ตอนที่ 7 คุณเขาเป็นคนน่ารัก
“กร เหม่ออะไรน่ะ เราสรุปส่วนนี่เสร็จแล้ว รีบเอาไปพิมพ์เร็ว”
“อะ...อืม” ผมหันกลับมาสนใจงานเมื่อโดนกิ๊งตีเข้าที่แขน วันนี้ผมไม่มีเรียน ผมกับกิ๊งที่ได้ทำรายงานคู่กันก็เลยนัดผมมาทำรายงานที่ร้านกาแฟหน้ามหาลัย แต่เพราะว่าทุกร้านนั้นเต็มไปด้วยคน เราก็เลยต้องขึ้นมาทำที่ห้องผมซึ่งอยู่ใกล้ๆ แทน
“เป็นอะไรน่ะ เห็นมองไปที่ระเบียงหลายครั้งแล้วนะ ซ่อนอะไรไว้ที่ระเบียงเหรอ?” กิ๊งเอียงตัวมองด้วยสายตาขบขัน ทำท่าจะลุกเดินไปที่ระเบียงจนผมต้องดึงแขนอีกฝ่ายให้หยุดเล่นได้แล้ว
“ไม่มีอะไรซ่อนไว้ที่ระเบียงหรอกน่า”...แต่ถ้าห้องตรงข้ามล่ะไม่แน่
ผมรู้สึกตัวมาสักพักแล้วว่าโดนคุณเขาคอยมองอยู่ แถมมองตาขวางเสียด้วย ก็ไม่มั่นใจเท่าไรว่าไปทำอะไรให้คุณเขาโกรธเข้าให้อีก หรือจะเป็นเรื่องเมื่อคืนที่ผมทำจนเขาเอวเคล็ด แต่ก็ไม่น่าใช่นะเพราะมิวก็ดูพอใจแถมยังบอกให้ทำแรงๆ พร้อมบิดตัวตอบรับอีก...เมื่อคืนเขาเซ็กซี่มากๆ เลย
“กร เหม่ออีกแล้ว ทำเร็วๆ แฟนเราจะมารับแล้วนะ เดี๋ยวก็ปล่อยให้ทำคนเดียวเสียเลยนี่”
ผมสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ภาพคุณเขาออกจากหัว พยายามที่จะจดจ่ออยู่กับรายงานตรงหน้า แต่มันก็ไม่เป็นผลเท่าไร เมื่อผมสมาธิของผมดันเอาแต่จดจ่ออยู่กับคนที่คอยมองมาจากห้องตรงข้าม แต่กิ๊งก็คอยเข็นให้ผมทำงานจนในที่สุดก็เสร็จ
“แฟนเรามาพอดีเลย งั้นเราไปก่อนนะ บาย”
กิ๊งโบกมือบ๊ายบาย ส่งยิ้มสดใสตามปกติของเธอมาให้ ผมก็พยักหน้ารับเดินตามไปล๊อคห้อง จากนั้นก็กลับมานั่งทำการบ้านของวิชาอื่นๆ ต่อ
แต่ผมไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อกับการบ้านเท่าไร เอาแต่ชะเง้อคอมองห้องตรงข้ามมองดูว่าเมื่อไรคุณเขาจะมา ปกติเห็นผมอยู่คนเดียวแบบนี้เขาน่าจะมาได้แล้วนะ แต่ตอนนี้กลับปิดม่านเงียบเลย จะว่าไม่อยู่ห้องก็ไม่น่าใช่ เพราะเครื่องแอร์ที่อยู่ตรงระเบียงนั่นก็ทำงานอยู่ หรือว่านอนกลางวันอยู่นะ
“คุณ...เพื่อนผมกลับไปแล้วนะ” ผมเดินไปที่ระเบียงเพื่อตะโกนบอกเขา แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมาเลย หรือคุณเขาจะหลับอยู่จริงๆนะ
ผมมองตามกิ่งไม้ใหญ่ที่มันยื่นเข้ามา ในหัวมีความคิดที่จะไต่ไปหาเขาเอง แต่มองดูแล้วมันไม่น่าปลอดภัยเอาเสียเลย ตัวของผมกับคุณเขาน่ะต่างกันอยู่โขเลยนะ ผมกระโดดไปนี่กิ่งไม้มันต้องหักแน่ๆ
สุดท้ายผมก็ใจไม่กล้าพอ เลยกลับมานั่งที่เดิม คิดว่าพอเขาตื่นเดี๋ยวก็คงจะหาเอง ผมมองไปที่ผ้าม่านที่ปิดสนิทอีกครั้ง แล้วหันกลับทำการบ้านให้มันเสร็จๆ ไป แต่ช่วงบ่ายในวันที่อากาศค่อนข้างดีแบบนี้ ทำให้มีลมเย็นสบายพัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้อง ผมซบหน้าลงกับแขนตัวเองคิดว่าพักสายตาซักหน่อยก็ดี
...
ผมเผลอหลับไป แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองหลับไปนานมากแค่ไหน พอลืมตาขึ้นก็เห็นว่าคุณเขามานั่งอยู่ข้างๆ แล้ว มิวเอียงหัวซบแขนตัวเองท่าเดียวกับผม ทำให้เราที่หันหน้าเข้าหากันนั้นสบตากันอย่างพอดี
“คุณ…”
“นายชอบเธอคนนั้นเหรอ”
ผมเดาได้ทันทีว่าเธอคนนั้นที่มิวหมายถึงคือกิ๊ง ผมเลิกคิ้วขึ้นและไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะไม่แน่ใจว่าคำว่าชอบของมิวนั้นหมายถึงชอบแบบไหน ถ้าแบบเพื่อนทั่วไปล่ะก็ ก็ถือว่าใช่
“นายจะจีบเธอคนนั้นเหรอ” ผมอมยิ้มเมื่อรู้ว่าเขาหมายถึงชอบแบบไหน มิวทำหน้าบึ้ง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน สีหน้าดูร้อนรน ผมขยับมือไปอังแก้มเขา ลูบไปมาเบาๆ เพื่อให้ใจเขาเย็นลงหน่อย
“เปล่า ผมจะจีบเขาได้ไง กิ๊งมีแฟนอยู่แล้ว”
“ถ้าเธอคนนั้นไม่มีแฟน นายก็คิดจะจีบใช่มั้ยล่ะ เจ้าชู้!”
เขาตะเบ็งเสียงแต่ไม่ได้ดังมาก เห็นท่าทางราวกับแมวขู่แบบนั้นผมหัวเราะในลำคอดึงแขนคนที่ตั้งท่าจะลุกขึ้นยืนเอาไว้ ให้เขานั่งตรงที่เดิมข้างๆ ผม
“นี่คุณกำลังหึงผมอยู่ใช่มั้ย ตั้งแต่คราวนั้นแล้วนะ” ผมหมายถึงตอนที่ยืนคุยกับกิ๊งหน้าหอเขาคงจะหึง พอผมขึ้นมาช้าเขาก็เลยเล่นเสียผมตั้งตัวไม่ทันเลย
“อะไร! ใครเขา…” ผมพูดเสียงดังแล้วหยุดพูดไป มิวนั่งนิ่งจนผมต้องเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกครั้งและมาพร้อมกับสายตาไม่มั่นใจที่ส่งมาให้
“...”
“หึงได้มั้ย?”
เขาพูดเสียงเบาแล้วเม้มปาก ก้มหน้ามองมือตัวเอง ผมค้อมตัวลงแล้วเงยหน้ามองเขาพร้อมส่งยิ้มให้เป็นการปลอบใจ หัวใจมันฟูขึ้นมาทันทีเมื่อเขาถามกลับมาแบบนั้น แสดงว่าเขาคงหึงผมจริงๆ แต่เขากำลังคิดไปเองว่าผมคิดอะไรกับกิ๊ง ซึ่งมันไม่ใช่และผมไม่อยากให้คุณเขาเข้าใจอะไรผิดๆ แบบนั้น
“หึงได้ แต่คุณไม่ต้องหึงหรอก กิ๊งไม่ใช่สเปคผมเลย”
“แล้ว...เสปคนายเป็นแบบไหน”
“ก็...ตาโต แก้มนิ่ม ปากไม่ตรงกับใจ ชอบยั่ว ขี้อ้อน หากผมสั้นด้วยก็จะรับพิจารณาเป็นพิเศษ” ผมมองมิวแล้วก็พูดตามที่เห็น นี่เอาใจเขาโดยเฉพาะเลยนะ แต่คุณเขากลับขมวดคิ้วและปากคว่ำมากขึ้นทุกครั้งที่ผมพูดออกไป ดูท่าแล้วคงไม่รู้ตัวแน่ๆ ว่าที่บอกไปน่ะคือคุณเขาทั้งนั้นแหละ
“นายชอบให้คนอ้อนเหรอ...ทำไมถึงชอบล่ะ”
ผมหัวเราะ ดูท่าแล้วเขาคงจะไม่รู้ตัวเท่าไรว่าเขาก็อ้อนผมเยอะอยู่เหมือนกัน หรือผมคิดไปเองคนเดียวโดนอ้อน แต่ก็นั่นแหละ เขาอ้อนมาแบบไหน ผมก็ชอบแบบนั้น
“การชอบอะไรซักอย่างมันต้องมีเหตผลด้วยเหรอ ก็ผมชอบแบบนั้น”
“ถ้าใครอ้อน นายก็จะชอบเขาเหรอ?”
เขาพูดเหมือนพึมพำกับตัวเองมากกว่าจะถามผมแล้วถอนหายใจ แววตานั้นสั่นไหวไปมา เขาทำท่าเหมือนไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไร ซึ่งเป็นท่าทีที่ผมไม่ค่อยเห็นนัก แต่พอผมกระพริบตาหนึ่งที ท่าทางแบบนั้นก็หายไป
ผมกำลังจะอธิบายว่าไม่ใช่ว่าโดนใครอ้อนก็ชอบเขาไปทั่ว คนแบบนั้นมีที่ไหนกัน ผมแค่ชอบให้คุณเขาอ้อนแค่นั้น แต่ไม่ทันได้พูดอะไรออกไป มิวที่มองหน้าผมอยู่ก็ขยับเข้ามาจุ๊บปาก ผมแกล้งขยับหนีเขาก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแล้วขยับตามมาเรื่อยๆ จนในที่สุดคุณเขาก็แก้ปัญหาโดยการขยับขึ้นมานั่งบนตักแล้วใช้สองมือโอบคอผมเอาไว้ไม่ให้เอนหนีไปไหนได้อีก
จุ๊บ จุ๊บๆ
เขาจุ๊บริมฝีปากผมซ้ำไปมาหลายครั้ง ดูดกลีบปากล่างเล็กน้อยก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาช้าๆ เกี่ยวกระหวัดไปมาอย่างไม่รีบร้อน ขยับไปขวาทีซ้ายที เลียไล้ไปกับปลายลิ้นของผม ผมกอดเอวมิวเอาไว้ บีบเนื้อนุ่มตรงบั้นเอวเบาๆ สลับกับลูบผิวเนียนไปมา
พอเราถอนจูบออกจากกันมิวก็เอนตัวพิงผมไว้แล้วซบหน้าลงกับบ่ากว้าง ผมก้มหน้ามอง มิวก็ขยับใบหน้าขึ้นมาหอมแก้มผมหนึ่งครั้ง
ผมเบิกตาเล็กน้อยแล้วก็ตามมาด้วยยิ้มกว้าง หัวใจของผมมันเต้นรัวเพราะจูบเล็กๆ ที่ประทับลงที่แก้มของ ผมมองคุณเขาอย่างแปลกใจ
“ทำไมจู่ๆ ก็หอมแก้มผม ปกติเห็นไม่ทำ”
เราสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหลุบตาลงแล้วถูไถแก้มนิ่มที่แดงระเรื่อของตัวเองไปมากับหัวไหล่ของผม ท่าทางของเขาดูเก้ๆกังๆ แต่ก็น่าเอ็นดู
“ก็...กำลังอ้อนนายอยู่ไง”
เนี่ย...ผมบอกแล้วว่าคุณเขาเป็นคนน่ารัก
ผมโอบเอวโอบไหล่เขาเอาไว้ อยากอ้อนก็อ้อนให้เต็มที่ เพราะผมชอบ… ผมบีบแก้มแดงๆ นั้นอย่างมันเขี้ยว กดปลายจมูกลงแล้วฟัดไปมาอยู่สอง-สามครั้งก่อนจะผละออก
“ทำอะไรของนายเนี่ย” มิวเช็ดแก้มตัวเองแล้วทำเป็นบ่น แต่ผมก็ดูออกว่าเขาน่ะชอบที่ผมทำแบบนั้น ก็เขาเล่นยิ้มจนตาหยีแบบนั้นใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว
ผมหัวเราะกดหัวเขาให้ซบลงกับไหล่ผมเหมือนเดิม สุขใจไม่น้อยเลยที่เห็นเขายอมนั่งนิ่งแล้วหลับตาลงให้ผมกอดแบบนี้
ผมมองใบหน้าของเขาไปพร้อมๆ กับสำรวจหัวใจของตัวเอง ผมคิดว่า...ผมหลงชอบคุณเขาเข้าให้แล้ว ยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ข้อสรุปที่มันกะทันหัน มันกะทันตรงที่พอผมรู้และผมก็ยอมรับกับตัวเองทันทีว่าผมชอบคุณเขาเข้าแล้วจริงๆ
“มิว”
“หือ?”
ผมไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่รู้ว่าอะไรของเขาที่มันสะกิดหัวใจผม ผมเริ่มชอบเขาขึ้นมาทีละนิดทีละน้อยและตอนนี้ก็มีความรู้สึกอยากบอกให้เขารับรู้เอาไว้
“คุณไม่ต้องไปกลัวว่าผมจะชอบคนอื่นหรอก...เพราะผมชอบคุณอยู่”
“หะ?” เขาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงแล้วมองมาที่ผมหน้าตื่น แวบแรกเหมือนเขาดีใจ แต่ครู่ต่อมาเขากลับมีท่าทีเหมือนไม่ไว้ใจแล้วพยายามที่จะลุกออกจากตักอีกครั้ง
“คุณอยู่เฉย ๆ ก่อน จะดิ้นทำไมเล่า เดี๋ยวก็ได้ตกเก้าอี้กันทั้งคู่หรอก”
“นายแน่ใจเหรอว่าชอบจริงๆ แกล้งกันเล่นเหรอไง ไม่ใช่ว่าแค่เบื่อ หรือ...หรือเหงา”
ผมเข้าใจอาการเหล่านี้นะ คงจะฝังใจมาจากบรรดาแฟนเก่าของเขา แต่ก็อย่างที่คุณเขาเคยพูดเอาไว้ ผมมั่นใจว่าผมไม่เหมือนผู้ชายพวกนั้น
“คุณ ผมจะเอาเวลาที่ไหนมาเหงา คุณเล่นมาป่วนผมเกือบทุกวันแบบนี้”
ผมพูดกลั้วหัวเราะ มิวก็ทำหน้ามุ้ยแล้วหยิกเข้าที่หัวไหล่ของผมก่อนที่ทำท่าลงไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว แต่แน่นอนว่าผมไม่ยอมหรอก ก็กอดเอวเขาเอาไว้กดให้นั่งอยู่บนตักของผมนี่แหละ
“นี่ ฟังผมนะถึงแม้บางครั้งผมจะซื่อบื่อเหมือนที่คุณบอก แต่ผมไม่ใช่เด็กเล็ก โตขนาดนี้แล้วผมรู้จักว่าการชอบหรือหลงรักใครซักคนอาการมันเป็นยังไง ผมชอบคุณจริงๆ”
พูดแล้วก็อาย รู้ตัวเลยว่าแก้มผมมันร้อนผ่าวขึ้นมา ที่ผมทำอยู่นี่มันก็เหมือนกับกำลังสารภาพรักอยู่นี่ มันก็ต้องมีเขินกันบ้างเป็นธรรมดา
“เวลาที่คุณเริ่มชอบใครซักคน คุณก็มักจะรู้ตัวเองใช่มั้ยล่ะว่าชอบเขาเข้าให้แล้วน่ะ”
มิวคิดตามพยักหน้าช้าๆ แล้วมองตาผม เหมือนจ้องเพื่อหาความจริง ผมรู้สึกอายเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้แต่ก็มองกลับไป มองให้เขารู้ว่าผมชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ หลงเสน่ห์ที่คุณเขาโปรยใส่ไว้เต็มๆ เลย
ริมฝีปากของเขาขบกันไปมาอย่างใช้ความคิด ผมเห็นว่าแก้มของคุณเขาเริ่มแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้งแล้วมุมปากก็เริ่มอมยิ้มน้อยๆ
ผมจะถือว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีนะ ผมนั่งมองหน้าคุณเขาที่มีอาการเหมือนคนทำตัวไม่ถูก เขากลืนน้ำลาย เอียงคอไปมาเหมือนจะหลบตาผม พยายามเม้มปากเหมือนคนที่กำลังกลั้นยิ้ม
“นายหน้าแดงแปร๊ดเลยนะ เชินเหรอไง” เขาพูดเมื่อบรรยากาศรอบตัวเรามันเงียบเกินไป มันไม่ใช่ความเงียบแบบอึดอัด แต่มันเป็นบรรยากาศชวนเขินที่เราสองคนไม่คุ้นชินกับบรรยากาศแบบนี้
ผมหัวเราะออกมาแล้วพยักหน้า ยอมรับว่าเขินจริงๆ ผมไม่เคยสารภาพว่าชอบใครต่อหน้า เพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าผมมันก็เด็กต่างจังหวัดขี้กลัวคนหนึ่ง เวลาแอบชอบใครก็เก็บไว้เงียบๆ มีคุณเขาเป็นคนแรกนี่แหละกล้าบอก
มันอาจเพราะลึกๆ ในใจผมเองก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากเขา เช่นการกระทำต่างๆ เวลาที่เขาอยู่กับผมและแววตาสั่นไหวที่ผมมักอ่านไม่ออกนั่นแหละ แต่ก็ไม่มั่นใจเท่าไรว่าผมคิดไปเองอยู่คนเดียวหรือเปล่า
“เขินคุณไง คุณเองก็หน้าแดงนะ เขินผมเหรอ?”
“นายเงียบไปเลย
คุณเขาตวัดตามองผม ส่งค้อนมาให้อีกทีหนึ่ง น่าเอ็นดูจนหลุดหัวเราะไป และก็นั่นล่ะครับ โดนเขาส่งสายตาค้อนขวับเข้าให้อีกครั้งและคราวนี้ก็มาพร้อมกับกำปั้นต่อยเข้าที่หัวไหล่ไปด้วย แต่เขาก็ทำเบาๆ ไม่ได้ตั้งใจทุบให้ผมเจ็บ แค่แก้เขินเท่านั้น
“ตอนนี้คุณมีคนที่ชอบอยู่รึเปล่า”
“ก็มีอยู่” มิวพยักหน้าช้าๆ
“ใช่ผมรึเปล่า?” ผมกลั้นใจถาม เขินจนร้อนผ่าวไปยันใบหู ถามไปแบบนั้นเขาคงคิดว่าผมคิดหลงตัวเองแน่ๆ เห็นเขาเงียบแล้วมองมาด้วยสายตานิ่งๆ ไม่ยอมพูดอะไรซักที ผมก็เริ่มหวั่นใจ รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย
อืม...หรือผมคิดไปเองคนเดียวจริงๆ วะ
“นาย...ชอบฉันจริงๆ ใช่มั้ย?”
ผมพยักหน้ารับและคุณเขาไม่พูดอะไรออกมาเลย มีเพียงแค่รอยยิ้มที่เริ่มเจ้าเล่ห์และแววตาที่เริ่มส่อแววซุกซน เขาลุกขึ้นยืนคร่อมผมไว้แล้วหันหน้าเข้าหา มือขาวนั้นเชยคางผมขึ้นแล้วก็ประกบจูบลงมา
“คุณ ตอบคำถามผมก่อนสิ ผมอยากรู้”
“ก็กำลังตอบอยู่นี่ไงเล่า”
เขางึมงำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเหมือนจะรำคาญ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไร เขาก็โอบสองแขนเข้าที่ลำคอของผมแล้วประกบจูบลงมาอีกครั้ง มิวเอียงหน้าไปมาปรับองศาไปเรื่อย ลิ้นเรียวก็แยงเข้าออกในช่องปากของผมเหมือนจะหยอกล้อ
ผมอยากรู้คำตอบ แต่เขากำลังทำให้ผมปั่นป่วนที่จิตใจและร่างกาย พอคุณเขาผละออกผมก็เป็นฝ่ายดึงท้ายทอยของเขาให้ลงมาจูบกันต่อ พร้อมทั้งโอบสะโพกเข้ามาชิดตัว
“จะทำ?” เขาถาม ผมกลืนน้ำลายช้าๆ สายตานั้นจ้องมองไปยังยอดอกที่ชูชันดันเสื้ออกมา ผมไม่ได้ตอบด้วยคำพูด แต่เป็นการดึงเอวเขาเข้ามาแล้วซุกหน้าไปกับแผ่นอก ใช้ริมฝีปากขบเม้มยอดอกผ่านเสื้อกล้ามเนื้อบางของคุณเขา มิวแอ่นหน้าอกขึ้นรับแล้วถกเสื้อขึ้นให้ผมเลียลงบนผิวเขาโดยตรง
มือซ้ายผมคอยรั้งแผ่นหลังของมิวให้แอ่นอกรับกับริมฝีปากและลิ้น ส่วนมือขวาซึ่งเป็นข้างที่ถนัดก็ลูบไปที่ต้นขาเนียนนุ่ม สอดเข้าใต้ร่มผ้าระหว่างช่องของกางเกงขากว้าง ลูบขึ้นมาที่แก้มก้นและสอดลึกเข้าไปตามรอยแยก มิวครางกระเส่า ทั้งแอ่นอกเข้าหาปากแล้วกระดกก้นใส่ฝ่ามือผมไปพร้อมๆ กัน แต่เมื่อผมสอดนิ้วลึกเข้าไปตามช่องทางคับแคบเขาทำหน้าเหยเกเพราะความฝืดก่อให้เกิดความเจ็บ
“เจ็บใช่มั้ย มันฝืดนิดหน่อย เดี๋ยวผมไปเอาเจลดีกว่า”
มิวกดไหล่ผมเอาไว้ไม่ให้ลุก เขามองผมด้วยสายตาฉ่ำเยิ้มแล้วดึงมือผมออกกางเกงของเขา ส่งเข้าปากตัวเอง คุณเขาไล้เลียไปตามนิ้วของผมจนมันเปียกชุ่ม มิวแลบลิ้นออกมาเลียปลายนิ้วของผมดุนดันอยู่ตรงส่วนปลายแล้วก็ดูดเข้าไปจนสุดข้อนิ้ว เขาขยับหัวเข้าออก ดูดนิ้วผมจนแก้มกลมนั้นบุ๋มลงไป ทั้งเรียวลิ้นนุ่มที่โอบเลียไปมาตามนิ้วและแรงดูดนั้นทำให้ผมแทบจะคลั่ง
คุณเขา...กำลังยั่วผมอีกแล้ว
แก่นกายของผมมันพองขยายจนแน่นกางเกง มันขยับตัวไปมาอย่างอึดอัด ยิ่งรับรู้ได้ถึงแรงดูดจากโพรงปากอุ่นมันก็ยิ่งเรียกร้อง น้ำใสไหลออกมาจนชุ่มไปทั้งส่วนปลายและเลอะซึมกางเกงของผมจนเห็นเป็นดวง
“ช้าๆ นะ” มิวบอกเมื่อคายนิ้วผมออก เขาดึงกางเกงตัวเองลงไปไว้ที่ต้นขาแล้วจับนิ้วของผมไปจ่ออยู่ตรงช่องทางของเขาเอง ผมดันนิ้วเข้าช้าๆตามที่เขาต้องการ เงยหน้ามองคุณเขาที่หลับตาพริ้มแล้วครางเสียงเครืออยู่ในลำคอ ไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกเสียวหรือเจ็บ แต่ผมก็เริ่มต้นดึงนิ้วเข้าออก คุณเขากัดปากแอ่นก้นขึ้นเปิดทางให้ปลายนิ้วผมเข้าไปลึกกว่าเดิม
ผมดันตัวเขาออกเพื่อมองไปที่แก่นกายขนาดพอเหมาะของเขา มันกำลังชี้หน้าผมอยู่แหละ เขาคงรู้สึกดีมาก และผมก็อยากให้เขารู้สึกมากกว่าเดิม
ผมก้มลงไปแล้วแลบลิ้นแตะไปตรงส่วนปลายสีอ่อน มิวลืมตาขึ้นแล้วดันหน้าผมออกแทบจะทันที
“ทำไมล่ะ ทีคุณยังทำให้ผมได้เลย”
“มันไม่เหมือนกัน นายไม่ต้องฝืนทำเอาใจฉันก็ได้แค่นี้ฉันก็รู้สึกดีมากเกินพอแล้ว”
ผมมองไปตรงส่วนนั้นของเขา หากเป็นของคนอื่นคงแขยงน่าดู แต่กับของเขาผมคิดว่าผมทำได้ ผมมีความคิดที่อยากจะลองใช้ปากให้เขาหลายครั้งแล้วล่ะ แต่คุณเขาไม่เคยยอมให้ผมทำเลยซักครั้ง
“ผมอยากเอาใจคุณก็จริง แต่ไม่ได้ฝืน...ให้ผมทำนะ” มิวไม่พูดอะไร เขาเอาแต่มองหน้าผมเหมือนกำลังตัดสินใจอยู่ แล้วมือที่พยายามดันไหล่ผมออกนั่นผ่อนแรงลง ผมอมยิ้มใช้มือข้างที่ว่างจับไปตรงส่วนนั้นของเขาแล้วแลบลิ้นเลีย ทำเหมือนที่เขาเคยทำให้ผม
“อือ อึก อ๊ะ!” มิวขมวดคิ้ว กัดปากตัวเอง ผมรู้สึกได้ว่าลมหายใจเขาสะดุดและสะโพกเขาก็กระตุกเป็นพักๆ เพราะทั้งด้านหน้าและด้านหลังของเขากำลังโดนผมหยอกเย้าด้วยปากและนิ้วไปพร้อมๆ กัน
มิววางมือลงบนศีรษะของผม ปลายนิ้วขยุ้มลงมาเบาๆ เขาไม่ได้ทำให้ผมเจ็บ มันเป็นเพียงการระบายอารมณ์เสียงซ่านของเขา ผมช้อนตามองอีก เราสบตากันก่อนที่มิวจะหลับตาลง เขาอ้าปากหอบหายใจถี่ ปลายจมูกแดงเรื่อ หัวคิ้วก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน ผมขยับหัวเข้าออก ใช้ลิ้นปาดเลียไปตามความยาว เหมือนที่เขาเคยทำให้ผม นิ้วมือที่อยู่ที่ช่องทางด้านหลังก็โดนตอดรัดเป็นจังหวะหนักๆ...คุณเขากำลังจะเสร็จ
“อือ กร อื้อ อ๊าๆ!”
มิวเขย่งเท้าขึ้น ดันส่วนนั้นของเขาลึกเข้ามาในโพรงปาก ก่อนจะผลักตัวผมออกอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรผมก็รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นที่พุ่งมาโดนข้างแก้ม
“กร...ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เขาพูดเสียงหอบ ถอดเสื้อตัวเองมาเช็ดหน้าให้ พอผมหัวเราะ มิวก็เม้มปากขมวดคิ้วทำหน้าดุแล้วฝาดฝ่ามือเข้าที่หัวไหล่
มิวขยับตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น เขาดึงกางเกงผมลง แล้วเจ้าชายน้อยของผมก็ดีดออกมาชี้หน้าเขา มิวอมยิ้มมองมันอย่างพอใจ ผมนั่งนิ่งให้เขาทำตามที่เขาต้องการ มองใบหน้าขาวที่ขยับเข้ามาใกล้ มองริมฝีปากระเรื่อที่ครอบครองมันเข้าไปจนค่อนลำ จากนั้นเขาก็ขยับตัวออกนำถุงยางมาใส่ให้จนเรียบร้อย
“เราจะทำกันตรงนี้เหรอ?” ผมถามเมื่อมิวขยับตัวหันหลังให้ผม จับแก่นกายของผมให้ตรงกับช่องทางของเขาแล้วกดตัวนั่งทันมันอย่างช้าๆ
“ทำไมล่ะ หรืออยากไปทำที่ระเบียง” เมื่อเข้าไปจนสุดเขาก็ผ่อนลมหายใจออก เอนหลังมานั่งพิงอกผม แล้วเอี้ยวตัวมายิ้มยั่ว ผมหัวเราะเบาๆ แล้วส่ายหน้า ผมหมายถึงที่เตียงตังหากเล่า เขานี่นะ
“บ้าน่ะคุณ กลางวันแสกๆ ไปทำที่ระเบียงเดี๋ยวก็มีคนมาเห็นหรอก”
“แสดงว่าตอนกลางคืนทำได้”
“...ก็ถ้ามั่นใจว่าจะไม่มีคนมาแอบมอง”
มิวหัวเราะเสียงพร่าแล้วเริ่มขยับตัว ผมหลับตารับสัมผัสความแน่นหนั่นอบอุ่นที่โอบรัดแก่นกายของผมเอาไว้ พอลืมตาก็เห็นแผ่นหลังบางขาวนวลขยับขึ้นลง เหงื่อเป็นเม็ดไหลไปตามกระดูกสะบักและสันหลัง
ผมโอบแขนกอดเอวเขาไว้ อีกข้างก็ลูบวนไปมาตามหัวไหล่ ลากนิ้วลงมาที่กระดูกสะบัก ก่อนจะลากตรงลงมาตามแนวกระดูกสันหลัง หมิวครางเครือเสียงดัง ขนอ่อนตรงต้นแขนของเขาพากันลุกซู่ และช่องทางของเขาก็โอบรัดแก่นกายผมแน่นกว่าเดิม
ผมดันหลังมิวให้เขาก้มลงเล็กน้อย แล้วก้มลงไปเลียเม็ดเหงื่อเหล่านั้น คุณเขาครางเสียงดังบิดตัวไปมาตอนที่ผมดูดดุนฝากรอยจูบสีชมพูไว้บนแผ่นหลังของเขา คุณเขามีแผ่นหลังที่สวยนะ แต่สวยที่สุดเมื่อมีรอบจูบของผมประดับอยู่บนผิวของเขา
“หายเจ็บเอวแล้วเหรอ” ผมถามพลางก้มลงซุกไซร้ลำคอขาว สองมือก็วนเวียนบีบอยู่แถวเอวคอดและสะโพกนุ่ม เมื่อคืนเราก็เพิ่งทำกัน และผมทำเอวเขาเคล็ดเล็กน้อย
“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย” เขาบดสะโพกถูไถสลับกับโยกเป็นวงกลม ผมซี๊ดปากมองเอวคอดของเขาที่ขยับพริ้วไปมาอย่างเซ็กซี่ นี่ขนาดยังบอกว่าเจ็บอยู่นะ คุณเขายังคงทำได้ดีไร้ที่ติเหมือนเดิม
“ผมชอบคุณ”
ผมย้ำกับเขาอีกครั้งแล้วดึงเขาเข้ามาหอมแก้ม กดปลายจมูกลงแก้มนุ่มซ้ำๆ หลายครั้ง มิวส่งยิ้มน่ารักให้แล้วเอี้ยวหน้ามาจูบปากผมไปพร้อมกับขยับตัวขึ้นลงเร็วขึ้น
“อื้อ อ๊ะๆ อะ อึก นาย…”
“จะเสร็จแล้วเหรอ ทำไมวันนี้เสร็จเร็ว”
“อย่าพูดมากน่า อึก เพราะนาย อ๊ะ อะ อื้อ”
ผมเอื้อมมือไปด้านหน้ากอบกุมแก่นกายของเขาแล้วรูดรั้งให้เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาขยับตัว มิวเกร็งตัวบีบรัดแก่นกายผมแน่นพร้อมๆ กับปลดปล่อยน้ำรักออกมาจนลื่นฝ่ามือผมไปหมด เขาเอนตัวพิงกับอกผมแล้วหอบหายใจ ก็รู้ว่าเขาเหนื่อยแต่ผมยังไม่เสร็จ จะมาทิ้งกลางทางแบบนี้มันทรมารกันชัดๆ
“ผมยังไม่เสร็จเลยนะคุณ”
“อือ ฉันขยับไม่ไหวแล้ว ปวดเอว”
เขาบ่นแล้วเอี้ยวตัวมาจูบปากผมอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเอนตัวไปด้านหน้า เท้ามือลงบนโต๊ะหนังสือของผมข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็จับบั้นท้ายตัวเองแล้วโค้งตัวลง เปิดช่องทางให้ผมเข้าไป
ไม่ต้องให้เขาอธิบายก็รู้ว่าต้องทำอะไร ผมขยับตัวลุกขึ้น ประกบเข้าที่ด้านหลังแล้วสอดแก่นกายเข้าไปในช่องทางอบอุ่นกระชับนั้นอีกครั้ง ผมขยับสะโพกเข้าหาทันทีแต่เขาก็ตั้งตัวได้ทันแถมยังโก่งบั้นท้ายขึ้นรับกับจังหวะกระแทกของผมอย่างพอดิบพอดี
ผมหอบหายใจ ยกขาเขาขึ้นข้างหนึ่งแล้วกระแทกเข้าไปรัวๆ ยิ่งได้ยินเสียงหวานครางระงมก็ยิ่งสุขใจ เขาเสร็จอีกครั้ง ช่องทางนุ่มตอดรัดเป็นจังหวะถี่ๆ ทำให้ผมก็เสร็จตาม ผมไม่ได้ดึงตัวออกในทันทีแต่แช่เอาไว้ในนั้นจนมิวบ่นว่าอึดอัดนั่นแหละถึงยอมถอยออกมา
“เจ็บ ทั้งที่มันดีขึ้นแล้วแท้ๆ”
เขาหันหน้ากลับมาหาบ่นใส่ เราสบตากันเล็กน้อยระหว่างมิวก็เดินช้าๆ ไปนั่งที่เตียง เขาทำหน้าเหยเกแล้วบิดเอวตัวเองไปมา ผมเห็นก็หัวเราะให้เขาทำตาค้อนใส่ ผมจับตัวเขาให้นอนคว่ำแล้วใช้สองมือบีบนวดช่วงเอวให้ ไม่รู้ว่าทำแบบนี้อาการเอวเคล็ดของเขามันดีขึ้นรึเปล่า แต่มองดูสีหน้าผ่อนคลายและพอใจของเขาแล้วก็คงจะช่วยได้บ้างแหละ
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะ ตกลงชอบผมรึเปล่า”
“จิ๊ นายนี่! โคตรซื่อบื้อ” เขาบ่นแล้วพ่นลมหายใจออก คิ้วเรียวขมวดมุ่นส่งสายตาดุๆ มองมาที่ผม ผมเองก็ไม่ทันคิด ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาบ่นว่าผมซื่อบื้ออีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไปชอบคนอื่นที่ไม่ไช่ผมแล้วนะ
“คุณจะไปชอบคนอื่นไม่ได้นะ คุณขโมยทั้งจูบแรก ทั้งครั้งแรกของผมไป” แถมขโมยหัวใจของผมไปด้วย ไปชอบคนอื่นแบบนี้มันไม่แฟร์
“อะไรนะ อย่ามาพูดเล่น อย่างนายเนี่ยนะ ไม่เคยมีแฟนเลยเหรอไง”
เขาเบิกตากว้าง พลิกตัวมามองผมตาตื่น คุณเขาตกใจอะไรขนาดนั้นล่ะ เป็นคนพรากจิ้นผมไปเองแท้ๆ ไม่รู้เรื่องเลยเหรอไง
“ไม่เคยเลยจริงๆ คืนแรกที่ได้อยู่หอก็โดนโจรหน้าหวานมาขโมยความบริสุทธิ์ คืนที่สองก็โดนโจรคนเดิมขโมยจูบแรกไปอีก แถมยังโดนโจรขี้ยั่วขโมยใจไปทีละนิดทีละน้อย ทำกันขนาดนี้แล้วคุณจะมาทิ้งกันไปไม่ได้นะครับ คุณโจร”
ผมพูดแล้วแตะที่ปลายคางของเขา มอวยอ่งอึ้งไปครุ่หนึ่งก่อนจะหัวเราะร่า ผมเห็นว่าน่ารักดีก็อดใจไม่ไหว ก้มลงไปหอมแก้มเขาทั้งซ้ายและขวา พอผละก็เจอสายตาวาววับจ้องอยู่ เขานิ่งเงียบเหมือนคิดอะไรบางอย่างพร้อมกับมองหน้าผมไปด้วย
ในท้ายที่สุดเมื่อเขาตัดสินใจอะไรได้เขาก็ขยับตัวนอนทับ แล้วกดปากจูบลงมาที่ปลายจมูกและเหนือริมฝีปาก ก่อนจะผละออกมามองหน้าผม
“โอเค เดี๋ยวฉันจะรับผิดชอบนายเอง”
เขาพูดเสียงเบาส่งยิ้มจนตาหยีมาให้ หัวใจของผมพองโตและเต้นกระหน่ำ แต่ผมคงซื้อบื้อเกินกว่าจะเข้าใจว่าคำว่ารับผิดชอบที่เขาพูดนั้นหมายความว่าอะไรกันแน่
“คุณจะรับผิดชอบผมยังไงครับ จะเป็นแฟนกันเหรอ คนเป็นแฟนกันเขาก็ชอบกันนะ สรุปคุณชอบผมใช่มั้ย หื้ม?” ผมถามย้ำ น้ำเสียงที่ใช้ไม่ได้กดดันคาดคั้นคำตอบแต่ก็จริงจังอยู่ในที ปลายนิ้วก็เกลี่ยแก้มนวลสีชมพูระเรื่อ มองแววตาและสีหน้าท่าทางของเขาอย่างสุขใจ
มิวมองตาผมแล้วเม้มปากเขาดูลังเลที่จะพูด ผมเข้าใจว่าเขาคงกลัว ผมไม่ได้คาดคั้นซ้ำแต่ส่งยิ้มให้ และจากนั้นไม่นานผมก็ได้รับคำตอบที่มาพร้อมกับพวงแก้มที่แดงกว่าเดิมและรอยยิ้มหวานๆ
“ก็ชอบ...นิดนึง”
ผมคิดว่านี่เป็นยิ้มที่หวานที่สุดที่ผมเคยได้รับจากคุณเขาเลยครับ
สวัสดีจ้า เขาใจตรงกันแล้วนะ ไม่รู้ว่าดูรวบรัดเกินไปรึเปล่า เพราะกรนั้นใจเร็วมาก รู้ว่าชอบคุณเขาปุ๊บก็บอกออกไปปั๊บ
อันนี้ขออธิบายก่อนนะคะ นิสัยตรงนี้ของกรจะอิงจากนิสัยของเราเล็กน้อย คือเวลาชอบใครก็จะรู้ตัวเร็ว ชอบเขาไปแล้ว พอรู้ว่าชอบก็จะประเมินอีกฝ่ายว่า คิดอะไรกับเราแค่ไหน ถ้าว่ามีหวัง ดูออกว่าเขาก็ชอบเราอยู่ ก็จะบอกให้รู้เลยว่า ฉันชอบแกอยู่นะคะไรงี้ แต่ตอนบอกก็เขิน+หวั่นใจนะคะ ไม่ใช่กล้าเต็มร้อย 55555 ส่วนมิว อย่างงเลยค่าว่าทำไมคุณเขาเล่นตัว เขาแค่กลัวค่ะ กลัวว่าให้ใจกรไปเต็มร้อยแล้วจะเสียใจอีก แต่ดูออกใช่มั้ยคะว่าคุณเขาก็ดีใจอยุ่ 55555 หวังว่าทุกคนจะเข้าใจตรงส่วนนี้ดันนะ
และตามพล๊อตที่วางไว้ ตอนหน้าก็คือจบแล้ว แต่ยังเหลืออีกปมหนึ่งที่ทุกคนดูรอคอย ติดตามนะคะ เจอกันตอนหน้านะจ๊ะ ♥3♥