บทที่ 12
ให้เราใกล้กัน
หลังจากที่เขมทิวาตกลงใจย้ายมาอยู่กับมารดา มันทำให้เขาได้รู้ว่าคอนโดที่แม่เขาซื้ออยู่นั้น คือคอนโดเดียวกับรณกฤตเพียงแค่อยู่คนละชั้น มันยิ่งทำให้เขาใกล้ชิดกับคนในใจมากขึ้น... แม้ว่าก่อนหน้าเขาจะมาค้างที่นี่บ่อย ๆ อยู่แล้วก็เถอะ
ใกล้เข้ามาอีกนิด ชิดเข้ามาอีกหน่อย เป็นพรหมลิขิตน้อย ๆ คอยเวลามาบรรจบกัน
ห้องของราตรีเป็นห้องสูทสองห้องนอน ที่มีครัวเล็ก ๆ อยู่ในตัว ขนาดห้องไม่ได้กว้างเท่ากับห้องของต่าย แต่ก็ดูดีกว่าห้องพักรูหนูที่เขมอยู่ไม่รู้กี่เท่า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ แอบหาร่องรอยของผู้พักอาศัยคนอื่น ๆ แต่ก็ไม่พบอะไร
“แม่ยังโสดนะคะ คุณเขม”ราตรีหรี่ตามองลูกชายที่ทำเป็นสำรวจเนียน ๆ แต่ไม่เนียน มุมปากเรียวยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่ไม่รู้ว่าคุณเขมของแม่จะโสดอยู่ไหมนะ”
“ผมยังไม่ได้มีใครสักหน่อยครับ”แต่ยกเว้นคนที่อยู่ในใจชั้นบน ๆ ไว้คนนึงละกัน
“จริงเร้อออ”คนเป็นแม่เอ่ยล้อเลียนลูกชายราวกับว่ารู้อะไรมาก่อนแล้ว “ไม่มีใครจริง ๆ เหรอจ๊ะ เขมทิวา”
“ก็ไม่มีน่ะสิครับ”เขมทำปากยื่น ก่อนจะตัดบทสนทนาด้วยการลากกระเป๋าเดินไปหาห้องนอนของตัวเอง “ห้องนี้ใช่ไหมครัย”
นิ้วเรียวที่เห็นข้อชัดเจนชี้ไปที่ประตูห้องที่ไม่มีป้ายอะไรแขวนอยู่ และเมื่อเขาได้รับการยืนยันด้วยการพยักหน้ารับจากคุณแม่แล้ว เขาถึงเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องนอนขนาดกำลังพอดีสำหรับคนหนึ่งคนมีเตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะหนังสือจัดวางอยู่ชิดกำแพงห้อง ฝาผนังมีแอร์และพัดลมติดผนังอย่างละตัว ทุกอย่างดูเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่สำหรับผู้ที่มาเป็นเจ้าของห้องนั้น พอใจกับความน้อยชิ้นของสิ่งของต่าง ๆ สุด ๆ
“ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกนะเขม เดี๋ยวแม่พาไปซื้อ”ราตรีก้าวมาโอบบ่าลูกชายที่สูงนำเธอไปแล้ว “แม่ไม่แน่ใจว่าลูกขาดอะไรบ้าง เลยซื้อไว้แต่ที่จำเป็น ๆ”
“เท่านี้ก็พอแล้วครับ เหลือที่ให้ตะวันได้วิ่งเล่นกว้าง ๆ พอดีเลย”เขมยิ้มหวานเมื่อนึกถึงลูกสุนัขที่มีพี่เลี้ยงเป็นกระต่ายของตน จะได้พาน้องกลับมานอนด้วยกันง่าย ๆ ไม่ต้องลำบากพี่ต่ายแล้ว
“งั้นแม่ไปทำงานก่อนนะ มืด ๆ เจอกันครับ”ราตีเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มนิ่มของลูกชายเบา ๆ ก่อนที่เธอจะผละออกไปทำงานที่ร้าน “ให้แม่ซื้ออะไรเข้ามากินเลยไหม”
“เดี๋ยวผมทำให้ครับ”เขมโบกมือบ๊ายบายมารดาที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป
ตอนนี้ก็เหลือแค่เขาที่อยู่คนเดียว... แต่วันนี้เขมเองก็ไม่ได้ว่างทั้งวันหรอก ช่วงบ่ายต้องไปซ้อมควงคทาเตรียมเดินขบวนแล้ว หลังจากขอเลื่อนมาหลายวัน
เขมยืดตัวบิดขี้เกียจไปทีนึงก่อนที่จะลงมือจัดของเข้าตู้ให้เรียบร้อย เขาขนของจากหอพักย้ายมาจนหมดเพื่อคืนห้องให้กับทางเจ้าของ มันเซ็งหน่อย ๆ ที่โดนยึดค่ามัดจำไป แต่ครั้นจะหาคนมาเข่าต่อก็ไม่รู้ว่าจะหาได้ไหมในตอนเปิดภาคเรียนมาพักนึงแล้วแบบนี้ ยิ่งเป็นหอเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ใกล้มหา’ลัยมากมาย ห้องก็พัดลมที่ไม่ค่อยเย็นแต่ยังดีที่พอจะโปร่งแบบนี้แล้ว...
ปลง ๆ กับเงินสองพันนั้นไปเถอะ
จัดของไปได้พักนึง สารถีคนดีคนเดิมเพิ่มเติมคือมาอยู่คอนโดเดียวกันแล้วก็มารับถึงหน้าห้อง พร้อมกับเจ้าขนปุยแสนรักอีกสองตัว
“ยังจัดไม่เสร็จเหรอ”ต่ายที่มีคีย์การ์ดสำรองของห้องแม่เขมได้ยังไงก็ยังเป็นปริศนาเดินเข้ามานั่งยอง ๆ ข้างตัวเด็กหนุ่ม “ยังเหลือเวลา พี่ช่วย”
“เดี๋ยวผมกลับมาจัดต่อที่หลังก็ได้ครับ”เขมก็ยังคงเป็นเขม เขายังคงเป็นคนขี้เกรงใจไม่เปลี่ยน ไมอยากให้อีกฝ่ายเสียเวลารอเขาทำธุระเล็ก ๆ ของตัวเองที่จะทำเมื่อไหร่ก็ได้
“ไม่เป็นไรหรอก เวลามีอีกตั้งเยอะ”ต่ายหยิบเสื้อนอนตัวย้วย ๆ ของเขมขึ้นมาพับ มุมชนมุม ขอบชนขอบไม่มีเหลื่อมกันสักมิล
เห็นเฉย ๆ แต่รณกฤตก็แฝงความเป็นเฟอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ในตัวอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้คลั่งขนาดที่ทุกอย่างจะต้องสมบูรณ์แบบเป๊ะ ๆ พวกไข่แดงบนไข่ดาวยังไม่จำเป็นต้องอยู่กลางใบ เช่นเดียวกับขนคุณมณีที่ไม่จำเป็นต้องเท่ากันทุกเส้น
“หืม...”ดวงตาคมหรี่มองของในมือ แล้วหันไปมองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาพับกางเกงอยู่ “อืม...”
“มีอะไรเหรอค—-“เขมหันมาตามเสียงก่อนจะเห็นชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่เล็กที่สุดอยู่มือของใครอีกคน “อะ อันนั้นผมเก็บเองดีกว่าครับ”
“ไม่เป็นไร พี่ทำให้”รอยยิ้มยั่วเย้าที่มุมปากหยักพาหัวใจกระตุกรัว สายตาพราวระยับที่จับจ้องมาที่ใบหน้าของรุ่นน้องที่กำลังแดงเรื่อนั้นฉายแววล้อเลียน “ซื้อเสื้อเบอร์ใหญ่ไปหน่อยนะครับ น้องเขม”
“เปล่าสักหน่อย”ถึงความจริงมันจะใช่ก็เถอะ แต่จะยอมรับตรง ๆ มันก็ยังไงอยู่... เขาซื้อเสื้อใหญ่กว่าตัวเบอร์นึงเผื่ออ้วนขึ้น แล้วก็ให้ดูตัวใหญ่หน่อย ๆ ไม่แห้งไปนัก แต่ก็ดันไม่เคยตัวพองขึ้นมากว่าเดิมเลย
แต่อันเดอร์แวร์มันซื้อไซส์ใหญ่ ๆ มาใส่ไม่ได้นี่! แล้วมันก็ไม่จำเป็นด้วย!!
รณกฤตหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะนั่งพับเสื้อผ้าที่ไม่ได้มีเยอะสักเท่าไหร่ต่อ ไม่แซวอะไรให้น้องเขินอีก ส่วนเขมก็ลุกไปจัดการเอาชุดนักศึกษาไปแขวนตู้แทน
สองคนสี่มือช่วยกันไม่นาน เสื้อผ้าที่ขนมาก็ถูกนำใส่ที่ ๆ มันควรอยู่จนหมด เหลือของจิปาถะพวกหนังสือที่ยังวางเรียงเอาไว้ในลังอย่างสวยงาม แต่ไม่มีเวลาพอจะลงมือจัดแล้ว
ใกล้สายแล้ว...
จากคอนโดมามหา’ลัยใช้เวลาไม่นานนักถ้ารถไม่ติดหนึบอย่างวันศุกร์แห่งชาติ
เมื่อเขมทิวาและรณกฤตมาถึงสถานที่ตามเวลานัด ทั้งคู่ก็ต้องหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะก้มลงมองเวลา
โรงยิมว่างเปล่า... พวกเขามาผิดเวลา ผิดวัน หรือผิดที่?
“อ้าว มาแล้วเหรอ”พรีมที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเห็นชายหนุ่มสองคนที่เธออุตส่าห์ไปทาบทามมายืนงง ๆ อยู่กลางสนามก็พลันรู้สึกปลื้มปลิ่มหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
นี่สิ! หน้าตาของมหา’ลัย!!!
“คนอื่น ๆ กำลังทยอยมาน่ะ”พรีมส่งยิ้มแห้งให้กับคนที่มาตรงเวลา ไม่ใช่พวกช่างยืดอย่างใครหลาย ๆ คน “ต่ายควงไม้เป็นอยู่แล้ว ละน้องเขมเคยเป็นดรัมฯ มาก่อนไหมคะ”
“เคยแต่ถือป้ายโรงเรียนครับ”คนที่มักจะถูกส่งไปยืนหน้าสุดของขบวนแย้มยิ้มแหย ๆ “เคยเอาคทาเพื่อนมาถือเล่น แต่ไม่เคยลองควงหรอกครับ”
“จ้า ไม่เป็นไรหรอก น้องเขมบุคลิกดีอยู่แล้ว ซ้อมควงให้คล่อง ๆ รับรอง ดูดี!”สาวเจ้าไม่ว่าเปล่า ชูมือกดไลค์ให้เป็นขวัญกำลังใจด้วย “ต่ายจะสอนน้องเอง หรือจะให้พี่เรียกคนอื่นมาสอน”
“ผมสอนน้องเองสะดวกกว่าครับ”ต่ายระบายยิ้มอ่อนมองคนที่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้าง ๆ “เอาไว้ท่ายาก ๆ ค่อยมาฝึกพร้อมกันเนอะ”
“ครับ”เขมทิวารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถ้าฝึกกับพี่ต่ายเขาสามารถไปฝึกนอกรอบได้โดยไม่ต้องคอยรบกวนคนโน้นที คนนี้ที ถึงจะรู้สึกเกรงใจที่พี่เขาต้องแบ่งเวลามาให้ แต่ความสบายใจมันก็มีมากกว่า...
ยังไงก็ต้องซ้อมเหมือนกันอยู่แล้วนี่เนอะ
“ไม้อยู่ห้องเก็บอุปกรณ์ใช่ไหมครับ”เจ้าชายเศรษฐ์ศาสตร์เบือนหน้ามาถามสามัญชนที่ยืนทำตาปริบ ๆ เป็นส่วนเกินอยู่
“จ๊ะ...”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มทั้งคู่ก็จูงมือกันเดินไปห้องเก็บอุปกรณ์แล้ว
มองแล้วยังไงก็ให้ความรู้สึกว่าโลกนี้มีกันสองคน... ส่วนเกินอย่างเธอนั้นควรไปนั่งเงียบ ๆ เก็บรูปไปอวดคนอื่นสินะ
ต่ายจูงเขมมาจนถึงห้องเก็บอุปกรณ์ เขามองประตูห้องที่ปิดสนิทนั้นนิ่งก่อนจะดันให้รุ่นน้องขยับถอยหลังไปโดยไม่บอกอะไรมากไปกว่านั้น แต่คำตอบก็ถูกเฉลยเมื่อเปิดประตูเข้าไป ฝุ่นที่ฟุ้งกระจายออกมาบังสภาพภายในเหมือนกับหมอกบาง ๆ ยามเช้าและเมื่อฝุ่นจางลงก็เห็นความรกที่สมควรได้รับการทำความสะอาดและจัดเรียงอุปกรณ์ใหม่อย่างเร่งด่วน
“มีเครื่องดูดฝุ่นไหมครับ...”เขมไม่ใช่คนที่รักสะอาดถึงขั้นต้องทำความสะอาดทุกวันไม่ให้มีฝุ่นสักเม็ด จะมีบ้างตามความขี้เกียจก็ได้ แต่ฝุ่นฟุ้งขนาดนี้นี่ก็ไม่ไหวนะ
“ไม่มีหรอก แต่เดี๋ยวก็คงจะมีคนมาทำความสะอาดแล้วมั้ง”ต่ายปัดฝุ่นที่โดนตัวออกเบา ๆ เขาพยายามหลบแล้วแต่ก็ไม่ทันทั้งหมดเลยเปื้อนตัวหน่อย ๆ “ห้องนี้ไม่ค่อยได้เปิดใช้กันเท่าไหร่เลยไม่ค่อยมีคนสนใจน่ะ แต่เห็นว่าเดี๋ยวจะปรับปรุงห้องใหม่ให้เป็นห้องพักนักกีฬาแทนแล้วล่ะ”
ซึ่งข่าวนี้มีมาตั้งแต่ช่วงงานกีฬาปีก่อน...
“อา... ครับ”คุณหนูอักษรพยักหน้ารับรู้ ก่อนเปลี่ยนเรื่องพูดไป “แล้วไม้นี่...”
“มีให้เลือกหลายขนาดอยู่นะ ไม่ค่อยมีคนมาเอาไปใช้หรอก ส่วนใหญ่มักจะไปซื้อกันเอง”ต่ายก้าวเท้าเข้าไปหยิบไม้ที่ฝุ่นเกาะขึ้นมาจับ ๆ ดู “คนที่สมัครมาเพราะอยากเป็นคฑากรกันเขาก็จะซื้อเก็บไว้เลยเป็นความทรงจำ"
“พี่ต่ายได้ซื้อเป็นของตัวเองไหมครับ”เขมนึกถึงห้องของร่างสูงที่เคยไป เหมือนจะไม่เห็นอะไรที่หน้าตาเป็นแท่งยาว ๆ เลยด้วยซ้ำ
“พี่ไม่ได้ซื้อครับ”ไม้ดรัมฯ อันแรกถูกเอามาทาบความสูงกับเด็กหนุ่ม “ไม่รู้จะซื้อมาวางไว้ตรงไหนดี แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเอามาทำอะไรด้วย จะดันแอร์พี่ก็มีไม้กวาดอยู่แล้วเลยไม่ซื้อ... หรือว่าน้องเขมอยากได้ครับ?”
“ไม่ล่ะครับ”ขนาดพี่ต่ายไม่มีที่จะวาง เขายิ่งไม่ต้องพูดถึง ยังไม่นับเรื่องค่าใช้จ่าย อะไรยืมได้ยืมเอาดีกว่า
“อะ เอานี้น่าจะได้”ต่ายลากไม้สองอันที่เลือกมาจากกองไม้เก่าที่วางสุมเอาไว้ออกจากห้องไปส่งให้รุ่นพี่สาวที่รับผิดชอบพวกเขาทำความสะอาด
ขยับจากการเป็นส่วนเกินมาเป็นแจ๋ว... เหมือนจะน่าดีใจหน่อย ๆ นะ
สละทิชชู่เปียกไปหนึ่งแพ็คกว่าไม้ดรัมฯที่ฝุ่นเกาะจะสะอาดเอี่ยมพร้อมใช้
แรกเริ่มของการฝึกซ้อม ต่ายสอนเรื่องการจับไม้ การตวัดแขนและการเดินก่อน ซึ่งไม่ยากสำหรับคนที่มีพื้นฐานด้านกีฬาและผ่านการฝึกรด.มาเรียบร้อยแล้ว
“การควงไม้เริ่มจากท่าควงสองมือที่เป็นท่าพื้นฐานก่อนแล้วกัน”เมื่อรณกฤตสวมบทคุณครู ใบหน้าที่ยิ้ม ๆ นั่นก็เริ่มจริงจังขึ้น เขาจับไม้ให้ลูกศิษย์ของตนดูด้วยท่วงท่าทะมัดทะแมง “ตบไม้ขึ้น ก่อนจะหมุน ใช้แรงส่งจากข้อมือ อย่าส่งจากนิ้ว ไม่งั้นจะปวดมาก...”
ร่างสูงควงไม้สองมืออย่างช้า ๆ ให้กับเด็กหนุ่มได้ดูเป็นตัวอย่าง ก่อนจะให้ลองทำดู
“ค่อย ๆ ลองทำดู ช้า ๆ พอชินมือแล้วค่อยเพิ่มจังหวะ”เสียงทุ้มเอ่ยอยู่ข้างหลังของเขมที่กำลังตั้งสมาธิ ดวงตาจับจ้องที่ข้อมือขาว “ใช้แรงส่งจากข้อมือ นั่นล่ะ แขนอย่างอ สมดุลเสียมันจะร่วง”
เขมทิวาเริ่มควงไม้อย่างช้า ๆ ทำความคุ้นเคยกับเจ้าท่อนกลมเรียวยาวในมือ ซ้ายจับ ขวาปล่อย ขวาจับ ซ้ายปล่อย จากจังหวะที่เชื่องช้าและสะดุดเวลาเปลี่ยนมือ เมื่อความเคยชินเริ่มเข้ามา ทุกอย่างมันก็พลันลื่นไหล ความเร็วเริ่มเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ถึงครึ่งของคนที่เคยฝึกฝนมาก่อน
ระหว่างที่เจ้าชายรูปงามกำลังสอนคุณหนูน้อยควงไม้อยู่นั้น เหล่าคนที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นคฑากรของงานกีฬาครั้งนี้ก็พากันทยอยเดินเข้ามาฝึกซ้อม บางคนก็เหลือบมองชายหนุ่มสองคนที่ยืนฝึกท่าพื้นฐานกันอยู่ด้วยความสนใจ และในขณะเดียวกันก็มีคนที่มองด้วยแววตากังขา
ก็ได้ยินมาอยู่ว่ามีคฑากรที่ทางสโมฯ ทาบทามมา แต่ไม่คิดว่าจะเลือกเอาคนที่ดูทำไม่เป็นเลยแบบนี้ แล้วยังมาเริ่มซ้อมช้ากว่าคนอื่นอีก
ดูจะเป็นอภิสิทธิ์ชนเกินไปหน่อยนะ
ต่อหน้าประธานและเลขาสโมสรนักศึกษา เด็กใหม่ปีหนึ่งที่ไม่ค่อยจะพอใจในตัวคนที่ถูกเลือกมาเท่าไหร่นักก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร
ต้องรอจังหวะดี ๆ ก่อน...
วันนี้ทั้งวันเขมคงได้แต่ซ้อมควงคทาสองมือให้คล่อง ส่วนต่ายนั้นผละออกไปลำดับท่าที่เขาเริ่มซ้อมกันไปแล้วมารอถ่ายทอดให้กับอีกคน ดูมีความตั้งใจมากกว่าตอนที่ได้เป็นคฑากรปีที่แล้วเสียอีก
พรีมที่แอบหลบมุมถ่ายรูปคนดังของมหา’ลัยอยู่นั้นมองรูปที่เก็บไว้ในแกลลอรี่ด้วยความปลื้มปลิ่มใจ
ในที่สุดก็มีอะไรให้อัพเดทในเพจแล้ว!
เธอจิ้มเปิดเพจของสโมสรนักศึกษาที่เป็นแอดมินอยู่ พิมพ์ข้อความโปรโมทงานกีฬารัว ๆ หลังจากอัดอั้นมานาน หยั่งกระแสคนอื่น ๆ ไปเสียงตอบรับไม่ถึงเป้านัก ถ้าคราวนี้ไม่ถึงเป้าอีกนะ
เธอจะไปเอาหัวโขกเต้าหู้เหม็นให้ตายกันไปข้างเลย!
สโมสรนักศึกษา XUT
สวัสดีค่า เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ผู้ติดตามเพจสโมฯ ของเราทุกคน วันนี้ทางสโมฯ มีเรื่องเซอร์ไพรท์มาให้ทุกคนได้ตื่นเต้นกันล่ะค่ะ
อย่างที่ได้แจ้งกันเอาไว้ในโพสก่อน ๆ แล้ว ว่าทาง XUT จะมีงานกีฬาในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ ทั้งยังจัดงานออกร้านให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยของเรากันนะคะ
ฮั่นแน่~ กิจกรรมพิเศษ ๆ แบบนี้ เราย่อมมีเรื่องพิเศษ ๆ ให้ได้ชมกันเช่นกันค่ะ นั่นก็คือออออออ
เจ้าชายเศรษฐศาสตร์ และ คุณหนูอักษร ของ XUT เราจะมาร่วมเป็นคฑากรในงานเปิดการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ด้วยล่ะค่ะ เย่~ ตอนนี้ทั้งคู่กำลังตั้งใจฝึกซ้อมกันอยู่ มาร่วมเป็นกำลังใจให้สองหนุ่มของพวกเรากันนะคะ
(แนบรูปต่ายโอบเขมจัดท่าถือคทา)
หลังจากกดโพสลงไปก็รอดูผลตอบรักอยู่สักพักนึง เมื่อเห็นยอดไลค์ ยอดแชร์ และเริ่มมีคอมเม้นต์อย่างรวดเร็ว คนโพสอย่างพรีมก็ค่อยเบาใจขึ้นหน่อย
มามุงกันเยอะ ๆ เถอะ อาจารย์จะได้ไม่มีเฉ่งอีก
เมื่อพรีมเงยหน้าขึ้นมาดูสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง ก็เห็นว่ารุ่นพี่ปีแก่ที่ดูแลเรื่องขบวนนั้นมาเริ่มจัดแถวให้กับเหล่าคฑากรแล้ว ไม้หนึ่งที่ถูกฟิกเอาไว้ก็เป็นไปตามเดิมไม่เปลี่ยน แต่ไม้อื่น ๆ นั้นยังสลับกันได้ตามความเหมาะสม ในตอนนี้สองหนุ่มที่เป็นความภูมิใจของหญิงพรีมนั้นได้อยู่ช่วงกลาง ๆ แถว ซึ่งเป็นจุดที่มีเพื่อนด้านหน้าและด้านหลังคอยประคอง
“ทุกคนจำตำแหน่งตัวเองในตอนนี้เอาไว้นะ อาจจะมีการสลับอีกถ้าเกิดมีแอคซิเดนท์อะไรขึ้น แต่ตอนนี้เราจะยึดตำแหน่งนี้กันเอาไว้”รุ่นพี่สาวประเภทสองมองรุ่นน้องของเธอที่อยู่ในกำมือด้วยความพอใจ “วันนี้พอแค่นี้ แยกย้ายได้”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
หลังจากเลิกซ้อม ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเอง เขมกับต่ายไม่ได้มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษ เลยพากันกลับคอนโด
“ผมขอแวะซื้อของนิดนึงนะครับ”เขมบอกกับคนขับรถกิตติมศักดิ์ “เย็นนี้พี่ต่ายจะมากินข้าวด้วยกันไหมครับ”
“จะโชว์ฝีมือเหรอ”ดวงตาคมเหล่มองคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับด้วยแววตาอ่อนโยน “เอาสิ ให้พี่ช่วยอะไรไหม”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทำเอง”น้ำเสียงของเด็กหนุ่มรุ่นน้องแฝงความเกรงใจเอาไว้จาง ๆ “วันนี้ผมรบกวนพี่เยอะแล้ว...”
“ไม่เอาน่า เขม”ต่ายขยับมือไปวางบนตักนุ่มแล้วบีบเบา ๆ “เขมไม่ได้รบกวนอะไรพี่เลย พี่เต็มใจทำให้นะครับ”
“ครับ...”เขมก้มหน้าปิดบังแก้มที่ขึ้นสีเรื่อ แต่เส้นผมที่ปรกลงมานั้นไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
“กับเขม พี่เต็มใจทุกอย่างนะ”คำหยอดที่ตามมายิ่งทำให้แก้มใสนั้นแดงก่ำ
เขาไม่ได้คิดไปเองคนเดียวใช่ไหม ใช่ไหม!!
ทันทีที่รถจอดนิ่งหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตสีเหลือง ร่างโปร่งก็พุ่งออกไปจากรถโดยไม่คิดจะถามหรือรออะไรอีกคนเลย
รณกฤตที่หยอกน้องจนเจ้าตัวต้องหลบไปหาที่พักหัวใจนั้นนั่งหัวเราะกับตัวเองอยู่บนรถ ไม่ลงไปช่วยเด็กน้อยของเขาหิ้วของเหมือนปกติ
เว้นจังหวะให้น้องได้หายใจสักหน่อย ทุกอย่างจะต้องพอดี ๆ ไม่มากเกิน ไม่น้อยไป แต่ต้องสม่ำเสมอ
เกือบชั่วโมงกว่าเขมทีวาจะกลับมาขึ้นรถพร้อมกับของเต็มของมือ เยอะจนชักจะไม่แน่ใจว่านี่สำหรับสามคนหรือสามโต๊ะกันแน่
ด้วยความที่ซื้อมาเยอะ เพราะคิดว่าจะทำมื้อใหญ่ แต่เมื่อนึกได้ว่าเป็นมื้อเย็นเลยต้องดร็อปลงมาสักหน่อย
กินตอนเย็นเยอะ ๆ แล้วไม่ออกกำลังกายจะอ้วนเอาไว้ ตัวเขาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ผู้ใหญ่อย่างแม่เขา ถ้าเกิดอ้วนมาก ๆ โรคจะถามหาเอาได้
สุดท้ายเขมเลยเลือกทำผัดผักบุ้ง ต้นจืดเต้าหู้ และหมูอบซอสพริกไทยดำ
เพราะวันนี้จะเป็นมื้อแรกในรอบหลายปีที่ราตรีจะได้กินข้าวกับลูกชายของเธอ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ลูกรักคนนี้ทำอาหารให้เธอกิน แน่นอนว่าเธอจะต้องรีบกลับบ้านเร็วกว่าปกติอยู่แล้ว
บ้านที่เป็นบ้าน บ้านที่มีครอบครัวรออยู่ ในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จจนได้
“กลับมาแล้วจ้า”หญิงวัยกลางคนเดินฉับ ๆ เข้ามาในครัวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ไหน ลูกรักของแม่ทำอะไรกินเอ่ย”
เธอมองจานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ แต่หัวใจที่พองฟูนั่นก็พลันฟีบลงเมื่อเห็นหาหล่อ ๆ ของใครบางคน
นี่เธอจะสามารถกอดลูกชายคนเดียวไว้ได้นานแค่ไหนกันนะ
เฮ้อ~
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
สงสารคุณแม่จังเลยยยย น้องเขมเล่นตัวไว้นะลูกกก (ห๊ะ อะไรนะ ค่าตัวจะหมดแล้ว งั้นอย่าเล่นตัวเลยลูก พี่ไม่มีเงินจ้างหนูแล้ว)
ติดชมกันได้เหมือนเดิมเลยนะคะ ฝาก #คนในใจ #พี่ต่ายน้องเขม ด้วยน้าา
ปล. Indispensable แนวโอเมก้าเวิร์สของไนท์ทำอีบุ๊คแล้วนะคะ จุ๊บๆ