“ ที่แท้ก็โรคกลัวผีขึ้นสมองนี่เอง” เขามองอย่างไม่ค่อยสนใจ
“ โธ่ก็นนท์กลัวนี่ พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนเด็กๆนนท์เคยเจออะไรมา ภาพมันยังฝังติดตานนท์มาจนถึงทุกวันนี้เลยล่ะ เออใช่...วันนั้นนนท์ก็มานอนที่บ้านพี่นี่แหละ...”
“ ...” เขาเริ่มตั้งใจฟัง
“ ตายแล้ว...เพิ่งนึกออกนะนี่ จริงๆด้วย มันเป็นห้องเดียวกับที่นนท์นอนอยู่ปัจจุบันนี่” ความทรงจำที่ถูกกาลเวลาเก็บกั้นเผยออกมา พร้อมอาการสยองพองขนไปทั้งร่าง
“ อะไรของนายอีก ผีเผอมีที่ไหน”
“ นนท์เห็นจริงๆนะ ตอนเด็กๆ นนท์หลับอยู่บนเตียง แล้วก็มีใครไม่รู้มานั่งอยู่ข้างๆเตียง นั่งกอดเข่าแถมยังร้องไห้น่ากลัวมากเลย พอเข้าไปใกล้ก็เห็นที่เขานั่งมีน้ำอยู่เต็มไปหมด แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้น พี่รู้ไหมว่ามันหน้าเละมาก เป็นอะไรที่น่ากลัวจริงๆ มันต้องเป็นพี่ตัวเดียวกับเมื่อคืนแน่นอน” คนหน้าหวานเริ่มเล่าเสียงสั่น ความกลัวจับเข้าทุกอณูขุมขน
“ เหรอ” เขานิ่งงัน ภาพในสมัยเด็กๆลอยเข้ามาซ้อนทับภาพแล้วภาพเล่า และมาหยุดอยู่ตรงภาพที่เขาใส่ชุดดำสวมหน้ากากผี แถมยังรดน้ำให้ชุ่มไปทั้งตัวเข้าไปแกล้งเด็กน้อยเจ้าปัญหาถึงในห้องนอน ไม่อยากเชื่อว่าเขานี่เองจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นนท์เป็นโรคกลัวผีมาจนถึงทุกวันนี้
“ พี่อยู่ที่นี่มันยี่สิบกว่าปีไม่เคยเจอบ้างเหรอ” ....เสียงซู่ซ่าที่ดังจากข้างนอก ปลุกทั้งสองให้รับรู้ว่าสายฝนเทลงมาอีกแล้ว เสียงฟ้าผ่าที่ครืนโครมอยู่นอกบ้านปลุกภาพเก่าลอยเข้ามา..แล้วอยู่ๆลมที่เกิดก็พัดมาแรงกระทบกับประตูส่งเสียงดัง…
“ ปัง”
“เฮ้ย” ชายหนุ่มตาเรียวกระโดดเข้าไปใกล้..แถมยังไปหยุดอยู่บนตักของอีกฝ่ายที่กำลังทำหน้าตกใจเพราะความเร็วแสงที่ไวกว่าสิ่งใดในโลก..นนท์หมดมาดคนเจ้าเสน่ห์ไปในนาทีนี้..
“ คุณหนูจะกลัวอีกนานไหม พี่หนักนะ..” ต้นสะกิดคนที่ทับเขาเบาๆ ก่อนจะเปรยออก ทำให้นนท์ก็ขยับลงไปนั่งเก้าอี้ข้างๆ..ดูความไวสิเมื่อครู่ยังนั่งตรงกันข้าม แต่แค่ประตูกระทบกันไม่ถึงสามวิ..นนท์ก็ปลีกสังขารไปอยู่บนร่างต้นได้อย่างอัศจรรย์..
“ ก็คนมันกลัวนี่..”
“ หืม..” ต้นพยักหน้ารับเล็กน้อย ในความคิดบังเกิดความขบขัน นึกอยากจะแกล้งอีกคนขึ้นมาจับใจ คืนนี้แหละเจอทีเด็ดเขาแน่
“ แค่ลมพัดจะตกใจอะไรนัก คุณหนู”
“ พี่ไม่คิดว่ามันเป็นสัญญาณบ้างเหรอ เราคุยเรื่องผีกันอยู่ดีๆ แล้วฝนก็ตกลงมาแถมยังปิดประตูเสียงดังอีก สงสัยมันจะรู้ว่านนท์กำลังนินทามันอยู่” ต้นถึงกับอึ้งในความช่างชักช่างโยง จินตนาการเป็นเลิศ
“ เอาเถอะ พี่ไปอาบน้ำก่อน” เขาแกะมือของนนท์ที่เกาะไว้ออก แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอม เรื่องอะไรจะปล่อยให้เขาทิ้งนนท์ไว้คนเดียวล่ะ
“ ไม่นะ นนท์ไม่อยากอยู่คนเดียว”
“ จะตามพี่ไปอาบน้ำไหมล่ะ” เขายกไม้เด็ดมาขู่นึกว่าคนเกาะแขนจะยอมล่าถอย แต่กลับกลายเป็นว่าความกลัวที่ครอบงำจิตใจอยู่ ทำให้ต้องพยักหน้างกๆ
“ บ้าหรือเปล่านี่.. ”
“ ก็นนท์กลัวนี่ ดูสิทุกอย่างเหมือนเมื่อวานเลย นนท์ว่าเดี๋ยวมันต้องเหมือนเมื่อวานแน่นอน” เขาคาดการณ์ต่อ เมื่อวานฝนก็ตกอย่างนี้แหละแล้วเขาก็เห็น....
“ งั้นรีบเก็บอาหารเข้าตู้ก่อนแล้วขึ้นไปข้างบนด้วยกัน” เขายอมในลูกดื้อของ คนตรงหน้า..แล้วช่วยอีกฝ่ายเก็บจานเข้าไปไว้ในครัว
ทางฝ่ายที่ดักรออยู่บ้านข้างๆตอนนี้ก็กำลังจับตามองความเคลื่อนไหวของคนทั้งสอง
กิ่งถึงกับนับถือในความพยายามของมารดา ต่อให้เปียกให้ป่วย แต่เพื่อภารกิจส่งนนท์ถึงดวงดาวก็ยอมได้ทุกอย่าง ..นับถือๆ
“ นี่แม่นั่งดูมาสองชั่วโมงแล้วยังไม่เบื่ออีกเหรอ” กิ่งเปรยขึ้น ภาพที่อุตส่าห์ส่องกล้องดูอยู่ยังคงเห็นอะไรไม่ชัดเจน ฝนที่ตกลงมาก็ประดุจม่านชั้นดีกั้นทัศนวิสัยให้แย่ลง แต่คุณแก้วก็ยังอดทนนั่งเฝ้ามองอยู่มิคลาย
“ กะพริบตาหนึ่งทีอาจพลาดช็อตเด็ดไปก็ได้นะ” คติของนางปรากฏ
“ โธ่แม่..” หญิงสาวชักอ่อนใจ เดินไปล้มตัวลงที่โซฟาตัวใหญ่ เจ้าของบ้านซึ่งเป็นเพื่อนของคุณแก้วเดินถือถาดของว่างเข้ามาให้ แถมยังยิ้มแย้มเต็มใจสุดๆที่จะให้ความร่วมมือ
“ เป็นไงบ้างคะ คุณแก้ว”
“ ก็ยังไม่ถึงไหนเลยค่ะคุณเดือน แต่ฉันว่าคืนนี้น่าจะมีลุ้นมากกว่าเมื่อคืนนะ นนนี่กลัวผีมากกว่าที่ฉันคิดเสียอีก” นางหัวเราะคิดคักอย่างระรื่น มีคุณปานเดือนมานั่งเป็นเพื่อนคุยด้วยก็ยิ่งเพิ่มอรรถรสในการวางแผนให้มากขึ้นกว่าเดิม
“ น้าเดือนกับแม่นี่พอกันเลยนะ” หญิงสาวส่ายหน้าอย่างอ่อนใจทอดสายตาออกไปอีกทาง ก็เห็นชายหนุ่มหน้าใสวัยสักสิบแปดสิบเก้าเดินตรงเข้ามาทางหล่อน เขายิ้มกว้าง...
“ สวัสดีครับพี่กิ่ง น้าแก้ว” ชายหนุ่มยกมือไหว้ด้วยท่าทีกวนๆ แม้บุคลิกของเขาจะส่อว่ากวน แต่จริงๆแล้วเขาก็ค่อนข้างรู้จักวางตัวได้ดี
“ จ้ะ” นางรับไหว้แล้วหันกลับไปกระซิบกระซาบกับคุณปานเดือนต่อ ก็เรื่องกำลังเข้าตอนสนุกอยู่เลยจะขาดหายแค่เสี้ยววินาทีก็คงไม่ต่อเนื่อง
“ ฝนตกขนาดนี้กลับมายังไงล่ะนี่ โดม” หญิงสาวเอ่ยถาม แค่ชื่อที่เรียกก็บอกได้ชัดว่าเธอเองก็รู้จักกับเด็กหนุ่มคนนี้มานานพอควร
“ ผมเพิ่งกลับมากับแท็กซี่ครับ เพิ่งมาจากที่เรียนพิเศษครับ ปีนี้ก็ม.6 แล้ว ต้นปีหน้าก็ต้องแอดมิชชั่นเข้ามหาวิทยาลัย เลยต้องตั้งใจหน่อย” ชายหนุ่มเปรยอย่างหนักใจ การสอบเข้ามหาวิทยาลัยถือเป็นงานหนักของเด็กมัธยมปลายแทบทุกคน ใครๆก็หวังอยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ แม้ในความเป็นจริงความรู้ที่ได้ไม่ค่อยจะต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ค่านิยมและความเชื่อที่ติดฝังลงรากในใจคน ก็ปลูกความคิดให้เชื่อว่าคนมีความรู้ต้องสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังเท่านั้น
“ อย่าไปเครียดเลย เวลาที่เหลือก็เตรียมตัวให้ดีแล้วกัน คนที่มีความพยายามยังไงก็ต้องได้สิ่งที่ตัวเองต้องการอยู่แล้ว” ใช่สิคนพยายามเหมือนมารดาของเจ้าหล่อนนั่นแหละ พยายามมาปีกว่าแล้วที่จะจับคู่ให้ลูกชายกับหลานนอกไส้น้องสติชสีอ่อน
“ ครับ ก็พี่เก่งจะตายไปแต่ผมมันหัวทื่อนี่”
“ ไม่มีคำว่าทื่อหรือเก่งหรอกนะ มีแค่ไม่รู้กับรู้ ถ้าอยากเป็นคนมีความรู้ก็ต้องขยันเรียน การเรียนพิเศษอาจช่วยได้ก็จริง แต่เชื่อไหมว่าถ้าตั้งใจเรียนในห้องทุกอย่างก็สบายแล้ว” ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนให้คำแนะนำ
“ ครับผมจะจำไว้นะ ผมว่าเราไปหาอะไรกินในครัวดีกว่า รู้สึกว่าแม่กับน้าแก้วคงไม่อยากพูดกับเรานักหรอกนะ” ชายหนุ่มเสนอ เพราะเห็นว่าสองสาววัยกลางคนมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงมาก
“ ก็ดีเหมือนกัน.” เธอเห็นด้วยอย่างมาก ตอนนี้อยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด นั่งทนมาตั้งสองชั่วโมงกว่าแล้ว
สรุปว่าต้นไม่ยอมให้เจ้าตาเรียวเข้าไปภายในห้องน้ำกับเขา..บ้าสิโตจนป่านนี้แล้วจะให้คนอื่นเข้ามาอาบด้วยนี่นะ..ประสาทหลอนตาย..สุดท้ายนนท์เลยต้องนั่งแอ้งแม้งรอต้นอยู่ภายในห้องของพี่ใหญ่ของบ้าน ..ในใจก็สั่นไปสั่นมา..เสียงลมพัดมาทีก็สะดุ้งที..นนท์เกลียดบรรยากาศอย่างนี้เป็นที่สุด..สวรรค์..มันดูไม่ต่างอะไรจากหนังสยองขวัญ ..ม่านฝนก็พร่าลงไม่มีแววจะหยุด.. ฟ้าก็ดันร้องแบบไม่ลืมหูลืมตา ..
นนท์เริ่มจินตนาการฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ เวลาที่นั่งรออีกฝ่ายอาบน้ำแม้ไม่นานสักเท่าไหร่แต่ในความรู้สึกมันช่างแสนทรมานมาก สุดท้ายความกลัวที่มีมากกว่าสิ่งใดก็ปลุกเขาให้ลุกขึ้นจากห้อง เดินไปตามพี่ต้นหน้าห้องน้ำ...
“ พี่ต้น..ๆ” มือเรียวรัวเคาะประตูห้องน้ำด้วยความหวาดหวั่น ตอนนี้นนท์เริ่มสติแตกอีกครั้งเพราะหูเริ่มแว่วเสียงก๊อกแก๊กตรงที่บันได เสียงกระทืบเท้าที่ดังใกล้เข้ามาจนนนท์แทบจะกลั้นลมหายใจ
ชายหนุ่มตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแต่ก็พบว่าประตูไม่ได้ล็อคแถมในห้องน้ำไม่มีพี่ต้นอยู่ ความว่างเปล่า โหวงเหวงเข้าแทนที่...และสิ่งสำคัญ เจ้าเสียงประหลาดมันกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้นนท์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ...
“ พี่ พี่ใช่ไหม” นนท์ทำใจดีสู้เสือออกปากเรียกอีกคนร่วมบ้าน แต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา คนร่างบางในชุดนอนสีฟ้าอ่อนๆ ..รวบรวมความกล้าทั้งหมดภายในใจเดินออกมาดูข้างหน้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่พบกับอะไรแล้วพี่ต้นของนนท์หายไปไหนกันนี่
“ พี่ต้น...” ชายหนุ่มร้องหาอีกครั้ง แต่ก็เป็นเช่นเดิม ขาของนนท์เริ่มสั่นจนเดินไปข้างหน้าไม่ไหว คราวนี้นี่แหละที่เขาเริ่มรู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง มือของใครบางคนวางลงบนบ่าของเขาอย่างแผ่วเบา
“ พี่ใช่ไหม” นนท์ดีใจรีบหันหลังกลับเข้ากอดร่างของอีกฝ่ายไว้มั่น เอาเถอะยังไงนนท์ก็ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด ไม่ยอมขาดที่พึ่งไปอีกแน่นอน
“....”
“ เฮ้ย..” เมื่อดวงหน้าแสนใสเงยขึ้นก็พบกับบางสิ่งที่ทำให้ความตกใจแล่นวาบ ..คนที่ยืนอยู่ไม่ใช่ต้นแต่กลับเป็นชายชุดดำแถมหน้ายังเล๊ะ ที่พื้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ใช่แล้วนี่มัน
“ ..ผีตัวนั้น” นนท์ระลึกได้ว่านี่แหละคือผีตัวเดียวกับที่หลอกเขาเมื่อตอนเป็นเด็ก ผีที่ทำให้เป็นโรคกลัวขึ้นสมอง เสียงแหกปากดังลั่นบ้าน ..เขาหมายจะหนีจากจุดที่ยืนไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้วมือข้างหนึ่งก็ดันถูกจับเอาไว้ได้เสียก่อน ..สติของนนท์เริ่มขาด
‘ ไม่ได้ๆ นนท์วิ่งไม่ไปเลย มันจับมือนนท์อยู่นี่ เป็นไงเป็นกันวะสู้สักตั้ง’ จากความกลัวและเสียงร้องกลายไปเป็นแรงฮึดสู้กับเจ้าผีกำมะลอสักตั้ง ชายหนุ่มหยุดดิ้นแล้วเปลี่ยนเป็นทุบตัวผีที่จับมือเขาไว้หลายครั้งจนมือนั้นเริ่มคลายออก นนท์ยกมือขึ้นป่ายปัด..จนฟาดหน้าเจ้าผีตัวนั้นไปหลาดฉาด..
“ โอ๊ย” เขาร้องเสียงดังไม่แพ้ เพราะมือของนนท์ตบลงหนักมากจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่าต้นเสียงที่ดังทำให้ คนหน้าสวยต้องชะงักแล้วเริ่มจับสังเกต
‘ ผีบ้าอะไรนี่ร้องด้วย’
“ แกตาย” เขาชักเริ่มเรียกความกล้าออกมามากขึ้นกว่าเดิม ระรัวตีร่างของอีกฝ่ายไม่ยั้งมือ จนสุดท้ายผีร้ายต้องยอมเผยหน้าตาแท้จริงออกมา
“ หยุดตีได้แล้วพี่เจ็บ”
“ พี่ต้น...” นนท์ถึงกับตลึง เพราะจำเสียงที่พูดออกมาได้..นี่พี่ต้นแกล้งหลอกผีเหรอ.นนท์ไม่อยากจะเชื่อ
“ นี่พี่คือผีที่หลอกนนท์มาตั้งแต่เด็ก แถมยังแกล้งนนท์อีกเหรอไอ้บ้าๆ นนท์อุตส่าห์หลงกลัวมาตั้งนานที่แท้ก็เป็นพี่นี่เอง ” นนท์เริ่มโวยวายอย่างคุกรุ่น..ความกลัวที่บังเกิดในใจเกาะกินความกล้าหาญให้กร่อนกรอดไปเรื่อยๆ ใครจะรู้ว่าแท้จริงเป็นเพียงการแกล้งของคนตรงหน้า ..
“ ..”
“ ไอ้บ้า นนท์ไม่พูดด้วยแล้ว ไอ้พี่ต้นนิสัยไม่ดี..” ชายหนุ่มมองด้วยความไม่พอใจ ใช้คำพูดถากถางอย่างไม่เสียใจ..คนที่ทำให้เขาเป็นบ้าเป็นหลังได้มากขนาดนี้คือคนที่ยืนตรงหน้านนท์ คือคนที่ชอบวางหน้าว่างเปล่า
...ร่างเพรียววิ่งออกไปเพราะในใจเริ่มสับสนวุ่นวายอีกคราหนึ่งแล้ว
พี่ต้นของนู๋ทำอะไรออกไป
นนนี่..งอลแล้ว 55555