”

“ แต่กูว่าเป็นนะ ” เดย์ที่ยืนอยู่ด้านหน้าเราพูดขัด “ พ่อกูบอกกับสัดพี่ในรถวันที่กลับจากสิงคโปร์ว่าให้มันพาพี่เมดมาที่บ้านเราก่อน พอรู้จักกับพ่อกับแม่เราแล้ว ค่อยไปแนะนำตัวเองกับบ้านพี่เมด เพราะไม่อย่างงั้น ถ้าพ่อพี่เมดถามว่า แล้วพ่อแม่คุณอยากจะรับลูกชายผมเข้าไปในครอบครัวเหรอครับ สัดพี่มันจะได้ตอบได้เลยว่า รับครับ พี่เมดเข้ากับครอบครัวได้ดีมาก ทางบ้านพี่เมดจะได้วางใจและมั่นใจกับความรักของมันสองคน เพราะว่าทางสัดพี่จะไปเอาลูกชายเค้ามาทำเมียอะ พ่อว่า ”

“ ประโยคหลังมึงน่าจะเติมเองมั้ย ” เจถาม น้องชายผมก็ได้แต่ยิ้มกว้าง

“ เอาน่าพี่เจ มันก็คล้ายๆกันเปล่าวะ ”

“ ไม่คล้าย  เพราะพ่อมึงไม่มีวันพูดแบบนี้อะสัด ” เจหันมามองหน้าผมหลังจากจะพูดคำนั้น มันถอนหายใจออกมา “ ถ้าเหตุผลนั้นกูก็เห็นด้วยกับพ่อนะ เพราะเหตุผลที่เค้าพูดมันก็ถูก พ่อแม่ไม่ได้มองว่าเรารักกันหรือเปล่าอยู่แล้ว เค้ามองหลายเรื่อง โดยเฉพาะอนาคตของลูกชายเค้า  งั้นมึงก็พาเมดเข้าบ้านไปสิ ” ท้ายประโยคสิ้นคิดนั่นชวนให้ผมถอนหายใจอีกครั้ง

“ คิดหน่อยสัดเจ พรุ่งนี้วันเสาร์แล้ว มึงจะให้กูปลุกแม่กูตอนตีสามเพื่อแนะนำเมดหรือไง ” เพื่อนผมหลุดหัวเราะตอนที่ได้ยินคำนั้น

“ แล้วกูก็คิดว่าแม่มึงจะยิ่งไม่โอเคกับเมด ถ้ามึงทำแบบนั้นจริงๆ ” ได้แต่ถอนหายใจออกมาตอนที่เพื่อนพูดคำนั้น คำที่บอกว่า ‘ ไม่โอเคกับเมด ’

“ มึงคิดว่าแม่กูเป็นคนยังไงวะ ” คำถามที่ทำให้เจเงียบไปสักพัก มันยกยิ้มในช่วงเวลานั้นราวกับกำลังคิดคำตอบในสิ่งที่ผมถาม แต่ก่อนจะตอบอะไรออกมาก็ไม่วายหันมาแซวกัน

“ เป็นห่วงที่สุดในชีวิตแล้วใช่มั้ยกับคนนี้ ”

“ เสือก ” ผมตอบมันก่อนจะยกแก้วค๊อกเทลตรงหน้าขึ้นมากินกลบเกลื่อน “ กูถามก็ตอบมาเถอะสัด ”

“ ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวย แล้วก็รักลูกชายสองคนนี้มากๆ ” คำตอบสั้นๆนั้นชวนให้ผมนิ่ง “ มึงรู้คำตอบอยู่แล้วสัดอาฟว่าแม่มึงเป็นยังไง ไม่ต้องให้กูพูดหรอก ครอบครัวมึง มึงเหรอจะไม่รู้ แล้วจะพยายามทำให้ตัวเองสบายใจด้วยการหาคำตอบจากปากคนอื่นไปทำไม ”

‘ ก็จริง ’ ผมตอบตัวเองอยู่ในใจตอนที่อีกคนถาม

“ แต่ที่กูอยากพูด ในฐานะเพื่อนมึงที่รู้จักกับครอบครัวมึงมาตั้งแต่เด็กๆ ครอบครัวมึงไม่มีใครเลวร้าย แต่เรื่องบางเรื่องมันละเอียดอ่อน เราเลยต้องให้เวลาเค้าเพื่อทำความเข้าใจ และมึงจะรีบไม่ได้  จะให้แม่มึงเจอเมดครั้งแรกแล้วรักแล้วเอ็นดูตั้งแต่วินาทีแรก มันยาก ต่อให้เมดเป็นผู้หญิงกูว่ายังยากเลย แล้วนี่เป็นผู้ชายอะ ” เจบอกกันแบบนั้น ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหันมามองผม “ เรื่องบางเรื่องมึงรีบไม่ได้หรอก แล้วต้องเข้าใจด้วยว่า ความรักมันแสดงออกมาได้หลายแบบ ความรักของพ่อแม่ก็เหมือนกัน บางแบบก็อาจจะไม่ถูกใจมึงบ้าง แต่ก็อย่าได้หงุดหงิดไปก่อนแล้วกัน ” 

“ ถึงจะยากมากสำหรับคนอย่างสัดพี่มึงก็เถอะนะ ” เดย์เสริมขึ้น ก่อนจะยักคิ้วให้กันตอนที่ผมหันไปมองหน้ามัน

“ กูว่าความรักที่มึงให้เมดจะพูดว่ามันเหมือนกับความรักที่แม่มีให้มึงก็ได้นะ หรือจะพูดว่ามันต่างกันก็ได้ ยกตัวอย่างง่ายๆก็เช่น มึงเองรู้ดีว่าการขับรถมันต้องฝึกออกถนนแล้วเผชิญกับปัญหาถึงจะเก่ง แต่มึงก็เป็นห่วงมันอยู่ดีเลยไม่ยอมไม่ให้ขับไปไหน ยอมไปรับไปส่งเอง แล้วแม่มึงก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าลูกรักเค้ามาก แต่ความกลัวที่รู้สึกว่าลูกชายต้องเผชิญหน้ากับสังคมที่มองว่าลูกชายเราชอบผู้ชายด้วยกัน มันก็ต้องมีอยู่แล้ว และทั้งมึงทั้งแม่ก็มีเหตุผลเดียวกัน นั่นคือ เป็นห่วงคนที่ตัวเองรัก กูพูดถูกมั้ย ”

“ เฉียบทุกคำ ” น้องชายผมพูดเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้คนพูดที่ก้ยักคิ้วเป็นการตอบรับ

“ แต่คำว่าเป็นห่วง มันก็เหมือนกับเชือกที่พันตัวคนที่เรารักไว้นั่นแหละสัด ยิ่งให้ไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งอึดอัดมากเท่านั้น ” เจเอื้อมมือมาตบไหล่ผม “ ปล่อยมันไปเถอะน่า โดยเฉพาะเรื่องขับรถของไอ้เมด เพราะเดี๋ยวถ้ามันชนกับใคร มันก็โทรมาหามึงให้จัดการให้เองนั่นแหละ ”

“ กูกลัวมันจะไม่แค่นั้นนะสิ ”

เพราะถนนทางกลับบ้านของเมดเป็นเส้นถนนทางหลวงเส้นใหญ่สี่เลน รถส่วนใหญ่เมื่อหลุดออกจากความวุ่นวายของเมืองหลวงก็มักจะเหยียบอัดคันเร่งกันแบบเต็มแรงในเส้นทางนั้น ลำพังคนขับไม่เก่งอย่างมันชิดซ้ายไว้ก็คงไม่เป็นไร แต่ผมก็แค่กังวลว่าถ้าเกิดในกรณีที่มันโดนขับปาดหน้าด้วยรถใหญ่แล้วตกใจจนเผลอเหยียบเบรค จนรถคันหลังสอยท้ายรถของมันแล้วอัดเข้ากับคันหน้าอย่างจังมันจะยังมีโอกาสโทรมาหากันได้อยู่มั้ย

 ยังไม่นับว่าถ้าต้องอยู่จุดยูเทิร์น มันจะตัดสินใจได้มั้ย ว่าตอนไหนมันควรออกตัว หรือไม่ควรออกตัว แล้วสัญญาณไฟสูงที่รถจะกดเพื่อบอกเป็นสัญลักษณ์นั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมดจะเข้าใจได้มั้ย ว่าเค้าให้มันไป หรือเค้าให้มันจอด

ถอนหายใจออกมาอีกครั้งตอนที่คิดเรื่องวุ่นวายนั่นไม่มีหยุดหย่อน ผมตัดสินใจลุกขึ้นจากบาร์ แล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสามไปโดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกที่เอ่ยถามกันว่า ‘ จะรีบไปไหน ’  ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็แค่ต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างตรงไปตรงมา

“ อ้าวมึง ” เสียงสบถของคนที่ผมอยากพูดด้วยเปิดประตูห้องออกมาพอดี เมดคงกำลังเดินลงไปข้างล่างเพื่อเช็คเหล้าอย่างที่มันบอก เพราะมือข้างหนึ่งนั้น ถือเอกสารชุดหนึ่งเอาไว้ แต่ทว่ามันที่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากถามหรือพูดอะไรกลับโดนผมดันร่างให้เดินเข้าไปด้านในก่อนจะก้มลงพูดเสียงเรียบ

“ เก็บของ แล้วกลับคอนโด ”

“ ห๊ะ ? ” อ้าปากค้างแล้วเงยมองกันแบบงงๆ ผมก็ถามย้ำ

“ กูบอกว่าไปเก็บของ เราจะกลับคอนโดกัน ”

“ เดี๋ยวสิมึง วันนี้กูมีเช็คสต๊อกเหล้านะ แล้วเสาร์อาทิตย์กูก็ลางานไว้ด้วย ”

“ ค่อยกลับมาทำวันจันทร์ ” บอกมันแบบนั้นอีกคนที่ก็ยังมีท่าทางงงๆอยู่ก็ได้แต่ยอมเดินไปหยิบไอแพตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพร้อมของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าผ้า เมดหันมาถามกันเสียงเรียบ

“ มีอะไรเปล่าวะ ” ไม่ได้ตอบอะไรกับคำถามที่อีกคนส่งสายตาสงสัยมาให้ ตอนนั้นผมแค่โยนกุญแจรถตัวเองให้แทนคำตอบ

“ วันนี้กูจะให้มึงขับรถกูกลับคอนโด ”

“ ไม่เอา!! ” เสียงปฎิเสธมาพร้อมกุญแจรถของผมที่ถูกโยนกลับมา เมดส่ายหน้า “ รถมึงคันละเกือบสินล้าน กูขับรถกูไปเฉี่ยวรอยเท่าแมวข่วนยังเก็บกูเป็นแสน ถ้ากูขับรถมึงขึ้นฟุธบาทไปชนเสาไฟฟ้าขึ้นมา มึงไม่คิดกูร้อยล้านเลยรึไง ไม่เอาอะ ”

“ แล้วแบบนี้พรุ่งนี้มึงจะขับรถกลับบ้านได้ยังไง ”     

“ ขับได้ เพราะนั่นมันรถกู ” เหตุผลของคนตรงหน้าชวนให้ผมถอนหายใจออกมา แล้วก็ยิ่งถอนหายใจหนักขึ้นไปอีกตอนที่ได้ฟังประโยคต่อมา “ อีกอย่างถ้าเกิดว่าเกิดอะไรขึ้นมา รถกูมันก็มีประกันอยู่แล้ว ค่อยเรียกประกันมาแล้วกัน ”

“ ไม่คิดว่าจะถึงบ้านอย่างปลอดภัยเลยรึไง ”

“ ก็คิด แต่กูสมมุติไง สมมุติว่า ถ้ามันมีอุบัติเหตุขึ้นมา รถกูมันก็ยังเป็นของกู มันก็สบายใจกว่า เพราะมันไม่ใช่รถมึง ”

บางทีก็ดูเหมือนว่า เรื่องนี้จะมีแค่ผมคนเดียวที่ยังคงทุกข์ร้อนและเครียดกับการขับรถกลับบ้านของมันในวันพรุ่งนี้ เพราะคนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาตัวจริง ยังคงยิ้มแป้นให้กันอย่างไม่คิดกังวลถึงสิ่งใด ทั้งๆที่มันไม่ได้ขับรถนานแล้ว แถมยังจะต้องมีอีกหนึ่งชีวิตนั่งไปด้วย แต่เมดก็ยังคงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น หนำซ้ำยังเอ่ยบอกผมเสียงหนักแน่นด้วยรอยยิ้มราวกับจะบอกว่าอย่าใส่ใจ

“ กูขับได้น่า ”

“ ไม่ไปได้มั้ย ” สุดท้ายก็พูดคำที่อยากจะพูดออกไปในที่สุด

ไม่บ่อยนักหรอก ที่ผมจะเป็นแบบนี้ ไม่บ่อยนักที่คนอย่างผมจะจดจ้องลงไปในแววตาเรียวนั้นอย่างจริงจังแล้วเอ่ยพูดคำพูดเชิงอ้อนที่ตัวเองไม่ถนัดเอาเสียเลย การกระทำที่แสนจริงจังทำให้อีกฝ่ายนิ่งไป แววตาที่สดใสและมั่นใจผ่อนลงและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด  อาจเพราะเมดรู้ดี ว่าถ้าผมไม่ต้องการจริงๆ ก็คงไม่ทำอะไรแบบนี้ แต่ทว่าครั้งนี้มันกลับไม่ได้ตามใจผมเหมือนทุกครั้ง เมดส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“ ยังไงก็ต้องไป ” พูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงอ้อนกลับ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปทางอื่นแล้วสบถ

“ ดื้อชิบหายไอ้สัด ”

“ กูไม่ได้ดื้อ แต่มันจำเป็นไงมึง ” เมดอธิบายก่อนจะยื่นมือมาดึงหน้าผมให้หันไปเผชิญหน้ากัน “ ฟังกูนะอาฟ คือกูไม่ได้กลับบ้านนานมากแล้ว พ่อก็เลยมีหลายเรื่องที่จะคุยกับกู ”

“ เรื่องกูด้วยใช่มั้ย ” ผมถาม อีกคนก็นิ่งไปก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ก็นิดนึง ” รอยยิ้มที่ส่งมาให้กัน เมดหย่อนตัวลงนั่งที่ขอบโต๊ะข้างตัวผมที่ยืนอยู่ “ ตั้งแต่คบกับมึงมาเงินในบัญชีกูแทบไม่ได้ถูกถอนออกเลย ทั้งๆที่ปกติยังไม่ทันสิ้นเดือน เงินกูเหลือไม่เคยถึงพันแล้วพ่อที่เช็คเงินกูตลอดก็จะโอนเข้ามาเพิ่มไว้ให้ตลอด แต่คงเพราะหลายเดือนมานี่ เงินกูเต็มบัญชีตลอด พ่อก็เลยคงถามวิวแหละ แล้ววิวก็คงบอกไปแล้วว่า กูมีแฟนใหม่แล้ว ”

“ จะให้กูขับไปมั้ย ไปแนะนำตัวกับพ่อมึง ”

“ ไม่ต้องๆ ” เมดโบกมือปฎิเสธ ผมก็ได้แต่จ้องมัน “ คือกูคิดว่า กูอยากไปคุยกับพ่อแบบส่วนตัวก่อน อยากไปเล่าเรื่องของมึงให้เค้าฟัง ให้เค้ารู้สึกมึงแบบเบื้องต้นก่อน แล้วค่อยพามึงเข้าไปแนะนำน่ะ ”

“ งั้นกูจะให้ไอ้อัยย์ไม่ก็ไอ้เดย์ไปส่งมึง ”

“ นั่นก็ไม่ต้อง ” ยังคงปฎิเสธแบบเดิมด้วยท่าทางเดิมๆ ผมขมวดคิ้วมองมันคราวนี้สีหน้าหนักใจของเมดฉายชัดยิ่งกว่าต้องอธิบายคำถามไหนที่เคยถามมา

“ ยังไงอีก ” ถามมันสั้นๆ อีกคนก็ยิ้มแห้งๆให้กัน “ กูให้มึงครึ่งทางแล้วนะเมด ไม่อยากให้ไปก็จะไป พอกูจะไปส่งก็บอกอยากคุยกับพ่อแค่สองคนก่อน แล้วพอจะให้ไอ้อัยย์ไอ้เดย์ไปส่ง มึงก็บอกไม่ต้องอีก คราวนี้ยังไงอีกเหตุผลของมึง ”

“ กูกลัวโดนพ่อด่า ” มันว่าแบบนั้นก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น “ คือมึงเข้าใจมั้ยว่าพ่อกูซื้อรถให้กูเกือบจะหนึ่งปีแล้ว แล้วถ้าพ่อรู้ว่ากูยังขับรถไม่เก่งแบบนี้ พ่อกูเอาตายแน่เลยมึง ให้กูขับไปเถอะนะอาฟ ” ท้ายประโยคที่เอื้อมมือมาจับกันนั้นเมดบีบมือผมแน่นแล้วเอียงหน้ามองแบบอ้อนวอนกัน “ กูเคยขับกลับบ้านมาแล้ว ตั้งแต่ตอนขับเป็นใหม่ๆเลยด้วยนะ ตอนนี้มันก็ต้องขับได้เหมือนกันนั่นแหละ มึงวางใจได้ กูยังเคยขับรถพามึงไปโรงพยาบาลเลย มึงก็เห็นใช่มั้ยว่ากูขับได้ ”

“ ที่เกือบชนรถคันหน้าแล้วเบรครถแรงจนตัวกูอัดกับคอนโทรลเป็นสิบรอบทั้งๆที่กูป่วยน่ะเหรอ ”

“ มึงก็เว่อร์ไป มึงคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ มึงจะไปอัดเข้ากับคอนโทรลรถได้ไง ”

“ คือไม่ว่ายังไงก็จะขับไปเอง ” ผมถามพลางถอนหายใจใส่อีกคนที่ก็พยักหน้ารับอย่างมั่นใจ

“ แต่กูสัญญานะอาฟ ว่ากูจะขับช้าๆ กูจะไม่รีบ กูจะดูซ้ายดูขวา กูจะเว้นระยะกับรถคันหน้า จะไม่เหม่อลอย จะมีสติ จะขับถึงบ้านอย่างปลอดแล้วรายงานมึงทันทีเลยว่าถึงแล้ว จริงๆนะ ”

“ งั้นกูถามหน่อย ถ้ามึงกำลังยูเทิร์น รถทางตรงที่ขับมาเร็ว ตีไฟสูงใส่มึง มันแปลว่าไรอะไร ” คำถามที่ทำให้เมดเงียบไป มันเหลือบไปมองรอบตัวอย่างใช้ความคิด ปากสีสวยนั่นเม้มเข้าหากันอย่างไม่มั่นใจในคำตอบที่ตัวเองคิด “ ว่าไง คิดช้าแบบนี้ ถ้ามึงตายบนถนนกูไม่ไม่ดูศพนะ ”

“ ที่พูดคือปากเหรอไอ้สัด ” มันพูดก่อนจะเงียบแล้วพูดคำตอบออกมาเสียงเบาๆ “ เป็นสัญญาณบอกให้กูรีบออกไปก่อนที่มันจะถึง ”

“ รีบไปตายนะสิ ” ผมบอก “ มันเป็นสัญญาณบอกให้หยุด ห้ามออกมา เพราะมันจะไปก่อน ”

“ เหรอ โอเคกูจำจะไว้ ”

“ แล้วรู้มั้ยว่ารถมึงควรอยู่ห่างจากคันหน้าเท่าไหร่ ”

“ มันมีวิธีวัดด้วยเหรอวะ กูว่าเอาตามความรู้สึกก็พอมั้ง มึงก็แค่อย่าเข้าไปใกล้คันหน้ามากเกินไปก็พอแล้ว ”

“ วิธีวัดคือเทียบกับเสาไฟฟ้า พอรถคันข้างหน้าขับไปถึงเสาไฟฟ้าต้นข้างหน้า มึงต้องนับ 1001 1002 แล้วถ้ามึงก็ถึงเสาต้นนั้นเหมือนกัน งั้นก็แสดงว่ามึงห่างจากรถคันข้างหน้าแบบพอดีแล้ว ”

“ แล้วใครมันจะมานั่งนับอยู่แบบนั้น กูท้าเลยว่าตอนมึงขับครั้งแรกมึงเองก็ไม่นับเหมือนกัน ” เมดมองผมแบบเหล่มองจนเหมือนจะจับผิด “ ทีมึงขับอะ ถ้ามีรถขอเข้าแทรกข้างหน้ามึงหน่อย มึงยังขับไปติดคันหน้าแบบชนิดที่คนเดินยังผ่านไม่ได้เลย โคตรไร้น้ำใจ ”

“ นั่นก็เพราะว่ารถคันนั้นมันมักง่ายแซงคนอื่นมา แล้วสุดท้ายก็มาบีบบังคับกับรถคันที่ต่อคิวอยู่ไง กูเลยไม่จำเป็นต้องมีน้ำใจกับคนเหี้ยอย่างมัน ” เมดเงียบไปในตอนที่ผมอธิบายมัน “ บนถนนมันไม่ได้มีใครเคารพกฏแบบที่เราสอบใบขับขี่มาหรอก เวลามึงขับรถ มึงไม่มีทางรู้ ว่าคนที่ร่วมทางมากับมึงมันเป็นคนแบบไหน  แล้วมึงที่ยังหลบหลีกไม่ได้แบบนี้ ก็คือยังจะขับไปเหรอวะ ”

“ อื้ม ” คำตอบสั้นๆนั่นทำให้ผมนิ่งไป ก่อนจะถอนหายใจแล้วหันไปทางอื่น ไม่รู้สึกหัวเสียแบบนี้มานานแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะเอื้อมมือไปบีบแก้มมันแรงๆแล้วดึง อัดแน่นอยู่ในใจไปหมด คำสบถเป็นร้อยเป็นพันที่คิด มีแค่คำว่า ‘ ดื้อ ’ ‘ ดื้อชิบหายไอ้สัด ’ 

“ เมด นี่มึงเข้าใจอะไรบ้างมั้ยวะ ” จดจ้องลงไปในแววตานั้น ผมถาม “ เข้าใจบ้างมั้ยเป็นห่วง ”

“ เข้าใจ ” คนตรงหน้าตอบเสียงเบา “ แต่ยังไงก็ต้องไปอยู่ดีนั่นแหละ ก็กูสัญญากับพ่อไว้แล้ว ”

“ กูไม่ได้บอกว่าห้ามไป แต่กูแค่ขอว่าอย่าขับไปเอง ”

“ อย่าทำให้ลำบากใจกันเลยมึง ” อีกคนพูด “ กูก็บอกเหตุผลมึงไปหมดแล้ว ไม่ว่ายังไงกูก็ต้องขับไปเอง คือมึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอกอาฟ ถ้ามึงเล่นคิดแค่แง่ลบแบบนี้ มึงก็ยิ่งไม่อยากจะให้กูไป บ้านกูไม่ได้ไกลจากกรุงเทพมากขนาดนั้น ขับช้าๆ ชั่วโมงหนึ่งก็ถึงแล้ว ” ถอนหายใจก่อนจะมองไปทางอื่นตอนที่อีกคนพูด “ กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงกูมาก แต่ทำไมไม่คิดในแง่ดีว่านี่คือการฝึกฝนว่ะ เผื่อวันนึงมึงไม่อยู่กูจะได้ขับรถไปไหนมาไหนเองไง ”

“ กูไม่มีแพลนจะห่างมึงไปไหน ”

“ แล้วถ้าต้องไปสิงคโปร์กับพ่ออีกละ ”

“ ก็ให้ไอ้เดย์มาแทน ”

“ แล้วถ้าน้องเดย์มีแฟน ”

“ ไอ้อัยย์มี ”

“ แล้วถ้าน้องอัยย์มีแฟน ไอ้เจต้องไปทำธุระกับวิวละ เห็นมั้ย มันดีกว่านะถ้ามึงให้กูหัดขับรถให้เก่งๆ กูจะได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ แบบที่มึงไม่ต้องเป็นห่วงด้วย แล้วมันก็ควรเริ่มจากการขับรถกลับบ้านพรุ่งนี้แหละ ”

“ มึงนี่มัน..” เว้นคำพูดไปแต่ก่อนจะพูดอะไรต่อ เมดก็พูดสวนขึ้นก่อน

“ ก็เพราะมึงดูแลกูแบบเด็กสามขวบแบบนี้ไง กูเลยขับรถไม่ได้สักที เพราะงั้นอารยะก็ต้องปล่อยมิณทร์ไปบ้าง เข้าใจมั้ยครับ ”

“ คือมึงกำลังจะบอกว่าเพราะกูที่รักมึงมากเกินไป ก็เลยเป็นแบบนี้ ” ผมบอกก่อนจะยกยิ้มให้มันที่ก็นิ่งไป “ เออ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะกูจริงๆก็ได้ ”

“ อาฟ คือ มันก็..”

“ งั้นมึงไปเถอะ ตามสบาย ”

“ เดี๋ยว ไม่เอาดิ มึงอย่าตีความไปแบบนั้น กูแค่อยากจะให้มึงปล่อยกูบ้างเท่านั้นเอง แบบ ปล่อยให้กูดูแลตัวเองบ้าง ”

“ เออ กูรู้แล้ว ” ผมบอกย้ำ “ มึงก็ไปสิ  ไม่ห้ามแล้วไง เข้าใจแล้ว ว่าต้องปล่อยให้ดูแลตัวเองบ้าง ”

“ อาฟ ” ถอนหายใจออกมาตอนที่เรียกชื่อกันราวกับว่า ผมคือผู้ชายงี่เง่าคนหนึ่งที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่มันกำลังรู้สึก  เมดขับรถไม่เก่งเข้าขั้นแย่ แต่อยากจะให้ผมเข้าใจ ว่ามันไม่อยากโดนพ่อด่าเพราะขับรถไม่เป็นก็เลยอยากจะขับไปเอง เหมือนมันกำลังพยายามจะให้ผมเข้าใจไปหมด แต่ไม่ได้บอกตัวเองให้เข้าใจกัน อย่างที่ปากบอกเลยว่า ‘ กูเข้าใจมึงนะ ว่ามึงเป็นห่วงกู ’

“ กูแค่ตลกตัวเอง ตั้งแต่วันไปเที่ยวทะเลจนถึงวันนี้ กูนั่งคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงดีให้มึงถึงบ้านปลอดภัย กูคิดหลายวิธีด้วยความเป็นห่วงมึง แต่ที่กูลืมคิดไปอย่างหนึ่งก็คือ กูไม่ควรห่วงคนที่ไม่คิดแม้จะห่วงตัวเอง  ไม่ควรห่วง คนที่ยังไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมกูถึงเป็นห่วง แล้วก็ยังพยายามที่จะบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง ทั้งๆที่กูถามหน่อยเถอะ วันที่กูแข่งรถ ทั้งๆที่กูขับเก่งขนาดนี้ มึงยังเป็นห่วงกูเลย แล้วมึงจะไม่ให้กูห่วงมึง ทั้งๆที่มึงกำลังจะออกไปขับรถในถนนที่ไม่ต่างอะไรกับสนามแข่งเลยด้วยซ้ำได้ยังไง ”

ในแววตาที่มองผม สายตาดื้อดึงของเมดนั้นเปลี่ยนไป ปากที่กำลังขยับเอ่ยคงเป็นคำอธิบายเดิมที่มันยังคงพยายามพูดให้ผมเข้าใจ ในสิ่งที่มันกำลังรู้สึก

 “ แฟนกู กูรู้จักมันดีเมด กูเลยกังวลมาก กูอยากจะบอกมึงแค่นี้แหละ แล้วมึงคนที่น่าจะรู้จักกูดีพอ ทำไมถึงพูดคำนั้นออกมา เพราะคิดว่าต้องดื้อเท่านั้นใช่มั้ย กูถึงจะยอม ถ้างั้นมึงก็ไปเถอะ แล้วทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน เรื่องที่บอกจะขับรถดีๆ ”


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ความอึดอัดแผ่กระจายออกไปทั่วคอนโดเพราะความเงียบ นาฬิกาติดผนังบอกเวลาเที่ยงคืนและอีกไม่กี่นาทีก็กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่วันใหม่ ผมอยู่ในห้องนอนและยังไม่ได้อาบน้ำเพราะเมดขออาบน้ำก่อนด้วยเหตุผลที่ว่าต้องจัดกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ ผมไม่แม้จะเอ่ยถามมันว่าไปกี่โมง แต่เอาจริงๆเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันตั้งแต่ออกมาจากผับแล้ว

“ อาฟ มึงว่าใส่เสื้อตัวไหนดี ” เสียงที่ดังมาจากห้องแต่งตัว เสื้อสองแบบที่ต่างกัน ตัวหนึ่งเป็นลายขวางที่มันชอบ กับอีกแบบคือเสื้อสีขาวธรรมดาที่สกีนตัวเลขอยู่ตรงกลาง

“ ซ้าย ” เลือกเสื้อในแบบที่มันชอบไป อีกคนก็ถอนหายใจออกมา

“ อย่างอนกันเลยน่ามึง มันอึดอัด ”

“ ใครงอนมึง ” ผมถามก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องแต่งตัว หยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้ตรงประตู แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปก็ได้ยินเสียงบ่น

“ ก็มึงนั่นแหละไอ้เหี้ย ขี้งอน ”

“ มึงว่าไงนะ ”

“ บอกว่ามึงขี้งอน ” เมดหันมามองกัน เราจ้องกันอยู่แบบนั้นก่อนคนตรงหน้าจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ “ ขอโทษที่บอกว่ามึงดูแลกูดีเกินไป จริงๆที่มึงเป็นมันก็โอเคแล้ว แต่ที่กูพูดแบบนั้นกูยอมรับว่ากูดื้อเถียงให้มึงยอม เพราะกูอยากขับไปเอง ไม่อยากให้พ่อด่ากู ”

“ ถ้ากูเป็นพ่อมึง กูจะด่ามึงที่กล้าขับมาเอง แล้วกูก็จะด่าผัวมึงที่ปล่อยให้มึงขับมา ทั้งๆที่ก็รู้ว่ามึงขับไม่เก่งขนาดนี้ ”

“ ขอแค่ครั้งเดียว แล้วครั้งต่อไปที่กูจะไปหาพ่อ กูพามึงไปด้วยทุกครั้ง ตกลงมั้ย ”

“ ตกลง ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะจ้องมองแววตาเรียวที่ก็ยังคงจ้องกัน “ ก็บอกไปแล้วตั้งแต่ที่ผับว่าตกลง ”

“ แด๊ดดี๊อะ ”

“ คำนั้นมันใช้กับกูได้แค่ตอนที่เราอยู่บนเตียงเท่านั้นแหละ ” ยักคิ้วให้มันอีกคนก็ได้แต่สบถ

“ แด๊ดดี๊แม่ง ”

“ ไว้กลับมาแล้วค่อยพูดกัน ตอนนี้กูยังไม่อยากพูดกับเด็กดื้ออย่างมึง ” บอกปัดมันแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ จัดการอาบน้ำเรียบร้อยแล้วใส่ชุดนอนออกมา ผมไม่ลืมหยิบมือถือที่วางไว้บนเตียงออกมาด้วย เพราะตั้งใจจะกดโทรออกไปหาไอ้อัยย์เพื่อทำตามแผนที่คิดไว้ นิ้วกดโทรออก เสียงรอสายดังอยู่สักพักก่อนที่มันจะกดรับ

“ ครับเฮีย ”

“ พรุ่งนี้กูยืมรถหน่อย ”

“ รถกูน่ะเหรอ ”

“ อื้ม ”

“ แล้วกูขับไรอะเฮีย ”

“ เอารถกูไป กุญแจอยู่ที่ไอ้เดย์ ส่วนกุญแจรถมึงฝากไอ้เชี้ยเดย์มา บอกมันตั้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียงมัน พรุ่งนี้กูเข้าไปเอา ”

“ แปปนะเฮีย ” อัยย์พูดแบบนั้น ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนตัวเองที่ก็คงยืนอยู่ข้างกัน เพราะว่ามันยังเป็นเวลางาน “ สัดเดย์ เฮียให้กูเอารถกูไปให้เฮียอะ แล้วก็ให้มึงเอากุญแจรถเฮียให้กูขับ ”

“ GTR น่ะเหรอวะ ”

“ อื้ม ”

“ ไหน กูคุยกับมันหน่อย ” มือถือถูกเปลี่ยนเจ้าของไปอยู่ในมือน้องชายผม “ สัดพี่ มึงจะให้ไอ้อัยย์ขับ GTR จริงดิ ”

“ แล้วมึงมีปัญหาอะไรกับรถกู ”

“ เปล่าจ้า ก็พี่มึงหวงขนาดนั้น เลยคิดว่าอะไรเข้าฝัน ”

“ ความหวงเมียของมันไง ” เสียงไอ้เจพูดแทรกขึ้นผมก็ได้แต่ยกยิ้ม “ มันคงคิดจะเอารถไอ้อัยย์ขับตามเมียมันไปวันพรุ่งนี้นั่นแหละ ”

“ เป็นแบบที่พี่เจบอกเหรอวะ ”

“ เสือก ” ตอบคำถามน้องชายแค่นั้นก่อนจะย้ำ “ ทำตามที่กูบอกแล้วกัน เอากุญแจรถไอ้อัยย์ไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงมึง แล้วมึงก็ให้กุญแจรถกูให้ไอ้อัยย์ไป ”

“ บอกมันว่าจอดรับกูด้วย เพราะกูจะไปด้วย ”

“ อย่าให้ไอ้วิวรู้ บอกมันไปด้วย ” ผมบอก เดย์ก็บอกอีกคน

“ สัดพี่บอกว่าอย่าให้ไอ้เด็กแรดรู้ ”

“ อื้ม ” เสียงของเจที่ตอบรับ ผมก็ไม่ลืมฝากอีกเรื่องให้น้องชายตัวเองทำ

“ เดย์กูฝากเช็ครถให้ไอ้เมดด้วยนะ เช็คลมยางให้ด้วย กุญแจรถมันแขวนอยู่ตรงที่แขวน ”

“ ตกลงกูเป็นอะไรกันนะ ถึงได้ใช้กู.. ”

“ พันหนึ่ง ” ผมพูดขัดอีกคนที่ก็เปลี่ยนเสียงที่กำลังจะบ่นเป็นอีกเสียง

“ ได้เลยสัดพี่ น้องเดย์คนนี้จะเช็ครถพี่เมดให้อย่างดีเลยครับ ยางทั้งสี่เส้น น้ำมันรถ รวมทั้งเครื่องยนต์ ไว้ใจได้เลยไม่ต้องห่วงนะ ”  ตัดสายคนที่กำลังพูดมากไปก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้วก็ต้องพบว่าคนที่เคยจัดเสื้อผ้าอยู่ในตอนนั้นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง

“ สักสิบโมงแล้วกัน ถึงบ้านตอนเที่ยงเราจะได้กินข้าวเลย ” ปลายสายนั่นคงเป็นวิว ผมคิดว่าอย่างงั้น “เดี่ยวแวะรับหน้าคอนโด ออกมายืนรอเลยนะ กูจดเทียบมึงก็พุ่งขึ้นมาเลย รถมันเยอะเดี๋ยวโดนด่า โอเค แค่นี้นะ เจอกันครับ ”

“ นอนได้แล้ว ” ผมบอก เมดที่กดวางสายพอดีก็หันมายิ้มกว้างให้กันตอนที่ผมเอ่ยพูดด้วย ท่าทางกระตือรือร้นในการลุกไปเสียบสายชาร์จมือถือเข้ากับที่ชาร์จแล้วหันกลับมาห่มผ้านอนเรียบร้อยไม่ต่างอะไรกับเด็กที่ทำตัวเป็นเด็กดีตอนที่พ่อแม่โกรธ เป็นช่วงเวลาที่ชวนให้กลั้นยิ้มด้วยการหันไปทางอื่นก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วค่อยๆเอนตัวลงนอนและอย่างไม่ต้องให้รอนานคนที่นอนอยู่ก็ดึงตัวเองเข้ามานอนใกล้กัน ซึ่งแน่นอนว่าท่าทางแบบนี้มันก็เกิดขึ้นแค่เฉพาะตอนที่ผมโกรธมัน

“ พรุ่งนี้กูไปสิบโมง กูจะรายงานสดมึงตั้งแต่ออกจากคอนโดจนถึงบ้านเลย ”

“ ใครอยากรู้ ”

“ งั้นกูไม่ต้องบอกนะ ” หันไปกดปิดไฟที่หัวเตียงแทนที่จะตอบคำถามนั้น เมดที่ถอนหายใจออกมามันนิ่งไปสักพักด้วยใบหน้าเซ็งๆท่ามกลางความมืดนั้น ก่อนจะบอกกันเสียงเบา “ แต่ยังไงกูก็จะบอกอยู่ดี มึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ ”

“ นอนได้แล้ว ” คำเดิมที่เคยพูดชวนให้ห้องนอนของเราเงียบงันลงไป เมดถอนหายใจออกมามันคงรู้สึกงอนบ้างเหมือนกันที่ผมยังคงเป็นแบบนี้ แววตาเรียวที่หลับลงอย่างว่าง่าย คงคิดติดงอนในใจว่า ‘ ไม่ง้อมึงแล้วไอ้สัดอาฟ ’ เผลอหลุดยิ้มออกมาในความมืดให้กลับความคิดนั้น และแม้จะยังหงุดหงิดมันอยู่แค่นั้น แต่สุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวต้องก้มลงไปหอมแก้มมันอยู่ดี

แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา ปลุกให้ผมตื่นก่อนเสียงนาฬิกาปลุกจริงๆที่ตั้งไว้ดังขึ้น และในวินาทีที่หันไปมองคนข้างกันผมก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอีกครั้งแม้จะพยายามทำหน้านิ่งแค่ไหนก็ตาม เพราะท่าทางเหมือนเด็กที่ชอบเอามือไปรองแก้มแล้วหลับของคนข้างกันนั้น มันชวนให้ผมพลิกตัวเองหันมามองเสียและอดใจไม่ได้เลยที่ไม่จะหอมแก้มนั้นทั้งๆที่ก็ตั้งใจไว้แล้ว เช้าวันนี้จะไม่หอม จะทำเป็นโกรธมันให้มันสำนึก แต่สุดท้ายสัจจะไม่มีในหมู่โจรฉันใด มันก็ไม่มีในคนที่ชอบแอบขโมยหอมแก้มแฟนฉันนั้น  ผมก้มลงไปหอมแก้มเมดในท้ายที่สุด

“ อื้อ ” ท่าทางจะหอมแรงไปคนที่หลับอยู่ก็เลยส่งเสียงประท้วงแล้วลืมตาตื่นขึ้นมา ส่วนผมก็ใช้วิธีเดิมคือทำทีเป็นหลับต่อเหมือนยังไม่ได้ตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด “ อาฟก็ยังไม่ตื่น ทำไมเจ็บแก้มจังวะ ” เสียงเบาที่เอ่ยพูดคนเดียวชวนให้ผมยิ้มอยู่ในใจ แต่เหมือนเมดจะยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ก็เลยลองเรียก “ อาฟ อาฟ ”

“ อื้ม ” ทำทีเป็นขานรับด้วยเสียงงัวเงีย แล้วตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ทำทีเป็นขมวดคิ้วสู้แสงราวกับคนเพิ่งตื่นอย่างจริงจัง “ มีอะไร ”

“ เปล่า ” มันส่ายหน้าไปมาก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาใกล้ผมอีกครั้ง เมดกอดกันอยู่แบบนั้นก่อนจะถอนหายใจตอนที่ผมไม่กอดกลับอย่างทุกที มันลุกขึ้นนั่งก่อนจะถอนหายใจแล้วถาม “ วันนี้ไม่หอมแก้มกูเหรอ ”

“ ไม่อยากหอม ” ตอแหลไอ้สัด มึงหอมแม่งจนมันตื่นด้วยซ้ำ กดลงไปซะเต็มแรง

“ นี่จะงอนจนกูกลับมาจริงๆเหรอวะ ” มันถาม “ แล้วถ้ากูโทรมามึงจะคุยกับกูมั้ย ”

“ ดูอารมณ์ก่อน ”

“ อยากถีบมึง ถ้าไม่ติดว่าเข้าใจว่ามึงเป็นห่วง แล้วกูก็สมควรแล้วที่โดนงอนเพราะโคตรดื้อ กูถีบมึงไปแล้วสัดอาฟ ” เมดว่าแบบนั้นก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง “ ไม่คุยก็ไม่ต้องคุยไอ้สัด หมดแรงจะง้อแล้ว ส้นตีน ”

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ของอีกคนที่กำลังชาร์จดังอยู่ไม่ไกล ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วตอนที่หยิบหน้าจอขึ้นมาดูก็พบว่าภาพที่ฉายและชื่อที่ปรากฏนั้นก็คือคนที่จะต้องเดินทางไปกับเมดวันนี้

“ ว่าไง ”

“ พี่อาฟเหรอ ” ปลายสายพูดแบบนั้นผมก็ไม่ได้ตอบอะไร “ พี่เมดละ อาบน้ำเหรอวะ ”

“ อื้ม ”

“ คือวิวจะโทรมาบอกพี่เมดว่า วิวเสร็จแล้ว ”

“ ยังพอมีเวลา มึงทำประกันยังละ ”

“ พี่อาฟ มึงอย่าพูดให้กูกลัวได้มั้ย พี่เจก็พูดจนกูกลัวไปหมดแล้ว กูไม่เซ็นประกันอะไรหรือยกเงินให้ใครทั้งนั้นไอ้พวกบ้า กูจะกลับมา! กูมั่นใจในตัวพี่เมด ”

“ อ๋อเหรอ ”

“ ไม่อยากคุยกับพี่มึงแล้ว บอกพี่เมดด้วยว่าวิวซื้อของฝากแล้วเรียบร้อย ”

“ หวังว่าของฝากจะถึงพ่อแม่มึง ”

“ ปากพี่มึงหนอ คือพี่มึงพูดเหมือนไม่แคร์ถ้าเกิดว่าพี่เมดเป็นอะไรไป ” ปลายสายถามผมก็ได้แต่นิ่ง “ กูท้าเลยว่าคนที่จะร้องไห้คนแรกคือพี่มึง กูขอท้า ”

“ ท้าจากไหนอะ โรงพยาบาลหรือโลงศพ ”

“ พี่มึงแม่ง! ” เสียงตอบกลับที่โคตรขัดใจ ผมตอนนั้นก็ได้แต่ยิ้ม

“ งั้นถ้ามึงรู้ดีอย่างงั้นก็ฝากพี่มึงด้วยแล้วกัน ช่วยกันดูทางเข้าใจมั้ย แล้วก็ช่วยกันเตือน ไม่ใช่เอาแต่นั่งเฉยๆ ”

“ อ๋อ ที่แท้ก็เป็นห่วงเนอะ ”

“ เข้าใจที่กูพูดมั้ย ” ทำเป็นไม่สนใจคำแซวนั้น ผมย้ำ “ ฝากดูแลเมดด้วย ”

“ จ้า ” วิวตอบเสียงยาว “ ไม่ต้องห่วงนะพี่อาฟ วิวกับเมดจะต้องรอดกลับมาแน่นอน เพราะว่าวิวไม่ยอมหอมแก้มพี่เจ ”

“ เกี่ยวเหี้ยอะไรกัน ”

“ พี่มึงไม่เคยได้ยินเหรอวะ ที่เค้าบอกว่าติดไว้ก่อนอะ ” วิวถาม “ แม่วิวเคยบอกว่า เวลาเราจะจากกันไปไหน ให้กอดกันแล้วบอกว่า ไว้เจอกันแล้วต้องบอกด้วยว่าจะทำอะไรสักอย่างให้ มันเป็นทริคนะ เราจะได้กลับทำให้จริงๆไง เพราะมันมีสิ่งที่ค้างคาอยู่ ”

“ ประสาท ”

“ เอ้า ไม่เชื่อย่าลบหลู่นะ ” ผมกดวางสายที่กำลังพูดนั่นลง แต่ก่อนที่จะวางมันไว้ที่เดิมคนที่เดินเข้าไปอาบน้ำก็ออกมาด้วยชุดใหม่และกระเป๋าเสื้อผ้าสำหรับสองวัน

“ ใครโทรมาวะ ”

“ วิว มันฝากบอกมึงว่า มันเสร็จแล้ว ของฝากที่มึงสั่งให้ซื้อมันก็ซื้อเสร็จแล้ว ”

“ โอเค ” เมดพยักหน้ารับก่อนจะเดินมาหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู แล้วในตอนนั้นมันก็ถาม “ วันนี้มีขนมปังเนยโสดเหลืออยู่ กูชงกาแฟให้กินมั้ย ”

“ ไม่ต้องอะ ” ผมบอกปัดอีกคนก็ขมวดคิ้ว

“ นี่โกรธกูขนาดไม่แดกเลยเหรอวะ ”

“ กูก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนขนาดนั้นมั้ย ” เรามองหน้ากัน สายตาของเมดที่มองกันมันเหมือนตั้งคำถามว่า ‘ ไหนลองบอกเหตุผลที่ไม่กินทั้งที่กินทุกวันมาหน่อย ’ “ ค่อยกินตอนมึงกลับมา ”

“ นี่มึงโกรธกูชัดๆอะไอ้สัด ”

“ เดี๋ยวกูไปหากินเอง อาบน้ำละ ” เลี่ยงเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ในตอนนั้นผมคิด ว่าอะไรแบบนี้ใช่มั้ย ที่ไอ้วิวบอกกัน ว่ามันเป็นทริคให้ติดค้างอะไรสักอย่าง จะได้เดินทางปลอดภัยแล้วจะได้กลับมาทำให้กันอย่างที่ติดค้างไว้

“ กูจะไปแล้วนะ ” ตอนที่เดินออกมาจากในห้องแต่งตัว คนที่นั่งอยู่บนเตียงก็เอ่ยพูดขึ้น ผมเหลือบมองอีกคนที่ก็ลุกขึ้นเต็มความสูง เมดมองหน้าผมแต่ทว่าทุกอย่างในตอนนั้นมันกลับเงียบไปหมด เงียบจนเมดที่ถอนหายใจออกมาต้องเอ่ยถาม “ จะไม่กอดกูหน่อยเหรอวะ ”

“ จำเป็นเหรอวะ ? กลับมาค่อยกอดแล้วกัน ”

“ สุดยอดเลยไอ้เหี้ย ไอ้นิสัยโกรธแล้วไม่พูด งอนแล้วปากบอกกว่าไม่โกรธเลิกได้เลิกเถอะ ถือว่ากูขอ เพราะมันโคตรน่ารำคาญเลยจะบอกให้ ” เมดบอกก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งออกมา  แล้วใช้สายตาจ้องมองกันอยู่แบบนั้นเหมือนตั้งใจจะให้ผมพูดอะไรออกมาสักอย่าง หลังที่มันเริ่มระเบิดอารมณ์ขึ้นมา

“ งั้นไว้มึงกลับมา เราค่อยคุยกัน ”

“ เออไอ้สัด ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด ” บอกปัดด้วยความหงุดหงิดแล้วตอนที่แผ่นหลังนั้นเดินออกไป ในใจผมก็หวังว่าสิ่งที่เราติดค้างกันไว้จะมากพอที่จะทำให้มันเดินทางปลอดภัยและไม่เป็นอะไรทั้งนั้น

ผ่านไปแล้วสิบนาทีที่ห้องทั้งห้องเงียบลง ผมเดินไปหยิบกุญแจของไอ้อัยย์ในห้องนอนของน้องชายตัวเองแล้วลงลิฟต์ไปชั้นล่าง รถของเมดยังคงจอดอยู่ที่ลานจอดรถ ในตอนนั้นผมมองผ่านกระจกคอนโดออกไปก่อนจะพบว่าคนขับสตาร์ทรถเรียบร้อยแต่กลับนิ่งแล้วก็ไม่คิดจะขับไปไหนทั้งนั้น เมดที่หลับตาลงเหมือนทำอะไรสักอย่างในตอนนั้นผมเลย กระชับหมวกสีดำที่ใส่อยู่ ก่อนจะเดินก้มหน้าไปที่รถของไอ้อัยย์ที่จอดไว้อีกฝั่ง

รถ HRV สีดำเงาวับตามประสาคนเห่อรถที่เพิ่งถอยมาใหม่ ผมไม่ได้สตาร์ทรถรอเพราะรู้ว่ามันคงใช้เวลานานพอตัวให้การออกตัว ผมตั้งใจจะให้รถเมดนำออกไปก่อนแล้วถึงจะขับตามออกไป

ครืน ครืน ครืน

สายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา ผมกดลำโพงก่อนจะวางไว้ที่คอนโทรลรถด้านหน้า สายนั้นคือสายของเพื่อนสนิทที่โทรเข้ามาหากันด้วยความสงสัย “ มึงไม่ได้ลืมรับกูใช่มั้ย ”

“ ไอ้วิวมันไปยังละ ”

“ ยัง ”

“ อื้ม ” ผมตอบกลับเพื่อนก่อนจะมองไปที่รถของเมดที่ตอนนี้อีกฝ่ายไม่เพียงแค่พึมพึมกับตัวเอง แต่กลับยกมือขึ้นพนมด้วย “ มันกำลังสวดมนต์ เห็นทำปากมุมมิบพนมมืออยู่ในรถ กูว่าคงบทยาวอยู่ สวดนานชิบหาย

“ ฮ่าๆ ไอ้เมดดดดดดดด ” เจลากเสียงก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ จริงๆมึงบอกมันว่าไม่ต้องก็ได้นะ ไม่ต้องสวดหรอก ไอ้วิววิบากกรรมเยอะ ยังไงก็ต้องรอดกลับมาชดใช้กรรมอยู่แล้ว ”

“ ไอ้สัด ”

“ เมื่อกี้กูจะหอมหน่อย บอกไม่ให้หอม ติดไว้อนมันกลับมาค่อยหอม ”

“ เหรอวะ ”

“ ถามจริงใครมันเชื่อทริคแบบนี้บ้างวะ กูว่าคงมีแต่พวกปัญญาอ่อนนั่นแหละ กูบอกไว้เลยว่าถ้ามึงระวังตัวยังไงก็ไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวอะไรกับทริคติดไว้ก่อนนี่หรอกไอ้สัด ” ได้แต่ถอนหายใจออกมา อยากบอกมันเหมือนกันว่า ‘ เพื่อนมึงนั่นแหละแหละสัดที่เชื่อไปแล้ว ’

“ แค่นี้ก่อนนะ ไอ้เมดออกรถละ แล้วเจอกัน ”

“ โอเค ”

ขับรถห่างจากรถของเมดอยู่สามคัน ผมไม่แน่ใจว่าเมดจำป้ายทะเบียนรถของไอ้อัยย์ได้มั้ย แต่ที่แน่ๆคือมันจะไม่มีทางหันมาเห็นผมเด็ดขาดเพราะรถคันนี้ฟิล์มดำชนิดที่ว่า ขนาดพาสาวมาเอาบนรถแล้วจอดรถในห้างก็คงไม่มีใครเห็นได้แน่นอน ดำจนผมยังสงสัยว่ามันสามารถขับได้ยังไงในเวลากลางคืน

“ รถไอ้สัดอัยย์นี่มันขับกลางคืนได้ไงวะ ฟิล์มโคตรดำ ”

“ ก็ดีแล้วไง มันจะได้ไม่เห็นเรา ”

“ ชิบหายตอนขับกลางคืนละสิไม่ว่า ” เจส่ายหน้าไปมา ตอนนี้เราเดินทางกันมาสักพักแล้ว รถของผมอยู่ห่างจากรถของเมดประมานสามคัน เอาแบบแค่ยังเห็นอีกคนในสายตา และถ้าเกิดเหตุอะไรก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเร่งสปีดช่วยมันทัน “ นี่กูถามจริงๆนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมึงจะช่วยมันยังไง ”

“ ขับรถไปปาดหน้าแล้วรับกระแทกไว้มั้ง ” ตอบคำตอบจริงๆที่คิดแต่ทำทีเหมือนพูดเล่น จนคนที่ข้างๆเอ่ยบ่น

“ กูคิดถูกหรือผิดวะไอ้สัดที่มากับมึง ”  ผมยกยิ้มแต่ตาก็ยังจดจ้องอยู่แต่กับรถคันหน้าไม่ได้หันไปสนใจคนที่พูดด้วยเท่าไหร่ จนไอ้เจต้องออกปากเตือน “ มึงมองรถคันหน้าเราด้วยนะสัด ไม่ใช่มองแค่รถไอ้เมด เพราะถ้ามึงไม่มอง จะไม่ใช่แค่ไอ้เมดที่อันตราย มันหมายถึงเราด้วย ”

“ อื้ม ” ถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปที่รถคันหน้าสลับกับรถของอีกคนที่ก็ขับไปเรื่อยๆบนทางข้างหน้า “ มึงมองมันไว้นะ ”

“ โอเค ” เจตอบรับ “ แล้วนี่มันขับไปสอยอะไรบ้างยัง ”

“ เฉี่ยวขอบฟุธบาทหน้าคอนโดไปแล้ว”

“ ยอดเยี่ยม ” เจยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ “ ลุ้นพอๆกับดูหนังผีเลยไอ้สัด ”

“ ก็หวังว่าผีมันจะไม่ออกมาแล้วกัน ”

ระยะทางเริ่มไกลออกไปเรื่อย รถร่วมทางตอนนี้เริ่มเร่งอัตราเร็วขึ้นหลังจากที่หลุดออกจากเขตเมือง และดูเหมือนว่าแม้เลนซ้ายของถนนจะถูกกำหนดให้คนที่ขับช้าขับ แต่ทว่ามันก็ยังถือว่าเป็นอัตราการขับที่เร็วอยู่ดีเมื่อเทียบกับรถของเมด เพราะตอนนี้รถหลายคันก็ขับขึ้นแซงรถของมันไปเรื่อยๆ บางคนหงุดหงิดหน่อยก็ถึงขั้นบีบแตรไล่อย่างหงุดหงิด เพราะขับช้าแล้วแถมยังไม่เบี่ยงตัวให้คันหลังแซงด้วย

 ผมท้าเลยว่าทุกคนที่แซงมันต้องบ่นสบถออกมาแน่นอนว่า ‘ ขับเหี้ยอะไรของมึงว่ะไอ้สัด ’ และเท่าที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะตกใจทุกครั้งที่ถูกส่องไฟสูงและบีบแตรใส่ เพราะเมดขับชะงักทุกครั้งที่เป็นอย่างงั้น แถมยังมีบางทีที่มันต้องเบรคแบบกระทันหันด้วยความตกใจ

“ กูยอมมึงเลยสัดอาฟ ” เจพูดขึ้นหลังจากที่เราเอาแต่เงียบเพราะมัวแต่จดจ้องรถคันข้างหน้า “ ถ้าเป็นกู กูทนไม่ได้แล้วสัด ยังไงก็ต้องแซง ไม่ก็ขอปาดหน้าด่าสัดที ขับเหี้ยอะไรของมึงซ้ายทีขวาที เข้าเลนมอเตอไซต์บ้าง เบี่ยงเข้าเลนรถทางขวาที่ขับเร็วบ้าง กูจะบ้าตาย ”

‘ ขนาดคนใจเย็นก็ยังสติแตก ’ ผมหลุดยกยิ้มออกมา ก่อนจะถอนหายใจแล้วมองไปยังรถคันหน้าตัวเอง ที่ตอนนี้เบี่ยงเข้าไปเลนขวาที่มีรถเร็วอีกครั้ง

“ กูว่าเราบอกมันให้จอดมั้ย ” เจถามผมก็ได้แต่เงียบไม่ได้ตอบอะไร “ ตีไฟเลี้ยววะ น่าจะแวะปั้มข้างหน้า ”

“ อื้ม ” ขับตามเข้าไปจอดในปั้มที่ดูเหมือนอีกคนไม่ได้เติมน้ำมันเพราะมันผ่านจุดจอดเติมน้ำมันไปจอดที่หน้าห้องห้องน้ำที่อยู่ใกล้กับร้านสะดวกซื้อชื่อดังแทน ส่วนผมเลือกจอดรถไว้ในที่ที่ไกลกว่าอีกคนจอด และตอนที่ดึงเบรคมือขึ้นผมหันไปมองเป้าหมาย ก่อนจะพบว่าวิวที่นั่งมาด้วยนั้น วิ่งเข้าไปห้องน้ำด้วยท่าทีรีบร้อน ก่อนที่เมดเองจะวิ่งตามลงไป

“ เกิดอะไรขึ้นวะ ”

“ มึงโทรไปถามไอ้วิวสิ ”

“ มันก็รู้สิไอ้เหี้ย ” ผมถอนหายใจออกมา แต่ทว่าตอนนั้นเจมันก็กดโทรออกไป “ กูจะทำทีเป็นถาม ว่าถึงไหนแล้ว ”

“ อื้ม ”

“ เงียบนะ กูจะเปิดลำโพง ”


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
เสียงรอสายดังอยู่ไม่นาน แต่สายตาของผมที่หันไปมองที่ห้องน้ำพบว่าเมดวิ่งออกมาจากห้องน้ำแล้วตรงเข้าไปในร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้กันด้วยสีหน้าวิตกไม่น้อย

“ พี่เจ ” เสียงไม่ค่อยสู้ดีของวิวเอ่ยขึ้นตอนรับสาย ผมที่สบตากับเพื่อนตัวเองในตอนนั้น เรารู้สึกไม่ดีพอๆกัน

“ ถึงไหนละ ”

“ ครึ่งทาง แต่มึงกูเมารถ ที่เมดขับเหวี่ยงมากไอ้สัด ซ้ายทีขวาที จะเป็นลม ” เห็นรอยยิ้มจากสีหน้านิ่งของเพื่อน เจที่กลั้นหัวเราะอยู่มันคงคิดถึงใบหน้าของคนรักตัวเองในระหว่างที่กำลังพูดคุยไปด้วย

“ กูบอกแล้วว่าให้กอดกูก่อนจะออกมา ”

“ กูจะรอดใช่มั้ย จะรอดกลับไปหามึงใช่มั้ย ”

“ ขนาดนั้นเลยเหรอวะ ”

“ พี่เจคือเกิดมาชาตินี้กูไม่เคยเมารถมาก่อน จะเรือจะเครื่องบินกูก็ไม่เคยเมา แต่นี่กูเมาถึงขั้นอ้วกแตกไอ้สัด  โก่งคอกับส้วมปั้มนี่มันแบบดูไม่จืดเลยเว้ย ปวดหัวมากๆเลย เหมือนกูจะตาย แต่กุตายไม่ได้ ต้องดูทางให้พี่กูทุกหนึ่งเมตร เพราะพี่แกเล่นขับเบี่ยงไปเบี่ยงมาตลอด ”

“ แล้วกินยารึยัง ”

“ พี่เมดกำลังไปซื้อให้ ”

“ แล้วเดี๋ยวขึ้นรถก็หลับซะ ”

“ กูหลับไม่ลงหรอก มึงต้องมาเห็นพี่กูขับ คือกูต้องพูดตลอดว่า พี่เมดมึงเอียงไปหาฝั่งขวาทำไมรถมันเร็ว แล้วพอเลิกเตือนพี่กูเบี่ยงเข้าเลนมอเตอไซต์เฉยไอ้สัด ”

“ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะของไอ้เจชวนให้ผมยิ้ม แล้วยิ่งปลายสายหงุดหงิดก็ยิ่งชวนให้ขำ

“ ไม่ตลกเลยไอ้เหี้ย ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายมากตอนนี้ ” วิวบอกกก่อนจะเงียบไปสักพัก “ รักมึงนะพี่เจ ” ผมหันไปมองตอนที่เสียงนั้นดังขึ้น “ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากพูด แต่อยากพูดตอนนี้เลย รักมึงนะ ”

“ กูไม่รับ ” เจพูด “ กูรับแค่ต่อหน้าเท่านั้น ไว้เจอหน้ากันก็ค่อยบอกกัน ”

“ ไหนบอกไม่เชื่อทริคอะไรแบบนั้นไง ”

“ กูพูดอะไรแบบนั้นเหรอ ” สะกิดเพื่อนตัวเองที่กำลังคุยโทรศัพท์ ผมเชิดหน้าไปที่หน้าห้องน้ำที่ตอนนี้เมดกำลังเดินเข้าไป แล้วตอนนั้นเจก็บอกปลายสาย “ แค่นี้แหละ ไว้กูจะโทรหาอีกที ส่วนมึงมีอะไรก็โทรมา ”

“ โอเค รักนะ ”

“ ก็บอกว่าไม่รับไอ้สัด ไว้มาพูดต่อหน้า ” สายนั้นถูกตัดลง ก่อนคนสองคนจะเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วนั่งลงที่หน้าร้านกาแฟ ในมือของวิวถือยาดมหน้าตาที่ดูไร้เรี่ยวแรงของมัน ชวนให้เพื่อนผมที่นั่งมองอยู่ถอนหายใจออกมาด้วยความเป็นห่วง แล้วตอนนั้นเมดเองก็ก้มพูดอะไรสักอย่างก่อนจะเดินเข้าไปในร้านกาแฟ   เอ่ยปากสั่งอะไรสักอย่างกับพนักงานผมคิดว่าคงเป็นเครื่องดื่มที่จะช่วยให้ผ่อนคลายอย่างพวกน้ำส้มที่ชวนให้ตื่น แล้วในระหว่างยืนรอเจ้าของมือขาวก็หยิบมือถือที่อยู่ในกระเป๋าออกมา

“ มันโทรมาหามึงแน่เลย ”

ครืน ครืน ครืน

“ นั่นไง ” ไอ้เจหันมายิ้มกับผมที่ก็ยกยิ้มขึ้นมาตอนที่เห็นเบอร์ของอีกคนที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ โคตรสมเป็นคุณมิณทร์เมด ‘ ขอให้ได้ดื้อก่อน แล้วถ้าเกิดปัญหาก็ค่อยโทรหาอาฟแล้วกัน ’

“ ว่าไง ”

“ ขับมาได้ครึ่งทางแล้ว ”

“ อื้ม ” ปลายสายที่ก้มหน้าอยู่ในห้องกระจกของร้านกาแฟ ผมเผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มจางๆ ในใจตอนนี้ของเมดคงมีแต่ความรู้สึกผิด มันคงคิดว่าตัวมันไม่น่าจะดื้อเลย มันน่าจะเชื่อผม

“ อาฟ กูทำวิวอ้วก น้องเมารถ ”

“ อื้ม ” ก็เพราะว่าเห็นอยู่แล้วก็เลยไม่รู้จะถามอะไรกลับไป แต่เหมือนว่าการตอบกลับของผมแบบนั้นจะยิ่งทำให้คนรู้สึกผิดยิ่งรู้สึกแย่ลงไปอีก ผมเห็นเมดผ่อนลมหายใจออกมาใบหน้าที่กำลังเครียดของมัน ถึงอยากจะถามว่า ‘ ก็เลือกเองมั้ย ’ แต่นี่ก็คงไม่ใช่เวลาซ้ำเติม “ ไม่ต้องเกร็ง ”

“ หื้ม ? ”

“ ตอนขับไม่ต้องเกร็ง ปล่อยตัวตามสบาย ที่รถมันเอียงไปเอียงมาเพราะมึงเกร็งพวงมาลัยมากเกินไป แค่จับไว้เฉยๆ เบาๆแค่นั้น รถจะไม่เอียงไปมา ”

“ มึงรู้ได้ไงวะ ว่ารถกูมันเอียงไปเอียงมา ” เผลอหันไปเหลือบมองเพื่อนตัวเองที่ก็หลุดยิ้มออกมา

“ ก็มึงบอกวิวเมารถ แล้วสาเหตุที่มันเมา ก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่งในนั้นก็คงเพราะขับเอียงไปมา ”

“ อ๋อ ” เมดตอบรับก่อนจะมองออกมานอกรอกาแฟที่ตัวเองยืน “ คิดว่ามึงตามมา ”

“ สำคัญตัวผิดเกินไปหรือเปล่าครับ ”

“ สัด ” อีกฝ่ายสบถก่อนจะถออนหายใจออกมา

“ มีสมาธิ ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่มีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นหรอก ”

“ เหรอวะ แต่กูไม่มั่นใจเลย รถคันข้างหลังมันชอบส่องไฟสูงใส่กู แล้วพอตอนแซงได้ บางคันก็ยกนิ้วกลางใส่ กูก็ขับเลนซ้ายตลอด ทำไมแม่งต้องว่ากูด้วยวะ ถ้ารีบหนักมันก็แซงกูไปได้ กูก็ไม่ได้ขับเร็วสักนิด ” เผลอหลุดยิ้มกับคำบ่นนั้น อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่าเพราะมึงขับซ้ายทีขวาทีมากกว่าคนที่ขับตามหลังก็เลยยากที่จะตัดสินใจว่าจะแซงดีมั้ย

“ ไม่ต้องไปสนใจ ”

“ กลัวจังว่ะ ความมั่นใจในการขับของกูลดลงเหลือศูนย์แล้วสัด ”

“ กลัวอะไร ”

“ ก็กลัว ” ปลายสายคงอยากจะบอกว่ากลัวอุบัติเหตุแต่มันคงไม่อยากจะพูดออกมาให้เป็นห่วงกันก็เลยนิ่งไป “ ไม่มีอะไรหรอก ”

“ อื้ม ไม่มีอะไรหรอก ” ผมบอก “ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวกูจะเข้าไปช่วยมึงไว้เอง เพราะงั้นก็แค่ขับไปตามที่บอก มีสมาธิ ไม่ต้องเกร็ง มึงของกูทำได้อยู่แล้ว ”

“ คิดถึงมึง ” ปลายสายที่พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบนั้น ชวนให้เพื่อนที่นั่งร่วมรถของผมเบิกตาขึ้นล้อ ก่อนจะทำทีเป็นหันไปทางอื่น “ กูสำเหนียกตัวเองได้แล้วว่า ชีวิตที่มันไม่มีมึงอยู่ด้วย เป็นอะไรที่โคตรบัดซบจริงๆ  ”

“ สมน้ำหน้า ” ผมบอกแบบนั้นอีกคนก็ยิ้มออกมา

“ พูดว่าสมน้ำหน้าแต่ก็เป็นห่วง กูรู้หรอก ”

“ ถ้ารู้แล้วก็ขับรถดีๆ มึงเก่งอยู่แล้ว ยังไงก็ถึงอย่างปลอดภัย ”

“ ส่งจุ๊บมาหน่อย ”

“ กลับมาค่อยเอา ” กดวางสายไปทันทีก่อนที่อีกคนจะพูดอะไรต่อ ผมหลุดยิ้มออกมากับหน้าจอที่วางสายไปไม่ต่างอะไรกับคนที่ในร้านกาแฟนั่นที่ก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน แล้วตอนนั้นไอ้เจมันก็พูดแซวขึ้นมา

“ เป็นคนอบอุ่นเหมือนกันนะครับเพื่อน ”

“ เสือก ”

รถคันหน้าที่ขับตามมาตั้งแต่กรุงเทพเริ่มขับดีขึ้นหลังจากที่ออกจากปั้ม เพราะอย่างน้อยตอนนี้มันก็ไม่ส่ายไปมาแบบขวาทีซ้ายทีจนน่าปวดหัวเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าปัญหาที่ตามมาตอนนี้ก็คือ เมดเริ่มขับเร็วขึ้นตามสภาพความคล่องตัวของถนนและความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น

“ เริ่มขับเร็วแล้วว่ะ ”

“ อื้ม ”

“ แต่ก็ดีกว่าเก่านะ ” เจบอก ผมก็พยักหน้ารับ “ นี่แค่พูดกับมึงมันก็มีมั่นใจขึ้นขนาดนี้เลยเหรอวะ ไม่ใช่เพราะเห็นเราแล้วเหรอ ”

“ ไม่น่าจะเห็น ”

“ เมดมันจำทะเบียนรถไอ้สัดอัยย์ได้รึเปล่าวะ ” หันไปเหลือบเพื่อน คำตอบของผมคือ ‘ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ’ เพราะว่าอัยย์เพิ่งซื้อรถใหม่มา ก็มีความเป็นไปได้ที่มันจำได้เพราะอีกฝ่ายก็เป็นพวกช่างสังเกตอยู่แล้ว และก็มีความเป็นไปไม่ได้เพราะมันยังไม่เคยนั่งรถไอ้อัยย์เลยสักครั้ง “ เลี้ยวละ ”

“ บ้านมันอยู่ที่นี่เหรอวะ ”

“ คงจะใช่ ” คำตอบของเพื่อนทำให้ผมชะลอรถลงที่หน้าหมู่บ้านใหญ่ที่ดูจากสภาพแวดล้อมภายนอก ก็คงเป็นหมู่บ้านของคนมีเงินในละแวกนี้ “ เข้าไปได้ละ ”

“ ผ่านได้เปล่าวะไอ้สัด ไม่มีสติกเกอร์ด้วย ”

“ ก็บอกไปว่าเป็นเพื่อน น้องเมดน้องวิวที่มีบ้านอยู่ที่นี่ ” เลี้ยวรถเข้าไปตามที่เพื่อนแนะนำ แต่ยังไม่ทันจะจอดรถไม้กั้นของป้อมยามที่ควรปิดและสอบถามเรา กลับถูกเปิดขึ้นให้เราขับเข้ามาแบบไม่สอบถามอะไร “ ไม่ถามอะไรหน่อยเหรอวะ มาเป็นยามหมู่บ้านกู กูจะแจ้งให้ไล่ออกไอ้สัด ”

“ ไม่ใช่คันหน้าบอกไว้แล้วเหรอว่า เดี๋ยวถ้า HRV สีดำขับตามเข้ามาให้เปิดประตูให้เลย ” เจหันมามองผมมันยิ้มออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ผมขับรถเข้าไปใหมู่บ้านที่โดยรอบแวดล้อมไปด้วยต้มไม้เป็นส่วนใหญ่ บรรยายกาศร่มรื่นซึ่งแตกต่างจากหมู่บ้านทั่วไปที่จะสร้างติดๆกัน แบบบ้านเป็นบ้านสองชั้นขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ดีไซต์สวยเสียจนผมมองเพลินแบบชนิดที่ลืมตามหาบ้านของคนที่ตั้งใจขับตามมาส่งตั้งแต่ต้น

“ หมู่บ้านสวยว่ะ ร่มรื่นดีนะมึง ”

“ เป็นแบบหมู่บ้านที่หาไม่ค่อยได้ในกรุงเทพอะสัด ”

“ แต่หมู่บ้านมึงก็ได้นะ ” เจบอกผม “ แต่ราคาก็นะ ยากแท้จะเอื้อมถึง ”

“ นั่นไงบ้านไอ้เมด ” บอกเพื่อนตอนที่กำลังจะขับผ่านบ้านหลังหนึ่งที่ตอนนี้มีรถคันที่ตามมาจอดอยู่ ผมทำทีเป็นขับผ่านไปเหมือนไม่ได้ตามมา แล้วตอนที่มองผ่านกระจกหลังผมพบว่ารถคันนั้นขับเข้าไปในบ้านหลังจากที่ประตูอัตโนมัตินั่นถูกเปิดออก

ครืน ครืน ครืน

เสียงโทรศัพท์ของผมที่ตั้งอยู่ตรงที่เปิดประตูสั่น บนหน้าจอปรากฏภาพของคนที่ก็น่าจะโทรมารายงานความคืบหน้า ว่ามันถึงบ้านเรียบร้อย เหยียบเบรคชะลอรถก่อนจะจอดลงระหว่างทางที่ไม่ไกลจากบ้านอีกคนเท่าไหร่นักแถมยังอยู่ในเส้นถนนเดียวกัน แล้วตอนที่กดรับผมก็กรอกเสียงไปตามสาย

“ ว่าไง ”

“ ขอบคุณที่มาส่งนะมึง ” ผมพูดที่ทำให้ผมนิ่ง แล้วตอนที่มองผ่านกระจกหลังไป ก็เห็นคนที่ผมขับรถตามมาตลอดมายืนอยู่บนถนนหน้าประตูบ้านตัวเอง เมดที่โบกมือให้กันเป็นท่าทางที่ทำให้ไอ้เจหัวเราะออกมาลั่นรถแต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังเถียงมัน

“ ใครมาส่งมึง ”

“ รถน้องอัยย์ HRV  สีดำ ป้ายทะเบียน ขก 5326 ”

“ รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ”

“ ตอนออกมาจากปั้ม ”

“ อื้ม ”

“ ขอบคุณที่มาส่ง ” เมดบอกกันอีกครั้ง ส่วนผมก็อยากบอกกลับไปเหมือนกันว่า ‘ ไม่เป็นไร ยังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่อยากทำให้อยู่แล้ว ’  แต่เพราะไม่ใช่คนที่พูดอะไรตรงๆแบบนั้น ก็เลยพูดอกออกไปตามที่นิสัยตัวเองเป็น

“ ไอ้เจมันเป็นห่วงไอ้วิวเลยให้กูมา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกูสักนิด ”

“ เอามุกนั้นไปบอกควายเถอะไอ้สัด ” ผมหลุดยิ้ม “ คนอย่างมึงถ้าขี้เกียจมาช้างทั้งโขลงมาฉุดมึงก็ไม่ลุกออกจากที่นอนไปไหนหรอก ไม่ต้องเอาข้ออ้างนั้นมาบอกคนที่รู้จักคุณอาฟเตอร์อารยะดีอย่างกู ”

“ เข้าบ้านได้แล้ว กูขอให้พ่อมึงด่ามึง ”

“ ปากเสียไอ้ส้นตีน ” อีกฝ่ายบอก “ แล้วไม่เข้ามาบ้านกูหน่อยเหรอ มาถึงแล้วนะ ”

“ ก็บอกว่าอยากจะเล่าเรื่องกูให้พ่อมึงฟังก่อนจะพากูมาแนะนำไม่ใช่เหรอ ”

“ ก็ใช่ ”

“ ทำตามที่คิดไป ” บอกแบบนั้น เราก็ต่างเงียบให้กัน สายตาของผมที่มองอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังในตอนนั้นเมดก็ถามเสียงเบา

“ อาฟ ไม่โกรธกันแล้วนะ ขอโทษที่ดื้อกับมึงขนาดนี้ ”

“ ก็สมเป็นมึงไม่ใช่เหรอ ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา “ กูไม่เคยโกรธ ไม่เคยโกรธคนที่รู้สันดานดีอยู่แล้วว่าดื้อแค่ไหน  ” แล้วนั่นก็คือคำตอบของผมที่รู้สึกมาตลอด

ก็คงที่บ้างเราอาจจะหงุดหงิดกันด้วยเพราะนิสัยที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือความเข้าใจของเราเองที่ต่างฝ่ายก็รู้ดีว่าอีกคนนิสัยเป็นยังไง เหมือนความดื้อที่ไม่มีวันยอมลดลงถ้ายังไม่ได้ลองทำของเมด ที่ถึงแม้จะทำผมหงุดหงิดมาก แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นคนเดียว ที่ผมยอมใจอ่อนให้ง่ายๆ และไม่เคยโกรธมันอย่างจริงจังสักที

“ เข้าบ้านเถอะ ”

“ อื้ม ” อีกคนตอบแล้วตอนที่หันหลังเดินกลับไปผมก็บอก

“ เมด กูลืมบอกมึงไปอย่าง ”

“ อะไรวะ ”

“ ไม่มีรอบสองนะ ขากลับกูจะมารับ ” แล้วตอนนั้นเสียงตอบกลับที่มาพร้อมกับการหัวเราะแห้งๆ ก็ชวนให้มยิ้ม

“ ก็คิดว่างั้นแหละมึง น้องคงไม่ดื้อกับพี่อาฟแล้วละ ”

................................................................


กราบขออภัยที่ อาฟก็คือยังไม่ได้เจอพ่อตา
ตั้งใจไว้ว่า อยากจะพาเมดเข้าบ้านพี่อาฟก่อน #สาบานอย่างจริงจังว่าตอนหน้าแน่นอน
ส่วนตอนนี้ มีแต่ความอยากเขียนล้วนๆ ตั้งใจอยากจะเขียนเมดดื้อกับอาฟบ้าง เป็นอีกมุมหนึ่งของเมดที่แบบ ปกติเราจะเห็นแค่เมด ดูแลเอาใจพี่อาฟ ก็เลยอยากจะเขียนมุมที่เมดทำพี่อาฟปวดประสาทบ้างไรบ้าง จริงๆก็ตั้งใจจะเขียนในตอนหลักแล้วละ แต่ว่า มันยัดลงไปไม่ได้พล๊อตไม่ส่งกัน แต่ตอนนี้ละ พล๊อตส่งพอดี เพราะงั้นขอแทรกคิวก่อนนะคะ จุ๊บๆ

ท้ายนี้ มีของมาอวด นั่นคือออออออ
ความคืบหน้าของ หนังสือชุดผับชั้นสาม


นี่คือ โปสการ์ดที่จะแถมให้กับผู้ที่สั่งจอง รอบแรกเท่านั้น
อันนี้ สองแผ่นนะคะ ไอจีอาฟแผ่นหนึ่ง ไอจีเมดแผ่นหนึ่ง

( ป.ล.พี่อาฟหล่อมาก หลัวที่แท้จริง )


และนี่คือ หนทางของการมีพี่อาฟเป็นของตัวเองนะคะ
สนใจสั่งซื้อ กดดูรายละเอียดที่สารบัญได้เลย  #ใช่ค่ะดิฉันขายของ

ท้ายนี้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์กันเสมอ
นิยายยังอัพอยู่ หายหัวไปคือ เขียนตอนพิเศษอยู่ ทุกตอนอัดแน่นและเต็มอิ่ม จากใจ
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่า

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
ยอมใจอาฟเลย โอยๆๆๆ อาฟปากแข็งแต่อบอุ่น อาฟรักและห่วงเมดมาก สิ่งนี้คือเสน่ห์ของอาฟ อ่านเรื่องนี้ทีไรเค้ายิ้มตลอดเลย ชอบมากๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
น้องเมดดื้อจริงๆ

ออฟไลน์ ข้าวสวย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :a5:7 โคตรดื้อ นี้เราคงเป็น1ในคนที่ชูนิ้วกลางให้อ่ะ
โคตรเกลียดเลยพวกขับรถแบบนี้อ่ะ ขับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย55555555555 ขออภัยหัวร้อนนิดหน่อย
อาฟก็คงเป็นอาฟ กวนตีนเป็นที่1  อ่านแล้วฟีลกู้ด เข้าใจว่าคนรักกันมันก็งี้แหละ ต้องหาจุดสมดุลที่จะเข้าใจกัน

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
น่าสงสารวิว  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่อาฟน่ารัก ห่วงแต่ปากแข็ง อีกคนดื้อ อีกคนปากแข็ง o13

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สงสารน้องวิวเมารถ5555555

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คนห่วงแฟน2019

ออฟไลน์ New_atcha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มีความห่วง ความฮาและความน่ารักของคุณอารยะ

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
 o13 สนุกสากๆเลยจ้า

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ความห่วงของอาฟนั้น...

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด