รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ สุรชาติ & ยูกิ .....ตอน ก่อนกลับ(จบภาค)
เที่ยวประสาอะไรวะ กูหลับได้หลับดีตลอดทาง มีลงมาไหว้พระเป็นพัก ๆ และเดินขึ้นดอยจนขาลาก แต่ไอ้คนชวนเดินนี่ท่าทางมีความสุขกระปรี้กระเปร่าดีเหลือเกิน
“พี่จะรีบเดินไปไหนวะ เมื่อยขาชิบ”
บ่นพึมพำ และก็เดินตามคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า และพี่บาสก็หันมาส่งยิ้มให้
“ช้า”
ช้าอะไรล่ะพี่ พี่ลองมาเป็นผมดูมั้ยจะได้รู้ว่ามันช้าขนาดนี้เพราะอะไร
“สามดอกเน้น ๆ แบบหนักหน่วง ลองโดนแบบนี้แล้วยังเดินไหวอีกก็เกินไปป่ะวะ”
บ่นพึมพำให้อีกฝ่ายได้ยิน และพี่บาสก็ชะลอฝีเท้าให้ช้าลง และจับข้อมือของยูกิเอาไว้
มองหน้าของคนบ่นแบบยิ้ม ๆ และก็ไม่พูดอะไรต่อ
ลองพูดดิพี่ มีเคือง พี่ทำผมซะขนาดนี้ แล้วยังลากผมมาเที่ยวอีก ไม่สงสารผมเลยเนอะ
“ไม่ไหวแล้ว พี่ขึ้นไปคนเดียวเหอะ เปลี้ยว่ะ ขาไม่มีแรง”
ถอดใจแบบดื้อ ๆ และคนที่ถอดใจก็เหลียวซ้ายแลขวามองหาที่นั่งพัก
เนี่ยแหละที่เขาเรียกว่าอาการเข่าอ่อน ใครไม่เคยโดนจนเข่าอ่อนไม่มีทางรู้หรอก ว่ามันเป็นยังไง เอาง่าย ๆ คือแทบไม่อยากลุกอยากตื่น นี่ถ้าคลานขึ้นดอยได้กูทำไปนานแล้วววววววววว
“นี่จริงจังหรือล้อเล่น”
ดูหน้าผมดิพี่ โคตรจริงจังเหอะ พี่มองว่าผมเล่นได้ยังไง
“.....................”
นั่งเงียบเพราะหมดแรงจะพูด และยูกิก็ยื่นขาออก กำมือแน่นและทุบเบา ๆ ที่ต้นขาและน่อง
เบะหน้าด้วยความเจ็บ แต่ก็ต้องทน เพราะความเมื่อยมันมีมากกว่า
“เปลี่ยนแผนไปนวดกันดีกว่า นวดฝ่าเท้าด้วยดีมั้ย”
ก็ยังดีที่พี่ยังใส่ใจผมบ้าง
“พี่บาส ขี่หลังได้ป่ะ ไม่ไหวแล้ว เดินไม่ไหวจริง ๆ”
แกล้งพูดและไม่ได้คิดจะให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ
ก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ขืนใครมาเห็นผู้ชายสองคนแบกกันเดินลงเขา คงน่าดูพิลึก แต่ถ้าได้ก็ดีนะ จะว่าไป
“มาสิ”
เหอะ ผมพูดไปงั้นเองแหละพี่ อย่าใส่ใจกับคำพูดกิเลย
“เดี๋ยวพี่บาสหลังหัก ช่างแม่งเหอะ เดี๋ยวเดินไปเอง ตอนขึ้นยังขึ้นมาได้ ตอนลงก็ต้องลงได้”
แม้ไม่อยากลงเองแต่จะไปขอให้ใครช่วย ก็คงต้องลงไปเองทั้งอย่างนี้
“มาเหอะ ตัวแค่นี้ จะหนักซักเท่าไหร่กันเชียว เดินไม่ไหวพี่แบกเอง ตกลงตามนี้นะ”
ตกลงตามนี้อะไรล่ะ
ได้ อยากตกลงตามนี้มากนักก็ได้
พยักหน้ารับ และพี่บาสก็ทรุดกายลงนั่งตรงหน้า และยูกิที่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อสายตาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก็อยากจะอายอยู่หรอกนะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอาย
กูเมื่อย กูเดินไม่ไหวแล้ว ขากูสั่น ใครจะมองยังไงก็มองแม่งไปเหอะ เจอกันแค่ครั้งเดียว กูไม่มาอายอยู่หรอกวะ เก็บความหน้าบางไว้บ้านเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ขอสบายหน่อยก็แล้วกัน
เมื่ออีกฝ่ายเสนอจะช่วยเหลือ ยูกิก็ไม่คิดจะขัดศรัทธา
ขึ้นไปอยู่บนหลังของคนที่บอกว่าจะแบก แล้วพี่บาสก็ค่อย ๆ ยืนขึ้นและล็อคขาของยูกิเอาไว้
ขยับสองสามที ให้คนที่อยู่บนหลังสบายตัวที่สุด แล้วก็ก้าวขาเดินอย่างช้า ๆ มาตามทางเดิน
“หนักป่ะ”
ก็หนักอยู่หรอก
“กินอะไรเข้าไป หนักขนาดนี้ลงเดินเองเหอะ”
ไม่ล่ะ ก็พี่บาสบอกเองว่าจะให้กิ ขี่หลัง พี่บาสก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์สิ
“เดินเร็ว ๆ เลย ช้าจริงวะ”
ช้าเหรอ งั้นพาวิ่งเลยเอามั้ย
ไม่ใช่แค่คิดแต่ยังทำอย่างที่คิด และคราวนี้คนบนหลังก็เลยกอดคอของคนแบกเอาไว้แน่น และร้องออกมาเสียงหลง
“เฮ้ยยยยยยยพี่ ใจเย็น ๆ ดิ เดี๋ยวแม่งหกล้มผมหน้าคะมำก่อนพี่เลยนะเนี่ย”
ก็ดีแล้วไง
“นั่นแหละสิ่งที่พี่ต้องการให้เป็น”
ทำไมวะ อยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ อยากให้หน้าคะมำจริง ๆ หรือไง
“พี่บาสทำกิได้ลงคอจริงๆ เหรอ”
พูดจาออดอ้อนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและซบหน้าลงที่ไหล่ของคนที่ให้ขี่หลัง และพี่บาสก็หัวเราะเสียงเบาอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ทำหรอก พาเด็กมาเที่ยวทั้งที รังแกไปก็มาก ใครจะทำกิได้ลงคอล่ะ”
นั่นไงล่ะ ใช่แล้ว
“พี่บาสไง ทำกิได้ลงคอ”
ทำอะไรล่ะ พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้ก็แบกกิเอาไว้ด้วยไม่ใช่หรือไง
“มีความสุขมั้ยเนี่ย”
คำถามง่าย ๆ แต่ก็ทำให้คนฟังถึงกับอมยิ้ม และซบใบหน้าที่ไหล่ของคนแบกอีกครั้ง ไม่สนใจสายตาของผู้คนที่เดินสวนกัน อยากจะมองยังไงก็มองไปเถอะ ไม่ได้ไปทำความเสียหายให้ใครก็พอแล้ว
“อือ”
ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วยูกิก็ยิ้ม
รอยยิ้มหวาน ๆ และคนที่ให้ขี่หลังก็ยิ้มตามไปด้วยเพราะคำตอบง่ายๆ แบบนั้น
“มีความสุขโคตร ๆ เลยว่ะ”
ดีแล้วที่กิ มีความสุข
“กิมีความสุขพี่ก็ดีใจ”
เหมือนกัน ดีใจเหมือนกัน พี่บาสมีความสุขเหมือนกัน กิ ก็ดีใจเหมือนกัน
“กลับบ้านไปต้องทำตัวดี ๆ ขายของให้ได้มากกว่าเดิมสองเท่านะ จะได้คุ้มกับที่พามาเที่ยว”
โหหหหหหหหหหหหห ไรว๊า นี่พามาเที่ยวเพราะอยากให้ทำงานให้หรอกเหรอ
“เคี่ยวว่ะ”
บ่นพึมพำเสียงเบา และก็แกล้งกำมือทุบหนัก ๆ ไปที่ไหล่ของอีกฝ่าย และพี่บาสก็หัวเราะลั่นเพราะสิ่งที่ กิ ทำ
“ซ้ายอีกหน่อยล่ะใช่เลย ตรงนั้นเลยนะที่เมื่อย”
อะไรของพี่
โดนทุบแทนที่จะโกรธ ดันมาขอให้ผมทุบให้โดนตรงที่เมื่อยซะอีก
ได้สิ ถ้าอยากให้ทุบขนาดนั้น จะทุบให้น่วมเลย
ยูกิ กำมือแน่นและทุบเบา ๆ ไปที่ไหล่ของคนที่แบก ที่จริงตั้งใจอยากจะแกล้ง แต่ดูเหมือนคนที่บอกให้ทุบจะถูกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ยูกิทำ ก็เลยได้ทุบกันไปแบกกันไปตลอดทาง และคุยกันไปด้วยเรื่องไร้สาระจนถึงรถ และพี่บาสก็ย่อเข่าให้กิลงจากหลังได้
“ขอบคุณครับ”
เอ่ยปากขอบคุณไปเรียบร้อยแล้วพี่บาสก็พยักหน้ารับและส่งยิ้มให้
“หน้าแดงเลยพี่ เหนื่อยมากเลยเหรอ”
ก็นิดหน่อยครับ
ยูกิหันไปมองถนนดินสายเล็ก ๆ ที่เดินมา ไกลใช่ย่อยเหมือนกันนะนั่น พี่บาสแบกกิเดินมาไกลขนาดนี้ ก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดา
กวักมือให้คนที่ยืนหน้าแดงอยู่ก้มหน้าลงมาหา และพี่บาสก็เลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะยอมทำตาม
ก้มหน้าลงมาหา และยูกิก็ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้ที่หน้าผากของคนที่ยอมก้มลงมาหา
หยดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ที่ผุดพรายขึ้นที่ใบหน้าของคนที่แบกยูกิมาตลอดทาง ถูกเช็ดออกแล้ว และพี่บาสก็มองหน้าของกิ แบบยิ้มๆ
“ขอบคุณครับ”
เอ่ยปากขอบคุณและยูกิก็ก้มหน้าลง ยิ้มเรื่อย ๆ กับปลายนิ้วของตัวเอง
ไม่รู้นะ บางทีอะไรหลายๆ อย่างมันก็ควรต้องเป็นแบบนี้
ความห่วงหาอาทรกันด้วยเรื่องเรียบง่าย เรื่องง่าย ๆ ที่สองคนอยากทำให้กัน
“ไม่เป็นไรครับ”
ตอบกลับไปแล้วและคนที่มองหน้ากิแบบยิ้ม ๆ ก็ยกมือขึ้นแตะเบา ๆ และเขย่าหัวของยูกิให้โยกไปมา
“กิเอ้ยยยย”
อะไรล่ะพี่บาส กิเอ้ยยย อะไร
“พี่ชอบกิมั้ย”
ชอบสิ จนถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ชอบได้ยังไง
พยักหน้ารับ และก็ส่งยิ้มจางๆ ให้กับคนที่จ้องมองมาและกระพริบตาปริบ ๆ สองสามครั้งรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“แล้วกิชอบพี่มั้ย”
โดนถามกลับ และคนที่ถูกถามก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาและอมยิ้มอย่างนึกเขิน ไม่นึกว่าจะถูกถามกลับแบบนี้ ก็เลยได้แต่พยักหน้ารับไม่รู้จะตอบยังไงถึงจะดี
“อือ”
ไม่ใช่แค่พยักหน้าแต่เป็นคำตอบรับง่าย ๆ ที่ทำให้คนฟังยิ้มกว้าง
“แล้วรักมั้ย”
ขนาดนี้แล้ว ไม่รักคงไม่ไหวมั้งครับพี่
“อือ”
ตอบไปแบบยิ้ม ๆ และคนฟังก็ไม่ได้คิดอยากจะคาดคั้นเอาคำตอบไปมากกว่านี้
เปิดประตูรถด้านของตัวเอง และกระตุกแขนให้คนที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ เดินไปอีกฝั่ง เปิดประตูรถให้และยูกิก็เข้าไปนั่งที่นั่งของตัวเองเรียบร้อย
และคนที่มีหน้าที่ขับรถในวันนี้ก็ขึ้นมานั่งที่นั่งของตัวเอง จัดการคาดเข็มขัดนิรภัยให้ตัวเอง และไม่ลืมที่จะช่วยคนที่อยู่ข้างๆ คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย
ระยะประชิดที่ใบหน้าอยู่ใกล้กัน และก็เป็นยูกิที่เป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาหาและแตะปลายจมูกเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่ช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้
“นี่ เป็นไงล่ะ โดนลวนลามซ้า”
จะมาภูมิใจอะไรกับเรื่องแบบนี้ล่ะกิ ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความขำกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ และคนที่ถูกขโมยหอมแก้มก็ทำแบบที่กิทำ กดปลายจมูกหนัก ๆ ที่ข้างแก้มขาวๆ ของคนที่ลวนลามและเอาคืนได้หนักหน่วงกว่าหลายเท่า
“นี่ เป็นไงล่ะ โดนลวมลามคืนซ้า”
จะเป็นยังไงล่ะพี่ ก็ไม่เห็นเป็นไงอีกเลยพี่ ก็แค่โดนลวนลาม
“เฉย ๆ”
เหรอครับ
“เฉย ๆ เหมือนกัน”
ได้ไงล่ะ
“เฉย ๆ ไม่ได้สิ ต้องดีใจสิ”
ดีใจได้ไงล่ะ ก็กิบอกเองว่าเฉย ๆ พี่ก็เฉย ๆ บ้าง
“ดีใจครับ”
ตอบกลับเพราะตามใจคนที่อยากฟังและยูกิ ก็ยิ้มหวานจนตาหยี
“ดีใจเหมือนกันเลย”
ครับ ดีใจเหมือนกันครับ กิดีใจพี่ก็ดีใจ
“เดี๋ยวพาไปนวดตัว นวดเท้า ผ่อนคลายจะได้สบาย ๆ ดีมั้ย”
ดีครับ ดี ๆ
พยักหน้ารับอย่างถูกใจ และพี่บาสก็ออกรถและส่งแผนที่การเดินทางและคู่มือนำเที่ยวให้กิช่วยดูว่าต้องไปที่ไหน และไปเส้นทางไหนถึงจะดี
เที่ยวกันสองคน เที่ยวไปจีบกันไปตลอดทาง
ทริปนี้ยังอีกยาวไกล และคนสองคนก็ใช้ทริปการเที่ยวนี้ซะจนคุ้มค่า กลับมายังพากันมาออดอ้อนกันต่อไม่เลิก
“ตอนไป กูเห็นหน้าเครียดทั้งคู่ ตอนกลับแม่งหน้าระรื่นชิบหาย”
วิเชียรที่กำลังเมามันส์กับการหยิบแคปหมูจิ้มกับน้ำพริกหนุ่มเข้าปาก กำลังนินทาเพื่อนร่วมงานที่แม้จะพยายามเก็กหน้าให้ปกติธรรมดาขนาดไหน แต่ก็มองออกได้ไม่ยากว่าพี่สุรชาติแม่งคงจะโคตรมีความสุขจนแทบสำลัก
“กินของเขาอยู่นะนั่น”
พนักงานใหม่แผนกขนส่ง กำลังเคี้ยวแคปหมูอย่างเพลิดเพลินแต่สายตาก็มองไปที่พี่สุรชาติที่กำลังยืนคุยกับยูกิ แผนกจัดซื้อที่แค่ไปเที่ยวด้วยกันสามวัน ทำไมถึงได้ดูร่าเริงมีความสุขขนาดนั้นได้วะ
ถ้ากูไปเที่ยวกับเพื่อนร่วมงานกลับมาแล้วหน้าจะระรื่นมีความสุขแบบพี่สุรชาติแบบนี้หรือเปล่าวะ ชักสงสัย
“ถ้าคนบอกว่ายูกิ กับพี่สุรชาติเป็นแฟนกันผมก็เชื่อนะ”
แล้วนี่มึงคิดว่าเขาเป็นอะไรกันวะ เขาก็เป็นแฟนกันไง มึงซื่อหรือมึงโง่เนี่ย ดูไม่ออกเลยหรือไงวะ
“ก็เหมือนมึงกับโยธินเป็นแฟนกันไง”
สัด
พี่อย่าพูดถึงชื่อนี้อีกได้มั้ย ผมแม่งโคตรเกลียดมัน
“พี่วิเชียร อย่าพูดชื่อนี้ให้ผมได้ยินได้ป่ะ แสลงหูมาก”
เหรอ แสลงหูเหรอจ๊ะ
มึงแสลงหูมากมั้ยวะบัวลอย
“ต่อไปก็หายแสลงไปเองแหละ ท่าทางจะอีกไม่นาน”
ไม่นานอะไรล่ะพี่ ไม่นานห่าอะไร ผมไม่อยากฟังไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรของไอ้โยธินทั้งนั้นแหละ
“ผมไปขึ้นรถก่อนแล้วกันนะพี่ อู้มากินแคปหมูนานแล้ว เก็บส่วนของผมไว้ให้ผมด้วยนะพี่”
เออออออออออ ไอ้งก
“กูยกส่วนของกูให้ด้วยเลย พอใจมั้ย”
พอใจสิครับ พอใจมาก
“พี่วิเชียรนี่สุดยอดความน่ารักของผมแล้ว นี่ถ้าผมชอบผู้ชายผมจะจีบพี่คนแรกเลย”
สัด ไม่ต้องมาจีบกู ขนหัวลุกหมดไอ้ห่า
“กูรุกนะ ให้มึงรับ เอาป่ะล่ะ รับรองมีเสียว”
พี่ครับ........... ต่อปากต่อคำกับพี่ ถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายกับชีวิตผมมาก
“ว่าไงล่ะน้องบัวลอยยยยยยยยยย”
ไม่ไหวแระงานนี้
“ใจเย็นพี่ใจเย็น ผมไปก่อนนะพี่วิเชียร”
ชิ่งหนีมาได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างสนุกสนานของพี่วิเชียรที่ดังไล่ตามหลัง
หลอนมาก พี่วิเชียรเล่นกูแล้วไงล่ะ
โลกนี้ไม่มีใครอันตรายเท่าพี่วิเชียรอีกแล้ว โยธินก็โยธินเหอะ ระหว่างโยธินกับพี่วิเชียร
กูชักไม่แน่ใจแล้ว ว่าใครแม่งโคตรไม่น่าเข้าใกล้มากกว่ากัน
END.