บทที่ 7.1
ผมปักเข็มร้อยผ้าสีดำผืนใหญ่เข้าด้วยกัน ถึงมันจะไม่งานถนัดของผมแต่ผมก็ต้องทำ และถึงแม้จะไม่ใช่งานนิทรรศการของโรงเรียนผม....
..แต่ไหงเด็กโรงเรียนผมถึงมาอยู่ที่นี่ครึ่งค่อนโรงเรียนฟ่ะ!!!...
“เย็บนานจริง เร็วๆหน่อยได้มั้ย!”
ผมเงยหน้าจ้องร่างสูงกำยำที่ยืนค้ำหัวผมอยู่
“มาเย็บเองมั้ย-*-”
ใบหน้ารูปสลักย่นคิ้วทำหน้าเหมือนอยากจะมีเรื่องกับผม
“เย็บไม่เป็นโว้ย!! ไอ้คิระเพทมึงนี่ไม่ได้เรื่องเลยหว่ะ!”
“ไอ้หงอกเอ้ย-*-!” ผมด่ามัน
“เมื่อกี้ว่าไรนะ!!”
“บ้านขายเครื่องเสียงหรือไง หนวกหูไปแหกปากไกลๆโน่นไป งานการมีไม่ทำหรือไง ว่างมากนักก็ไปนั่งแทะหญ้าที่สนามสิ -*-”
“ปากดี!! เพื่อนแกไม่สั่งสอนบ้างหรอห๊ะ! ว่าอย่าบังอาจมาเถียงกับฉัน!!”
“แล้วไอ้น้ำไม่เคยบอกนายหรอว่าฉันเป็นแชมป์เรื่องเถียง ไม่เถียงก็ได้นะจะไขว้กันมั้ยล่ะ-*-”
เออ เข้ามาดิกูไม่กลัวมึงหรอก มึงมีมือกูมีเข็ม ลองกับกูสิจะแทงให้พรุนเลย-*- ไม่ถูกชะตากับแม่งเลยว้ากๆอยู่ได้ รำคาญ ว้ากนักขอให้คอมันแตกตายให้ไอ้น้ำมันเป็นหม้ายไปเลย-*-
“จะเอาใช่มั้ยห๊ะ!!”
“เออออ!!”
ไอ้หัวหงอกทำท่าจะดึงคอเสื้อผมผมเลยรีบยกเข็มชี้หน้ามัน มันก็ผงะเล็กน้อยพลางจ้องมองเข็มในมือผม กูเอาจริงนะเว้ย!! ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ ใช่งานกูมั้ยเนี่ยต้องมาช่วยพวกมึงทำบ้านผีสิงอะไรของพวกมึงเนี่ย
“หาเรื่องเขาไปทั่วเลยนะครับคุณมึง ไปนั่งสงบๆก่อนไป-o-”
ผู้ชายผมสีน้ำตาลแกมทอง ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นคาร์ลเรียกว่าฟิลใช่มั้ยนะ ฟิลเดินเข้ามาดึงไอ้หัวหงอกออกห่างรัศมีการจ้วงของผม ไอ้ตาแดงมองเพื่อนมันอย่างไม่สบอารมณ์แต่ยอมเดินออกไปนั่งข้างนอกห้อง
“โทษที พอดีเพื่อนเรามันหิวนะ สงสัยไม่ได้กินเนื้อกวาง^^;” ฟิลบอก
“อือ ช่างมันเถอะเอาไปเก็บให้ดีๆแล้วกัน” ผมบอก
“เดี๋ยวทางนี้ฉันเย็บเองก็ได้ เซฟเอาน้ำไปให้ไอ้คิระมันกินหน่อยนะ ข้าวกลางวันมันก็ยังไม่ได้กินเลย”
“อืม”
ผมพยักหน้าเบาๆ อุส่าห์หลบมาอยู่ในห้องแล้วนะเนี่ยยังต้องออกไปเจออีก สายชั้นม.5ของโฮม่าจัดเป็นบ้านผีสิงทั้งชั้นเลย ผมว่าสภาพห้องเรียนตอนแรกก็หลอนดีอยู่แล้วนะ แบบทางเดินโล่งๆ กระจกฝุ่นเกาะหนาสามเมตร ไม่จำเป็นต้องทำให้ผนังมันร้าว กระจกแตกหรือเอาสีแดงมาราดแทนเลือดหรอก
...เพราะมันไม่ต่างจากก่อนทำเลย-o-…
อยากรู้จริงๆว่าวันๆภารโรงโรงเรียนนี้ทำอะไรกันบ้าง ทำไมห้องเรียนมันโทรมแบบนี้>O<!!
“เซฟ”
ผมหันไปหาคาร์ลที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างถังกดน้ำ มือใหญ่กวักเรียกผมรัวๆผมเลยวิ่งไปหาเขา
“มีอะไรหรอ” ผมถาม
“ทำไมถามแบบนั้นละ ต้องมีอะไรถึงเรียกได้หรือไง” คาร์ลถาม
“ก็มันอยู่ในเวลาอ่ะ-o-” ผมบอก
“ฮ่าๆ นั่นสิ อู้นิดอู้หน่อยไม่เป็นไรหรอกน่า^^”
“....รู้มั้ยถ้างานไม่เสร็จฉันจะไม่ได้กลับบ้าน-.-”
“โทษทีๆ^^;”
ไม่ให้อภัยเว้ย!! ทำงานฟรีไม่พอยังต้องทำให้ดีด้วยนะ เรื่องมากชะมัดอยากกลับบ้านไปเล่นเกมแล้วเนี่ย อ๊ากกกกก>O<
“จะเอาน้ำไปให้คิระใช่มั้ย”
“อือ”
“รับไปสิ”
กล่องน้ำผลไม้รวมสีเขียว ผมมองรูปผลไม้สีเขียวน่ากินบนกล่องก่อนกลืนน้ำลายลงคออย่างหนืดๆ ไม่ได้ตะกละอยากกินนะ แต่ไอ้แอปเปิ้ลนี่.....
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าไม่ถึงตายหรอก ใครเขาใส่น้ำของจริงลงไปกันละ ถึงใส่ก็นิดเดียวน่า”
“..จะ..จะทำจริงๆหรอ”
ถะ...ถ้าเกิดคิระเกิดแพ้มากๆล่ะ แล้วอีกอย่างถือกล่องน้ำแอปเปิ้ลไปโต่งๆแบบนี้มันคงจะโง่กินหรอกนะ
“คิระคงไม่กินหรอก” ผมบอก
“ลองก่อนสิ ไม่แน่หรอก^^”
“มันอันตรายนะ..ถะ..ถ้ามันฆ่าฉันขึ้นมาทำไงละ เอาของแบบนี้ไปให้-o-;”
“ผู้ไม่รู้คือผู้ไม่ผิด”
“ผิดสิก็ตอนนี้ฉันรู้ว่ามันแพ้แอปเปิ้ล..”
“ตามใจเซฟแล้วกัน ฉันช่วยได้แค่นี้”
ชาร์ลยักไหล่เล็กน้อยแล้วเดินหนีไป แล้วผมจะทำยังไงดีละเนี่ย กินเองดีกว่ามั้ง แต่ผมก็อยากเป็นอิสระจากคิระ.... น้ำผลไม้ราคาถูกๆแบบนี้คงไม่เป็นอันตรายมากหรอกมั้ง ผมเหลือบตามองร่างสูงโปร่งที่ยืนขึงลวดอยู่อีกห้องนึง เท้าผมพาตัวผมให้เดินไปหาเขา มือใหญ่เสยผมเปียกชุ่มขึ้นพลางสะบัดคอเสื้อไปมาระบายลมร้อน เหมือนจะรู้ว่าผมเดินมาหาใบหน้าเรียบนิ่งจึงหันมาหาผม ดวงตาสีนิลจับจ้องกล่องน้ำผลไม้ในมือผม
...ระ...เริ่มไม่กล้าให้แล้วแฮะ..
ผมดึงกล่องไปซ่อนไว้ด้านหลังพลางก้าวเท้าเดินไปทางอื่น
หมับ!
“อะ..อะไร”
ผมถาม ผมก้มหน้าไม่กล้าสบตาดวงตาเฉียบคมที่มองอยู่ เวลาคนจะทำผิดมันรู้สึกไม่ดีเลยแหะ
“เอามาให้กินหรอ” คิระถาม
“ปะ...ป่าว! กินเองๆ” ผมตอบตะกุกตะกัก
“ก็กินสิ”
ผมมองหน้าคิระเล็กน้อยก่อนจะรีบแกะหลอดเจาะดูดน้ำรสหวานเข้าปาก สุดท้ายก็ทำไม่ได้แหะ คงต้องหาวิธีอื่นแทน เกลี่ยกล่อมให้เลิกสัญญาเพทได้มั้ยนะ
“หมดพอดี..” คิระบอก
“ยังซะหน่อย..เฮ้ย!!”
ริมฝีปากได้รูปก้มลงดูดน้ำผลไม้ในมือผม ผมรีบขยับมือชักออกแต่ก็ถูกมือใหญ่จับไว้แน่น นี่นายบ้าไปแล้วหรือไง รู้ว่าตัวเองแพ้แต่กลับกินเนี่ยนะ!!
“นี่หยุดเลยนะ!” ผมบอก
วูบ~
ร่างสูงโถมตัวซบหน้าลงบนไหล่ผม ผมก้างแขนย่อตัวรับน้ำหนักคนตัวใหญ่ที่จู่ๆก็ทิ้งตัว ร่างสูงยันไหล่ผมเพื่อทรงตัว จะ...จะเป็นลมหรอ จะสลบหรือไง ผมตาเหลือกทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากผมเริ่มสั่นแล้ว กินไปนิดเดียวเป็นหนักขนาดนี้เลยหรอ...
“คิระ...”
“ง่วง”
เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ มือใหญ่ลูบหัวผมเบาๆพลางเกลี่ยเม็ดเหงื่อใสๆออกจากใบหน้าผม
“เป็นอะไรหรือป่าว...”
ผมถาม มือใหญ่เริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่ามันสั่นไหว ผมจับมือใหญ่ที่เย็บเฉียบ ผมทำแรงไปหรือป่าว แต่มันกินเองนี่ผมไม่ได้ให้มันกิน บ้าเอ้ย!!
“นั่งพักก่อนๆ”
ผมรีบดึงคิระให้นั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆส่วนผมก็นั่งพื้นดูอาการของเขา เสียงไอแหบๆดังออกมาจากลำคอกว้าง ผมมองใบหน้าหล่อที่ซีดเผือก แผงอกที่ยกสูงเพื่อสูดหายใจ ดูเหมือนเขาจะหายใจลำบาก ปล่อยไว้ต้องอาการหนักแน่ๆ
“เป็นเชี่ยไรวะไอ้คิระ”
นายหัวหงอกตะโกนถามพลางวิ่งเข้ามาดูอาการเพื่อนตนเอง ดวงตาแดงวาบปราดมองกล่องหายนะในมือผมก่อนจะกระชากเพื่อปามันทิ้ง
“แกทำบ้าอะไรวะ!! เอาของแบบนี้มาให้มันกินได้ไง!!”
ผมสะดุ้งเฮือกผงะตัวอย่างตกใจ เสียงหมอนั่นดังน่ากลัวมาก คนรอบๆเริ่มวิ่งเข้ามามุงผม ผมนั่งก้มหน้ากลอกตาไปมา สถานการณ์มันกดดันเกินไปแล้ว ผมยอมรับว่าผมจะเอามาให้แต่ผมไม่ได้ให้มันกินนี่ อย่ามองกันแบบนั้นสิ...
“...เซฟไม่ผิด ฉันกินเอง...”
“มึงแก้ตัวให้มันป่าวเนี่ย!” นายหัวหงอกถามกลับ
“..ฮา..ไม่ แค่กๆ”
“เสือกแดกเข้าไปนะมึงเนี่ย ไอ้คาร์ลตามรถพยาบาลดิ๊!!”
นายหน้าน่ากลัวหัวไปเรียกคาร์ล ผมมองใบหน้าใสที่กระตุกยิ้มบางๆ
“อาๆ รู้ละๆโทรเรียกมาแล้วละ^^”
พูดแบบนี้แสดงว่ารู้สินะว่าคิระต้องกิน....แผนลึกล้ำเกินไปแล้ว เตียงพยาบาลสีขาวถูกเข็นเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ ฟิลวิ่งไปเกลี่ยทางกันคนอื่นที่มุงเข้ามาออกให้พ้นทางเตียง ส่วนนายหน้าเคร่งก็พยุงร่างคิระขึ้นไปนอนบนเตียง
“คิระ! ฉันขอท้าชิงเพทแก”
คนทั้งห้องหันมาจ้องมาคาร์ลเป็นจุดเดียว นายหน้าเคร่งถึงกับยืนมองหน้าเพื่อนดวงตาสีแดงหันมามองผมเล็กน้อย มือก็ผลักตัวคิระให้นอนลงบนเตียงก่อนสะบัดมือโบกให้บุรุษพยาบาลพาคิระออกไป
“อีกฝ่ายยังเจ็บอยู่เปิดศึกชิงไม่ได้!!” นายหัวหงอกประกาศ
“จำไม่ได้ว่ามีกฎข้อไหนห้ามนี่^^” คาร์ลตอบกลับ
“ไอ้คาร์ล!!”
แขนยาวตะบบคว้าคอเสื้อคาร์ล ใบหน้าใสยิ้มยียวนกวนประสาทคนข้างหน้า ดวงตาสีแดงดุดันจ้องหน้าคาร์ลราวกับจะฉีกเลือดฉีกเนื้อ
“ฉันก็แค่อยากช่วยคนที่น่าสงสารให้หลุดพ้นจากการตกเป็นสัตว์เลี้ยงระบายความใคร่ของไอ้คิระก็แค่นั้น” คาร์ลตอบเสียงเรียบ
“ถึงยังไงก็ยังไม่ได้!!” นายหน้าโหดตอกกลับ
“ฉันท้าชิงไปแล้ว ถ้าไม่มีแรงลุกขึ้นมาสู้แกก็ปลดปลอกคอยกเซฟให้ฉันแทนคิระมันสิ รักษาการแทนรุ่นพี่อยู่ไม่ใช่หรือไง เรื่องแค่นี้คงไม่เกินกำลังหรอกใช่มั้ยละ”
“ไม่ได้!!!”
“ไม่คิดบ้างหรอว่าบางทีมันอาจจะกำลังขัดขืนบุรุษพยาบาลพยายามจะลุกมาสู้กับฉัน... จะปล่อยให้เป็นแบบนี้หรอ”
ดวงตาเรียวเล็กหรี่มองใบหน้าเคร่งเครียด คาร์ลฉลาดกว่าที่ผมคิด ฉลาดแบบแก้มโกงอย่างกับตัวร้ายในการ์ตูนวอล์ดิสนี่ย์เลย ไม่น่าเชื่อเลย...
“ปลดปลอกคอแล้วไปรายงานมันว่าเพทถูกปล่อยแล้วหรือให้มันลุกมาสู้ก็เลือกเอานะเฟียส” คาร์ล
“มึงนี่แม่ง!!”
ผมกำลังทำให้เพื่อนเขาทะเลาะกันหรือป่าวนะ เพราะผมดันอยากเป็นอิสระเลยอยากให้คาร์ลมาช่วย แต่เขากลับต้องมามีเรื่องกับเพื่อน ไหนจะคิระอีกดันเกิดบ้ากินน้ำแอปเปิ้ลเข้าไป บ้าที่สุด!!
“หยุดเดี๋ยวนี่นะคะ!!!”
เสียงผู้หญิงตะโกนดังลั่นที่ทางเดินด้านนอก เสียงเท้าหนักวิ่งรัวมาที่หน้าห้อง ผมมองร่างสูงโปร่งที่ยืนหอบพิงประตู ขายาวพยายามฝืนกำลังเดินเข้ามาที่กลางห้อง
...จะสู้กันจริงๆหรือไง...
“คิระมึงบ้าไปแล้วหรือไง!! พยาบาลแม่งดูยังไงวะแค่นี้จับไม่ได้หรือไง!!” นายหน้าเคร่งด่ากราด
“บอกแล้วไง เลือกสิเฟียส...” คาร์ลถามย้ำ
ไม่ไหวหรอก สู้ในสภาพแบบนี้ ตายแน่ๆรีบไปโรงพยาบาลซักทีสิไอ้บ้านี่!! ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ยังจะห่วงอีกนะ!! ดูแลตัวเองก่อนสิวะ!! ถ้านายตายไปแฟนนายจะอยู่ยังไงเล่า!!
“นายหงอก!! ช่วยปลดปลอกคอให้ฉันทีเถอะ!!”
ถ้าปลดจากเพทแล้วผมก็จะเป็นอิสระ คิระจะไม่มีสิทธิในตัวผม เขาจะไม่มีสิทธิจับผมมาเป็นเพทอีก
แบบนี้ดีแล้ว เลิกยุ่งกันซะที!!
“ฉันจะปลดให้!!”
นั่นแหละ...ที่ต้องการ ผมไม่กล้าสบดวงตานิ่งเรียบของคิระที่มองมา ผมรู้สึกแน่นในหน้าอกมันจุกตัน ดวงตานั่นถึงแม้มันจะดูเรียบนิ่งแต่ผมรู้สึกถึงความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมา นี่นายกำลังเสียดายฉันหรือรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้สู้กันแน่ ฉันไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว ฉันกลัวความเจ็บปวด ผมหลับตาหลบภาพคิระที่ถูกจับมัดล็อกไว้บนเตียง ผมจะไม่คิดถึงเขาอีกแล้ว วันนี้เป็นวันดีที่ผมจะได้รีบอิสระ มันจบแล้ว...
“..เจ็บหน่อยละ..”
นายหน้าเคร่งบอก ผมรู้สึกว่ามีโลหะเย็นๆสอดเข้ามาในใต้ปลอกคอ แผ่นโลหะบางถูกพลิกตั้งฉากขึ้นทำให้คมของมันบาดลงมาที่คอผม
ฉับ!
มีดคมตวัดตัดปลอกคอหนังหลุดออกจากคอผม ผมลืมตาฝืดๆมองภาพมัวๆ
...ทำไมกันละ...
ทั้งที่ถูกปล่อยเป็นอิสระแล้ว ทำไม...มันเศร้าอย่างนี้ ผมยกมือลูบน้ำเหนียวข้นสีแดงข้างคอโล่ง เหมือนมีบางอย่างขาดหายไป มันหายไปแล้ว....มันกลับมาไม่ได้แล้ว ผมเป็นคนเลือกเองนี่นา
“เป็นอิสระแล้วนะ” คาร์ลบอก
“...ขอบใจ...”
ผมควรตอบแบบนี้ใช่มั้ย ผมควรจะกระโดดร้องกรี๊ดให้ลั่นสิ ทำไมมายืนหดหู่แบบนี้ ผมคงไม่ต้องทำงานต่อแล้ว...กลับบ้านไปทำการบ้าน เล่นเกมดีกว่า...... อย่างงั้นหรอ ทำไมขาผมไม่กระดิกเลยละ ไม่อยากไปหรือไงกันนะ ไม่มีอะไรมารั้งไว้แล้วนี่...ทำไมละ
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมแกถึงอยากจะไปจากมันทั้งที่มันพยายามจะอยู่ใกล้แกขนาดนี้”
เจ้าของดาวตาสีชาดพูดยาว ผมไม่เข้าใจที่เขาพูด พยายาม...เพื่ออะไร
“เซ็งชิบ!! ไอ้โน่นก็ใบแดกไอ้นี่ก็แดกหญ้า!! รู้ไว้แค่ว่าคิระมันต้องเสี่ยงแลกอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับแก แล้วแกเลยทำอะไรให้คุ้มค่ากับความพยายามมันมั้ย...”
“...ไม่รู้สิ กลับก่อนนะ”
ผมตอบเบาๆ พลางเดินผ่านร่างสูงใหญ่ไป
“พรุ่งนี้ลากเพื่อนแกมาด้วยเข้าใจมั้ย!!”
“ไปบอกมันเองสิ” ผมตอบเหนื่อยๆ
“แกไม่มีสิทธิย้อนนอกจากทำตามคำสั่ง!!”
เผด็จการจริงๆ ผมเดินย้อนกลับไปเก็บปลอกคอที่ขาดมาถือไว้ในมือ ผมแค่ไม่อยากทิ้งเอาไว้ให้รกห้องก็เท่านั้น ผมเดินมองท้องฟ้าสีแดงที่มีหยาดฝนตกลงมาร่ำไร ฟ้าคงกำลังร้องไห้อย่างหนักอยู่สินะ
ผมยกแขนที่มีป้ายชื่อสีเงินของใครบางคนเขียนกำกับความเป็นเจ้าของเอาไว้
...ไม่ว่ายังไงผมก็...ลืมไม่ได้หรอก...
ผมอยากจะละทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาแต่ผมกลับไม่กล้าที่จะทำมัน ทำไมผมถึงขี้ขลาดแบบนี้ มัน
ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วแท้ๆ ไม่ใช่เพท ไม่มีเจ้านาย....ไม่มีแล้วคิระ
“...ฉันคงไม่...มีโอกาสบอกแล้ว...สินะ”
...ว่าฉันรักนาย คิระ...
+++คนเขียน+++
หายหัวไปนานพอสมควรเลย งานยังโดนเขี่ยมาอีก อุส่าห์ทำงานกลุ่มที่มันยัดเยียดมาให้เสร็จแล้วนะ
คนมันจะไม่ทำก็พยาย๊ามมมม จริงๆ เออเหนื่อยแทนหว่ะ -*-
ใครอยู่อักษร ศิลปากรบ้างงง พี่รอรับใบค่ายหนูด้วยนะคะ รับด้วยนะๆ หนูอยากเข้าค่าย><
ขอจบไปเป็นคู่ๆก่อนนะคะ ใครรอเฟีนส x น้ำอดใจรอซักกระติดนึงนะ (ฟังเพลงกระแตรอไปก่อนนะๆ ตื๊ดๆ55)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน แล้วก็ตามมาอ่านนะคะ หลายๆคนเดาแนวเรื่องถูกนะเนี่ย
จุ๊ๆนะๆ เดี๋ยวคนอื่นรู้555