26
ผมเคยอยากโตขึ้น อยากรีบสูงให้ทันเท่าพี่ประถม อยากรีบสอบติดมหาลัยให้ได้เท่าพี่มัธยมแล้วก็อยากรีบรีบจบมหาลัยไปทำงานให้เหมือนเฮีย แต่พอยิ่งโตมาผมยิ่งค้นพบว่ายิ่งโตยิ่งไม่เห็นสนุกเลย ยิ่งพอพี่หมอไปฝึกงานต้องนอนอยู่ห้องคนเดียวยิ่งไม่สนุก
ห้อง514ที่เคยแคบเพราะมีไอ้พี่หมอตัวเท่าหมี ตอนนี้เหลือแต่ผมตัวเท่าหมาดูกว้างจนเหงา
ครับ ตอนนี้ผมก็ขึ้นปีสองมาได้เทอมนึงแล้ว ก็ดีครับ พอได้เป็นรุ่นพี่ก็รู้สึกเหมือนได้โตขึ้นมาขั้นนึง แท้จริงก็ยังปัญญาอ่อนพอๆกับน้องมันนั่นแหล่ะ ตอนนี้พี่หมอก็ไปฝึกงานที่กรุงเทพแล้ว เหมือนจะฝึกที่บริษัทพ่อพี่มันเองด้วย ดูท่าทางจะเหนื่อยไลน์เลยไม่ค่อยตอบ ตอบทีก็ช้าจนผมหลับไปแล้ว
โคตรเหงาเลย
เหงาตัวบ้าน เหงาตัวเท่าควาย เหงาตัวพี่แป๊ะ ฮืออออ
“เมื่อไหร่จะโทรมาวะ” ผมนอนกลิ้งอยู่บนเตียง ได้แต่รอพี่มันคอลไลน์มา นัดกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้จะเที่ยงคืนอยู่แล้วพี่มันก็ยังไม่โทร แล้วแบบไอ้ผมก็คนมโนเก่งอ่ะ ทำไมไม่คอลวะ มันติดพันอะไร
อ้ออออออออออ หรือไปกกสาวทีไหน ใช่สิวะ กูมันก็แค่ไอ้เด็กวิศวะผอมๆแห้งๆธรรมดา คนมองมายังสับสนอันไหนกูอันไหนใส้ดินสอ ใช่ซี้!!
ตะดือดึ๊ง~
เหมือนแม่งมีญาณทิพย์ ไอ้ที่ตัดพ้อในใจเมื่อกี้หายวับไปทันทีทันใด ผมรีบกดปุ่มรับทันทีที่เสียงคอลไลน์ดังขึ้น ในมือถือปรากฏหน้าพี่หมอที่โทรมเอาซะมากๆ เห็นแบบนี้แล้วใจอ่อนยวบยาบเลยอ่ะ
[ว่าไงไอ้หมา] ไรวะ หน้าก็โทรมจะตายห่าไมเสียงยังหล่ออยู่ ไม่ยุติธรรมเลย
“พี่คอลช้าว่ะ ผมง่วงแล้วเนี่ย”
[เพิ่งกลับถึงคอนโดเอง วันนี้พี่วิศแม่งโยนงานมาให้ กูว่ากูไม่ใช่เด็กฝึกงานแล้วตอนเนี้ย ทำงานเต็มเวลาชัดๆ] ลุงมันบ่นๆพรางก้มหน้าถอดถุงรองเท้าไปด้วย สงสัยจะเพิ่งกลับมาถึงคอนโดจริงๆ
“เหนื่อยมากป่ะ”
[มาก ถ้ามึงอยู่ใกล้ๆจะบีบตูดสองที]
“อย่าเหี้ย” พี่หมอมันหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ขนาดตัวไกลใจจังจัญไรได้เสมอ ความนายแพทย์นี้
กล้องฝั่งพี่หมอสั่นเป็นเจ้าเข้าก่อนที่มันจะไปหยุดนิ่งๆเหมือนพี่มันเอาตั้งไว้บนโต๊ะแถวโซฟา คราวนี้ค่อยเห็นพี่หมอแบบนิ่งๆหน่อย ยังคงหล่อเหมือนเดิม นั่นแหล่ะที่โคตรหงุดหงิด พี่มึงจะหล่อน้อยลงมาซักสามสี่ระดับหน่อยไม่ได้เลยหรอวะ ใจคนไกลมันก็หวงหน่อยๆนะโว้ย!!
[ไมทำหน้าเป็นกรงอูฐ]
“เปล่าทำ”
[วันนี้เป็นไง ปีหนึ่งดื้อไหม] พี่หมอพูดไปพรางถอดเนคไทด์ปลดกระดุมไป พี่หมอเป็นพวกไม่ชอบใส่เสื้อรัดตัวขนาดเสื้อนิสิตยังนานๆทีใส่ พอเห็นพี่มันต้องใส่เสื้อเชิ้ตดูทางการแบบนี้ก็แปลกตาดี
“ดื้อมากกกก น้องแม่งโคตรดื้อเลยพี่ ไม่ค่อยฟัง เถียงอย่างเดียว ไอ้เติ้ลแม่งหัวเสียเลยอ่ะพี่ กว่าจะห้ามให้มันใจเย็นได้”
[แบบนี้แหล่ะ แล้วเรียนเป็นไงบ้าง]
“ไปไหนอ้ะ” ผมตะโกนถามเมื่อพี่มันลุกหนีออกไปจากกล้อง
[หยิบน้ำ]
“อ่อ ก็ดีอ่ะพี่ แต่ก็ยากอยู่เหมือนกัน แต่ผมก็ติวกับเพื่อนตลอด เทอมนี้คงรอดแหล่ะ ไม่น่าตาย” ซักพักพี่หมอก็กลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับแก้วน้ำ
[อาบน้ำหรือยังเนี่ย]
“อาบนานละ พี่แม่งคอลช้า” พี่หมอยกยิ้มใส่กล้อง
[ขอโทษครับ] กวนตีนอีกละ บอกร้อยรอบแล้วว่าอย่าพูดเพราะ ไม่ชินหู ผมค้อนขวับกลับไปทันที แต่จริงๆหน้าเหนื่อยๆนั่นก็เป็นคำตอบได้ดีว่าทำไมพี่หมอถึงคอลมาช้า ผมเลยต้องรีบเบี่ยงประเด็นกลัวพี่มันหาว่างอแง
“แล้วพี่อ่ะฝึกงานเป็นไงบ้าง อาจารย์ฝากถามถึงด้วยเนี่ย”
[ก็เหนื่อย เหนื่อยมาก]
“ขนาดนั้นเลยอ่อ”
[งานไม่เท่าไหร่ แต่คิดถึงมึงเนี่ย โคตรเหนื่อยเลย] ชกใต้เข็มขัดงานถนัดพี่เขาแหล่ะ พี่หมอยกยิ้มแล้วยื่นมือมาลูบหน้าจอ แม่ง ไอ้พี่เวร เขินเลยเนี่ย
“พี่แม่ง”
[อย่าเขินดิ เห็นแล้วอยากกอด] ผมเอาหน้ามุดหมอนหนีแม่งเลย แอบเหลือบตามองพี่หมอมันก็หัวเราะลั่นออกมา
“ขำไรไอ้หมอ”
[ขำมึงอ่ะไอ้หมา เอาหน้าออกมาดิ อยากเห็นหน้า] โวะ เห็นว่าขอหรอกนะ ผมยอมเอาหน้าออกมาจ้องพี่มันต่อ พี่หมอยังยิ้มอยู่เหมือนเดิมทั้งที่หน้าตาดูเหนื่อยล้าไปหมด
การคอลหากันเนี่ย
ไม่รู้ทำให้หายคิดถึงหรือคิดถึงมากกว่าเดิมกันแน่นะ
“พี่ง่วงนอนยัง”
[ยัง มึงหล่ะ]
“ยัง”
หลอก...
จริงๆโคตรง่วงเลย กิจกรรมตากแดดมาทั้งวันแต่ยังอยากคุยกับพี่มันต่อ นานๆทีจะได้คอลหากัน พี่มันก็ทำงานเหนื่อย ผมก็กิจกรรมหนัก ได้เห็นหน้ากันบ้างแบบนี้ก็อยากจะคุยให้คุ้ม
[ตามึงจะปิดแล้ว]
“ไม่ปิด!” ผมรีบถ่างตาสู้ทันที
[หึ ไว้คุยกันใหม่ก็ได้ วันนี้ทำกิจกรรมมาทั้งวันแล้วนี่] พี่หมอมันขยับมาเท้าคางไว้กับโต๊ะ ยื่นหน้ามาใกล้จนเห็นถึงตอหนวด
“ไม่เอา ผมยังไม่ง่วง พี่ถามมาดิ”
[ไม่ถาม เดี๋ยวกูจะเล่าเรื่องที่ทำงานแล้วกัน เพื่อนพี่กูที่ชื่อพี่สาธุดูแลอีกแผนกแม่งอย่างโหด ปากแม่งโคตรร้าย] ผมหลับตาฟังพี่หมอเล่าไปเพลิน ได้ยินเสียงทุ้มๆพี่มันพูดแล้วก็พาลนึกถึงเวลาพี่มันชอบบ่นเวลาผมดื้อ นึกถึงเวลาพี่มันชอบถามว่าจูบได้ไหมแต่ต่อให้ตอบว่าไม่ได้ก็คว้าไปจูบอยู่ คิดเพลินไปจนเอาเก็บไปฝันต่อ เสียงสุดท้ายที่ผมพอได้ยินก่อนที่สติจะดับเป็นเสียงพี่หมอกระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างหู
ฝันดีนะ…
หลับคามือถือจนเกือบตื่นมาเรียนไม่ทันถ้าพี่หมอไม่โทรมาปลุก ฮึ้ยย ทั้งที่เมื่อวานจะแหกตาฟังพี่มันเล่าเรื่อง เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว โคตรเซ็งเลย ตอนนีผมก็อยู่กลางตึกคณะเหมือนเดิมกับเดอะแก็งหลังจากที่เพิ่งเรียนเสร็จแล้วต้องอยู่ประชุมต่อ สมองน้อยๆของผมจะแตกอยู่แล้ว ฮื้อออออ
“โอ๊ยยยยยยย แม่งงานเยอะชิบหาย” สายป่านกระแทกตัวลงกับโต๊ะม้าหินอ่อนพร้อมกับไถแก้มไปกับโต๊ะ ทำเหมือนโต๊ะแม่งสะอาดบ้าง ขี้มูกไอ้ปันแปะอยู่มึงเห็นไหมหน่ะ
“ประชุมเรื่องรับน้องนี่โคตรกินแรงกูเลย” ไอ้เติ้ลบ่นปอดบ่นแปดพร้อมกับเอนหัวซบไหล่ไอ้ปันที่กำลังจะกดเกมอย่างจริงจังอยู่
“เป็นเฮดก็เหนื่อยแบบนี้แหล่ะมึง”
ผมหยิบมือถือขึ้นมาไลน์หาพี่หมอ เผื่อพี่มันว่างแล้วเปิดอ่านดู ส่งสติ๊กเกอร์รูปหมีกล้ามไปเสียหน่อย กวนส้นตีนดี มองผ่านๆก็แอบคล้ายพี่มันเหมือนกัน หน้าหมีเหมือนจะน่ารักแต่ตัวเป็นหนุ่มกล้ามน่ากลัว
“แหม่อีอู้ มึงนี่กดโทรศัพท์ยิ้มแย้ม คุยกับผัวหรอ” ปากสาววิศวะนี่น่ากลัวเหลือเกิน
“เสือก”
“พี่เขาฝึกงานเป็นไงบ้างวะสาวร่วมงานสวยป่ะ นมตู้มแน่เลยมึง”
“สัด” ผมเงยหน้าไปด่ามันเบาๆ ผมรู้โว้ยว่าพี่หมอไม่มีทางนอกใจผมหรอก
“เอ้า ไม่แน่นะมึง รักแท้แพ้ใกล้ชิดมึงไม่รู้หรอ กูว่าสาวต้องมาตอมพี่หมอหึ่งแน่เลย หล่อล่ำน่าซั่มขนาดนั้น”
“ป่านมึงก็ไปแกล้งไอ้อู้มัน” ไอ้พีฟาดหัวไอ้ป่านลั่นจนมันเปลี่ยนเป้าหมายไปด่าไอ้พีแทน ผมได้แต่ส่ายหัว หัวเราะเหมือนไม่คิดมาก
ทั้งๆที่ในใจแม่งโคตรอยากร้องไห้เลย
ผมเชื่อใจพี่หมอมากแต่มันก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี ผมไม่อยากจะทำตัวงี่เง่าให้พี่มันหนักใจ แต่การห่างกันแบบนี้แม่งโคตรสะกิดต่อมมโนของผมให้ทำงานดีชิบหาย มโนอีกนิดพี่แม่งมีลูกกับเจ๊สาวนมตู้มที่ที่ทำงานโดยที่ผมไม่รู้ว่าที่ทำงานพี่มันผู้หญิงหรือเปล่าเลยด้วยซ้ำ ยังดีที่ซักพักก็เริ่มประชุมพอดีผมเลยต้องรีบเปลี่ยนความสนไปอยู่กับการประชุมที่แทนการคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย
กว่าจะเลิกประชุมก็ล่อไปเกือบสามทุ่ม ผมหาอะไรกินกับเดอะแก็งเรียบร้อยก็ขึ้นหอชั้นห้าอาบน้ำอาบท่ากลิ้งรอพี่มันคอลมาเหมือนเดิมบนเตียง สี่ทุ่มก็แล้ว ห้าทุ่มก็แล้ว เดาว่าถ้าผมมีหูแม่งคงลู่แล้วลู่อีก
อยากคุยอ้ะ อยากได้ยินเสียงจัง
สุดท้ายก็เป็นผมที่ทนไม่ได้ มือลั่นกดโทรหาพี่มันไปก่อนเอง เสียงรอสายแม่งยังคงเป็นเพลงอู้ของปาล์มมี่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เขินจัง นึกย้อนกลับไปตอนที่รับน้องปีหนึ่งแล้วยังเขินมาจนถึงวันนี้ รออยู่ซักพักเสียงรอสายก็ตัดเป็นอันว่าอีกฝ่ายรับสายแล้ว
“พี่หม-“
“ฮัลโหลค่ะ”
ติ๊ด...
ผมกดตัดสายทันทีอัตโนมัติ หัวใจเต้นแรงแต่บีบแน่นจนเจ็บไปหมด
เสียงผู้หญิง?
เวลานี้? เลิกงานแล้วไม่ใช่หรอ? แล้วเสียงผู้หญิงทีไหนหล่ะ?
ไม่อยากจะคิดร้ายแต่ก็มันก็ห้ามไม่ได้ น้ำตามาจากไหนไม่รู้เอ่อคลอรื้นไปหมด ผมหวังว่าถ้าพี่หมอคอลมาตามปกติเดี๋ยวคงต้องอาละวาดให้บ้านพังข้อหาให้ผู้หญิงรับสาย โมโหถึงกับต้องหยิบมือถือมาพิมพ์โน้ตจดคำด่าที่จะด่าพี่มันไว้เต็มไปหมด แต่ทว่า
...ไม่แม้แต่จะมีสายโทรเข้า
ตอนนี้ก็หกโมงเช้าแล้ว นับเป็นเวลาหลายชั่วโมงนับตั้งแต่เที่ยงคืนที่ร้องไห้มา สภาพตาตอนนี้คงบวมชัดเจนแน่ๆทั้งๆที่ต่อให้โทรมาดึกแค่ไหนก็จะรับ ขอแค่โทรมา จะไม่ด่าแบบที่ตอนแรกคิดก็ได้ แต่พี่หมอก็ไม่โทร ไม่ตอบไลน์ ไม่อ่านไลน์ ไม่โทรกลับ
ผมได้แต่ยกผ้าห่มพี่หมอขึ้นคลุมโปรงร้องไห้ออกมากับหมอนจนเปียกไปหมด ทำไมไม่โทรกลับ ทำอะไรอยู่กับใคร ทำไมถึงเป็นผู้หญิงรับ ผมพยายามหาเหตุผลดีๆมารองรับเต็มไปหมด แต่สุดท้ายก็รับไม่ได้อยู่ดี
ไม่อยากให้ใครมาอยู่ใกล้พี่หมอเลย ปวดใจไปหมดแล้ว
ไม่อยากโดนทิ้ง ไม่อยากให้พี่หมอไปหาใคร ไม่อยากให้พี่หมอกอดใครเหมือนที่กอดผม ไม่อยากให้พี่หมอรักใครเหมือนที่รักผม
ทำยังไงดี หยุดคิดร้ายไม่ได้เลย...
ผมลากสภาพเหมือนซอมบี้ไปเรียนอย่างเสียไม่ได้ เพราะอาจารย์นัดควิซ เดอะแก็งที่ชอบกวนตีนทุกสามนาทีเงียบไปถนัดตา ไม่มีใครถามอะไรผม ซึ่งนั่นดีแล้ว ผมก็ยังไม่พร้อมอธิบายอะไรให้ใครฟัง พี่หมอโทรกลับมาสายนึงแต่ผมไม่ได้รับ พี่หมอเลยส่งไลน์มาแค่ไว้คุยกันเวลาเดิม เมื่อวานเหนื่อยเลยหลับไปก่อน
เหนื่อย?
หลับไปก่อน?
กับผู้หญิงคนนั้นหน่ะหรอ?
“อ่า มึง เอ่อไอ้อู้ มึงไปนอนหอกูก่อนป่ะวันนี้” ไอ้เติ้ลเดินมาขยี้หัวผม
“ไปแดกปังเย็นป่ะ ไอ้ปันบอกจะเลี้ยง” ไอ้พีเดินมาจับไหล่ผมแล้วเขย่าๆ
“หื้อ กูหรอ?”
“ใช่สิวะ ใช่ไหมไอ้ปัน”
“อะ อ่อๆ เออๆ กูก็ได้ เลี้ยงก็ได้”
“ไม่หล่ะ กูอยากกลับหอ ขอบคุณนะมึง” ผมยิ้มไอ้พวกมัน อย่างน้อยๆก็ยังมีพวกมันอยู่ข้างๆไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“อ่ะ งั้นเดี๋ยวกูปั่นจั๊กไปส่ง มึงรู้จักอูเบอร์ป่ะ นี่เติ้ลเบอร์ เบอร์นี่มาจากอะไรรู้ไหม”
“ไข่ใหญ่เบ้อเร่อแน่ๆ!!”
“ไอ้ห่าปัน เล่นซะกูไม่กล้าตบว่าจัสตินบีเบอร์เลย” ผมหัวเราะเบาๆ ไม่ให้หลุดขำได้ยังไงวะเวลาอยู่กับไอ้พวกนี้ ไอ้เติ้ลยิ้มออกมาก่อนจะลากผมขึ้นไปซ้อนจักรยาน พาปั่นร้องโอ้เยแฟนฉันจนมาถึงหน้าหอ ผมหันไปขอบคุณพวกมันก่อนจะรีบวิ่งขึ้นหอมา ออารมณ์ดีขึ้นมานิดนึงแต่เพียงแค่เปิดประตูห้อง514เข้ามามองไปรอบๆห้อง
ห้องที่ปกติต้องมีไอ้พี่หมอร่างหมีคอยแทะคอยเล็มผมตลอดเวลาที่มีโอกาส ตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าของแขวนด้วยกันบางทีก็สลับชอปใส่ไม่รู้ตัวให้พี่มันต้องรีบกลับมาเปลี่ยนเพราะตัวเล็กไป มองไปทางไหนก็เห็นแต่พี่หมอทำให้น้ำตาผมไหลออกมาไม่ทราบสาเหตุ
ไม่เอา ไม่อยากเลิกเลย ไม่อยากให้ใครเลย ไม่ให้ไม่ได้หรอ
หนึ่งนาทีเดินช้าเหมือนหนึ่งปี ผมได้แต่นั่งร้องไห้รอเวลา กว่าจะถึงเวลาที่พี่หมอจะคอลมา ข้าวก็ไม่ได้ลงไปกินเพราะมัวแต่กังวลว่าพี่หมอจะไม่โทรมา ต่อให้พี่มันมีคนอื่น ต่อให้พี่มันจะเลือกคนอื่นผมก็ยังอยากได้ยินเสียงพี่มันพูดออกมาเองอยู่ดี
ตะดือดึ๊ง~
ผมสะดุ้งเฮือกทันทีที่ไลน์มีการคอลมา พอเห็นเป็นชื่อพี่หมอก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เพิ่งสามทุ่มกว่าทำไมคอลมาเร็ว ถึงอย่างนั้นมือผมก็รีบกดปุ่มรับทันที
[ไง] พี่หมอไม่เปิดกล้อง เสียงพี่หมอดูอู้อี้เล็กน้อยแต่ก็ยังคงเป็นเสียงพี่หมอ ผมเม้มปากเบาๆ
“พี่...”
[...]
“พี่หมออยู่ไหนอ่ะ”
[อยู่บ้าน] ผมเบะปากกลืนคำสะอื้นลงคอ
“สะ เสียงแปลกๆอ่ะ”
[ไม่สบาย]
ตอบห้วนจัง...
แค่ไม่กี่วันเอง ตอบห้วนได้ขนาดนี้เลยหรอ ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลมาแบบหยุดไม่ได้ จากคนที่คอยพูดจาลามกลวนลามอยู่ทุกวัน ตอนนี้ไม่อยากคุยได้ขนานี้เลยหรอ ทั้งๆที่ผมเปิดกล้องร้องไห้ขนาดนี้ พี่หมอก็ยังไม่ถามอะไรไม่พูดอะไรออกมา
“พี่หมอ”
[หืม?]
“พี่อยากเลิกกับผมไหม”
[หือ? ทำไมหล่ะ?]
“ฮึก พี่..”
[คุยกับใครอ่ะ] เสียงผู้หญิงคนเดิมแทรกเข้ามาในสาย ตอนนั้นเองที่ผมทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตามันละทักออกมาจนหยุดไม่ได้
อยู่ด้วยกันอีกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้เห็นพี่หมอในแบบที่ผมเห็นใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นได้สัมผัสพี่หมอในแบบที่ผมทำไปแล้วใช่ไหม
...เขามาแทนที่ผมแล้วใช่ไหม
“ฮึก ผมไม่อยากเลิกเลยพี่หมอ ไม่อยากเลิกเลย เลือกผมไม่ได้หรอ ฮือ ไม่เอา ผมไม่ให้พี่ไปไม่ได้หรอ” เสียศักดิ์ศรีไปหมดแล้ว ผมได้แต่ปาดน้ำตาสะอื้นพูดไปในสาย
[ชิบหาย ไปกันใหญ่แล้ว]
[ไอ้เหี้ยพี่วิศ มึงทำไรกับมือถือกูอ่ะ!!!]
เสียงโวยวายลั่นห้อง มือถือจอดำสั่นกึ้กๆพร้อมกับเสียงทะเลาะกันคลอมาจนในที่สุดกล้องก็เปิดขึ้นเป็นหน้าพี่หมอที่ขมวดคิ้วแน่นจนผูกเป็นโบว์
“อ้าว พี่หมอ?”
[ร้องไห้หรอ มึงร้องไห้ทำไม ไอ้เหี้ยพี่วิศ มึงพูดอะไรกับอู้วะ!!!] พี่หมอตะโกนลั่นโทรศัพท์ ผมได้แต่ปาดน้ำตาแต่ในหัวงงไปหมด อะไรวะ หมายความว่าไง ใครคือพี่วิศ
[กูพูดอะไรวะ แฟนมึงโทรมาแล้วก็พูดเรื่องเลิกใหญ่เลย กูยังไม่ทันพูดห่าอะไรเลย ถามพี่ปิงดู] ใบหน้าผู้ชายคล้ายๆพี่หมอค่อยๆเถิบเข้ามาในกล้องเพียงไม่กี่วิก่อนจะโดนพี่หมอยันออกไป ผมได้แต่งงมองความวุ่นวายในกล้องแบบสรุปใจความไม่ได้
“พี่หมอ?”
[เลิกเหี้ยอะไรอีกเนี่ย กูไม่เลิกทั้งนั้น กี่โมงแล้ววะ แม่ง อู้มึงลงไปรอกูที่หอนอก หอไอ้เติ้ลก็ได้ แล้วเลิกคิดเรื่องเลิกไปได้เลยนะไอ้หมา กู – ไม่ –เลิก]
ปิ๊ป
แล้วพี่หมอก็ตัดสายไปเลยแบบงงๆ จากนั้นไม่นานไอ้เติ้ลก็ไลน์มาว่ารออยู่ข้างล่างหอ ผมเดินปาดน้ำตาลงไปชั้นหนึ่งเพื่อพบกับเดอะแก็งที่มานั่งรอกันครบองค์ พวกมันไม่พูดอะไรแต่กอดคอพาผมไปซ้อนมอไซต์
(ต่อ)