อีกข้างของหน้าบริษัท ฝั่งที่ผมมักจะจอดรถติดชิดกำแพงเสมอ เวลาเราขโมย ไม่สิอย่าเรียกว่าขโมยเลย
ให้เรียกว่าการแบ่งปันรอยยิ้มก็แล้วกันนะ เวลาเราแบ่งปันรอยยิ้มของบนเครื่องบินมา ไอ้อ้อยจะให้ผมลงหน้าบริษัท ส่วนมัน
จะเอารถไปจอดอีกฝั่งของกำแพงตรงกับที่ผมยืน เมื่อได้จังหวะ ไอ้อ้อยจะวอร์มาทางวอร์คกี้ทอร์คกี้ เป็นรหัสลับว่า
"รอกูด้วยนะ"
ผมก็จะตอบว่า "ปี้ ปี้" (ก๊อปปี้ ก๊อปปี้) เป็นอันรู้กัน
มันก็จะย้อนถุงใส่น้ำส้ม ขนมนมเนยข้ามฝั่งมา ผมซึ่งอยู่อีกฝั่งก็จะรับแหมะ พอดีเป้าหมาย
แต่มีหลายครั้งที่มันโยนมา แล้วน้ำส้มเกิดแตกตอนรับ จนผมเปียกไปทั้งตัวก็มี.....เราทำกันเป็นขบวนการ นี่ถ้าเขารู้เขาจะตามมาจับกูรึป่าววะเนี๊ยะ
ใครเรียนกฎหมายช่วยบอกทีว่า การกระทำผิดมีอายุความกี่ปี
นอกจากความทรงจำในการแบ่งปันรอยยิ้มแล้ว ลานจอดรถตรงนี้ยังเป็นที่ที่ไว้ให้เราดูหนังเอ๊กซ์กลางแปงสดๆกันอีกด้วย
"มึง คืนนี้ไปดูเรื่อง อีแม้วขย่มตอกันมั๊ย" 555
ผมพยักหน้าเป็นอันรู้กัน
เอาเป็นว่า เดี๋ยวค่อยเล่าเรื่องนี้ในโอกาสต่อไปนะ
ผมกำลังจะเดินเข้าไปในบริษัทเพื่อถ่ายรูปด้านใน ก็พอดีมีพี่ยามการท่าขี่มอเตอร์ไซต์มาบอกว่าได้รับวอร์แจ้งจากหอบังคับการบินว่าผู้ต้องสงสัยบุกรุก
เข้ามาในสนามบิน ผมนึกในใจไอ้ห่า หน้าอย่างกูนี่โจรเหรอ แต่ก็อดตกใจไม่ได้ ที่เรื่องเล็กๆแค่นี้กลับกลาเป็นเรื่องใหญ่
ผมบอกเขาไปว่ามาทำรายงานของมหาลัย ดีนะที่เราหน้าเด็ก 555 พี่เขาเลยเชื่อ ถ้าหน้าแก่นี่โกหกไม่เนียนนะนี่ (สุดๆอ่ะ)
เขาบอกว่าให้อยู่แค่บริเวณนี้ ผมเลยอดเข้าไปข้างใน
ได้แต่เก็บบรรยากาสเก่าๆบริเวณริมบึงที่ผมกับไอ้อ้อยเคยเอาเบ็ด เอาแหมาเหวี่ยงหปลา
บ้านนอก ลูกทุ่งกันสุดๆอ่ะ ขนาดกินอาหารเฟิร์สคลาสบนเครื่องบินทุกวัน ยังเปล่ยนนิสัยรากหญ้าไม่ได้อ่ะคิดดู ต้องมาคอยจับปูจับปลาไปเผากินแกล้มเบียร์
ผมกับไอ้อ้อยจะดักปลากันตอนเย็น รุ่งขึ้นถึงจะมาดู ถ้าได้ปลาก็เอาใส่ตาข่ายขังไว้รอตอนเย็น่อยเอามาเผา