……………………..9………………….
“พี่เมฆ!!!” เสียงหวานดังขึ้นที่หน้าห้องทำให้ตัวผมหลุดชะงัก ก่อนที่จะค่อยๆหันไปมองข้างหลัง
“สา” ผมพูดคล้ายละเมอ เมื่อหันกลับไปเห็นน้องสายืนอยู่ที่หน้าประตู ด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง น้ำตามากมายไหลออกจาดวงตาคู่นั้นยิ่งทำให้ผมโกรธตัวเอง
“สา พี่”
“อะไรกันอ่ะ ที่รัก ใครมาขัดจังหวะเหรอครับ” คนที่ยังนัวเนียผมอยู่เอ่ยขึ้นก่อนจะลุกขึ้นแล้วสวมกอดผมไว้หลวมๆ
“อ้าว น้องสาเองเหรอครับเนี่ยพี่นึกว่าใคร” เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ทั้งที่ตอนนี้ผมกับน้องสากำลังทำอะไรไม่ถูก นี่แปลว่าเรื่องทุกอย่างเขาวางแผนมาแล้วใช่ไหม
“พะ พวกพี่สองคน ” น้องสาพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“เอาง่ายๆนะครับ คือว่าพี่กับน้องเมฆเนี่ย ได้กัน ไม่ใช่สิ คบกันมานานแล้วล่ะครับ น่าจะสัก 5 ปีได้แล้วมั้งก่อนที่พี่จะไปเมืองนอกซะอีก พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า น้องเมฆเขาคิอะไรอยู่ถึงคบน้องสาอีกคน แต่พี่ก็เข้าใจนะ น้องเมฆคงจะเหงาน่ะ น้องสาก็อย่าไปว่าน้องเมฆเลยนะครับ พี่ผิดเองที่ปล่อยให้ “เมีย” อยู่เมืองไทยคนเดียว”
“พี่เมฆ พี่เมฆจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอคะ อธิบายอะไรมาก็ได้ สาพร้อมจะฟัง………. พี่เมฆ” น้องสาคาดคั้น พลางมองผมผ่านม่านน้ำตา
“สา พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ ขอโทษ” ผมบอกเธอด้วยน้ำตา ผมไม่มีคำอธิบาย เพราะผมรู้ รู้อยู่แก่ใจว่า ความจริงมันคืออะไร
“พี่เมฆ ทำไมทำกับสาแบบนี้ สารักพี่มากนะ ทำไมทำกับสาแบบนี้ ฮื่อๆๆ” เธอบอกก่อนจะทรุดลงร้องไห้อย่างหนัก
“พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ ขอโทษ” แม้จะต้องการไปปลอบใจน้องสามากแค่ไหนแต่ผมก็ไปไม่ได้เพราะ สัมผัสที่กำลังรัดแน่นอยู่เป็นการบังคับกลายๆว่าไม่ให้ผมไป
“สา อย่าร้องไห้ อย่าเสียน้ำตาเพราะคนเลวๆอย่างพี่อีกเลยนะครับ พี่เลวเกินกว่าที่จะได้รับความรักจากคนดีๆอย่างสา ไปจากคนเลวๆอย่างพี่เถอะนะ” ผมบอกก่อนจะก้มลงผมไม่อยากเห็น ไม่อยากเห็นว่าน้องสากำลังเจ็บปวด
“พี่เมฆทำแบบนี้กับสาได้ยังไง”
“พี่ขอโทษ” ผมไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนได้อีกนอกจากคำว่า ขอโทษ ผมทำให้คนดีๆคนนึงต้องร้องไห้ ทำไมผมถึงเลวแบบนี้นะ ผมผิด ผิดที่ดึงน้องสาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทั้งหมดถ้าวันนั้นผมไม่ตัดสินใจคบกับน้องสาเรื่องราวทุกอย่างมันก็คงจะไม่เกิดขึ้น
“พี่เมฆ รู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร” เธอถามผมทั้งน้ำตา
“สา พี่…”
“พี่เมฆจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สาไม่โกรธหรอก แต่ว่าเค้กมันเละหมดแล้ว คงไม่มีเค้กฉลองครบรอบ 4 ปีที่เราคบกันแล้วล่ะ ตั้งแต่นี้ต่อไปมันคงไม่มีแล้วสินะคะ”
“สา” ผมเอ่ย ผมกำลังเจ็บ เจ็บที่ต้องทนเห็นน้ำตาของคนที่รักผม เจ็บที่ตลอด 4ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยใส่ใจอะไรสักอย่าง ที่ผ่านมาผมทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง ทั้งๆที่ น้องสาดีกับผมมากขนาดนี้แต่ผมก็ทำเธอร้องไห้และเสียใจจนได้
“มันไม่ใช่ความผิดของพี่เมฆหรอกค่ะ สาผิดเอง ผิดที่เข้าแทรกกลางระหว่างพี่กับพี่ใหญ่ สารู้ว่าที่ผ่านมาพี่เมฆไม่เคยรักสาเลย แต่สาขอบคุณ ขอบคุณที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่เมฆยอมคบกับสา ยอมเป็นแฟนกับสา ขอบคุณมากนะคะ สาขอให้พี่สองคนโชค
ดี ” เธอบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินกลับออกไปทั้งน้ำตา ผมมองกล่องเค้กที่ตกอยู่หน้าห้องอย่างเจ็บปวด ทำไมผมถึงเลวขนาดนี้นะ
“ไม่เอาน่า ที่รัก ตัวขัดจังหวะก็ไปแล้วเรามาต่อกันดีกว่านะครับ ”
“มันเป็นแผนของคุณใช่ไหมคุณชลธร” ผมถามเสียงเย็น
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมครับ” เขาตอบด้วยเสียงปกติ
“ทำไมคุณต้องทำแบบนี้”
“พี่บอกเมฆแล้วไงครับ ว่าพี่ไม่ต้องการเห็นเมฆมีความสุข อะไรก็ตามที่ทำให้เมฆมีความสุขพี่จะทำลายมันเอง”
“แต่น้องสาเป็นคนนอก เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วย!!” ผมเเหวลั่น
“คนนอก? ใครบอกล่ะครับ น้องสาน่ะเกี่ยวเต็มๆเลยล่ะเพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้น้องเมฆยิ้มได้ ทำให้น้องเมฆมีความสุข เพราะฉะนั้นเธอคือคนที่ไม่น่าจะปล่อยไว้มากที่สุด อ้อ อย่าคิดว่าจะกลับไปติดต่อกันได้อีก นี่แค่การเตือน น้องเมฆน่าจะรู้นะว่าพี่เป็นคนพูดจริงทำจริงอย่าให้พี่โมโหดีกว่านะครับ”
“ถ้าผมตายไป คุณคงจะมีความสุขสินะ” ผมถามเสียงแผ่ว
“ไม่หรอกครับ เพราะความตายมันง่ายเกินไป อย่างน้องเมฆมันต้องตายทั้งเป็นเท่านั้น ถึงจะสาสม อย่าคิดว่าจะชิงฆ่าตัวตายเพราะพี่ไม่มีวันปล่อยให้เมฆตาย หรือถ้าจะตายจริงๆมันก็ต้องจากมือพี่เท่านั้น” เขาบอกเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน
ผมทรุดตัวลงบนโซฟาด้วยหัวใจที่อ่อนล้าทำไมเรื่องทุกอย่างมันเข้ามาเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัว ตั้งแต่เขากลับมา ดูเหมือนว่า “ความสุข” จะถอยห่างออกไปจากผมทุกที
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อขับรถเข้ามาจอดในบ้าน “สิริพิทักษ์” สถานที่ที่ครั้งหนึ่งผมเดินเข้าเดินออกยิ่งกว่าบ้านตัวเองแต่วันนี้ผมกลับไม่อยากแม้จะย่างเข้ามาในเขตบ้าน เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าที่นี่มีใครบางคนกำลังรอผมอยู่ ตั้งแต่วันนั้นผมก็เลิกกับน้องสาอย่างเด็ดขาดมาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว และเป็นสองอาทิตย์ที่ชีวิตผมยังต้องทนเป็น เครื่องระบายอารมณ์ของใครบางคนเหมือนเดิม ได้โปรดอย่าถามว่าทำไมผมไม่ลุกขึ้นสู้ ผมพยายามแล้ว พยามที่จะดิ้นรนทุกอย่างแล้วแต่การ ต่อกรกับคนที่ชื่อ ชลธร สิริพิทักษ์ ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาคนนี้มักจะเดินนำผมไปก้าวนึงเสมอไม่ว่าผมจะทำอะไรดูเหมือนเขาจะรู้ไปทุกอย่าง แต่ถ้าจะโทษ มันก็ต้องโทษที่ผมอ่อนแอเอง โทษที่หัวใจของผมที่มันไม่เคยรักดีเลยสักครั้ง
“คุณเมฆ มาแล้วเหรอคะ” นมพิศเอ่ยเรียก
“ครับ นมแล้วนี่คุณป้าเป็นยังไงบ้างครับ ผมขอโทษนะครับช่วงนี้ยุ่งๆ เลยไม่ได้เข้ามาเยี่ยมท่านเลย”
“ก็สามวันดีสี่วันไข้ค่ะคุณ คุณหญิงท่านตรอมใจที่คุณเล็กหนีไป ข้าวปลาก็แทบไม่ยอมทานนมกับคุณใหญ่ต้องบังคับแล้วบังคับอีกถึงจะยอมทาน ” นมพิศบอกอย่างอ่อนใจ
ผมเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะเดินขึ้นห้องของป้าทิพย์อย่างคุ้นเคย
ก๊อกๆๆๆ
“นมพิศเหรอ ฉันไม่กินเอาออกไปให้หมด” เสียงอ่อนแรงเอ่ยบอก
“ไม่ใช่ครับคุณป้า ผมเองครับ”
“เมฆเหรอลูก” คุณป้าเอ่ยอย่างยินดีพลางทำท่าจะลุกจากที่นอน
“อย่าเพิ่งลุกครับคุณป้า” ผมรีบห้ามก่อนจะเข้าไปประคองคุณป้าให้ลุกขึ้นก่อนจะใช้หมอนรองหลังไว้
“เมฆ เมฆเจอตาเล็กหรือยังลูก” ผมมองคุณป้าอย่างไม่เชื่อสายตา คุณหญิงทิพย์ที่เจ้ายศเจ้าอย่างต้องดูดีเสมอคนนั้นหายไปเหลือเพียงแค่หญิงวัยกลางคนที่แววตามีแต่ความกังวลและความทุกข์
“ยังเลยครับ แต่ผมสัญญานะครับว่าจะตามหามันให้เจอเร็วที่สุด” ผมบอกเสียงเข้ม
“ตาเล็กคงจะโกรธป้ามากสินะ ป้าผิดเอง ผิดเองที่ไม่เคยใส่ใจเล็กเลย”
“ไม่ใช่หรอกครับไอ้เล็กมันรักคุณป้ามากนะครับ มันคงแค่น้อยใจ อีกหน่อยมันคิดได้มันก็คงกลับมาเองสิครับ”
“ป้ากลัว กลัวว่าเล็กจะไม่ให้อภัยป้า ป้ากลัว กลัวว่าเล็กจะเกลียดป้า” ท่านบอกผมด้วยน้ำตานองหน้า ผมได้ถอนใจก่อนจะกุมมือป้าทิพย์เพื่อให้กำลังใจ
“ผมเชื่อนะครับว่าไอ้เล็กมันไม่มีทางเกลียดคุณป้าเด็ดขาด มันรักคุณป้ามากนะครับ ผมเชื่อว่ามันต้องกลับมา”
ก๊อกๆๆ
“แม่ครับได้เวลาทานกลางวันแล้วครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่คุณชายใหญ่ของบ้านจะเดินเข้ามา
“อ้าว ตาใหญ่ มานี่สิลูก” ป้าทิพย์กวักมือเรียกลูกชาย
“แม่ลงไปทานกลางวันก่อนนะครับ นมพิศทำของที่แม่ชอบทั้งนั้นเลย” เขาบอก
“หือ ไปจ๊ะไป” ป้าทิพย์ตอบรับก่อนที่พี่ใหญ่จะพยุงให้ลงไปชั้นล่าง
“เมฆอยู่ทานข้าวกับป้าก่อนนะ”
“ครับ” ผมตอบรับอย่างจำใจ ถึงใจจริงจะไม่ได้อยากกินข้าวร่วมโต๊ะกับใครบางคนก็ตาม
“วันหลังเมฆมาทานข้าวที่บ้านป้าอีกดีไหม คนแก่อยู่กันสองคน ไม่ค่อยจะมีเพื่อนหรอก ตาใหญ่เขาก็ไปทำงาน เมื่อก่อนยังมีตาเล็กทานด้วยบ้างถึงจะทานไปทะเลาะกันไปก็เถอะ แต่ตอนนี้….”
“แม่ครับ ไม่เอาน่าอย่ากังวลนะครับ ผมสัญญา ว่าผมจะตามน้องกลับมาให้ได้ ผมเคยทำให้แม่ผิดหวังเหรอครับ” เสียงทุ้มยืนยัน ก่อนที่จะเรียกรอยยิ้มจากป้าทิพย์ได้ไม่อยาก
“แม่เชื่อใหญ่นะลูก”
“อือ ใหญ่วันที่ไปงานเปิดตัวเพชรเป็นไงบ้างลูก” ป้าทิพย์เอ่ยถามลูกชาย
“ก็ดีครับ”
“แล้วเมฆได้ไปงานนี้ไหมลูก” ป้าทิพย์เอ่ยถามผม
“ไปครับ ผมไปเป็นตัวแทนคุณพ่อน่ะครับ”
“งานนี้ลูกหลานไฮโซ เดินกันให้ว่อนเมฆสนใจใครบ้างไหม ป้าจะได้พูดให้” ป้าทิพย์บอก
“ผมยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกครับ” ผมเงยหน้าขึ้นตอบก่อนจะสบเข้ากับแววตาที่แผงความหมายบางอย่างจากคนที่นั่งตรงข้าม
“บอกตามตรง จริงๆป้าก็เสียดายนะที่เมฆเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงจะขอมาเป็นสะใภ้เลย เด็กอะไรน่ารัก ชอบมาทำให้คนแก่ยิ้ม จริงไหมนมพิศ ”
“จริงเจ้าค่ะ นี่ถ้าคุณเมฆกับคุณเล็กไม่ได้เป็นผู้ชายทั้งคู่ “สิริพิทักษ์” กับ “นภาลัยเจริญ” คงได้ดองกันแล้วนะคะคุณหญิง” นมพิศเสริม ทำเอาผมถึงกับทำหน้าไม่ถูก
“เมฆอย่าถือสาคนแก่เลยนะลูก ป้ากับนมพิศก็พูดเล่นไปอย่างนั้นแหล่ะ” ป้าทิพย์บอก
“เอ่อ….” ผมอึกอักเพราะตอนนี้ก็ยังทำหน้าไม่ถูก
“ดูสินมพิศ เราสองคนแซวซะจนตาเมฆทำหน้าไม่ถูกเลย ” ป้าทิพย์กับนมพิศยกยิ้มขำ
บรรยากาศระหว่างทานอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นป้าทิพย์ดูยิ้มได้มากขึ้นแล้วก็คุยกับผมเยอะขึ้น ต่างจากอีกคนที่นั่งเงียบๆและไม่ยอมพูดอะไรเลย แต่ผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น ชลธร สิริพิทักษ์มักจะนิ่งเงียบและสุภาพเสมอนี่ผมควรจะดีใจหรือเปล่าที่เขาเผยอีกด้านให้ผมเห็น
“วันหลังเมฆมากินข้าวกับป้าอีกนะลูก เห็นเมฆแล้วป้าก็หายคิดถึงตาเล็กไปได้บ้าง” ป้าทิพย์บอก
“เอาไว้ถ้าผมว่างผมจะมาหาคุณป้า บ่อยๆนะครับ วันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ” ผมบอกลาก่อนจะยกมือไหว้คนสูงวัยกว่า
“จ๊ะ เดี๋ยวใหญ่เดินไปส่งน้องหน่อยนะลูก”
“ไม่เป็นไรครับคุณป้า ผมไม่รบกวนพี่ใหญ่ดีกว่า” ผมเลี่ยง
“ไม่รบกวนหรอกครับน้องเมฆพี่เต็มใจ” คนที่นั่งเงียบมานานเอ่ยบอกก่อนจะลุกขึ้นเพื่อบังคับกลายๆให้ผมลุกตาม
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณป้า” ผมบอกก่อนจะเดินออกไปที่รถ
“เดี๋ยวสิครับน้องเมฆ” เขาเรียกก่อนจะยืนขวางประตูรถผมไว้
“มีอะไรครับ”
“จะกลับแล้วไม่คิดจะลากันหน่อยเหรอครับ”
“อ้อ งั้นผมกลับล่ะนะครับ คุณชลธร พอใจหรือยังครับถ้าพอใจแล้วกรุณาหลีกด้วย” ผมบอก
“ยังหรอกครับ แหม ลาทั้งทีมันควรจะมีอะไรพิเศษหน่อยสิครับ ที่รัก”
“จะเอายังไงก็ว่ามา ผมไม่ได้มีเวลามาไร้สาระกับคุณทั้งวันนะคุณชลธร” ผมบอกเสียงเย็น
อุ๊บ อื๊อออออออออออ ผมเบิกตาโพลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ในรั้วบ้านตัวเอง
“คุณจะบ้าหรือไงห่ะ” ผมเหวลั่น
“ทำไมครับ เราก็จูบกันออกบ่อย จะอายอะไร”
“คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ นี่มันในบ้านคุณนะ คุณไม่กลัวมีใครมาเห็นหรือไง”
“เห็นแล้วไงครับ ดีซะอีกคนอื่นเขาจะได้รู้ว่าที่จริงแล้วน้องเมฆ เป็นเมียพี่ไม่ใช่เมียเจ้าเล็กอย่างที่เขาพูดกัน” เขาบอกเสียงเย็น
“ไม่มีใครเขาคิดอะไรสกปรกแบบที่คุณคิดหรอกนะ ”
“หึ จะบอกว่าตัวเองดี สูงส่งงั้นเหรอครับน้องเมฆ ความจริงเราก็รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นยังไง อย่ามาทำตัวสูงส่งถ้าจิตใจเมฆไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วคืนนี้พี่ไม่ไปหานะครับ อย่าออกจากห้องเด็ดขาดจะเข้าใจไหมครับ” เขาสั่งเสียงเย็นก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
............................TBC.........................
ลั๊ลลาๆๆๆๆๆ มาม่าๆๆๆๆ