เดเมี่ยน
กระผมหิวเหลือเกิน นายน้อย
เวตาลกรอกเสียงมาตามก้านสมองของผมตอนที่ผมกำลังแขวนกวางที่เพิ่งล่ามาใหม่ ๆ ขึ้นกับกิ่งไม้
"แกก็หิวตลอดนั่นแหละ" ผมว่า
กระผมไม่อยากจะทำตัวให้ท่านลำบากแบบนี้เลย นายน้อย ถ้าหากท่านให้กระผมออกไป ให้กระผมได้ออกล่าเอง...
"อย่าฝัน" ผมพูดพลางคว้ามีดพับออกมาจากกระเป๋าและปักมันที่หว่างขาหลังของกวางก่อนจะลากมันลงไปจนถึกคอหอย เครื่องในไหลทะลักออกมากองอยู่กับพื้น
"เอาสิ" ผมว่า
แล้วแขนที่เหมือนแขนมนุษย์แต่ไร้ผิวหนังก็ยื่นยาวออกมาจากตราอัญเชิญที่ข้างรูหูของผม มันมีสีแดงสลับขาวจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น เล็บยาวเหยียดแหลมคมคว้าเครื่องในลากเข้าไปทางตราอัญเชิญ เสียงซวบซาบน่าสะอิดสะเอียนดังมาในสมองของผม
ช่าวหวาน ช่างหอมเหลือเกินนายน้อย
"เงียบซะ" ผมเอ่ยก่อนจะลงมือแล่กวางต่อ
แต่ยังไม่ทันที่จะถลกหนังออกจากตัวกวางเสร็จเสียงเดินหนังหน่วงก็ดังมาจากด้านหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร
"บอกไปแล้วไงว่าฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" ผมเอ่ยกับอีกฝ่ายโดยที่ไม่หันไป มือยังถลกหนังกวางไม่หยุด
อีกฝ่ายเงียบไปวินาทีหนึ่งก่อนว่า "จอมเวทสูงสุดบอกให้นายไปพักกับมอริอัส ฉันไปหานายที่นั่นมาแต่ไม่เจอ"
"ช่าย" ผมว่า "ฉันไม่ค่อยชอบอยู่กับสัตว์น่ะ ที่นี่ถึงกระท่อมจะโดนระเบิดไปแต่มันก็เป็นที่ ๆ ของฉัน"
"ที่นี่มันโรงเรียน ไม่มีที่ไหนเป็นที่ของนายหรอก"
ผมหลุดขำออกมา อีกฝ่ายไม่พูดอะไรต่ออยู่นานก่อนจะว่า "หันมา เดเมี่ยน" ผมทำเป็นไม่สนใจจนอีกฝ่ายพูดย้ำคำเดิม
"อะไรนักหนาวะ" ผมพูดกระชากเสียงก่อนจะเห็นอีกฝ่าย เขาอยู่ในชุดทางการของพ่อมด ชุดสูทสีแดงเลือดหมูเดินดิ้นขลิบทอง เสื้อตัวในเป็นสีขาว สร้อยทองที่มีจี้เป็นรูปทรงกลมสีทองถูกห้อยอยู่ที่คอ มันเป็นเครื่องหมายของโลกแห่งแสง เครื่องหมายแทนดวงอาทิตย์ เสื้อคลุมที่ยาวแค่ข้อศอกถูกสวมไว้บนบ่าหลวม ๆ ผมไม่คิดมาก่อนว่าสีเลือดหมูจะเขากับเจสันได้ดีขนาดนี้ มันทำให้ในตาสีฟ้าของเขาเด่นชัด ทั้งผมที่ยาวก็ถูกหวีเสยไปด้านหลังก็ทำให้ใบหน้าเขาดูชวนมองมากขึ้น
หัวใจผมเย็นวาบในวินาทีนั้น รู้สึกหน้ามืดและคลื่นเหียนจนต้องนั่งลงกับพื้น
"ได้เวลาแล้วใช่ไหม" ผมถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ อีกฝ่ายไม่พูดอะไรแต่มันก็มากพอแล้ว
เราทั้งคู่เงียบไปนานหลายนาที รอบด้านแทบเงียบสนิท จะมีก็แต่เสียงฝืนแตกจากกองไฟที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุต
"เดเมี่ยน เราไม่มีเวลามาก" เขาพูดขึ้นในที่สุด เอาเถอะ ครั้งนี้ผมจะยอมเจ้านั่นสักครั้งก็แล้วกัน
ผมลุกขึ้นเงียบ ๆ "ฉันต้องแต่งตัวเป็นลิเกเหมือนแกหรือเปล่า" อีกฝ่ายส่ายหน้า "ดี เพราะยังไงฉันก็ไม่มีชุดอยู่แล้ว" จบคำผมก็ออกเดินไปโดยมีเขาเดินตามหลัง สัญชาตญาณบอกผมว่าเขาชี้ไม้กายสิทธิ์มาจ่อหลังผมไว้ ซึ่งบ้ามาก ผมไม่คิดจะหนีอยู่แล้ว ไม่อีกต่อไปแล้ว ตลอดเวลาห้าปีกว่า ๆ ที่ผมอยู่ที่นี่ผมคิดเรื่องหนีเป็นพันล้านรอบ พยายามและล้มเหลวเป็นสองเท่าของจำนวนนั้น เมื่อวานเป็นความพยายามครั้งสุดท้าย...และผมล้มเหลวเหมือนเช่นที่ผ่าน ๆ มา
รู้ไหม ในใจลึก ๆ ผมรู้ดีว่ายังไงซะผมก็ต้องตาย...หมายถึง เกิดมาทุกคนก็ต้องตายแต่ผมพิเศษกว่าคนอื่นนิดหน่อยตรงที่ว่ารู้ว่าจะตายแบบไหนและกะเวลาคร่าว ๆ ได้ว่าจะตายเมื่อไร ความจริงนักโทษประหารก็เป็นแบบนั้น ซึ่งในแง่มุมผมก็คือนักโทษประหารดี ๆ นี่เอง
แล้วรู้อะไรไหม? ผมว่าผมรู้สึกโล่งใจนะที่ทุกอย่างจะได้จบสักที ทุกความโดดเดี่ยว ทุกหยดน้ำตา ทุกความเจ็บปวด ทุกอย่างนั้น ผมดีใจที่มันจบได้สักที
ผมไม่รู้ว่าเราเดินกันอยู่นานเท่าไรแต่สุดท้ายเราก็มาถึงลานโล่ง ๆ กลางป่า ถ้าผมจำไม่ผิดคูน้ำแห้งที่ผมช่วยเจสันไว้ก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
จอมเวทสูงสุดยืนรออยู่ก่อนแล้ว ไอ้ชาติหมาจอมตลบตะแลงลิ้นสองแฉกนั่น
"ฉันคิดว่าแกจะพาฉันไปที่หอคอยทมิฬซะอีก" ผมพูดออกไป
"เราไม่มีเวลา" ไอ้แก่นั่นว่า บางครั้งผมก็นึกอยากจะรู้ชื่อจริงของมันเหมือนกัน แต่ก็ช่างมันเถอะ มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว
"นั่งลง" เจสันเอ่ยออกมาเบา ๆ ทำให้ในลำคอของผมตีบตัน ในปากมีรสขมปร่า รู้สึกหายใจติดขัด เจ็บปวดข้างในอก ภาพตรงหน้าพร่าเรือน...ครั้งสุดท้ายที่ผมร้องไห้มันเมื่อไรนะ...ผมจำไม่ได้แล้ว
ผมทำตามคำนั้นของเจสัน คุกเข่าลงกับพื้นหญ้าแห้ง ก่อนที่ชายคนนั้นจะเสกดาบไลท์เซเบอร์ออกมา ...มันสั่นเบา ๆ จนเกิดเสียง หวึ่ง ถี่ ๆ ลมหายใจร้อนและมีกลิ่นเหมือนส้มของเขาพุ่งออกมาจนผมรู้สึกได้ เขากลัว
"ไม่เป็นไร เจสัน" ผมว่า "ทำสิ่งที่นายต้องทำ" พูดจบผมก็หลับตา เป็นคำสั่งเสียที่ไม่ได้สวยหรูนักแต่ก็ดีแล้ว แบบนี้แหละดีแล้ว
.........................