มาแระค๊าบ ขอโทษด้วยนะค๊าบ ที่ให้รอนาน
----------------------------------------------------------------------------------------------
“นายจะให้พี่มองหน้าแม่ของนายได้ยังไงไต๋”กัณตินันท์เอ่ยขึ้นอย่างเลื่อนลอยเมื่อตอนที่บทรักระหว่างตนกับลูกศิษย์จบลงไปได้แล้วซักพัก แล้วต่างฝ่ายต่างจัดการทำความสะอาดร่างกายตัวเองสวมใส่เสื้อผ้าแยกกันนั่งอยู่คนละมุมห้อง
“พี่ก็ทำตัวเหมือนเดิมไงครับ นี่จะเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน ผมสัญญา”เตชสิทธิ์ตอบออกมา พยายามที่จะยิ้มให้ฝ่ายที่ตนทำให้เครียดได้คลายกังวล
“แต่ความจริงก็คือความจริง พี่หนีความละอายใจตรงนี้ไปไม่พ้นหรอก พี่ทำลายความศรัทธาในตัวเองลง พี่เคยบอกทุกคนว่าพี่กับนายไม่มีทางเกินไปกว่าการเป็นครูกับลูกศิษย์กัน แล้วนี่อะไร มันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้น”คนถูกปลอบใจปล่อยโฮออกมาเมื่อรู้สึกละอายต่อการกระทำของตัวเอง ชายหนุ่มก้มหน้าสะอื้นอย่างคนรู้สึกผิดเต็มหัวใจ
“พี่ตฤณ ทุกอย่างผมเป็นฝ่ายเริ่ม พี่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดต่อผมเลยนะ”อีกฝ่ายตรงเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าแล้วเอ่ยบอก เด็กหนุ่มยกมือช่วยเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มของคนที่รู้สึกผิด ใช่แล้วล่ะ ทุกอย่างเขาเป็นฝ่ายเริ่ม เขาก็ต้องปกป้องคนๆนี้สิ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าเจ้าตัวได้หรอกว่าเจ้าตัวทำผิดอะไรต่อลูกศิษย์อย่างเขา
“พี่อยากกลับบ้าน”คนร้องให้เอ่ยบอกในที่สุด พลางปัดมือคนที่ช่วยเช็ดน้ำตาตนออกไป อย่างคนไม่ต้องการความหวังดี
“กลับก็ได้ แต่พรุ่งนี้พี่ต้องมานะ”คนโดนปัดมือบอกออกไปเพราะนึกกลัวในการตัดสินใจบางอย่างของคนที่มีท่าทีแข็งขืนขึ้นมา
“พี่ต้องมาทำหน้าที่ตัวเองให้จบอยู่แล้วล่ะ นายไม่ต้องห่วงหรอก”กัณตินันท์เอ่ยบอก ก่อนจะปาดน้ำตาทิ้งไปให้หมดจากใบหน้า แล้วรีบเดินออกจากห้องไป ร้อนถึงคนในห้องที่ต้องวิ่งตาม
“อ้าวตฤณ วันนี้สอนตาไต๋กันบนห้องเหรอ เห็นเงียบไปเลยทั้งสองคน”เสียงเจ้าของบ้านเอ่ยถาม ตอนที่คนเดินออกมาก่อนพาตัวเองมาถึงห้องโถงชั้นล่าง
“ขะ ครับ”ชายหนุ่มเอ่ยตอบ รู้สึกละอายที่จะมองสบตาคนถาม
“เป็นอะไรไป ท่าทางดูไม่ดีเลย”ฝ่ายนั้นเอ่ยถามขึ้นใหม่ แต่คราวนี้คนที่เอ่ยให้คำตอบกลับเป็นคนที่ตามมาสมทบทีหลัง
“พี่ตฤณเขาไม่ค่อยสบายน่ะแม่ ตอนสอนผมก็เห็นไอไม่หยุด”
“อ้าวเหรอ แล้วไต๋หายาให้พี่เขาหรือยังล่ะ”คนได้คำตอบหันไปสนใจลูกชายแทน
“หาให้แล้วครับ เนี่ยพี่เขากำลังจะกลับ ผมว่าจะออกไปส่งหน้าปากซอยด้วย”เด็กหนุ่มเอ่ยตอบ อีกฝ่ายจึงหันไปสนใจคนกำลังจะกลับบ้านเอ่ยถาม พลางยื่นข้อเสนอ
“กลับไหวเหรอตฤณ ไม่ไหวก็ค้างที่นี่ก็ได้นะ”
“มะ ไม่เป็นไรครับ ตฤณกลับไหว ขอบคุณคุณน้ามากครับ”กัณตินันท์รีบเอ่ยตอบ ก่อนจะสะท้านวูบ เมื่อเผลอหันไปสบตาลูกศิษย์เข้า ยิ้มเจ้าเล่ห์ทำไม ไอ้เด็กบ้า!!
“อืม ไหวก็ไป ตาไต๋ อย่าขับรถเร็วนักล่ะ คิดถึงคนซ้อนท้ายด้วย”หญิงเจ้าของบ้านพยักหน้าเอ่ยบอก พร้อมเอ่ยกำชับลูกชายไปในทีด้วย
“ครับแม่ ไปเหอะพี่ตฤณ”เตสิทธิ์เอ่ยรับคำ ก่อนจะเอ่ยชวนคนที่ไม่ยอมมองสบตาตน และพอเห็นฝ่ายนั้นยกมือไหว้ลาแม่ของตน จึงเดินนำออกไปก่อน
.
.
.
.
ที่ลานหน้าบ้าน กัณตินันท์ปฏิเสธที่จะให้ลูกศิษย์ออกไปส่งตัวเอง
“เหตุผล?”คนถูกปฏิเสธเอ่ยถามสั้นๆ นึกไม่เข้าใจอารมณ์ของคนปฏิเสธความหวังดีจากตน
“พี่ยังไม่อยากอยู่ใกล้นายตอนนี้ ขอเวลาให้พี่ทำใจหน่อยเถอะ”คนถูกถามเอ่ยตอบ
“จะอะไรกันนักกันหนาพี่ตฤณ แทนที่เราจะใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม พี่กลับเหมือนจะตีตัวออกห่างผมไปซะอย่างนั้น ที่ผมทำกับพี่เมื่อกี้มันผิดนักหรือไง หรือว่ามันไม่ถูกใจพี่ ใช่ซี้ ผมมันมือใหม่ใช่มั๊ยล่ะ ขอโทษนะถ้าผมมันไม่เก่ง ไม่ชำนาญเหมือนคนรักเก่าของพี่น่ะ”เตชสิทธิ์เผลอเอ่ยประชดออกไป เพราะอดไม่ได้ที่จะคิดว่าคนที่ทำท่าว่าจะเฉยชากำลังคิดกับตนแบบนั้นจริงๆ เรื่องที่คนๆนี้หายไปกับคนรักเก่าเขายังไม่ลืมหรอก เพียงแต่พยายามที่จะไม่ใส่ใจแล้วเท่านั้น
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะไต๋”กัณตินันท์รีบร้อนรนปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้คนประชดเข้าใจตนผิดๆในเรื่องนี้
“ก็พี่บอกนายแล้วไง ว่าพี่ทำลายศรัทธาในตัวพี่ลงหมดแล้ว ขอเวลาพี่ทำใจหน่อยสิ คงไม่มีคนเป็นครูคนไหนหรอกนะที่จะภูมิอกภูมิใจกับเรื่องแบบนี้ที่เกิดขึ้นกับคนที่ตัวเองต้องมีหน้าที่สอนหนังสือน่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยอธิบายต่อ แต่ใช่ว่าอีกคนจะยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ
“ถมเถไป พี่อย่าคิดว่าคนในสังคมนี้จะต้องเป็นคนดีแบบพี่ไปซะหมดสิ”เด็กหนุ่มเอ่ยว่า
“ถ้าอย่างงั้นก็แล้วแต่วิธีการคิดของใครของมันก็แล้วกัน แต่สำหรับพี่ รู้เอาไว้ด้วย ว่าพี่ไม่ได้รู้สึกยินดีอะไรนักกับเรื่องเมื่อซักครู่ เป็นไปได้ ขออย่าให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นดีที่สุด ถ้านายยังอยากให้เราเป็นเหมือนเดิม”พูดจบ คนพูดก็รีบเดินออกไปจนพ้นรั้วบ้าน ปล่อยให้คนข้างหลังยืนมองตามด้วยความรู้สึกขัดใจอยู่หน่อยๆ
“โธ่โว้ย ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้วะ”เด็กหนุ่มเผลอยกเท้าเตะพื้นไปตามอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนจะสะดุ้งหน่อยๆ เมื่อมีมือยื่นมาตบไหล่ทางด้านหลัง
“แม่”เจ้าตัวหลุดปากเอ่ยเรียกเจ้าของมือ เมื่อเห็นฝ่ายนั้นยืนส่งยิ้มให้หน่อยๆ
“แม่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยถามต่อ ในใจก็นึกหวั่นอยู่ว่าฝ่ายนั้นจะได้ยินการสนทนาระหว่างตนกับคนที่เดินจากไปเมื่อครู่หรือไม่
“ก็นานพอที่จะได้ยินคุณครูกับลูกศิษย์ถกเถียงปัญหาการวางตัวกันอยู่น่ะแหละ”คนถูกถามเอ่ยตอบ ทำเอาคนตั้งคำถามเกิดเข่าอ่อนขึ้นมา เพราะรู้แล้วว่าแม่ตนคงจะจับต้นชนปลายอะไรได้ถูก ถึงได้ส่งสายตามองตนแบบเข้าใจอย่างนี้
“มะ แม่ รู้อะไรบ้างครับ”เด็กหนุ่มแกล้งเอ่ยถามหยั่งเชิงออกไป
“ก็แล้วกำลังปิดบังอะไรแม่อยู่ล่ะ”คนเป็นแม่เอ่ยถามกลับ
“แสดงว่าแม่รู้แล้ว”ลูกชายเอ่ยบอกเสียงเบา ก่อนจะผงะหงายนั่งลงบนพื้นอย่างหมดท่า เมื่อเห็นคนเป็นแม่พยักหน้ารับแทนคำตอบ
“ผมขอโทษนะแม่ ผมขอโทษ”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมา ก่อนก้มลงซบหน้าเอาไว้กับเข่าตัวเอง
“อย่าเครียดไปเลยไต๋ แม่บอกแล้วไงว่าแกจะทำอะไรยังไงที่ไม่ทำให้อนาคตแกเสียไป แม่ก็ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งเท่าไหร่ เมื่อก่อน แม่ยอมรับว่าแม่อาจจะไม่ชอบใจ และรับไม่ได้นักกับการที่ตฤณจะก้าวเข้ามายุ่งเกี่ยวในชีวิตแกจนเกินเส้น แต่สิ่งที่แม่ได้ยินและได้เห็นเมื่อครู่ แม่มั่นใจ พอใจ และศรัทธาในความคิดและการวางของตฤณว่าเขาน่าจะดูแลแกแทนแม่ได้ แม่พร้อมจะเข้าใจ และยอมรับถ้าอะไรมันจะเกิดขึ้นจริงๆ เราอยู่กันสองคนแม่ลูก พ่อแก ก็ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ญาติพี่น้องต่างๆ เราก็ได้ข้องเกี่ยวกันซักเท่าไหร่ แกจะเป็นอะไร แกจะเลือกทางเดินแบบไหนที่จะทำให้แกดำเนินชีวิตอยู่ได้ภายในโลกใบนี้ได้อย่างไม่ขัดสน แม่ก็พร้อมที่จะเปิดทางให้”คนเป็นแม่เอ่ยขึ้นยืดยาวอีก ทำเอาคนที่นั่งซบหน้า เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะปล่อยให้หยดน้ำที่รื้นตรงขอบตาค่อยๆซึมออกมาเปรอะสองแก้ม
“ขอบคุณครับแม่ ผมรักแม่ครับ ผมรักแม่ที่สุด ผมจะไม่ทำให้แม่ภูมิใจตัวผมในซักเรื่องให้ได้ครับ ผมสัญญา ผมสัญญา”เด็กหนุ่มก้มกราบคนที่ยอมเข้าใจตนอย่างเต็มตื้น ในความรู้สึกที่เหมือนยกภูเขาทั้งก้อนออกจากอกไปได้
.
.
.
จำนวนวันในปฏิทินถูกขีดฆ่าทิ้งไปอีกหนึ่งวัน ก่อนที่คนขีดจะนอนฟุบหน้าไปบนโต๊ะทำงานตัวประจำ จนเผลอหลับในที่สุด
เสียงโทรศัพท์นั่นเองที่ช่วยปลุกชายหนุ่มให้ตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่
มือที่กำลังจะกดรับหลังงัวเงียตื่นขึ้นมาต้องชะงักไปพลัน เมื่อเห็นว่าเป็นรายชื่อคนรักเก่าที่เป็นฝ่ายโทรเข้ามา
“มีอะไรถึงโทรมาแต่เช้านะภูมิ”คำถามนี้ถูกเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ก่อนที่คนเอ่ยจะยอมกดรับสัญญาณ
“มีอะไรหรือเปล่าภูมิ”ชายหนุ่มเอ่ยทักประโยคแรกออกไป
“ภูมิโทรมากวนตฤณหรือเปล่า”เสียงฝ่ายนั้นเอ่ยตอบรับกลับมา
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ภูมิมีอะไรหรือเปล่า”
“คือภูมินอนไม่หลับตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว มัวคิดแต่เรื่องที่ทำไป ไม่รู้จะพูดจะคุยกับใครดีเลยนึกถึงตฤณ ว่าจะโทรหาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่เห็นว่าตฤณน่าจะสอนหนังสืออยู่”
“อืม เรื่องมันคงจบแล้วล่ะ อย่าคิดมากเลยนะ”
“ภูมิกลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ”
“ทำไมเหรอ”
“คือก่อนหน้านั้น ภูมิพอจะมีเรื่องกับคุณหนูณิชานั่นอยู่บ้าง ภูมิกลัวว่ามันจะเป็นเบาะแสที่เด็กนั่นจะสาวมาถึงภูมิ”
“คงไม่มั้ง อะไรที่มันยังไม่เกิดอย่าเพิ่งไปคิดถึงมันเลย ตฤณว่าภูมินอนพักก่อนเถอะนะ ตื่นขึ้นมาแล้วอาจจะไม่มีอะไรก็ได้”
“ภูมินอนไม่หลับ ตฤณมาอยู่เป็นเพื่อนภูมิได้มั๊ย”
“ไม่ดีมั้งภูมิ ตอนนี้ตฤณยังไม่สะดวกเท่าไหร่”
“ทำไมเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก ตฤณต้องอยู่กับที่บ้านบ้างน่ะ เพราะเดี๋ยวตอนเย็นก็ต้องออกไปสอนหนังสืออีก”
“ไม่ใช่เพราะตฤณรังเกียจภูมิแล้วใช่มั๊ย”
“มันไม่เกี่ยวกันหรอกภูมิ เอางี้นะ เดี๋ยวตอนบ่ายๆตฤณจะแวะไปหาก่อนไปทำงานแล้วกัน”
“จริงนะ”
“อืม ตอนนี้ภูมิก็พักผ่อนก่อนเถอะนะ”
“โอเค ภูมิจะรอนะ”
การสนทนาจบไปแค่ตรงนั้น ก่อนที่คนที่ถูกโทรหาจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะรู้สึกว่าภาระที่เข้ามาให้คิดให้แก้ไขในชีวิตมันดูจะยุ่งเหยิงเพิ่มขึ้น
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกในนาทีถัดมา คราวนี้เป็นรายชื่อของหนุ่มน้อยลูกศิษย์โชว์ขึ้นที่หน้าจอบ้าง น่าแปลกที่คราวนี้ชายหนุ่มไม่พร้อมที่จะรับสายขึ้นมาซะเฉย ทั้งๆที่เมื่อก่อน แม้จะโกรธ จะเคืองฝ่ายนั้นซักเท่าไหร่กับเรื่องที่เจ้าตัวทำให้ ก็ไม่มีซักครั้งที่จะเลือกนั่งเฉยอยู่แบบนี้
“ขอเวลาพี่ก่อนนะไต๋”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์นั้นจับวางในลิ้นชักเพื่อให้มันช่วยกลบเสียงที่ดังอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไม่รับสายคราวนี้คงไม่เป็นอะไรมากนักหรอก เพราะไหนๆ เย็นนี้ก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว
ที่โรงเรียน เตชสิทธิ์เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า ก่อนจะนั่งเอามือลูบใบหน้า เด็กหนุ่มรับรู้ได้เองว่าคนเป็นครูกำลังมีความรู้สึกใดกับตน
“ทำไมพี่จะต้องคิดอะไรมากมายด้วยนะพี่ตฤณ”คำพูดลอยๆถูกเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจในตัวคนที่ตนกำลังรู้สึกผูกพันด้วยอย่างมากมายในตอนนี้
ระหว่างนั่งคิด เสียงพูดคุยของคนสองคนที่ดังมาให้ได้ยินทำให้เด็กหนุ่มต้องหันหน้าไปมอง เมื่อสองเสียงนั่นเป็นเสียงของคนคุ้นเคย
“อ้าว ไอ้ไต๋ ทำไมมานั่งอยู่คนเดียววะ”หนึ่งในสองคนที่กำลังเดินกันมาเอ่ยทักในตอนที่เด็กหนุ่มหันหน้าไปมองพอดี
“ไม่มีอะไร เพื่อนๆกูมันยังไม่มากัน”คำตอบส่งเดชถูกตอบออกไป ก่อนที่คนตอบจะหันไปสนใจอีกคนที่กำลังยืนมองตนนิ่งๆอยู่
“เป็นไงบ้างณิชา”เด็กหนุ่มเอ่ยทักออกไป พอเห็นฝ่ายนั้นหันหน้าไปมองหน้าเพื่อนชายที่ยืนครู่กัน จึงเอ่ยออกไปอีกว่า
“ไต๋รู้เรื่องเมื่อวานนี้แล้วล่ะ ณิชาไม่เป็นไรใช่มั๊ย”
“อืม ไม่เป็นไรแล้ว”เสียงเด็กสาวเอ่ยตอบกลับมาในที่สุด
“มึงอ่ะ ดูแลณิชาเขาดีๆหน่อยสิวะไอ้แซนด์ เดี๋ยวกูแย่งคืนซะนี่”คนได้คำตอบเอ่ยแซวขำๆ เมื่อคิดว่าตนกับคนที่กำลังเอ่ยด้วย น่าจะเป็นเพื่อนกันได้แล้ว หลังจากเขม่นกันมานาน และมันก็เป็นจริงๆ เมื่อฝ่ายนั้นตอบขำๆกลับมาเช่นกัน
“มึงนึกว่ากูกลัวเหรอไอ้เบื๊อก”
“ดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”เสียงอีกคนเอ่ยถามขึ้นมา เมื่อเห็นสถานการณ์ที่แปลกไป เวลาเห็นสองคนนี้เผชิญหน้ากัน
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ขี้เกียจทะเลาะกับมันแล้วกะไอ้เด็กหลังห้องนี่”ศัลชัยเอ่ยตอบออกมายิ้มๆ
“น้อยๆหน่อยไอ้แซนด์ เห็นกูไม่เอาเรื่องนี่แม่งข่มน่ะมึง”เตชสิทธิ์เอ่ยออกไปยิ้มๆเช่นกัน ก่อนที่จะหันมาสนใจเรื่องของสาวน้อยที่ตนเคยคบต่อ
“แล้วยังไงต่ออ่ะณิชา คนร้ายเป็นใครยังไง จับได้กันมั๊ย”
“จับไม่ได้หรอก ตอนนี้พ่อก็ดูเหมือนจะวิ่งเต้นเรื่องนี้หรอก แต่ณิชาไม่เห็นด้วยเท่าไหร่หรอก”สาวเจ้าเอ่ยตอบกลับมา
“อ้าวทำไมล่ะ พ่อณิชาทำถูกแล้วนี่ คนชั่วๆมันก็ต้องโดนจับมาลงโทษสิ”
“นั่นมันก็จริง ถ้าจับได้มันก็เป็นเรื่องดีไป แต่ถ้าจับไม่ได้ณิชาก็กลัวว่ามันจะย้อนมาเล่นงานณิชาอีก เพราะพวกมันขู่เอาไว้ว่าห้ามณิชาเอาเรื่องพวกมัน”
“พวกมันก็ขู่ไปตามเรื่องน่ะแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เดี๋ยวพวกมันก็โดนจับได้เชื่อสิ ถ้าณิชาให้ความร่วมมือน่ะ”
“ยังไงเหรอ”
“ณิชามีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่าล่ะ”
“ณิชาไม่เข้าใจ”
“คือจะบอกยังไงดีล่ะ คือว่า ตอนก่อนที่ณิชาจะโดนจับไป เอ่อ พี่ตฤณ เขาเห็นว่ามีผู้ชายสองคนมายืนทำลับๆล่อๆหน้าโรงเรียนเรา และยังตามณิชาออกไปอีก ไต๋ว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นการจ้างวานน่ะ ก่อนหน้านี้ณิชามีเรื่องอะไรกับใครหรือเปล่า ถึงจะจับคนร้ายไม่ได้ จับตัวบงการได้ก็น่าจะดีนะ”
“เออจริงสิณิชา ณิชาไปมีเรื่องอะไรกับใครหรือเปล่า เพราะดูมันสองคนเจาะจงจะจับณิชาไปคนเดียวเลยนะ”ศัลชัยที่ยืนฟังอยู่ออกความเห็นบ้าง
“ไอ้เรื่องจ้างวานมันก็ถูก เพราะสองคนนั่นมันบอกณิชาเอง ส่วนเรื่องการมีเรื่องกับใครน่ะเหรอ ก็พอมีนะ แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพี่เค้าก็ดูมีการศึกษาดีนี่ ไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้ได้”สาวน้อยตอบเมื่อนึกถึงคนที่ตัวเองให้พ่อไปจัดการให้ฐานที่กลั่นแกล้งเธอกลางตึกที่เอก็มีส่วนเป็นเจ้าของ
“ณิชาไปมีเรื่องกับใครเหรอ”เตชสิทธ์เอ่ยถามขึ้นอีก
“พี่ที่ทำงานที่ตึกพ่อณิชาน่ะ แต่คงไม่ใช่พี่เขาหรอกที่สั่งให้คนมาจับณิชา เพราะว่าเขาไม่น่าทำอะไรได้ขนาดนั้น”
“มันก็ไม่แน่นะณิชา ณิชาให้เบาะแสนี้กับพ่อณิชาไปหรือยัง”
“ยัง ณิชาบอกแล้วไง ว่าณิชาไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตอะไร แค่ตอนนี้ปลอดภัยก็ดีแล้ว ตอนแรกณิชาก็แปลกใจนะที่มันยอมปล่อยตัวณิชาง่ายๆ คล้ายๆว่าโดนสั่งจากคนที่จ้างมันมาน่ะแหละ”
“ถ้างั้นเย็นนี้ณิชาไปบอกพ่อณิชาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยนะ”
“ถึงไม่บอก ณิชาก็ว่าพ่อน่าจะสืบหาเบาะแสตรงนี้ได้แล้วล่ะ เพราะณิชาให้พ่อเป็นคนจัดการกับพี่คนนั้นเอง ตอนที่ณิชามีเรื่องกับเขา”
“จัดการยังไงเหรอ”
“ณิชาก็ไม่รู้หรอกว่าจัดการยังไง แล้วจัดการหรือยัง ช่างเถอะ ตอนนี้ณิชาไม่อยากเครียดกับเรื่องนี้แล้ว พวกเราใกล้จะสอบกันแล้วนะ อย่าลืมสิ อะไรที่น่าจะมีผลกระทบต่อการอ่านหนังสือตอนนี้ ตัดได้ณิชาก็อยากจะตัด ปล่อยให้เป็นเรื่องผู้ใหญ่เขาจัดการเองแล้วกัน”
“อืม มันก็จริงของณิชา ตอนนี้ก็ใกล้สอบแล้ว เอาเป็นว่าณิชาเอาไง แซนด์ก็เอาตามนั้นแหละ”ศัลชัยเอ่ยขึ้นอีก
“ตามใจแฟนใหญ่เลยนะมึงไอ้แซนด์”เตชสิทธิ์เอ่ยแซว ก่อนที่จะยอมปล่อยให้สองคนเดินจากไป ส่วนตัวเองก็กลับมานั่งคิดอะไรเงียบๆต่อ จนในที่สุดก็คิดถึงตอนหนึ่งออกมาได้
“มึงอยู่นี่เองเหรอไอ้ไต๋ ณิชาโดนฉุดไปโว้ย ครูสอนพิเศษมึงบอกมึงหรือยัง”ประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของเด็กหนุ่มที่เดินคู่ณิชาไป กัณตินันท์รู้เรื่องนี้แล้วก่อนเขา แล้วทำไม ฝ่ายนั้นไม่เอ่ยบอกอะไรเขาซักคำตอนที่เจอกันนะ
“ทำไมพี่ถึงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ให้ผมฟังเลยนะพี่ตฤณ”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างนึกคิด
“ปิดบังอะไรผมอยู่กันแน่นะ”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอีก เมื่อนึกถึงท่าทีซ่อนเร้นความรู้สึกต่างๆที่ฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรมีต่อตน
.
.
.
.
.
บ่ายแก่ๆ กัณตินันท์ออกไปหาคนรักเก่าในที่พักตามนัด สองคนพูดคุยกันเรื่องที่เจ้าของห้องกำลังหนักใจ จนถึงตอนหนึ่งที่เรื่องหนักใจทำท่าจะเป็นจริงๆ เมื่ออยู่ดีๆที่ทำงานที่สั่งพักงานชายหนุ่ม โทรเข้ามาแจ้งให้เจ้าตัวกลับไปทำงานได้เลยในวันรุ่งขึ้น ทั้งๆที่ยังไม่ถึงกำหนด
“ที่นั่นต้องรู้เรื่องนี้แล้วแน่ๆตฤณ พ่อของเด็กนั่นต้องเป็นคนจัดการเรื่องนี้แน่ๆ”คนโดนตามตัวเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน เมื่อจบการสนทนากับเจ้าหน้าที่บริษัทที่โทรเข้ามาแล้ว
“ใจเย็นๆนะภูมิ ใจเย็นๆ”กัณตินันท์เอ่ยให้กำลังใจ ทั้งๆที่หนักใจอยู่ไม่น้อยว่าถ้าเรื่องมันเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วเขาจะช่วยคนๆนี้ยังไง รู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ถูกต้องนักที่เลือกที่จะเข้าข้างคนทำผิดแบบนี้ แต่เขามีเหตุผลของเขาสิในสิ่งที่เลือกทำ แล้วถ้าเขาเอาเหตุผลส่วนตัวของตัวเองไปเอ่ยไปบอกกับบุคคลหลายๆฝ่ายที่กำลังรอที่จะจัดการคนทำผิดคนนี้ ผลมันจะออกมายังไงนะ
“ตฤณบอกจะช่วยภูมิ ตฤณก็จะช่วย ภูมิใจเย็นๆนะ”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น แต่ก็ใช่ว่าอาการหวาดกลัวของคนที่ทำผิดจะหายไปง่ายๆ
“ภูมิกลัวน่ะตฤณ ภูมิกลัว ตฤณอย่าทิ้งภูมิไปนะ ตฤณต้องช่วยภูมินะ”ฝ่ายนั้นเอ่ยออกมาอีกอย่างคนหน้าซีด ทำเอาชายหนุ่มไม่อาจที่จะไปไหนได้จริงๆ จนเวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงจึงนึกได้ว่าตัวเองมีภาระที่จะต้องทำอีก
..พี่ต้องมารับผมทุกวัน..ชายหนุ่มนึกถึงกฎข้อนี้ของลูกศิษย์ขึ้นมา ตายล่ะ ตัวเขาเองตกลงรับปากไปแล้วด้วยว่าจะทำแบบนั้น ตอนนี้ก็เลยเวลาเลิกเรียนไปนานแล้วด้วย จะยังรอพี่อยู่หรือเปล่านะนายไต๋
.
.
.
ใกล้มืดเต็มทน เตชสิทธิ์ข่มใจนั่งรอคนที่โทรเข้ามาแจ้งว่าอาจจะมาถึงช้าหน่อย เด็กหนุ่มพยายามเอ่ยถามอย่างใจเย็น เมื่อเห็นร่างของคนที่ตนนั่งรอวิ่งกระหืดกระหอบมายังสถานที่นัด
“ไปไหนมา”
“ปะ ไปธุระมานิดหน่อย”คนเพิ่งมาถึงเอ่ยตอบอย่างติดๆขัดๆ
“ธุระที่ไหน ทำไมถึงโทรบอกผมเอาป่านนี้”
“พี่ขอโทษ พี่ลืมน่ะ”
“ง่ายๆแค่นี้นะ”
“แล้วนายจะให้พี่ทำยังไง เรื่องมันก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดที่นายจะมาจ้องจับผิดอะไรพี่เลยนะ”
“ผมไปจับผิดอะไรพี่ล่ะ ผมแค่ถามหาเหตุผล”
“พี่ก็บอกไปแล้วไง”
“บอกแบบนี้ใครก็บอกได้”
“แล้วนายต้องการคำตอบแบบไหนล่ะ”
“รายละเอียดธุระของพี่น่ะแหละ”
“มันจะเกินไปหน่อยมั๊ย ชีวิตพี่ก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวบ้างสิ”
“แต่ไม่ใช่กับผม เราเป็นอะไรกันแล้วพี่ก็น่าจะรู้นี่”
“ไร้สาระ บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ได้ยินดียินร้ายกับเรื่องแบบนี้”
“อ๋อ จะบอกว่าผ่านมาเยอะจนไม่อยากใส่ใจงั้นใช่มั๊ย”
“อย่ามาพูดกับพี่แบบนี้นะไต๋”
“ทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ ทำตัวแบบนี้”
“แบบไหน พี่ทำตัวแบบไหน”
“ก็แบบนี้ไง รู้หรือเปล่าว่าตัวเองเปลี่ยนไปตั้งแต่คนรักเก่ากลับมาญาติดีด้วยแล้วหายไปด้วยกันน่ะ ผมว่าจะไม่รื้อฟื้นอะไรแล้วนะ แต่พี่ก็ทำตัวเองจนได้ ที่หายไปนี่ถ้าให้เดาไปกกอยู่กับไอ้นั่นมาใช่มั๊ยล่ะ”
“พี่จะไปไหนมาไหน มันก็เรื่องของพี่ บอกแล้วไง คนเราต้องมีเรื่องส่วนตัวกันบ้าง”
“เฮอะ พูดแบบนี้ สรุปว่ามันเป็นเรื่องจริงใช่มั๊ยล่ะ ผมผิดหวังในตัวพี่จริงๆพี่ตฤณ”
อาจารย์หนุ่มสะอึกไปกับคำพูดของลูกศิษย์ แต่ถ้าจะให้อธิบายถึงเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงภายในใจตอนนี้ก็ยังกล้ากลัวๆอยู่ว่าฝ่ายนั้นจะรับได้แค่ไหนกับการกระทำที่เข้าข้างคนผิดของตน
“พี่มีเหตุผลของพี่”ชายหนุ่มตั้งสติเอ่ยบอกออกไป รู้สึกสะท้านไปบ้าง เมื่อเห็นคนยืนฟังส่ายหน้าหน่อยๆ พลางยิ้มเยาะออกมาอย่างคนไม่อยากรับฟังอะไรแล้วทั้งนั้น
“แล้วถ้าพี่พร้อม พี่จะอธิบายให้ฟังนะไต๋ เชื่อพี่เถอะ ว่าพี่ไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างที่นายเข้าใจ ว่าแต่ตอนนี้กลับบ้านก่อนเถอะนะ มืดแล้ว”คำพูดแก้ต่างถูกเอ่ยออกไป ก่อนที่คนเอ่ยจะตัดสินใจเอื้อมมือไปฉุดแขนคนที่ดูเหมือนกำลังจะคิดอะไรกระเจิดกระเจิงอยู่
“พี่กลับไปทำธุระพี่กับคนรักเก่าให้เสร็จก่อนเถอะ แล้วค่อยมายุ่งกับผม”เจ้าของแขนที่ถูกฉุดพยามแกะมือคนฉุดออกจากเนื้อกายตัวเองด้วยอาการแข็งขืน
“ไม่นะไต๋ นายต้องเชื่อใจพี่สิ พี่อธิบายเรื่องทั้งหมดได้จริงๆนะถ้าพี่พร้อม”กัณตินันท์ไม่ยอมปล่อยมือที่โดนแกะ เอาเข้าจริงๆพอเห็นว่าตัวลูกศิษย์จะเริ่มตีตัวออกห่างตนซะเอง ชายหนุ่มก็กลับรู้สึกที่จะให้เป็นอย่างนั้นไปไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้าก็คิดที่จะให้ความสัมพันธ์ของตนกับลูกศิษย์ห่างๆกันดูซักพัก ใช่สินะ ถ้าจะให้ห่างกันจริงๆมันก็ต้องมาจากเหตุการณ์เมื่อคืนสิ ไม่ใช่ว่าจะต้องห่างกันเพราะความไม่เข้าใจของฝ่ายนั้นเกี่ยวกับพฤติกรรมของตนที่มีต่อคนรักเก่า โธ่ไต๋ พี่ไม่มีอะไรกับภูมิแล้วจริงๆ แต่พี่ไม่รู้จะบอกนายยังไงถึงเรื่องที่ชีวิตพี่กับเขาต้องเกี่ยวพันกันอีก
“ปล่อยผมพี่ตฤณ พี่ก็ต้องการให้เราเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”เตชสิทธิ์เอ่ยบอก เมื่อเห็นคนเป็นอาจารย์จับแขนตนแน่นอย่างไม่ยอมปล่อย
“มันก็ใช่ แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้”กัณตินันท์เอ่ยอธิบาย
“ไม่ใช่แบบนี้แล้วแบบไหน พี่เป็นอะไรของพี่ สับสนกับตัวเองเรื่องอะไรเกินไปหรือเปล่า ถ้าชีวิตมันลำบากยุ่งเหยิงจนคิดจะทำจะตัดสินใจอะไรไม่ออกนัก ก็ออกจากชีวิตผมชั่วคราวแล้วไปค้นหาตัวเองให้เจอก่อนเถอะ”
“ทุกอย่างระหว่างพี่กับภูมิตอนนี้ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่นายเข้าใจนะไต๋”กัณตินันท์หลุดปากบอกออกไปในที่สุด รู้สึกใจชื้นอยู่หน่อยๆที่เห็นคนได้ยินหยุดอาการแข็งขืนลงแล้วมองจ้องหน้าตน
“เชื่อพี่นะไต๋ แล้วพี่จะอธิบายทุกอย่างให้นายฟัง”ชายหนุ่มบอกออกไปอีกพร้อมพยายามที่จะยิ้มออกมาหน่อยๆ เพื่อแสดงความจริงใจ แต่แล้วรอยยิ้มนั่นก็ต้องจางหายไปกลายเป็นอาการหน้าซีดตกใจเข้ามาแทนที่ เมื่อมือทั้งมือโดนสะบัดทิ้งจนท่อนแขนของคนที่ตนจับอยู่เป็นอิสระ
“ผมพยายามจะเข้าใจพี่มามากพอแล้วพี่ตฤณ แต่ในเมื่อพี่ไม่ชัดเจนอยู่แบบนี้ เราก็เลิกคุยกันเถอะ แล้วเรื่องเมื่อคืนที่พี่พยายามบอกผมให้ลืม ตอนแรกผมก็ไม่อยากที่จะลืมนะ เพราะมันเป็นครั้งแรกของผม แต่มาถึงตอนนี้ ผมพร้อมที่จะลืมมันแล้วล่ะ กลับไปหาคนรักเก่าของพี่เถอะ ถ้าคิดว่ามันจะกลับมารักพี่อีกแล้วจริงๆ ลาก่อนครับ”เสียงลูกศิษย์เอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบหันหลังเดินหนีไปอย่างไม่สนใจอะไรอีก
“ไต๋ ฟังพี่ก่อนสิไต๋”คนข้างหลังเอ่ยร้องเรียกตามหลัง พลางจะขยับเท้าวิ่งตาม แต่พอเห็นฝ่ายนั้นเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านมาแล้วพาร่างสูงขึ้นหายเข้าไปในรถจึงเข่าทรุดจนต้องหาที่ยืนพิง
“พี่กลัวไต๋ พี่กลัวว่านายจะรับกับสิ่งที่พี่ทำไม่ได้มากกว่านี้พี่เลยยังไม่กล้าบอกนาย พี่จะบอกนายยังไงดีไต๋ พี่จะบอกนายยังไงดี”ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย พลางส่งสายตามองตามรถคันที่ลูกศิษย์นั่งจนวิ่งไปจนลับสายตา
.
.
.
.
.
.
อ่ะ ใกล้จบเต็มทนแล้ว รออีกนิดนึงนะ สำหรับตอนต่อไป และตอนจบ
ต่อให้ยาว ๆ แบบสะใจไปเลยและกานนะคับ