( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 485160 ครั้ง)

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
อาฟเมดหลุดพ้นแล้วใช่ม่ะสรุป แถมเก่งขึ้นจนสามารถนั่งเคลียร์กันเองโดยไม่ต้องพึ่งพี่เจกับน้อง
วิวด้วย แถมอีกนิดพี่อาฟเฉลยปริศนาเรื่องนมเองเสร็จสรรพ
ที่เหลือคือ...จิง เหลือแค่เราแล้วล่ะว่าจะเอายังไง

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
โห้ยยยย ดีใจที่ไม่ต้องรอวันศุกร์หน้า
และคุ้มค่ากับที่รอคอย
มีปมดราม่า .. สรุปดราม่า.. รู้ความจริงเจ้าของนมในตอนเดียว ดีมาก ดีมากจริง .. ไม่ต้อง อึนๆ ไปอีกอาทิตนึง เราชอบแบบนี้ ให้เคลียกันให้จบเร็วๆ เพราะเราเชื่อว่าทั้งคู่ คงไม่อยากทะเลาะกันไปนานๆหรอก เราก็เหมือนกัน
ส่วนดราม่าใหม่ ที่ไม่น่าร้ายแรงและไม่น่าเกี่ยวกะเมด.. คงไม่ทำให้เราอึนอีกแล้ว
ขอบคุณนะ
แต่งเก่งมาก ผูกปม คลายปม .. ได้ดี

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ว่ายีนส์เฮี้ยแล้วนะ จิ้งเฮี้ยคูณสิบ

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
พัฒนาการดีขึ้นมากๆ ดีแล้วที่เคลียร์กันเอง ดีแล้ว อาฟใจเย็นขึ้นนะ ดีแล้วดีจริงๆ เข้าใจและเคลียร์ทุกอย่างแล้วนะ โล่งอกเลย... คุณผู้เขียนค้ะ จะทำเป็นหนังสือด้วยไหมจ้ะ เค้าอยากเก็บไว้อ่ะเป็นเรื่องที่มีคุณค่ากับจิตใจเค้ามากๆเลยค่ะ ทำเป็นหนังสือเถอะนะจ้ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อยากได้น้องเดย์ ๆๆๆๆ  :katai3:

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จิงโป๊ะแตกละ บินนี่เหี้ยซ้ำซ้อนจิงๆ เพื่อนกัน 3 คนนี่ทำได้ไง

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ช็อคกับความจริง

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
สนุกมากเลยค่ะ  o13

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกันจริงๆ
สรุปแล้ว..อิบิน เชี่ยสุด

สมเพชอิยีนส์ อิจิง
แย่งกันจะเอาตัวเชี่ย
คิดจะจริงจังแล้ว..ขำว่ะ

อาฟกะเมด คู่นี้ดิจริงจัง
คู่จริง อิอิ

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
แล้วยีนส์รู้เรื่องของบินกับจิงยัง
ถ้ารู้แล้ว  ยังรักบินต่อได้นี่  ไม่อยากจะเซดเลย  จะรักจะหลงอะไรขนาดนั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wildride

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
  :pig4:

 อึ่ม ก็เข้าใจว่าถ้ารักที่จะอยู่ด้วยกันแล้ว หากมีปัญหาขัดข้องเคืองใจก็ต้องหันหน้าพูดคุยกัน (หรือด่าทอก็แล้วแต่)

 คือแบบว่า ไดอะลอคแต่ละคนยาวววววเป็นพะระกราฟเลย

 ..บุญบาป

 นี่เองก็อยากเข้าใจในเหตุและผลด้วยคนนะ
แต่หลังๆนี่คิดตามพวกเธอไม่ทันแล้ว /ปล่อยผ่านเลย แค่happyก็ok

ออฟไลน์ PK.Kenaf

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอิบบบบ เพื่อนเมดแต่ละคน หาดีไม่ได้เลยเนาะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :a5: ไอ้จิงก็1ในเมียไอ้บินเหรอเนี่ย

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
สรุปคือแกเอาทุกคนเลยเหรอบิน..

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
555555555


ว่าแล้วเชียว หลังจากที่รู้ธาตุแท้ของนาง

ตอนนี้มองนางไม่ดีทุกทาง

แล้วก็เดาถูกด้วย

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
คราวนี้เมดกับอาฟพัฒนาให้สามารถคุยและจบปัญหากันได้เอง

แต่สำหรับจิง เลวจริงเลวจัง

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อยากเอาก้านมะยมมาตีอาฟอ่ะพูดเลย ฟันไม่หมดก็ไปโมโหใส่เมดอีกดีนะที่เมดใจเย็นพอที่จะเคลียร์กัน ก็อยากจะถามเหมือนเมดนะว่าตอนนั้นทำไมไม่เดินเข้าไปบอกบิน"เฮ้ย! นี้นมกูมึงทำเหี้ยไรว่ะ" แต่ก็ดีแล้วตอนนั้นอาจไม่ใช่พรหมลิขิตก็ได้ แอบสงสารเมดตอนอาฟตะคอกใส่ฟังไม่หมดเองแท้ๆแต่ก็ดีทีเคลียร์กันได้รักกันๆ
 และก็เป็นไปอยากที่คิดไว้จริงๆว่าไอ้บินมันเหี้ยได้อีก และเมดมีเพื่อนที่สาระเลวมากคนเหี้ยไรหักหลังเพื่่อนได้ไอ้เหี้ยนั้นใครให้ก็เอาหมดพอแหล่ะกับคนแบบนี้ไม่อยากอ่านแล้วตอนที่เหลือของเป็นเมดกับพวกพ้องนะไม่เอาพวกสั..านหมาแล้ว ไม่อยากให้วิวเอาเรื่องนี่ไปบอกเมดเลยไม่อยากให้เมดเสียความรู้สึกไปมากกว่านี้
 :กอด1: คนเขียนจะรออ่านให้หมดทุกตอนจ้าเมดน่ารัก

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนแรกก็หวั่นๆว่าอาฟจะฟังเมดพูดมั๊ย ดีนะที่ฟังไม่งั้นจะหน่วงกว่านี้ เข้าใจกันแล้วก็ถึงเวลาหวานซะทีนะ

ว่าแล้วจิงต้องเป็นอีกคนที่หักหลังเมด ที่ไม่บอกเมดเรื่องยีนต์ตอนนั้นเพราะตัวเองก็แอบกินแฟนเพื่อนเหมือนกัน โคตรเลวทั้งสามคนเลย สุดท้ายก็ต้องโดนทิ้งคนแบบนี้ ปล่อยผ่าน :เฮ้อ:


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 49

ถุงขนมที่ซื้อมาจากห้างถูกวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวตรงโซนครัว ผมหันมองนาฬิกาที่กำลังบอกเวลาบ่ายห้าโมงเย็น ดูท่าว่าวันนี้เจ้าของห้องก็คงกลับมาอีกทีคือช่วงตีสามหลังเลิกงานเหมือนเดิม จะว่าไปตั้งแต่มีชีวิตมาบนโลกใบนี้และได้รู้จักใครสักคนที่ได้ขึ้นว่าแฟน ไม่ว่าจะเป็นทั้งของตัวเองหรือเพื่อน  ก็รู้สึกได้เลยว่าความรักของผมกับพี่เจช่างเป็นอะไรที่เรียบง่ายเสียเหลือเกิน และมันก็เรียบง่ายแบบชนิดที่ผมเองยังนึกกลัว

เพราะเคยอ่านประโยคหนึ่งในหนังสือที่เขียนไว้ ว่ารักที่ไม่มีความตื่นเต้นเลย จะมีความเบื่อหน่ายต่อกันในท้ายที่สุดแล้วก็เลิกรากันไปแบบไร้เหตุผล ไม่ได้นอกใจ ไม่ได้เสียใจ เป็นความรู้สึกเพียงแค่ ก็ไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกันอีกแล้ว ก็เลยแยกทางกัน

คุณเจตฎ์ ผู้ชายที่ทำหน้าที่ด้านการตลาดและ PR ของผับดังอย่าง throw up  ท่าทางภายนอกที่ดูเหมือนจะคนคลูแบบเท่ห์ๆที่ใช้ชีวิตแบบเข้าหาคนอื่น รักการสังสรรค์ เอาใจคนเก่ง และมีเพื่อนฝูงมากมาย แต่เอาเข้าจริง เพื่อนสนิทคนเดียวที่มันมีคือ พี่อาฟ เจ้าของผับ พี่เจไม่ใช่คนชอบเอาใจใคร และสิ่งเดียวที่มันรัก คือ การอยู่บ้านแบบชิวๆ

วันหยุดของพี่เจไม่มีอะไรมากกว่าการที่เราจะทำอาหารกินด้วยกัน เลือกหนังจาก netflix ดูสักเรื่อง เบื่อหน่อยก็ออกไปเดินตามสวนสาธารณะที่อยู่ใกล้คอนโดแล้วปั่นจักรยานกันไปรอบๆนั้น ใช้หูฟังคนละข้างจากเพลย์ลิตต์ที่เราตั้งไว้ด้วยกันเพราะชอบเพลงสไตส์เดียวกัน แล้วก็นอนดูวิวท้องฟ้าด้วยการหนุนตักผม ต่อด้วยการหาร้านอาหารอร่อยๆ กินด้วยกัน จากนั้นก็กลับเข้าบ้านมาดูหนังอีกสักเรื่อง  อาจจะต่อด้วยเซ็กส์ในบางครั้ง แล้วเราก็หลับไป

มันเป็นผู้ชายที่เรียบง่ายมาก จนผมเคยพูดกับพี่เมดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ ‘ มันเรียบง่ายขนาดนี้ได้ยังไงกันวะ ’ แล้วตอนนั้นพี่ชายผมก็แค่หัวเราะก่อนจะพูดขึ้น

‘ อย่าให้ต้องตื่นเต้นมากเหมือนชีวิตกูเลย อะไรแบบนั้นมันก็ดีแล้ว เชื่อเถอะ ’ ในตอนนั้นผมเถียงออกไป

‘ เหรอวะ ’ แต่ปลายสายก็แค่ตอบรับว่า

‘ อื้ม ’ เบาๆในคอ ‘ ความรักมันเป็นอะไรแบบที่ว่า ถ้ามึงคิดว่ามันน่าเบื่อ มันก็จะน่าเบื่อตามความรู้สึกของมึง ’

‘ ก็คงจริงแบบนั้นมั้ง คือตอนที่กูคิดถึงว่าอยู่กับพี่เจแล้วได้ทำอะไรบ้างมันก็เบื่อนะ เพราะมันเหมือนไม่มีอะไรเลย แต่พอได้ทำจริงๆ กูกลับรู้สึกว่า มันก็ดีแล้วนะอะไรแบบนี้น่ะ  แล้วก็โคตรแปลกที่คนอย่างกูจะมาชอบอะไรแบบนี้อะพี่เมด ’

‘ มึงก็แค่ชอบเจ ’ อีกคนบอกแบบนั้น ‘ บางทีมึงก็ไม่ได้ชอบสิ่งที่มึงทำกับมันหรอก แต่มึงแค่อยากอยู่กับมัน ก็เลยกลายเป็นว่ามึงทำอะไรก็ได้แค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอ กูพูดถูกมั้ย ’ ยอมรับว่าเผลอเบะปากแล้วได้แต่ยิ้มไม่หุบกับสิ่งที่ได้ยิน ใบหน้าที่ร้อนจัดของผมมันเขินจนต้องทำทีเป็นชวนไปคุยเรื่องอื่น

‘ ตั้งแต่คบกับพี่อาฟ รู้สึกพี่มึงจะพูดจี้ใจดำเก่งขึ้นนะ  ’

‘ แน่นอน เพราะความเป็น throw up มันหล่อหลอม ’ พี่เมดที่หัวเราะออกมาตอนนั้น ผมเองก็เผลอยิ้มกว้างไปด้วย อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่พูดเก่งขึ้นหรอก แต่พี่เมดหัวเราะเก่งขึ้นด้วย แล้วก็มีความสุขในทุกครั้งที่เราคุยกันเลย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่คุยกันทุกครั้งก็มีแต่เสียงถอนหายใจแบบเบื่อหน่ายที่ไม่ค่อยจะความสุขสักเท่าไหร่

ผมเผลอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหนักใจในตอนที่เผลอคิดถึงพี่ชายตัวเอง ทุกความคิดในอดีตนั้นถูกกดหยุดลงราวกับมีปุ่ม เพียงเพราะผมแค่คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อช่วงเที่ยงวัน

ภาพของพี่จิงเพื่อนสนิทพี่เมดกับไอ้เชี้ยบินคนรักเก่า บทสนทนาที่ได้ฟังไม่ต้องฉลาดมากก็พอรู้ว่าเรื่องราวนั้นเป็นยังไง คล้ายความรู้สึกชวนอาเจียนที่แน่นอยู่ในอกผม มันกระอักกระอ่วมอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่คิดว่าเรื่องนั้นคือเรื่องจริง ก็ขยะแขยงความเป็นมุนษย์ที่เหมือนจะมีน้อยนิดของผู้กระทำ

“ จะเล่าหรือไม่เล่าดีวะ ” หยิบมือถือขึ้นมาตอนที่พูดขึ้นกับตัวเองอย่างงั้น พี่เจเคยบอกผมไว้ว่า เวลาจะพูดไม่ดีกับใครให้เราคิดว่าถ้าเราเป็นคนฟัง เราจะอยากฟังมันมั้ย ถ้าไม่ ก็ให้เงียบปากไป ไม่ต้องพูด “ แต่นี่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีไม่ใช่เหรอวะ มันก็แค่ความจริงที่ฟังแล้วอาจจะรู้สึกแย่นิดๆหน่อยๆ ...หรือว่ามาก ” ถอนหายใจออกมากับตัวเองอีกครั้งกับความคิดสุดท้ายที่พูดออกมา ก่อนจะเกาหัวอย่างแรงเพราะไม่รู้จะทำยังไง “ แต่ถ้ารู้แล้วไม่บอก วันหนึ่งพี่เมดโดนไอ้เชี้ยบินพูดว่า กูเอาพวกมึงมาทั้งกลุ่มแล้ว พี่เมดก็ต้องรู้สึกแย่นะเว้ย แต่ว่าพี่เมดก็มีพี่อาฟอยู่ก็อาจจะไม่เป็นไรแล้วก็ได้ อารมณ์ไม่แคร์ ” มองโทรศัพท์ตัวเองอีกครั้ง ในห้วงความรู้สึกหนึ่งผมก็แค่กลัวว่าพี่เมดจะโดนทำร้ายอีก ผมไม่อยากให้พี่เมดเป็นเหยื่อของคนพวกนั้น ไม่อยากให้ต้องมามีเรื่องทะเลาะกับพี่อาฟด้วย แล้วยังไงการรู้ความจริงมันก็เซฟกว่า “ เอาว่ะ! เป็นไงเป็นกัน พี่ชายกูจะโง่ไม่ได้สิ พี่ชายกูต้องรู้เท่าทันพวกแม่ง  ”

หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกในตอนนั้น ผมรอสายอยู่ไม่นาน เจ้าของเบอร์ก็รับแต่ทว่าเสียงตอบกลับมากับไม่ใช่เสียงทักทายกันแบบปกติ แต่กลับเป็นเสียงหัวเราะที่กำลังมีความสุขอยู่

“ ฮ่าๆ ไอ้สัดอาฟ ไอ้เหี้ย ฮ่าๆ อย่า แกล้ง กู  ปล่อยก่อนวิวโทรมา ” สิ่งที่อยากพูดถูกกลืนลงไปในคออย่างอัตโนมัติทำได้แค่ยิ้มแห้งๆกับตัวเองในตอนนั้น “ ว่าไงวิว ”

“ ทำอะไรกันอยู่วะ ดูมีความสุขกันสุดๆ ”

“ ไอ้เชี้ยอาฟแม่งกวนตีนกูอยู่น่ะสิ เอามาตอหนวดมาถูคอกู.. ฮ่าๆ  จักกะจี้ ไอ้สัด ฮ่าๆ กูจะคุยกับน้อง มึงแม่งอย่าทำตัวไร้มารยาทสิวะอารยะ ”

“ ไม่มีอยู่แล้วจะแคร์อะไร ” พี่อาฟพูดเข้ามาในสาย ผมก็ได้แต่ยกยิ้ม แล้วตอนนั้นผมก็พูด

“ ก็จริงของพี่มันนะพี่เมด ”

“ ไอ้วิวบอกว่า ก็จริงของมึงอะ ฮ่าๆ ” เสียงหัวเราะดังในท้ายประโยคของอีกฝ่ายเงียบไปสักพักก่อนเสียงจูบดูดดื่มแบบเบาๆจะดังขึ้นมาแทน จนทำให้ผมได้แต่เม้มริมฝีปาก

‘ แต่คือการที่กูเห็นด้วยว่าพี่มึงไม่ต้องแคร์เพราะไม่มีมารยาทอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าพี่มึงจะมาจูบกันผ่านสายให้กูได้ยินได้นะเว้ย! ’ ผมคิดอยู่ในใจแล้วทำทีเป็นเงียบอยู่แบบนั้นจนพี่เมดพูดขึ้นเสียงไม่เบานัก

“ พอแล้วสัด ไปโกนหนวดได้แล้วไป เดี๋ยวต้องออกไป throw up อีก ”

“ นั่นยังไม่ไปผับกันอีกเหรอวะ ”

“ ยัง ไอ้เชี้ยอาฟขี้แตก สุดแสนจะเรื่องมากให้ขี้ที่ร้านข้าวก็ไม่ขี้ ต้องกลับมาขี้คอนโด ”

“ นี่พี่มึงพูดเรื่องนี้แบบธรรมดาได้ไงวะ ”

“ ทำไมอะมึง เรื่องขี้มันก็ธรรมดานะ ใครๆต่างก็ต้องขี้ทั้งนั้น ” อีกคนบอกเสียงใส ผมก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วทำทีเป็นพูดเรื่องอื่น

“ แล้วคือตัดภาพมาที่แฟนกูไปตั้งแต่ยังไม่ห้าโมง ส่วนเจ้าของผับกับแฟนของเค้ายังไม่เข้าไปเลย งั้นปลายเดือนก็อย่าลืมเพิ่มโบนัสให้พี่เจของกูด้วยนะ ”

“ อะไรของกูนะ ” พี่เมดแซว

“ กวนตีนละไอ้พี่เมด ” ผมบอกปัดปลายสายก็หัวเราะถูกใจที่ได้แกล้งกัน เอาจริงๆ ตอนแรกก็ไม่คิดจะเล่าเพราะอยากให้มีความสุขต่อ แต่ตอนนี้เริ่มหมั่นไส้มันละ เป็นความรู้สึกสุขแบบที่ ‘ มึงมีความสุขมากใช่มั้ยพี่เมด ได้เลยเดี๋ยวกูเล่าความทุกข์ให้ฟังเองจ๊ะ ’

“ แล้วโทรมามีอะไรครับน้องวิว ” แต่พออีกคนถามขึ้นมาจริงๆ ผมก็ได้แค่ยิ้มกับตัวเอง

“ ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงพี่เมดอะ ” ยังไงก็คงไม่กล้าเล่าอยู่ดี และต่อให้มีความสุขจนน่าหมั่นไส้มากกว่านี้ก็ยังอยากให้พี่เมดมีความสุขต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ ไม่อยากจะให้มาทุกข์ใจกับเรื่องอะไรเลย

“ คิดถึงมึงเหมือนกัน หรือว่าเราไปดูหนังกันมั้ย ”

“ ไม่เอาอะ วิวขี้เกียจออกไป ” แต่ความจริงก็คือกลัวหลุดปากพูดเรื่องนั้นออกไปมากกว่า “ แค่โทรมาบอกว่าคิดถึงเฉยๆนั่นแหละ ช่วงนี้มีความสุขดีใช่มั้ย ”

“ มีความสุขดี มีเรื่องเข้าใจผิดกับอาฟนิดนึงแต่กูสองคนเคลียร์กันไปละ ตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว ”

“ งั้นก็ดีแล้ว ”


“ แล้วมึงอะเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าววันนี้ไปกินข้าวกับน้องเดย์ ”

“ สุขสบายดีไม่มีอะไรเพิ่มเติม เหมือนเดิมแบบที่เคยบอกพี่เมดไป ส่วนวันนี้กูแทบจะหักคอน้องเขยของพี่มึง กวนตีนกูจัง แถมยังแดกดุชิบหาย ดีนะมันเลี้ยงไม่งั้นกูก็ไม่มีตังค์หารจ้า ”

“ อ้าว แล้วทำไมไม่บอก เท่าไหร่ๆเดี๋ยวกูไปจ่ายน้องเดย์เอง ”

“ ไม่ต้องหรอกมั้ง เห็นพี่เดย์บอกกูว่าพี่อาฟให้เงินมาอีกทีอะ ตอนแรกจะมากันสามคนแต่พี่อัยย์เสือกขี้เกียจเพราะอยากกกสาวมากกว่าเลยเทพวกกูสองคนไม่ออกมาซะงั้น”

“ เหรอ ” พี่เมดพูดเสียงเบา ก่อนที่ผมจะได้ยินอีกคนถามพี่อาฟ “ อาฟ วันนี้ให้เงินน้องเดย์ไปเลี้ยงข้าววิวเหรอ ”

“ เปล่า ” เสียงอีกคนตอบกลับมาผมก็ได้แค่ขมวดคิ้ว “ เงินไอ้สัดเจไม่ใช่เงินกู ”

“ อ้าว ” เสียงพี่เมดสบถออกมาตามสาย “ แล้วทำไมน้องเดย์ต้องบอกว่าของมึง ”

“ ถามไอ้เจสิ กูใช่ไอ้เจที่ไหน ”

“ สัด ” สบถใส่แฟนตัวเองก่อนกลับมาพูดต่อกับผม “ เจคงให้เพราะเห็นว่าเดย์กับอัยย์เป็นคนพามึงไปนั่นแหละ มันเลยจ่ายให้พวกมึงจะได้กินกันเต็มที่ มันคงกลัวแฟนมันไม่สนุกเวลาไม่มีมันไง ”

“ นี่ก็อวยเก่งจริงๆ ” ผมบอก “ แต่วิวก็คิดว่างั้น ไอ้เจแม่งชอบทำแบบนี้เวลาวิวไปไหนกับพี่เดย์พี่อัยย์เพราะไปกับพี่มันไม่ได้ มันชอบให้ตังค์บอกจะได้กินกันสนุกๆ แต่ที่กูไม่เข้าใจอะ ทำไมมันไม่เอาเงินให้กู กูจะได้เอาไปหารกับพวกพี่มัน แล้วนี่เงินทอนอยู่ไหน ได้กูมั้ย ก็ไม่ ได้พวกพี่มัน คือเหมือนพี่เจให้ทิปมันที่กวนส้นตีนกูเก่งทั้งวันอะพี่เมด ผีมากจ้า ”

“ นี่ก็บ่นเก่งจริงๆ ”

“ งั้นกูโทรไปหาพี่เจก่อนละ แค่นี้ก่อนนะพี่เมด ไว้คุยกันครับ ”

“ โอเค มีอะไรโทรมา ”

“ โอเคครับ ” ผมตอบรับแต่ก่อนจะวางสายก็ไม่ลืมเอ่ยถามอีกคน “ นี่พี่เมด ตอนนี้พี่เมดมีความสุขมั้ย ”

“ ถามทำไมวะ ก็ต้องมีสิ ”

“ เปล่า วิวแค่มีความสุขม๊ากมาก เลยอยากให้พี่เมดมีความสุขด้วยไง ก็วิวไม่ค่อยได้โทรหาพี่เมดเลยเพราะมัวแต่แบบอยู่กับพี่เจ กลัวพี่เมดมีอะไรไม่สบายใจมั้ย เป็นห่วงอะ ”

“ คิดมากน่ามึง กูตอนนี้มีความสุขม๊ากมาก ” อีกคนเลียนแบบเสียงผมก่อนจะหัวเราะ “ อีกอย่างนะถ้ามึงมีความสุขกับการอยู่ตรงนั้น กูโอเค ไม่ต้องคิดมากหรอก แต่ว่าถ้าไม่สบายใจอะไรถึงแม้จะแค่นิดเดียวกูอยากให้มึงคิดถึงกูนะ เข้าใจที่พี่เมดจะพูดมั้ยครับน้องวิว ”

“ เข้าใจครับผม รักพี่เมดนะ ”

“ รักเหมือนกัน ” สายโทรศัพท์ของเราถูกวางไปหลังพูดจบ ผมลดมือถือลงแล้ววางมันลงที่บนโต๊ะและไม่ได้โทรไปหาพี่เจอย่างที่บอกอีกคนไป


ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องบอกเล่านั่นก็จริงอยู่
แต่ความจริงที่คนฟังต้องเสียใจ ยิ่งเรารักเค้ามากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งไม่อยากเล่ามากเท่านั้น

ช่วงเวลาตีสามกว่าที่ภายนอกห้องนอนมีการเคลื่อนไหว ผมขยับตัวเองที่กำลังนอนดูซี่รีส์ยาวจากช่องโปรแกรมรายเดือนเบือนสายตาไปมองประตูห้องนอนที่ถูกเปิดออก เจ้าของห้องขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่เห็นว่าผมยังไม่หลับ พี่เจยกยิ้มก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเค้าหย่อนตัวลงนั่งตรงเตียงฝั่งตัวเองก่อนจะโน้มตัวมาจูบลงที่ริมฝีปาก

“ ทำไมยังไม่นอน ” พูดแค่นั้นก่อนจะหันไปมองทีวี พี่เจยิ้ม “ ไม่ปวดตารึไงไอ้เด็กติดซีรี่ส์ ”

“ นิดนึงอะ ” มือเรียวเอื้อมขึ้นจับแก้มก่อนจะยิ้มในตอนที่ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปมา “ แล้ววันนี้ที่ผับเป็นไงบ้างอะ ”

“ โคตรยุ่ง ” บอกแบบนั้นก่อนจะขยับตัวบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะพูดทั้งที่มือก็ขยับถอดกระดุมเสื้อที่ใส่อยู่ “ วันนี้มีทั้งโปรโมตเหล้าตัวใหม่ แล้วไหนจะมีวงดนตรีมาอีก ”

“ งั้นก็รีบไปอาบน้ำจะได้มานอน ”

“ ครับๆ ” อีกคนตอบ “ แต่พรุ่งนี้กูไม่มีเรียนนะ เราไปไหนกันดี ” ผมทำท่าคิดก่อนจะส่ายหน้าบอกอีกคน

“ ยังคิดไม่ออก ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยว่ากัน ”

“ โอเค ” ตอบรับกันสั้นๆพี่เจก็หายเข้าไปในส่วนของห้องน้ำ ในตอนนั้นผมก็ปิดทีวีที่กำลังดูนั่นลงก่อนจะขยับตัวนอนรออีกคนที่ก็อาบน้ำไม่นานและเรียกได้ว่าน่าจะเดินผ่านน้ำมากกว่า ชุดนอนแบบเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นอย่างที่ใส่ประจำเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วนั่งลงบนเตียงก่อนจะเอนตัวลงนอนทันที

“ นี่พี่เจ ”

“ ว่าไง ” อีกคนตอบรับเสียงในคอแต่ทว่าดวงตานั้นกลับไปไม่ได้ลืมขึ้นมามองกันแต่อย่างใด มือที่เอื้อมมือมากอดผมก่อนจะดึงเข้าไปใกล้ ลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่เหนื่อยมาจากการทำงานทำให้ผมเลือกที่จะเงียบแทนที่จะพูดปรึกษาในสิ่งที่กำลังคิดไม่ตกจนนอนไม่หลับแล้วก็ทำได้แค่ขยับตัวเข้าไปซุกในอกของอีกคน

“ นอนเถอะ ไม่มีอะไรหรอก ” เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกัน

แดดจัดจากข้างนอกส่องผ่านทะลุผ้าม่านเข้ามาในห้องของเรา ผมเลือกขยับตัวเข้าไปซุกคนข้างตัวแทนที่จะลืมตาสู้กับแสงแดดนั่น แต่สุดท้ายก็เหมือนต้องพ่ายแพ้แล้วลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ผมผ่อนลมหายใจอย่างคาดโทษกับแสงแดดที่สาดลงมาบนเตียงพลางมองผ้าม่านในห้องที่ไม่ค่อยจะบดบังแสงแดดสักเท่าไหร่

ผมว่า ผมหาคำตอบได้แล้วสำหรับคำถามที่ว่า ‘ วันนี้อยากไปไหน ’ ที่อีกคนถามกันเมื่อคืน บอกได้คำเดียวเลยว่า ในสมองตอนนี้แค่คำตอบก็คือ  ‘ ไปห้าง กูจะไปซื้อม่านใหม่!  ’

“ นี่ก็นอนไม่สะท้านเลย ” ถอนหายใจออกมากับอีกคนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับไปไหน พี่เจเป็นพวกนอนหลับง่ายและหลับที่ไหนก็ได้โดยเฉพาะเวลามันหลับ ต่อให้ข้างๆพื้นที่คอนโดมีการเจาะเสาเข็มมันก็ไม่ตื่นขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว เพราะงั้นแสงแดดแค่นี้ทำอะไรมันที่กำลังนอนไม่ได้ทั้งนั้น

จำใจลุกขึ้นจากที่นอน ผมหยิบเอายางผูกผมที่เส้นเล็กที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาผูกจุกผมตรงหน้าม้าที่ชอบยุ่งเหยิงไปมาในตอนที่ตื่นก่อนจะพาตัวเองไปล้างหน้าแล้วก็เข้าครัวไปหาอะไรกิน หยิบนมจากในตู้เย็นออกมาเป็นอย่างแรก ผมเจาะเปิดมันก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขนมแบบเวเฟอร์ช็อกโกเล็ตที่ซื้อตั้งแต่เมื่อวานมาเปิดถุงออก แต่ในตอนที่ดูดนมเข้าไปแต่ยังไม่ทันกัดขนม มือเรียวของคนที่นอนข้างกันก็กอดเข้าที่เอวจากด้านหลังอย่างไม่ทันรู้ตัวว่าอีกฝ่ายลุกขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน

“ พี่เจ ” หันไปหาอีกคนแต่กลับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมายกเว้นริมฝีปากของคนเพิ่งตื่นนอนที่แนบลงมาบนริมฝีปากของผม

เผลอเผยอปากรับลิ้นที่สอดเข้ามานั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เกลียวลิ้นของเรากอดเกี่ยวกันอย่างออกรสไม่ต่างอะไรกับฝ่ามือของคนที่กอดเอวผมอยู่ พี่เจไล่มันลงไปต่ำไปข้างเพียงข้าง เค้าสอดมือเข้าไปในขอบกางเกงนอนยางยืดของผมก่อนจะบีบเบาๆลงที่ก้นกลมแล้วใช้มืออีกข้างลูบขึ้นสูงมาที่ยอดอก นิ้วชี้ของเค้าสะกิดติ่งกลางอกในแข็งชันอย่างหยอกล้อ เป็นสถานการณ์ล่อแหลมที่ผมต้องเอ่ยห้ามไว้ก่อนจะเกินเลยไปมากกว่านี้

“ พอเลยมึง ”

“ มีอารมณ์กับกูหน่อย ”

“ ไม่มีเว้ย ปล่อยเลยนะพี่มึง ” พูดแบบนั้นแต่อีกคนก็เพียงแค่ผละมือออกจากส่วนอ่อนไหวทั้งหมดนั้นแล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นกอดเอวกันไว้หลวมแทนๆ ใบหน้าของพี่เจตั้งอยู่บนไหล่ผมก่อนจะหอมแก้มแล้วถาม

“ เมื่อคืนมีอะไร ”

“ อะไรมีอะไร ” ขมวดคิ้วตอนที่หันไปถามอีกคนก็ยกยิ้ม

“ ก็เมื่อคืนเหมือนมึงจะพูดอะไรสักอย่าง ”

“ ก็ยังจำได้นะ ”  ผมแซวมัน “ ท่าทางมึงตอนนั้นคือโคตรไม่มีสติอะไร เหมือนจะหลับอย่างเดียวให้ได้ ”

“ กูเหนื่อยไง โทษทีที่ไม่ได้ฟังมึง ” อีกคนบอกยิ้มๆก่อนจะปล่อยมือจากเอวผมแล้วเดินไปหยิบนมจากในตู้เย็นมากินบ้าง
 
“ กูก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เข้าใจอยู่แล้วเรื่องที่พี่มึงจะเหนื่อย ” บอกแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองขึ้นไปนั่งบนเค้าเตอร์ครัวส่วนที่ว่างแล้วดึงขนมที่เปิดไว้นานแล้วขึ้นมากิน

“ แล้วมีอะไรจะพูดกับกู ”

“ กูมีเรื่องจะปรึกษา ” อีกคนพยักหน้ารับทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองหน้ากัน “ เรื่องพี่เมด ” ใบหน้าเพิ่งตื่นหันมามองหน้ากัน พี่เจขมวดคิ้วตอนมองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจออกมา ตอนเห็นความไม่สบายใจที่ฉายอยู่บนหน้าผม

“ เรื่องเหี้ยถูกมั้ย ”

“ เหี้ยมากด้วย ” หลอดนมที่เจาะอยู่บนกล่องถูกชะงักที่จะดูดเข้าไปอีกคนเหลือบมองผม

“ ว่ามา ”

“ เมื่อวานตอนกูไปห้างระหว่างรอพี่เดย์อยู่ กูเจอไอ้เชี้ยบินกับเพื่อนพี่เมดที่ชื่อจิง มันสองคนคุยกันอยู่ที่ร้านหนังสือ ” ผมถอนหายใจออกมาในตอนที่เล่า “ เนื้อหามันเหมือนว่า เชี้ยบินมาบอกเลิกกับพี่จิง เพราะจะจริงจังกับพี่ยีนส์คนที่ตอนนั้นพี่เมดเห็นว่าเอากันอยู่ในห้อง ” คนฟังขมวดคิ้วในตอนที่ผมเล่า “ แล้วพี่จิงก็พูดขึ้นว่า ‘ กูเองก็มีอะไรกับมึงลับหลังเมดเหมือนกันกับไอ้ยีนส์แต่ทำไมสุดท้ายถึงเลือกยีนส์แต่ไม่ใช่กูละวะบิน ’ ”

“ เชี้ย เดี๋ยวนะ ” พี่เจชะงักนมที่ถือ เค้านิ่งไปนานเหมือนกำลังประมวลผลในสิ่งที่ฟัง “ คือมึงจะบอกกูว่า นอกจากไอ้บินมันจะเอากับไอ้ยีนส์ มันก็ยังเอากับไอ้จิงด้วย ซึ่งตอนนั้นไอ้บินมันก็ยังคบกับไอ้เมดแล้วตอนนั้นไอ้สองคนนี้ก็คือยังเป็นเพื่อนที่ดีของไอ้เมดอยู่ถูกมั้ย ”

“ อื้ม ”

“ เชี้ย ” พี่เจสบถออกมาก่อนจะถอนหายใจ “ ต้องเหี้ยยังไงถึงทำได้ขนาดนั้นวะ แล้วนี่ยังไงบอกไอ้เมดรึยัง ” ผมส่ายหน้าไปมากับคำถามนั้น

“ ไม่กล้า เมื่อวานตั้งจะโทรไปบอกแต่ก็ไม่กล้า ” ก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมา “ พอพี่เมดรับสายจริงๆ เสียงเค้ามีความสุขมากเลยมึง กูไม่กล้าบอกอะ กูไม่อยากทำให้พี่เมดไม่มีความสุข แต่กูก็ไม่อยากให้พี่เมดโดนใครทำร้ายอีกเหมือนกัน กูกลัวว่าถ้าพี่เมดรู้ความจริงพี่เมดจะตกใจ กูกลัวอะไรหลายๆอย่างที่กูไม่รู้ว่าตอนนี้พี่กูรู้สึกยังไง กูกลัวว่าพี่เมดจะทะเลาะกับพี่อาฟด้วย ”

“ กูเข้าใจ ” คนที่ยืนอยู่ข้างกันเดินเข้ามากอดผมไว้ มือที่ลูบหลังของเค้าทำให้ผมเอื้อมมือไปกอดตอบอีกคนไว้แน่น

“ สงสารพี่เมดอะมึง ทำไมพี่กูต้องมาเจอเรื่องที่มันเหี้ยแบบนี้ด้วยวะ พี่กูไปทำอะไรให้พวกมันนักหนา ทำไมถึงจ้องแต่จะทำร้ายพี่กูด้วย ทั้งๆที่พี่ชายกูมีแต่ความหวังดีให้พวกมัน พี่กูไม่เคยเอาเปรียบใคร ถ้าให้อะไรได้พี่กูก็ให้ตลอด ตอนสอบพี่เมดก็คอยนั่งทำสรุปเก็งข้อสอบให้พวกมัน ต้องอ่านหนังสือเยอะกว่าใครเพื่อจะได้ไปสอนพวกมันอีกที แล้วมึงดูสิ่งที่พวกมันทำกับพี่กูสิ อึก.. ทำไม ทำไมมันเหี้ยกับพี่กูขนาดนี้ ทำไมใจร้ายขนาดนี้  อึก ทำไมวะพี่เจ ทำไม อึก ทำไมต้องทำให้พี่เมดเสียใจด้วยวะ ฮือๆ กูสงสารพี่เมดอะมึง ทำไมมันไม่สงสารพี่เมดบ้างเลย ”

“ ใจเย็นก่อน กูเข้าใจว่ามึงเสียใจ แต่ใจเย็นก่อน ไม่ต้องร้องไห้ ” มือที่เอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้กัน อีกคนขยี้หัวผม “ กูรู้ว่ามึงรักพี่ชายมึงมาก ปกติถ้าเป็นมึงก็ต้องพูดออกไปแล้ว แต่ครั้งนี้มีคิดก่อนพูด ดีมากเลยกูขอชมนะวิว ”

“ กูแค่ไม่อยากให้พี่เมดเสียใจ ” เงยหน้าขึ้นเถียงอีกคนพลางปาดน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่ตรงข้างแก้มด้วยหลังมือ “ แล้วทำยังไงดี มึงว่ากูควรเล่ามั้ยพี่เจ พี่เมดควรรู้เรื่องนี้มั้ย หรือมึงคิดว่ายังไง ”

“ กูก็ไม่รู้ ” อีกคนบอกผมก็ได้แต่ถอนหายใจ “ เราไม่ใช่ไอ้เมดนะวิว เราไม่รู้หรอกว่ามันจะรู้สึกยังไงเมื่อได้ฟัง อาจจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว หรือบางทีอาจจะรู้สึกมากเราก็ไม่รู้ เพราะงั้นการที่มึงคิดอย่างดีก่อนที่จะพูดแบบนี้ มันดีที่สุดแล้ว ความจริงไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดเสมอไปหรอก มันต้องดูอะไรหลายๆอย่าง เวลา ความรู้สึกของคนฟัง ” ผมพยักหน้ารับอีกคนในตอนนั้นพี่เจก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจ มันคงรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ไม่ต่างจากผม  “ แต่ความจริงแม่งไม่ใช่สิ่งที่รู้แล้วจะดีเสมอไปจริงๆวะ บางทีความจริงแม่งก็เหี้ยมาก ส้นตีนจริงๆ ”

“ แล้วเราจะทำยังไง ไม่บอกแบบนี้น่ะเหรอ ”

“ กูบอกไอ้อาฟได้มั้ย ” คำถามที่ทำให้ผมนิ่ง “ เพราะกูเชื่อว่า มันรู้ว่าต้องทำยังไง ”

“ แล้วถ้าตอนที่พี่อาฟเล่าแล้วพี่เมดเกิดเสียใจขึ้นมา พี่อาฟจะไม่คิดมากอีกเหรอวะ ว่าพี่เมดยังรักไอ้เชี้ยบินอะ ”

“ ไม่หรอก ” พี่เจบอกผม “ มันไม่ได้เพิ่งผ่านเรื่องเหี้ยๆนี่มา มันผ่านกันมาหลายครั้งแล้ว กูเชื่อว่าอาฟน่าจะรู้ว่าต้องทำยังไง มั่นใจในตัวพี่เขยมึงหน่อย ”

“ เหรอ ”

“ อย่าลืมสิวิวว่าตอนนี้คนที่ไม่อยากให้ไอ้เมดเสียใจไม่ได้มีแค่มึงคนเดียวแล้วนะ แต่มันมีไอ้อาฟเพื่อนกูด้วยจริงมั้ย ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจอย่างเบาใจออกมาเพียงแค่ได้ยินประโยคนั้น “ งั้นพี่มึงก็เล่าพี่อาฟนะ กูจะเล่ามึงแบบละเอียด มึงก็เอาไปเล่าให้พี่อาฟฟังแล้วกัน ”

นั่งเล่าเรื่องราวพวกนั้นให้พี่เจฟัง ผมอธิบายแม้แต่สายตาเจ็บปวดของพี่จิงที่ตัวเองได้เห็น ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกออกมาตอนที่เล่าจบ ก็อย่างที่พี่เจบอก ‘ พี่เมดยังมีพี่อาฟที่ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ทำให้เสียใจ แล้วสำหรับเรื่องนี้เค้าคงคิดหาทางบอกให้พี่เมดรู้แบบไม่เสียใจ หรือไม่ก็เสียใจน้อยที่สุดแน่นอน ’

“ ว่าแต่ เป็นไอ้เหี้ยบินนี่ก็คุ้มดีนะ ได้หมดครบวงเลย มันแน่นอนจริงๆ ” พี่เจว่ายิ้มๆผมก็แต่แบะปากแล้วเหล่มองอีกคน

“ มึงอยากลองเป็นมันดูบ้างมั้ยละ แต่บอกไว้ก่อนว่ากูไม่ใจดีนะ ไอ้โมเม้นท์แบบที่เห็นแล้วช็อกแบบที่เมดที่เดินออกไปมันจะไม่เกิดขึ้นกับกูหรอกนะ เพราะถ้าเป็นกู คือกูจะเดินไปหยิบมีดแล้วก็มันตัดKมึงทิ้งซะจำไว้ ”

“ ตัวแค่นี้ทำไมโหดจัง ” โดนพี่เจดึงเข้าไปกอดก่อนจะหอมแก้ม วินาทีนั้นผมมองหน้าอีกคนแบบหาเรื่อง “ กูไม่ทำหรอก กูไม่ใช่พวกวิตถาร ”

“ มึงว่าไอ้เชี้ยบินเป็นวิตถารเหรอ ”

“ แล้วคนปกติที่ไหนจะชอบเอากับคนใกล้ตัวแฟนแบบมัน คนเดียวยังพอว่าแต่นี่ทั้งสองคน งั้นแสดงว่ามันก็คงเป็นพวกชอบเซ็กส์แบบที่ต้องหลบๆซ่อนๆ มีอารมณ์กับคนใกล้ตัวแฟนแต่กับแฟนตัวเองก็ไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไหร่รึเปล่า ”

“ พี่เมดเคยเล่าว่ามันชอบชวนพี่เมดเอากันแบบในที่สาธารณะ พวกห้องน้ำห้าง ห้องน้ำมหาลัย แต่พี่เมดไม่ชอบเลยไม่เคยเอากับมันเลย แล้วมันก็เป็นพวกที่ชอบมีอะไรกับคนที่ยังไม่พร้อมอะ มันไม่เล้าโลมด้วยนะ คือเหมือนจะใส่ก็ใส่เลย พี่เมดเลยไม่ค่อยมีอะไรกับมัน เหมือนกลัวด้วยละ สี่ปีที่คบมาคงไม่ถึงห้าครั้งมั้ง แล้วเพราะแบบนั้นไง มันเลยนอกใจพี่เมดบ่อยๆ ”

“ ดีนะที่แม่งเลิกกันได้ ”

“ เออ กูแม่งโล่งอกโล่งใจ แล้วถึงพี่อาฟแม่งจะปากเหี้ยแบบไม่หน่อยแต่ก็เอาวะ ยังไงแม่งก็รักพี่เมดของกู รายนี้ถนอมยิ่งกว่าพ่ออีกมั้ง ”

“ แต่กูเองก็ไม่ต่างจากอาฟนะ ” มือที่เริ่มเลื้อยเข้ามากอดเอว พี่เจจูบลงบนริมฝีปากของผมที่ก็มองมันก่อนจะถาม

“ อะไรที่ว่าไม่ต่าง ”

“ ความรักที่กูมีให้มึงไง ”

“ งั้นพิสูจน์หน่อยสิ ” เอื้อมมือไปกอดรอบคออีกคนไว้ก่อนจะใช้เท้าเกี่ยวเข้ากอดที่เอว “ พอดีกูเชื่อคนที่การกระทำมากกว่าคำพูด ”


“ งั้นคงต้องไปที่เตียง เพราะการทำให้ใครสักคนเชื่อใจ มันทำรอบเดียวไม่ได้อยู่แล้ว ”

.............................................................


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
นอกหน้าต่างรถที่เคลื่อนไปมีแต่ความเบื่อหน่ายผสมกับความเขี้เกียจลอยคุ้งเต็มไปหมดในความรู้สึกของผม ‘ ไม่เคยเกลียดการเรียนเช้าเท่าวันนี้เลย ’ ในใจที่พูดกับตัวเองแบบนั้น ผมก้มลงกัดแซนด์วิชแฮมชีสในมือก่อนจะเคี้ยวแล้วหันไปหยิบนมช็อกโกแล็ตขวดเดิมที่เคยได้รับตอนสมัยม.ปลายขึ้นมาดูดก่อนจะวางมันลงตรงที่วางแก้วข้างๆกับแก้วกาแฟคาราเมลมัคคิอาโต้ของคุณอารยะที่ตอนนี้กำลังเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงที่กำลังเปิด ‘ ช่างมีความสุขเหลือเกินพ่อคุณ ’

แต่เมื่อคืนมึงเล่นจัดการกูขนาดนั้น มึงจะไม่มีความสุขได้ยังไง มีแค่กูนี่แหละ ที่ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วง ทั้งๆที่ได้กลับบ้านตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะยังไงก็ได้นอนตอนตีสามอยู่ดี แม้เอาเข้าจริงผมไม่ควรที่จะเบื่อกับมาเรียนเช้าขนาดนั้น เพราะอาฟขับรถมาส่งผมทั้งๆที่ไม่มีเรียนมันยังไม่เบื่อเลย ทั้งๆที่ธุระของตัวเองก็ไม่ใช่

“ หิว ” คนขับรถพูดเสียงเบาออกมาคล้ายบ่น  ทั้งๆที่แซนด์วิชของมันก็ตั้งอยู่บนตักผม และผมเองก็บอกมันแล้วว่าให้หยิบไปกินแต่อาฟก็คืออาฟ ในช่วงเวลาแบบนี้ข้ออ้างร้อยแปดของมันก็ถูกพูดออกมาแบบไม่หยุดปาก ขับรถอยู่บ้าง ไม่ถนัดบ้าง ทั้งๆที่จริงมันก็แค่ต้องการให้ผมป้อนมันก็เท่านั้น

“ กินสิ ” เชิดหน้าไปที่แซนด์วิชที่ตั้งอยู่ อีกคนก็เหลือบมอง

“ ขับรถ ”

“ ตอนนี้ติดไฟแดง ”

“ เดี๋ยวก็เคลื่อนแล้ว ” หันไปมองเลขสีแดงที่กำลังนับถอยหลังทั้งๆที่ยังคงเป็นเลขสามหลัก

“ เลขสามหลัก ไม่น่าเดี๋ยว เชิญครับคุณอารยะ ” ผมหยิบถุงแซนด์วิชยื่นให้มัน แต่อีกคนยังนิ่ง “ อย่าให้พี่มิณทร์ต้องดุหนูนะครับ ”

“ ปัญญาอ่อน ” มันว่ายิ้มๆก่อนจะดึงเบรคมือขึ้นแล้วดึงตัวเองเข้ามาจูบผม สายตาที่สบกันของเรา จะต้องให้พูดอีกสักกี่ครั้งก็ขอยืนยันว่าเกลียดช่วงเวลาแบบนี้จริงๆ ความรู้สึกตอนโดนจู่โจมแล้วหัวใจเต้นแรงแบบนี้ ผมเป็นฝ่ายเหลือบตาไปมองฝั่งอื่นในท้ายที่สุดแบบคนแพ้ ในตอนนั้นอาฟก็บอก “ ป้อนหน่อย ”

“ มีมือก็ไม่แดกเอง เรื่องมากจริงๆ ” จำใจหยิบแซนด์วิชของมันขึ้นมาในท้ายที่สุด แล้วคนที่อ่อนให้ก็คือผมในทุกครั้งอยู่ดี จัดการเปิดถุงอาหารเช้าก่อนจะฉีกกระดาษตามรอยเปิดที่มีให้ ผมยื่นไปทางมัน อาฟก้มลงมากัดแล้วเคี้ยวอยู่สักพักก่อนจะถาม

“ เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนปวดขี้ ”

“ กูขี้เกียจ ” สารภาพออกไปตามความจริง “ กูแบบขี้เกียจมาเรียนมากกกกก เบื่อรถติดด้วย กูอยากนอน กูปวดตัว วิชานี้แม่งชอบให้งานกลุ่ม โคตรน่าเบื่อ ”

“ อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้วไง ” มือหนาเอื้อมมาขยี้หัวกันเบาๆเหมือนจะปลอบให้อดทนหน่อย

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับ “ มึงวางแพลนอนาคตหลังเรียนจบไว้ว่ายังไงวะ เรียนต่อมั้ย หรือยังไง ”

“ ไม่รู้แต่คงไม่เรียนต่อ ขี้เกียจ ”

“ กูก็คิดว่าคงไม่เรียนต่อเหมือนกัน แต่ว่าจะไปสอบเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี ถึงมันจะยากมากกกกกกกก็เถอะ แต่ยังไงกูก็คิดว่าจะลองสอบไว้ ” ผ่อนลมหายใจออกมาในตอนที่คิดถึงอนาคตที่ยังไม่สามารถวางแพลนอะไรได้แน่นอน แต่คิดว่าตัวคงจะเหนื่อยน้อยลงกว่านี้หน่อย  อย่างน้อยเลยก็คือไม่มีเรียนแล้วจะได้พักผ่อนเต็มที่แม้จะต้องแปลงร่างเป็นมนุษย์กลางคืนแบบเต็มสูบก็ตาม

รถเลี้ยวเข้าไปในเขตมหาลัยของผมหลังจากขับมานาน แซนด์วิชที่ผมป้อนอาฟอยู่ก็มาถึงคำสุดท้ายพอดีเช่นกัน และตอนที่รถจอดลงที่หน้าคณะผมอีกคนก็บอก

“ เลิกเรียนเจอกัน ”

“ แล้วนี่มึงจะไปไหน ”

“ กลับบ้านไปนอน ” บอกกันแบบนั้นแต่ผมก็รู้ว่ามันไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่อาฟทำทุกครั้งคือไม่หาร้านกาแฟนั่งก็ไปวนหาที่จอดรถก่อนจะถือไอแพตมานั่งเล่นเกมส์อยู่หน้าคณะผม

“ ให้มันจริงเถอะครับ ” หันไปบอกก่อนจะเก็บเอาของกินทุกอย่างใส่ถุงใบเดียว แต่ยังไม่ทันเปิดประตูคนขับก็จับแขนกันไว้ก่อน

“ เหมือนมึงจะลืมอะไร ” อาฟบอกแต่ผมยังไม่ทันจะถามอะไร อีกคนก็ดึงตัวเองเข้ามาจูบกันแล้วดึงตัวเองกลับไปประจำที่เดิมเหมือนเมื่อครู่แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่หูมันแดงจัด

“ อาฟ มึงแม่ง..” สุดท้ายก็ได้แต่สบถก่อนจะถอนหายใจแล้วดึงตัวเองเข้าไปหอมแก้มมันที่ก็หันมามองแบบตกใจอยู่ไม่น้อย “ เดี๋ยวเจอกัน ”

“ ตั้งใจเรียน ”

“ ครับผม ”

ภายในห้องเรียนที่กำลังจะเริ่มการสอนในอีกไม่นาน ผมมองหาโต๊ะเลคเชอร์ตัวที่ว่างก่อนจะหันไปเห็นโต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้เพื่อนที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว

“ ฝ้าย นั่งด้วยคน ” ผมทักเธออีกคนที่ก็หันมายิ้มกว้างให้ก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ทำไมวันนี้มาสายวะ แฟนมาส่งสายเหรอ ”

“ อื้ม แต่กูตื่นสายด้วยละ ” ยิ้มแห้งๆให้คนข้างตัวที่ก็เอียงเข้ามาใกล้ก่อนจะแซวกัน

“ นี่เมดกูเพิ่งเห็นแฟนมึงชัดๆ ชื่ออะไรนะ อาร์ค ? ”

“ อาฟ ชื่อ อาฟ ” ผมบอกเธอที่ก็พยักหน้ารับแบบตื่นเต้น

“ นั่นแหละๆ ปกติกูไม่เคยเห็นเค้าใช่มั้ยแต่ใครๆก็ลืกกันว่าหล่อ กูก็ไปจินตนาการต่อยอดเอาเอง ” ขมวดคิ้วกับคำพูดอีกคนแบบงงๆแต่ก็ยังยิ้มกว้าง ผมสบถอยู่ในใจ

‘ ยังไงวะนั่น ’

“ แล้วคราวนี้เมื่อวันก่อนกูเข้าเฟสบุ๊คแล้วเพจคิ้วบอยมหาลัยมันอัพภาพผู้ชายคนนึงขึ้นมา แล้วโคตรหล่อเลยมึง แต่พอเลื่อนไปอ่านคอมเม้นท์ สรุปว่าเป็นแฟนมึงอะ แค่คนแอบถ่ายคิดว่าเป็นเด็กมหาลัยเรา แล้วตอนนั้นก็มีเพจของมหาลัยของเค้ามาแชร์ต่อด้วยเว้ย คนกรี๊ดกันตรึมจ้า ”

“ เหรอวะ ”

“ จริง นี่กูแคปไว้ด้วยนะ ” ฝ้ายบอกแบบนั้นก่อนจะหยิบมือถือของตัวเองแล้วก็ยื่นภาพที่แคปไว้มาให้ผมดู “ นี่ไง หล่อเนอะ มึงหามาจากไหนเนี้ย อิจฉาเลยอะ ”

“ แถวลานจอดรถใต้ห้างอะ ” บอกอีกคนเสียงเรียบๆ อีกคนก็เอียงหน้าเข้ามาใกล้เหมือนได้ยินไม่ชัด

“ มึงว่าอะไรนะ อะไรห้างๆ ”

“ ก็มึงถามว่ากูหาได้จากไหน ตอนเจอกันวันแรกกูเจอมันที่ลานจอดรถใต้ห้าง ”

“ อ๋อออ แบบนี้นี่เอง แต่เค้าหล่อมากเลยนะ แต่มองดูดีๆก็ดูดุๆนะ ตัวจริงดุมั้ย ”

“ มันหน้าดุ แต่จริงๆมันใจดี แล้วก็ชอบกวนตีนด้วย ”

“ เฉพาะมึงเปล่า ที่บอกว่าใจดีอะ ” หลุดหัวเราะออกมากับคำแซวนั้นก่อนจะยิ้มกว้างแล้วเอื้อมมือไปดึงหูตัวเองที่แดงจัดเพื่อระบายความรู้สึกเขินอายนั้น จะบอกว่าดีแค่กับผมมันก็ไม่ผิดหรอกมั้ง ก็อาฟเป็นแบบนั้นจริงๆ “ หน้าแดงใหญ่ อิจฉาเว้ย หมั่นไส้ๆ ”

“ อย่าแซวๆ พอได้แล้ว ”

“ ตั้งแต่มีแฟนใหม่คนนี้มึงดูมีความสุขมากเลยรู้มั้ย ” เสียงของฝ้ายเปลี่ยนเป็นจริงจังในตอนที่เราเงียบไปสักพัก เธอยิ้มให้ผม มันเป็นรอยยิ้มแสดงความยินดีที่แววตานั้นฉายออกมาอย่างจริงใจ “ แบบเมื่อก่อน เวลามึงเดินเข้าห้องมามึงจะชอบนั่งหน้ายุ่งบ่อยๆ บางทีก็ล้าๆเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา แต่เดี๋ยวเวลามึงเดินเข้ามา มึงยิ้มเข้ามาตลอด ตามึงก็ยิ้ม เหมือนมีความสุขจริงๆอะ ”

“ อื้ม กูมีความสุข ” ผมบอกอีกคน “ ถึงจะมีบ้างที่ทะเลาะกัน แต่มันก็แค่ตามประสาแฟนปกติ ยังไงถ้าเอามาเปรียบเทียบกันกูก็มีความสุขมากกว่ามีความทุกข์มากๆอะ ”

“ ก็คือ อิจฉาจ้า กูบอกเลย ” ฝ้ายบอกยิ้มๆ “ อยากมีแฟนดีๆบ้างอะไรบ้าง ”

“ มันไม่มีดีที่สุดหรอก แต่มันมีคนที่เหมาะกับมึงอยู่ เชื่อกูสิ ”

“ สาธุบุญนะเมด ขอให้มันเป็นคนที่เกิดมาแล้วด้วยนะ เพราะตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยมีแฟนเลยอะ ” มือที่พนมกันก่อนจะยกขึ้นจรดระหว่างคิ้วในตอนที่พูด ผมหลุดหัวเราะท่าทางนั้นก่อนจะหันไปมองข้างหลังแล้วพบว่าตอนนี้ จิง อดีตเพื่อนสนิทกำลังมองผมอยู่ ผมยิ้มให้มัน อีกคนก็ยิ้มกลับ ส่วนยีนส์ที่นั่งข้างกันก็กำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ในมือถือ มันไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่

“ มีความสุขจังเลยนะมึงน่ะ ” ผมพูดของจิงที่พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบตรงนั้นทำให้แม้แต่ยีนส์ที่เล่นเกมส์มือถืออยู่ยังเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนข้างตัวของตัวเองสลับกับหน้าผมที่ก็เหลือบสบตามองฝ้ายที่ก็ทำหน้างงไม่แพ้กัน

ก็แค่ไม่เข้าใจประโยคที่อีกคนพูด จิงไม่ได้พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอะไร มันพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉย และไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าวันนี้หน้าตามันดูเครียดแถมใต้ตายังบวมแถมนัยน์ตายังแดงแตกต่างไปจากทุกทีที่เจอกัน

“ มึง ” ยีนส์เอ่ยเรียกคนข้างตัว ส่วนคนโดนเรียกก็แค่หันไปแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจใส่เท่าไหร่จนต้องถาม “ เป็นอะไร ”
“ เปล่า ” คำตอบสั้นๆจากปากของจิง มันหันมายิ้มให้ผม “ กูแค่มีความสุขมากๆ ที่ไอ้เมดมันมีความสุข รวมถึงมึงด้วย ” ท้ายประโยคมันหันไปหายีนส์ที่ก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ในตอนนั้นเสียงเบาๆจากปากของจิงดูเหมือนเป็นคำพูดทีเล่นทีจริง “ พวกมึงมีความสุขจนกูอิจฉาเลยรู้มั้ย ”

“ เป็นอะไรของมันวะ ” ฝ้ายหันมากระซิบผมเสียงเบาๆ ในตอนนั้นผมก็ส่ายหน้า

“ ไม่รู้วะ ”

“ ผีเข้าแน่ อยู่ๆมาแสดงความยินดีกับมึงทั้งๆที่มันก็ทำเหี้ยกับมึง ” หลุดหัวเราะออกมาในตอนนั้น เราไม่ได้พูดอะไรกันต่อเพราะในตอนนั้นอาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาพอดี

การเรียนการสอนเริ่มต้นขึ้นด้วยความเบื่อหน่าย ผมจดๆเขียนๆทุกอย่างลงไปในไอแพตขีดๆข้อความสำคัญและตกแต่งมันไปเรื่อยเปื่อย เริ่มใช้ถนัดขึ้นแล้วจากเมื่อก่อนที่จดไม่ค่อยถนัดแต่ตอนนี้ก็รู้สึกว่ามันสะดวกมาก มากจนผมเผลอคิดว่ารู้แบบนี้ก็น่าจะซื้อมาใช้นานแล้ว

“ นี่เมด ” เสียงของคนที่นั่งข้างกันเอียงหน้าเข้ามาทัก ผมหยุดมือที่กำลังขีดเน้นข้อความก่อนจะเอียงไปหาคนเรียก “ กูรู้สึกว่าไอ้จิงไอ้ยีนส์มันมองมึงตลอดเลย ”

“ เหรอ ” ผมตอบกลับแต่ก็ไม่ได้เหล่มองไปข้างหลังอะไร “ ทางผ่านสายตาไปอ่านสไลค์ข้างหน้ามากกว่าละมั้ง ไม่มีอะไรหรอก ”

“ เหรอ ” เธอตอบอย่างไม่แน่ใจแต่ก็ยอมพยักหน้ารับลง เราหันกลับไปสนใจเรียนต่อ ช่วงเวลาผ่านล่วงเลยจากชั่วโมงเข้าสู่สองชั่วโมงจนมาถึงสไลค์หน้าสุดท้ายที่ถูกสอนจบลง เวลาที่เหลืออยู่ประมาน 20 นาทีในตอนนั้นอาจารย์หน้าห้องก็พูดขึ้น

“ เดี๋ยวอาจารย์จะให้จับกลุ่ม 4 – 5 คนเพื่อทำรายงานกลุ่มตามหัวข้อในสไลค์ตรงแผ่นที่ 14 นะคะ เพราะงั้นจับคู่กับเพื่อนแล้วเขียนชื่อของตัวเองและรหัสนักศึกษามาส่งที่อาจารย์ก่อนหมดคาบด้วยนะ ”

“ โอยยยย ” ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงหลังจากกับเก้าอี้ที่นั่งแล้วหันไปมองข้างตัวเองเป็นอันดับแรก “ จับคู่กันนะฝ้าย ”

“ เอาสิ เดี๋ยวหาเพื่อนก่อน ” เธอบอกก่อนจะไปสะกิดคนข้างหน้าเพื่อถามไถ่แต่ทว่าดูเหมือนคนพวกนั้นจะมีกลุ่มแล้ว ผมหันมาข้างหลังมองผ่านเลยคนสองคนเพื่อถามคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งแต่เหมือนว่าคนพวกนั้นก็จะมีกลุ่มแล้วเหมือนกัน

“ มีใครจะไม่มีกลุ่มมั้ย กูกับเมดขาดอยู่ 3 ไม่ก็ 2 คนก็ได้ ” เธอบอกแบบนั้นก่อนที่จิงจะพูดขึ้น

“ กลุ่มกูขาดอยู่สองคน ถ้าไม่คิดมากอะไร อยู่ด้วยกันก็ได้ ” คำพูดนั้นทำให้ฝ้ายหันมามองผมอย่างลังเลที่จะตัดสินใจ เธอคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ต้องรวมกลุ่มกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ทรยศผม

“ ก็ดีนะ ” ผมบอก ฝ้ายก็ได้แต่นิ่งแต่ตอนนั้นผมยิ้ม “ กูโอเค มึงโอเคมั้ย ”

“ ขนาดมึงยังโอเค งั้นกูก็ต้องโอเค ” เธอบอกก่อนจะก้มลงหยิบกระดาษขึ้นมาก่อนจะเขียนชื่อของตัวเองลงไปเป็นลำดับแรก แล้วก็ยื่นมาให้ผม “ เขียนมานะจะได้เอาไปส่งอาจารย์ ”

“ โอเค ” ก้มหน้าลงเขียนชื่อตัวเองพร้อมรหัสก่อนจะส่งให้คนข้างหลัง ที่พอเขียนเสร็จยีนส์ก็เป็นตัวแทนกลุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเอาไปส่งให้อาจารย์ด้านหน้า

“ งั้นกูเอาไปส่งนะ ”

“ อื้ม ” ผมพยักหน้ารับอีกคนก็นิ่งไปก่อนจะเดินออกไปข้างหน้า ในตอนนั้นฝ้ายก็หันมาถาม   

“ โอเคแน่เหรอเมด ”

“ โอเคสิ ” ยิ้มให้คนที่ดูเป็นห่วง “ กูไม่คิดอะไรแล้วละมึง ไม่ต้องห่วง ”

“ ให้มันแน่ ”

“ ยิ่งกว่าแน่ ” ยักคิ้วอย่างมั่นใจแต่ผมก็รู้สึกแบบนั้นอย่างที่บอกไป

‘ ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว ’ ไม่ได้รู้สึกไม่อยากทำงานร่วมกันหรือแม้แต่รังเกียจอย่างที่เคยเป็นก็ไม่ได้มีอยู่ในความคิด ผมรู้สึกเฉยๆต่อให้ต้องโดนแกล้งเหมือนรอบที่แล้วผมก็คงแก้เนื้อหาและไปส่งอาจารย์เหมือนเดิม อีกอย่างผมรู้สึกว่ายีนส์เองก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นแล้วด้วย ถึงแม้ใครจะพูดว่า ‘ อย่าคิดไปเอง ไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน และมั่นใจได้ยังไงก็เถอะ ’

“ งั้นเรื่องรายงาน เรานัดคุยกันเรื่องหัวข้อที่จะทำทีเดียวเลยแล้วกัน หาเวลาว่างสักวันมาทำช่วยกันหาข้อมูลแล้วแยกย้ายไปพิมพ์กูว่าน่าจะเสร็จ ” ฝ้ายพูดขึ้นหลังจากหมดเวลาเรียน  อาจารย์ออกไปจากห้องแล้ว ทุกคนที่เหลือจะค่อยๆทยอยออกไป ผมเองที่ลุกขึ้นพร้อมฝ้าย จิงกับยีนส์ก็พยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไร “ ยังไงกูจะติดต่อไปทางไลน์แล้วกันนะ ”

“ โอเค ” ได้ยินเสียงตอบรับแค่นั้น เราสองคนก็เดินออกมาจากห้องแต่ทว่าผมก็หยุดชะงักก่อนเพราะคิดขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ส่งข้อความไปหาคนมารับเลย

“ เลิกเรียนแล้วจะไปไหนต่อ ” ฝ้ายหันมาถามตอนที่เห็นว่าผมหยุดเดิน

“ อาฟมันมารับน่ะ ”

“ โอเค งั้นกูไปก่อน เจอกันนะ ”

“ เจอกัน ” ผมโบกมือลาอีกคนก็เดินลงชั้นล่างไป เหลือแค่ผมที่หยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรออกไปหาอาฟ เสียงรอสายที่ดังอยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับ

“ ว่าไง ”

“ เลิกเรียนแล้วละ ”

“ ก็ลงมา ”

“ รออยู่ที่หน้าคณะกูแล้วเหรอ ”

“ อื้ม ”

“ อารยะเด็กดี ”

“ ปัญญาอ่อน ” อีกฝ่ายตอบกลับมาผมก็ได้แต่ยิ้ม

“ ไปกินคากิโกริกัน อยากกินน้ำแข็งไส ”

“ ขาหมูอะนะ ” คนฟังบอกผมก็ได้แต่ถอนหายใจกับความเชยของมัน

“ คากิมันขาหมู แต่อันนี้ไม่ใช่คากิ อันนี้ คากิโกริ ” อีกคนเงียบ “ ไม่รู้จักอะดิ มาครับน้องเมดจะทำการพรีเซ้นให้พี่อาฟฟังนะ คากิโกริก็คือน้ำแข้งไสแบบญี่ปุ่นครับผม ไปกินกันนะกูอยากกิน ”

“ อื้ม แต่กูหิว เที่ยงแล้วต้องกินข้าวก่อน ”

“ งั้นแวะกินข้าวกันก่อนก็ได้เอาที่สยามนี่แหละ เพราะร้านน้ำแข็งไสกูก็อยู่ตรงนั้น ”

“ งั้นก็รีบลงมา ” อีกฝ่ายบอกผมก็แกล้งทำเป็นแซวมัน

“ คิดถึงกูแล้วก็บอก ไม่ต้องทำมาเป็นเร่งเร้า ”

“ อื้ม คิดถึง ” สายที่ตัดลงไปผมได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วถอนหายใจใส่หน้าจอมือถือ ไม่เคยแกล้งแม่งสำเร็จเลย สุดท้ายก็เป็นกูทุกทีที่เขินมึง ไอ้บ้าเอ้ย

“ เมด ” เสียงคุ้นของจิงที่เอ่ยรียกผมที่ก็ยิ้มให้มัน อีกฝ่ายก็เดินตรงมาหา ผมไม่เห็นยีนส์คู่หูของอีกฝ่ายตรงแถวนั้นแล้วตอนที่มองหาเหมือนจิงเองก็จะรู้ “ ไอ้ยีนส์มันไปข้าห้องน้ำน่ะ ”

“ อ๋อ แล้วมึงยังไม่กลับเหรอ ”

“ ยัง ว่าจะไปหาอะไรกินกับไอ้ยีนส์ก่อน มึงละ ”

“ กำลังกลับ อาฟมารับแล้ว ”

“ นี่กูมีอะไรจะบอกมึงหน่อย ” สีหน้าที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนั้นเอ่ยพูดขึ้น ผมก็ได้แต่นิ่ง “ เมื่อวานกูเจอแฟนมึงด้วย ”

“ อาฟน่ะเหรอวะ ”

“ อื้ม ”

“ ที่ไหนวะ ”

“ ที่ห้างแถวพร้อมพงษ์เหมือนจะไปกินข้าวกับใครสักคน ว่าแต่อาฟมันมีน้องสาวด้วยเหรอวะ ” คำถามขออีกคนทำให้ผมนิ่งคิดก่อนจะส่ายหน้า

“ ไม่มีนะ แล้วมึงเจอมันช่วงกี่โมง ”

“ คงเป็นเที่ยง ” อีกคนว่าด้วยสีหน้าแบบไม่สู้ดีนักเหมือนว่า ตัวมันก็ไม่ค่อยอยากจะเล่าเท่าไหร่ “ กูคิดอยู่นานว่าจะเล่ามึงมั้ย กลัวมึงรู้สึกไม่ดี ”

“ แต่กูว่ามึงคงจำคนผิดมากกว่านะ ” ผมยิ้มบอกจิงที่ก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที “ เมื่อวานตอนเที่ยงอาฟมีเรียนแล้วกูก็ไปกับมันด้วย เพราะงั้นถ้าเป็นระหว่างเรียนก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นอยู่แล้วเพราะกุญแจรถอาฟอยู่กับกู กระเป๋าเงินมันก็อยู่กับกู ส่วนถ้าบอกว่าเป็นหลังมันเลิกเรียนก็ไม่น่าใช่ เพราะพอมันเรียนเสร็จเราก็ไปกินชาบูกันที่ทองหล่อเลย ”

“ งั้นเหรอ ” สีหน้านิ่งของคนตรงหน้านั้นพูด ในสายตานั้นแข็งกร้าวอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็แอบซ่อนความรู้สึกผิดหวังไว้

“ แล้วอีกอย่างนะมึงต่อให้เป็นมันจริงๆ กูก็คงคิดว่าเป็นญาติ ไม่ก็การติดต่อธุรกิจอะไรสักอย่างมากกว่ามันจะนอกใจกูอยู่แล้ว ”

“ ทำไมวะ ทำไมมึงถึงมั่นใจนัก ขนาดไอ้บินเอง..”

“ ความเชื่อใจน่ะ ” ผมพูดขึ้นตั้งแต่มันยังพูดไม่จบ “ แล้วก็เพราะว่า นี่คืออาฟ ไม่ใช่บิน ” ยิ้มกว้างให้เพื่อนตรงหน้า “ ขอบใจที่มึงหวังดีนะ งั้นกูไปก่อนนะ อาฟคอยนานแล้ว ”

“ อื้ม ” เสียงตอบเบาๆนั่นผมไม่ได้ให้ความสนใจหรืออยากจะชักถามในความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าหรือแม้แต่ท่าทางของอีกคนเท่าไหร่ ในใจของผมมันอยากจะลงไปข้างล่าง เพราะตอนนี้ท่าทางว่าคนรอคงจะหันมองมาตรงทางลงตึกแบบนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

“ มาแล้วครับผม ไปกัน ” ผมบอกคนที่นั่งเล่นเกมส์อยู่อย่างจริงจัง อาฟปิดหน้าจอที่เล่นอยู่ทันทีมันลุกขึ้นเต็มสูง

“ ช้าชิบหาย คิดว่าตกส้วมไม่ก็ตกบันไดตายไปแล้ว ” มันว่าก่อนจะถอนหายใจ “ นี่กูก็กำลังมองหาเลย ”

“ มองหากูน่ะเหรอ ” ผมถาม แต่อีกคนก็แค่ส่ายหน้า

“ หาเมียใหม่ ”

“ ไอ้สัด ” อีกคนหลุดยิ้มออกมากับคำด่าของผม เป็นคนที่มีความสุขได้ง่ายมากๆ แค่ผมด่าอาฟก็มีความสุขแล้ว “ ท่าจะบ้าชอบให้กูด่า ” ผมบอกแต่อาฟก็ไม่ตอบอะไรมันแค่เอื้อมมือมากอดคอผมไว้ ก่อนจะยกยิ้มกวนตีนให้กันแล้วเอามือข้างที่กอดคอกันอยู่มาบีบแก้มผมที่ก็เบี่ยงหน้าออกแล้วทำทีจะไปกัดนิ้วมัน แต่อาฟที่หลบทันมันก็แค่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ในตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ตัวเลย ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองอยู่

“ แล้ววันนี้เรียนเป็นไง ” อาฟถามขึ้นในตอนที่เราเข้ามานั่งในรถเรียบร้อย ผมคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปบอกมัน

“ กูมีงานกลุ่มอีกแล้ว ซึ่งคนในกลุ่มกูนั้นก็คือ..”

“ ซี้มึง ? ”

“ ไอ้สัด เออ! ” ทำตาโตใส่ตอนพูดอีกคนก็หัวเราะ “ โคตรเหี้ยทำไมไม่มีใครคิดจะมาอยู่กลุ่มกูเลยยังเว้นพวกแม่งที่ไม่มีใครคบเนี้ย ทั้งๆที่กูว่า กูก็ช่วยทำงานกลุ่มนะ หรือเรพาะก่อนหน้านี้กูไม่เคยอยู่กลุ่มคนอื่นเลย  แต่ก็โชคยังดีนะที่ได้เพื่อนผู้หญิงมาอีกคนนึง ”

“ แล้วเป็นไง ”

“ อะไรเป็นไง ” สบสายตาคมที่ตั้งคำถามนั้น อย่างไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมผมก็เข้าใจในสิ่งที่อาฟถามได้ในทันทีมันคงรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของผมที่ต้องทำงานกับทั้งจิงทั้งยีนส์ แล้วก็คงนึกถึงในตอนที่เราเคยทำงานร่วมกัน ผมที่ตอนนี้เคยเสียใจที่ต้องทำงานกับมัน “ กูจะไม่เป็นแบบครั้งก่อนแล้วมึง ตอนนั้นกูเสียใจก็จริงแต่ครั้งนี้ไม่มีอะไรทำให้กูเสียใจได้ทั้งนั้น เพราะมันไม่ได้มีค่าอะไรในชีวิตกูอีกพี่อารยะไม่ต้องเป็นห่วงน้องมิณทร์นะ ”

“ ใครห่วงมึง ” อีกคนเถียงผมก็ทำทีเป็นเหล่ ”

“ มองมาจากดาวอังคารยังรู้จ้าพ่อ ” ผมว่าเราก็ยิ้มให้กับ “ แต่ครั้งนี้มึงไม่ต้องห่วงจริงๆ กูไม่รู้สึกเหี้ยอะไรทั้งนั้น จริงๆนะมึง ไม่รู้สึกอะไรเลย ตอนนี้กูยังไงก็ได้ แค่มาทำงานกลุ่มแบบทำงานกลุ่มจริงๆเถอะ กูอยากให้งานมันออกมาดี คะแนนกูจะได้ดีๆด้วย ”

“ คิดได้แบบนั้นก็ดี ” อาฟบอกก่อนจะหันไปสตาร์ทรถก่อนที่จะขับออกไป ในตอนนั้นผมก็หันไปชวนอาฟคุย

“ แต่ว่านะมึง ไอ้จิงแม่งแปลกมากเลยอะ ไม่รู้กูคิดไปรึเปล่า ”

“ แปลกยังไง ”

“ ก็วันนี้มันมองกูแปลกๆ ทั้งคาบเลย แล้วก็ยังพูดอะไรแปลกๆกับกูอีก แล้วที่กูลงมาจากตึกช้านั่นก็เพราะมันนี่แหละที่มัวแต่ชวนกูคุย ”

“ คุยว่า ? ”

“ มันเข้ามาบอกกูว่ามันเจอมึงนั่งกินข้าวกับสาว ”


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
“ กู ? ” คนถูกพาดพิงหันมามองพลางขมวดคิ้วใส่ผมที่ก็พยักหน้ารับ

“ อื้ม มันบอกว่าเมื่อวานมันเจอมึงไปนั่งกินข้าวกับสาวที่ห้างแถวพร้อมพงษ์ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แหกขี้ตาตื่นมามึงก็ลากกูมาเรียนด้วยอะ แถมยังเอากุญแจรถ เอากระเป๋ามาไว้ที่กู แล้วมึงจะไปเลี้ยงข้าวสาวที่ไหนได้ พอเลิกเรียนเสร็จเราก็ยังไปกินชาบูด้วยกันอยู่เลย กูเลยบอกมันไปว่า มันคงเห็นผิดคนไป ”

“ อาจจะเป็นกูก็ได้ แบบกูยืมเงินไอ้เจไปใช้ก่อนแล้วก็อาจจะขับรถไอ้เจไป ” คนขับหันมายักคิ้วให้ผมที่ก็หันมองมันก่อนจะยิ้ม “ อย่ามั่นใจในตัวกูขนาดนั้นสิ ”

“ กูไม่ได้มั่นใจ แต่กูเชื่อใจมึงต่างหาก ” บอกแบบนั้นอาฟที่ก็นิ่งไป “ ก็มึงไม่ใช่คนเจ้าชู้ เงินมึงทุกบาทที่เข้าออกมันผ่านบัตรซึ่งกูก็เห็นอยู่แล้ว เงินสดที่มึงมีในกระเป๋ากูก็เป็นคนถอนใส่ไว้ให้ ใช้เท่าไหร่กูก็รู้หมด แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องเงินมึงก็เป็นพวกไม่ค่อยชอบขับรถคนอื่น ยิ่งถ้าพาสาวไปด้วย คนอย่างมึงก็ต้องห่วงรูปลักษณ์ของตัวเองไว้ก่อน มึงต้องอยากขับ gtr ไปมากกว่าอยู่แล้ว อีกอย่างมึงไม่ชอบเดินห้างตรงพร้อมพงษ์ ขนาดเราไปกินเครปเค้กไมโลกันวันก่อนมึงยังบอกเลยว่าถ้าไม่มีกูมาด้วยก็ไม่อยากจะมาอีก เพราะมึงรู้สึกว่ามันยุ่งยากแล้วมึงก็ไม่ชอบทำอะไรแบบนั้น มึงเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวาย ” ผมยิ้ม  “ เพราะกูรู้จักแฟนกูดี กูเลยทั้งมั่นใจแล้วก็เชื่อใจไง ว่านั่นต้องไม่ใช่มึงแน่นอน ”

สัญญาณไฟเลี้ยวให้สัญญาณเข้าเลนซ้ายของถนนหลังจากที่ผมพูดประโยคนั้นจบ เบรคมือถูกดึงขึ้นตอนที่รถนั้นจอดสนิท เข็มขัดนิรภัยของอาฟจะถูกปลดออกก่อนร่างเพรียวของคนขับจะดึงมือผมให้เข้าไปใกล้แล้วเอียงหน้าลงจูบที่ริมฝีปาก

“ อาฟ ” เสียงที่เอ่ยที่เรียกด้วยความตกใจเป็นเหมือนกับการเปิดช่องทางให้ลิ้นชื้นของอีกฝ่ายผ่านเข้ามาในโพรงปากเพื่อส่งมอบความดูดดื่มที่กอดเกี่ยวกันและกันเอาไว้

ความเงียบไม่มีเสียงเพลงใดขัด แม้แต่เสียงแอร์ที่ได้ยินก็ไม่ได้ทำให้ความรุ่มร้อนที่อีกคนจู่โจ่มลดลงได้แม้แต่น้อย มือหนาที่จับข้อมือของผมไว้ปล่อยลงข้างตัวก่อนจะเปลี่ยนไปดึงชายเสื้อนักศึกษาของผมขึ้นจากขอบกางเกง อาฟล้วงเข้าไปด้านในเสื้อนั้นมือที่ค่อนข้างกร้านลูบไล้ไปบนรูปร่างของผมอย่างคุ้นชิน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นหลัง เอวคอด หรือแม้แต่ยอดอกที่กำลังแข็งชันเพราะปลายนิ้วซุกซนที่สะกิดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรู้ดีว่านี่คือจุดอ่อนไหว

“ นี่ อาฟ ” ได้ทีเอ่ยเรียกอีกครั้งก็ตอนที่ริมฝีปากนั้นผละออกมาจูบกันที่ซอกคอ สาบเสื้อถูกปลดกระดุมบนให้กว้างขึ้นอาฟไล่จูบลงมาที่ใต้สันกระดูกไหปลาร้า ลมหายใจที่เป่ารดกับลิ้นชื้นที่ดูดเลียบนเนื้อผิว แอร์เย็นที่ต้องกายที่ไร้อาภารณ์ใดปกปิด ผมหายใจแผ่วเบาอยู่อย่างงั้นด้วยความอึดอัด ไม่ว่ายังไงก็แพ้ให้กับการเล้าโลมนี้ไปเสียทุกครั้ง มันร้อนไปทั้งหน้า

แล้วในตอนที่สบเข้ากับสายตาคม อาฟก็แค่เลื่อนมาจูบเบาๆที่เปลือกตาของผม ก่อนจะไล่มาที่ปลายจมูกแล้วก็ข้างแก้ม ริมฝีปากแนบลงอีกครั้งก่อนจะบรรเลงจูบดูดดื่มด้วยทำนองเดิมของมันและในครั้งนี้ผมเองก็เอื้อมมือไปกอดรอบคอของอีกฝ่ายไว้เพื่อร่วมดื่มด่ำไปกับความสุขสมนั้น

“ รู้มั้ย ว่ามีอย่างนึงในตัวกูที่มึงไม่รู้” อาฟกระซิบผมในตอนที่ผละริมฝีปากออกจากกัน ผมหอบหายใจเบาๆเราสบสายตากันทั้งที่ห่างกันแค่ปลายจมูกของกันและกัน “ อย่าน่ารักมากไปกว่านี้เมด เพราะกูอดใจไว้ไม่เก่ง ”

“ ส้นตีน ” เบือนหน้าหนีมันกับคำพูดนั้น คนเราแค่จะแสดงความรักมันต้องจู่โจมกันเบอร์นี้เลยเหรอวะ ผมหันไปคาดโทษมันด้วยสายตาอีกครั้งแต่ก็ใช่ว่าคุณอารยะจะแคร์ อาฟแค่ก้มลงมาหอมแก้มผมแบบเต็มฟอดก่อนจะดึงตัวเองกลับไปคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วขับรถต่อไป ปล่อยให้ผมนั่งหัวยุ่งเหยิงแบบงงๆอยู่อย่างงั้น “ เอาแต่ใจชิบหายไอ้สัด คิดจะจูบก็จูบกู ”

แม้มันจะสมเป็นมึงมากๆก็เถอะ ไอ้สัดอารยะ
 
ผมมาทำงานอย่างอารมณ์ดีในช่วงเย็นเพราะมื้อเที่ยงวันนี้เป็นข้าวหน้าหมูแบบที่อยากกินมานาน ตบด้วยน้ำแข็งไสญี่ปุ่นรถไมโลที่อยากกินทำเอาผมแทบกลิ้งขึ้นรถ แถมก่อนจะมาทำงานยังได้แวะไปกินมื้อเย็นเป็นข้าวปลาไหลอีก ภาพในสตอรี่ไอจีของผมในวันนี้ก็เลยมีแต่ของกินนั้น และตอนนี้มันก็ถูกจัดหมวดหมู่ไว้เป็นอย่างดี แต่ภาพที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมที่สุดก็คงหนีไปพ้นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันทั้งสามร้าน

วันนี้ผมอัพภาพคุณอาฟ เจ้าของผับ throw up สามภาพ เป็นภาพที่มันนั่งอยู่หน้าผมในทุกร้าน พร้อมกับแคปชั่นหัวใจหนึ่งดวง และชื่อร้านนั้นๆ

จะว่าไปก็ลองคิดเล่นๆว่า ตัวผมน่าจะทำไอจีลับแล้วถ่ายภาพอาฟที่ไปนั่งกินข้าวกับผมทุกที่ในทุกวัน มันคงจะดีไม่น้อยถ้าอีกสิบปีข้างหน้าโปรแกรมนี้จะยังคงอยู่ ผมอยากจะย้อนมาดูความทรงจำของเรา ที่คงได้เห็นใบหน้าทีเหมือนจะแก่อยู่แล้ว แก่ขึ้นไปอีกในทุกปี นั่นคงเป็นอะไรที่มีความสุขไปอีกแบบ

“ ยิ้มเหี้ยอะไร เมาปลาไหลเหรอ ” ถอนหายใจออกมาตอนได้ยินคำนั้น ผมหันไปมองหน้ามันก่อนจะลดมือถือที่ถืออยู่นั่นลง ‘ กูกลัวจะอยู่กับมึงไม่ถึงสิบปีเพราะปากมึงนี่แหละไอ้สัด ’

“ วันนี้กูลงภาพมึงไนไอจีกูตั้งสามรูป ” ผมบอกหันหน้าจอไปหามัน “ มีคนไลค์เต็มเลย จะว่าไปมึงก็ดังเหมือนกันนะ พี่อาฟเตอร์เจ้าของ throw up ”

“ ไร้สาระ ” บอกแบบนั้นแต่ก็ยกมือขึ้นเสยผมตัวเองอย่างมั่นใจ

“ เคยมีใครบอกมั้ยว่ามึงหน้าแก่ ”

“ เคยได้ยินแต่คำว่าหล่อ ”

“ ถ้าไม่ติดว่ากูเสียดายปลาไหลละก็นะ ” ลูบอกตัวเองในตอนที่พูดทำทีเหมือนจะพยายามไม่อ้วกออกมาเพราะคำพูดของอีกคน ในตอนนั้นอาฟก็เอื้อมมือมาหยิกแก้มกันมันยิ้มจางๆ

“ หน้าตัวเองเหมือนซาลาลาเปาไส้หมูแดงยังมีหน้ามาวิจารณ์หน้ากูอีกเหรอ ”

“ เห็นหน้าแบบนี้กูเคยลงเพจคิ้วบอยมหาลัยนะเว้ย พี่เมด บัญชีอะ ก็ในระดับนึงนะมึง ” ผมพูดอวด “ ก็มีแต่มึงเท่านั้นแหละสัด ที่มองว่าหน้ากูเหมือนซาลาเปา จริงๆกูมันแค่ผู้ชายมีแก้ม ”

“ กูว่าซาลาเปามันดูขาวๆน่ารักดี ” อีกคนบอกก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกมาในตอนที่เราขับรถมาถึงผับพอดี ประตูรถที่กำลังจะเปิดออกของมันแต่อาฟก็หยุดนิ่งก่อนจะหันมามองหน้าผม มือมันเอื้อมมาขยี้หัวกัน “ แล้วนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมกูถึงบอกว่ามึงเหมือนซาลาเปาไง ”

“ ก็มีแต่มึงนั่นแหละที่มองว่าซาลาเปามันดูน่ารัก ”

“ แล้วไม่ดีรึไง น่ารักที่สุดในโลกของกูเลยนะ ” ผมได้แต่นั่งนิ่งตอนที่อีกคนบอก เสียงกาน้ำร้อนหวีดเวลาน้ำในนั้นถูกต้มสุกจนจุดเดือดดังอยู่ในหูผม หน้าแดงจัดที่เหมือนเลือดจากปลายเท้าจะแล่นขึ้นมากองรวมกันที่หน้า

“ คนเราตายเพราะหัวใจเต้นแรงได้มั้ยวะ ” แต่ถ้าได้มันต้องน่าอายมากแน่นอนที่ต้องไปบอกยมบาลว่า สาเหตุการตายก็คือการมีความสุขมากเกินไปจากคนรักที่ทำให้เขิน

“ ไอ้แก้มอ้วน ” โดนหยิกแก้มแล้วดึงออกอย่างแรง แต่ยังไม่ทันจะร้องโวยวายบอกให้ปล่อยอาฟมันก็พูดขึ้นก่อน “ ทำไมวันนี้ไอ้เจมันมาเร็วจังวะ ”

“ เออ จริงด้วย ” ผมหันไปมองทั้งๆที่มีมืออาฟหยิกแก้มอยู่ “ แต่วันนี้ที่ผับก็ไม่มีอะไรนะ ไม่มีนักร้องด้วย แค่เปิดแผ่นเฉยๆอะ ”  ปล่อยมือจากแก้มผมตอนที่พูดจบอาฟเปิดประตูออกไปนอกรถ ตามด้วยผมที่พอปิดประตูอีกคนก็กดล็อก

เราเดินเข้าไปด้านในพร้อมกันแล้วในตอนที่ผมกำลังสอดส่องหาคนที่กำลังมาถึงก่อน ก็โดนร่างเล็กที่เหมือนจะแอบอยู่ตรงแถวประตูทางเข้าพุ่งเข้ามาใส่แบบเต็มแรงพร้อมกับจมูกที่ฝังลงที่แก้ม

“ พี่เมดดดดด คิดถึงจังเลย ”

“ ตกใจหมดไอ้น้องเวร ” ผมหันไปบอกอีกคนที่ก็กอดแน่นขึ้น

“ โคตรของโคตรคิดถึงแบบว่ามากมาย ”

“ เว่อร์ ” อาฟบอกแค่นั้นก่อนจะเดินตรงเข้าไปด้านใน เจเองที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้อีกฝั่งนึงก็เดินไปสบทบเพื่อนสนิทตัวเอง ทั้งคู่นั่งลงที่บาร์ วิวที่มองแฟนตัวเองอยู่สักพัก จนเจหันมามองมันแล้ววิวก็หันมาบอกผมแบบยิ้มกว้าง

“ พี่เมดไปเซเว่นเป็นเพื่อนวิวหน่อย วิวอยากกินหนม ”

“ ไปสิ ” ผมบอกน้องอีกคนก็ยักคิ้ว

“ งั้นขอตัวพาพี่เมดไปข้างนอกนะครับ ”

“ ไม่ต้องคิดพาไปขายนะเพราะไม่ได้ราคา ” คนปากหมาว่าแบบนั้นวิวมันก็แบะปาก    

“ ถ้าขายจริงๆ ก็มีแต่พี่อาฟมึงนั่นแหละที่จะมาฆ่ากู หวงนัก หอมแก้มนิดๆหน่อยๆยังมองแรง ” วิวมันแซวก่อนจะหอมแก้มผมไปอีกฟอด

“ ไปก่อนที่รองเท้ากูจะปลิวไปโดนหัวมึง ”

“ พอๆ ” ผมบอก “ ไปกัน กูเหนื่อยจะฟังพวกมึงทะเลาะกัน ”

“ ไปกันพี่เมดเลี้ยง เย้! ” โดนลากออกจากผับหลังจากที่เข้าไปไม่ถึงห้านาที ผมกับวิวเดินไปตามทางจูงมือก่อนที่คนข้างๆจะจับมือมือผมไว้ “ จูงมือข้ามถนนเหมือนตอนเด็กๆนะ ”

“ เอาสิ ” ผมกระชับมือน้อง ก่อนจะมองซ้ายทีขวาที เมื่อปลอดภัยแล้วถึงจะข้าม “ เมื่อก่อนนะกูโคตรกลัวเวลาพามึงข้ามถนน รถแถวบ้านเก่าเราแม่งก็โคตรเร็ว กับเด็กก็ไม่มีชะลอเลย ”

“ จริง เวลามากับพี่เมดวิวนี่กำมือพี่เมดแน่นเลย วิวกลัว ”

“ ตอนนั้นกูเลยชอบบอกให้บ้านร้านขายข้าวที่อยู่ตรงข้ามเซเว่นมาช่วยส่งข้ามถนนทุกครั้งเลยไง ” หันไปบอกน้องอีกคนก็พยักหน้ารับ “ แล้วนี่ทำไมมึงมากับเจ ”

“ ก็คิดถึงพี่เมดไง ” ว่าแบบนั้นก่อนจะเอียงหน้าเข้ามาซบแบบอ้อนๆ

“ ท่าทางแบบนี้ น้องวิวจะเอาอะไรไหนบอกพี่มาสิครับ ”

“ เห็นน้องเป็นคนยังไงกันวะไอ้พี่นี่ ”

“ เป็นเด็กขี้อ้อนที่ชอบบอกว่า วิวมีเงินแค่ยี่สิบบาทเอง พี่เมดออกให้วิวอีกห้าบาทได้มั้ย วิวจะได้กินสเลิฟปี้ด้วยกับขนมด้วย นะๆพี่เมดนะ แล้วสุดท้ายพี่ก็แพ้ลูกอ้อนได้กินแค่สิบห้าบาทเอง ส่วนคนขอเงินเราไปก็ขี้เหนียวตลอด ขอกินนิดเดียวบอก พี่เมดกินเยอะไปแล้วให้น้องวิวกินบ้างนะๆ ”

“ พี่เมด จำละเอียดสัด ” เราหัวเราะไปตามทางเดินที่ไม่ไกลเท่าไหร่ ก่อนจะแวะเข้าไปเซเว่นแล้วหยิบขนมหรือแม้แต่ไอติมเข้ามาใส่ตะกร้า วิวที่ยืนเลือกหนมอยู่นานทั้งๆที่ปกติมันเป็นคนที่เลือกกินของแค่ไม่กี่อย่างจนผมแซวว่า เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแล้วเหรอ มีการอ่านโภชนาการอาหารก่อนซื้อซะด้วย แต่อีกคนก็แค่ยิ้มเขินก่อนจะหยิบเอาขนมห่อเดิมที่กินบ่อยๆใส่ตะกร้า “ จ่ายเงินเถอะ ”

“ โอเค ”  พยักหน้ารับก่อนจะเอาไปจ่ายเงินแล้วเดินกินไอติมกันมาสองคนแบบเรื่อยเปื่อย “ น้องเดย์น้องอัยย์มาแล้ววะ ” ผมมองไปที่รถมาใหม่ที่จอดอยู่สองคันตรงลานจอดรถ ปากที่กินไอติมไปเรื่อยนั่นหยุดลง ผมเดินไปที่ประตูแล้วตอนที่เปิดประตูเข้าไป เสียงสนทนาของคนทั้งสี่ที่กำลังคุยกันอยู่ด้วยสายตาเคร่งเครียดนั้นเงียบลงอย่างอัตโนมัติเมื่อเห็นหน้าผม ผมเผลอยิ้มออกมากับท่าทางตกใจของพวกมัน “ คือกูไม่ใช่ผีนะ ”

“ ก็พี่เมดเล่นมาเงียบๆตกใจหมด ” น้องอัยย์พูดขึ้นก่อนจะยิ้ม

“ ไม่ใช่ว่าพวกมึงกำลังคุยเรื่องลับกันเหรอ ” วิวบอก “ แบบว่า เรื่องสาวพริตตี้ทรงโตสักคนอะไรแบบนี้ ”

“ อ๋อ เรื่องนมที่มึงไม่มีอะนะ ” น้องเดย์พูดขึ้นมาก่อนพยักหน้ารับ “ ความลับในใจถูกเปิดเผยแล้ว ”

“ กวนส้นตีนกูอีกแล้วพี่เดย์ เดี๋ยวกูเอาไอติมยัดปาก ”

“ เชิญจ้ากูชอบ ”  ไม่พูดเปล่าคนกวนตีนมีอ้าปากรอด้วย และในตอนนั้นไอ้วิวเองมันก็ทำทีเป็นถุยน้ำลายลงไปก่อนจะยัดใส่ปากอีกคนที่ก็ไม่ทันระวังตัวต้องกินไปทั้งอัน “ ไอ้เชี้ย!! ” เสียงโวยวายของเดย์ชวนให้เราทุกคนที่อยู่ตรงนั้นขำกันเสียงดังลั่น ยกเว้นก็แค่เจ้าของผับที่กำลังมองผมอยู่

“ มองอะไร ” ผมถามอีกคนที่ก็แค่ส่ายหน้า

“ เปล่า ”

“ ส้นตีนไอ้เด็กเปรตสักวันกูจะฆ่ามึง ”

“ ก็พี่มึงบอกว่าชอบเองน้า ช่วยไม่ได้อะ ” วิวว่าเสียงใสในคำท้ายก่อนจะยักคิ้วท้าทายอีกคน

“ หรือกูจะเอาผัวมึงทำเมียดีไอ้เด็กแรด ”

“ เดย์ เห็นแบบนี้กูก็เลือกนะ ” เจบอกแบบนั้นก่อนจะส่งมือห้ามไปทางน้อง มันเป็นท่าทางเหมือนอีกจะอ้วกเลยเรียกเสียงหัวเราะให้เราอีกครั้งในตอนนั้น แต่ทว่าอาฟก็ยังเหมือนเดิมมันไม่ได้หัวเราะอะไรแต่เหมือนจะนั่งเหม่อแบบคิดอะไรสักอย่างอยู่ ท่าทางที่ชวนให้ผมเป็นห่วงจนผมเดินเข้าไปใกล้แล้วถามมันเสียงเบาๆ ท่ามกลางเสียงเถียงและหัวเราะของทุกคนที่ดังจนกลบเสียงพูดคุยของเรา

“ เป็นอะไรของมึง ไม่ขำสักหน่อยเหรอ ” เอียงหน้ามองอีกคน “ คิดอะไรอยู่รึเปล่า ” คำถามนั้นทำให้อาฟมองผมอยู่สักพักก่อนจะส่ายหน้า

“ กูแค่ไม่ขำมุกปัญญาอ่อนนั่น  มึงก็คิดว่ากูคิดอะไรแล้วเหรอ ” อาฟที่ยักคิ้วให้กันมันยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมากอดเอวผมแล้วดึงให้เข้าไปอยู่ใกล้ๆ มันมองไปที่ทุกคนที่กำลังพูดคุยกัน แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่กำลังคิดไม่ตกอยู่ เป็นท่าทางแปลกๆที่ชวนให้ผมคิด ว่าอีกคนกำลังไม่สบายใจอะไรอยู่หรือเปล่า

..........................................................................


เป็นแค่ 49.1 ไปก่อนเพราะ 49.2 จะตามมาในอาทิตย์หน้า
ตอนแรกเราเขียนเข้าเรื่องเลย แต่พอเขียนไปหนึ่งหน้าก็รู้สึกว่า คนเรามันต้องชั่งใจในการเล่าเรื่องไม่มีดีกับคนที่เรารักเปล่าวะ คือถ้ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จะบอกเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องแบบนี้เราจะชั่งใจนิดนึง คือมันไม่ใช่การถูกหลอก มันเป็นแค่การบอกความจริง ที่ความจริงนั้น มันแบบ ไม่บอกก็ได้นะมึง แต่ถ้าบอกแม่งก็ดีละมั้ง อะไรทำนองนั้น
แต่พอไม่ต้องเข้าเรื่องก่อน ความรู้สึกมีความสุขที่เค้าสองคนรักกันมาก็ล้นทะลักออกมา มีทั้งความหวานในความขมฝาดสำหรับตอนนี้
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์

เหนื่อยดราม่านัก ก็พักก่อน เย้
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
กลัวจิงจะทำอะไรอีกจังเลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
ไม่มีอะไรเนอะ ไม่มี เรื่องแบบนั้นไม่สามารถทำอะไรเมดได้หรอก เพราะเมดเป็นคนดีเลยมีคนที่รักเมดทั้งหลายช่วยกันปกป้องเมด เมดต้องผ่านมันไปได้แน่นอน อาฟนายไปจัดการจิงเลย อาฟอ่านเกมออกอยู่แล้ว

ออฟไลน์ TongRung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พัฒนาการของตัวละคร  o13

ออฟไลน์ NiNJA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
อีจิงน่าจบสุด :z6:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ palm-metto

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
อยากให้อาฟเล่าให้เมดฟังเร็วๆ
กลัวจิงจะทำอะไรแปลกๆอีก
ไม่อยากให้เมดดราม่าแล้วอ่ะ
สงสาร เจอมาเยอะเกินไปแล้ว

ออฟไลน์ SHmnex

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณอารยะกำลังคิดเรื่องนั้นแน่เลย
คนที่รักเมดไม่ได้มีแค่น้องวิวคนเดียวแล้ว
และน้องวิวเริ่มโตขึ้น ตัวละครทุกตัวมีพัฒนาการ
❤️

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ชื่นชมน้องวิวนะที่รู้จักคิดก่อนที่จะพูดแล้ว บางเรื่องไม่ต้องพูดก็ได้ ปล่อยเป็นหน้าที่พี่อาฟไป จิงคือโรคจิตโดยแท้เห็นเพื่อนมีความสุขไม่ได้ อิจฉาตลอด :z6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด