บทที่ รักคือสิ่งสวยงาม “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ” ในที่สุดอาทิตย์ก็โดนปักษธรไล่ต้อนจนต้องเล่าเรื่องราวที่ติดค้างในใจออกมาเสียได้ พนักงานหนุ่มนำแก้วน้ำมาให้อาทิตย์ใหม่ พร้อมกับหัวเราะนิดๆเมื่อเห็นท่าทีของอาทิตย์
“เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ” ปักษธรถอนหายใจ นึกโล่งใจนึกว่าเรื่องจะรุนแรงมากกว่านี้ แต่เป็นแค่เรื่องกะโหลกกะลา แต่นั่นก็แปลกที่อาทิตย์เครียดกับเรื่องเล็กๆแบบนี้ อาจเป็นเพราะเพื่อนคนนี้ห่วงความรู้สึก ห่วงเด็กคนนั้นมากก็เป็นได้
“ทำเป็นว่านะยะ ทีแกล่ะ โหยหัวหน้าออกจะดูแลดีขนาดนั้น เป็นชั้นนะกระโดดอ้าขารอบนเตียงแล้ว” อาทิตย์สวนเข้าให้ด้วยเสียง อันดัง จนปักษธรต้องรีบเอามืออุดปากเพื่อนสาวตัวดีไว้ ก่อนจะก้มหัวขอโทษพนักงานในร้านที่กลั้นหัวเราะไม่อยู่ นับว่ายังดีที่วันนี้มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่อยู่ในร้าน
“เบาๆสิ” ปักษธรทำเสียงแข็งใส่ แต่อีกคนหาได้กลัว
“ก็จริงนิ”
“ถ้างั้นทำไมไม่กระโดดขึ้นเตียง ถอดเสื้ออ้าขารอน้องแปดนิ้วของแกล่ะ”
“แอร๊ยยย”
ทั้งคู่พากันถอนหายใจพร้อมกับยิ้มให้กัน
“ไม่ง่ายเลยเนอะนังธร”
“อืม ยากจริงๆ”
ทั้งสองยิ้มให้กันอีกครั้งอย่างรู้ความหมาย คนหนึ่งหนีจากความรักมาตลอด แม้กระทั่งกลับใจจะเริ่มรักครั้งใหม่แต่กระนั้นลึกๆในหัวใจยังไม่กล้าที่จะปล่อยหัวใจให้ชายคนนั้นเต็มร้อย เขากลัวหากรักลงไปหมดใจ จะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก หากรักครั้งนี้ไม่เป็นอย่างที่คิด
อีกคนวิ่งตามหาความรักตลอดเวลา แต่ก็ไม่เคยได้สัมผัสแม้สักครั้ง เมื่อได้พบเจอเป็นครั้งแรก อะไรก็ดูจะยากไปเสียหมดกับการเริ่มต้นแม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ
แล้วมันจะจบลงอย่างไรกัน
“ฮาย มาย เฟรนส์” เสียงเเจ๋นๆ แบบดัดจริตดังขึ้นพร้อมการปรากฏกายของชายหนุ่ม วันนี้ดนัยมาในชุดเสื้อโปโลลำลอง กางเกงขายาวตามสมัย เธอทักทายเพื่อนๆอย่างดีใจเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานพอควร
“เอ๋ เกิดอะไรขึ้น ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง” ดนัยสังเกตเห็นอาการของเพื่อนทั้งสองที่ดูหงอลง ปักษธรอาจจะปกติ แต่ใครกันที่ทำให้แม่อาทิตย์ผู้ส่องแสงเจิดจรัสต้องมาอับแสงเสียอย่างนั้น
และกว่าที่อาทิตย์จะยอมเล่าความจริงให้ฟัง ดนัยก็ต้องลงทุนออกปากเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นมื้อเย็นไปเสียแล้ว
“ค่ะ เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องเอามาคิดมาก นี่ถ้าตกลงปลงใจกันจริงๆพววกหล่อนไม่ได้ฆ่าตัวตายวันละสิบรอบเลยหรอคะ พวกเธอ!” ดนัยบ่นเสียงดังทำเอาพนักงานหนุ่มแอบหัวเราะ
“ฮึ่ม! นั่นล่ะ เรื่องมันไม่ได้มีอะไรเลย แค่พวกแกคิดมากกันไปเอง” ดนัยปรับเสียงให้อยู่ในความถี่ปกติเมื่อเขารู้ได้ว่าพนักงานหนุ่มคนนั้นกำลังแอบสังเกตพวกเขาอยู่
“แต่”
“ไม่มีแต่ จริงๆนะอาทิตย์ แกก็แค่ไปคุยกับน้องเขาตรงๆ แค่นั้นเรื่องก็จบแล้ว”
“งั้นหรอ” อาทิตย์นั่งจมกับความคิด ขมวดคิ้วชนกันแน่น
“แกก็อีก ธร นึกว่าจะฉลาดกว่าอาทิตย์มัน ที่ไหนได้พอกันเลย” ดนัยจิบน้ำเล็กน้อยก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งของหวานเพิ่ม ทั้งๆที่ตนเองไม่ได้มีความอยากเลยแม้แต่น้อย
“เรื่องคิดมากนี่ไม่มีใครเกินพวกแกสองคนเลยจริงๆ”แม้ดนัยจะบ่นเพื่อนอีกสองคนแต่สายตาตอนนี้หาได้มองที่ผู้ฟังไม่ เด็กหนุ่มยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะปลีกตัวเข้าหลังร้านไปเตรียมของ
“ทำเป็นพูดดีนะยะ แต่ตาน่ะมองไปไหน” อาทิตย์อดแขวะเพื่อนสาวเสียไม่ได้แต่ก็นึกขอบใจที่อย่างน้อย ดนัยก็ยังพอจะให้คำแนะนำดีๆได้กับเขาบ้าง
“อุ้ย กล่าวหาไม่มีหลักฐานนะคะ” ดนัยกลับเข้าสู่โหมดสาวเปรี้ยวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าพนักงานชายหลบเข้าหลังร้านไปแล้ว “จริงๆนะ แก เจ้าธันกับแกก็ดูๆกันมาเกือบๆจะสองเดือนแล้ว ฉันก็เห็นว่ามันก็โอเค ออกจะเกินโอเคเสียด้วยซ้ำ…….แต่พวกแกก็ยังไม่ไปถึงขั้นไหนเลย”
“ขั้นไหนอะไรของแก” อาทิตย์กินน้ำกลบเกลื่อน ปักษธรนั่งเท้าคางตั้งใจฟัง ดนัยรุกถามต่อ
“บอกมาน่า ถึงไหนกันแล้ว”
“ถึงอะไร แกถามไม่เข้าใจ” อาทิตย์เฉไฉ ใบหน้านั้นเริ่มขึ้นสี
“ก็ จับมือ กอด จูบ แล้วก็……”
“นี่ เราออกนอกเรื่องกันแล้วนะ”
เวลาล่วงเลยไปกว่าชั่วโมง ปักษธรขอตัวไปก่อนเนื่องจากนัดกับสุริยันไว้ ส่วนอาทิตย์เองก็โดนไล่ให้ออกไปคุยกับเด็กธันเสียให้เรียบร้อย อาทิตย์ได้เพียงบ่นให้เพื่อนสาวที่นั่งชิมของหวานชิ้นที่สามที่เธอสั่งมา
เวลาบ่ายคล้อยเย็นวันหยุดแบบนี้ ผู้คนต่างพากันมาพักผ่อน เที่ยวเล่นกันตามประสา ภาพของกลุ่มเพื่อนฝูงพากันหัวเราะ หยอกล้อเล่นกัน ภาพของคนเหงาๆที่นั่งกดโทรศัพท์บนบีทีเอส ภาพคู่รักที่เดินจูงมือกันไปมา
เขาคิดถึงเจ้าเด็กที่ตอนนี้คงกำลังทำงานตัวเป็นเกลียว อาทิตย์ยิ้มเมื่อคิดถึง เด็กหนุ่มตัวเล็กๆตันๆ หัวเกรียนๆ คนที่ขยันทำงานเสียจนหาเวลาพักไม่ได้ คนที่จดจำได้ดีว่าเพลงที่เขาชอบคืออะไร
คนที่ยอมรับในตัวตนของอาทิตย์เอง
อาทิตย์ กลับมาถอนหายใจ เขานั่งพักตรงข้างทาง อีกไม่ไกลคือร้านค้าที่เด็กธันทำงานกะเช้า ลำพังแค่เรื่องเข้าไปขอโทษแล้วปรับความเข้าใจ สำหับอาทิตย์แล้วไม่ใช่เรื่องยากนัก เพราะเขาเองก็ผิดที่บังคับเจ้าธันมากเกินไป
แต่สิ่งที่กวนใจอาทิตย์นั่นคือความเป็นไปในอนาคต อย่างที่ดนัยบอกจริงๆ เพียงแค่เริ่มต้น ยังมีเรื่องให้ปวดหัวได้ขนาดนี้ ถ้ายังคบกันอยู่ต่อไป จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้ง และอีกครั้งหรือ แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร
ที่เคยคิดว่าชีวิตรักต้องมีเพียงแค่ความสุข แต่พอเอาเข้าจริงๆกลับมีแต่เรื่องหนักใจ ถ้าแบบนี้กลับไปเป็นคนเดิมโดยไม่มีใครจะดีกว่าไหมนะ จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอยู่แบบนี้
แต่ถ้ากลับไปเป็นแบบเดิมแล้วจะไม่เหงาจริงหรือเปล่า ถึงจะมีปักษธรและดนัยอยู่เป็นเพื่อนก็จริง ทว่าความเป็นเพื่อนและคนรักมันก็ต่างกัน คนละความรู้สึกกัน
ไม่อยากร้องไห้คนเดียวอีกต่อไป……….แต่ก็ไม่อยากจะเสียใจเพราะใครอีก
“แอร๊ยยยยย สับสน” อาทิตย์หลบมุมร้านค้าสะดวกซื้อ ปล่อยตัวนั่งลง เขาพึ่งรวบรวมความกล้าแต่พอเห็นหน้าเจ้าเด็กนั่นก็ทำเอาเปลี่ยนใจหลบฉากออกมาเสียดื้อๆ
รถยนต์คันหรูจอดตรงข้างทาง ปักษธรเปิดประตูเข้าไปทันทีอย่างเคยชิน ชายหนุ่มคนขับกล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่นเหมือนชื่อของเขา ทำเอาปักษธรใจสั่น ไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังไม่ค่อยจะชินกับเรื่องความรักเสียที คงเป็นเพราะทิ้งช่วงมานานก็เป็นได้
“ไปไหนกันดี” พนักงานขับรถประจำตัวถามอย่างอารมณ์ดี เขายังอยู่ในชุดทำงาน สุริยันบอกว่าต้องไปติดต่องานกับลูกค้า ในวันหยุดเนื่องจากลูกค้าคนนี้หาเวลาว่างได้ยากมาก
“เอ่อ แล้วแต่สิ ชอบไปที่ไหนล่ะ” ปักษธรตอบกลับไปเช่นเดิมเหมือนทุกครั้ง
“อีกแล้ว! ผมเองก็อยากรู้ว่าธรชอบไปที่ไหนบ้างนะครับ” ครั้งนี้สุริยันไม่ยอม เขาชะลอรถลงเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงทางแยกแต่ปักษธรยังดูที่จะตัดสินใจไม่ได้
ถ้าเลี้ยงซ้าย ก็จะเข้าตัวเมือง แต่ถ้าจะออกนอกตัวเมืองก็เลี้ยวขวา
จะรัก……..หรือไม่รัก
อาทิตย์ค่อยๆเดินแนบไปกับกระจกกั้นร้าน เขาเตรียมคำพูดไว้อย่างดี เขาแนบแก้มเข้ากับกระจกบานใสนั้น แต่ก็ต้องแปลกใจที่มองไม่เห็นเด็กหนุ่มอยู่ที่เคาท์เตอร์ เขาชะโงกไปให้สูงกว่าเดิมเพื่อเพิ่มมุมการมองเห็น แต่ก็ไม่เจอเป้าหมายที่ต้องการ
“เอ่อ คุณคะมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” พนักงานหญิงที่กำลังขนของอยู่หน้าร้านบังเอิญเห็นท่าทีที่น่าสงสัยจึงเข้ามาถาม แต่อาทิตย์ก็ปฏิเสธไปและชิ่งเดินหนีไปอีกทาง
“อ้าว พี่! มีอะไรครับ”เสียงเด็กหนุ่มดังขึ้นหยุดการเคลื่อนไหวของอาทิตย์ลง เขาค่อยๆหันไปหา แน่นอนว่าต้องเจอเจ้าธันยิ้มแหยๆยืนเกาหัวอยู่
“ไม่มีอะไร ไปทำงานเถอะ” อาทิตย์รีบหมุนตัวออกเดินทันที ทีเห็นหน้าธัน ทั้งๆที่เตรียมคำพูดเอาไว้อย่างดิบดี แต่พอมาเจอตัวเข้าจริงๆก็น้ำท่วมปาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
“เดี๋ยวสิพี่” เสียงเรียกนั้นเบาลงไปคงเพราะอาทิตย์เดินเร็วพอสมควร
“รีบตามไปสิ” พนักงานหญิงรีบเตือนสติเพื่อน เมื่อเห็นเพื่อนหนุ่มลังเลที่จะตามไป
“ไม่ต้องห่วงงานเดี๋ยวฉันจัดการเอง” เธอผลักให้ชายหนุ่มตรงหน้าออกวิ่งตาม เด็กหนุ่มพยักหน้ากล่าวขอบคุณก่อนจะวิ่งตามคนที่ทำตัวยุ่งยากไป
“ว่าไงครับ ซ้ายหรือขวาดี” สุริยันถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นตัวเลขที่นับถอยหลังของสัญญาณไฟใกล้จะหมดเวลา
“เอ่อ…….ขวาครับ” ปักษธรตอบในคำถามที่ไม่ยากนักไปก่อน คงเหลือคำถามที่ยากจะตัดสินใจให้มันค้างคาในใจ เขาเอนเบาะลงอีกเล็กน้อยจ้องมองไปยังถนนที่เนืองแน่นไปด้วยรถรา ปล่อยให้คำถามนั้นยังคงวนเวียนในใจ
“คิดอะไรอยู่” เสียงนุ่มทุ้มทักขึ้น เมื่อสุริยะเห็นว่าคนข้างๆนั่งขมวดคิ้วจนจะชนกันอยู่แล้ว
“เปล่า”
“อาทิตย์ทำเรื่องอีกแล้วหรือไง หึหึ” เขาหัวเราะเบาๆเมื่อนึกถึงใบหน้าของลูกน้องจอมโวยวาย ที่มักจะหาเรื่องยุ่งๆในสำนักงานอยู่เสมอๆ
“ไม่ใช่สักหน่อย” ปักษธรยิ้มตอบ เสียงหัวเราะทำให้เขาคลายความฟุ้งซ่านของความคิดได้บ้าง หลังจากนั้นบทสนทนาธรรมดาก็ดำเนินไปเรื่อยๆ
หากเธอพบว่ารักครั้งนี้สำคัญกว่าสิ่งไหน
แต่เธอเองยังคงลังเลที่จะทุ่มเทลงไป
หากว่าเธอยังมีความกลัวว่าอาจต้องเสียใจ
ปล่อยมันไปเพราะถึงอย่างไรรักนั้นก็สวยงาม
แค่ได้ลองรักใคร อย่างสุดหัวใจสักที
เกิดอะไรพรุ่งนี้ก็ไม่สำคัญ
อาจจะมีน้ำตา สุขทุกข์ปะปนเคล้ากัน
แต่ก็คุ้มที่พบและผ่านสิ่งนี้
“เดี๋ยวสิพี่” เสียงเรียกนั้นมาพร้อมกับแรงจับที่แขนขวา อาทิตย์หยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้ากับอีกคน
“พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มก้มตัวหายใจแรงๆ ด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งตาม
“อ่อ……ไม่มีอะไร”
“…………”
ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน หวนให้คิดถึงการเจอกันครั้งก่อนหน้าที่จบลงได้แย่อย่างสุดซึ้ง เด็กธันเองก็ไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรดีกลัวจะไปเพิ่มความไม่พอใจให้รุ่นพี่มากยิ่งขึ้น เพราะตั้งแต่เริ่มคบกันมาเขาทำอะไรลงไปมักจะไม่ถูกใจอาทิตย์อยู่ร่ำไป
ตรงข้ามกับอาทิตย์มีมีสิ่งที่อยากจะอธิบายมากมาย คำพูดที่เรียบเรียงไว้นั้นหายไปทันทีเมื่อได้ยืนประชันหน้ากันจังๆแบบนี้
“ที่นี่อากาศดีนะ” สุริยันยืดตัวชูแขนทั้งสองขึ้นพร้อมกับสูดอากาศเข้าเต็มปอด สวนสาธารณะเล็กๆแห่งนี้ดูสงบและร่มเย็น เขาเหลือบมองคนข้างๆที่นั่งมองอะไรเพลินๆ
“คิดอะไรอีกแล้ว” มือใหญ่นั้นวางลงที่หัวไหล่ของปักษธร และแน่นอน ว่าปักษธรเบี่ยงตัวหลบทันที
“…..ขอโทษครับ” ปักษธรตกใจ และรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเมื่อเห็นสีหน้าของสุริยัน
“ไม่เป็นไรครับ” สุริยันถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยและเอนตัวพิงกับเก้าอี้ข้างสระน้ำ
หากเธอพบว่ารักครั้งนี้สำคัญกว่าสิ่งไหน
แต่เธอเองยังคงลังเลที่จะทุ่มเทลงไป
หากว่าเธอยังมีความกลัวว่าอาจต้องเสียใจ
ปล่อยมันไปเพราะถึงอย่างไรรักนั้นก็สวยงาม
หากว่าเธอมั่นใจ ว่าเจอสิ่งที่หายไป
และเป็นใครคนนี้ที่รอมานาน
อาจจะมีน้ำตา สุขทุกข์ปะปนเคล้ากัน
แต่ก็คุ้มที่พบและผ่านสิ่งนี้
“พี่ครับ เราต้องคุยกันนะ”
“ไม่รีบไปทำงานหรอ เดี๋ยวต้องไปร้านต่อนี่” อาทิตย์มองเวลาก็พบว่างใกล้เวลาที่เด็กหนุ่มต้องไปช่วยงานที่ร้าน
เด็กหนุ่มคว้ามือถือออกมาเขากดไปมาสักครู่ก่อนจะแนบเข้ากับหู
“ครับพี่ ผมปวดท้องมากครับขอลางานวันหนึ่งนะพี่” เด็กหนุ่มโกหกรวดเดียวจบ โชคยังดีที่เขาเองไม่ค่อยจะโกหกและลางานมากเท่าไรเจ้าของร้านจึงไฟเขียวปล่อยให้เด็กหนุ่มพักผ่อนหนึ่งวัน
“ผมขอโทษครับพี่ เรื่องเมื่อครั้งก่อน ผมจะไม่ทำอีกครับ”
“จะบ้าหรือไงมาขอโทษชั้นทำไมกัน”
“แล้วผมต้องทำยังไงกันครับพี่ ถึงจะถูกใจพี่” เด็กหนุ่มพูดอย่างท้อใจ ไม่ว่ากี่ครั้งก็ดูจะผิดไปเสียทุกครั้ง
“มานี่สิ” อาทิตย์สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มมีสีหน้าแบบไหน คงจะคิดโทษตัวเองอีกแล้ว จึงเรียกให้ไปนั่งนั่งที่นั่งใกล้ๆแถวนั้น
ก่อนที่จะได้พูดอะไรออกไป อาทิตย์สูดหายใจเข้าเต็มที่ก่อนจะเอื้อมมือเด็กหนุ่มจับไว้มั่น
เหมือนว่าดอกไม้ที่งามสดใส มารุมล้อมหัวใจ
เปลี่ยนแปลงโลกไปทั้งใบ และต่อจากนี้
หากเธอพบว่ารักครั้งนี้สำคัญกว่าสิ่งไหน
แต่เธอเองยังคงลังเลที่จะทุ่มเทลงไป
หากว่าเธอยังมีความกลัวว่าอาจต้องเสียใจ
ปล่อยมันไปเพราะถึงอย่างไรรักนั้นก็สวยงาม
“ผมขอโทษครับ มันยังไม่ชิน” ปักษธรขอโทษกับการกระทำของตน
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าแบบนั้นผมจะทำจนกว่าคุณจะชินเอง” มือใหญ่อันนั้นวางลงอีกครั้งที่หัวไหล่ของคนรักอย่างมั่นคง ทำเอาปักษธรไม่มีสิทธิ์ที่จะดิ้นหลุดได้
“แต่อย่านานนักนะครับ สงสารผมหน่อย”
หากเธอพบว่ารักครั้งนี้ทำใจให้สั่นไหว
อย่าลังเลเลยเธอคนดี ขอเธอทุ่มเทลงไป
หากว่าเธอยังมีความกลัวว่าอาจจะเสียใจ
ปล่อยมันไปเพราะถึงอย่างไรรักนั้นก็สวยงาม
สองคู่หูหลับตาลง ปล่อยหัวใจให้ได้สัมผัสถึงความรักที่ก่อตัวขึ้น แม้มันจะไม่ได้ยิ่งใหญ่มากเท่าใคร แต่มันก็คอยกระตุ้นให้ใจดวงนี้เต้นต่อไปอย่างมีกำลัง ความรักอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับใครบางคน แต่อีกหลายๆคนก็มองเป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกระไร แล้วควรจะเชื่อใครกัน แล้วตกลงรักมันทำให้เราเสียใจจริงหรือ
เพียงแค่ปล่อยใจ มองให้เห็นถึงสิ่งที่มองข้าม ว่ารักนั้นไม่ได้มีแต่เรื่องเศร้าเสียน้ำตา ยังมีเรื่องของคนที่คอยแบกคนขี้เมากลับห้องทุกครั้ง ยังมีเรื่องของคนที่ตามจีบเป็นเวลานาน ยังมีเรื่องของคนที่จดจำชื่อเพลงที่ชื่นชอบ และยังมีคนที่คอยอยู่เคยข้าง
ลองปล่อยใจให้คิดสักนิด แล้วคุณจะพบกับความสุข ที่หาได้ ไม่ยากเลย
ปล่อยมันไปเพราะถึงอย่างไรรักนั้นก็สวยงาม