แวะมาต่อตอนบ่าย ๆ ๆ ค๊าบ.......
“ไม่ค้างกับผมจริงๆเหรอ”เตชสิทธิ์เอ่ยถามคนที่ลงรถก่อนตน ตอนที่ลงมายืนคู่กับเจ้าตัวได้แล้ว
“มันไม่ได้มีความจำเป็นขนาดนั้น”คนถูกถามเอ่ยบอก
“ไม่จำเป็นอะไร บ้านพี่น่ะไกลจากนี่ออก ขนาดนั่งแท็กซี่มาตอนนั้นยังเหนื่อยเลย”
“เออน่า ฉันกลับได้ก็แล้วกัน”
“พูดไม่เพราะอีกแล้ว ตะกี้ยังน่ารักอยู่เลย”
“เรื่องของฉัน”
“ไม่เอาน่าพี่ตฤณ อย่าตั้งป้อมกันท่าผมนักเลย ผมไม่ได้ร้ายแล้วพี่ก็น่าจะรู้สึกได้นะ”
“นั่นก็เรื่องของฉันอีกนั่นแหละ”
“เอาเข้าไป นี่จะงอนเกินไปแล้วนะเนี่ย”
“นี่ก็เรื่องของฉันเหมือนกัน”
“โหย พูดได้ประโยคเดียวหรือไง”
“ทำไม มีปัญหาอะไรหรือเปล่าล่ะ”
“ทำเก่งๆ เห็นผมยอมให้หน่อยทำเก่ง ไม่รู้ล่ะ แม่เขาถามหาพี่อยู่เมื่อเช้าว่าอยากคุยกับพี่ เข้าบ้านไปกับผมเถอะ ไปให้เขาเซอร์ไพรส์หน่อย”
“อย่ามาลูกไม้กับฉัน ถ้าคุณน้าอยากคุยกับฉันเขาก็โทรหาฉันแล้ว”
“เขาเคยว่าอะไรพี่ไว้ เขาก็อายบ้างสิที่จะกลืนน้ำลายตัวเองน่ะ พี่จะให้ผู้ใหญ่อย่างเขามาง้อเด็กอย่างพี่เหรอ คิดดู เขาจะกล้ามั๊ย”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“แล้วพี่หมายความว่าไง ไปเถอะ ผมอยากให้พี่ได้คุยกับเขา เผื่อพี่จะได้กลับมาติวรัก เอ้ย ติวหนังสือให้ผมอย่างเดิม”
“ทะลึ่ง ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาติวอะไรให้ใครทั้งนั้นแหละ”
“ทำไมอ่ะ”
“ฉันก็มีงานอื่นที่ฉันต้องทำบ้างสิ จะให้ฉันเตร่ไปวันๆหรือไงกัน”
“พี่จะทำอะไร”
“มีก็แล้วกัน นายเลิกสนใจฉันดีกว่า รีบกลับเข้าบ้านไป ฉันจะได้กลับบ้านบ้าง”
การโต้เถียงหยุดไปซักพัก เมื่อคนไม่ได้คำตอบในคำถามที่ถามออกไปเบนสายตามองต่ำลงที่ถุงจากร้านหนังสือที่ฝ่ายไม่ตอบคำถามนั่นถืออยู่ เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปคว้าแย่งมาดู เพราะคิดว่าในนั้นน่าจะเกี่ยวอะไรกับงานใหม่ของเจ้าตัว จนยกมาอ้างว่าไม่มีเวลาสอนหนังสือเขาดังเดิม
“หนังสือภาษา นี่พี่รับจ๊อบสอนภาษาเหรอ”คำถามนั่นถูกปล่อยออกไปเมื่อมองเห็นหนังสือคู่มือการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศหลายเล่ม
“ทำไงได้ คนมันต้องกินต้องใช้ เอามานี่”คนโดนถามเอ่ยรับส่งๆ ก่อนจะแย่งของๆตัวเองคืน
“ไปสอนใคร ผู้ชายหรือผู้หญิง”คนถูกแย่งของถามเสียงเข้ม
“สอนใครมันก็ไม่เกี่ยวกับนายหรอก จะรู้ไปทำไม”
“ต้องรู้สิ เพราะผมจะไม่ยอมให้พี่ไปสอนไง”
“นายจะบ้าเหรอ อยู่ๆจะมาบังคับฉันได้ไง”
“พี่ก็รู้ว่าถ้าผมบังคับพี่ พี่ไม่เคยเอาชนะผมได้เลย”
“อย่าทำตัวเป็นอันธพาลอย่างเก่านะเตชสิทธิ์”
“ผมจะไม่เป็นถ้าพี่ยกเลิกงานสอนชิ้นนั้นแล้วกลับมาสอนหนังสือผมตามเดิม”
“นายก็ให้พี่เอสของนายมาสอนนายต่อสิ”
“พี่ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร พี่ยังจะให้ผมเอาตัวเองไปใกล้พวกนั้นอีกเหรอ”
“แล้วไง ฉันก็เป็นนายนั่นเหมือนกัน”
“ไม่เหมือนหรอก ถ้าเหมือนผมจะยอมใส่เสื้อพี่ทำไม พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบแบบนั้น”
“ไร้สาระ ฉันว่าฉันกลับล่ะ เข้าบ้านไป มืดแล้ว”
“พี่ต้องเข้าไปกับผมด้วย ผมจะบอกแม่ว่าพี่จะกลับมาติวให้ผมดังเดิม ผมเชื่อว่าแม่คงพอใจ”
“นายนี่มันพูดยากจริงๆ บอกแล้วไงว่าตอนนี้ฉันไม่ว่างแล้ว”
“ไม่รู้ล่ะ ไปยกเลิกงานต่างๆของพี่ซะ ผมไม่ยอมให้พี่ไปเห็นใครสำคัญกว่าผมทั้งนั้น มากับผมเดี๋ยวนี้เลย”
กัณตินันท์ไม่มีเวลาอ้าปากโต้แย้งอะไรได้อีกเมื่อร่างทั้งร่างโดนคนเอ่ยก่อนหน้าฉุดพาเดินไปที่วินมอเตอร์ไซค์ เด็กนั่นส่งให้ตัวเขาขึ้นไปนั่งบนบาะติดคนขับก่อน แล้วเจ้าตัวค่อยขึ้นนั่งซ้อนทางด้านหลัง คล้ายๆกันไม่ให้ตัวเขาหลุดไปทางไหนได้เลย จนรถเคลื่อนตัวออกไปตามจุดหมายที่เจ้าตัวเอ่ยบอก
ที่ประตูหน้าบ้าน เตชสิทธิ์เอื้อมมือไปคว้าถุงหนังสือของคนที่กำลังยืนหน้าไม่สบอารมณ์มาถือไว้ในมือ ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูบ้าน
“นายจะเอาถุงหนังสือฉันไปไหน”คนถูกแย่งของเอ่ยถามขณะจ้องมองคนแย่งที่กำลังไขประตูบ้านอยู่
“ไม่ได้เอาไปไหนหรอก ให้พี่ถือไว้พี่ก็วิ่งหนีผมไปกันพอดี”ฝ่ายนั้นหันมาตอบตอนเปิดประตูบ้านเสร็จ เด็กหนุ่มส่งสายตาเชิญชวน แกมออกคำสั่งให้คนตั้งคำถามเดินข้ำไปก่อน
“เร็วๆ ผมจะปิดประตู”เจ้าตัวเอ่ยสำทับอีกเมื่อคนที่ยืนอยู่ยังไม่ไหวติง
กัณตินันท์เริ่มเห็นแววตาดุๆของคนออกคำสั่งจึงจำต้องยอมเดินเข้าไปในบ้านหลังที่ห่างหายไปนานพอสมควร ชายหนุ่มมองสำรวจตัวบ้านภายนอก ก่อนจะชะงักเท้าหน่อยๆเมื่อตอนที่กำลังจะเดินผ่านเข้าไปภายในตัวบ้าน แล้วเจอหญิงเจ้าของบ้านยืนมองอยู่ที่หน้าประตู
“คุณน้า สวัสดีครับ”สองมือยกขึ้นไหว้ในทันทีพร้อมคำทักทาย
แม่ของเตชสิทธิ์รับไหว้ยิ้มๆ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา พอดีกับที่ลูกชายเดินมาสมทบข้างๆกัณตินันท์พอดี
“ยังไงนี่ไต๋หึ กลับซะเย็นเชียว”นางเลือกที่จะเอ่ยทักลูกชายก่อน
“อ๋อ ไต๋ไปซื้อหนังสือมาน่ะครับ”เป็นกัณตินันท์ที่รีบออกตัวแทนคนโดนถาม ชายหนุ่มยังไม่รู้ว่าสถานการณ์สองแม่ลูกที่เคยทะเลาะกันดีขึ้นประมาณไหน จึงได้บอกออกไปอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้สองคนมีเรื่องกระทบกระทั่งอะไรกันอีก
ใบหน้าของคนเป็นแม่ลอบยิ้ม ไม่ต่างจากคนเป็นลูกชาย คนอยู่ครงกลางหันมองสองคนสลับกัน แปลกใจขึ้นมาหน่อยว่าตนพูดอะไรน่าขำออกไป
“ไต๋เขาโทรบอกน้าแล้วล่ะจ๊ะ ไม่ต้องไปปกป้องเขามากนักหรอก เดี๋ยวจะได้ใจไปเปล่าๆ”คนเป็นแม่เอ่ยบอกเป็นเชิงชี้แจงความกระจ่าง คนได้คำตอบหน้าชาวูบ ไม่น่ารีบแก้ต่างให้เด็กนี่เลยจริงๆ อายแม่มันชะมัด
“วันนี้พี่ตฤณจะค้างที่นี่นะแม่ แม่คงไม่ว่านะ”เตชสิทธิ์เอ่ยขึ้นบ้างเมื่อเห็นบรรยากาศเงียบลง คนเป็นแม่พยักหน้ารับรู้ยิ้มๆ ก่อนจะบอกให้ลูกชายเข้าไปอาบน้ำเพื่อจะได้ทานข้าวที่นางเตรียมไว้ให้
“ตฤณก็ด้วย ทานข้าวด้วยกันนะ น้ามีเรื่องที่อยากจะคุย อยากจะขอโทษเราหลายเรื่อง”นางเอ่ยออกมาอีกเมื่อลับหลังลูกชายแล้ว
“ครับ”กัณตินันท์รับคำเบาๆ ก่อนจะเดินตามหลังเจ้าของบ้านเพื่อเข้าไปในตัวบ้าน
ที่โต๊ะอาหาร คนสูงวัยนั่งอยู่หัวโต๊ะ ส่วนอีกสองคนนั่งกันอยู่คนละฝั่ง คนนั่งหัวโต๊ะ เปิดฉากการสนทนาก่อนในตอนที่ทานอาหารไปด้วยกับกับอีกสองคน เรื่องที่นางยกมาพูดก็ไม่พ้นเรื่องที่จะขอให้แขกของบ้านกลับมาช่วยดูแลลูกชายนางเช่นเดิม ในตอนเรียกคนโดนขอร้องอึกอักที่จะตอบ แต่พอมองไปยังร่างของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามที่จ้องมองตนคล้ายๆมีความหวัง จึงยอมบอกว่าขอไปจัดการเวลาของตัวเองให้ลงตัวก่อน คนจ้องตาเปิดยิ้มออกมาพร้อมๆกับคนเป็นแม่ แต่ในนาทีนั้น คนที่คล้ายๆจะยอมตกลงกลับลอบถอนหายใจ
ห้องที่กัณตินันท์จะต้องพัก เป็นห้องที่ชายหนุ่มเคยใช้เป็นห้องสอนพิเศษลูกชายเจ้าของบ้าน แน่นอนว่ามันจะต้องติดกับห้องนอนของฝ่ายนั้น สองคนจึงเดินขึ้นมาคู่กันตอนที่ตกลงว่าจะเข้านอนกันแล้ว ส่วนหญิงเจ้าของบ้านขอที่จะตรวจตราความเรียบร้อยของบ้าน แล้วค่อยจะตามขึ้นมา
“ไม่ต้องกลัวนะ บ้านผมไม่มีผีหรอก”เตชสิทธิ์เอ่ยยิ้มๆตอนที่พาแขกของบ้านมายืนอยู่หน้าห้องได้แล้ว
“ทำยังกะฉันไม่เคยเข้าออกที่นี่งั้นแหละ”กัณตินันท์เอ่ยค้าน
“แต่พ็ไม่เคยได้ค้างคืนนี่”เด็กเจ้าของบ้านเอ่ยตอบ
“แค่ฉันอยู่ไม่กี่ชั่วโมงนายยังไล่แล้วไล่อีก ฉันจะไปกล้าขอค้างได้ไง”
“พูดงี้แสดงว่าเคยอยากขอค้างคืนน่ะสิ”
“มั่วแล้ว ฉันแค่ยกตัวอย่าง”
“เฮ้อ ระวังตัวจังเลยนะ เข้านอนไปเถอะไป ผมก็จะนอนแล้ว เริ่มเพลียแล้วด้วย”
“แล้วนี่ทานยาหรือยังล่ะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“อืม งั้นก็เข้านอนซะ ห่มผ้าด้วยล่ะ เดี๋ยวไข้ขึ้นกลางดึก”
“ห่วงผมขนาดนี้ยังจะปากแข็งอีกว่าไม่ได้คิดอะไรกับผม”
“ทะลึ่ง ฉันจะไปคิดอะไรกับนายทำไมให้เสียเวลา อย่าพูดแบบนี้อีกนะ ไม่งั้น ฉันไม่มาสอนหนังสือนายนะบอกไว้ก่อน”
คนขู่ เปิดประตูห้องพักตัวเองแล้วรีบหายตัวเข้าไปข้างในปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย ก่อนจะยืนเหม่อหลังพิงประตูอยู่หลายนาที ต่างกับคนที่อยู่ข้างนอกที่ส่ายหัวยิ้มนิดๆกับพฤติกรรมหนีความจริงของคนที่เขาพยายามจะจับความรู้สึก
.
.
.
.
.
.
.
.
วันใหม่ที่ฟิตเนสหรู กฤตภาษบังเอิญเจอกับคู่ขาเก่าอย่างภูมิเข้าอย่างจังตอนที่กำลังเดินหาเครื่องเล่นกันอยู่ สองคนต่างเชิดใส่กันหน่อยๆในตอนแรก ก่อนที่จะแสร้งสร้างภาพตีสีหน้าทักทายกันอย่างปกติ
“ไม่ค่อยได้เจอกันที่นี่เลยนะครับ”ภูมิเอ่ยก่อน
“ผมไม่ค่อยมีเวลามา”กฤตภาษตอบหน้าเฉย
“ต่างจากผมนะ ยังไงก็ต้องมาฟิตหุ่นให้ได้ เดี๋ยวแฟนเด็กจะเบื่อเอา”ภูมิเกทับเมื่อหมั่นไส้กับท่าทีเชิดๆของคู่ขาเก่าที่แสดงออกมาอีก
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณหมายถึงนายไต๋นั่นน่ะ”คนเชิดเอ่ยออกมาเยาะๆ
“อ้อ ลืมไป ว่าคุณเคยเห็นที่รักของผมแล้วนี่”ภูมิยังไม่หยุดอวดตน
“หึ ผมไม่รู้จะพูดยังไงกับคุณดีนะคุณภูมิ ถ้าคุณสักแต่ว่าจะพูดจาอวดอ้างตัวเองว่าได้แฟนเด็กหน้าตาดีโดยที่คุณเองยังไม่รู้อะไรก็อย่าพูดเลยดีกว่า มันน่าสมเพช”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ผมเคยบอกแล้วไงว่านายไต๋น่ะมันน้องชายผม เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ตื้นลึกหนาบางอะไรผมรู้หมดแล้วล่ะเกี่ยวกับนายนั่นน่ะ”
“เอาให้กระจ่างซิคุณเอส ไต๋เคยบอกผมว่าอยู่กับแม่สองคน และเป็นลูกชายคนเดียวเขาจะมีพี่อย่างคุณได้ยังไง”
“เฮอะ ก็พี่น้องท้องชนกันไง เป็นไงล่ะ อึ้งไปเลยมั๊ย โธ่ ได้แค่ลูบไล้โลมเลียเด็กนั่นนิดหน่อยทำเป็นอวดอ้าง นี่ต้องผมนี่ อยู่ด้วยกันกับมันมาตั้งแต่เด็กๆ ทุกสัดทุกส่วน ทุกซอกทุกมุมของเด็กนั่นผมสัมผัสมาหมดแล้วคุณภูมิ”
“ ไม่จริง คุณอย่ามาเกทับผมหน่อยเลย อิจฉาใช่มั๊ยล่ะ ที่หาแฟนได้ก่อนคุณน่ะ”
“โอ้ย กล้าพูดนะว่าหาแฟนได้ นายไต๋เขารับรู้ด้วยหรือเปล่าเหอะว่าคุณสถาปนามันเป็นแฟนน่ะ วันก่อนผมไปบ้านมันมาเพื่อเค้นหาความจริง มันด่าคุณยังกะหมูกะหมา ก็ไม่อยากจะพูดให้ฟังหรอกนะว่ามันหาว่าคุณเป็นไอ้เกย์โรคจิต เป็นไอ้เกย์แอ็บแมนหลอกลวง เป็นไอ้เกย์สวะสังคม เป็นไอ้เกย์อันตราย”
“หยุดนะ นี่คุณหลอกด่าผมเองใช่มั๊ยเนี่ย”
“ผมจะไปหลอกด่าคุณทำไม ที่ผมพูดน่ะเรื่องจริงทั้งนั้น น้องชายผมมันไม่ใช่เกย์รู้ไว้ด้วย ของที่ตัวเองยังไม่ได้กิน อย่าเที่ยวอวดสรรพคุณให้ตัวเองได้อายจำไว้ ถ้ามีปัญญาจัดการกับเด็กนั่นแล้วถ่ายคลิปมาให้ผมดูเมื่อไหร่ ผมถึงจะอิจฉาคุณอย่างที่คุณต้องการคุณภูมิ”
กฤตภาษทิ้งคำพูดเอาไว้แค่นั้นแล้วเลี่ยงเดินหนีไปอย่างสาใจ นี่ไงล่ะการจุดเพลิงแค้นให้เกย์ขี้อวดคนหนึ่งให้ไปตามล่าจัดการกับคนเคยสนิทในวันวาน เตชสิทธิ์ ฉันนึกชอบพอนายก็จริงนะ แต่ปากนายมันร้ายนัก ฉันจะล่อให้ไอ้ภูมินี่ไปจัดการกับนายก่อน แล้วค่อยตามไปสมทบทีหลัง คนยังฟิตๆอย่างนายสึกหรอแค่นิดๆหน่อยๆฉันไม่ถือสาหรอก ดีซะอีกจะได้เป็นงานก่อนมาถึงมือฉัน ส่วนตอนนี้ฉันขอไปราวีนังกัณตินันท์ก่อนดีกว่า แอ็บแบ๊วอยู่ได้ น่ารำคาญนัก คนเป็นกย์มันต้องแรงสิ แบกเอาไว้อยู่นั่นแหละตำแหน่งเกย์กุลสตรี เจอหน้านะ แม่จะตบให้ตำแหน่งหลุดเลยเชียว หึ!
โปรดติดตามตอนต่อไป
Boy