31 ธ.ค.25XX
วันสิ้นปีเดินทางมาถึงแล้ว ถนนเส้นที่เคยแน่นไปด้วยรถรา วันนี้โล่งกว่าทุกวัน พี่อิสพาผมมาหาย่า โชคดีที่ป้าไม่อยู่บ้านพอดี จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่กล้าเจอหน้าป้าอีกเลย ป้าคงตัดผมออกจากชีวิตได้ง่ายๆ โดยไม่คิดอะไรอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังคงกลัวการเจอหน้าป้าอยู่ดี เพราะงั้นเลยต้องหาจังหวะดีๆ เพื่อมาเจอย่า ย่าเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมกลับมาที่นี่ ผมก็ยังอยากให้ย่าต้อนรับการกลับมาของผมเสมอ ดีใจทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน ย่าก็ยังแข็งแรงและสบายดีเหมือนทุกครั้ง และตอนนี้ผมก็รู้สึกว่าย่าจะสนิทกับพี่อิสมากกว่าผมซะอีก ถึงได้คุยกันไม่หยุดแล้วปล่อยให้ผมนั่งกินส้มหมดไปเป็นกิโลฯ โดยไม่ได้พูดอะไรเลย ย่าอาจลืมไปแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นหลานแท้ๆ
"ย่าไปเคาท์ดาวน์บ้านผมปะ"
"ไม่เอาอะ แก่แล้ว"
"โห่ ไปดิ เดี๋ยวเลี้ยงเบียร์ขวดหนึ่งเลยอะ"
"มะเหงกสิ!"
"โอ๊ย! เจ็บนะเนี่ย ปิงดูย่าดิ ทำร้ายร่างกายพี่อะ"
"สมควรแล้วไง"
"ปิง"
เสียงที่โผล่เข้ามาขัดบทสนทนาทำให้เราทั้งหมดหันไปมองคนที่เดินเข้ามา
"ข้าวฟ่าง"
ผมตกใจจนลุกหนี รีบหันไปบอกลาย่าลวกๆ
"งั้นปิงกลับก่อนนะย่า ไว้จะมาหาอีก..."
"ปิง คุยกันก่อน!" ข้าวฟ่างดึงมือผมเอาไว้ก่อนผมจะพูดจบประโยค พี่อิสคว้ามืออีกข้างของผมเอาไว้ แล้วดึงเข้าไปหา สีหน้าข้าวฟ่างดูหวาดหวั่นเล็กน้อย ครั้งหนึ่งก็เคยเห็นฤทธิ์เดชอิสระไปแล้วคงไม่อยากโดนด่าหน้าสั่น เลยถอยหนีออกไป แล้วเอ่ยบางคำออกมาเบาๆ
"ขอคุยด้วยเฉยๆ ค่ะ"
"จะคุยกับเราเหรอ"
"อือ...ได้ไหม"
เห็นท่าทางของข้าวฟ่างที่ดูไม่มีอะไร ผมจึงหันไปพยักหน้ากับพี่อิส แล้วเดินตามข้าวฟ่างไปอีกทาง โดยที่ย่ากับ
พี่อิสก็มองมาไม่ละสายตา ผมเองก็ไม่รู้ว่าข้าวฟ่างมีเรื่องอะไรจะคุยด้วย แต่ผมคิดว่าเราต่างคนต่างโตขึ้น เข้าใจที่จะคุยกันด้วยเหตุผลมากกว่าการมาโวยวายใส่กันหรือทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว
"ไม่เจอกันนานเลยนะปิง"
"..."
"ปิงสบายดีนะ"
ผมพยักหน้ารับ
"ตัวใหญ่ขึ้นนะเนี่ย" ข้าวฟ่างว่าแล้วยกมือขึ้นบีบแขนผมเบาๆ อย่างล้อเล่น
"หมายถึงอ้วนขึ้นหรือเปล่า"
"เปล่า ไม่ใช่อ้วน แบบ ดูตัวโตอะ"
ผมหัวเราะหน่อยๆ ในตอนที่ข้าวฟ่างเองก็ยิ้มกว้างออกมา ก่อนปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วเขยิบเข้ามาใกล้พร้อมเงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้านิ่งๆ
"คิดถึงปิงอะ"
"ฮึ?"
"ตั้งแต่ปิงไม่อยู่ ไม่มีใครให้ทะเลาะด้วยเลย" ข้าวฟ่างพูดขำๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนเก่าของผม ตอนนี้กลับมาเป็นห้องเก็บของอีกครั้ง แต่ข้าวของของผมที่ไม่ได้เอาไปไว้บ้านพี่อิสก็ยังถูกทิ้งเอาไว้อย่างนั้น ข้าวฟ่างหยิบกรอบรูปที่คว่ำอยู่ ปัดฝุ่นหนาที่เกาะอยู่ออกไปแล้วส่งให้ผม
"ตอนนั้นฟ่างทำแตก เลยเอาไปใส่กรอบใหม่ให้ คิดว่าปิงจะกลับมาเอา"
ผมมองดูกรอบรูปที่เป็นรูปผมกับพ่อแม่ ข้าวฟ่างทำแตกตั้งแต่วันที่พี่อิสพาผมออกไปจากที่นี่ ผมไม่ได้คิดถึงมันอีกเลยเพราะคิดว่าป้าคงกวาดทิ้งลงถังขยะไปนานแล้ว
"ขอโทษนะปิง"
"..."
"ที่ผ่านมาฟ่างทำตัวแย่มากจริงๆ ขอโทษจริงๆ นะ"
ผมทำได้แค่พยักหน้ารับ ไม่ได้โกรธเคืองมากมายจนต้องเก็บไว้เป็นความแค้นอยู่แล้ว เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ไม่อยากพูดถึงเหมือนกัน คงดีกว่าถ้าเราลืมมันไป ชีวิตผมอาจไม่ยืนยาวพอให้โกรธเคืองใครได้นานขนาดนั้น ผมคงทิ้งมันไว้กับปีนี้แล้วเริ่มต้นปีใหม่ด้วยชีวิตที่ดีกว่า ผมตั้งใจเอาไว้แบบนั้น
.
.
.
ผมกับพี่อิสออกมาจากบ้านย่าหลังจากคุยกันจบแล้ว พี่อิสไม่ได้ถามว่าผมเข้าไปคุยอะไรกับข้าวฟ่าง แต่เขาเห็นกรอบรูปในมือที่ผมถือเอาไว้ตลอดทางก็คงเดาได้ พี่อิสคงเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบาย ผมมองตัวเองและพ่อแม่ในรูปนั้นซ้ำไปซ้ำมา ผ่านไปอีกปีแล้วที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ แล้วก็เป็นอีกปีที่ความคิดถึงของผมไม่เคยลดลงไปเลย
"เชี่ย!" เสียงคนข้างๆ ทำให้ผมสะดุ้งจากความคิดแล้วหันขวับไปมองเขาที่อยู่ๆ ก็พ่นคำหยาบออกมา
"มีอะไรพี่อิส"
"ไอ้พวกนั้นมันมาได้ไงวะ"
ผมหันไปมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน ทันทีที่เห็นว่าเป็นใครริมฝีปากผมก็ขยับกว้างเป็นรอยยิ้มในจังหวะเดียวกับตอนที่พี่อิสจอดรถที่หน้าบ้านพอดี ผมรีบเปิดประตูรถลงไปแล้ววิ่งเข้าไปหาพวกเขา
"น้องปิง!"
"พี่ปรินซ์!"
พี่ปรินซ์รับร่างผมที่กระโดดเข้าใส่ อุ้มขึ้นอย่างง่ายๆ แล้วจะยกหมุนไปรอบๆ
"เฮ้ยๆ วางลงเลย วาง!" พี่อิสเข้ามาโวยวายจนพี่ปรินซ์ต้องหยุดหมุนแล้ววางผมลง
"พี่อิสทำแบบนี้ไม่ได้แล้ว แก่เกินไป" ผมหันไปกระซิบบอกพี่ปรินซ์ แต่ถูกพี่อิสสับมะเหงกใส่หัวจนหน้าสั่น
"เจ็บ!"
"สม! แล้วพวกมึงมาได้ไงเนี่ย"
"พวกเรามาหาปิง"
"ใครบอกว่าปิงจะกลับ"
"เดาเอา หยุดยาวยังไงพี่ก็ต้องอ้อนให้ปิงกลับ"
"กูกะจะอยู่กับปิงสองคน พวกมึงนี่สาระแนจริงๆ"
"เราเคาท์ดาวน์ด้วยกันทุกปีนะพี่อิส ปีนี้จะพลาดได้ไง"
"พลาดๆ ไปบ้างก็ได้นะไอ้ห่า กูรำคาญพวกมึงเหลือเกิน"
"เอาน่า อยู่กันเยอะๆ สนุกดีนะครับ" ผมว่าแล้วเดินไปเปิดประตูบ้าน ไม่ทันจะเดินเข้าบ้านก็มีสมาชิกอีกสองเดินเข้ามาหน้าบ้าน เห็นว่าเป็นพี่บูรพากับพี่เหนือ ผมเลยรีบถอยหลังมาทักทายพวกเขา
"พวกมึงมาได้ไงวะ"
"ก็บ้านผมอยู่นี่ไหม"
"เออลืมไป ว่าแต่ไอ้เหนือ มึงอ้วนขึ้นนะเนี่ย"
"ไม่รู้จะทักว่าอะไรก็ไม่ต้องทักก็ได้นะพี่"
"ก็จริงอะ หน้าจะแตกอยู่แล้ว"
"กูเกลียดพี่อิส"
"ใครๆ ก็เกลียดพี่มันทั้งนั้นแหละ"
"พวกมึงสำเหนียกหน่อยไหมว่ายืนอยู่หน้าบ้านกู เดี๋ยวก็ไล่กลับบ้านให้หมดเลยนี่ รกหน้าบ้านจริงๆ"
"พวกพี่ๆ รู้จักกันหรือยังครับ" ผมเป็นตัวกลางแนะนำพวกพี่ปรินซ์ให้กับพี่บูรพาพี่เหนือ เสร็จจากการทำความรู้จักพวกพี่ปรินซ์ก็ชวนทั้งสองคนมาร่วมจอยปาร์ตี้เคาท์ดาวน์กันคืนนี้เสร็จสรรพ แฮปปี้กันทุกคนยกเว้นเจ้าของบ้าน
"รวมตัวคนจัญไรชัดๆ" พี่อิสบ่นเบาๆ ขณะยืนกรอกน้ำเข้าปาก พวกพี่ๆ ก็กำลังตกลงกันว่าจะกินอะไรกันดีสำหรับเย็นนี้ ก่อนตกลงกันได้ว่าจะปาร์ตี้หมูกระทะเหมือนอย่างเคย
"พวกมึงตกลงกันนี่ถามกูสักคำหรือยัง"
"ปิงอยากกิน"
ผมพยักหน้าหงึกๆ ตามคำพูดของพี่ปรินซ์ พี่อิสทำได้แค่ถอนหายใจแรงๆ แล้วควักกระเป๋าเงินหยิบแบงค์พันให้สามใบ
"ไปซื้อของมา"
"ขอบคุณครับป๊า" ผมว่าแล้วยกมือไหว้ก่อนหยิบแบงค์นั่นมา เพราะเรียกแบบนั้นเลยโดนสับกะโหลกเบาๆ มาด้วยทีหนึ่ง
"บูรพามึงออกไปซื้อของได้ไหม"
"ได้ครับ ไอ้เหนือไปกับกูดิ"
"ไม่เอา รถติด เบื่อ" พี่เหนือปฏิเสธหน้ายุ่ง ไม่ขยับตัวออกจากโซฟา
"ไม่ติดหรอก ถนนโล่งจะตาย ไปเร็ว ลุก"
"ไม่ไป ขี้เกียจ"
"ขี้เกียจแบบนี้ไงถึงได้อ้วน"
"พี่อิส คนอ้วนตีนหนักนะเว้ย"
พี่อิสส่ายหน้าขำๆ แล้วหันมาหาผม
"ปิงไปกับพี่เขาสิ อยากกินอะไรจะได้ซื้อเข้ามาด้วย"
"ขอกินพิซซาได้ไหม"
"ได้สิ ซื้อมาเลย"
ผมพยักหน้ารับก่อนพี่โอมกับพี่ปอนด์จะแทรกเข้ามาตรงกลางแล้วเลียนแบบประโยคผม
"ขอกินเหล้าได้ไหม"
"ขอกินเบียร์ด้วยได้เปล่า"
"กินตีนกูนี่ ไม่ต้องแดก"
"ปาร์ตี้อะไรไม่มีเหล้า จืด!"
"ปีใหม่ใครเขากินเหล้ากัน กูจะสวดมนต์ข้ามปี"
"กูล่ะเบื่อคนแก่" พี่โอมว่าแล้วควักเงินตัวเองส่งให้พี่บูรพาแล้วสั่งให้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สองสามอย่าง
"มึงจะเมาข้ามปีกันเลยหรือไง"
"ใช่สิครับ"
"พวกมึงนี่โตมายังไงวะ พ่อแม่ไม่เคยเปลืองน้ำลายสั่งสอนเลยใช่ไหม ฮะ?"
"แหม ไอ้ที่นั่งๆ อยู่นี่ก็โตมากับพี่มึงทั้งนั้นอะ"
"เออ ใครสอนกินเหล้า ใครสอนเข้าผับ ใครสอนให้เมา ใครสอนว่าต้องทำไงเวลาแฮงก์ ก็พี่ทั้งนั้นอะ"
"เอาซะกูเลวตัวหดเลยนะ"
"มากลับใจตอนแก่ก็ไม่ทันแล้วปะวะ"
"มึงก็รู้ว่ากูปฏิวัติตัวเองอยู่ กูไม่อยากเอาช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตไปจบที่โรงพยาบาลแผนกมะเร็งตับ กูต้องมีอายุยืน อยู่กับปิงไปนานๆ"
"ยังไงพี่ก็ตายก่อนพวกเราอยู่ดีอะ"
"เออ เผลอๆ ตายก่อนแก่อีก"
"ไอ้พวกเหี้ย!"
ผมปล่อยให้พี่อิสไล่ตีรุ่นน้องไปรอบบ้าน ส่วนตัวเองออกมาซื้อของกับพี่บูรพา ได้พูดคุยกันระหว่างทางแล้วผมก็รู้สึกว่าพี่เขาโคตรเท่เลย ตอนแรกที่เห็นหน้าคิดว่าเป็นคนเงียบๆ ซะอีก ใบหน้านิ่งๆ ดูสุขุม เสียงนุ่มๆ ที่เปล่งอยู่ในลำคอผ่านฟังแล้วละมุน ยิ่งตอนยิ้มมุมปากนั้นเอาถึงตาย เป็นคนที่อยู่เฉยๆ ก็ดูดีชะมัด
เรามาอยู่กันที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ บ้าน ช็อปปิ้งกับพี่บูรพาแตกต่างกับพี่อิสโดยสิ้นเชิง พี่บูรพาไม่มีจิตวิญญาณแม่บ้านเหมือนพี่อิสที่ต้องเลือกแล้วเลือกอีก ไม่หวั่นไหวต่อของลดราคาหรือประเภทซื้อสองถูกกว่า หยิบเอาเฉพาะไอ้สิ่งที่ตั้งใจมาซื้อ ไม่นานก็ได้ของที่ต้องการครบ ตอนที่เขาเดินหาแผนกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผมเลยจะแยกไปซื้อพิซซาข้างบน จะได้ไม่เสียเวลา
"พี่บูรพา ผมไปซื้อพิซซาข้างบนนะ"
"ไปด้วยกันดิ เดี๋ยวหลงทำไงอะ"
"พี่ ผมเตี้ยแต่โตแล้ว ไปได้น่า"
"เอางั้นเหรอ"
"ครับ เดี๋ยวมา แป๊บเดียว"
"อย่าหลงนะ"
"ครับ"
ผมแยกไปซื้อพิซซาที่อยู่ชั้นบน ดีที่คนไม่เยอะมาก ไม่เกินยี่สิบนาทีก็ได้ของที่สั่ง แต่พอเดินลงมาชั้นล่างพี่บูรพาไม่อยู่ที่เดิมแล้ว ผมหันซ้ายหันขวาหาเขาแต่ไม่เจอ ชั่งใจว่าจะรอตรงนี้หรือเดินหาไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินออกไป ผมกระโดดเหยงๆ ให้มองเห็นทะลุไปท้ายซอย คิดว่าเขาหล่อคงจะสังเกตได้ง่ายแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมเห็นพี่บูรพาหยุดอยู่ที่แผนกขนมจึงรีบก้าวเท้าเข้าไปหา
"พี่ครับ"
"เฮ้ย ทำไมเร็วจัง"
"คนน้อยอะครับ แล้วนี่...ทำไมซื้อเยอะจัง" ผมว่าแล้วมองไปที่กองขนมในรถเข็น โคอาลาร์มาร์ชเป็นแพ็กๆ ถูกซื้อเหมือนจะเอาไปขายต่อ
"ไอ้เหนือมันชอบอะ อันนี้สีแปลกๆ ไม่เคยเห็น"
"มันเป็นรสใหม่ครับ"
"เคยกินไหม"
"เคยกิน อร่อย"
"กินไหม พี่ซื้อให้"
ผมทำได้แค่ยิ้มรับแต่มือหยิบขนมมาแพ็กหนึ่ง พี่บูรพาใจดีจังเลย
"แล้วนั่นอะไรอะ"
"อ๋อ เยลลี่รสนมเปรี้ยวครับ พี่อิสชอบกินนมเปรี้ยวมาก น่าจะชอบอันนี้นะ"
พี่บูรพายิ้มรับพร้อมพยักหน้าเบาๆ ผมว่าเราทั้งคู่เข้าใจกันดี ผมว่าการเห็นอะไรบางอย่างแล้วคิดถึงคนที่ไม่ได้อยู่ด้วย มันเป็นอะไรที่พิเศษ ที่จริงมันก็เป็นแค่โคอาลาร์มาร์ชหรือเยลลี่ที่วางขายทั่วๆ ไป แต่พอเรารู้ว่ามันเป็นของที่ใครสักคนชอบ ทุกครั้งที่เจอมัน เราก็จะคิดถึงคนคนนั้นขึ้นมาเลย
ใช้เวลาซื้อของไม่นาน เราก็กลับมาถึงบ้าน พวกพี่ปรินซ์จัดการวัตถุดิบสำหรับทำหมูกระทะอย่างเช่นทุกครั้งไม่ยอมให้ผมทำอะไรเลย ผมก็เลยทำได้แค่นั่งกินขนมที่ซื้อมาไปพลางๆ ข้างๆ คือพี่เหนือที่อยู่ในกิริยาเดียวกัน โคอาลาร์มาร์ชซองแล้วซองเล่าถูกกรอกใส่ปากเราสองคนจนเกือบจะหมดแพ็ก ก่อนพวกพี่ๆ จะเตรียมอาหารเสร็จ ปาร์ตี้เล็กๆ ของเราก็เริ่มขึ้น บทสนทนาไม่ได้หยุดลง พวกเขาผลัดกันหยิบยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพูดแม้จะรู้จักกันวันแรกแต่กลับพูดคุยกันสนุกปาก ผมคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ก่อนไปเรียนที่เชียงใหม่ เริ่มต้นด้วยหมูกระทะ ลงท้ายด้วยแอลกอฮอล์ สุดท้ายก็เมากลิ้ง แต่มันก็มีเรื่องสนุกๆ ทุกครั้งที่มีปาร์ตี้แบบนี้
"อิ่มไหม เอาอะไรอีกปะ" พี่บูรพาหันไปถามพี่เหนือขณะเทน้ำอัดลมใส่แก้วให้
"พอแล้ว ตัวแตก"
"มึงรู้จักคำว่าอิ่มด้วยเหรอเหนือ"
พี่เหนือหันขวับไปหาพี่อิสที่เอาแต่แซวเรื่องน้ำหนักไม่ได้หยุด แต่จากที่เจอกันตอนสงกรานต์จนถึงตอนนี้ พี่เหนือก็ดูจะอวบๆ ขึ้นนิดหน่อยจริงๆ นะ
"อ้วนมากระวังไอ้บูรพาทิ้ง"
"อือ นี่กะจะจีบน้องปิงแล้วเนี่ย"
"จีบแม่มึงสิ!"
พี่อิสหันมาโวยพร้อมกับฟาดผักบุ้งในมือใส่พี่บูรพา
"โอ๊ย! เจ็บนะพี่!"
"อย่ามายุ่งกับลูกกู"
"ปิงพี่ถามจริงๆ โดนของปะเราอะ"
"ไอ้เหนือ เดี๋ยวกูถีบ"
"สวนนะเว้ยพี่"
"สองคนนี้เถียงกันไม่หยุดตั้งแต่เย็นละนะ" พี่ปรินซ์พูดเสียงเบื่อ แต่จริงอย่างเขาว่า เพราะพี่เหนือสวนทุกคำด่าของพี่อิสอย่างไม่กลัว ผมว่าพี่อิสเจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อแล้วละ
"อย่าให้มันโมโหแล้วด่าเป็นภาษาเหนือนะ งงไปยันพรุ่งนี้แน่นอน"
"มึงโดนบ่อยอะดิ"
พี่บูรพาพยักหน้ารับ
"แล้วพี่เคยโดนปิงด่าปะ"
ผมกับพี่อิสส่ายหน้าพร้อมกัน มีแค่เถียงบ้างบางครั้งแต่ไม่เคยด่าจริงๆ จังๆ เพราะเขาโตกว่าด้วย แล้วผมก็ไม่ได้คิดจะด่าพี่อิสด้วยเรื่องอะไร
"เด็กดีจัง"
ผมยิ้มแก้เขิน พี่อิสก็ยกมือมาเกาคาง มาถูแก้มผมเหมือนเล่นกับแมว
"พี่อิส แลกกันปะ"
"แลกอะไร"
พี่บูรพาพยักหน้าไปทางพี่เหนือ ส่วนพี่อิสหัวเราะออกมาเบาๆ
"พี่ว่าเราเหมาะกันนะปิง ให้สองคนนี้ไปด่ากันให้สนุก ส่วนเราไปหาอะไรทำคูลๆ กัน"
"อื้อ เอาๆ" ผมแกล้งพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย จังหวะที่เขยิบเข้าไปหาพี่บูรพา ก็ถูกพี่อิสเอาแขนล็อกคอเอาไว้ก่อน ส่วนพี่บูรพาถูกกระชากหัวอย่างแรงจากคนข้างๆ จนเราร้องลั่นออกมาพร้อมกัน เสียงหัวเราะจากพวกพี่ปรินซ์ดังลั่นบ้าน
"เดี๋ยวเถอะมึง!"
"ล้อเล่นๆ"
"ไปเล่นบ้านแม่มึงโน่น"
"ตัวมึงไม่งอนดิ!"
ผมหันมองพี่สองคนหยอกล้อกันก่อนลงท้ายด้วยพี่บูรพาจับหน้าพี่เหนือกดลงตักแล้วกดริมฝีปากลงบนแก้มแรงๆ ก่อนหันมองพี่อิสที่มองเคืองใส่อยู่
"ไม่ต้องมายิ้มเลย เขาชวนก็จะไปกับเขา ใจง่าย!"
"ก็อยากคูล"
"อยากคูลมึงไปอยู่ในตู้เย็นนู่นไป"
"โอ๋ๆ ล้อเล่นเฉยๆ หรอก"
"งั้นพี่ไปจีบคนอื่นบ้างเอาไหมล่ะ"
"ไม่เอา หวง!" ผมว่าแล้วยกสองมือขึ้นกอดพี่อิสไว้แน่นๆ แค่นั้นเขาก็หลุดยิ้มออกมา พี่ปรินซ์ได้แต่ถอนหายใจใส่แรงๆ
"ทำยังไงถึงจะได้แบบน้องปิงบ้างเหรอ"
"ทำบุญเถอะมึงอะ" พี่อิสหันไปตอบ ก่อนถูกพี่ปรินซ์มองตาขวางใส่อีกที
"ไอ้ปรินซ์ ไหนเราตกลงกันแล้วไงว่าเราจะขึ้นคานไปด้วยกัน ใครมีแฟนก่อนแพ้นะเว้ย"
"เนื้อคู่ไม่คูลเท่าเนื้อย่าง"
"เออ เนื้อคู่กูอยู่นี่ไง" พี่โอมว่าแล้วยกขวดเบียร์ก่อนรินให้รอบวง
"ปิงเอาไหม"
ผมหันไปหาพี่อิสก่อนเพื่อขออนุญาต ก่อนถูกส่ายหน้าแทนคำตอบ
"ขอกินบ้างไม่ได้เหรอครับ"
"ไม่ดี จะกินทำไม"
"โตแล้วนะ"
"ไม่เอา"
พี่อิสส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว ผมเลยต้องอ้อน ขยับหน้าเข้าไปใกล้ ยกนิ้วชี้ขึ้นตรงหน้าเป็นเชิงขอว่าแก้วเดียว
หัวคิ้วที่ขมวดกันอยู่ของพี่อิสเริ่มคลายออก เริ่มใจอ่อนแล้วแน่นอน
"นะ แก้วเดียว"
"หึ"
"แก้วเดียวเอง"
"เอ๊ะ! มึงหนิ!"
"น่า นะ"
"มึงคิดว่าทำตัวน่ารักนี่จะอ้อนได้ทุกเรื่องใช่ไหม"
"ป๊า"
"กูให้แก้วเดียว! แล้วไม่ต้องเสือกเมา ไม่งั้นกูจะตีให้น่องลายเลย"
ผมพยักหน้าหงึกๆ ก่อนกระดกน้ำอัดลมในแก้วให้หมดแล้วยื่นน้ำแข็งเปล่าให้พี่โอมเทเบียร์ให้ และลองชิมรสชาติของมัน ไม่แย่อย่างที่คิดแต่ก็ไม่ดีเท่าที่ควร เราใช้เวลากินและคุยกันไปถึงครึ่งคืน ก่อนถึงเวลาเคาท์ดาวน์เข้าปีใหม่ เปิดทีวีช่องที่พร้อมจะพาเรานับถอยหลังไปด้วยกัน ที่ผ่านมาทุกๆ วันปีใหม่ของผมมักจะผ่านไปเฉยๆ ที่เปลี่ยนไปคงมีแค่พ.ศ.ในวันถัดมา ผมไม่เคยเฉลิมฉลอง ไม่เคยตื่นเต้น ไม่เคยรู้สึกว่ามันพิเศษ จนถึงตอนนี้ ตัวเลขที่เริ่มนับถอยหลัง ทำให้ผมเผลอลุ้นไปด้วยในใจ
"ห้า!"
"สี่!"
"สาม!"
"สอง!"
"หนึ่ง!"
"แฮปปี้นิวเยียร์!!!"
ผมหันมองพี่บูรพาที่คว้าหน้าพี่เหนือไปจูบ ก่อนที่พี่อิสดึงหน้าผมไปหาแล้วแตะริมฝีปากเข้ามาเบาๆ ทีหนึ่ง
พี่ปรินซ์ พี่โอม พี่ปอนด์กอดคอกันแล้วจูบขวดเบียร์แทน ผมหลุดหัวเราะออกมาแล้วเขยิบเข้าไปกอดพี่อิสเพื่อขอบคุณที่ทำให้วันนี้ของผมมีความหมาย
การนับถอยหลังข้ามปีผ่านไปแล้ว แต่ปาร์ตี้ยังไม่จบง่ายๆ หัวข้อสนทนาดูจริงจังขึ้นมาเมื่อถูกถามถึงสิ่งที่อยากทำในปีนี้ ผมนั่งฟังเป้าหมายปีนี้ของพวกพี่ๆ แล้วก็ย้อนคิดถึงตัวเอง เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในปีนี้บ้าง
"มึงอะเหนือ ปีนี้อยากจะทำอะไร"
"อยากฉลาดขึ้น"
"ปกติมึงโง่เหรอ"
"ควายเลยเหอะ"
"ตัวมึงไม่ต้องขยี้ได้ไหม"
"โอ๋ๆ ควายอะไรไม่รู้โคตรน่ารักเลย"
"ปีนี้กูจะตั้งใจเรียน"
"ครับๆ"
"แล้วมึงอะบูรพา"
"ปีนี้ก็อยากมีชีวิตเหมือนปีที่ผ่านมานั่นแหละ เพราะทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว ไม่ได้อยากให้มีอะไรเปลี่ยนไป"
"ปีนี้มึงต้องเขียนหนังสือด้วย เอาเงินมาเลี้ยงกู กูวัยกำลังโต"
"วัยกำลังอ้วนสิมึงอะ"
"ถ้ากูจะตบพี่อิสสักที จะมีใครห้ามไหม"
"จะช่วยซ้ำเลยเหอะ!"
"ไอ้พวกสารเลว!"
"ว่าแต่พี่บูรพาเขียนหนังสืออะไรเหรอครับ" ผมสนใจคำพูดของเขาขึ้นมาเลยหันไปถาม
"เออใช่ บูรพามันเป็นนักเขียนด้วยนี่หว่า"
"มันเป็นพวกชอบเพ้อเจ้อไง"
"เขียนหนังสือแบบไหนวะ"
"Sundaynight01 เคยได้ยินไหม"
ผมเบิกตาขึ้นนิดๆ ทันทีที่ได้ยินนามปากกานั้น แล้ววิ่งเข้าห้องนอนไปที่ชั้นหนังสือ หยิบหนังสือสองเล่มที่ซื้อมาอ่านนานแล้ว ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากโชว์หนังสือสองเล่มนั้นให้พี่บูรพาดูด้วยอารมณ์ตื่นเต้น
"เฮ้ย อ่านด้วยเหรอ"
"พี่บูรพา...พี่เป็นคนเขียนเหรอ"
เขาพยักหน้ารับยิ้มๆ แต่ผมทึ่งไปเลย แม้แต่พี่อิสก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ถึงได้ตกใจไปกับผมด้วย
"สุดยอดเลย พี่เซ็นให้ผมหน่อยสิครับ"
"เฮ้ย เขิน"
"เซ็นหน่อยนะ นะครับๆ"
ผมเดินไปหยิบปากกามาส่งให้เขา มองดูตัวหนังสือที่เขาเขียนลงในหน้าแรก พร้อมลายเซ็น ตอนนั้นก็ละสายตาจากเขาไม่ได้เลย พี่บูรพาโคตรเท่เลเวลสุด ไม่รู้เลยว่านักเขียนที่ชื่นชมผลงานจะนั่งอยู่ตรงหน้านี้แล้ว พี่บูรพาโคตรคนคูลเลยอะ
"ปิง"
"..."
"หลินปิง!"
"ฮะ!"
ผมหันขวับหาพี่อิสที่ตะโกนใส่หู
"อีกนิดจะหลงมันแล้วนะเนี่ย พอเลย เลิกมอง"
"เปล่า ก็ชอบหนังสือ ไม่รู้เลยว่าพี่บูรพาเป็นคนเขียน"
"หน้าตามึงอย่างหลงรักมันอะ มานั่งนี่เลย กูหวง!" พี่อิสว่าแล้วดึงผมไปนั่งตัก ก่อนเราจะกลับสู่วงสนทนากันเหมือนเดิม ยังมีเรื่องคุยกันเรื่อยๆ และดูจะไม่จบง่ายๆ ส่วนผมก็เริ่มง่วง คงเพราะเบียร์สองสามแก้วที่ดื่มเข้าไปด้วยเลยทำให้ตาเริ่มหนักเลยไหลลงไปนอนตักพี่อิส แขนใหญ่ๆ ของเขาวางพาดอยู่บนตัวผม ผมมองดูรอยสักรูปหมีแพนด้าที่เขาได้มันมาสักพัก เขาบอกว่าเป็นรูปหลินปิงโหนกิ่งไผ่ ผมไม่เคยชอบรอยสักกระทั่งมันอยู่บนตัวของพี่อิส ทั้งดอกแดนดิไลออนและแพนด้าตัวนี้ ผมขยับตัวนิดหนึ่งให้นอนสบาย หันไปมองพุงพี่อิสแล้วยกมือจิ้ม พุงนิ่มๆ เหมาะจะเอาไว้ฟัดดี โดนจิ้มหลายๆ ทีเจ้าของพุงจึงก้มลงมามอง
"อะไร"
"พี่อิสอ้วน"
"กูบวมเบียร์ ถ้าอ้วนต้องแบบไอ้เหนือ"
"กูนั่งอยู่เฉยๆ เลยนะพี่ กวนตีน เดี๋ยวเผาบ้านแม่ง"
ผมปล่อยให้สองคนนี่เถียงกัน แล้วนอนมองหน้าเขาตรงๆ พี่อิสมุมนี้โคตรดีอะ ขอลูบสันกรามหน่อยได้ไหมนะ ผมชินกับพี่อิสหน้าตาเหวี่ยงๆ หรือไม่ก็สภาพอดหลับอดนอน แต่ถ้ายิ้มขึ้นมาก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แล้วตอนนี้พี่อิสก็กำลังยิ้มและหัวเราะบ่อยๆ เพราะบทสนทนาในวงเหล้านั่น
อย่ายิ้มนะ อย่านะ ยิ้มจนได้! โอ๊ย! หล่อจัง! ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ตอนนี้ผมละสายตาออกจากใบหน้านั้นไม่ได้ พี่อิสคงรู้ตัวว่าถูกมองนานแล้วเขาเลยก้มหน้าลงมาถาม
"มองทำไม"
"ก็จะหล่อทำไมอะ"
"..."
"ไม่อยากให้มอง ก็อย่าหล่อดิ"
พี่อิสหัวเราะพลางส่ายหัวเบาๆ แล้วจับผมลุกขึ้น
"ลูกกูเมาละ เดี๋ยวพาเข้านอนก่อน"
"เฮ้ย ยังไม่นอน เขายังไม่เลิกกันเลย"
"ไปเหอะ ง่วงละ"
"เดี๋ยวดิ!"
"พวกมึงเลิกกินก็หาที่นอนเอาเอง ปิดบ้านให้กูด้วย" พี่อิสหันไปสั่งพวกที่นั่งอยู่ก่อนลากผมเข้ามาในห้องนอน อันที่จริงก็ง่วงตาจะปิดแล้วเหมือนกัน ทิ้งตัวลงบนที่นอนก็อยากหลับไปเลย ผมไม่อาบน้ำข้ามปีนะ
"กินแล้วก็เมาเห็นไหม"
"เปล่าซะหน่อย"
"พี่ไปอาบน้ำแป๊บ"
"ไม่เอาๆ" ผมดึงพี่อิสไว้ก่อนที่จะลุกไป
"ทำไม"
"เน่าด้วยกัน ไม่อยากสกปรกคนเดียว"
"ก็ได้ แต่ปกติพี่คนสะอาดนะ"
ผมตบที่นอนข้างๆ เป็นเชิงให้เขาเข้ามานอนด้วย ผมยกแขนยันตัวเองขึ้นมามองหน้าเขา
"มองอะไร"
"หล่อ"
"ก็นี่อิสระเดือนคณะในตำนาน"
"แต่พี่บูรพาหล่อกว่า"
"ไอ้บูรพา! ไสหัวออกจากบ้านกูไปเลย!"
"พี่อิส!" ผมยกมือปิดปากพี่อิสที่ตะโกนลั่นห้อง คนข้างนอกคงสะดุ้งไปแล้ว
"ถ้าชมมันอีกที จะเดินไปเตะมันจริงๆ อะ"
"โห่ ป๊าครับ"
"ไม่ต้องมาป๊าเลย"
ผมหัวเราะหน่อยๆ แล้วล้มตัวลงนอน ยกมือกอดพี่อิสเอาไว้
"พี่อิส"
"อะไร"
"ขอบคุณนะครับ"
"เรื่องอะไร"
"ปีนี้ผมมีความสุขมากกว่าทุกปีเลย ได้เจอกับพี่อิส ได้เจอกับรุ่นพี่ดีๆ ได้เข้าเรียนมหา'ลัย ได้มีชีวิตใหม่ ถ้าวันนั้นผมไม่รู้จักพี่อิส ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ชีวิตจะเป็นยังไง พี่ทำให้ผมได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระจริงๆ พี่เป็นทุกอย่างของผมเลยนะ"
"เขินเลยนะเนี่ย"
"ปีหน้า แล้วก็ปีหน้าๆๆ ช่วยเลี้ยงแมวตัวนี้ไปนานๆ เลยนะครับ"
"เออ มาให้จูบที"
ไม่รอให้ผมพูดอะไรเขาก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นมาจูบก่อน จูบอย่างที่เขาเคยสอน มากกว่าการแตะปากกันแล้วปล่อยให้ใจเต้นเฉยๆ ในตอนนี้มันลึกซึ้งกว่า นุ่มนวลกว่า ยาวนานกว่า แล้วจูบของพี่อิสก็อบอุ่นอยู่ในใจเสมอ
"นอนได้ละ"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ แล้วกระชับกอดเขาให้แน่นกว่าเดิม ยกหูแนบอกเขาแล้วพบว่าข้างในนั้นก็เต้นโครมครามไม่แพ้กัน
"กาก"
"อะไร!"
"ใจเต้นตึกๆ เลย"
"เออ!"
"อยากกินเด็กใจจะขาดละสิ"
"นอนไปเลยมึงอะ!"
"คนกาก"
"นอน! ไม่งั้นจะจับแดกจริงๆ อะ"
"ครับๆ"
ผมมุดหน้าลงไปซบอกเขาอีกทีแต่หุบยิ้มไม่ได้ อย่างที่บอกทุกครั้ง แค่นี้มันก็เพียงพอแล้วสำหรับหัวใจ ผมก็อยากให้เขาเป็นคนกากๆ ที่น่ารักไปนานๆ
"ป๊า"
"อะไรอีก!"
"พรุ่งนี้อยากกินข้าวผัดอะ ทำให้หน่อยนะ"
"อือ เดี๋ยวทำให้"
"ไข่ดาวกากๆ ด้วย"
"ได้"
ผมยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วกดริมฝีปากเข้าที่แก้มเขาอีกที จากนั้นก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆ
"มึงน่ารักจนกูอยากกลั้นใจตายแล้วนะ รู้ตัวไหม"
"ตายไปเลยสิ เมี้ยวๆ"
"เชี่ย!" พี่อิสกัดฟันสบถคำหยาบแล้วดึงหมอนที่หนุนอยู่มากดหน้าตัวเองหนีผมที่กำลังแกล้งเขาอยู่ ก็ยังอยากพูดอีกครั้งว่าปีนี้ของผม เป็นปีที่ดีมากๆ ผมไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรในปีหน้า แต่ในปีนั้นก็อยากให้พี่อิสอยู่ตรงนี้ด้วยกัน ผมมีความสุขดีแล้วกับสิ่งที่มีอยู่ พรข้อเดียวที่ผมจะขอ ก็คงขอให้ชีวิตมีพี่อิสอยู่ข้างๆ และเป็นแบบนี้ตลอดปี ตลอดไป...สุขสันต์วันปีใหม่ครับ
-HAPPY NEW YEAR-
แด่ วันปีใหม่และในทุกๆ การเริ่มต้น