รักวุ่นวายของนายตัวขาวสุดซ่า ตอนอวสาน (THE END) Up 11/5/62
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักวุ่นวายของนายตัวขาวสุดซ่า ตอนอวสาน (THE END) Up 11/5/62  (อ่าน 516469 ครั้ง)

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
5555เผลอแป๊บเดียวน้องโจ้ได้ฉายาใหม่อีกแล้ว จากพยูน กลายเป็นแมวน้ำ ท่าทางจะชอบน้ำนะคะ :katai3:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ่านไปยิ้มไปเวลาเป๊บพูดถึงโจ้
เหมือนเอ็นดูหนักมาก รู้สึกถึงความสุขของทั้งคู่
คนอ่านก็พลอยสุขใจไปด้วย อิอิ
แมวน้ำๆ ฉายาน่ารักน่าเอ็นดู

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
อิจฉาคนมีความสุขจัง :laugh:

ออฟไลน์ MooMoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นี้ยังไม่จบใช่ไหมค่ะ     รออ่านยุนะคร้า ชอบบบบ :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ nepjun366

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Happy Valentines Day ค่ะพี่โจ้  พี่เป๊ป :L1: :L1:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะน้องเป๊บน้องโจ้
ขอให้คู่หวานทั้งสองครองรักกันอย่างสดชื่นและรักกันมากขึ้นทุกวัน
 :L2:

ออฟไลน์ MooMoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เมื่อไหร่จะมาเขียนต่ออ่ะค่ะ คิดถึงแล้วๆ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ MooMoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เมื่อไหร่จะมาเขียนต่ออ่ะค่ะ คิดถึงแล้วๆ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
อ่านไปยิ้มไปค่ะ น่ารักกันมากๆเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
หายไปนานแล้วนะ คิดถึงคู่หวานตลอดปีครับ :mew1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
คิดถึงครับ หายไปนานเนาะ
 :m7:

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
สวัสดีค้าบบบบบบบ แฮร่ๆๆ หายไปนานมาก ข้ออ้างเดิม คือ งานเยอะ 55555+ จริงๆ ก็ป่วยด้วยอะคับ เลยมะค่อยได้เข้ามาเม้ามอยซอยเก้า แล้วนี่เนื้อเรื่องหลักยังค้างเลยอ่า พอเขียนมาถึงตอนบวช นึกเรื่องในอดีตไม่ออกแล้วง่า ทำไงดี เฮ้ออออ

วันนี้ฝนตกเนอะ ตั้งแต่เช้าเลยอ่า ลืมตามาก็มืด เลยงงๆ อ่า

"อื้อออ....เป๊บบบบ....กี่โมงแล้วอ่า" ถามลุงเพราะเห็นลุงตื่นมานั่งอ่านไอแพด

"เก้าโมงแล้วครับ"

"หาาาาา เก้าโมง ทำไมมืดเหมือนหกโมงเช้า"

ไม่ทันจะขาดคำ ได้ยินเสียงป๊อกแป๊ก แล้วตามด้วย ฝนห่าใหญ่มาก

"อ้าวฝนตก"

"ใช่ครับ มืดฝนตั้งแต่เช้า"

"ว้าาาา งั้นออกไปกินอะไรไม่ได้อะดิ อยากกินตั้งหลายอย่าง"

"รอฝนหยุดค่อยออกไปก็ได้ครับ"

"มืดขนาดนี้อะเป๊บ กว่าจะหยุด โจ้ผอมพอดี"

"นั่นละครับ เป็นเรื่องที่ดีมาก"

ผั๊วะ....ถีบไปทีนึง

"โอ้ยยยย ที่รักกกก เจ็บนะครับ" ทำมาเจ็บ เจ็บอารายทำไมยิ้มกว้าง ผัวบ้า ชิส์

"ไม่ต้องมาสำออย ไปทำของให้กินเด๋วเน้ ไม่งั้น กัดจู๋ขาด"

"หืม ไม่มั้งครับ เมื่อคืนไม่ได้กัดนี่ เห็นอมเล่นตลอด"

แว๊กกกก....พูดตรงขนาดนั้น เขินนนนน โว้ยยยย ผัวเพี้ยนนนนน  :mew6: :mew6:

"ทะลึ่งอะ ไปทำของให้กินเลย เร็วๆ"

ตาลุงเพี้ยน เดินยิ้มพร้อมหัวเราะออกไป แงงงงง โดนแกล้งงงง ชิส์

อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย แต่งตัวชุดลำลองสบายๆ ก็ได้ยินเสียงลุงเรียกให้ไปหม่ำๆ

"โหวเป๊บ นังกะเสกมา น่ากินอ่า"

"ก็ของที่แช่ไว้ในตู้เย็น เป๊บคิดว่าถ้าไม่ทำให้หมด คงไม่ได้ทำอีกหลายวัน"

"น่ากินอ่า"

มื้อเช้านี้ลุงทำ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ไข่เจียวกุ้งสับ ผัดกระเพราปลาหมึก แล้วก็ผัดผักรวม

"เป๊บ ผัดผักดูแปลกๆ"

"ฮ่าๆๆ ก็คือเหลือผักอะไรที่พอน่าจะกินได้ เป๊บเลยหั่นใส่ๆไปครับ ลองกินดู"

"ไม่ตายอะเนอะ"

"หือ อย่าดูถูก อร่อยจะกินไม่พอมากกว่า"

ตักชิม เอออร่อย รู้สึกดี มีผัวเป็นทั้ง เพื่อน พ่อ พี่ น้อง พ่อครัว และสามี ในเวลาเดียวกัน 55555+

"เป๊บ วันเกิดโจ้ปีนี้ ฉัตรจะมาไทยอะ"

"จริงหรือ ที่รักคุยกะฉัตรแล้วหรือ"

"ใช่ๆ นางไลน์มาบอก นางว่าจะมาเจ็ทส่วนตัว"

"แล้วยังไงต่อครับ"

"มากันทั้งบ้าน เห็นว่าจะชวนไปเที่ยวเกาะสมุย นางเลยถามๆ ว่า รู้ป่าวสนามบินสมุยเครื่องบินส่วนตัวลงได้มั้ย"

"นั่นซิ เป๊บก็ไม่แน่ใจนะครับ แต่เคยเห็นดาราเอาเครื่องบินไปลง น่าจะได้นะ เสียค่าธรรมเนียม"

"ฉัตรบอกให้ชวนเพื่อนๆทั้งแก๊งค์ เป๊บโทรไปชวนโอ๊ตด้วยนะ"

"มันจะว่างหรือที่รัก เดี๋ยวเป๊บลองบอกมัน"

"ได้ๆ ก็ดีนะไปทำบุญวันเกิด แต่จริงๆ ไปสายการบินก็ได้ สะดวกกว่ามั้ง"

"บอกฉัตรยังละ"

"บอกแล้ว นางบอก ผัวจ่าย ผัวไม่ชอบบินสายการบิน"

"คงต้องตามใจนาง"

"นั่นแหละ แล้วนี่ตอนเย็นกินอาราย"

"มื้อเช้ายังไม่หมดเลยนะครับ"

"ก็เตรียมการก่อน อย่าบ่น เดี๋ยวจับอม"

"งั้นจะบ่นเยอะๆ เลย"

จะว่าไประยะหลังๆ พออายุมากขึ้น ตัวผมเองก็ทะลึ่งขึ้นเนอะ ตะก่อนไม่กล้าพูด ตอนนี้ไม่มียางอาย  :mew3: :mew3: :mew3:

ไล่ลุงไปอาบน้ำ ผมเองก็จัดการเก็บกวาดล้างจาน เสร็จเรียบร้อย ผมเข้าไปแปรงฟันที่ห้องน้ำติดกับห้องครัว เดินกลับเข้ามาก็เห็นลุงนอนบนเตียงดูทีวีในห้องนอน

"แฮ่ๆ นอนด้วยๆ"

ผมขึ้นเตียง ซุกตัวไปในผ้าห่ม นอนพิงอกเป๊บ

"เป๊บดูอาราย"

"ซีรี่ Netflix Lost in Universe ครับ สนุกดีนะ"

อันนี้เคยเล่ามั้ยอ่าว่า เป๊บชอบหนัง Scifi มากกกก ประเภทแบบเทคโนโลยี อนาคต หรือแบบหนังโลกจะแตก ดาวหางพุ่งชนโลก ที่แบบใช้เทคโนโลยีเยอะๆ นางจะชอบมาก โดยเฉพาะเรื่อง i-robot หนังสิบกว่าปีแล้วมั้ง นางดูตั้งแต่หนุ่มๆ จนตอนนี้ยังดูเหมือนกันนะ

ผมก็นอนดูไปเรื่อยๆ สนุกดีเหมือนกันน่า

"นี่ถ้ามนุษย์มียานอวกาศแบบในหนังแล้วไปท่องอวกาศได้จริง คงสนุกเนอะเป๊บ"

ไม่มีเสียงตอบ ผมเงยหน้าไปมอง

"อ้าว หลับไปนอนไหนอะ"

เป๊บนอนหลับไปตั้งแต่ตอนไหน ผมก็ค่อยๆ ขยับตัวไปคว้ารีโมททีวี กด ปิด แล้วค่อยๆ กระดึ๊บๆ ออกจากตัวเป๊บ

"จะไปไหนครับ"

"อ้าวยังไม่หลับหรือ เห็นเป๊บหลับ โจ้จะกระดึ๊บออกมานอนไง"

"ไม่อนุญาต นอนแบบเดิม"

"อึดอัดแย่ ไม่เอาอะ"

"ใครจะไปรู้สึกอึดอัดกับเมียตัวเองละครับ" เป๊บดึงตัวผมมากอดเหมือนเดิม

"โอเคๆ งั้นนอนๆ ลุงเบ๊อะเอาแต่จาย"

ปากบ่นไปงั้น 5555+ ไม่ซิ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ไม่ว่าจะวันแรก หรือ วันนี้ เป๊บยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน

"รักนะลุง"

"รักเหมือนกันครับ"

 :mew6: :mew3: :mew1:

เม้ามอยพอแล้วววววว เติมความหวานเนอะ เขินอ่าาาาา 5555+

เดี๋ยวห้าโมงออกไปสยามพารากอน หม่ำๆ ข้าว และดู Infinity War

ใครดวงดีเจอเดินสวนทักทายกันบ้างน้า

ตอนต่อไปจะเร่งปั่น อีกสามเดือนเอามาลง 5555+ บายค้าบบบบ  :mew1: :mew1:


ออฟไลน์ Subterra

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฝนตกหนักเลย ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ขอบคุณครับหวานตลอด จุ๊บๆ
 :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชื่นชมรักของเป็บ โจ้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
โอ้ยยยย น่ารักกันจริงๆเลยคู่นี้

ฝนตกน่าจะเกือบทั่วประเทศเลยเนอะ

ออฟไลน์ Kfc_Pizza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 :m22: :m22: :m32:
เมื่อไหร่จะมาอีกครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MooMoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงพี่ทั้งสองคนจัง  :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ nepjun366

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
HBD ค่ะพี่โจ้ สุขภาพร่างกายแข็งแรง เฮงๆรวยๆ รวยแล้วก็ขอให้รวยยิ่งๆขึ้นไปนะค่ะ 
  :3123:

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
สวัสดีค้าบบบบบบบ สวัสดีวันเสาร์ 55555+ หายไปสามแสนปี เชิญรุมตบตีได้เลยค้าบบบ  :mew6: :mew6:

ไม่แก้ตัวแล้วอ่าว่าทำไมหายไปนาน เหตุผลเดิมๆ  :mew3: :mew3:

วันนี้นำตอนใหม่มาให้อ่านด้วยน่า ตอนนี้อาจจะไม่มีอะไรหวือหวามากนะคับ แต่ก็เป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตที่อยากให้ทุกคนได้อ่าน มีคติสอนใจด้วยน่า สำหรับตอนหน้าอาจจะมาเล่าสั้นๆ แล้วก็เข้าสู่ตอนจบอวสานแล้วละคับ

ตอนต่อไปน่าจะอีกสักพักนึง เดี๋ยวจะบังคับลุงให้มาเล่าบ้างเนอะ คิคิ คิดถึงทุกคนค้าบบบบ  :mew1: :mew1:


ตอนที่ 59 อุปสมบท
   นับจากวันที่เป๊บสึกออกมาใช้ชีวิตตามปกติ เราสองคนและเพื่อนๆ ต่างมุ่งเร่งสะสางเรื่องการเรียนด้วยการทำเล่มวิทยานิพนธ์ รวมถึงทำเรื่องจบการศึกษา เว้นเพียงแต่ โอ๊ตกับทราย ที่สอบวิทยานิพนธ์ช้ากว่าปกติ พวกเราทุกคนต่างก็ช่วยโอ๊ตกับทราย ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว คือ อยากจบการศึกษาและถ่ายรูปพร้อมกัน
   ภายในระยะเวลาสองเดือน โอ๊ตกับทรายก็ได้ทำเรื่องจบการศึกษา พร้อมกับเรื่องราวดีๆ คือ ได้รับปริญญาช่วงกลางปีพร้อมกับกันทุกคน นับว่าเป็นข่าวดีมากๆ
“นี่อีหอย ทุกอย่างเสร็จหมดละเนี่ย ตกลงเมิงจะวางแผนยังไงต่อ”
   ฉัตรเอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่พวกกำลังทานอาหารเที่ยงเฉลิมฉลองความสำเร็จ
“ตอนนี้หรือ อืม ระยะยาวยังไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ระยะสั้น กรูจะบวชตามที่ได้บอกพ่อกับแม่” ผมตอบฉัตร
“เออใช่ กรูจำได้ แล้วเมิงจะบวชวันไหน”  ฉัตรถามขึ้นมา
“ยังไม่รู้เลย ว่าเนี่ยจะต้องไปหาพระอาจารย์ก่อน” ผมตอบฉัตรพร้อมหันไปมองเป๊บ
“งั้นกินเสร็จไปหาพระอาจารย์มั้ยครับ” เป๊บชวน
“ทั้งโลกมีเมิงกันสองคนหรือไง กรูละ” ฉัตรจิกเป๊บพร้อมชี้มาที่ตัวเอง
“ฮ่าๆๆ ก็ไปดิ ไม่ได้ห้ามอะไรนี่หว่า” เป๊บตอบแบบขำๆ
   กลายเป็นว่าทานอาหารเสร็จ ทุกคนก็ไปหาพระอาจารย์พร้อมกัน ด้วยแผนการที่ไม่ได้กำหนดมาก่อน จำเป็นจะต้องขับรถตามกันไปจนกระทั่งถึงวัด เป๊บเดินไปเรียกพระอาจารย์ที่หน้ากุฏิ
“พระอาจารย์ครับ พระอาจารย์ เป๊บเองครับ” เรียกอยู่สองสามครั้ง ไม่นานนัก พระอาจารย์ก็เปิดประตูออกมา
“เจริญพรโยมทุกคน เข้ามาด้านในกันก่อน”
   หลังจากที่ทุกคนเข้ามาด้านในและนั่งสงบเรียบร้อย
“สำหรับวันเวลาบวชตามสะดวกแต่ถ้าจะให้ระบุ 26 มีนาคม ปีหน้าถือว่าเป็นวันดี”
“หา พระอาจารย์ ทราบได้ยังไงครับว่าผมจะมาถามเรื่องนี้” ผมอุทานถามด้วยความประหลาดใจ
“อย่ารู้เลย จะมีสักกี่เรื่องกันที่โยมโจ้จะถาม” พระอาจารย์ตอบยิ้มๆ
   ฉัตร โอ๊ต เบิด และทราย นั่งทำหน้าตะลึง ส่วนเป๊บนั่งยิ้มๆ
“ถ้าพระอาจารย์ว่าเป็นวันดี เดี๋ยวผมจะไปบอกคุณพ่อคุณแม่ ให้มาหาพระอาจารย์อีกครั้งนะครับ”
“ได้แล้วแต่โยมโจ้สะดวกเลย เพียงแต่จะบวชสักกี่วันละ”
“ตั้งใจไว้ว่าสามเดือนครับ แต่จะครบหรือไม่ ยังไม่ทราบเลยครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ตามที่สะดวกไว้ก่อนจะเปลี่ยนยังไงอย่างไรค่อยว่ากันอีกที”
“ได้ครับพระอาจารย์”
“แล้วนี่นั่งเงียบกันไม่คุยอะไรกันหน่อยหรือ” พระอาจารย์หันมาถามฉัตร เบิด ทรายและโอ๊ต
“อะ..เอ่อ...คือ พระอาจารย์คะ พวกหนูซื้อน้ำปาณะมาถวาย”
“ขอบใจโยมมากนะ โยมเป๊บยกมาประเคณ” เป๊บก็ยกน้ำปาณะถวายพระอาจารย์
   หลังจากรับพรจากพระอาจารย์แล้ว
“แล้วนี่พวกโยมวางแผนชีวิตยังไงต่อไป” พระอาจารย์ถามเพื่อนทั้งสี่คน
“เอ่อ..ยังไม่ทราบเลยค่ะพระอาจารย์ อาจจะค่อยวางแผนอีกทีหลังรับปริญญา” ฉัตรเอ่ยขึ้นมา
“ปล่อยให้เป็นไปตามชีวิต ที่เขาบอกกันว่า พรหมลิขิตใช่มั้ยโยม”
“น่าจะใช่นะคะ แต่ในบางมุมหนูเชื่อว่าเรากำหนดเองได้”
“ก็ถูกต้องนะโยม แต่ในความเป็นจริง เหตุการณ์ที่เราเจอในแต่ละวันมันเป็นสิ่งที่กำหนดมาแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่ว่ายังไงอย่างไร ไม่เจอวันนี้วันหน้าก็ต้องเจอ โยมอย่าได้กังวล ชีวิตของโยมทุกคน ไม่ได้มีความตกต่ำหรือลำบากอะไรเลย โยมก็เตรียมตัวไปอยู่ต่างประเทศ จะมีครอบครัวที่มีความสุขอยู่ที่นั่น ส่วนโยมกลับไปช่วยกิจการที่บ้าน คู่บารมีของโยมจะเป็นคนต่างชาติ ส่วนโยมทั้งสองเป็นเนื้อคู่กัน เตรียมสร้างครอบครัวเถอะ” ทุกคนนั่งอึ้งในสิ่งที่พระอาจารย์พูด
“เอ่อ...แล้ว” เหมือนเบิดจะเอ่ยถามขึ้นมา
“สองปีกว่านับจากนี้โยมจะเจอคู่ของโยม สิ่งอื่นใดที่นอกเหนือจากนี้โยมทุกคนอย่าได้ถามเลย อาตมาจะอาบัติเสียมากกว่านี้” พระอาจารย์ปรามเชิงยิ้มๆ ซึ่งนั่น ทำให้เบิดตาโตไปแล้ว
   ผมกับเป๊บเลยเลี่ยงการพูดคุยที่อาจจะจะทำให้พระอาจารย์อาบัติ จนได้เวลาที่เหมาะสม
“งั้นพระอาจารย์ครับ พวกผมลาดีกว่า ถ้านานกว่า เพื่อนๆทุกคนจะช๊อก” เป๊บพูดแซวๆ
“ฮ่าๆ ก็ดีนะโยมเป๊บ งั้นอาตมาพรมน้ำมนต์ให้นะ...ขอให้โยมทุกคนประสบแต่ความดี สิ่งที่ดี ปราศจากความทุกข์ เทอญ”
“สาธุๆ”
   กราบลาพระอาจารย์เรียบร้อย พวกเราทุกคนก็เดินทางออกจากวัด ขับรถตามกันมาเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายว่าจะทานอาหารทะเลเป็นมื้อค่ำ
“เป๊บ โจ้ว่าเดี๋ยวหูชาแน่อะ” ผมถามระหว่างที่เป๊บกำลังขับรถ
“ทำไมหรือที่รัก”
“ก็ทุกคนดูหน้าตาอึ้งแบบมีคำถามสักแสนข้ออะ คือถ้าไม่ติดว่ามารถคนละคัน ป่านนี้คงแหกปากลั่นรถ”
“ฮ่าๆๆ เป๊บเห็นด้วย งั้นต้องเตรียมรับการตอบคำถามแล้วนะครับ”
   ไม่นานนักพวกเรามาถึงร้านอาหารซีฟู๊ด นั่งประจำที่เรียบร้อย พนักงานยังไม่ทันจะวางเมนู
“นี่ๆ อีหอย....” ฉัตรกำลังจะถามขึ้นมา
“สั่งอาหารก่อนเถอะเมิง เดี๋ยวค่อยคุย” เป๊บปราม
“โอ้ยยยก็กรูสงสัย เอ้ารีบๆสั่ง กุ้งเผาสองโล ปลาหมึกไข่เผา ยำไข่แมงดา บลาๆๆ” ฉัตรเริ่มสั่ง
“เดี๋ยวๆๆนะคะคุณแม่ขรา คือจะแดกหมดมั้ย”
“เออสั่งมาก่อน กรูเลี้ยง ไม่หมดค่อยห่อกลับ...เอาตามนี้คร่า น้องทำมาให้ครบทั้งหมดแล้วมาเสริฟทีเดียวนะ” ฉัตรหันไปกำชับพนักงาน
“อะ มาคุยต่อ เมิงๆ พระอาจารย์ท่านพูดเหมือนอาม่า” ฉัตรหันมาคุย
“ใช่ๆ เหมือนโทรศัพท์คุยกัน” เบิดกำชับ
“กรูว่า MSN กันแน่” โอ๊ตเสริม
“ขนาดนั้น” ทรายหันมองหน้าโอ๊ต
“เมิงๆ แล้วท่านรู้ได้ไงวะ ยังไง อย่างไร” คือตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงอยากรู้ของเพื่อนๆ
“เดี่ยวๆๆๆ หยุดๆๆ” ผมขึ้นเสียงเบาๆ ปรามทุกคน
“คืองี้ พระอาจารย์ท่านก็ล่วงรู้ตามที่ท่านอยากรู้นะแหละเมิง การที่ท่านแนะนำแบบนั้นท่านคงเมตตาไม่อยากให้พวกเมิงคิดมาก อย่างน้อยชีวิตในอนาคตก็จะสมบูรณ์แบบไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรคมากนักไง” เป๊บอธิบายยาว
“แหมเมิง เข้าใจน่า แต่แบบก็แอบอยากรู้งี้” ฉัตรบ่นๆ
“เป๊บ เอางี้มั้ย เนี่ยเดี๋ยวกินเสร็จ ขับรถไปไหว้อาม่ากัน” ผมหันไปบอกเป๊บ
“เอางั้นหรือครับ จากเวลาน่าจะพอได้นะ” เป๊บพูดพลางมองนาฬิกาข้อมือ
“ดีๆ ไปกราบอาม่า จะได้เม้ามอย” ฉัตรยิ้มอารมณ์ดี
“ขออนุญาตวางอาหารนะคะ” พนักงานยกอาหารมาเยอะมาก
“แดกๆ ก่อน ค่อยว่ากัน”
   หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เดินทางไปกราบอาม่า ใจจริงของผมคิดว่าจะนำความเรื่องการบวชไปบอกอาม่าด้วย แต่เพื่อนๆนี่ละครับ อยากจะเม้ามอยกับอาม่าเหลือเกิน
   ขับรถใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงร้านค้าขายของชำ ซึ่งเป็นบ้านของอาม่า พี่ที่เป็นลูกสาวอาม่ากำลังจัดเก็บหน้าร้านพอดี
“พี่สวัสดีครับ” เป๊บทักทาย ตามด้วยพวกเราทั้งหมด
“เอ้า สวัสดีค่ะน้องเป๊บน้องโจ้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นยังไงบ้าง สึกมาเมื่อไหร่นี่”
“ก็สักระยะนึงแล้วครับพี่ พี่ละครับสบายดีมั้ย”
“สบายดีค่ะ เนี่ยพี่ยังบ่นๆ กับแม่เลยว่า น้องเป๊บสึกหรือยัง แม่ยังบอกพี่ว่า เดี๋ยวก็มา เออมาจริงๆ”
“จริงหรือครับพี่ อาม่ารู้ล่วงหน้าอีกนะครับ” เป๊บแซวๆ
“ฮ่าๆ ก็ตามนั้น งั้นเข้าไปหาแม่พี่ก่อนนะ เดี๋ยวเก็บร้านเสร็จจะตามไป”
“ขอบคุณครับ”
“ตามสบายนะคะทุกคน นึกว่าเป็นบ้านตัวเองนะ” พี่สาวบอกกับทุกๆคน
   พวกเราก็เดินผ่านชั้นวางของ อ้อมไปทางหลังร้าน มุ่งตรงไปยังห้องนอนของอาม่า
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก.....อาม่าครับ ขออนุญาตครับ” เป๊บเคาะประตูห้องอาม่าพร้อมกล่าวขออนุญาต
“อาตี๋หญ่ายหรือ เข้ามาๆน่า”
“สวัสดีครับ / ค่ะ อาม่า” พวกเรายกมือไหว้กล่าวทักทายอาม่า
“ไอหย๋า มากังเยอะ สะหวักลีๆ มาๆ เข้ามาก่องน่า นั่งๆ”
“อาม่าสบายดีนะครับ” ผมเริ่มทักทายอาม่า
“ตามปะสาน่าอาตี๋เล็ก ลื้อละเป็งยังงายบบ้างน่า”
“สบายดีครับอาม่า”
“ลีๆ แหล้วน่า แล้วตกลงลื้อจะบวกวังหนาย” อาม่าถามผมพร้อมยิ้ม
“หา อาม่าทราบ” ผมถามกลับ
“อย่าถามน่าอาตี๋เล็ก บวกเดืองมีนาช่ายม่าย ฮ่าๆ” อาม่าหัวเราะอารมณ์ดี
“คุณพระ” ฉัตรเอามือทาบอก
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะฮาครืนขึ้นมา
“ตกจายอารายอาหมวย”
“ก็อาม่ารู้ด้วยหรือคะ ยังไม่ทันจะได้เล่า”
“ชิงๆ ได้แหล่ว ฮ่าๆ บวกเดืองหน้าแหละดีอาตี๋เล็ก จะได้เริ่มต้งชีวิกหม่ายๆน่า”
“จริงหรือครับอาม่า แล้วตอนนี้ชีวิตผมยังไม่ใหม่หรือครับ”
“คงที่รอกจากความตายมาน่า ก็เหมืองกับการเกิกหม่ายน่าอาตี๋เล็ก ดังน้างถ้าได้บวกหรือสร้างกุศงหม่ายๆ ก็จะช่วยห้ายชีวิกจาเริงขึ้งมากน่า”
“ครับอาม่า”
“แล้วลื้อก็จะล่ายทกแทงบุงคุงพ่อแม่ล่วยน่า”
“นั่นเป็นความตั้งใจของผมเลยครับอาม่า”
   สิ้นเสียงที่ผมตอบอาม่าไป อยู่ดีอาม่าก็นั่งนิ่งหลับตาซะแบบนั้น ผมกับเพื่อนๆ ก็ทำหน้าตกใจ เว้นแต่เป๊บที่ทำหน้านิ่งๆ ไม่ถึงนาที อาม่าก็ลืมตามา
“อาตี๋เล็ก คุงยายของลื้อฝากบอกมาว่า วังที่ลื้อบวก ท่างจะลงมาร่วมน่า”
   ยังไม่ทันตอบอาม่า ผมก็น้ำตาซึมทันที คุณยายยังไม่ได้ไปไหน ยังอยู่ใกล้ๆ ผมคิดถึงคุณยายมากเหลือเกินครับ
“อย่าล้องอาตี๋ ท่างสาบายลีน่า ท่างก็ดูแลลื้อตาหลอด บวกให้ท่าง ก็ตอบแทงพะคุงเลี่ยว”
“ครับอาม่า ผมคุยกับพระอาจารย์ไว้ว่า 26 มีนาคม ยังไงถ้าคุณพ่อคุณแม่ไปคุยกับพระอาจารย์ท่านแล้วลงตัว ผมจะมาบอกวันเวลาอาม่าอีกทีนะครับ”
“วังนั่งแหละลี อาม่าปายแน่นองน่า”
“ขอบคุณครับอาม่า”
“แล้วลื้อเป็งงายอาตี๋หย่าย หน้าผ่องเชียวน่า”
“ฮ่าๆ อาม่าก็แซวเกินไปครับ”
“ลื้อทำถูกทางเลี่ยว คงที่จิตไว้น่า จาช่วยให้ลื้อมีสาติมาก”
“ครับอาม่า”
“อาตี๋หย่ายดูแลอาตี๋เล็กดีๆน่า อีสร้างกุศลผลบุญมาต่างจากลื้อมาก ขาดอีไปลื้อไปก็ลำบาก เช่งเดียวกังน่าอีตี๋เล็กลื้อก็ดูแลอาตี๋หย่ายดีๆ ถ้าลื้อขาดอีปายชีวิกลื้อก็ไปไม่ถึงหนายเหมืองกังน่า”
“เหมือนที่เรียกว่า คู่บุญบารมี หรือเปล่าคะอาม่า” ฉัตรถามอาม่า
“จาว่าแบบนั้งก็ด้ายน่า อีทั้งสองเป็งคู่กังมาหลายภพชากมักน่าอาหมวยหญ่าย อยู่กังจงตายจากกังโน่ง ฮ่าๆๆ” อาม่าหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“อาม่าคะ หนูสงสัย ถ้าสองคนเขาเป็นเนื้อคู่กัน ทำไมโจ้เขาถึงได้เกิดมาเป็นผู้ชายละคะ”
“อาหมวย มังขึ้งอยู่กับคำอธิษฐานน่า อาตี๋เล็กอีเคยตั้งจิกขอให้ชากหน้าได้บวช อีเลยเกิกมาเปงผู้ชายน่า แต่ด้วยจิกวิงยางเปงผู้หญิงมาหลายภพชาก ชากนี้อีเลยเปงแบบนี้น่า”
“แล้วชาติหน้าละครับอาม่า ผมจะต้องเกิดเป็นแบบนี้อีกหรือ”
“อาม่าม่ายลู้หลอก ปักจุบังสำคังที่สุกน่า ลื้อเองทำปักจุบังห้ายดี อนาคกจะลีเอง”
   อาม่าก็ยังได้เล่าเรื่องราวในอนาคตของทุกคนอย่างคร่าวๆ เปรียบเสมือนคำพยากรณ์ที่ทำให้ทุกคนไม่ประมาท อาม่ายังให้สติและข้อคิดในการดำเนินชีวิต ทำให้พวกเรารู้สึกดีและปลื้มปิติมาก พี่สาวลูกอาม่า นำน้ำและขนมมาให้ พร้อมกับชวนคุยสนุกสนานเฮฮา จนกระทั่งได้เวลากลับ
“ไม่นอนค้างที่นี่หรือคะน้อง ห้องว่างนะ” ลูกสาวอาม่าชวน
“วันนี้มากันหลายคนครับพี่ เอาไว้เดี๋ยวผมกับโจ้มาสองคนค่อยค้างนะครับ”
“รอบหน้าเดี๋ยวหนูจัดผ้ามาค้างด้วยนะคะพี่ ฮ่า” ฉัตรแซว
“ยินดีเลยค่าน้องฉัตร เนี่ย พี่ชวนสองหนุ่มนี่กี่ครั้งก็ไม่สะดวกตลอด ครั้งต่อไปว่าจะไล่ตั้งแต่หน้าบ้าน”
“โหวววว ขนาดนั้นเลยพี่” ผมทำตาโต
“ฮ่าๆ แหย่เล่นค่า ยังเดินทางกลับปลอดภับนะคะ เจอกันวันงานบวชนะ”
“ได้ครับพี่ ขอบคุณครับ ยังไงผมจะส่งข่าวอีกครั้งนะครับ”
“ได้ค่า”
“อาม่า พวกเราทุกคนลานะครับ”
“สะหวักลีๆ น่า จาเริงๆ เดิงทังปอกภายน่า”
   พวกเราทั้งหมดเดินทางออกจากบ้านอาม่า ด้วยการขับรถตามกันมา จนมาแวะที่ปั้มน้ำมันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านอาม่ามากเท่าไหร่นัก
“กินไรปะวะ” ฉัตรถาม
“หิวยังเป๊บ”
“กินได้ครับ”
“กรูว่าก่อนกลับ กท หาไรแดกก่อนก็ดี เผื่อไปหิวตอนดึกแม่มซวย” เบิดเปรย
   สรุปเรียบร้อย ก็มาทานร้านข้าวต้ม ย. ยาว ร้านนี้ผมกับเป๊บมักจะมาทานเป็นประจำหลังจากที่แวะมากราบนมัสการพระอาจารย์หรืออาม่า รสชาติใช้ได้ครับ อร่อยกว่าร้านใน กท หลายๆ ร้านเลยทีเดียว
“อีโจ้ว เมิงพร้อมบวชยัง”
“ใจนะพร้อม แต่บทขอบวชกรูยังจำได้ไม่หมด”
“ให้คนกล่าวนำแล้วเมิงว่าตามไม่ได้หรือ” โอ๊ตถามเชิงหันไปมองเป๊บ
“ตามหลักปัจจุบันก็ได้นะ แต่ตามหลักพระธรรมวินัย การกล่าวด้วยตัวเองแสดงถึงความตั้งใจ จะให้ความรู้สึกดีกว่า” เป๊บตอบโอ๊ต
“งั้นอิชั้นว่า โจ้จะต้องพยายามให้มากแล้วละค่ะ” ทรายพูดกับผม
“ก็พยายามอยู่นี่ละทราย บางครั้งก็ท่องๆ ดันสลับกัน”
“ให้อีเป๊บติวดิเมิง เหมือนติวสอบคิวอีไง” ฉัตรแซว
“โอ้ยยยย ว่างซะที่ไหนละ ตั้งแต่สึกมา ดูนิ่งๆ เฉยๆ ทั้งวัน เห๊อะ” ผมบ่นเชิงแขวะเป๊บ
“อ้าวอีเป๊บ งานเข้าเมิงละ สงสัยไม่ได้ทำการบ้าน”
“ไม่นะฉัตร เพิ่งทำไม่กี่วันมานี่เอง”
“แล้วจะไปเล่าเพื่อนๆ ทำไมมมมมมมม” ผมตกใจ
“เป๊บไม่ได้เล่า แค่ตอบฉัตรเองครับ” ยิ้มกว้างเพื่อ?
“ฮ่าๆ เมิงต้องทำให้สม่ำเสมอไงอีเป๊บ ห่างไปหลายเดือน เพื่อนกรูหยากใย่ขึ้น”
“เกินไปอะฉัตร เดี๋ยวตบบบบบบ” เขินมาก
“เท่าที่สำรวจไม่มีหยากใย่นะฉัตร” เป๊บไม่ต้องตอบอีฉัตรรรร โอ้ยยยยย
   ทุกคนขำกันลั่น นี่ละครับการสนทนาแบบ dirty joke ของแก๊งค์ผม ไม่ได้พ้นจากเรื่องบนเตียงเลยจริงๆ
   ทานข้าวเสร็จเรียบร้อยก็ต่างก็แยกย้ายล่ำลา ผมกับเป๊บขับรถกลับกันสองคน เพื่อนๆ คนอื่นฉัตรอาสาพาไปส่งถึงบ้าน ระหว่างทางขับรถกลับ
“เป๊บ ตอนที่บวช เป๊บคิดถึงโจ้ป่าว”
   เป๊บหันมามองแวบนึง ก่อนละสายตากลับไปมองที่ถนนเหมือนเดิม
“คิดถึงมากครับ....มากจริงๆ จนบางครั้งเกือบทนไม่ไหวเหมือนกัน”
   ทำไมเสียงที่เป๊บเปล่งออกมา ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อน วูบวาบ และกระแทกใจกับความรู้สึกอย่างมาก
“แล้วเป๊บทำยังไงละ”
“พระอาจารย์สอนให้สลัดความคิด คือ คิดในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน ณ ขณะจิตที่เรากำลังทำอยู่ ให้เรารู้ว่าตัวเรากำลังทำอะไร แล้วตั้งสติกำหนดให้เรามุ่งไปตามทางนั้น”
“ได้ผลมั้ย”
“ช่วยได้มากครับ เป๊บพยายามที่จะมีสติ ช่วงเวลาใดที่คิดถึงโจ้ เป๊บจะสลัดความคิด ดึงตัวเองกลับมาตลอด ในระยะแรกๆ ทรมานมาก แต่พอล่วงเข้าไปเดือนแรก เริ่มชิน และค่อยๆ ลืมโดยไม่คิดถึงมากเท่าไหร่ครับ”
“หา..หมายความว่าหมดรัก” ผมถามแบบงอนๆ
“ไม่ใช่ๆ ครับ อย่าคิดแบบนั้น หมายถึงจิตไม่ฟุ้งซ่านเพราะเรารู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานภาพไหน ต้องทำอะไรต่างหากครับ”
“จริงอะ แล้วโจ้จะต้องเป็นแบบเป๊บมั้ยอ่า”
“ก็แล้วแต่ว่า ที่รักรักเป๊บหรือเปล่า ถ้ารักก็คิดถึงเยอะมาก เว้นว่าไม่รักก็จะลืมๆ กัน”
   ตอนไปบวชเขามีคลาสสอนแอคติ้งมาหรือไง สุ่มเสียงมีการดราม่า หนอยยยย ผัวเจ้าเล่ห์
“นี่ๆ ไม่ต้องทำเสียง เคน ธีรเดช”
“อ้าวหรือครับ ว้ากะจะเสียงหล่อๆ เหมือนเคนธีรเดช ฮ่า”
“ตลอดดดดดด ชิส์”
“ยังไง วันที่ที่รักห่มผ้าเหลืองแล้ว อย่าได้คิดถึงเป๊บนะครับ ทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดี ชีวิตเราอาจจะมีโอกาสได้ทำเพียงครั้งเดียว หากที่รักตั้งใจ เชื่อเถอะว่า จะได้สัมผัสความรู้สึกหนึ่งที่ไม่เคยได้รับมาก่อน”
“มันคืออะไรหรือเป๊บ”
“ความลับครับ บวชแล้วจะรู้เอง”
   ความลับงั้นหรือ เป๊บบวชแล้วเจออะไรกันน้า เป็นความสงสัยที่ผมครุ่นคิดมาตั้งแต่วันนั้น จนมารู้ความหมายตอนบวชนี่ละครับ
“เป๊บๆ ถามอีกเรื่อง...บวชวันแรกเจอผีป่าวอะ”
“หือ ทำไมถึงอยากรู้ครับ”
“ก็แบบ ได้ยินเขาเล่าๆ กันอ่า ว่าพระใหม่บวชวันแรกๆ จะเจอผีมาขอบุญอ่า”
“ถ้าโจ้ได้ยินมาแบบนั้น ก็ ถูกต้องครับ”
“หา เป๊บเจอจริงอะ เล่าๆๆ”
“เป๊บไม่รู้ว่าใช่ผีหรือไม่นะครับ...คือ คืนแรกที่นอนกุฎิพระอาจารย์ ท่านสั่งว่า ห้ามออกไปเดินนอกกุฎิหลังช่วงเวลาสามทุ่มอย่างเด็ดขาด เป๊บเองก็เชื่อฟัง เลยอยู่ในกุฎิตลอด จนเวลาประมาณสี่ทุ่ม พระอาจารย์ก็ขอตัวขึ้นไปจำวัตรที่ชั้นสอง ส่วนเป๊บก็นอนจำวัตรชั้นล่าง ด้วยความที่เป็นพระใหม่คืนแรกก็ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งนิ่งๆ จนเห็นว่าเวลาล่วงเข้าห้าทุ่ม เลยนอนพักผ่อนเพราะรุ่งเช้าต้องตามพระอาจารย์ไปบิณฑบาต ระหว่างที่กำลังนอน” เป๊บหยุดเล่า
“เล่าต่อซิเป๊บ”
“ระหว่างที่กำลังนอนบนฟูกบางๆ ซึ่งเป๊บนอนไม่หลับ เพราะเคยนอนแต่เตียงนุ่มๆ ไงครับ นอนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมา อยู่ดีๆ เป๊บได้ยินเสียงหวีด”
“หา เสียงหวีด มีคนกรีดร้องหรือ”
“ใช่ครับ แต่ไม่ใช่เสียงคน เพราะรอบกุฏิมันมืดไม่มีใครแน่นอน”
“เสียงหวีดยังไงอะ”
“เสียงหวีดแหลมๆ...วิ๊ดดดดดด...วิ๊ดดดดดดด...”
“หา....เสียงอะไรอะ” ผมตกใจมาก
“ไม่ทราบครับ แต่เป็นเสียงหวีดแหลม ประเด็นมันอยู่ตรงที่ ดังมาจากหน้าต่างห้องที่เป๊บนอน แล้วหน้าต่างบานนั้นมันติดหลังกุฏิ ซึ่งไม่มีใครเข้าไปได้ เพราะด้านหน้ากุฎิล๊อกประตู อีกอย่างสมมตินะครับ ถ้าพระอาจารย์จะแกล้ง การเดินไปหลังกุฏิท่านก็ต้องผ่านห้องที่เป๊บนอน”
“เป๊บกำลังจะบอกว่า ผี”
“คงใช่ครับ เป็นผีเปรต มาขอบุญ”
“โหวววววว แล้วเป๊บไม่กลัวหรือ” ผมถามด้วยความตกใจ ตาโต
“ตอนนั้นถ้าไม่ได้บวช คงช๊อกครับ แต่พออยู่ในชุดผ้าเหลือง ไม่ได้เกิดความรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย”
“แล้วเป๊บทำยังไงอะ วิ่งไปตามพระอาจารย์มั้ย”
“ไม่ครับ เป๊บก็ลุกขึ้นนั่ง ตั้งใจฟังเสียงว่าใช่หรือไม่ เสียงนั้นก็ยังดังเป็นจังหวะ แต่ไม่สม่ำเสมอ พอเป๊บตั้งสติได้ ก็พนมมือ สวดมนต์ แล้วตั้งใจแผ่บุญให้....บุญกุศลอันใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาตลอดทุกภพชาติ ยาวนานนับอสงไขย ทุกอานิสงฆ์ผลบุญนั้น ข้าพเจ้าขอมอบให้วิญญานเปรตที่ส่งเสียงขอบุญกับข้าพเจ้า ณ ขณะนี้ ขอให้ไปสู่สุขคติภพ หลุดพ้นจากภพภูมิเปรตนี้...เทอญ”
“แล้วยังไงต่ออะเป๊บ”
“พอสิ้นเสียงคำแผ่เมตตา เป๊บได้ยินเสียง วิ๊ดดดดดดดด ดังยาวๆ แล้วก็เงียบไป ไม่เคยได้ยินอีกเลยจนย้ายไปปฏิบัติธรรมที่พม่าละครับ”
“โหวววววว”
“แล้วที่รักรู้อะไรมั้ยครับ ตอนเช้าเป๊บตื่นตีห้า ล้างหน้าแปรงฟัน รอพระอาจารย์ลงจากชั้นสอง แล้วจะไปบิณฑบาต พอพระอาจารย์ลงมา ท่านทักคำแรก”
“ทำได้ดีนี่ท่าน เขาไปเกิดแล้วนะ คนบุญมากกำลังของเครื่องส่งดี เขาก็หลุดพ้นทันที”
“หา เป๊บบบบบ พระอาจารย์รู้ได้ยังไง”
“เป๊บไม่ทราบครับ รู้แต่ตอนนั้น อึ้งมาก แต่ก็รู้สึกอิ่มใจ ที่ได้ส่งวิญญาณดวงหนึ่งที่กำลังลำบากมากๆ ให้ไปสู่สุขคติ และนั่นก็เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เป๊บตั้งใจศึกษาพระธรรมมากครับ”
“โหยยยย ฟังเป๊บเล่าแล้ว รู้สึก เหวอมากๆ”
“ยังไงหรือครับ กลัวเจอหรือ”
“ก็ใช่อะ กลัวผี แบบกลัวมาแหกอก แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกเหมือนในหนังในละครไรงี้”
“ฮ่าๆๆ ไม่มีหรอกครับ ส่วนมากไม่มาแบบเสียงก็มาแบบปกติ”
“หา เป๊บเจอแบบปกติด้วย”
“ไม่เชิงครับ แต่ไม่เล่าแล้วนะ เดี๋ยวโจ้กลัว”
“ก็ดีนะ พอแล้วๆ แค่เรื่องวันแรกก็จะหัวใจวาย”
   ไม่น่าเชื่อนะครับว่า บทสนทนาระหว่างเราสองคน ทำให้ผมรู้สึกว่า ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ คืนนี้ผมมานอนค้างบ้านใหญ่กับเป๊บครับ
   หลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็มาเปิดคอม อ่านไฟล์เวิดที่เป็นบทท่องขออุปสมบท ระหว่างการท่องบทสวด ก็นึกถึงเป๊บในครั้งก่อนที่ผมมองเขาท่องบทอุปสมบทแบบเดียวกันนี้
“รอบนี้ ถึงเวลาของเราแล้วซินะ ต่างวัน ต่างเวลาจริงๆ” ผมเปรยบ่นกับตัวเองพร้อมยิ้ม
“ใช่ครับ ทุกคนมีเวลาของตัวเอง วันใดวันหนึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง เราก็จะเป็นไปแบบนั้นครับ”
“อ้าวเป๊บ อาบน้ำเสร็จตอนไหน แล้วย่องๆ มาไม่บอก”
“หือ เป๊บไม่ได้ย่องมานะครับ โจ้มีสมาธิมากเกินต่างหาก เป๊บเรียกให้หยิบผ้าขนหนูให้ยังไม่ได้ยินเลย”
“อ้าวจริงหรือ...แล้วก็เดินมาหยิบผ้าขนหนูเอง ก็ช่วยนุ่งด้วย เดินโทงเทงมาทำไมอะ”
“อ้าว...แล้วจะอายทำไมละครับ อยู่กับเมียสองคนในห้องส่วนตัว”
“โอ้ยยยย ก็นั่นแหละ จะมาเดินโทงๆ ก็เกินไป รีบๆ ไปแต่งตัวเลย”
   เป๊บไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเสียงหัวเราะ เหอะ ผมหันมาท่องบทสวดต่อ
“ณัจจะคีตะวาคี..วิภู...เอ่อ..อะไรหว่า จำไม่ได้...โอ้ยยยย...ติดตรงนี้ประจำเลย”
   ผมละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ และถอนหายใจ หันมามองเป๊บอีกครั้ง ก็พบว่า นอนหลับกรนเบาๆ โทรศัพท์มือถือหล่นข้างตัวเรียบร้อยแล้ว
“อีกสามวันต้องเริ่มไปซ้อมแบบจริงจังตามที่พระอาจารย์นัดแล้ว จะไหวมั้ยวะเรา”
   ผมบ่นไปพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปคนเดียว เอาเข้าจริง ตัดสินใจจะบวชแล้ว ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรยังไงอย่างไร ก็ต้องไหวแล้วละครับ
“นอนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
   ผมค่อยๆ สอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มบนเตียงแบบเบาที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ไปรบกวนการนอนของเป๊บ
“ไม่เจอกันสองสามวัน ก็คิดถึงมากแล้ว นี่จะต้องห่างกันนานนับเดือน คงคิดถึงที่สุด”
   ผมพูดตามที่ใจคิด โน้มตัวไปจุ๊บแก้มเป๊บเบาๆ
“รักนะเป๊บ ในชีวิตคงรักใครไม่ได้อีกนอกจากเป๊บ โจ้ไปบวชห้ามนอกใจนะ”
   เป๊บไม่ได้ยินหรอกครับ เพราะหลับสนิทไปนานแล้ว ผมก็บ่นไปจากใจเท่านั้นเองแหละ นอนดีกว่า

   วันเวลาได้ล่วงผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในวันพรุ่งนี้จะเป็นวันฤกษ์งามยามดี ที่ผมได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตามที่ได้ตั้งใจไว้แต่แรกเริ่ม นับจากวันที่ผม เป๊บ และเพื่อนๆ ไปหาอาม่า ตัวผมเองก็วิ่งวุ่นและยุ่งอยู่กับการประสานงานการบวชครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการซ้อม การนัดแนะ การวางแผน และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่ได้ รวมถึงเป๊บที่คอยขับรถรับส่ง ให้กำลังใจ และช่วยดูในรายละเอียดแต่ละเรื่องว่าเผื่อเหลือเผื่อขาดอะไรบ้าง
   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2018 23:12:09 โดย jonathan2624 »

ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
ทางครอบครัวของเป๊บ มีแด๊ด มัม และพี่ๆ ให้ความช่วยเหลือเต็มที่ แด๊ดสนับสนุนยานพาหนะ และกำลังคนจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกน้องที่ใกล้ชิด เข้ามาช่วยเหลืองานบวชผมราวกับว่าเป็นงานบวชของเป๊บเอง และในคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ผมอยู่ที่บ้าน เพราะตามกำหนดการงานอุปสมบท รุ่งสางจะทำพิธีโกนผมบวชนาค และในช่วงสายจะแห่นาคเข้าโบสถ์ เท่ากับว่า ทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก่อนพระฉันท์อาหารเพล
   สำหรับในคืนนี้ บ้านของผมดูครึกครื้นและแคบไปถนัดตา เพราะเต็มไปด้วยรถยนต์ที่ใช้ในงานบวช ลูกน้อง และครอบครัวของเราสองคนต่างก็มาค้างบ้านผมทั้งหมด
“พี่ เท่าที่ผมเช็ค ไม่น่าจะมีอะไรบกพร่องแล้วนะครับ ยังขาดอะไรอีกไหม” แด๊ดเอ่ยถามพ่อผม
“คงไม่มีแล้วครับ ขอบคุณมากๆ เลยนะครับที่ช่วยเหลือทุกอย่าง ไม่งั้นคงลำบากมาก”
“แค่นี้สบายมากครับพี่ ลูกโจ้ก็เหมือนลูกผมคนหนึ่ง เราสองครอบครัวเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว ถ้าไม่ช่วยเหลือกันก็เกินไปครับ”
“ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณมากครับ”
   ผมเห็นรอยยิ้มของพ่อที่ส่งให้กับแด๊ด มันบ่งบอกถึงความรู้สึกของพ่อว่าดีใจจริงๆ ที่แด๊ดมาช่วย
“แล้วนี่ลูกพร้อมหรือยัง” แด๊ดหันมาถามผม
“99% ครับแด๊ด”
“อ้าวแล้วอีก 1% ละหายไปไหน” พ่อผมถาม
“เผื่อใจไว้ กันพลาดครับ”
“ฮ่าๆๆ ให้มันได้แบบนี้ลูกคนนี้ พ่อว่าไปนอนได้แล้ว เป๊บพาโจ้เขาไปนอนได้แล้วลูก ตีสามต้องเดินทางแล้ว”
“ครับพ่อ...ไปพักผ่อนได้แล้วครับ”
   เป๊บฉุดรั้งแขนผมขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสองของตัวบ้าน เข้ามาในห้องผมก็ถอนหายใจ
“เฮ้ออออออ”
“เป็นอะไรครับ”
“ไม่รู้ซิเป๊บ ตื่นเต้น เศร้าๆ นอยด์ๆ กลัวๆ สารพัด”
“ทำใจให้สบายนะ ตอนที่เป๊บบวชก็มีความรู้สึกแบบนี้ แต่เมื่อมันผ่านไปแล้ว พอย้อนกลับไปมอง จะรู้สึกดีนะ”
“จริงหรือเป๊บ...ตอนโจ้ไม่อยู่อะ อย่าไปหาใครละ”
“หาใครหรือครับ” เป๊บทำหน้างง
“ห้ามนอกใจไง รอด้วยเข้าใจป่าว”
“หือที่รัก อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แล้ว คิดว่าเป๊บจะทิ้งไปมีคนใหม่หรือครับ”
“เหอะ ก็จริงมั้ยละ ขนาดตอนรักกัน ยังไปนอกใจกับ...” ตอนนั้นผมคิดถึงเรื่องที่เป๊บนอกใจไปกับเก๋ (ผู้อ่านทุกท่านยังจำเรื่องเก๋ได้ใช่ไหมครับ)
“ไม่เอาน่าโจ้ เรื่องมันผ่านมาแล้ว อย่าไปคิดให้เสียความรู้สึกนะครับ เอาเป็นว่า เป๊บให้สัญญา ไม่วอกแวก ไม่นอกใจ ไม่เจ้าชู้ มามะเกี่ยวก้อยกัน”
   เป๊บยื่นนิ้วก้อยมือขวา ส่งสัญลักษณ์ให้เกี่ยวก้อยกัน ผมก็แอบขำเบาๆ นะ ทำตัวเหมือนเด็กๆ ก็น่ารักดี
“รักษาสัญญาด้วยละ...อุ๊บบบบบส์”
   เป๊บโน้มตัว เอามือซ้ายคว้าคอผมเบาๆ ดึงรั้งเข้าไปแนบกาย ริมฝีปากเราสองคนประกบกัน ใช่ครับ เป๊บจูบผม เป็นจูบที่รู้สึกดี และเป็นความรักที่มอบให้โดยปราศจากความร้อนแรงใดๆ
“จูบครั้งสุดท้าย ก่อนที่โจ้จะเป็นพระ....เมื่อสึกแล้ว การจูบครั้งต่อไปจะสำคัญที่สุดในชีวิต”
“เอ๋...หมายความว่าไงอะเป๊บ”
“ถึงเวลาแล้วจะรู้เองครับ ไปพักผ่อนได้แล้ว ต้องตื่นตีสอง ตีสามเดินทางนะครับ”
“ยังไม่ง่วงเลยอ่า แล้วเป๊บจะไปไหน”
“เป๊บจะลงไปดูว่าอะไรขาดเหลือบ้าง แล้วจะไปนอนกับจิมครับ”
“อ้าวววววว อะไรอ่ายังไม่ทันบวช จะหนีไปนอนอื่นแล้ว ไม่นอนกะโจ้อะ”
“ไม่ได้นะครับ คืนแรกก่อนบวชจะต้องอยู่คนดียวตั้งสติทบทวน และอีกอย่างจะได้ซ้อมไปในตัวด้วยว่า ถ้านอนคนเดียวในกุฎิทำได้มั้ย...อย่าดื้อนะครับ รีบนอนได้แล้ว”
   เป๊บสั่งๆๆ แล้วก็ปิดประตูออกไป ทิ้งให้ผมนั่งอ้าปากเหวอแบบงงๆ ประมาณว่าผัวทิ้งซะงั้นอะ ฮือออออ

   ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่า การที่อาบน้ำ แต่งตัว ล้มนอนลงบนเตียงพร้อมกับยังคงอ่านใบกระดาษบทขออุปสมบทเพื่อเพิ่มความมั่นใจ
“เฮ้อ...อารมณ์แปรปรวนจริงกรู เอาเหอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” ผมเปรยบ่นออกมาด้วยความหนักใจ รู้สึกตัวอีกครั้ง

ก๊อกๆๆๆ
“โจ้ ตีสองแล้ว ตื่นได้แล้วครับ” ผมรู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงเคาะประตูและเป๊บตะโกนเรียก
“อื้ออออ ตื่นแล้ววววว” ผมเดินมาปลดล๊อกประตู แล้วเดินกลับมานั่งบนเตียงโดยที่เป๊บเดินตามเข้ามาในห้อง
“ไปอาบน้ำครับ อย่ามัวงัวเงีย”
“รู้แล้ววววว ง่วงงงง”
“ก็บอกให้รีบนอนไงครับ มัวงอแง รีบๆ ไปอาบน้ำ”
“ดุจังอ่า”
“เร็วๆ ครับ”
“โอเคๆ”
   อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เดินเข้ามาในห้องก็ไม่เห็นเป๊บ คงลงไปข้างล่างเรียบร้อยแล้ว แต่งตัวชุดที่เป๊บเตรียมไว้ให้ เป็นชุดสีขาวเหมือนกันตอนใส่เวลาเทศกาลถือศีลกินเจ เดินลงมาข้างล่าง ก็พบว่า ทุกคนเตรียมพร้อมหมดแล้ว คือ คนเยอะมากๆ เหมือนกับที่บ้านมีงานเลี้ยงใหญ่เลยละครับ
“ลูกโจ้ลงมาแล้ว พี่ผมว่าเดินทางกันเลยครับ”
   แด๊ดเอ่ยปากบอกทุกคน เพียงเท่านั้นต่างก็กุลีกุจอขึ้นรถตามที่นัดแนะกันไว้ เป๊บก็จูงมือผมมาขึ้นรถ เอาเข้าจริง ผมแทบไม่รู้อะไรเลยครับว่า จะต้องเดินทางยังไง รถคันไหน เป๊บจัดการให้หมด ดู Exclusive มากๆ
“อ้าวฉัตร ไม่ไปเจอที่วัดอะ”
   ผมทักทายฉัตรที่ยืนยิ้ม พร้อมด้วยแก๊งเพื่อนๆ ครบเซ็ต
“ตอนแรกว่าจะไปที่วัด พอดีเป๊บมันโทรบอกว่า ขับรถตามไปเป็นขบวนก็เหมือนได้แห่นาคไปวัด กรูเลยตัดสินใจมาร่วมขบวนนี่แหละ”
“ขนาดนั้น แล้วทำไมเอารถมาสองคัน”
   ผมงงครับ เพราะเห็นรถอัลพาร์ดสีดำของฉัตร พร้อมกับรถตู้โตโยต้า
“กรูคิดว่าเอาลูกน้องพร้อมคนรับใช้มาอีกคันรถหนึ่งด้วย เผื่อมีอะไรให้ช่วยเหลือได้”
“เว่อร์มากเมิง นี่ที่มีอยู่ก็เกินแล้วเนี่ย”
“เอาเหอะเผื่อช่วยอะไรได้ อย่ามัวพล่ามมาก เดินทางๆ”

   งานบวชของผมในครั้งนี้ดูแปลกแหวกแนวมาตั้งแต่มีรถตำรวจนำขบวนตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงวัด เมื่อถามเป๊บก็ให้เหตุผลว่า แด๊ดให้เพื่อนตำรวจที่มีตำแหน่งพอสมควร มาอำนวยความสะดวกในการเดินทาง เนื่องด้วย ช่วงเวลาตีสามแทบไม่มีรถวิ่งร่วมทาง แต่เมื่อใช้ความเร็วสูง การมีรถนำขบวนก็จะเพิ่มความสะดวกได้มาก
   ผมเข้าใจการใช้ความเร็วสูงจริงๆ ครับ ขนาดขับอยู่กลางขบวน เห็นเข็มไมล์ความเร็วไม่ต่ำกว่า 130+ ตลอด ว่าไปจะรีบอะไรขนาดนั้น
   เวลาประมาณตีห้าครึ่ง คณะเดินทางทั้งหมด ก็จอดในวัดเรียบร้อย โดยมีรถที่ผมนั่งจอดหน้ากุฎิพระอาจารย์ ผมลงจากรถมองไปรอบๆ วัด มีการกางเต็นท์หลายหลัง พร้อมด้วยผู้คนมากมายทั้งญาตพี่น้องฝ่ายครอบครัวผม ฝ่ายเป๊บ และบรรดาลูกน้อง เด็กแม่บ้านอีกเยอะมาก ราวกับว่าจะมีการจัดงานวัดกันเลยทีเดียวครับ
   พระอาจารย์ออกจากกุฎิมาต้อนรับพวกเราทุกคน
“กราบนมัสการครับ”
“เจริญพรโยมทุกคนนะ แล้วนี่ทานอะไรกันมาหรือยัง”
“ยังครับ”
“อาตมาเห็นลูกน้องโยมเตรียมอาหารเช้าไว้ ตอนนี้ควรไปทานก่อนนะ เวลาประมาณ 7 โมงจะเริ่มพิธีโดนผมบวชนาค แล้วพิธีจะต่อเนื่องยาวไปถึงช่วงใกล้เพล ถ้าไม่ทานอะไรไว้ก่อนจะเป็นลมได้นะ”
“ได้ครับๆ งั้นพวกเราไปทานก่อนนะครับ”
“พาโยมโจ้ไปด้วย เสร็จแล้ว โยมเป๊บพาโยมโจ้มาเตรียมตัวนะ”
“ได้ครับ”
   ทุกคนเดินมาที่ศาลาการเปรียญที่อยู่ติดกับโรงครัวและเต็นท์อีกหลายหลัง นั่งทานข้าวต้มหมู ขอบอกเลยครับว่า รสชาติอร่อยเวอร์มาก จะไม่ให้อร่อยได้ยังไงละครับ แด๊ดสั่งมาจากโรงแรมห้าดาว เว่อร์วังมากครับ ตกลงงานบวชหรืองาน Food Road Show
   ทานเสร็จเรียบร้อย เป๊บพาผมกลับมายังกุฎิ
“โยมโจ้นั่งคอยตรงนี้นะ”
“ครับ”
   ผมนั่งคอยตามที่พระอาจารย์บอก แต่ผมเห็นเป๊บเดินไปเดินมา เตรียมเก้าอี้ ขมิ้น มีดโกน และใบบัว รวมถึงข้าวของเครื่องใช้อีกมากมาย ผมมองทุกสิ่งที่เป๊บทำให้จนเกิดความรู้สึกว่า ตอนเป๊บบวชตัวเราเองไม่ได้ช่วยมากมายขนาดนี้ แต่ ณ ตอนนี้ เป๊บกลับช่วยอย่างเต็มที่ ผมกลับมีพลังเกิดขึ้นในใจอย่างประหลาดและตั้งใจว่า การบวชครั้งนี้จะทำสุดความสามารถและเต็มที่แน่นอน
“โยมเป๊บไปแจ้งทุกคนให้มาพร้อมหน้ากุฎิได้แล้ว”
   เป๊บเดินไปตามทุกคน ไม่นานนักหน้ากุฎิพระอาจารย์ก็คลาคล่ำไปด้วยคนจำนวนมาก สีหน้าและแววตาทุกคน ดูตื่นเต้นและดีใจกับการบวชของผมในครั้งนี้มาก
“ใกล้เวลาเจ็ดโมงแล้ว รออีกสักแปบนะ โยมผู้มีบุญใกล้จะมาถึงแล้ว”
   ผมรู้ทันทีว่าพระอาจารย์หมายถึง อาม่า ครับ
ไม่ถึงนาที รถอัลพาร์ดสีบรอนซ์ เลี้ยวเข้ามาทางหน้าวัด นั่นแสดงว่า อาม่าได้เข้ามาถึงแล้ว รถอัลพาร์ด เทียบจอดหน้ากุฎิ แด๊ด มัม พ่อ แม่ เดินเข้าไปต้อนรับอาม่าที่รถแวนคันงาม ประตูไฟฟ้าเลื่อนเปิด ก็เห็นอาม่ายิ้มแย้มหน้าตาสดใส
“อาม่าสวัสดีครับ / ค่ะ”
“สาหวักลีๆ ทุกคงน่า จาเริงๆ”
   รถเข็นอาม่าลงจากรถเรียบร้อย ทุกคนก็ยกมือไหว้แล้วกล่าวทุกทายอาม่า ที่มีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา
“นะมักสะกานพะคุงเจ้านะค่า”
“เจริญพรนะโยม มาทันเวลาพอดี”
“ฮ่าๆๆ ทังค่าทัง งางของลูกหลางไม่พลาดค่า”
“เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ต่อไปจะเริ่มทำพิธีโกนผมบวชนาค ลำดับแรกผู้ที่เริ่มตัดเส้นผมคือ โยมพ่อโยมแม่ของโยมโจ้ ตามด้วยลำดับที่สองโยมพ่อโยมแม่ของโยมเป๊บ และลำดับที่สาม โยมอาม่า หลังจากนั้นให้โยมทุกคนไล่ตามความอาวุโส และเปิดท้ายด้วยโยมเป๊บนะ....โยมเป๊บมาเป็นผู้ถือใบบัว”
   ผมมีอาการตื่นเต้นอย่างมาก บอกไม่ถูกเหมือนกันครับว่าเพราะอะไร พระอาจารย์คงล่วงรู้วาระความคิดและความรู้สึกของผม
“โยมโจ้ ตั้งสติ ทำใจให้สบาย และขออโหสิกรรมกับทุกคนที่เราเคยล่วงเกินไว้ ทั้งที่ตั้งใจก็ดีไม่ตั้งใจก็ดี ตั้งสติให้ดีนะ”
   คำแนะนำของพระอาจารย์ช่วยได้มาก ผมคลายความตื่นเต้นและความกังวลลงไปมาก
“ตั้งใจบวชนะลูก สิ่งใดที่พ่อเคยทำให้ลูกเสียใจ อโหสิกรรมให้พ่อด้วยนะลูก”
   พ่อ คือ คนแรกที่ตัดเส้นผม คำขออโหสิกรรมของพ่อทำให้ผมน้ำตาไหลทันที ณ ตอนนั้นอยากจะบอกพ่อเหลือเกินว่า ผมต่างหากที่ทำให้พ่อเสียใจบ่อยครั้ง ผมสัญญานะครับพ่อจะตั้งใจบวชอย่างดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
“แม่อนุโมทนาบุญกับลูกด้วยนะ ขอให้ลูกได้ตั้งใจบวช สิ่งใดที่แม่เคยทำไม่ได้ดีกับลูก แม่ขออโหสิกรรมด้วยนะลูก”
   แม่ คือ คนที่สองที่ตัดเส้นผม สิ่งที่แม่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเครือๆ ระคนอารมณ์ปลื้มใจทำให้ผมต่อมน้ำตาแตกไปอีกรอบแล้วละครับ
“สิ่งใดที่แด๊ดเคยทำไม่ดีกับลูกไว้ในคราวนั้น ขอให้ลูกอโหสิกรรมให้แด๊ดด้วยนะ ขอให้ลูกตั้งใจบวชในคราวนี้ และสำเร็จดังใจปรารถนา”
   ผมเงยหน้ามองแด๊ดที่ตาแดงๆ ผมเข้าใจแด๊ดนะครับว่าเหตุการณ์ ณ วันนั้น คงสร้างแผลในใจให้แด๊ดมากพอสมควร และไม่แปลกใจครับ ทำไมแด๊ดถึงได้สนับสนุนช่วยเหลือการจัดงานบวชในครั้งนี้อย่างมาก อย่างน้อยคงลบรอยแผลใจให้กับแด๊ดได้มากเช่นกัน
“ลำดับถัดไป เชิญโยมอาม่า” พระอาจารย์เรียกอาม่า
“ไหวมั้ยแม่”
   พี่สาวลูกอาม่าถาม เพราะอาม่ากำลังจะลุกจากรถเข็น ทำให้ทุกคนตกใจไปตามๆ กัน
“ไหวๆ อาหมวย ลื้อไม่ต้องๆ”
   อาม่าค่อยๆ ลุกจากรถเข็น ย่างก้าวเดินเข้ามาหาผมด้วยอาการสั่นเบาๆ ผมมองอาม่าด้วยความตกใจอย่างมาก แต่ในขณะที่สีหน้าอาม่ายิ้มแย้ม ราวกับว่าเป็นปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อาตี๋...ขอให้ลื้อตั้งจายบวก ตั้งจายสึกสาพะธรรม เพื่อส้างบุงเยอะๆ ต่อไปน้า”
   อาม่าตัดเส้นผมใส่ลงในใบบัวที่เป๊บยืนถือข้างๆ อาม่ายกมือขวามาแตะที่ศรีษะ แล้วสวดอะไรบางอย่างที่เป็นภาษาจีน ทันใดนั้น อยู่ดีๆ ก็มีลมพัดมาครืนใหญ่ ต้นไม้ใหญ่น้อยสั่นไหวไปพร้อมๆ กัน ลมที่พัดกระทบทุกคนนั้นมีความเยือกเย็น และสบายตัวอย่างน่าประหลาด พลันทำให้ผมคิดในใจว่า อาม่าคงแสดงปาฎิหารย์อีกแน่ๆ
   หลายๆ คนต่างทยอยเข้ามาตัดเส้นผมเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงฉัตร
“อนุโมทนาบุญนะคะเพื่อน...ขอให้ความตั้งใจประสบความสำเร็จ เป็นพระก็ส่งบุญมาให้บ้างนะ”
   หลายๆ คนที่ได้ยินฉัตรอวยพรต่างก็หัวเราะคิกคัก เว้นแต่ผมที่เงยหน้าเล็กน้อยมองฉัตร เห็นนางตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ ฉัตรคงตั้งใจกับงานบวชของผมมาก
“ครบทุกคนแล้วนะ โยมเป๊บ คนสุดท้าย”
   พระอาจารย์เอื้อมมือไปรับใบบัวเพื่อถือเอง ส่วนเป๊บก็จับกรรไกรมาตัดเส้นผม
“ขอให้โจ้ตั้งใจกับการบวชในครั้งนี้ สิ่งใดที่เป๊บเลยทำไม่ดี หรือล่วงเกินไว้ ขอให้โจ้อโหสิกรรมให้กับเป๊บด้วยนะ”
   ผมไม่ได้ตอบอะไรเป๊บไปมากกว่า กล่าวขออโหสิกรรมในใจกับน้ำตาไหลรินอาบแก้มเช่นกัน
   หลังจากที่โกนเส้นผมครบหมดทุกคนแล้ว พระอาจารย์ดำเนินการในขั้นตอนสุดท้ายด้วยการทาขมิ้นชัน พร้อมกับโกนขนคิ้ว และสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย
“โยมเป๊บ พาโยมโจ้ไปล้างตัวและใส่ชุดนาค เสร็จแล้วไปรอที่โรงฉันท์นะ....โยมทุกคน หลังจากที่โยมโจ้ไปถึงโรงฉันท์แล้ว ก็เตรียมความพร้อมตั้งขบวนแห่นาคได้เลยนะ อาตมาจะนิมนต์พระทุกรูปไปคอยที่โบสถ์”
   หลังจากที่ทุกคนรับคำพระอาจารย์และต่างทราบหน้าที่ของตัวเอง ก็แยกย้ายกันไปทำตามคำบอกของพระอาจารย์ เป๊บนำพาผมไปที่ห้องน้ำ เพื่อจัดการอาบน้ำและสวมใส่ชุดนาค
“เหลืองไปทั้งตัวเลยอะเป๊บ”
“เป็นแบบนี้ละครับ ต้องมาตามธรรมเนียม”
“จริงๆ ทำไมต้องทาอะ โจ้ว่ามันดูเลอะเทอะ”
“พระอาจารย์บอกว่า เวลาโกนเส้นผมอาจจะมีบาดแผลที่เรามองไม่เห็น ถ้าทาขมิ้นจะช่วยสมานบาดแผลและลดการติดเชื้อ เป็นภูมิปัญญาคนโบราณที่ตกทอดกันมา ประมาณนั้นนะครับ”
“อ๋ออออ ว่าไปก็แปลกดีนะ”
“เดี๋ยวเป๊บช่วยอาบน้ำนะครับ จะได้สะอาดไม่เลอะชุดนาค”
“ได้ๆ
   ผมกับเป๊บอยู่ในห้องน้ำสองคน เป๊บเองก็ช่วยอาบน้ำ ชำระล้างคราบขมิ้นในส่วนที่มือผมเอื้อมไม่ถึง คงไม่ต้องเขินแล้วมั้งครับ เห็นกันทุกสัดส่วนแล้ว
“สวมมาลัยมงคลก็เสร็จแล้ว”
   เป๊บหยิบมาลัยมงคล มาสวมบนศรีษะที่โล้นๆ รู้สึกโล่งๆ และเหมือนไซอิ๋วมาก
“เหมือนหงอคงปะอะเป๊บ”
“ก็เหมือนนะ แต่ต่างกันตรงที่”
“ตรงไหน”
“หงอคงตัวนี้น่ารักมาก”
“พอๆ จะบวชแล้วไม่ต้องมาล่อลวง”
“ฮ่าๆ ไม่ได้ล่อลวงนะครับ ก็น่ารักจริงๆ ที่รักดูผ่องมากนะครับ เชื่อเลยถ้าทุกคนเห็นต้องทักว่าผ่อง”
   แต่งตัวจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เป๊บก็เดินนำพาผมมาที่โรงฉันท์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการตั้งขบวนแห่นาคเข้าโบสถ์ ผมเห็นทุกคนต่างกุลีกุจอช่วยถือข้าวของและเครื่องอัฐบริขาร จำนวนมากมายหลายอย่าง
“อีเป๊บ เมิงไม่ต้องถืออะไรสักอย่าง ไปเดินกางร่มให้อี...เอ้ย...ให้นาค” ฉัตรบอกเป๊บ
“ทำไมละ ว่าจะถือหมอน”
“ไม่ได้ๆ เมิงไม่รู้หรือไง คนรักมาถือหมอนเขาว่าจะเลิกรากัน ไปเดินกางร่มให้นาค อีโอ๊ต อีเบิด เมิงไม่ต้องถือ ไปเตรียมตัวที่ประตูโบสถ์” ฉัตรสั่ง
   ผมก็สงสัยนะว่าทำไมฉัตรให้โอ๊ตกับเบิดไปเตรียมตัวที่ประตูโบสถ์ แต่ด้วยความที่ตื่นเต้นและใจจดจ่อกับการบวช เลยละความสงสัยไม่ได้เอ่ยปากถาม
“ครืนนนน เปรี้ยงงงงง....ซ่า”
   ผมตกใจมากอยู่ดีๆ เสียงฟ้าร้องลั่น และฝนก็ตกลงมาแรงพอสมควร ทำให้ผมหน้าเสีย ใจเสีย เพราะเกิดความรู้สึกว่าตอนเช้าอากาศสดใส ไม่มีเค้าว่าฝนจะตก แต่อยู่ดีๆ ดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ ทำให้งานบวชครั้งนี้ติดขัด แด๊ด มัม พ่อและแม่ ก็มีสีหน้ากังวลใจเช่นกัน เพราะว่า แขกวีไอพีกับแขกที่มาร่วมงานของผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวจะเดินทางมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“นาคคะ แม่พี่เรียกให้ไปพบ”
   พี่สาวลูกอาม่าเดินมาตามให้ผมไปพบอาม่าที่อยู่ถัดไปไม่กี่เมตร ผมก็เดินตามหลังพี่สาวไป
“อาตี๋ อย่าตกจายน่า เทวดาเขามาอวยพอง เขาดีจายที่ลื้อบวก เข้ามาใก้อาม่า”
   ผมย่อตัวลงเข้าใกล้อาม่า อาม่ากระซิบบอกบางอย่างที่ข้างหูผม จนทำให้เกิดความรู้สึกประหลาดใจ
   เด็กวัดวิ่งมาบอกศักดิ์ว่า พระอาจารย์ให้เริ่มพิธีแห่นาคได้แล้ว แม้ว่าฝนจะตกหนัก ก็ต้องฝ่าฝนกันไป มิฉะนั้นจะผิดฤกษ์งามยามดีตามที่ได้กำหนดไว้ พวกเราทุกคนก็เริ่มตั้งขบวนท่ามกล่างสีหน้าของหลายๆ คนกังวลการที่ตัวจะเปียกเพราะโดนเม็ดฝน
   ทีมกลองยาวและนางรำ ก็โห่ร้องเป็นสัญญานเตือนว่าขบวนแห่นาคพร้อมแล้ว ผมรู้สึกปลื้มใจกับทีมกลองยาวและขบวนรำแห่นาคอย่างมาก เพราะหัวแถวที่เขายืนอยู่นอกโรงฉันท์และอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมาอย่างหนัก ในขณะที่ตัวผมและคนอีกกลุ่มหนึ่ง ยืนตั้งขบวนอยู่ภายใต้หลังคาโรงฉันท์เนื้อตัวไม่ได้เปียกปอนแต่อย่างใด
   ลุงมัคทายก ตะโกนผ่านไมโครโฟนว่าให้เริ่มเดินได้ ทีมกลองยาวกับทีมเต้นก็โห่ร้องเสียงดัง เป็นสัญญานที่เริ่มต้นให้รู้กันว่า พิธีแห่นาคได้เริ่มขึ้นแล้ว
(ข้าแต่ทวยเทพและเทวดาทั้งหลาย ข้าพเจ้านาย....นามสกุล....มีจิตอันเป็นกุศลในการบวชเป็นพระภิกษุ ศึกษาพระธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า บุญอันใด อานิสงส์อันใด ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาตลอดทุกภพชาติ ยาวนานนับอสงไขย ด้วยผลบุญนั้นจงเป็นพลปัจจัยให้ถึงแก่เทพเทวดาทั้งหลาย อำนวยอวยพรให้งานบวชครั้งนี้ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้ด้วยเทอญ)
   ใช่ครับ คำอฐิษฐานนี้ อาม่าได้แนะนำให้ผมหลังตาตั้งสมาธิระลึกในใจ
“หลังจากลื้อทำตามที่อาม่าบอกน่า เพียงแค่ลื้อก้าวเท้าออกจากโรงฉัง ฝนจะหยุกทังที และม่ายตกอีกเลยจงจบงางน่า”
“จริงหรือครับอาม่า”
“จิงเซ่ คงมีบุงน่า ขออาลายได้หมก เทพเทวดา ท่างช่วยเต็งที่น่า”
   เอาจริงๆ ใจของผมไม่เชื่อหรอกครับว่าการทำแบบนี้จะหยุดฟ้าหยุดฝนได้ แต่การลองทำตามก็ไม่เสียหาย
   หลังจากอฐิษฐานเสร็จ ขบวนแห่นาคก็เริ่มเดินออกไปอย่างช้าๆ โดยมีเป๊บยืนกางร่มขนาดใหญ่อยู่ข้างๆ เป๊บหันมามองและส่งสายตาว่า ไม่เปียกแน่นอน เพราะอะไรนะหรือครับ เป๊บเอาร่มบังตัวผมไว้ แต่ในขณะที่ตัวเองอยู่นอกร่ม ซึ่งเท่ากับว่า เป๊บตัวเปียกเต็มๆ อย่างแน่นอน
   ข้างหน้าจุดที่ผมยืน เป็นแด๊ด มัม พ่อกับแม่ ที่ถือผ้าไตรจีวร และชุดเครื่องบริขารต่างๆ โดยมีศักดิ์ เวช นิค และ เกมส์ ต่างถือร่มกางกันฝนไว้ ผมไม่สบายใจอย่างมาก เหมือนงานบวชครั้งนี้ติดขัดไปหมดจริงๆ
“เปรี้ยงงงง ครืนนนนน....ซ่า”
   เสียงฟ้าร้องและเสียงฝนก็ยังรุนแรงคงที่
   (ไม่เป็นไร เอาก็เอาวะ ยังไงทุกอย่างต้องสำเร็จ) ผมคิดเพื่อเพิ่มกำลังใจให้ตัวเอง
   ขบวนแห่นาคเดินไปอย่างช้าๆ ทีมด้านหน้าค่อยๆ เดินฝ่าสายฝนที่โปรยปรายอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงคราวที่ตัวผมเองก้าวออกจากศาลาโรงฉันท์


ออฟไลน์ jonathan2624

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นตามที่อาม่าได้บอกไว้ ทันทีที่ขาขวาผมก้าวออกจากศาลาโรงฉันท์ สายฝนที่โปรยปรายอย่างหนัก กลับหยุดสงบในทันทีทันใด การหยุดสนิท เปรียบเทียบได้ว่า เหมือนใครสักคนปิดมอเตอร์สูบน้ำ มากไปกว่านั้น สายฝนที่หยุดสนิททันทีทันใด ก็ปรากฎซึ่งแสงแดดของพระอาทิตย์ สาดส่องเข้ามาภายในวัด ซึ่งนั่นทำให้ผมประหลาดใจถึงขีดสุด และที่สำคัญแด๊ด มัม พ่อกับแม่ ต่างก็หันมามองสบตากับตัวผม เหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายนี้ ก็เรียกเสียงฮือฮากับทุกคนในขบวนแห่นาคเช่นกัน
   โห่วฮีโห่วๆๆ ฮิ้วววววว เสียงขบวนกองยาวและกองรำด้านหน้า ต่างเพิ่มความสนุกสนานเต็มที่ เพราะตอนนี้อากาศโปร่งใสมาก ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกดีไปตามๆ กัน
“เป๊บเชื่อแล้วว่า แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนาแข่งไม่ได้จริงๆ”
   เป๊บเอี้ยวตัวมาและพูดแซวผม
“เกินไปเป๊บ เป็นจังหวะบังเอิญมากกว่า”
“ไม่หรอกครับ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไปและถูกกำหนดไว้แล้ว”
   ผมไม่ได้ตอบอะไรเป๊บอีก เพราะในใจตอนนี้มันรู้สึกอิ่มเอิบและปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูก
   ขบวนแห่นาคเวียนรอบโบสถ์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าสู่รอบที่สามซึ่งจะเป็นรอบสุดท้ายก่อนที่จะนำตัวนาคเข้าไปในโบสถ์
“ตั้งใจบวชศึกษาพระธรรมนะครับ ในเพศฆราวาส เป๊บมาส่งสุดทางได้แค่นี้ เจอกันอีกครั้งหลังจากสึกเข้าสู่เพศฆราวาสนะครับ”
   ประโยคที่เป๊บพูด ในตอนแรกผมไม่เข้าใจ จนกระทั่งมาเข้าใจในภายหลังว่า ความหมายของเป๊บคือ เมื่อผมเข้าไปในโบสถ์เข้าสู่พิธีการบวชสวมจีวรแล้ว สำเนียงการพูดคุย การวางตัว จะแปรเปลี่ยนเป็น ฆราวาสกับพระภิกษุ จะไม่สามารถทำอะไรเหมือนเดิมได้ครับ
   ขบวนแห่นาคเวียนรอบโบสถ์ครบสามรอบ ลุงมัคทายก ก็นำผมพร้อมด้วย แด๊ด มัม พ่อและแม่ ไปทำพิธีสวดขอขมากรรมหน้าพัธสีมาตรงประตูโบสถ์ หลังจากนั้นก็โปรยกัมพฤกษ์ โปรยเสร็จเรียบร้อย ลุงมัคทายกก็เดินนำผมไปยังทางเข้าโบสถ์ และนั่นก็ทำให้ผมได้เข้าใจว่า เพราะเหตุใด เบิดกับโอ๊ตถึงมายืนคอยตรงนี้
“พ่อนาค หลังจากเพื่อนยกตัวลอยขึ้นให้เอามือขวาเตะขอบประตูบนโบสถ์สามครั้งนะ” ลุงมัคทายกแนะนำผม
   ผมหันไปสบตาเบิดกับโอ๊ตที่แสดงแววตายินดีและดีใจอย่างมาก
“เพื่อนนาค ส่งได้แค่นี้นะ เจอกันหลังสึก” โอ๊ตบอกพร้อมยิ้ม
“ตั้งใจศึกษาพระธรรมนะ แผ่บุญมาให้ด้วย” เบิดแซว
   ทั้งสองคนประสานมือกันอุ้มผมลอยตัวขึ้น ผมเอื้อมมือขวาแตะประตูโบสถ์สามครั้ง หลังจากนั้นลุงมัคทายก ก็นำผมเขาไปในโบสถ์
   ภายในโบสถ์ มีท่านเจ้าอาวาสนั่งเป็นประธานตรงกลางท่ามกลางคณะสงฆ์ ขวามือท่านเจ้าอาวาสเป็นพระอาจารย์ ซ้ายมือ รองเจ้าอาวาส และที่เหลือเป็นพระภิกษุที่มาร่วมชุมนุมเพื่อเป็นสักขีพยานในการบวชครั้งนี้
“คุณพ่อคุณแม่ครับ หลังจากที่นาคได้เริ่มกล่าวคำขอบวชอุปสมบท ผมจะให้สัญญานเมื่อนาคหันตัวกลับมา คุณพ่อคุณแม่ยกชุดผ้าไตรจีวรมอบให้กับนาคนะครับ”
   ผมได้ยินที่คุณลุงมัคทายกนัดแนะพ่อกับแม่ ผมกวาดสายตามองไปรอบ พ่อกับแม่นั่งอยู่ข้างหลังผมซึ่งห่างไปไม่มากนัก แล้วตามด้วยแด๊ด มัม อาม่า เพื่อนๆ และเป๊บ สำหรับญาติพี่น้องและคนอื่นๆ ต่างก็นั่งกระจายๆ กันไปตามพื้นที่ว่างในพระอุโบสถ
“พ่อนาค เมื่อพร้อมแล้ว ก็เอ่ยคำขออุปสมบทได้เลยนะ” พระอาจารย์ท่านบอกกับผม
   ความรู้สึก ณ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก มันเป็นอะไรที่อธิบายยาก ราวกับว่า ผมคงต้องบอกลาชีวิตเพศฆราวาสชั่วคราว ไปสู่ เพศบรรพชิต โลกใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผมหันกลับไปมองสบตากับเป๊บเป็นครั้งสุดท้าย เป๊บยิ้มให้พร้อมกับชูนิ้วส่งสัญญานว่า เริ่มได้แล้ว ผมสูดหายใจลึกๆ ตั้งสติ กำหนดสมาธิ แล้วเปล่งเริ่มเปล่งคำขออุปสมบท

   เอสาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ......
“เปรี้ยงงงงง ครืนนนนน...ซา....หวิ้วววววววว”
   เสียงฟ้าร้องคำรามขึ้น พร้อมกับฝนตกลงมาอย่างหนักและมีลมพัดเข้ามาในพระอุโบสถ จนข้าวของไหวปลิวไปตามแรงลม และนั่นก็ทำให้ผมสติหลุด หยุดคำกล่าวอุปสมบททันที
“ไม่เป็นไรโยมพ่อนาค คนมีบุญมากได้บวช เทพเทวดาปลื้มปิติดีใจ ย่อมเป็นธรรมดาเช่นนี้ ฝากท่านอุดมด้วยนะ”
   ท่านเจ้าอาวาสบอกกับผมเพื่อให้คลายความตกใจ เมื่อสิ้นคำที่ท่านเจ้าอาวาสบอกกับพระอาจารย์ พระอาจารย์ท่านก็หลับตา ไม่ถึงสามวินาที กระแสลมและเม็ดฝน ก็หยุดทันที
“โอเคนะครับ เจ้านาค เริ่มพิธีใหม่อีกครั้งนะครับ” ลุงมัคทายกเห็นว่า เหตุการณ์รอบตัวสงบเป็นปกติ เลยบอกให้ผมให้เริ่มใหม่
   ผมตั้งสติ เรียกสมาธิกลับคืนมา แล้วเริ่มกล่าวเปล่งวาจาบทขออุปสมบทอีกครั้ง ด้วยเสียงที่ดังและกังวานมากกว่าเดิม

   เอสาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต, ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทังฯ
     ทุติยัมปาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต,ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทังฯ
     ตะติยัมปาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ, ละเภยยาหัง ภันเต, ตัสสะ ภะคะวะโต, ธัมมะวินะเยปัพพัชชัง, ละเภยยัง อุปะสัมปะทังฯ
     อะหัง ภันเต, ปัพพัชชัง ยาจามิ, อิมานิ กาสายานิ วัตถานิ คะเหตวา, ปัพพาเชถะ มัง ภันเต, อะนุกัมปัง อุปาทายะฯ
     ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, ปัพพัชชัง ยาจามิ, อิมานิ กาสายานิ วัตถานิ คะเหตะวา, ปัพพาเชถะ มัง ภันเต, อะนุกัมปัง อุปาทายะฯ
     ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, ปัพพัชชัง ยาจามิ, อิมานิ กาสายานิ วัตถานิ คะเหตะวา, ปัพพาเชถะ มัง ภันเต, อะนุกัมปัง อุปาทายะฯ

   ผมกล่างบทขออุปสมบทท่อนแรกด้วยเสียงดัง กังวาน ชัดเจน ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในพิธีอุปสมบทต่างนั่งนิ่งเงียบ ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ ดูทุกคนใจจดจ่อกับการที่ได้มองตัวผมกล่าวคำขออุปสมบทอย่างมาก
“เจ้านาค หันตัวกลับมารับผ้าไตรจีวร พร้อมเครื่องอัฐบริขาร.....คุณพ่อคุณแม่เมื่อเจ้านาคหันมาตรงหน้าแล้ว วางผ้าไตรลงตรงมือเจ้านาคนะครับ”
   ผมค่อยๆ หันตัวกลับมา ก็เห็นพ่อกับแม่ ถือชุดผ้าไตรจีวร มีแด๊ด มัม อาม่า และเพื่อนๆ รวมถึงเป๊บ บ้างก็แตะที่มือพ่อกับแม่ บ้างก็แตะที่หลัง ที่เอว ต่อยาวไปตามๆ กัน วินาทีนั้น ผมมองหน้าพ่อกับแม่ เห็นท่านดวงตาแดงก่ำ พ่อกับแม่คงดีใจและปลื้มมากมากที่เห็นผมบวชให้ ผมมองอาม่า ท่านก็มีสีหน้าที่อิ่มเอิบดีใจ มองไปที่เพื่อนๆ ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส โดยเฉพาะฉัตรที่ดูเหมือนจะปลื้มมากที่สุด สำหรับเป๊บผมไม่กล้าสบตาหรือมองหน้าเลยครับ กลัวใจไม่มีสมาธิ
   พ่อกับแม่วางผ้าลงบนแขนที่ผมกำลังพนมมือ เมื่อผ้าวางลงบนแขน ก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นหนึ่งครั้งจนทุกคนในพระอุโบสถต่างส่งเสียงอื้ออึงเบาๆ
“พ่อนาค ค่อยๆ หันตัวกลับมา ประเคนชุดผ้าไตร ให้ท่านเจ้าอาวาสนะครับ”
   ผมค่อยๆ หันกลับมาประเคนชุดผ้าไตรจีวรและเครื่องอัฐบริขารต่างๆ ให้ท่านเจ้าอาวาส ท่านรับประเคนพร้อมกับให้คำสอนที่พระพุทธองค์เคยตรัสสอนกับผู้ที่อุปสมบทใหม่ คำสอนส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของอานิสงส์ที่ได้จากการบวช พ่อแม่จะได้บุญอย่างไร และก็ขอให้ตั้งใจศึกษาพระธรรม
“ขอให้พ่อนาคกล่าวคำตามอาตตมาทีละบทโดยอนุโลม (กล่าวไปข้างหน้า) และปฏิโลม (กล่าวทวนย้อนหลัง) ไปตามลำดับ”

เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ (อนุโลม)
ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา (ปฏิโลม)

   หลังจากที่ท่านเจ้าอาวาสกล่าวเสร็จ ท่านก็ดึงผ้าอังสะออกจากชุดผ้าไตร มาสวมให้ผม แล้วเอ่ยปากให้พระอาจารย์กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปช่วยผมครองชุดผ้าไตรจีวร
   พระอาจารย์ลุกขึ้นเดินไปพร้อมกับพระภิกษุสองรูป เป๊บก็เดินนำพาผมไปด้านหลังพระอุโบสถ จะมีช่องว่างขนาดไม่ใหญ่มาก เพียงพอกับเป็นสถานที่ในการครองผ้าจีวร พระอาจารย์และพระอีกสองรูป ต่างก็ช่วยครองผ้าจีวรให้กับผมโดยมีเป๊บคอยส่งผ้าแต่ละส่วนให้
   ใช้เวลาไม่นานนัก การครองผ้าเสร็จเรียบร้อย
“มาครึ่งทางแล้วนะ อีกนิดเดียวจะครบพิธีอย่างสมบูรณ์แล้ว ตั้งสติให้มั่นนะ”
   ผมพยักหน้าให้กับพระอาจารย์ ในขณะที่เป๊บมองผมด้วยสายตาที่ปลาบปลื้มมาก
   ผมเดินกลับเข้ามาในพิธีด้วยการครองผ้าไตรจีวรอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกคนในพิธีต่างมองผมด้วยความตกตะลึง มีเสียงอื้ออึงเบาๆ แต่คำที่จำได้แม่น คือ ผ่องมาก
   ผมนั่งคุกเข่ากราบเจ้าอาสาวในฐานะพระอุปัชชา สามครั้ง พร้อมรับเครื่องสักการะ แล้วกล่างเปล่งวาจาต่อว่า
อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิฯ
     ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิฯ
     ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, สะระณะสีลัง ยาจามิฯ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ (ว่า 3 หน)
เอวัง วะเทหิ
อามะภันเต
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิฯ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิฯ
ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง
อามะ ภันเต
ปาณาติปาตา เวระมะณี
อะทินนาทานา เวระมะณี
อะพรัหมจะริยา เวระมะณี
มุสาวาทา เวระมะณี
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี
วิกาละโภชะนา เวระมะณี
นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา เวระมะณี
มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะมัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี
อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณี
ชาตะรูปะระชะตะปฏิคคะหะณา เวระมะณี
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิฯ
อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิฯ
      ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิฯ
      ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต, นิสสะยัง ยาจามิฯ
      อุปัชฌาโย เม ภันเต, โหหิ
      พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า โอปายิกัง, ปะฏิรูปัง, ปาสาทิเกนะ สัมปาเทหิ
 สาธุ ภันเต
อัชชะตัคเคทานิ เถโร, มัยหัง ภาโร, อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโรฯ (ว่า 3 หน) เสร็จแล้วกราบลง 3 ครั้ง

อะยันเต ปัตโต              อามะ ภันเต
อะยัง สังฆาฏิ                อามะ ภันเต
อะยัง อุตตะราสังโค       อามะ ภันเต
อะยัง อันตะระวาสะโก    อามะ ภันเต

       ถาม                                                      ตอบ
1. กุฏฐัง                                                  นัตถิ ภันเต
2. คัณโฑ                                                นัตถิ ภันเต
3. กิลาโส                                                 นัตถิ ภันเต
4. โสโส                                                   นัตถิ ภันเต
5. อะปะมาโร                                            นัตถิ ภันเต

          ถาม                                                    ตอบ
1. มะนุสโสสิ                                             อามะ ภันเต
2. ปุริโสสิ                                                 อามะ ภันเต
3. ภุชิสโสสิ                                              อามะ ภันเต
4. อะนะโณสิ                                            อามะ ภันเต
5. นะสิ ราชะภะโฏ                                    อามะ ภันเต
6. อะนุญญาโตสิ มาตาปิตูหิ                      อามะ ภันเต
7. ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ                        อามะ ภันเต
8. ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง                   อามะ ภันเต

         ถาม                                                         ตอบ
                 กินนาโมสิ                                            อะหัง ภันเต (1) กตปุญโญ นามะ
โก นามะ เต อุปัชฌาโย                        อุปัชฌาโย เม ภันเต
                                                                             อายัสสะมา (2) วิริทโย นามะ
พระคู่สวดจะกลับเข้ามาสวดขอเรียกอุปสัมปทาเปกขะเข้ามา อุปสัมปทาเปกขะพึงเข้ามาในสังฆสันนิบาต กราบลงตรงหน้าพระอุปัชฌาย์ 3 ครั้ง แล้วนั่งคุกเข่าประนมมือเปล่งวาจาขออุปสมบท ดังนี้
     สังฆัมภันเต, อุปะสัมปะทัง ยาจามิ, อุลลุมปะตุ มัง ภันเต, สังโฆ อะนุกัมปัง อุปาทายะฯ
     ทุติยัมปิ ภันเต, สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ, อุลลุมปะตุ มัง ภันเต,สังโฆอะนุกัมปังอุปาทายะฯ
     ตะติยัมปิ ภันเต, สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ, อุลลุมปะตุ มัง ภันเต,สังโฆ อะนุกัมปังอุปาทายะฯ

พิธีอุปสมบทเสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์เรียบร้อย ลุงมัคทายกแจ้งนิมนต์พระทุกรูปรับภัตตาหารเพลเพื่อฉลองพระใหม่ รวมถึงแจ้งทุกคนให้ไปร่วมใส่บาตรพระใหม่ที่โรงฉันท์ ในช่วงเวลานั้นภายในโบสถ์จะมีเพียงแค่ญาตพี่น้องและผองเพื่อนอยู่ร่วมถ่ายรูปกับพระใหม่ ที่มีฉายาว่า กตปุญโญ (กะตะปุญโญ แปลว่า ผู้มีปัญญาดุจแสงสว่าง) ซึ่งนั่นคือ ฉายาที่ผมได้รับ
   ทุกคนมาร่วมกันถ่ายรูปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานมาก มีเพียงแต่ผมที่กลับรู้สึกสงบอย่างประหลาด เป็นอารมณ์ที่นิ่งเฉยไปโดยอัติโนมัติ ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไรเหมือนกัน
“นิมนต์พระใหม่ที่โรงฉันท์นะครับ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะล่วงไปก่อนนะครับ” พ่อบอกกับผมแล้วเดินออกไปพร้อมกับญาติๆ ปล่อยให้ผมอยู่กับเพื่อนๆ
“เอ่อ ท่านดูผ่องใสมากเลยนะคะ” ฉัตรก้มกราบพร้อมเอ่ยชม
“เจริญพรนะโยม” ไม่ค่อยชินเลยไม่กล้าตอบอะไรมาก
“งั้นนิมนต์ท่านไปโรงฉันท์นะครับ เอ้ยพวกเราไปใส่บาตร” เป๊บบอกกับผมและทุกคน
   ผมเดินมายังที่โรงฉันท์ด้วยลักษณะแบบสำรวม โดยมีเพื่อนๆ เดินตามมาแบบห่าง และเป๊บก็ช่วยถือย่าม โรงฉันท์ดูครึกรื้นพอสมควร เพราะมีแขกของพ่อกับแม่ มาเป็นส่วนใหญ่ สำหรับแด๊ดและมัม ก็มีแขกที่สนิทมาบ้าง แต่โดยภาพรวมคนเยอะมากพอสมควรครับ
   เป๊บพาผมไปนั่งยังจุดที่รับบิณฑบาต ท่านเจ้าอาวาสและพระภิกษุทุกรูป เริ่มสวดบท ชยันโต เป็นการส่งสัญญานให้ทุกคนรู้ว่า การตักบาตรพระใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
   หลังจากเสร็จสิ้นการตักบาตรพระใหม่ พระอาจารย์ก็ได้พาไปนั่งร่วมฉันท์ภัตตาหารกับคณะพระภิกษุรูปอื่นๆ ทั้งที่บวชมานานบ้างหรือพระใหม่ที่บวชก่อนหน้าไม่กี่วัน ในช่วงเวลานั้นยอมรับเลยครับว่า วางตัวไม่ถูกและมีความเกร็งอย่างมากด้วยเหตุที่ไม่รู้ว่า การสำรวมในแบบของพระภิกษุทำต้องทำอย่างไรถึงจะไม่อาบัติ หรือผิดพระธรรมวินัย
“ท่านทำตัวตามสบายนะ ไม่ต้องเกร็ง อยู่ในอาการสำรวมเป็นพอ”
   พระอาจารย์ให้คำแนะนำ ทำให้ผมรู้สึกลดความเกร็งลงไปได้บ้าง สำหรับเป๊บหลังจากทานข้าวเสร็จ ก็เดินมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เพื่อดูแลว่ามีอะไรที่ขาดตกบกพร่องไปบ้าง
หลังจากฉันท์ภัตตาหารเสร็จเรียบร้อย พระอาจารย์ได้พาผมไปยังกุฎิเพื่อดูว่าจะต้องนอนจำวัตรที่ไหน ยังไง อย่างไร รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ปลีกย่อยที่จะต้องทำในฐานะกิจของพระสงฆ์ ในเวลาไม่นานนัก พ่อกับแม่ แด๊ด มัม เป๊บ เพื่อนๆ พี่ๆ และรวมถึงทุกคน ได้มาล่ำลาที่กุฎิเพื่อกลับไปพักผ่อน
“พ่อกับแม่และทุกคนต้องกลับก่อน หากต้องการหรือขาดเหลืออะไร ท่านบอกจิมได้นะครับ” พ่อกล่าวลา
“ได้ครับโยมพ่อ เหนื่อยมากแล้วกลับไปพักผ่อนเถอะครับ”
“ท่านต้องการอะไรเพิ่มเติม ฝากบอกเจ้าเป๊บมาได้นะครับ” แด๊ดกล่าวย้ำกับผม
“ได้ครับโยมแด๊ด”
“ท่านคะ พี่กราบละนะคะ” พี่สาวลูกอาม่ากล่าวลา
“พะคุงเจ้า อาม่าลาละน้า”
“เจริญพรครับโยมพี่โยมอาม่า เดินทางกลับปลอดภัยนะครับ”
“ท่างผ่องใสมากน้า เทพเทวดามากังเยอะมากมายเลยน่า อนุโมทนาบุงด้วยน้า”
“สาธุบุญครับโยมอาม่า ขอให้สุขภาพแข็งแรงๆ นะครับ”
   พวกเราทุกคนส่งอาม่าขึ้นรถ
“อาม่าลาทุกๆ คงน้า อนุโมทนาบุงน้า”
“ครับอาม่าเดินทางปลอดภัยครับ”
   รถอัลพาร์ดที่ไปส่งอาม่าเคลื่อนตัวออกจนลับสายตาไป
“ช่วงสามวันแรกอาตมาอยากได้โยมพ่อโยมแม่หรือคนสนิทได้มาร่วมตักบาตรทุกเช้า พอสะดวกไหม” พระอาจารย์ถามพ่อกับแม่
“เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วครับพระอาจารย์ จะต้องมาถึงวัดเวลาใดครับ”
“อาตมาจะนำพระใหม่ออกบิณทบาตร ราวๆ ตีห้าครึ่ง โยมมาคอยตรงประตูทางเข้าวัดสักประมาณหกโมงเช้าได้นะ”
“ได้ครับ”
“โยมกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะต้องมาเช้าอีก จะได้ไม่เหนื่อยมาก” พระอาจารย์กล่าวส่งทุกคน
“งั้นกราบนมัสการลานะครับพระอาจารย์ นมัสการลาครับท่าน”
“เจริญพรโยมพ่อโยมแม่และทุกคน”
“เป๊บจะกลับพร้อมกันไหมลูก” แด๊ดหันไปถามเป๊บ
“เดี๋ยวเป๊บกลับพร้อมฉัตรก็ได้ครับ แด๊ดกับมัมกลับก่อนได้เลย”
   คณะผู้ใหญ่เดินทางกลับก่อนล่วงหน้า เหลือเพียงแต่เป๊บและกลุ่มเพื่อนๆ ที่ยังอยู่หน้ากุฎิ
“พวกโยมคุยกันตามสบายนะ แต่ระวังโยมเพื่อนผู้หญิง ห้ามเข้าใกล้พระใหม่เด็ดขาดนะ”
“ค่ะพระอาจารย์ หนูจะไม่ย่างกรายเข้าไปเด็ดขาด”
   ฉัตรพูดติดตลกทำให้ทุกคนรวมถึงพระอาจารย์ตลกขบขันไปตามๆ กัน
“เออนี่ท่าน รู้หรือยังว่าจีวรที่ท่านสวมอยู่ โยมฉัตรเขาตั้งใจถวายมาก มีความพิเศษมากกว่าจีวรอื่นๆ ทั่วไปนะ”
“หา...พิเศษยังไงหรือครับพระอาจารย์” ผมมองหน้าฉัตรสลับกับพระอาจารย์ ฉัตรเองก็ทำหน้าตกใจราวกับว่าไม่คิดว่าพระอาจารย์จะพูดออกมา
“จีวรผลิตจากเนื้อผ้าพิเศษเวลาสวมตอนอากาศร้อนจะรู้สึกเย็นสบาย เวลาสวมตอนอากาศหนาวจะรู้สึกอุ่น ท่านรู้สึกแบบนี้ไหมละ”
   จะว่าไปก็จริง เพราะยืนกลางแดดเปรี้ยงๆ รู้สึกเย็นสบายตัว
“จริงครับ”
“โยมฉัตรเขาตั้งใจมาก แถมสั่งไว้ด้วยว่า ห้ามบอกท่านจนกว่าจะได้สวม พอนึกได้ก็เลยบอก...เอาละทำหน้าที่เสร็จแล้ว พวกโยมคุยกันตามสบายนะ” พระอาจารย์ก็เดินขึ้นกุฎิไป
“เป็นความจริงหรือโยมฉัตร” ผมถามฉัตร
   ฉัตรไม่ได้ตอบอะไรไปกว่าการยิ้มให้
“จริงครับท่าน ฉัตรสั่งทำจีวรชุดนี้เป็นพิเศษจากประเทศพม่า และบินไปรับมาด้วยตัวเอง ฉัตรบอกว่า อยากทำอะไรให้ท่านสักครึ่งหนึ่งในชีวิต เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เท่าที่จะหาได้บนโลกนี้” เบิดอธิบายยาว
“แล้วโยมเป๊บก็รู้เรื่องหรือ”
“ใช่ครับ จริงๆ พวกเราทุกคนก็ช่วยเตรียมการ ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์เลยไม่ได้ขัดครับ”
“จริงไม่น่าลำบากขนาดนี้ ราคาคงแพงมาก”
“ชุดละหกหมื่นบาท แพงสำหรับพวกเราครับ แต่สำหรับฉัตรไม่มีขนใดๆ ร่วงลงพื้น” โอ๊ตพูดติดตลก ทำให้ทุกคนได้หัวเราะกัน
“ถวายท่านไปสามชุดนะครับ เผื่อว่าท่านจะต้องไปธุดงภ์ กับพระอาจารย์ จะได้ไม่ลำบากเรื่องอากาศ”
“ขอบคุณโยมทุกคนมากนะ....ขอบคุณโยมฉัตรมากนะ ที่เป็นธุระจัดหาให้ขนาดนี้ บุญใดที่เราทำดีแล้ว ขอให้โยมฉัตรและทุกคน ประสบแต่ความดี สิ่งที่ดี ปราศจากความทุกข์นะ”
“สาธุครับท่าน”
   ผมเห็นฉัตรน้ำตาไหล ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว สีหน้าของฉัตรดูอิ่มเอิบ มีความสุข และนั่นก็ทำให้ผมสบายใจ ฉัตรคงสมความปรารถนาตามที่ได้ตั้งใจไว้
“พวกเราทุกคนลาท่านนะครับ พรุ่งนี้จะมาใส่บาตรแน่นอนครับ” เป๊บบอกผม
“เจริญพร เดินทางปลอดภัยนะ”
“กราบนมัสการลาครับ/ค่ะ”
   รถอัลพาร์ดมาเทียบรอยังจุดที่ทุกคนยืน เหลือฉัตรขึ้นเป็นคนสุดท้าย
“อนุโมทนาบุญกับท่านนะคะ ขอให้ท่านตั้งใจศึกษาพระธรรม ขาดเหลือสิ่งใดบอกได้ตลอดนะคะท่าน”
“ขอบคุณมากโยมฉัตร อย่าได้กังวลเลย เดินทางกลับปลอดภัยนะ”
“ค่ะ กราบนมัสการลาค่ะ”
   รถอัลพาร์ดค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปทางหน้าวัด จนลับสายตา ผมหันกลับมามองที่กุฎิ พลางคิดในใจว่า
   “เป็นก้าวแรกของชีวิตเพศบรรพชิตซินะ สัญญาว่าจะตั้งใจอย่างดีที่สุด”


ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แม้จะเป็นอดีต แต่อนุโมทนาด้วยนะคะ

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
เป็นตอนที่ดีมาก อ่านแล้วปีติ ตื้นตัน น้ำตาไหลเลยทีเดียวค่ะ
เห็นโจ้บอกจำเรื่องไม่ค่อยได้แล้ว แต่เขียนออกมาได้ละเอียดมากเลย  :pig4: :pig4: :pig4:

เล่าตอนระหว่างบวชด้วยนะคะ รออ่าน

ฉัตรเป็นเพื่อนที่ดีมากกกกกกกกกก แอบอยากให้เล่าตอนฉัตรเจอคู่ชีวิตจังค่ะ แบบว่ารู้ล่วงหน้าละ ว่าจะเป็นใครลักษณะประมาณไหน พอเห็นปุ๊ปจะรู้ปั๊ปเลยไหม อิอิ

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 :pig4:
สมกับการรอคอย อนุโมทนาบุญค่ะ
เล่าได้ละเอียดมากถึงแม้ว่าจะนานมาแล้วก็ตาม
ยังไงก็รอตอนต่อไป ค่ะ

ออฟไลน์ tarper

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อนุโมทนาบุญเจ้าคะ  :m5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด