❤ กรี้ดกร้าดในทวิตฝากติดแทค #ยิ้มหวานของหมอ นะคะ ❤ ใครเล่น ask fm ไปคุยกับยิ้มหวาน&หมอได้น้า ยูสนี้ค่ะ sweetysmileanddoctor
[4]
หลังจากปล่อยให้เตรียมตัวมาพักใหญ่
ในที่สุด สงครามมันก็เกิดขึ้นจริงๆแล้วครับ – การสอบมิดเทอมนั่นเอง
ตอนนี้ผมกำลังพักอ่านหนังสือแล้วมาเล่นมือถือเพื่อผ่อนคลาย
ก่อนจะเห็นไอ้เหี้ยเบอร์ 1 อัพรูปหน้ากวนตีนๆของมัน กับแคปชั่น..
- มิดเทอมมหาโหดโตรมหาประลัย
ฆ่านิสิตตายล้างบางทั่วปฐพีหมีหมาหมูปิ้กกาจูยังต้องฮาราคีรี - เห็นแล้วมันอดเม้นไม่ได้...
'ตัวเหี้ยยังไม่ตายว่ะ กูเห็นมันอัพรูปอยู่' เม้นเสร็จก็รู้สึกหายเหนื่อยหายง่วงขึ้นมานิดหน่อย เพราะได้กวนตีนเพื่อน
พอสไลด์หน้าจอไล่ลงมาเรื่อยๆ ผมก็เจอรูปไอติมแมคนั่มที่มีฉากหลังเป็นหนังสือกับแคปชั่นสั้นๆ
- สอบไปดิ - เห็นแล้วหลุดยิ้มเลยครับ -- ยิ้มหวานนั่นเอง...
- สู้ๆดิ-
เม้นเสร็จก็วางมือถือหันไปหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆมาดื่มได้นิดหน่อย ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเตือนจากโทรศัพท์ดึงขึ้นมา
*กูอยู่บ้านไม่ไหวแล้วไอ้เหี้ย!!
*อ่านไม่เข้าหัวเลย
*ไปหาที่นั่งอ่านไป
*ลากกันไปทั้งฝูงนี่แหละแม่งงงไอ้คนที่เพิ่งโดนผมด่าในไอจีไปเมื่อกี้แหละครับ แม่งไลน์มา
แม่ง อ่านประโยคแรกกูคิดว่ามึงทะเลาะกับพ่อ...
เอาจริงๆ - วันไหนที่ผมไม่ไปม.นี่ ไลน์ผมเด้งเพราะมันมากกว่ายิ้มหวานอีก
ส่งมากวนเรื่อยๆเป็นระยะๆ
แต่ถ้าเงียบไปก็เป็นอันรู้กันว่าคงไปเข้าฟิตเนสตามเรื่องตามราวของมัน
นึกๆดูแล้วที่มันชวนนี่ก็เข้าท่าดีอยู่ ผมเองก็เบื่อๆเหมือนกัน
อ่านหนังสือที่บ้านมันง่วงนะครับ เตียงอยู่ใกล้แค่นี้เอง เผลอแป๊บเดียวก็พุ่งลงไปนอนได้แล้ว
อันตรายโคตร...
*เอาดิ
*เดี๋ยวกูไปรับไอ้แว่นเอง ผมเหลือบมองนาฬิกาแล้วสรุปร้านกับเวลาให้มันเสร็จสรรพครับ
*4 โมงเจอกัน *อ้าวสัด
*ทำไมร้านนั้น
*ปกติมึงชอบไปสยามกิตต์*ก็มึงบอกจะอยู่ดึก *ตามยิ้มหวานไปก็บอกพ่อหนุ่ม~~
*ไอจีเค้ากูก็ตามเหอะ
*สู้ๆดิ
*ฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ*สัด
*ใครให้มึงตามไอจีเค้าห้ะะ
*เหี้ยยยยยยย
*มึงมันตัวเหี้ย *สี่โมงเจอกันคร้าบบบ
*น้องหมออินละละละเลิ้บบบบ~~~ผมหมดแรงจะต่อปากต่อคำกับมันแล้วครับ -_-
โทรบอกไอ้โคนันเสร็จก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำอีกสักรอบเรียกความสดชื่น
ลงไปบอกพ่อกับแม่ พร้อมถามยัยน้องสาวว่าจะเอาขนมอะไรแถวสยามไหมผมจะได้ซื้อมาฝาก แต่คงได้กินพรุ่งนี้เช้า เสร็จภารกิจผมก็ขับรถออกจากบ้าน
,
ฝ่ารถติดกับไอ้โคนันกันอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็มาถึงครับ
ร้านแน่นตามคาดเนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงสอบ แถมร้านนี้ยังเปิด 24 ชั่วโมง
พวกนิสิตเลยชอบมาฝังตัวกันแบบข้ามวันข้ามคืน
แต่โชคดีที่ไอ้ 2 คนนั้นมันมาถึงก่อนแล้วเจอที่นั่งดีๆว่างอยู่พอดี
ผมเข้ามาในร้านปุ๊บก็เห็นพวกมันกำลังยืดคอส่องสาวได้ที่เลย มาถึงก็ยังไม่สนใจหนังสืออะไรกันหรอกครับ ของกินแม่งเต็มโต๊ะ
วางของไว้กับพวกมันเสร็จเรียบร้อยผมก็ทำเป็นเดินไปสั่งกาแฟ
...แล้วก็มองหายิ้มหวานไปด้วย
บอกแล้วว่าคนๆนี้หาตัวไม่ยาก มองผ่านๆรอบเดียวก็เจอครับ
ผมเห็นเขานั่งอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิมนั่นแหละ
ท่าทางเหมือนติวกันจริงจังมาก หน้าตาเคร่งเครียดสุดๆ
แต่ยังก่อนครับ ยังไม่แสดงตัวก่อนว่ามาโผล่ที่นี่ รอจังหวะแป้บนึง
ได้กาแฟกับขนมติดมือมานิดหน่อยก็เริ่มกินไปพลางโม้ไปพลางอยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้ฤกษ์ติวกัน
โดยคนที่เป็นความหวังของทุกคนคือไอ้แว่นโคนันนั่นเอง
ผมนั่งอยู่ไกลจากมันที่สุดครับ ฟังสิ่งที่มันพูดไปด้วย ทบทวนความรู้ในหัวสมองของตัวเองไปด้วย เจอบางจุดที่ผมทำตกหล่นไปเหมือนกันนะ แล้วบางที่ผมก็ช่วยเสริมให้มัน เหมือนมาแลกเปลี่ยนกันมากกว่า
ออกมาติวกันแบบนี้ในคืนสุดท้ายนี่มันดีกว่านั่งจับเจ่าอยู่ที่บ้านจริงๆนั่นแหละ
ผมนั่งฟังไปเรื่อยๆครับ จดเพิ่มเติมบ้างนิดหน่อย
แล้วอยู่ดีๆโทรศัพท์ของผมก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา
“ปิดโทรศัพท์ด้วยครับนิสิต~”
ไอ้แว่นครับ มันทำเสียงล้อเลียนอาจารย์ท่านนึง คือแกเป็นคนซีเรียสกับเสียงโทรศัพท์มาก
แล้วพวกที่ลืมปิดเสียงก็จะซวยมีคนโทรเข้ามาตอนคาบแกตลอด คาบอื่นก็ไม่มีบ่อยขนาดนี้
ทำเอาอาจารย์แกอารมณ์เสียอยู่ประจำ
ผมเงยหน้ามองมัน กดปิดเสียง แล้วยักคิ้วข้างเดียวใส่แม่ง ก่อนจะเช็คมือถือดู
*มาได้ไงเนี่ย????? ยิ้มหวานครับ – เห็นกันแล้วแน่ๆ
ผมหันหลังไปทางโต๊ะที่เขานั่งอยู่ ก่อนจะเห็นเจ้าตัวนั่งเท้าคางส่งยิ้มจนตาโค้งมาทางผม
พอสบตากัน เขาก็ยกมือขึ้นมาทักทายกันเบาๆ
ผมเองก็โบกมือกลับไปแบบไม่ค่อยรู้ตัว ก่อนจะก้มหน้าตอบไลน์
*เห็นแค่หลังยังจำได้? *ใครบอก
*ได้ยินสาวอักษรโต๊ะข้างๆเม้ากันต่างหาก พอเลยหน้าขึ้นมาอีกที ผมก็เห็นว่าเขาชี้นิ้วหัวแม่มือไปทางกลุ่มสาวๆที่นั่งติดกับโต๊ะเค้าพอดีครับ
*โดนถ่ายรูปอัพลงโซเชียลเต็มไปหมด
*ยังไม่รู้ตัวอีก เอาจริงๆก็รู้ตัวแหละครับ...
ตอนไปยืนต่อคิวซื้อกาแฟก็รู้อยู่ว่ามีคนแอบถ่ายรูป แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสนะ ถ้าไม่ได้เอาไปทำอะไรไม่ดี
แต่พอเริ่มติวหนังสือ ก็ไม่สนใจใครอีกแล้วครับ (นอกจากจะมีใครบางคนทักไลน์มาแบบตอนนี้)
ผมเองก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง เลยส่งสติ๊กเกอร์ไอ้ตัวผมทองๆที่มันชอบเก็กหล่อไปให้
แล้วก็เห็นว่าเขาหัวเราะรับ
*กลับไปติวไป
*เพื่อนเขม่นแล่ววว อ่านจบปุ๊บก็รู้สึกเลยครับว่ามีอะไรบางอยากฟาดหัวเข้าเต็มๆ น่าจะเป็นชีทหรือสมุดของใครสักคน
แม่ง – โบกกูเฉย.....
หันกลับไปเลยเห็นว่าเป็นไอ้แว่นที่ยืนขึ้นแล้วเอื้อมมือมาฟาดผมจากอีกฝั่งนึงของโต๊ะ
“หมั่นไส้ว่ะแม่ง!"
ส่วนไอ้เบอร์ 1 กับเบอร์ 2 นี่กำลังยืดคอแอบอ่านไลน์ผมอย่างเอาเป็นเอาตายครับ
แม่ง... บรรพบุรุษมึงเป็นยีราฟเหรอ? ทำคอยาวกันอยู่นั่น!
พอมองกลับไปทางด้านหลังอีกที ผมก็เห็นว่าเขากำลังหัวเราะเยาะผมครับ
ตลกใหญ่ละ -_-
เหมือนคนอื่นๆที่โต๊ะเขาจะลุกไปซื้อของกินเพิ่มกันมั้ง
เหลือเขาอยู่ที่โต๊ะกับเพื่อนผู้หญิงที่ผมเห็นว่าอยู่ด้วยกันบ่อยที่สุด สวยเลยแหละ ตัวสูงพอๆกันเลย
คือเขาก็ไม่เตี้ยนะ กะเอาด้วยสายตาผมว่าน่าจะ 175+ แต่ไม่ถึง 180
สักพักผมก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเอาข้อศอกมาจิ้มยิ้มหวานครับ จิ้มแรงด้วย
จิ้มเสร็จก็ทำท่าจะเอื้อมมือมาแย่งโทรศัพท์เขาไปแบบไม่จริงจังเท่าไหร่ ก่อนจะพูดแซว
อีกคนก็พยายามเถียงกลับซะด้วย แต่ดูยังไงก็แพ้...
ผมเห็นแล้วได้แต่ขำ ก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไปทางไลน์
* เพื่อนล้อว่ะ อ่านจบเขาก็มองมาทางนี้พร้อมทำหน้าเคืองใส่
ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเบาๆดังมาจากทางด้านหลัง
“มึงซิ่วเลยมั้ย? ซิ่วไปถาปัตย์วันนี้เลยมั้ยสัดด"
“ซิ่วหน้ามึงสิ!”
แวะมาด่าพวกมันกลับ ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายเขา
ในที่สุดผมก็ได้หันกลับมาแบบจริงจังสักที
* ติวต่อแล้วๆ ไลน์บอกกันสั้นๆ และพบว่าเนื้อหาที่พวกมันติวอยู่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลจากเดิมแม้แต่น้อย
สรุปตอนที่กูหันไปเล่นกับยิ้มหวาน
พวกมึงหยุดติวแล้วเสือกกูอยู่งั้นสินะ?
,
ติวต่อกันไปอีกพักใหญ่ครับ มองออกไปข้างนอกอีกทีท้องฟ้าก็มืดแล้ว เลยตัดสินใจพักกันก่อน
ดูนาฬิกาถึงได้รู้ว่ามันผ่านไปสามชั่วโมงกว่าแล้ว...
ไอ้เบอร์ 1 กับไอ้แว่น ลุกไปเข้าห้องน้ำกันครับ ทิ้งผมกับไอ้เบอร์ 2 ให้นั่งอยู่ที่โต๊ะ
ผมหันไปหายิ้มหวานอีกทีก็เห็นว่าเจ้าตัวฟุบลงไปกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว แต่น่าจะยังไม่หลับ
เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแกล้ง ผมส่งสติ๊กเกอร์หมีบราวน์นอนอ่านหนังสือไปให้
และนั่นทำให้เขาเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ใกล้ๆแล้วกดอ่านครับ
* ง่วง~~~
* กินป๊อบคอร์นเข้าไป ท้องอืดว่ะ ผมหลุดขำเลย นี่กี่ขวบแล้วเนี่ย?
* กินกาแฟมั้ย *ไม่อ่ะ
*วันนี้ 2 แก้วละ เห็นเขานอนฟุบหน้าแล้วใช้นิ้วชี้จิ้มมือถือตอบไลน์ผมครับ ท่าทางจะง่วงจริงๆ
เห็นอย่างนั้นผมก็ส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไปให้ พอเห็นว่าผมไม่ส่งอะไรตอบกลับไปแล้ว เจ้าตัวก็นอนต่อครับ
เขาเลยไม่เห็นว่าตอนนี้ผมลุกขึ้น พร้อมกับหันไปบอกไอ้เบอร์ 2 ว่า
เดี๋ยวกูมา... ผมหายไปประมาณ 5 นาที และกลับมาพร้อมอะไรบางอย่างในมือ
พอมองกลับมาก็เห็นว่าไอ้ 2 คนที่ไปห้องน้ำกลับมาแล้ว ตอนนี้เป็นไอ้เบอร์ 2 ที่หายไป
แต่...แทนที่ผมจะเดินกลับโต๊ะตัวเอง ตอนนี้ผมกลับเดินตรงไปยังโต๊ะที่ยิ้มหวานนั่งอยู่
เขายังนั่งฟุบหน้าอยู่เหมือนเดิม...
แล้วก็เป็นเพื่อนเขา ที่ตาไวพอจะหันมาเห็นผมตั้งแต่ยังเดินไม่ถึงโต๊ะด้วยซ้ำ
ผู้หญิงคนนั้นยิ้มมุมปากมาให้ ก่อนจะกลับไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ
จนกระทั่งผมเดินมาถึงโต๊ะของเขา
แล้วสะกิดเบาๆให้คนที่ฟุบหน้าอยู่ลุกขึ้นมา รอบนี้เหมือนเจ้าตัวจะหลับไปจริงๆเลย
เขาเงยหน้าขึ้นมา ดึงหูฟังที่ใส่อยู่ออกแล้วมองหน้ากันแบบงงๆ
....ก่อนที่ผมจะวางชอคโกแลตปั่นลงไปตรงหน้าเขา
“ไม่อยากกินกาแฟก็กินชอคโกแลตปั่นไปก่อน"
เหมือนคนที่ง่วงนอนอยู่จะตาสว่างขึ้นตอนที่ได้ยินผมพูด
ยิ้มหวานชี้แก้วชอคโกแลต แล้วก็วกปลายนิ้วนั้นกลับมาชี้ตัวเอง
เห็นอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับ เพื่อยืนยันให้เขามั่นใจ
แต่เขาก็ยังนิ่งครับ...
เพิ่งตื่นด้วยมั้งสมองเลยประมวลผลช้า
สุดท้ายผมเลยยกแก้วขึ้นยื่นไปให้ เล็งให้ปลายหลอดอยู่ใกล้ๆริมฝีปากของเขา
คราวนี้ได้ผล เขายกมือขึ้นมาจับแก้วตรงส่วนปลายที่ผมไม่ได้จับเอาไว้ แล้วก้มหน้าลงมาดูดช็อคโกแลตเข้าไป 1 คำ
ระหว่างนั้นผมก็ยังไม่ได้ปล่อยมือออกมา เพราะไม่แน่ใจว่าเขาถือแก้วเอาไว้แล้ว หรือว่าแค่เอามือมาแตะไว้เฉยๆ
ปล่อยแล้วเกิดคว่ำนี่มีเฮครับ สมุดเล็คเชอร์วางอยู่ตรงหน้าเลย ถัดไปเป็นแม๊คแอร์ลูกรักเค้าล่ะ
“จับแก้วดีๆ ระวังหกใส่ของ...”
ผมพูดพลางใช้มืออีกข้างนึงที่ว่างอยู่หยิบสมุดขึ้นมาวางหลบไปข้างๆ ถึงจะปล่อยมือออก
“ถือได้ๆ - ขอบคุณนะ ^ ^”
คนที่ดูเหมือนจะเริ่มตื่นเต็มตาขึ้นมาแล้วตอบผมเบาๆ ก่อนจะรับแก้วไปถือไว้เอง
แล้วเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ผมเต็มๆครับ – ใจเต้นแรงไปอีก...
ผมยืนดูเขาจัดโน่นจัดนี่บนโต๊ะให้เข้าที่อยู่สักพัก พอเรียบร้อยผมก็บอกลาเขาสั้นๆ แล้วก็หันหลังเดินกลับมา
แอบยิ้มขำตอนที่ได้ยินเสียงเพื่อนยิ้มหวานพูด แล้วเจ้าตัวก็เถียงกลับไปไม่เต็มเสียง
“เค้ารู้ด้วยว่ะ ว่ามึงไม่กินวิปครีม จีบมึงแน่ๆ"
“เงียบน่า!” พอเดินกลับมาที่โต๊ะตัวเอง ผมก็รู้ชะตากรรมเลย ว่าไอ้พวกเพื่อนเวรแม่งตั้งท่าจะแซวอยู่แล้ว
ก็ได้แต่ปล่อยให้พวกมันแซวไปครับ นาทีนี้ ไม่เหลืออะไรจะปิดบังแม่งละ
รอให้พวกมันแซวเสร็จผมก็ได้เวลา หยิบสมุดขึ้นมาโบกกบาลให้ไปคนละที
สมน้ำหน้าสัด! อยากมาโบกกูก่อนดีนัก!
เล่นกันนิดๆหน่อยๆก็ได้เวลาติวต่อครับ
พวกผมทวนวิชาที่จะสอบพรุ่งนี้เป็นรอบสุดท้าย แล้วก็จัดวิชาของวันถัดไปต่อเลย
สอบ 2 วิชาเช้ายันบ่ายต้องอ่านตุนไว้เยอะๆ
พอเป็นวันสอบมันไกลตัวเข้าหน่อยพวกมันก็ชิวกันกว่าเดิม
ตอนนี้ไอ้เบอร์ 2 แม่งก็ไปหลบมุมคุยโทรศัพท์กับแฟนมันแล้วครับ - ดีจริงๆพวกมึง
ระหว่างนั้นผมก็หันไปมองยิ้มหวานเรื่อยๆ เหมือนเขาจะฟื้นคืนชีพแล้วนะ
ตอนนี้กลับมานั่งคุยงานกับเพื่อน บรรยากาศดูเหมือนจะประชุมกันอยู่
มองลงไปเห็นชอคโกแลตปั่นที่ผมซื้อให้ก็หมดแก้วเรียบร้อยแล้ว ก็แอบดีใจเบาๆ
นิดนึงก็ขอเหอะ... ปล่อยชิวกันไปเกือบครึ่งชั่วโมง สักพักพวกผมก็กลับมานั่งอ่านกันต่อในสภาพของกินเต็มโต๊ะ แบบอ่านไปกินไป
คราวนี้เน้นอ่านพวกวิชาที่ไม่ได้ลงด้วยกันไปเงียบๆ (แต่เสียงเพลงจากหูฟังไอ้เบอร์1 แม่งดังมากเหมือนอยู่ในผับ) กะว่าอีกสักพักจะแยกย้ายกันกลับบ้านครับ เพราะนี่ก็ห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว เผลอแป๊บเดียวก็จะข้ามวันละ
พวกผมก็นั่งอ่านกันไปแบบสงบๆ ดูตั้งใจมากครับ แต่ความจริงคือเริ่มหมดแรงจะกวนตีนกันเอง
จนกระทั่งไอ้เบอร์ 2 มันสะกิดเรียกผม พอหันไปมองก็เห็นว่ายิ้มหวานกำลังโดนเพื่อนลากมาทางนี้
คนเดิมเลยครับ ที่สูงๆสวยๆ ผมยาวๆ แต่ตอนนี้รวบผมขึ้นไปมัดเป็นทรงยุ่งๆ
ผมเห็นไอ้เบอร์ 1 แม่งมองเค้าตาค้างไปแล้ว...
“หมอ!” เรียกทีเดียวหันทั้งโต๊ะครับผม
เล่นเอาเพื่อนยิ้มหวานอึ้งไปเลย -- ผมเองยังแอบขำ
แปลกตรงไหน?
ก็นี่หมอทั้งโต๊ะ! แถมยังเรียกซะเสียงดังขนาดนั้น ทุกหมอก็หันหมดสิครับ
“เอ้ย! โทษทีๆ หมอคนนี้ๆ"
และแล้วผมเป็นผู้ถูกเลือก... ผมมองยิ้มหวานที่ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างหลังเพื่อนอีกที แล้วได้แต่สงสัย
ก่อนจะมองกลับมายังผู้หญิงท่าทางเปรี้ยวๆที่ดูเหมือนจะนิสัยห้าวไม่เข้ากับหน้าโคตรๆ แล้วถาม...
“มีอะไรเหรอ?”
“จะกลับยังอ่ะ?”
งงครับบอกเลย... งงแบบตอบคำถามไม่ถูก
อะไรวะเนี่ย? “อีกสักพักมั้ง อืม... ไม่นานหรอก..."
“ดีเลย!"
เขาพูดแล้วยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาดีดนิ้วเป๊าะ!
"หมอเอามันไปส่งบ้านให้หน่อยดิ" “มึงงง~~~~~” อันแรกเพื่อนพูดครับ
ส่วนอันหลังเป็นเจ้าตัวที่ร้องออกมา ก่อนจะพยายามแกะแขนตัวเองออกจากกงเล็บของเพื่อน
กงเล็บจริงๆนะ เล็บยาวโคตรมาก -_-
ระหว่างที่ผมกำลังงงอยู่นั้น เพื่อนเขาก็รีบพูดต่อเลยครับ
“ก็วันนี้มันไม่ได้เอารถมา เราจะขับไปส่งก็มันก็ไม่ยอมให้ไป บอกว่าบ้านคนละทางกัน ไม่อยากให้ผู้หญิงขับรถไปกลับดึกๆคนเดียว มันเลยจะนั่งแทกซี่กลับ เราฝากมันกลับกับหมอได้ปะ?"
ผมนี่อึ้งไปเลย...
จริงๆก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ
แต่ตอนนี้ผมกำลังตลกคนที่ยืนทำหน้าจะร้องไห้อยู่ข้างหลังเพื่อน
ส่วนไอ้เพื่อนเชี่ยทั้ง 3 ของผมนี่ก็อึ้งแดกกับเพื่อนยิ้มหวานอยู่
รักชีวิตอย่าคิดเล่นกับสาวถาปัตย์ นะผมว่า
“ได้ๆ"
ผมตอบแบบยังไม่หายงงดีครับ แล้วขยับให้ข้างตัวมีที่ว่างมากขึ้น ก่อนอีก 3 คนมันจะขยับตาม
คือที่ๆผมนั่งอยู่มันเป็นแบบโซฟาที่โค้งเป็นวงกลม แล้วมีโต๊ะตรงกลาง
นั่งกันแค่ 4 คนเลยใช้พื้นที่กันแบบสบายๆ พอขยับนิดนึงก็นั่งเพิ่มได้อีกคนแบบไม่เบียดอะไร
“อ่ะ เชิญนั่งค่ะมึง มีรถกลับบ้านแล้ว โอเคนะ"
แล้วเจ้าตัวก็โดนเพื่อนลากมานั่งลงข้างๆผมครับ
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะฟิน จะงง หรือว่าจะขำดี
แต่ตอนนี้หน้ามุ่ยๆของเขาชวนตลกที่สุด...
“กูไปละนะมึง กลับบ้านดีๆ ถึงละไลน์บอกกูด้วย"
“กูจะบอกแม่มึงว่ามึงทำกับกูแบบนี้~~”
ได้ยินปุ๊บผมก็หลุดขำ – นี่คือโหดที่สุดแล้วใช่มั้ยยิ้มหวาน?
“คิดว่ากูสน? บั๊ยย! ไปละ!”
หันไปมองข้างๆ ผมก็เห็นยิ้มหวานทำหน้าบึ้งมองตามเพื่อนจนออกจากร้านไป
แต่ถึงหน้าตาจะยับจะยุ่งจนดูไม่ได้ยังไง ในสายตาผม - ผมก็มองเขาได้แบบไม่รู้จักเบื่ออยู่แล้ว
พอมองกลับมาที่ไอ้ 3 คนนี้ ก็ดันรู้สึกได้ถึงความแตกต่างทางทัศนียภาพอย่างชัดเจน
กูพูดจริง... พวกเวรนี่แม่ง ทำสีหน้าล้อเลียนผมรออยู่แล้วครับ
เห็นแล้วทนไม่ไหว จนต้องเขวี้ยงยางลบใส่หน้าไอ้เบอร์ 1 ไปทีนึง ข้อหน้าหน้ามึงอ้อนตีนที่สุด
ฆ่าพวกแม่งเสร็จเลยรู้ครับว่าตอนนี้ยิ้มหวานกำลังมองพวกผมแล้วยิ้มมาให้เขินๆนิดหน่อย
“อ่านตามสบายเลยนะ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเกรงใจเราด้วย"
พูดจบก็ยิ้มหวานแจกให้ทั้งวงเลยครับ
แม่ง! ไม่ต้องทำหน้าเคลิ้มเลยไอ้พวกเหี้ย!
ผมยกปากกาขึ้นชีหน้าพวกมันเรียงตัว นั่งจ้องจนแน่ใจว่าแม่งกลับไปจดจ่อกับหนังสือ ชีท มือถือ หรือ เป้ากางเกงตัวเอง คือมึงจะมองอะไรก็มองไป
แต่ห้ามมาเคลิ้มใส่ยิ้มหวานกู! ไม่ทันไรโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็สั่น...
เจ้าตัวหยิบมือถือขึ้นมาแล้วจิ๊ปากทีนึง ผมเดาเอาว่าต้องเป็นเพื่อนคนเมื่อกี้แน่ๆที่ไลน์มา
ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบเหลือบสายตาดูนิดหน่อย และพบว่าเป็นไลน์กรุ้ป – รอดตัวไป!
ช่วงนี้กำลังศึกษาคู่แข่งอยู่ครับ
ในมหาลัยเรา ผมว่าเขาดังมากๆระดับนึงเลย ดังขนาดนี้ แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมีคนมาชอบเขาเยอะ
แต่จะมีสักกี่คนที่จีบเขาแบบจริงๆจังๆอย่างที่ผมทำอยู่...
ให้เดาเอาเองแบบมั่วๆ ผมว่าต้องเกินสิบอยู่แล้วอ่ะ!
คิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อย โดยที่ปลายสายตาของผมยังคงเห็นคนข้างๆพิมพ์ไลน์ใส่เพื่อนไม่หยุดเหมือนกำลังสู้กันทางตัวหนังสือ แบบไม่มีทางจบง่ายๆแน่นอน เพราะเหมือนจะเถียงกันอยู่ในไลน์กรุ๊ปซะด้วย
ใช้เวลาสักพักกว่าผมจะละความสนใจจากยิ้มหวานได้
ผมอ่านหนังสือไปเพลินๆพร้อมเพลงที่ดังออกมาจากหูฟังที่ใส่อยู่ครับ แล้วอยู่ดีๆ ไอโฟนของผมแม่งก็รันมาเจอเพลงโปรดที่สุดในช่วงนี้...
เพลงที่ผมอัพไอจีวันที่ยิ้มหวานมานั่งตรงข้ามกันเป็นครั้งแรก...
มองเธอทีไรสวยจนหัวใจของฉันแทบจะหยุด จนแทบจะละลาย
ฝืนใจตัวเองไม่มองเธอไม่ได้ เหมือนไม่รู้ตัว...[/i]
ผมมองไอ้โทรศัพท์ลูกรักที่ตั้งหน้าจอเป็นโลโก้บาสเก็ตบอลทีมโปรดแล้วแอบนึกชมมันในใจ
...ฉลาดนะมึงไอ้ลูกพ่อ
อยากอยู่ในฝันนานนานอีกสักหน่อย
ใจตอนนี้คงลอยไปอยู่ที่เธอแล้วใช่ไหม ให้ฝืนเท่าไรก็คงไม่ได้
และไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
นอกจากรักเธอ... ฟังเพลงพลาง มองหน้ายิ้มหวานที่ยังคงก้มหน้าก้มตาแชทไลน์ไปด้วยยิ้มไปด้วยทั้งๆที่กำลังสู้กับเพื่อนแบบไม่ยอมแพ้
ก่อนผมจะสะดุ้งเพราะอะไรบางอย่างลอยมากระแทกสันจมูกเข้าอย่างจัง
พอสิ่งนั้นตกลงตรงหน้าผมเลยรู้ว่ามันคือยางลบก้อนที่ผมเขวี้ยงใส่เพื่อนไปเมื่อกี้
เงยหน้าไปมองคนที่จงใจประทุษร้ายกันเลยเห็นว่ามันนั่งเบะปากใส่ผมอยู่ด้วยความหมั่นไส้ถึงขีดสุด
ผมยักไหล่ให้มันแบบจงใจกวนตีน ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป
เวลาผ่านไปสักพักก่อนที่ผมจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง เบาะนุ่มให้ตายยังไง แต่นั่งนานๆมันก็เมื่อยครับ
ขยับตัวได้นิดนึงก็รู้สึกเหมือนแขนไปปัดโดนอะไรบางอย่าง จนมันตกตุ้บลงไปบนเก้าอี้
ทั้งผมและยิ้มหวานหันมามองไอ้ของชิ้นนั้นพร้อมกัน ก่อนจะเห็นว่ามันคือกระเป๋าสตางค์ของผมนั่นเอง
ผมหยิบไอ้กระเป๋าเจ้าปัญหาที่เคยสลับกับคนข้างๆไปแล้วรอบนึงขึ้นมา
ยังไม่เข็ดครับ -- คงอยากให้มันก่อเรื่องให้อีกสักรอบสองรอบล่ะมั้ง
ผมเลยยื่นมันไปให้เขาแล้วบอกเขาเบาๆ
“ฝากหน่อยดิ ไม่ได้เอากระเป๋าลงมา"
ไม่ได้โกหกนะเว้ย!
ผมเป็นงี้มาตั้งนานแล้วเหอะ ถ้าเอารถมา เวลาไปไหนผมจะไม่ค่อยชอบถือกระเป๋าครับ ทิ้งไว้ในรถหมดอ่ะ
ส่วนพวกของที่ต้องเอาลงมา เช่นกระเป๋าสตางค์ โทรศัพมท์มือถือนี่จะยัดทั้งหมดไว้ในกระเป๋ากางเกง พวกชีทกับกระเป๋าดินสอก็ถือมาแบบเปล่าๆนั่นแหละ สะดวกดี
ได้ยินผมบอกอย่างนั้นเขาก็ยิ้มรับ
ก่อนจะรับกระเป๋าผมไปหย่อนใส่กระเป๋าแพงๆใบโคตรใหญ่ที่เจ้าตัวสะพายมาแล้วกลับไปสู้กับเพื่อนทางไลน์ต่อด้วยความมุ่งมั่น
“หิวป่ะ?”
พอเริ่มรู้จักกันแบบนี้ เวลาที่เขามาอยู่ใกล้ๆ ผมจะทนไม่ไหวว่ะ
เหมือนอยากเข้าไปยุ่งอยากเข้าไปคุยด้วยตลอดเลย
จริงๆแล้วก็แอบเป็นห่วงด้วยแหละ เห็นนั่งอยู่ตั้งแต่ผมมา ไม่ค่อยจะลุกหายไปไหนนานๆ
เลยไม่รู้ว่ากินข้าวรึยัง
“ไม่หิวอ่ะ...”
“แล้วกินรึข้าวยัง?”
“ยังเลย”
พอได้ยินเขาตอบแบบนั้น ผมก็ดูกองของกินที่ไอ้พวกนี้มันซื้อมากันเยอะแยะ
ก่อนจะพบว่า – แม่งกินหมดไม่มีเหลือ -_-
ตอนนี้บนโต๊ะมีแค่ป๊อบคอร์นเป็นถังๆ ที่วางให้พวกมันล้วงมือลงไปโกยขึ้นมากิน
พอหันกลับมาก็เห็นว่าเขาส่งสายตาให้ผมอย่างรู้ทัน
“ไม่เอานะ"
อ๋อ ลืมไปว่าเจ้าตัวบ่นท้องอืดเพราะกินป๊อบคอร์นอยู่เมื่อตอนเย็น
“นั่งรอเบื่อป่ะ?”
“ไม่เบื่อ – ถ้าเบื่อเดี๋ยวเล่นเกม"
เหมือนจะกลัวผมไม่เชื่อครับ เขาเลยกดเปิดเกม แล้วชูหน้าจอให้ผมดู
มันเป็นเกมที่ต้องเลื่อนบล๊อกไม้ที่มันอยู่ในสุดให้ออกตรงช่องที่เค้ากำหนดให้ได้
“อ่านต่อดิๆ"
มีการเอาข้อศอกที่อยู่ใกล้แขนผมมาสะกิดให้กลับไปอ่านหนังสือต่อด้วย
“โอเคๆ จะจบบทแล้ว แป๊บนึง"
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็พยักหน้า แล้วส่งยิ้มให้ผมพร้อมบอกกันเบาๆ
“สู้ๆ"
มาบอกกันใกล้ขนาดนี้
ผมนี่อ่านยันเช้าได้แบบไม่ต้องแตะเอ็มร้อยสักขวดอ่ะบอกเลย -_-
- - - -
[มีต่อนะคะ]