……….48……….
ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของพี่ใหญ่ หน้าอกยังคงกระเพื่อมไหวน้อยๆ บ่งบอกว่าคนตัวโตยังหลับอยู่ ทุกครั้งที่ผมมองหน้าพี่ใหญ่เวลาหลับมันทำให้ผมอดหน้าแดงไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องเมื่อคืน พี่ใหญ่อ่อนโยนมาก เหมือนผมได้พี่ใหญ่คนเดิมคนนั้นกลับมาแล้ว ไม่ใช่ คุณชลธร ที่มีแต่ความเกลียดคนนั้น
“มองพี่แบบนี้จะลักหลับพี่เหรอครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเอ่ยถาม ก่อนที่พี่ใหญ่จะรวบผมเข้าไปกอด
“พี่แกล้งหลับเหรอ”
“ไม่ได้แกล้งครับ พี่แค่พักสายตาเฉยๆแต่ใครก็ไม่รู้จ้องเอาๆ จ้องมากๆ พี่เขินนะ”
“เขินก็ปล่อยสิครับจะกอดทำไม ผมจะได้ไปอาบน้ำ”
“พี่อาบให้ไหม”
“พี่จะบ้าหรือไงเล่า” ผมแหวลั่นก่อนจะผละออกจากอ้อมแขนแกร่งแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป บอกตรงๆว่าไม่ค่อยจะชินกับพี่ใหญ่ลุ
คนี้สักเท่าไหร่ ผมไม่ได้ SM นะครับแต่คงเพราะมันชินกับท่าทางร้ายๆของพี่ใหญ่มาหลายปีจนเกือบลืมภาพพี่ชายที่แสนอ่อนโยนคนนั้นไปแล้ว
“เมฆครับ เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเงียบจัง ให้พี่ไปช่วยอาบไหม” เสียงตะโกนจากข้างนอกดังขึ้น แม้ไม่เห็นแต่ผมก็รู้ว่าตอนนี้หน้าผมคงแดงมาก
“เงียบไปเลย ผมอาบเองได้”
“ก็นึกว่าอยากให้พี่ช่วย งั้นรีบๆอาบนะครับถ้าช้าพี่เข้าไปช่วยจริงๆนะ”
“คร้าบ” ผมรับคำก่อนจะยกยิ้มกับตัวเอง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าระหว่างเราจะมีช่วงเวลาแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะให้เรามี
ความสุขอย่างนี้ตลอดไป
“ช้ามาก” ร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียงบ่นเบาๆ เมื่อเห็นว่าผมออกมาจากห้องน้ำแล้วหลังจากที่เข้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง
“ช้าที่ไหนกัน ผมก็อาบของผมปกติ”
“ครับๆปกติก็ปกติ มานี่มา เดี๋ยวพี่เช็ดผมให้ ” พี่ใหญ่บอกก่อนจะตบมือลงบนที่ว่างข้างๆตัว
“ไม่ต้องหรอกครับ พี่รีบไปอาบน้ำเลย สายแล้ว เดี๋ยวป้าทิพย์รอนาน”
“ไม่หรอก แม่กับเจ้าเล็กออกไปช้อปปิ้งกันแล้วล่ะ วันนี้มีแค่เราสองคนนะครับ เมฆไม่อยากมีมุมกุ๊กกิ๊กหวานแหววกับพี่เหมือนที่ละครหลังข่าวชอบทำเหรอ มุขเช็ดผมนี่สวีทสุดๆแล้วนะ”
“ไม่ล่ะครับผมเช็ดเองได้ พี่รีบไปอาบน้ำเลยผมหิวแล้ว” ผมบอกพลางดันหลังอีกคนเข้าห้องน้ำ ก่อนจะยกยิ้มเมื่อเห็นว่าประตู
ห้องน้ำปิดสนิทแล้ว
ใครมันจะบ้าทำ เขินจะตาย
บางครั้งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองฝันไปหรือเปล่า พี่ใหญ่ที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้ใช่พี่ใหญ่จริงๆไหม ความสุขที่ผมมีตอนนี้มันจะมั่นคง
แค่ไหน ผมไม่กล้าคิดว่าวันพรุ่งนี้ของเราสองคนจะเป็นยังไง ถ้าพี่ใหญ่จัดการเรื่องคุณแพรไม่ได้
“ขมวดคิ้วอีกแล้ว ไม่เอาสิ ทำไมชอบทำหน้าเครียดจังเลยครับ” สัมผัสเย็นๆแตะที่ข้างแก้มก่อนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยขึ้น
“พี่อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ”
“ก็เสร็จนานพอที่จะเห็น เมฆนั่งทำหน้าเรียดนั่นแหล่ะ เป็นอะไรไปครับ เมฆไม่มีความสุขเหรอ ที่พี่อยู่ตรงนี้” เขาถามน้ำเสียงนั้น
แฝงความตัดพ้อและความน้อยใจอยู่ในที ผมยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ ผมมีความสุขดี มีความสุขมากที่พี่ยังยืนอยู่ตรงนี้ ผมก็คิดเรื่องอนาคตนิดหน่อย”
“อย่าเครียดสิ ทุกอย่างมันต้องมีทางออก พี่สัญญาว่าพี่จะหาทางออกให้เร็วที่สุดนะครับ รอพี่หน่อยนะ”
“ครับ ผมรอได้ นานแค่ไหนผมก็รอได้” ผมยิ้มให้พี่ใหญ่เพื่อยืนยันคำตอบ ต่อให้ต้องรอทั้งชีวิตผมก็รอได้ เพราะชีวิตนี้ผมคงรักใครไม่ได้อีกแล้ว
“วันนี้เที่ยวกันนะ” พี่ใหญ่ที่แต่งตัวเสร็จแล้วเดินเข้ามาบอก
“ไปเที่ยว”
“ครับ เที่ยว คิดซะว่า เรามาฮันนีมูนกันดีไหม” เขาบอกด้วยสายตาพราวระยับจนผมอดเขินไม่ได้ พี่ใหญ่โหมดนี้รับมือยากจริงๆ
“ยังไม่ได้แต่งงานกัน ซะหน่อยจะฮันนีมูนได้ไง”
“แล้วถ้าพี่ขอตอนนี้ จะแต่งไหมล่ะครับ” เสียงทุ้มบอกก่อนที่นิ้วของผมจะสัมผัสกับความเย็นของโลหะ
“พี่ใหญ่” ผมมองหน้าพี่ใหญ่สลับกับแหวนที่อยู่บนนิ้วตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
“พี่อาจจะไม่ใช่คนดี ทั้งอารมณ์ร้อน ปากร้าย ทำร้ายจิตใจเมฆสารพัด แต่พี่ก็รักเมฆนะครับ มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวมากที่พี่เลือกผูก
มัดเมฆด้วยวิธีนี้ แต่พี่แค่อยากขอให้เมฆรอพี่หน่อยได้ไหม เมื่อเรื่องทุกอย่างมันจบลง เราแต่งงานกันนะครับ” เสียงทุ้มนั่นบอก
“ว่ายังไงครับ แต่งงานกับพี่นะ”
“ผม..”
“ไม่รู้ล่ะ ถึงเมฆไม่แต่งพี่ก็จะบังคับ ให้แต่งด้วยอยู่ดี เอาเป็นว่าตกลงตามนี่นะครับ” คนตัวโตกว่าบอกอย่างเอาแต่ใจ ผมได้แต่ยกยิ้มขำ เพราะไม่เคยเห็นท่าทางเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นจากคุณชลธรเขาเท่าไหร่
“ผมบอกเมื่อไหร่ครับว่า จะไม่แต่ง ทำไมคิดเองเออเองอีกแล้ว”
“ถ้างั้น แปลว่าเมฆตกลงแต่งงานกับพี่นะครับ”
“ครับ ผมจะแต่งงานกับพี่” พี่ใหญ่ยิ้มกว้างก่อนจะคว้าตัวผมเข้าไปกอดแน่น
“ขอบคุณนะครับ เมฆ ขอบคุณที่ยอมรับคนอย่างพี่ ขอบคุณมากนะครับ”
“ปล่อยก่อนได้ไหมเนี่ย ผมหายใจไม่ออกไหนบอกจะพาไปเที่ยวไง สายแล้ว ไปเถอะครับ” ผมบอกก่อนที่อีกคนจะคลายกอดแล้วจูงมือผมออกจากห้องไป
“วันนี้เมฆอยากไปไหนครับ” เขาถามระหว่างที่เราอยู่ในลิฟต์
“ไม่รู้ครับ ผมไม่มีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษ”
“ถ้าอย่างนั้น เราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า สายแล้ว ดีไหม” พี่ใหญ่ออกความเห็น ผมพยักหน้ารับเพราะสำหรับผม สถานที่ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับคนที่กุมมือผมไว้ตอนนี้เลย
“หึ ดูท่าทางดีความสุข จังนะคะ คุณใหญ่” ภาษาที่คุ้นหูทำให้เราสองคนหยุดเดินก่อนที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะเดินตรงเข้ามาหาเรา
ทันทีที่เราก้าวออกมาจากโรงแรม
“คุณแพร” พี่ใหญ่บอกเสียงแผ่วเมื่อแว่นกันแดดที่บังเกือบบครึ่งหน้านั้นถูกถอดออก
“แหม ดีใจจังที่ยังจำคู่หมั้นคนนี้ได้ นึกว่าจะอยู่กับชู้ จนลืมแพรไปแล้วซะอีก” น้ำเสียงที่เคยอ่อนหวานกลายเป็นแข็งกร้าวเมื่อคนพูดเห็นมาทางผม
“คุณแพรครับ” พี่ใหญ่บอกเสียงเรียบเมื่อเห็นว่าคุณแพรเริ่มเสียงดัง แม้ว่าฝรั่งหัวทองที่กำลังมองอย่างสนอกสนใจนั้นฟังสิ่งที่เราคุยกันไม่ออกแต่มันไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะเดาเรื่องไม่ได้นี่ครับ การตกเป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านคงทำให้คนถือ
ตัวอย่างพี่ใหญ่ไม่สบอารมณ์นัก
“ทำไมคะ กลัวคนอื่นรู้เรื่องหรือไง ว่าไอ้ผู้ชายคนนี้แย่งผัวคนอื่น ” เธอคะคอกก่อนจะชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“ผมว่าคุณคงเข้าใจผิดแล้วมั้งครับคุณแพร ผมมีเมียแค่คนเดียว และคนๆนั้นคือเมฆ!!” พี่ใหญ่ตะคอกกลับ
“ผมว่าเราไปหาที่ เงียบๆคุยกันดีกว่าไหมครับ” ผมพยายามไกล่เกลี่ยเมื่อเห็นว่าตอนนี้เราสามคนกำลังตกเนเป้าสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา
“ทำไมแค่นี้อายเหรอ ทีแย่งผัวคนอื่นทำไมไม่อายล่ะ” เธอบอกเสียงเข้ม
“ พูดแทงใจดำเข้าหน่อยทำเงียบหรือไง เกย์อย่างแก คงอดอยากมาสินะ ถึงชอบแย่งของชาวบ้านไปทั่ว”
“หยุดพูดจาดูถูกผมเดี๋ยวนี้นะคุณแพร !!” ผมตะคอกกลับบ้าง ถึงผมจะถูกสั่งสอนมาให้สุภาพกับเพศแม่ แต่คงต้องเว้นยัยนี่ไว้สักคนนะครับ ผมเป็นมนุษย์ธรรมดาและไม่ใช่นางเอกหนังไทยที่จะยอมให้ใครมาด่าปาวๆ
“ แกจะทำอะไรฉัน เอาสิ ถ้าไม่อยากโดนด่าว่าหน้าตัวเมีย เหอะ ” เธอยิ้มเย้ยหยันเมื่อคนอื่นๆไม่เข้าใจในสิ่งที่เราพูดภาพที่เห็นตอนนี้คงเป็นผู้ชายสองคนกำลังข่มขู่ผู้หญิงท่าทางเรียบร้อยคนหนึ่งอยู่
“ผมบอกเป็นครั้งสุดท้ายนะ หยุดพูดซะ”
“ แค่นี้ทำเป็นอาย ขนาดแย่งผัวพี่ตัวเองยังไม่อายเลย นับประสาอะไรกับเรืองแค่นี้คะคุณเมฆ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แต่สิ่งที่ผมสนใจมากกว่าคือคำพูดของคุณแพร ผมมั่นใจว่าในโลกนี้มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องผมกับพี่ฟ้า แต่ทำไมคุณแพรถึงรู้
“ทำไมคุณ..”
“ทำไมฉันจะไม่รู้ เพราะนังพี่สาวแกมันเป็นคนบอกฉันเอง”
“คุณหมายว่ายังไง คุณเป็นใครกันแน่” เป็นพี่ใหญ่ที่ถามออกไป
……………….49…………….
“หึ คุณคงจำฉันไม่ได้สินะ คุณใหญ่ ใช่สิ ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยมรตัวตนในสายตาของคุณเลย ยัยแว่น สิวเขรอะ คนนั้นไม่เคยอยู่ในสายตาของคุณเลยสินะ” เธอบอกเสียงเบา
“คุณ หรือว่าคุณคือ เพื่อนสนิทของฟ้าคนนั้น”
“เพื่อน เหอะ นังนั่นมันไม่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อนเลยสักนิด มันคบฉันเพราะว่าฉันเรียนเก่งเท่านั้น และที่ฉันยอมให้มันโขกสับ
สารพัดนั่นเพราะอะไรรู้ไหม เพราะฉันรักคุณไง!! ถ้าการที่อยู่กับนังฟ้าตลอดเวลาทำให้ฉันได้เจอคุณเท่านั้นฉันก็มีความสุขแล้ว ฉันเจียมตัวเสมอและไม่เคยหวังอะไรมากไปกว่าการได้แอบมองคุณ เพราะฉันรู้ว่าคุณรักนังนั่นคนเดียว แต่แล้วฉันก็มีความหวังอีกครั้งเมื่อจู่ๆนังนั่นมันก็เกิดตายขึ้นมา คุณรู้ไหมว่าฉันดีใจแค่ไหนที่มันตายๆไปซะ เพราะนั่นมันหมายความว่าโอกาสของฉันมาถึงแล้ว” เธอเล่าด้วยน้ำตาอาบแก้ม ก่อนจะสลับกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อพูดถึงเรื่องการตายของพี่ฟ้าผมได้แต่จับมือกับพี่ใหญ่ไว้แน่นเพื่อเรียกความมั่นใจ เมื่อคุณแพรดูเหมือนจะสติแตกมากกว่าเดิมเธอเช็ดน้ำตาก่อนจะเริ่มเล่าต่อ
“คุณรู้อะไรไหม ฉันต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมากแค่ไหนเพื่อให้ดูดีเหมือนวันนี้ ต้องพยายามตั้งมากมายเพื่อนให้แม่ของคุณเห็นว่าเราเหมาะสมกัน แล้วมันก็ไผล ฉันดีใจมากที่แม่คุณมาทาบทามให้เราหมั้น ความรักข้างเดียวของฉันตลอด 7 ปี ที่ผ่านมากำลังจะเป็นจริง ถ้าไม่มีมัน ก้าวเข้ามา!!!” เธอตะคอกก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
“ผมว่ามันชักจะยังไงๆแล้วนะครับ” ผมกระซิบบอกพี่ใหญ่ ที่ยังคงยืนประจันหน้ากับคุณแพรอยู่ เขาไม่พูดอะไรแต่บีบมือผมเบาๆเพื่อให้ผมคลายกังวล
“คุณแพรครับ คุณฟังผมนะ เรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้รักคุณต่อให้เราแต่งงานกันไปคุณก็คงไม่มีความสุข ผมขอโทษจริงๆนะครับ ”
“หึ ฮ่าๆๆๆ ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ อยู่ๆกันไป แต่งๆกันไปคุณก็จะรักฉัน ฉันเชื่อว่าฉันทำให้คุณรักฉันได้ แต่ทำไม ทำไมคุณถึงต้องเลือกมัน ฉันที่รักคุณมา 7 ปีคนนี้สู้มันไม่ได้ตรงไหนทำไมคุณถึงไม่สงสารฉันบ้าง”
“ความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอกนะครับ ผมขอโทษจริงๆ”
“หึ ได้ในเมื่อฉันไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าจะมีใครได้เลย”เธอแสยะยิ้มก่อนจะล้วงเอาปืนสั้นออกมาจากกระเป๋าถือ เสียงกรี๊ดดังระงมความอลม่านเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อคนบริเวณนั้นต่างวิ่งหลบกันจ้าละหวั่น
“คุณแพร” พี่ใหญ่แหวลั่นก่อนจะดันผมไปข้างหลัง
“ทำไม กลัวเหรอคะ ” เธอแสยะยิ้มก่อนที่ย่างสามขุมเข้ามา แววตาที่เธอมองเราเต็มไปด้วยแววตัดพ้อ ผมรู้ว่าการรักคนที่เขาไม่รักเรามันเจ็บปวดและทรมานแค่ไหน แต่ถ้าจะให้ผมทิ้งความรักของตัวเองไปผมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
ปัง!!
เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกครั้งเมื่อคุณแพรยิงปืนขึ้นฟ้า ยอมรับว่าผมกลัวมากเมื่อมัจจุราชสีดำนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“คุณแพรครับ ทำแบบนี้มันจะได้อะไรขึ้นมา ถ้าคุณฆ่าผมคุณก็ต้องติดคุก มันคุ้มกันแล้วเหรอครับที่คุณจะเอาอนาคตตัวเองมา
เดิมพันกับผม” พี่ใหญ่ถามเสียงเรียบ
“อนาคตเหรอ ฉันไม่เคยมีมันตั้งแต่วันที่คุณเลือกคนอื่นแล้ว อนาคตของฉันมันจบลงไปแล้ว!!” เธอตะคอกก่อนที่นำตาเม็ดโตจะไหลอาบแก้ม มือบางที่สั่นระริกยิ่งทำให้เธอไร้ทางสู้แม้ว่าจะมีปืนอยู่ในมือ
หว๋อๆๆๆ
เสียงไซเรนตำรวจดังระงม คงมีใครสักคนโทรแจ้ง แต่ผมไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างมากนัก เมื่อคุณแพรใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าข้างนอกจะมีแต่ความโกลาหลแต่เราสามคนกลับเหมือนหยุดนิ่งอยู่กับที่
“คุณแพรครับ คิดดีๆ ก่อนจะทำอะไรลงไป อย่าเอาชีวิตของตัวเองมาทิ้งเพราะผู้ชายอย่างผม มันไม่คุ้มกันสักนิด คนดีๆอย่างคุณต้องมีใครสักคนที่เห็นค่า เชื่อผมสิ” แม้จะถูกปืนจ่อแต่พี่ใหญ่ก็ยังคงพูดกับคุณแพรด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เชื่อผมสิครับ ชีวิตของคุณไม่ได้มีแค่ผม คุณยังมี พ่อ มีแม่ มีครอบครัวที่ต้องดูแล เชื่อผมสิครับ”
“ไม่!!! หยุดพูดซะ คุณไม่เคยรู้หรอกว่าความสูญเสียของฉันมันมากมายแค่ไหน คุณไม่มีวันเข้าใจ ไม่มีวัน!!”
ปัง!!!
เสียงกระสุนอีกหนึ่งนัดดังขึ้น ก่อนที่เลือดจะไหลตามต้นแขนซ้ายของพี่ใหญ่
“พี่ใหญ่!!” ผมร้องลั่นและพยายามจะห้ามเลือดแม้ว่ามันจะดูไม่มีประโยชน์อะไรเลยก็ตาม ภายนอกตำรวจรายคนเริ่มจะยกอาวุธ
ขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้าคุณแพรยิงปืนอีกนัดเธออาจจะถูกวิสามัญ
“คุณแพร ใจเย็นก่อนนะครับ วางปืนลงเถอะ” ผมบอก
“หุบปาก!! แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน หรือถ้าแกอยากตายก่อนฉันก็จะสงเคาระห์ให้” เธอแหวลั่นก่อนจะเล็งปืนมาที่ผม
“แพร!!”
เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นก่อนที่ หญิงวัยกลางคนนึงหนึ่งจะวิ่งเข้ามาแต่ถูกตำรวจกันไว้ ก่อนที่ป้าทิพย์ ไอ้เล็กและไอ้วัตจะตามมา
“แม่!!”
“แพร ทำไมหนูทำแบบนี้ล่ะลูก ทำไมหนูทำแบบนี้” คุณหญิงพลอยพริ้ง ร้องไห้จนไม่เหลือคราบไฮโซจอมหยิ่งอย่างที่ผมเคย
หมั่นไส้ ตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่แม่คนหนึ่งที่กำลังหัวใจสลายกับการกระทำของลูกสาวตัวเอง
“แม่” คุณแพรเอ่ยเสียเบา ก่อนก็ยังไม่ยอมลดปืนลง
“แพร วางปืนเถอะลูกแม่ขอร้อง”
“ไม่!! แพรไม่วาง แม่เข้าข้างพวกมันใช่ไหม ทำไมไม่มีใครรักแพรสักคน ทำไมค่ะ” เธอถามทั้งน้ำตา
“แพรอย่าพูดแบบนั้น สิลูกแม่รักหนูนะลูกนะ แม่รักหนูมาก ต่อให้โลกนี้ไม่มีใครรักหนูแต่พ่อกับแม่ก็รักหนูที่สุดนะคะ หนูคือแก้ว
ตาดวงใจของแม่นะลูก วางปืนเถอะนะ แล้วกลับบ้านเรากัน เชื่อแม่นะลูก” คุณหญิงพลอยพริ้งอ้อนวอนทั้งน้ำตา
“ใช่คะ หนูแพรวางปืนลงเถอะนะลูก” ป้าทิพย์ช่วยพูดอีกแรง
“ทำไมคุณป้าถึงต้องเข้าข้าง มัน คุณป้าไม่อายเหรอคะที่ลูกชายเป็นเกย์ทั้งสองคน”
“สำหรับคนเป็นแม่ สิ่งสำคัญที่สุญคือการเห็นลูกมีความสุข ป้าไม่เห็นว่าการที่ลูกชายป้าสองคนจะรักชอบผู้ชาย มันเป็นเรื่องที่ผิดตรงไหน หนูแพรฟังป้านะลูก ความรักมันเป็นเรื่องที่กำหนดตายตัวไม่ได้ เราไม่สามารถบังคับให้ใครรักหรือไม่รักเราได้ หนูเข้าใจที่ป้าพูดใช่ไหม ”
“แพร วางปืนเถอะลูกนะแม่ขอร้อง” คุณหญิงพลอยพริ้งบอกเสียงแผ่ว
“แม่”
“นะลูกนะ แม่รักหนูนะลูกกลับมาหาแม่นะ กลับบ้านกับแม่ แม่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายจิตใจหนูอีกแล้ว กลับบ้านกับแม่นะคะ” เธออ้อนวอน ทั้งน้ำตา
“แม่คะ แพรขอโทษ แพรขอโทษ” คุณแพรบอกก่อนทิ้งปืนลงแล้ววิ่งเข้าไปกอดคนเป็นแม่ ท่ามกลางความโล่งใจของทุกคน
“จบแล้วสินะ” เสียอ่อนแรงดังขึ้นก่อนที่พี่ใหญ่จะหันมายิ้มให้ผม ก่อนที่คนตัวสูงกว่าจะทรุดลงทันที
“พี่ใหญ่ !!” ผมตะโกนก่อนจะตบแก้มที่แทบไม่มีเลือดนั้นเบาๆเพื่อเรียกสติ ทีมกู้ภัยที่มารออยู่ก่อนแล้วกรูเข้ามาดูอาการอย่าง
รวดเร็ว ก่อนที่ป้าทิพย์และไอ้เล็กจะตามมา
“เมฆ มึงไม่เป็นอะไรนะ”
“ไม่ แต่พี่ใหญ่เขา”
“พี่กู ไม่เป็นไรหรอก รายนั้น ตายยากจะตาย มึงไม่ต้องเป็นห่วงนะ” ไอ้เล็กบอกก่อนจะยกยิ้มให้ผม ผมยิ้มตอบก่อนจะตามคนเจ็บไปที่โรงพยาบาล
“ทำไมเข้าไปนานจังวะ” ผมบ่นเมื่อพี่ใหญ่ถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดนานร่วงชั่วโมงแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววจะได้ออกมาสักที
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า ถึงมือหมอแล้ววางใจได้” ไอ้เล็กบอกก่อนจะบีบมือผมเพื่อให้กำลังใจ
“ใช่จ๊ะ เมฆไม่ต้องเป็นห่วงนะลูก ตาใหญ่ต้องปลอดภัย เชื่อแม่นะคะ”
ผมนั่งรออยู่อีกราวครึ่งชั่วโมงก่อนที่หมอจะออกมาแจ้งว่าพี่ใหญ่พ้นขีดอันตรายแล้ว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะหันไปยิ้ม
กับป้าทิพย์
“เห็นไหมคะ ว่าตาใหญ่ไม่เป็นอะไรหรอก”
“ครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม ถ้าป้าทิพย์มาไม่ทันผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง”
“โถ่ ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูกนะ” ป้าทิพย์บอกพลางลูบหัวผมเบาๆ
“แม่ ทำอย่างกับไอ้เมฆ อายุเท่าพีพี มันโตแล้วนะ ไม่ต้องโอ๋ขนาดนั้นก็ได้มั้ง” ไอ้เล็กเอ่ยแซว
“ก็นี่ลูกสะใภ้ฉันนิยะ ฉันจะโอ๋นี่มีปัญหาไหม” ป้าทิพย์แหวลั่น
“ครับๆ กระผมไม่กล้ามีปัญหาหรอกครับ เชิญคุณแม่กับลูกสะใภ้โอ๋กันตามสบายเลยครับ” ไอ้เล็กตัดพ้อ
“โอ๋ๆ พ่อเล็กน้อยใจคุณย่าเหรอครับ มาเดี๋ยวพีพี โอ๋เองนะครับ” พีพี วิ่งเข้าไปกอดไอ้เล็กพลางพยายามเลียนแบบคุณย่าด้วยการใช้มือเล็กๆลูบผมพ่อไปมาเรียกรอยยิ้มให้ผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ได้มากโข
ผมมองเข้าไปในห้องฉุกเฉินก่อนจะยกยิ้มกว้างแม้ว่าวันนี้จะมีเรื่องยุ่งยากวุ่นวายจนเราเกือบเอาชีวิตไม่รอดแต่ผมกลับรู้สึกดีมากเมื่อมือคู่นั้นของเราไม่เคยปล่อยจากกันเลย ผมก็แค่หวังว่า เราสองคนจะจับมือแล้วเดินเคียงข้างกันอย่างนี้ตลอดไป
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,TBc,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
ชอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ นังพิต คนนี้ คึก
ฮ่าๆๆ สองตอนนะคะ
ปอลิง คงรู้กันเนาะว่ามันจิจบแล้ว อาจจะตอนหน้ามั้งคะ
จบแล้ว จบจริงๆ ไม่อิงนิยาย จุดพลุ