[เรื่อง(น่าจะ)สั้น] รอยในเรือนใจ:รอยที่ X 30/7/57(จบแล้ว รบกวนย้ายได้เลยขอรับ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่อง(น่าจะ)สั้น] รอยในเรือนใจ:รอยที่ X 30/7/57(จบแล้ว รบกวนย้ายได้เลยขอรับ)  (อ่าน 26013 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




*****************************************************************************************






ย่องๆมาเปิดเรื่องใหม่ขอรับ ขอฝากไว้ให้ซอกเล็กของใจทุกท่านด้วยขอรับ

เรื่องนี้ไม่ยาวมาขอรับ ตอนสั้นๆ มีไม่กี่ตอนก็คงจบ (คิดว่านะขอรับ)



นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายที่แต่ขึ้นเพื่อความบันเทิง

ตัวละคร สถานที่ ล้วนแล้วแต่สมมุติขึ้น ตามจินตนาการของผู้แต่ง มิได้คิดในทางร้ายใดๆทั้งสิ้น

หากชื่อบุคคล หรือสถานที่ซ้ำกับท่านอื่นต้องขอภัยด้วยขอรับ







                                   ***********************************



บทนำ






              ช่อดอกไม้สีขาววางอยู่หน้าป้ายชื่อทั้งคู่ที่ตั้งอยู่เคียงกัน ร่างสูงโปร่งของเด็กชายคู่หนึ่ง ที่ยังไม่ย่างเข้าสู่วัยรุ่นยืนเคียงกันท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด อย่างจะช่วยปิดบังคราบน้ำตาของลูกผู้ชาย


   “ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลน้องแทนเอง ”


   เสียงของเด็กชายในชุดสีดำเรียบที่ยืนอยู่ด้านซ้ายมือเอ่ยขึ้น น้ำเสียงนั้นแม้จะสั่นเครือ หากก็หนักแน่นในคราวเดียวกัน


   “ พ่อครับ ผมสัญญาว่าคนที่มันทำกับเราไว้ ผมจะต้องเอาคืนให้สาสม ”


   อีกเสียงหนึ่งของเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยตามขึ้นมา แววตาแม้จะเรื่อแดง แต่ก็แฝงด้วยความมุ่งมั่น


   “ หลับให้สบายนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงเราสองคน ทุกอย่างที่เคยเป็นของเรา ผมจะต้องเอามันคืนกับมาให้พ่อให้ได้ ผมรู้ว่าพ่อทุ่มเทมามาก แต่ต่อจากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราสองคนนะครับ ”


   เด็กชายคนแรกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แววตาฉายแสงกล้าดั่งจะยืนยันคำพูดของตนเอง ก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง


   “ แม่ครับ ผมขอโทษที่ไม่สามารถดูแลพ่อได้ดีเท่าที่แม่เคยทำ ผมปล่อยให้มันเข้ามาทำหน้าที่ในส่วนที่แม่เคยทำ ผมขอโทษที่ไว้ใจคนผิด จนทำให้มันแว้งกับมากัดพวกเราได้ แต่ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรพวกมันจะต้องได้รับผลการกระทำของมัน ”


   “ แม่ครับ ผมฝากดูแลพ่อต่อจากนี้ด้วยนะครับ ผมรู้แม้ว่าผมจะไม่บอก แม่ก็ต้องดูแลพ่อเป็นอย่างดีอยู่แล้ว พ่อคงมีความสุขที่ได้เจอแม่อีกครั้ง และในสักวันหนึ่งเราทุกคนคงจะได้อยู่พร้อมหน้ากันเหมือนก่อนนะครับ ”


   เด็กชายคนที่สองเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นัยน์ตาแดงเรื่ออย่างคนที่พยายามกลั้นน้ำตา บังคับให้น้ำตาไหลย้อนกลับไปข้างใน


   “ กลับกันเถอะดิน ให้พ่อกับแม่พักผ่อน เราไปทำตามสัญญาที่ให้ไว้กันดีกว่า แม้ว่าวันนี้มันไม่ใช่วันของเรา แต่วันต่อไปมันต้องเป็นของเรา ”


   “ ครับพี่หิน ผมจะต้องทำตามที่พูดไว้วันนี้ให้ได้ ”


   “ เราลากลับก่อนนะครับ พ่อ แม่ แล้ววันหนึ่งเราพี่น้องจะเอาความสำเร็จกลับมาให้ได้ ”


   เด็กชายทั้งสองกล่าวลาหน้าป้ายชื่ออีกครั้งก่อนจะก้าวเดินออกมาจากสุสาน ไม่สนกับเสียงฟ้า เสียงฝนที่ดังอย่างเกรี้ยวกราด



*************************************




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2014 10:44:13 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: "o" รอยในเรือนใจ ( รอยที่ I 17/7/57)
«ตอบ #1 เมื่อ17-07-2014 08:59:42 »








รอยที่ I




   ก็อกๆๆ เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นด้านนอกทำให้ผู้ที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ดึงสมาธิกลับมายังเรื่องปัจจุบัน หลังจากปล่อยตนเองตกอยู่ในเรื่องราวที่ผ่านในคราวนั้นอยู่นาน


   “ เชิญ ”


   น้ำเสียงทุ้มห้าวเอ่ยอนุญาตให้ผู้ที่เคาะประตูห้องเมื่อครู่เข้ามายังส่วนในที่ตนเองกำลังนั่งอยู่ได้ แต่สายตาที่จมอยู่กับความคิดก่อนหน้านั้นหาได้สนใจกลับบุคคลที่เดินเข้ามา กลับสนใจอยู่ที่แฟ้มเอกสารด้านหน้าแทน


   “ ไม่คิดจะทักทายน้องชายเลยครับพี่ชาย เชิญนั่งสักนิดก็ไม่มี โหดร้ายที่สุด ”


   เจ้าของเสียงเอ่ยขึ้นพร้อมกับพาตนเองมานั่งที่ชุดรับแขกอย่างไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องเอ่ยเชิญ


   “ ฉันก็เห็นว่านายก็หาที่นั่งได้เองโดยไม่ต้องขออนุญาตจากฉันเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ”


   เสียงแรกเอ่ยขึ้นทั้งที่ตาไม่ได้ละจากเอกสารตรงหน้า แต่นั่นก็ไม่ทำให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกติดขัดแต่อย่างไร เพราะเขารู้จักคนตรงหน้าดีว่าเป็นคนอย่างไร


   “ แหมพี่หิน ไม่คิดจะมองหน้าน้องชายบ้างเลยหรือไรกันครับ นานๆที พี่จะอยู่บ้านได้ นี่ผมหนีงานมาหาเลยนะเนี่ยะ ไม่เห็นใจกันบ้างเลย สนใจน้องสักนิดก็ไม่ได้ ”


   “เจ้าดิน นายไม่ต้องมาพล่ามมาก ฉันไม่อยากฟัง มันรำคาญ และอีกอย่างคนที่ไม่อยู่บ้านน่ะนายไม่ใช่ฉัน มีอะไรก็ว่ามา อย่ามาพิรี้พิไร ”


   “ ทำมาเป็นรู้ทัน แกล้งไม่รู้ทันผมบ้างไม่ได้หรือไงครับพี่ชาย ”


   “ นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ที่หมายปองของสาวแท้ สาวเทียม หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ ตามกันให้หึ่งเหมือนแมลงวันนะเหรอ จะกลับบ้านถูกโดยไม่มีเรื่อง ”


   “ โถ่!!! คุณพี่ชายครับ ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ใช่กองอุนจิ ที่แมลงวันมาตอมเสียหน่อย อย่างผมเนี่ยะเขาเรียกว่าเจ้าเสน่ห์ต่างหาก ”


   แม้ว่าน้ำเสียงของพี่ชายจะฟังดูห้วนไม่ละมุนหู แต่ก็ไม่ทำให้น้องชายเลิกหยอกเย้าผู้เป็นพี่ เพราะรู้ดีว่า เสียงพี่ชายติดจะห้วนอย่างนี้เอง เพราะหน้าที่ที่แบกรับไว้ ไม่ได้ไม่พอใจเขาแต่อย่างไร


   “ ถุย!!! ไอ้ขี้คุย มีอะไรก็ว่ามา พี่มีงานที่ต้องไปสะสางต่ออีก ”


   “ ก็ที่มานี่ก็เพราะงานที่พี่ต้องไปสะสางนั่นล่ะ ”


   จากน้ำเสียงที่พูดคุยหยอกล้อเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันที เมื่อเริ่มพูดเรื่องสำคัญ ใบหน้าอมยิ้มเปลี่ยนเป็นจริงจัง แววตาพราวระยับเข้มขึ้นดุดันอย่างชัดเจน


   เมื่อได้ฟังจุดประสงค์การมาหาของน้องชายทำให้ผู้ที่เป็นพี่ชายวางปากกาด้ามสวยลงบนโต๊ะ ปิดแฟ้มเอกสาร ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มตัวด้วยความสูงเกิน 185 ซม. เรือนร่างกำยำด้วยมัดกล้ามเนื้ออย่างคนที่ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างคนที่กำลังใช้ความคิด


   “ แล้วนายคิดว่าจะทำอย่างไรกับมันดีล่ะ ”


   เขาเอ่ยถามน้องชายด้วยเสียงที่ต่างออกไปจากเดิม มันฟังดูจริงจัง และมีพลังมากกว่าอีกเป็นเท่าตัว ส่วนตัวของน้องชายเมื่อฟังคำถามของพี่ชายจบ เขาไม่ต้องใช้เวลาคิดหาคำตอบเลยแม้แต่ เพราะเขาตอบกลับทันทีที่พี่ชายถามจบ


    “ เรื่องนี้ผมว่าพี่หินมีคำตอบอยู่ในใจมาตลอดแล้วมากกว่า แต่ถ้าพี่ถามหาความเห็นชอบจากผมล่ะก็ ผมเคยบอกพี่ไปต้องหลายรอบแล้วว่า ผมเคารพการตัดสินใจของพี่เสมอ ไม่ต้องยุ่งยากถามผมหรอกครับ ผมน่ะว่าอย่างไรว่าตามกันอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างสิ่งที่มันทำก็เกินกว่าผมจะรับได้จริงๆ หรือพี่หินว่าอย่างไรล่ะ ”


   ชายหนุ่มผู้พี่ผินหน้าออกมองนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายามอัสดงทอแสงสีส้มที่ปลายฟ้า ตัดกับสีฟ้าจางของท้องฟ้าส่วนอื่น พระอาทิตย์ดวงโตคล้อยต่ำลงทุกที นกฝูงใหญ่ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วกลับรังนอน


   “ ดิน นายรู้ใช่ไหมว่าอะไรที่พี่เกลียดที่สุด อะไรที่พี่ไม่ชอบที่สุด ”


   ชายหนุ่มผู้พี่เอ่ยถามขึ้นทั้งที่ยังมองออกมาด้านนอก


   “ ทรยศ หักหลัง โกหก หลอกลวง ”


   น้องชายตอบคำถามของพี่ชายได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดหาคำตอบ ก่อนที่จะเอ่ยประโยคถัดมา


   “ เพราะว่ามันก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ผมไม่ชอบ แล้วก็เกลียดมากเช่นกัน ”


   “ หึ!!! ฉันนึกว่านายจะเจอแต่คนพวกนี้ในสังคมของนายจนชินแล้วเสียอีก สังคมที่มีแต่หน้ากาก ปลิ้นปลอกหลอกกันไปวันๆ ”


   “ มันก็มีกันทุกสังคมนั่นแหละพี่ชาย ใช่ว่าโลกของพี่มันจะไม่มีพวกชอบเลียแข้ง เลียขาเสียเมื่อไหร่เล่า มันก็มีเหมือนกันไมใช่เหรอ เพียงแต่โลกของผมมันเห็นโจ่งแจ้งกว่าก็เท่านั้น แต่ถึงอย่างไรแล้ว ไม่ว่าผมจะอยู่จุดไหน จุดยืนของเราสองคนมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ คุณพี่ชาย ”


   น้องชายตอบกลับพี่ชายเพื่อยืนยันสิ่งที่ทั้งคู่เคยยึดถือมาด้วยกัน แม้ว่าตอนนี้หน้าที่การงานของเขาทั้งคู่จะอยู่กันคนด้านแล้วก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเอนเอียงเปลี่ยนไปตามสังคมที่เป็นอยู่ หากจะมีก็คงเป็นภายนอกเท่านั้นที่ทำให้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปจากเดิม แต่โดยเนื้อในแล้ว เขายังไม่ลืมสิ่งที่เขากับพี่ชายเคยประสบมาด้วยกัน


   “ งั้นก็ดี พี่จะได้วางใจว่าน้องชายพี่ยังเป็นคนเดิม ไม่เปลี่ยนตามสังคมภายนอก และเมื่อมันเป็นอย่างนั้น เราไปดูหน้าคนที่มันกล้าทำลายความวางใจของเรา พี่ว่านายน่าจะเป็นคนคิดจะดีกว่านะว่าจะทำอย่างไรกับมันดี เพราะว่ามันเป็นคนของนายนี่นา ”


   “ พูดผิดแล้วครับคุณพี่ชาย ต้องพูดเคยเป็นต่างหาก มันไม่ใช่คนของผมตั้งแต่มันคิดเอาใจออกห่างผมแล้ว และยิ่งกว่านั้นตอนนี้มันกลายเป็นพวกอื่นไปนานแล้ว ความจริงพี่หืนไม่ต้องรอผมก็ได้ แต่ถ้าจะเอาอย่างนั้น ถ้าให้ผมตัดสินใจเองนี่... งานนี้มีเละนะครับพี่น้อง ”


   ดินขัดขึ้นทันทีที่หินบอกว่าใครคนนั้นเป็นคนของเขา ก่อนจะตอบรับคำของพี่ชาย


   “ เต็มที่ไอ้น้องชาย งานนี้พี่ให้นายจัดการได้เต็มที่ ”


   “ งั้นก็จัดไปอย่างให้เสีย เราไปกันเลยดีกว่า ”


   ว่าแล้วสองหนุ่มพี่น้องก็พายังเดินออกจากห้องไปยังจุดหมายที่พูดถึง ทิ้งห้องทำงาน กองเอกสารไว้ด้านหลัง เพื่อไปจัดการต้นเหตุที่ทำให้ขุ่นเคือง




   @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




   ภายในห้องที่ไร้หน้าต่าง กลิ่นอับชิ้นโชยแตะทันที่ที่เปิดประตู แสงสว่างที่ส่องจากภายทำให้เห็นถึงสภาพภายใน แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอเห็นได้ คราบตะไคร่สีเขียวเข้มเกาะอยู่ตามผนัง พื้นที่ก้าวเดินนั้นมีน้ำเอ่อนอง มีเสียงเฉอะแฉะทุกครั้งที่ก้าวเดิน สุดทางที่ทอดยาวเข้ามามีร่างของใครคนหนึ่งถูกพันธนาการเอาไว้


   “ มันเป็นอย่างไรบ้าง ”


   หินถามขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่มร่างกำยำทำความเคารพเขาและน้องชายเรียบร้อยแล้ว


   “ ยังมีชีวิตอยู่ตามคำสั่งของนายทุกอย่างครับ ”


   ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านซ้ายมือของหินเอ่ยตอบ ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับในสิ่งที่อีกฝ่ายรายงาย พลางสำรวจคนที่บอกว่ายังมีชีวิตอยู่


   ร่างที่ถูกพันธนาการนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสัดทัด แสงสว่างจากหลอดไฟดวงเล็ก แม้จะไม่ทำให้เห็นรายละเอียดมากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะเห็นถึงสภาพของคนที่ถูกจำกัดเสรีภาพ


   “ ไม่น้อยเหมือนกันนะครับคุณพี่ชาย อย่างนี้ไม่ต้องให้น้องชายคนนี้จัดการก็ได้กระมังครับ ดูเหมือนพี่ชายจะจัดเก็บไปเกือบจะไม่เหลืออะไรให้น้องชายคนนี้ช่วยจัดการแล้วกระมังครับ ”


   ดินเอ่ยขึ้นหลังจากที่สำรวจอีกฝ่ายไปพอสมควร สภาพที่เหมือนคนที่ไม่น่าจะมีชีวิตรอด แต่ก็ยังมีลมหายใจตามคำสั่งของพี่ชายตน ใบหน้าที่ซูบตอบนั้นเต็มไปด้วยรอยแผลเล็กใหญ่และคราบเลือดทั้งที่แห้ง และยังไหลอยู่ซิบๆ ดั้งจมูกที่คล้ายจะผิดรูปไปจากเดิม มุมปากเขียวซ้ำและยังมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่บ้าง ซึ่งดินเองก็ไม่มั่นใจว่าฟันในปากนั้นจะยังอยู่ครบทุกซี่หรือเปล่า แต่ดูจากสภาพแล้วน่าจะหลุดหายไปบ้าง แขนทั้งสองข้างนั้นถูกเชือกผูกแยกจากกัน โดยปลายเชือกแต่ละด้านนั้นยึดติดอยู่คนละฝั่งของผนังซึ่งก็ขึงจนตึง และดึงขึ้นสูงจนต้องยืนด้วยปลายเท้า หากแต่ว่าในตอนนี้นั้น ดูเหมือนว่าร่างนั้นจะยังไม่ได้สติ


   “ ปลุกมันขึ้นมา ”


   เสียงสั่งเฉียดขาดของหินดังขึ้นหลังจากปล่อยให้น้องชายสำรวจร่างนั้นอยู่ชั่วครู่


   “ แหมรีบจังเลยพี่หิน น้องชายยังดูไม่ทั่วเลย แต่ก็เอาเถอะ ให้มันตื่นขึ้นมาก็ดี จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง ปล่อยไว้นานเปลืองทรัพยากร เปลืองออกซิเจน เปลืองแรง และที่สำคัญผมไม่อยากจะใช้อากาศร่วมกับคนทรยศ มันอึดอัด เห็นแล้วมันรำคาญลูกตาจริงๆ ”


   เสียงบ่นอย่างไม่จริงจังของดินเอ่ยขึ้น หลังจากที่ตนเองยังสำรวจร่างตรงหน้ายังไม่เต็มที่ แต่ประโยคตอนท้ายนั้นกลับจริงจังขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน และท่าทางที่เปลี่ยนจากสบายๆ เป็นเย็นชาได้จนคนที่อยู่ภายในห้องนั้นรู้สึกเสียวสันหลังวาบ


   หากมองจากภายนอกแล้ว หินจะเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบ เคร่งขรึม พูดน้อย เฉียบขาด ให้ความรู้สึกดุดัน เย็นชา จนคนที่อยู่ด้วยหวั่นเกรงไม่ค่อยจะกล้าสู้หน้านัก นัยน์ตาคมดุจเหยี่ยว ที่ใครมองสบแล้วต้องสะดุด คล้ายกับพญาราชสีห์ที่ไม่เกรงผู้ใด พร้อมจะกระโจนเข้าใส่อย่างเปิดเผย หากว่าดินผู้ที่เป็นน้องชายนั้นมีบุคลิกที่ต่างจากพี่ชายโดยสิ้นเชิง ดินติดจะเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ใครๆก็อย่างจะเข้ามาทำความรู้จัก รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นละลายใจสาวๆมานักต่อนัก คารมดี หากใครจะรู้บ้างว่าภายใต้หน้ากากหนุ่มหล่อเสน่ห์แรงนั้น แท้จริงแล้วเขานั่นล่ะที่น่ากลัวไม่แพ้พี่ชาย หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ รอยยิ้มที่แย้มยิ้มอยู่นั้น จะมีใครคาดคิดบ้างว่ามันเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ หน้ายิ้มแต่แววตานั้นแทบจะฆ่าคนที่มองได้ และใครก็ตามที่ทำให้ดินกลายร่างจากเทพบุตรเป็นซาตานได้นั้น ไม่มีใครได้อยู่อย่างมีความสุขได้อีก


   ซ่า!!!!


   เสียงน้ำกระทบใบหน้าของร่างที่บอบซ้ำ ทำให้ดวงตาบวมเป่งที่ปิดอยู่ปรือขึ้นเล็กน้อย คล้ายจะยังไม่รู้สึกตัวเต็มที่นักแล้วก้มหน้าลงไปเช่นเดิมอีก ก่อนจะต้องร้องโอดเมื่อมือของใครคนหนึ่งดึงผมหน้าหลังจนศีรษะหงายขึ้นมา ตาที่ยังลืมไม่เต็มที่นั้นแทบจะเบิกถลนตื่นเต็มตาทันที เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนนั้นคือใคร


   “ เป็นไงบ้างครับ ไม่ได้เจอกันแค่เดี๋ยวเดียวสภาพดูไม่ได้เลยนะครับ ผมแทบจะจำไม่ได้อยู่แล้ว ”


   “ คุณดิน!!! ”


   เสียงอุทานที่ดังขึ้นอย่างตื่นตระหนกจากร่างที่ถูกพันธนาการ เมื่อเห็นได้จัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนนั้นคือใคร และไม่เพียงแค่น้ำเสียงเท่านั้นที่ตื่นตระหนก ร่างทั้งร่างนั้นก็สั่นเทาขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว


   “ แหมดีใจจังเลยนะครับที่คุณสิทธิกรยังจำผมได้ นึกว่าจะลืมกันไปแล้วเสียอีก คุณทำผมเสียความรู้สึกมากเลยที่เดียวนะครับ ผมอุตส่าห์เชื่อใจคุณมากตั้งนาน ไม่คิดว่าคนที่ผมไว้ใจจะกลายมาเป็นงูพิษกลับมาแว้งกัดผมซะได้ ”


   ดินยังคงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงสบายๆ หากแต่ว่ามีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้ล่ะน่ากลัวกว่าน้ำเสียงโหดๆ แบบดุดันเป็นนักหนา


   “ คุณดิน ผ...ผมขอโทษ ผม... ”


   “ อย่าพยายามแก้ตัวอีกเลยจะดีกว่าครับ และก็ไม่ต้องขอโอกาสจากผมหรอกครับ ผมให้โอกาสคุณมากเกินพอแล้ว แต่คุณก็เป็นคนทำลายโอกาสนั้นด้วยมือของคุณเองไม่ใช่เหรอ ”


   ดินขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังจะพูดแก้ตัว


   “ ผ...ผมจำเป็นจริงๆนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้นเลย... ”


   “ ไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้น แล้วที่ผ่านมามันเรียกว่าอะไรล่ะครับ ผมให้โอกาสคุณตั้งหลายครั้ง แต่คุณก็ไม่คิดจะบอกผม ต้องให้ผมหาความจริงเอาเองตลอดเลยนะครับ วันนี้คุณคงไม่ว่านะครับถ้าผมจะคิดค่าเสียเวลา ค่าเสียเวลาของผมไม่แพงไม่แพงนักหรอกครับ ส่วนดอกเบี้ยผมไม่คิดหรอกครับ เพราะพี่หินช่วยผมคิดไปก่อนหน้านี้แล้ว ”


   ดินกล่าวขัดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรขึ้นมาอีก


   “ พี่หินครับ ช่วยอะไรน้องชายสักอย่างจะได้ไหมครับ ”


   ดินหันมาถามทีเล่น ทีจริงกับหินซึ่งยืนอยู่ข้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ดวงตากลับไม่ยิ้มตามไปด้วย ดวงตานั้นมันช่างขัดกับท่าทีสบายๆ มันให้ความรู้สึกถึงความโกรธแค้นที่พร้อมจะฆ่าใครก็ได้ที่ทำให้ตนเองขัดใจ


   “ นายต้องอะไรล่ะคุณน้องชาย ถ้ามันไม่ยากเกินความสามารถของพี่ชายคนนี้นายก็ขอมาได้เลย ”


   หินตอบน้องชายง่ายๆอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักที่หินจะพูดด้วยประโยคที่ติดจะเล่นมากกว่าจริงจังตามนิสัยของเจ้าตัว


   “ ไม่ยากหรอกครับคุณพี่ชาย น้องชายคนนี้แค่จะขอให้พี่ชายช่วยหาอะไรมาปิดปากคุณสิทธิกรให้ผมสักหน่อย ผมไม่ค่อยชอบอะไรที่เสียงมันดังมากเกินไป ”


   “ อืม!!! แค่นี้เอง พี่ชายคนนี้จัดให้ได้สบายๆอยู่แล้ว ”


   หินบอกกับน้องชายด้วยเสียงเรียบๆ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ใครหลายคนที่ยืนอยู่ด้วยนั้นเสียวสันหลังวูบวาบได้อย่างน่าประหลาด มันดูน่ากลัวกว่าเวลาที่หินใช้น้ำเสียงเข้มๆเป็นนักหนา ก่อนที่เขาจะหันส่งสัญญาณให้คนที่ยืนอยู่ด้านซ้ายมือของตนเองช่วยจัดการตามที่น้องชายขอ


   “ ในเมื่อผมเคยไว้ใจคุณ แต่คุณกลับตอบแทนผมด้วยการทรยศ หักหลัง คุณคงไม่ว่าอะไรผมนะครับถ้าผมจะทำอย่างที่คุณทำกับผมบ้าง ”


   กร๊อบ!!!


   ฮื้อ!!!


   เสียงที่คล้ายกับของแข็งหัก ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวด แต่เสียงนั้นไม่สามารถเล็ดลอดออกมาได้มากนัก เนื่องจากปากที่โดนปิดจากคำขอเมื่อครู่ และเสียงนั้นก็ยังดังต่อเนื่องขึ้นอีกเป็นระยะ จนกระทั่งเงียบหายไปในที่สุด


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@




เอารอยที่ 1 มาฝากขอรับ

เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

เชิญแนะนำ ติ ชม กันตามอัธยาศัยขอรับ

ข้าเจ้าน้อมรับทุกความคิดเห็นขอรับ :3123:

 ไปล่ะแอบอู้งานมาล่ะ  :katai5: :hao7: 





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: "o" รอยในเรือน ( รอยที่ I 17/7/57)
«ตอบ #2 เมื่อ17-07-2014 12:55:26 »

ยังงงอยู่ รออ่านตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: "o" รอยในเรือน ( รอยที่ I 17/7/57)
«ตอบ #3 เมื่อ17-07-2014 14:49:18 »



ย่องๆๆ

ย่องมาบ่ายๆ


ยังงงอยู่ รออ่านตอนต่อไปจ้า



ตอนนี้ยังงงไม่เป็นไรขอรับ

ข้าเจ้าคลาดว่าตอนต่อไปคงจะไม่งงเท่าไหร่(?)

ขอบคุณที่เข้ามายลกันขอรับ

+เป็ดน้อยขอรับ




ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: "o" รอยในเรือน ( รอยที่ I 17/7/57)
«ตอบ #4 เมื่อ17-07-2014 23:51:34 »

 o13

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: "o" รอยในเรือน ( รอยที่ I 17/7/57)
«ตอบ #5 เมื่อ18-07-2014 09:13:19 »

o13

ขอบคุณที่เข้ามาขอรับ

บวกเป็ดให้ขอรับ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0





รอยที่ II










   พบศพชายนิรนาม ทราบชื่อภายหลังคือนายสิทธิกร  บ้านไกล จากสภาพที่พบสันนิฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมง สภาพศพที่พบนั้นกระดูกหักไม่ต่ำกว่า 30 ท่อน โดยนิ้วมือและนิ้วเท้าทั้งสองข้างนั้นหักเป็นท่อนตามข้อนิ้ว ส่วนท่อนแขนตั้งแต่ข้อมือถึงหัวไหล่มีร่องรอยของของแข็งทุบจนกระดูกร้าว ก่อนจะหักออก โดยที่ขาทั้งสองข้างก็มีร่องรอยคล้ายกัน กระดูกหลังนั้นก็ถูกหักออกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเลือดออกภายในปอดและช่องท้องเนื่องจากกระดูกซี่โครงที่หักเข้ามาแทงอยู่ กะโหลกด้านหลังแตก สภาพโดยรวมเรียกได้ว่ามีเพียงส่วนของใบหน้าเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ซึ่งทำให้หลายคนเดาว่าที่ใบหน้านั้นมีสภาพสมบูรณ์กว่าก็เนื่องจากต้องการให้ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ โดยทางเจ้าหน้าที่ตั้งปมสังหารไว้หลายกรณี ทั้งเรื่องขัดผลประโยชน์ ชู้สาว และความขัดแย้งเรื่องส่วนตัว โดยทางเจ้าหน้ากำลังเร่งหาข้อมูลมาคลี่คลายคดีให้ได้เร็วที่สุด…


   ภาพข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ พาดหัวข้อข่าวเดียวกัน จากรายงานตามข่าวนั้น จากสภาพของศพที่พบนั้นเรียกได้ว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญอีกคดีหนึ่ง เพราะสภาพที่เห็นนั้นในภาพนั้นเข้าขั้นสยด สยองเลยทีเดียว


   อีกด้านหนึ่งของเมือง กลุ่มนักข่าวกำลังรอการมาของคนผู้หนึ่ง เพื่อต้องการสอบถามในประเด็นข่าวที่ถูกพาดในหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับของวันนี้ และในที่สุดช่วงเวลาการรอคอยก็หมดลงเมื่อแหล่งข่าวที่หลายคนเฝ้ารอเดินทางมาถึง ทันทีที่รถยนต์คันงามแล่นเข้ามา กลุ่มของสื่อมวลชนก็เฮละโลตามเข้ามาเช่นกัน


   “ คุณพสุธาครับทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณสิทธิกรหรือยังครับ ”


   โดยไม่รอให้แหล่งที่ตนต้องการลงจากรถ คำถามแรกก็ถูกถามขึ้นทันทีที่ประตูรถเปิดออกโดยชายหนุ่มผู้หนึ่ง


   “ คุณคิดว่าสาเหตุการเสียชีวิตของคุณสิทธิกรในครั้งนี้เกิดจากอะไรคะ ”


   “ แล้วคุณพอจะทราบหรือไม่ครับว่าคุณสิทธิกรมีปัญหาอยู่กับใคร ”


   และก็เช่นกันยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ตอบคำถามแรก คำถามที่สอง ที่สามก็ตามมา และอาจจะมีตามมาอีกหลายข้อหากชายหนุ่มที่ถูกถามไม่ยกมือห้ามเอาไว้เสียก่อน


   “ สวัสดีครับคุณนักข่าวทุกท่าน ”


   ชายหนุ่มทักทายกับกลุ่มนักข่าวที่รอสัมภาษณ์ตนอยู่ ก่อนจะยกยิ้มอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำเมื่ออยู่ต่อหน้ากลุ่มคน


   “ ช่วยถามทีละคำถามได้นะครับ เพราะผมฟังไม่ทันว่าท่านใดถามเรื่องใดบ้าง แล้วจะได้ตอบให้ตรงตามที่ทุกท่านถามได้อย่างถูกต้องนะครับ ”


   ชายหนุ่มแจกยิ้มให้กับนักข่าวทุกคนอีกครั้ง ก่อนจะส่งสัญญาณให้นักข่าวที่ยืนอยู่ด้านซ้ายมือซึ่งยกมือขึ้นได้ถามคำถามแรกก่อน


   “ ไม่ทราบว่าคุณพสุธาทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณสิทธิกรหรือยังครับ ”


   คำถามเดิมที่ถามไปก่อนหน้านั้น ถูกยกเอามาถามอีกครั้ง


   “ ครับ ผมพอจะทราบมาบ้างจากข่าวในหนังสือพิมพ์วันนี้น่ะครับ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆผมก็ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ ”


   ชายหนุ่มตอบถามแรก และตอบเผื่อไปถึงคำถามอื่นๆที่คาดว่าน่าจะตามมาอีกไปในตัว


   “ คุณพสุธาพอจะทราบหรือไม่ครับว่าคุณสิทธิกรนั้นเคยมีเรื่องขัดแย้งอะไรกับใครหรือไม่ครับ ”


   นักข่าวอีกคนถามขึ้น หลังจากที่ชายหนุ่มตอบคำถามแรกจบ


   “ เรื่องนั้นผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ เพราะถึงแม้คุณสิทธิกรจะเคยทำงานที่นี่ แต่ก็ถูกปลดออกไปแล้ว และก่อนหน้านั้นคุณสิทธิกรก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ทางเราฟัง เพื่อช่วยเหลือหรือแก้ไขเลยน่ะครับ ทางเราจึงไม่ทราบจริงๆว่าคุณสิทธิกรขัดแย้งกับใครหรือไม่ ”


   ชายหนุ่มตอบคำถามด้วยท่าทีสบายๆไม่เครียดหรือว่ากังวลเรื่องใด


   “ จากข้อมูลที่ดิฉันทราบมา คุณสิทธิกรถูกปลดออกจากตำแหน่งถูกต้องไหมคะ ดิฉันจึงอยากทราบว่าสาเหตุที่คุณสิทธิกรถูกปลดนั้นเกิดจากอะไรคะ ”


   นักข่าวสาวคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับยื่นอุปกรณ์บันทึกเสียงมาที่ชายหนุ่ม เมื่อต้องการเสียงที่ขัดเจนให้มากที่สุด
   “ ตามที่คุณเข้าใจนั้นถูกแล้วครับ คุณสิทธิกรถูกปลดออกจากตำแหน่งจริงๆครับ ส่วนเรื่องสาเหตุนั้นถ้าจะให้ตอบคงจะลำบากสักนิดหนึ่งนะครับ เพราะมันเป็นความลับทางบริษัทของเรา และเพื่อเป็นการให้เกียตริกับอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ผมคงตอบไม่ได้จริงครับว่าทำไมจึงโดนปลดออกจากตำแหน่ง ”


   ชายหนุ่มตอบคำถามที่จากนักข่าวอีกครั้ง แต่ไม่ได้ตอบข้อข้องใจทั้งหมด เนื่องจากเขาไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องภายใน


   “ แล้วจะเป็นไปได้หรือไม่ครับที่การเสียชีวิตของคุณสิทธิกรนั้นจะเกี่ยวข้องกับการที่คุณสิทธิกรต้องออกจากตำแหน่ง ”


   คำถามนี้ของนักข่าวชายร่างใหญ่ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นรอบๆ ก่อนที่ทุกคนจะหันกลับมาสนใจผู้ถูกสัมภาษณ์อีกครั้ง


   “ คุณนักข่าวหมายความว่าอย่างไรครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจคำถาม ”


   ชายหนุ่มนิ่งคิดสักครู่ก่อนจะถามกลับมาเพื่อต้องการคำถามที่แน่ชัดกว่าเดิม


   “ จากข้อมูลที่ทางเราพอจะมีอยู่ ทำให้เกิดจ้อสงสัยว่า การที่คุณสิทธิกรเสียชีวิตนั้น อาจเกิดจากขัดผลประโยชน์กับทางบริษัทเดิม ”


   นักข่าวคนเดิมถามคำถามที่ชี้ชัดการเดิมว่า มีข้อสงสัยในการออกจากบริษัทเดิม และแม้จะโดยคำถามที่ดึงในตนเองเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี แต่ชายหนุ่มก็ยังมีรอยยิ้มของนักธุรกิจอยู่บนใบหน้า


   “ แหมคุณนักข่าวถามแบบนี้นี่ผมกลายเป็นคนไม่ดีไปเลยนะครับ แต่ก็ไม่แปลกอะไรหรอกครับ เพราะขนาดตำรวจยังสงสัยเลยว่าบริษัทของผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคดีนี้ แต่เมื่อพวกคุณถามมาก็เพื่อต้องการคำตอบ ผมก็จะตอบในสิ่งที่ผมสามารถตอบได้ก็แล้วกันนะครับ จริงๆแล้วผมก็ไม่ทราบเช่นกันว่าคุณสิทธิกรมีปัญหากับใครหรือเปล่า แต่ที่คุณสิทธิกรต้องออกจากตำแหน่งก็เพราะมีการทุจริตในหน้าที่เกิดขึ้น ทางบริษัทเราจึงพิจารณาไปตามความผิด หลักฐานการทำผิดต่างมีการบันทึกเอาไว้ แต่ถ้าทุกท่านต้องการทราบ ทางผมคงต้องขออภัยที่ไม่สามารถเอาออกมาให้ดูได้เนื่องจากเป็นข้อตกลงระหว่างทางบริษัทและตัวคุณสิทธิกรเอง ”


   ชายหนุ่มคนเดิมยังคงตอบคำถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่แสดงอาการอึดอัด หรือไม่พอใจที่ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี


   “ ถ้าเช่นนั้นแสดงว่า การที่คุณสิทธิกรทำความผิดในบริษัทก็ไม่มีการแจ้งความกับทางตำรวจใช่หรือไม่คะ ”


   นักข่าวสาวคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อฟังคำตอบจากผู้ให้สัมภาษณ์จบ


   “ ถูกต้องครับ ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี ไม่ว่าทางแพ่ง หรืออาญา เพราะว่าทางเราตกลงกับคุณสิทธิกรเอาไว้ เพราะถ้าคุณสิทธิกรยอมออกจากตำแหน่งเอง เราก็ไม่เอาความอะไร ”


   เวลาผ่านไปไม่น้อยกับจากตอบคำถามจากนักข่าวทั้งหลาย แต่ไม่ว่าอย่างไรชายหนุ่มก็ให้ความร่วมมืออย่างดีในการตอบคำถาม ไม่มีการเดินหนี และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้นักข่าวหลายสำนักชื่นชมในตัวชายหนุ่ม
   





@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@






   “ นักข่าวพวกนั้นก็ไม่ใช่ย่อยเลยนะครับ ที่กล้าจับผิดท่านประธานขนาดนี้ ”


   เสียงแหบห้าวดังหลังจากที่กลุ่มของนักข่าวที่ซักถามกันจนพอใจทยอยกลับกันจนหมดแล้ว คนถามก็ไม่ใช่ใคร หากเป็นคนที่ยืนอยู่ด้านซ้ายของชายหนุ่มผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านประธานตอลดการสัมภาษณ์ที่เพิ่งผ่านไป


   “ อย่าไปคิดมากเลยคุณพล พวกเขาก็แค่ทำหน้าที่ของตนเองก็เท่านั้น แล้วอีกอย่าง พวกเขานี่ล่ะจะเป็นผู้ช่วยให้เราโดยที่เราไม่ต้องออกแรงทำอะไร ”


   ชายหนุ่มคนเดิมตอบด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ แล้วหมุนหน้าออกด้านนอก ซึ่งทำด้วยกระจกเป็นมุม 180 องศา มีผ้าม่านกั้นไว้สำหรับบังแดด


   “ นี่คุณพลรู้ไหมว่าผมไม่ค่อยชอบงานเบื้องหน้าแบบนี้เท่าไหร่เลย มันต้องปั้นหน้า ใส่หน้ากากตลอด สู้งานเบื้องหลังอย่างพี่หินก็ไม่ได้ ”


   “ มันก็จริงครับท่านประธาน ว่านายใหญ่ไม่ต้องปั้นหน้า แต่ก็ต้องอยู่ท่านกลางดงหนาม พลาดเมื่อไหร่ก็เจ็บตัวเมื่อนั้น อยู่อย่างท่านประธานอาจจะเมื่อยหน้าไปบ้าง แต่ก็ปลอดภัยกว่านะครับ ”


   นายพล หรือชุมพลเป็นผู้ติดตามที่อยู่กับสองพี่น้องคู่นี้มาตั้งแต่แรกๆ เรียกว่าเป็นทั้งพี่เลี้ยงเมื่อพี่น้องคู่นี้ยังไม่ประสาในแวดวง จนกระทั่งทั้งคู่กลายมาเป็นผู้ที่อยู่แนวหน้าได้อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งทั้งดินและหินก็ให้เกรงใจชุมพลอยู่ไม่น้อย ทั้งในฐานะของพี่เลี้ยง และคนที่คอยดูแลมาตลอด


   “ ไอ้จริงมันก็ใช่ล่ะครับผมไม่เถียงหรอก แต่ชีวิตมันไม่ค่อยมีรสชาติน่ะสิครับ ”


   “ ไม่ค่อยมีรถชาติหรือครับ ผมว่าดูจะไม่ค่อยจริงเท่าไหร่กระมังครับ วันนี้คุณมีนัดที่ไหนไว้บ้างล่ะครับ เพิ่งจะขึ้นมาไม่เท่าไหร่ เสียงโทรศัพท์ยังดังไม่หยุดเลยไม่ใช่หรือครับ นั่นน่ะ ขาดคำผมที่ไหนกัน”


   ไม่ทันที่นายพลจะว่าจบ เสียงโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขึ้นเหมือนจะช่วยยืนยัน เป็นพยานในคำพูก่อนหน้านั้น


   “ สวัสดีครับ... ครับกี่โมงนะครับ ได้ครับ ว่างครับ ไม่มีปัญหาครับ ทุ่มตรงเจอกันนะครับ... ”


   ดินรับโทรศัพท์พร้อมกับเปิดดูตารางงานที่เลขาเป็นผู้จัดเอาไว้ให้ว่ามีเวลาว่างตามที่ปลายสายชักชวนหรือไม่ แต่ดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่ว่างพอดี ชายหนุ่มจึงตอบตกลง โดยมีคนที่ยืนอยู่ข้างเบ้หน้า พร้อมกับส่งสายตาที่ดินอ่านได้ว่า นี่หรือคนที่บอกว่าไม่มีรสชาติ


   “ คุณพลกำลังนิทาอะไรผมอยู่ครับ ”


   ดินทักขึ้นเมื่อเห็นคนสนิทกำลังทำหน้าคล้ายกับว่า กำลังแอบนินทาอยู่ในใจ


   “ อย่างผมน่ะหรือครับจะกล้า ผมไม่เสี่ยงดีกว่า ผมชอบแก่แบบธรรมชาติ ไม่ชอบอะไรพิสดาร ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปด้านนอกก่อนดีกว่า ไม่อยากกวนคนที่ตั้งใจทำงาน ”


   พลเอ่ยแซวยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มหยิบเอกสารออกมาทำท่าจะอ่าน โดยที่เขาเป็นแค่หนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าพอจะพูดเล่นกับพี่น้องคู่นี้ได้โดยยังสามารถรักษาตัวเอาไว้ได้





*******************************************************





สวัสดีตอนสายๆขอรับ

ข้าเจ้านำตอนล่าสุดมาส่ง

แต่ก็เหมือนยังจะไม่ช่วยอะไรมาก

มันยังไม่เข้าเรื่องเท่าไหร่

เรื่องนี้ไม่ยาวมากขอรับ

ส่งงานเสร็จก็ต้องไปทำหน้าที่ต่อ (แอบอู้ประจำ)

ไปแล้วขอรับ

ขอบคุณล่วงหน้าทุกท่านที่เข้ามาขอรับ :pig4:




ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ชื่อเรื่องดูอุ่นๆ

พออ่านแล้วอุ่นจนร้อนจัดกันเลยทีเดียว555

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ชื่อเรื่องดูอุ่นๆ

พออ่านแล้วอุ่นจนร้อนจัดกันเลยทีเดียว555

ไม่ร้อนเท่าไหร่ขอรับ

ขอบคุณที่เข้ามาชมขอรับ

บวกเป็ดเหลืองเช่นเคยขอรับ


ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0



สวัสดีขอรับ :3123:

หายไป 2 วัน

วันนี้ข้าเจ้ามาแล้ว(มีใครถาม)

เอารอยที่ 3 มาส่งขอรับ



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@







รอยที่ III






   แสงไฟหลากสีที่ส่องแสงอยู่กลางฟลอร์ เสียงเพลงที่ดังในจังหวะเร้าใจเร่งเร้าในผู้คนออกมาวาดลวดลายไปตามทำนองเพลง แต่ในอีกมุมหนึ่ง เสียงที่ดังอึกทึกนั้นกลับไม่ส่งไปถึง มีเพียงเสียงเพลงเบาๆคลอไปเสียงไฟสีนวลอ่อน


   “ ไม่น่าเชื่อนะคะว่าวันนี้นีน่าจะสามารถแย่งชิงคุณจากอีกหลายคนสำเร็จ กว่าคุณจะยอมรับนัดนีน่าแต่ละครั้งมันไม่ง่ายเลยนะคะ เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องเต็มที่กันหน่อย ”


   หญิงสาวร่างสูงเพรียวอย่างนางแบบเอียงหน้าซบไหล่ชายหนุ่ม โยกตัวไปตามเสียงเพลงช้าๆที่ดังคลออยู่ แม้ว่าในวันนี้เขาจะรับนัดหญิงสาวตรงหน้าเพราะเพิ่งผ่านเรื่องน่าเบื่อมา มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากชายหนุ่มซึ่งได้ชื่อว่าเพลย์บอยตัวพ่อจะควงหญิงสาวไม่ซ้ำหน้า ถึงคลับแห่งนี้จะเป็นส่วนตัวอยู่ไม่น้อย แต่ระหว่างทางก็พอจะเห็นพวกชอบแอบถ่ายอยู่บ้าง แต่ใช่ว่าเขาจะสนใจ


   “ มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่หรอกครับ แต่ผมไม่ใช่คนที่นัดยากเสียหน่อย คุณนีน่าพูดซะผมเสียหายหมด ”


   เขาว่าพลางก้มลงคลอเคลียกับแก้มหญิงสาว แก้มขาวที่แต่งแต้มเครื่องสำอางราคาแพง กลิ่นน้ำหอมยี่ห้อหรู ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกมัวเมาได้ มันเป็นเพียงความพอใจเล็กๆน้อยๆ ของทั้งสองฝ่าย และการกระทำของเขาก็ดูจะทำให้หญิงสาวพอใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว


   “ ไม่เกินไปหรอกค่ะ กว่าจะนัดออกมาเจอกันได้แทบแย่เหมือนกัน ”


   ว่าไม่ว่าเปล่าหญิงสาวกับเงยหน้าขึ้นจูบชายหนุ่มก่อน อย่างไม่แคร์สายตาใคร ด้วยความมั่นใจที่มีอยู่ประกอบกับความที่เป็นนักเรียนนอก และแสงไฟสลัวๆ จึงไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว และในที่แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะใช่ว่าจะมีแค่ตัวเองเพียงตนเดียวเสียเมื่อไหร่ที่ทำ อีกหลายคู่ก็ทำเช่นกัน และการที่ได้ควงชายหนุ่มในฝันของใครหลายคน ก็ทำให้หญิงสาวอยากจะแสดงให้ใครได้เห็นว่าหล่อนคือคนที่เขาเลือก


   “ ผมว่าเรากับไปนั่งพักที่โต๊ะก่อนดีไหมครับ ค่ำคืนยังอีกยาว อย่าเพิ่งรีบร้อนจะดีกว่า ”


   เขาเอ่ยชวนหญิงสาวที่พกความมั่นใจมาเต็มที่กลับไปนั่งโต๊ะก่อนเพื่อเป็นการดึงเวลาสนุกออกไป หลังจากที่เพลงจบลง


   “ เอ๊ะ!!! นั่นมันยัยคุณหนูพิมพ์พักตร์นี่นะ มาทำอะไรกับใครกัน ”


   หญิงสาวอุทานขึ้นเมื่อหันไปเห็นคนรู้จัก แต่เหมือนกับว่าไม่ค่อยจะถูกกันเท่าใดนัก


   “ คุณนีน่ารู้จักด้วยหรือครับ ”


   เขาลองถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว


   “ แหมคุณดินคะล้อนีน่าเล่นหรือเปล่าคะเนี่ยะ มีใครบ้างที่จะไม่รู้จักคุณหนูพิมพ์ ไม่ตลกเลยค่ะ ”


   หญิงสาวคนเดิมกล่าวตอบด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อเท่าใดนัก


   “ ผมก็พอรู้มาบ้างครับ แต่ไม่ละเอียดเท่าใดนัก ไม่ทราบว่าคุณนีน่าจะพอช่วยผมได้บ้างหรือเปล่าครับ ”


   เขาตอบด้วยแววตาที่หญิงสาวเห็นแล้วแทบละลาย พลางจับมือเรียวของหล่อนขึ้นประทับจูบเบาๆ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่หล่อนจะยอมบอกทุกอย่างที่รู้


   “ นีน่าก็ไม่ทราบอะไรมากหรอกค่ะ เท่าที่รู้มาก็คือตอนนี้คุณหนูพิมพ์พักตร์นี่กำลังหาผู้ชายรวยๆสักคนเป็นหลักยึด เพราะฐานะทางบ้านของเจ้าหล่อนน่ะมีดีแค่เปลือกนอกเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าวันไหนบ้านจะโดนยึด แต่มันก็พอกับพี่น้องคนอื่นๆของบ้านนั้นล่ะค่ะ หาจับคนรวยกันทั้งนั้น อุ้ย!!! ขอโทษทีนะคะที่นีน่าพูดจาไม่สุภาพ ”


   หล่อนพูดออกมาตามที่คิดโดยไม่ทันได้กลั่นกรองอะไร แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าเงียบไปก็ตกใจที่ตนเองพูดออกมาโดยไม่ทันคิด


   “ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ถือ จริงๆแล้วผมก็ชอบคนที่ตรงไป ตรงมาอยู่ไม่น้อยนะครับ มันไม่เสแสร้งดี แต่รู้อย่างนี้แล้วผมคงต้องออกห่างพี่น้องบ้านนี้ใช่ไหมครับเนี่ยะ ”


   เขาพูดติดตลก และก็เรียกค้อนวงโตจากหญิงสาวได้ไม่ยาก แต่มันก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในเวลาต่อมาเมื่อเขาชวนหล่อนออกจากคลับเพื่อไปต่อที่อีก หลังจากที่เขานั่งมองคนที่ถูกนินทาจนพอใจ






@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@





   ความวุ่นวายขนาดใหญ่เกิดขึ้นภายในบ้านหลังหนึ่ง ดูจากสภาพแล้วน่าจะเป็นเรื่องไม่เล็กเลยทีเดียว เพราะแต่คนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นเคร่งเครียดอย่างเห็นได้


   “ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นห่ะ ”


   เสียงตะโกนดังมาจากชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาก็จัดอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ในตอนนี้นั้นกลับมีสภาพตรงกันข้าม เมื่อใบหน้าที่เคยหล่อเหลากำลังเคร่งเครียดกับสิ่งที่เจออยู่


   “ พี่พันอย่ามาโวยวายแบบนี้นะ ไม่ใช่พี่คนเดียวนะเดียวที่หงุดหงิดเป็น ”


   เสียงแหลมสูงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น จากหน้าตาที่ดูดี สวย น่ารัก แต่เมื่อส่งเสียงโวยวาย ภาพคุณหนูผู้แสนน่ารักก็หายวับไปกลับตา


   “ พอ!!! พอกันทั้งคู่นั่นล่ะ เลิกเถียงกันสักที แค่นี้ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ”


   ผู้หญิงวัยกลางคน คนเดียวในห้องเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่น้องกำลังจะตั้งหน้าทะเลาะกัน แทนที่จะช่วยกันคิดแก้ปัญหา


   “ แล้วแม่จะทำยังไงก็ว่ามาสักทีสิ หนูเบื่อจะแย่อยู่แล้ว ”


   หญิงสาวคนแรกที่ส่งเสียงดังโวยวายพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าแม่ของตนเองทำอะไรไม่ทันใจ


   “ แล้วที่พวกแกคุยนักคุยหนาว่าไม่พลาดๆ แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้กันไปหมด ไหนล่ะเสี่ยกระหนักของแกยัยพิมพ์ แล้วไหนคุณหนูหน้าโง่ของแกตาพัน แม่ไม่เห็นจะสำเร็จอย่างที่แกโอ้อวดสักอย่าง ”



   “ แม่!!!... ”


   เสียงของลูกสาวและลูกชายที่โดนดุร้องขึ้นพร้อมด้วยความไม่พอใจที่โดยว่า ก่อนจะหันหน้ามองกันและสบัดหน้าหนีแทบจะในทันที


   “ แหมใครมันจะไปดีเลิศเท่ายัยพา ลูกคนโปรดขอแม่ได้ล่ะคะ หนูมันก็แค่ลูกธรรมดา ไม่ใช่ลูกสาวเทวดาของแม่นี่คะ ”


   พิมพ์พักตร์พูดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนพาดพิงถึงน้องสาวของตัวเองว่าเป็นลูกคนโปรด และก่อนที่ผู้ที่ถูกพาดพิงจะได้เถียงกลับไป เสียงแหบของผู้ชายที่เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านก็ขัดขึ้นอย่างคนที่รำคาญเต็มที


   “ จะเลิกทะเลาะกันเองได้หรือยัง ที่เรียกมาวันนี้ก็เพราะอยากให้มาช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหา ไม่ใช่มานั่นหาเรื่องกันเองแบบนี้ จะเอายังกันดี หรืออยากจะอยู่แบบคนล้มละลาย บ้านโดนยึด ไม่มีที่จะอยู่น่ะเอาไหม ”


   “ เรื่องอะไรล่ะครับ แล้วอย่างนี้ผมจะบอกกับเพื่อนยังไง ”


   “ นั่นสิคะ พิมพ์ไม่ยอมหรอก ”


   “ คุณพ่อคะ พาก็ไม่ไหวเหมือนกันนะคะ พาไม่อยากให้ใครบอกพาเป็นพวกโลโซ หรือพวกพี่ชอบล่ะคะ ”


   สามพี่น้องกำลังจะหาเรื่องเถียงกันต่อหากไม่มีเสียงของพ่อที่บอกให้หยุดดังขึ้นอีก


   “ หยุดหาเรื่องสักทีจะได้ไหมห่ะ ไม่มีใครอยากจะเป็นอย่างนั้นหรอกน่า ไม่อย่างนั้นฉันจะพยายามหาทางออกอยู่นี่เหรอ ”



   “ ว่าแต่ทางนั้นเขาไม่มีข้อเสนออะไรให้กับเรา หรือยืดเวลาให้เราบ้างหรือคะคุณ ”


   ภรรยาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกๆแต่ละคนยอมเงียบฟังกันได้เสียที


   “ ไอ้มีมันก็พอมีอยู่หรอก ”


   “ มันยื่นข้อเสนอมาว่าอย่างไรบ้างคะ ”


   พิมพ์พักตร์ถามขึ้นทันทีที่ผู้เป็นพ่อพูดจบ ทำให้ใครอีกหลายคนมองหน้าอย่างไม่พอใจนักที่โดนแย่งตัดหน้า แต่ก็ยังไม่ได้โวยวายอะไรมาก


   “ ทางนั้นจะเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทของเราน่ะสิ ”


   “ คะ!!! ว่าอย่างไรนะคุณ ”


   ภรรยาถามขึ้นด้วยความไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยินนัก จึงขอฟังอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ


   “ ได้ยินไม่ผิดหรอกคุณ ทางนั้นจะเข้ามาเทคโอเวอร์เรา ช่วยจ่ายหนี้เสียให้ และให้เราได้บริหารต่อ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทอีกที ”


   สามีตอบข้อข้องใจของภรรยาตามที่ได้รับทราบมาจากผู้ที่มาทำหน้าที่เจรจาก่อนหน้า


   “ มันก็ไม่มีอะไรเลวร้ายเท่าไหร่นี่ครับพ่อ เราก็ยังเป็นประธานเหมือนเดิม บริษัทก็ยังเป็นชื่อเดิม เพียงเพิ่มเติมลงไปว่าในเครือของทางนั้นก็เท่านั้น ดีเสียอีกเราจะได้มีแบ็กดี ไปไหนใครก็คิดว่าเราร่วมทุ่นกับบริษัทชั้นนำ ”


   สิ่งที่ลูกชายพูดขึ้นมาทำให้พ่อ แม่ และน้องสาวคล้อยตาม ก็ในเมื่อข้อเสนอของบริษัทที่จะเข้ามาบริหารนั้นไม่ได้ส่งผลเสียอะไรมากนัก ในทางตรงข้ามอาจจะยังประโยชน์เสียอีก


   “ ก็จริงอย่างตาพันว่าอยู่นะคุณ เราก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่ ”


   ภรรยาสนับสนุนความคิดของลูกชายเต็มที่


   “ ไอ้จริงมันก็จริงอยู่ แต่อีกข้อแม้หนึ่งของทางนู้นน่ะ มีใครจะยอมทำบ้างไหมล่ะ เพราะทางไม่ยอมทำ เขาก็จะฟ้องเรา ”


   “ แล้วอีกข้อแม้หนึ่งมันคืออะไรล่ะ พ่อก็บอกมาสิอย่ามัวมาเล่าๆหยุดๆ อยู่นั่นล่ะ ”


   พาน้องสาวคนเล็กของบ้านถามขึ้นหลังจากที่เงียบฟังมานาน ด้วยอยากรู้ว่าอะไรที่เป็นข้อแม้ของทางนั้น แล้วทำไมพ่อจะต้องทำหน้าหนักใจด้วย


   “ ทางนั้นต้องการลูกของเราคนใดคนหนึ่งน่ะสิ ”


   “ โธ่!!! พ่อก็นึกว่าอะไร ทางนั้นก็ออกจะหล่อ รวย แถมยังเป็นที่หมายปองซะขนาดนั้นน่ะ หนูไม่ปฏิเสธหรอก ไม่เห็นพ่อต้องทำหน้าแบบนั้นเลย ดีเสียอีกบ้านเราจะได้สบายขึ้นอีกเป็นกอง ”


   “ เรื่องอะไรล่ะพี่พิมพ์ พาไม่ยอมหรอก ของอย่างนี้ต้องให้เขาเลือกเองสิว่าอยากได้ใคร อย่ามาเหมาเอาเองแบบนี้ มันไม่ง่ายไปเหรอ ”


   ก่อนที่ลูกสาวทั้งสองคนจะเถียงกันไปมากว่านี้ว่าใครจะเป็นคนที่ถูกเลือก เสียงของคนเป็นพ่อก็ขัดขึ้นมาอีกครั้งอย่างติดจะรำคาญไม่น้อย


   “ ถ้ามันเป็นอย่างที่แกสองคนเข้าใจล่ะก็พ่อจะดีใจมากที่แกแย่งกันไป แต่ถ้าแกสองคนรู้ว่าทางนั้นเขาต้องการเอาพวกแกไปทำอะไร ฉันอยากรู้นักว่าแกยังอยากจะเสนอตัวไปกันอีกไหม ”


   “ แล้วเขาต้องการลูกเราไปทำอะไรล่ะคุณ ทำไมลูกเราถึงไม่อยากไป ”


   ฝ่ายภรรยาถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าสามีไม่ยอมที่จะพูดอะไรต่อไปอีก


   “ เขาต้องการลูกเราไปเป็นคนรับใช้ เอาไปขัดดอก ไม่ได้ต้องการเอาไปทำภรรยาอย่างที่พวกแกเข้าใจหรอก รู้อย่างนี้แล้วยังมีใครจะแย่งกันไปอีกไหมล่ะ ว่ามาสิ ได้ตัวแล้วพรุ่งจะได้ทำสัญญากันเลย ”


   เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว จากที่แย่งกันจะไปกลับกลายเป็นว่าเกี่ยงกันแทน


   “ เขานัดทำสัญญาเร็วขนาดนั้นเลยเหรอคุณ ”


   ภรรยาถามด้วยความแปลกใจอีกครั้ง


   “ ก็ใช่ เพราะเขารู้ไงว่าเราคงไม่สามารถหาตัวคนที่จะไปตามที่เขาต้องการได้ยังไงล่ะ ”


   “ เขาบอกว่าลูกของเราเลยหรือคุณ ”


   สามีตอบ แต่ยังไม่ทันไรภรรยาก็ถามคำถามใหม่ขึ้นมา


   “ ก็ไม่เชิงหรอก เขาบอกว่าลูกของคุณ ซึ่งมันก็ต้องหมายถึงลูกของผม แต่ว่าลูกผมมันไม่ใช่ลูกของเราหรือไง ”


   สามีตอบด้วยความแปลกใจในคำถามของภรรยา เพราะไม่รู้ว่าตัวภรรยาของตนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่


   “ ก็ไม่ผิดที่คะคุณ ลูกของคุณแต่ไม่ใช่ลูกของเรา ทำไมจะไม่มี ”


   “ คุณหมายความว่า... ”


   สามีที่เริ่มจะเดาทางของภรรยาออกเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่โล่งอก เมื่อปัญหาที่ขบคิดมานานมีทางแก้เสียที


   “ ใช่!!! ถึงเวลาที่มันต้องทดแทนบุญคุณที่ฉันอุตส่าห์ใจกว้างให้ที่ซุกหัวนอนกับมันสองแม่ลูกได้แล้ว หรือคุณจะไม่ยอม ”


   เมื่อได้ยินแม่ของตัวเองว่าเช่นนี้ ลูกๆอีกสามคนที่กำลังถกเถียงว่าไม่ยอมจะไปก็ยิ้มออก เมื่อเห็นว่ามีคนที่ต้องไปแทน
แล้ว


   “ ผมจะไปว่าอะไร ดีเสียอีก มันจะได้ตอบแทนคุณเราบ้าง ”







@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@







พอจะเห็นโครงเรื่องลอยมาลิบๆแล้วใช่ไหมขอรับ

ข้าเจ้าคิดว่าหลายท่านคงพอจะเดาเรื่องต่อไปได้แล้ว

ขอบคุณทุกการติดตามขอรับ :pig4:






CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Firebird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กลิ่นมาม่าโชยมาเชียว จำเลยรักเปล่าอ่ะ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เริ่มเดาออกนิดๆแระ

ว่าแต่......3Pป่ะคะ  :o8:

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
กลิ่นมาม่าโชยมาเชียว จำเลยรักเปล่าอ่ะ

ไม่มาม่าเท่าไหร่ขอรับ

ประมาณว่าแสบๆ ไม่จิ๊ดน้ำตาตกขอรับ

จำเลยรักหรือเปล่า

ก็ไม่ไม่ถึงขนาดนั้นขอรับ

เริ่มเดาออกนิดๆแระ

ว่าแต่......3Pป่ะคะ  :o8:

อุตะ

ท่านช่างแม่นยำอะไรเช่นนี้

เหมือนมานั่งอยู่ข้างๆข้าเจ้าเสียจริง

ตามนั้นเลยขอรับ

ท่านเข้าใจมิผิด

แอบบเขินตัวเองเหมือนกัน

ปล. บวกน้องเป็ดเช่นเคยขอรับ



ออฟไลน์ Firebird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอพระเอกไม่งี่เง่า มีเหตุผล ก่อนโวยวายพอ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ขอพระเอกไม่งี่เง่า มีเหตุผล ก่อนโวยวายพอ

พระเอกเรื่องนี้ไม่งี่เง่าขอรับ แต่...........

โง่(มาก) และไม่มีเหตุผลอย่างแรง

:z13:

อุ้ยโดนจิ้มอ่ะ

วันนี้ข้าเจ้าต้องขออภัยขอรับ

งานยุ่งกว่าที่คิด

เลยแว่บไม่ได้เลย

บวกน้องเป็ดขอรับ


ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0



เอาตอนที่ 4 มาลงขอรับ :katai5:




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@









รอยที่  IV






   เส้นทางทอดยาวจากถนนใหญ่เข้าสู่ลานหน้าบ้าน ต้นประดู่เรียงรายสองข้างทาง กิ่งของต้นนั้นโค้งเข้าหากันมองดูคล้ายกับซุ้มประตู กลีบสีเหลืองปลิวไปตามลมที่พัดโชยมา อีกส่วนหนึ่งก็ร่วงหล่นอยู่ริมทางดูเหมือนพรมกลีบดอกไม้ที่ทอดปูตลอดทาง


   รถคันใหญ่แล่นมาจอดหน้าบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่มากนัก ตัวบ้านสร้างจากไม้ทั้งหลัง บริเวณรอบๆมีต้นไม้หลากหลาย
สายพันธุ์ปลูกไว้อย่างเป็นระเบียบ


   “ ลงมาได้แล้วหรือว่าต้องให้คนมาอุ้มลงมา ”


   น้ำเสียงห้วนๆของชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าคมคาย ดวงตาสีดำสนิท จมูกโด่ง รับกับคิ้วเข้ม ริมฝีปากไม่หนาจนเกินไป ดูลงตัวไปหมด ติดอยู่ที่น้ำเสียงที่ฟังดูไม่เป็นมิตรสักเท่าใดนัก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะเขาค่อนข้างจะชินกับน้ำเสียงแบบนี้จากคุณผู้หญิง และคุณหนูทั้งสามอยู่พอสมควรแล้ว


   “ ขอโทษครับ ”


   เขาขอโทษที่ทำให้ชายหนุ่มที่พาเขามานั้นต้องเสียเวลา


   “ มาถึงเร็วดีนี่นา คิดว่าจะช้ากว่านี้เสียอีก ”


   น้ำเสียงทุ้มหาญดังขึ้นภายในบ้าน ก่อนที่เจ้าของซึ่งเป็นชายหนุ่มประมาณด้วยสายตาคงจะแก่กว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าตนเองประมาณ 2 – 3 ปีเห็นจะได้


   “ ก็ไม่อยากให้พี่รอนาน กะว่าจะได้มาเล่นด้วยกันเร็วๆ เราไม่ได้เล่นด้วยกันมานานแล้วนะเนี่ยะ ”


   ว่าจบชายหนุ่มคนแรกก็เดินเข้าไปกอดคออีกคนที่เพิ่งเดินออกมา ด้วยความสูง และความหนาของร่างกายนั้นจะต่างกันอยู่บ้าง โดยคนที่ถูกเรียกว่าพี่นั้นโครงร่างจะหนากว่าคนน้องอยู่พอสมควร


   “ นี่ไงครับของขวัญจากผม ”


   เมื่อว่าจบเขาก็เบี่ยงตัวหลบคนที่ตนเองยืนบังเอาไว้ให้พี่ชายได้เห็น ชายหนุ่มร่างเล็ก ผิวสีน้ำผึ้งจาง แต่คล้ำจากจากตากแดด ผมสีน้ำตาล กับดวงตาคู่โตสีเดียวกับ ดวงหน้าเล็ก ซีดลงเมื่อเห็นแววตาของคนที่จับคางตนเองเชยขึ้น และต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อนิ้วมือแข็งแรงนั้นบีบลงมาอย่างไม่คิดจะออมแรง


   “ ฮื้อ!!! รักเจ็บครับ ”


   เสียงอุทานดังขึ้นเบาๆ อย่างต้องการจะบอกเมื่อแรงมือนั้นเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถทนต่อไปได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นออกจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของร่างเล็กนั้นไปสักนิด เมื่อชายหนุ่มปล่อยมือก็จริง แต่เป็นการปล่อยด้วยการผลักเสียมากว่า และด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัว เจ้าของร่างจึงล้มลงอย่างไม่ต้องสงสัย


   “ แหมพี่หินครับ ไม่คิดจะถนอมของเล่นใหม่หน่อยเหรอครับ กว่าผมจะเอามาได้มันไม่ง่ายเลยนะ ”


   ดินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหินออกจะรุนแรงกับของเล่นชิ้นใหม่นี้ไม่น้อย ทั้งๆที่หินจะเป็นคนที่ไม่แสดงอารมณ์ออกมาง่ายๆเสียด้วยซ้ำ


   “ มันชื่ออะไร แล้วแน่ใจนะว่ามันเป็นลูกของคนพวกนั้นจริง ”


   หินถามขึ้นทั้งที่ยังมองร่างเล็กที่ลงมานั่งคลุกฝุ่นอยู่ที่พื้น แววตาอาฆาตแค้นที่ฉายออกมาอย่างไม่คิดจะปิดปัง มันช่างต่างกับแววตาของคุณผู้หญิง และคุณผู้ชายอยู่มากทีเดียว คุณผู้หญิงแม้จะมีแววตาเครียดแค้นในตัวเขาและแม่ แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าคุณคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ แม้ว่าก่อนนี้จะได้เห็นสายตาแบบนี้มาก่อนจากคนที่มาตนมาที่นี่ แต่นั่นก็ยังให้ความรู้สึกบางเบากว่า


   “ มันเหรอครับ นายรักษา รักเกียตริขจร ผมส่งตรวจดีเอ็นเอเรียบร้อยแล้ว มันเป็นลูกชายคนเล็กของไอ้ผู้ชายคนนั้นอย่างแน่นอน พี่หินไม่ต้องห่วง ”


   “ ได้อย่างนั้นพี่ก็ดีใจ อย่างน้อยตอนนี้เราก็มีอะไรทำแก้เซ็งระหว่างที่ปล่อยให้มันหลงระเริงกับเวลาในตอนนี้ ”


   หินเอ่ยเช่นนั้น น้อยคนที่จะทราบว่า การที่บริษัทของบ้านพิมพ์พักตร์มีปัญหายืดยื้อมานานขนาดนี้ก็เพราะชายหนุ่มทั้งสองเป็นผู้ขีดเส้นทางอยู่ด้านหลัง ทั้งที่จะทำให้ล้มครืนทีเดียวเลยก็ได้ แต่สองหนุ่มก็ยังเล่นสนุกมาเรื่อยๆ เพื่อดูวิธีการเอาตัวรอดของฝ่ายนั้น คนที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตของทั้งคู่ต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง


   “ จะนั่งเฉยอยู่ทำไม รู้ไหมว่าฉันพามาที่ในฐานะอะไร อย่าหวังจะได้อยู่เป็นคุณหนูเหมือนนะ เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของแก ”


   ดินหันมาบอกกับคนที่ยังนั่งอยู่ไม่ยอมลุกขึ้น หากว่าคำพูดนั้นช่างคล้ายกับใครอีกคนหนึ่ง


   แกอย่าคิดนะว่าที่ฉันให้แกกับแม่ของเข้ามาอยู่ในชายคาบ้านฉันได้เนี่ยะ แกจะได้มาอยู่อย่าแขก ฝันไปเถอะ เพราะอย่างพวกแกแค่คนอาศัยฉันยังไม่มีให้ อยู่ที่นี่พวกแกก็คนใช้ดีๆนั่นล่ะ แล้วอีกอย่าง บ้านฉันไม่ใช่สถานรับเลี้ยงคนพเนจรพวกแกแม่ลูกหาข้าวกินเอาเอง อย่ามากินข้าวบ้านฉันให้มันเปลืองไปกว่านี้...


   ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงที่ดังขึ้นเหนือศีรษะก็พอจะบอกได้ว่าผู้พูดนั้นอยู่ในสภาพอารมณ์เช่นใด แต่ถึงจะอย่างไรเขาก็เตรียมใจมาบ้างแล้ว


   “ ชักช้าจริง ยังคิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูอยู่อีกหรือไง ดินนายไม่ได้บอกมันเหรอว่ามาอยู่ที่นี่ในฐานะไหน หรือว่าอยากได้เงินของคนอื่นจนหน้ามืด พ่อแกนี่ก็สุดยอดนะ ขายลูกเพื่อเงิน ส่วนแกก็ยอมทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อเงินเหมือนกัน หรือคิดจะมาจับฉันกับน้องเหมือนอย่างที่เคยทำมากับหลายๆคน ”


   คำพูดว่าร้ายและมือที่ยื่นมาเหมือนจะช่วยดึงขึ้นนั้น แท้จริงก็เป็นเพียงยื่นมาเพื่อซ้ำเติมให้แย่ไปกว่าเดิม เขาอยากจะเถียงนักว่าเขาไม่เคยทำ และไม่ได้มาที่นี่เพราะเงินอย่างที่ชายหนุ่มกล่าวหา และเขาก็ทำจริงๆอย่างที่คิด


   “ รักไม่เคยทำอย่างนั้นนะครับ แล้วรักก็ไม่ได้มาที่นี่เพราะเงินด้วย แต่... ”


   เพี๊ยะ!!!   


   เสียงฝ่ามือหนากระทบแก้มดังถนัด ชัดเจน ทำให้ร่างผอมบางที่เพิ่งจะลุกขึ้นยืนต้องเซถลาล้มลงอีกครั้ง รอยมือขึ้นเด่นชัดบนแก้มสีน้ำผึ้งจาง เลือดที่ไหลจากมุมปาก และจมูก หยดลงบนพื้น แต่ก็ไม่มีใครสนใจ


   “ ฉันพูดอะไรแกมีหน้าที่รับฟังอย่างเดียว ไม่ใช่มาเถียงฉอดๆ มาวันแรกก็ปีกกล้าแข็งเสียแล้วเหรอ อย่างนี้คงต้องสอนกันหนักหน่อยล่ะมั้ง ”


   หินว่าพร้อมกับต้นแขนเล็กทั้งข้างบีบเขย่าอย่างไม่เบาแรง ซึ่งถ้าบีบให้เนื้อหลุดออกมาได้เขาคงไม่ลังเลที่จะทำเช่นนั้นเป็นแน่


   “ รักขอโทษครับ รักเจ็บปล่อยรักเถอะครับ ”


   ชายร่างเล็กบางเอ่ยขอด้วยดวงตาเว้าวอน ที่มีน้ำตาเอ่อคลอ


   “ เจ็บเหรอ แค่นี้แกก็เจ็บแล้วเหรอ อย่ามาทำสำออยบีบน้ำตาหน่อยเลย หรือว่าพ่อ แม่แกสอนมาดี ถึงได้ตีหน้าซื่อใส สำออยร้องไห้ขอความเห็นใจได้เก่งนัก หน้าตาแบบนี้ใครมากี่คนแล้วล่ะ แต่ขอบอกนะว่ามันหรอกตาฉันไม่ได้หรอก แล้วแม่แกเคยบอกไหมว่าเวลาที่ทำคนอื่นเขาน่ะ เขาเป็นอย่างไง แต่ก็ไม่เป็นไรฉันจะสอนให้แกได้รู้เองว่าความเจ็บจากการถูกคนที่รัก เคารพ และไว้ใจหักหลังมันเป็นอย่างไร แต่ที่แกจะได้รู้ต่อจากนี้ไป มันคงไม่ถึงครึ่งที่ฉันกับน้องต้องเจอมาหรอก เอาไว้ถ้าแกยังมีชีวิรอดกลับไปก็อย่าลืมไปเล่าให้แม่แกฟังล่ะว่ามันเป็นยังไง ”


   หินว่าก่อนจะปล่อยมือแล้วผลักคนตรงหน้าอย่างไม่คิดจะสงสารกับหยดน้ำตาจริงอย่างที่ปากพูดว่า


   “ ไม่จริงนะครับ แม่รักไม่เคยสอนให้รักทำอย่างที่คุณต่อว่าเลย แล้วแม่รักก็ไม่เคยหักหลังใครด้วย คุณกล่าวหาแม่ของรักทำไม คุณจะว่ารักยังไงก็ได้ แต่รักขอเถิดครับอย่าว่าแม่รักเลย แม่รัก... อ๊ะ!!! ”


   ยังไม่ทันที่รักษาจะได้พูดจนจบ มือใหญ่ก็คว้าเส้นผมด้านหน้าดึงขึ้นอย่างแรง จนอาจจะเรียกว่ากระชากก็คงไม่ผิดนัก


   “ แก้ตัวแทนกันเหรอ แต่มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้นนี่นะ แม่ลูกกันนี่นา ถ้าแม่ของแกดีนักหนาแล้วทำไมถึงยอมแลกลูกของตัวเองกับความสบายส่วนตัวล่ะ หรือว่าแกเสนอตัวมาเพื่อที่จะจับผู้ชายรวยๆอย่างที่เคยหรือไง เพศยาไม่ต่างกัน ”


   รักษาส่ายหน้าปฏิเสธคำกล่าวหาที่ชายหนุ่มร่ายมา เพราะแม่ของคนไม่ใช่คนเช่นนั้น และเมื่อมีโอกาส เขาก็ไม่ยอมที่เสียมันไป


   “ แม่รักไม่เคยทำอย่างนั้น อย่าว่าแม่รักนะ ”


   แม้จะเจ็บที่ศีรษะ แต่รักษาก็พยายามที่จะไม่ให้ใครมาว่าแม่ของตนเองได้


    “ ดินพี่ว่าพี่เคยพูดไปแล้วนะว่า ไม่ชอบให้ใครมาเถียง แต่รู้สึกว่าคุณหนูนี่จะไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย ดินคงไม่ว่าใช่ไหมถ้าพี่จะทำอะไรรุนแรงไปบ้าง ”


   หินหันมาถามน้องชาย แต่มือนั้นก็ยังไม่ปล่อยเส้นผมของอีกฝ่าย และเมื่อได้คำตอบเป็นการส่ายจากน้องชาย พร้อมกับยกไหล่อย่างไม่คิดจะสนใจว่าพี่ชายจะทำอะไรรุนแรงอย่างที่บอกบ้าง หินก็หันกลับมาเอาเรื่องคนที่นั่งอยู่แทบเท้าของตนต่อ


   “ แกรู้ไหมฉันไม่ชอบให้ใครมาเถียง และฉันก็บอกไปแล้วว่าให้แกฟังอย่างเดียว แต่เมื่อไม่ฟังคำสั่งฉันอย่าหาว่าฉันร้ายไม่ได้นะ ”


   ว่าจบก็จับศีรษะเล็กนั้นโขกลงกับพื้นปูนที่ยืนอยู่ โดยไม่สนใจแรงมือเล็กๆที่พยายามดึงมือของตนออกแต่อย่างไร หินยังจับศีรษะนั้นโขกพื้นต่อจากหนึ่งครั้งเป็นสองครั้ง และอีกหลายครั้ง


   “แกรู้อะไรไหมถ้าแกรักแม่ของแกมากนักก็อย่างทำอะไรขัดใจฉัน วันนี้ฉันอาจจะใจดีที่ทำแต่แก แต่ในวันต่อไปฉันไม่รับรองนะว่าถ้าแกกล้ามีปาก มีเสียงกับฉันแม่สุดที่รักของแกจะต้องเจอแบบที่แกเจอด้วยหรือเปล่า ”


   ว่าจบก็จับศีรษะเล็กโขกลงมาอีกทีจนร่างนั้นแน่นิ่งไปเขาจึงยอมปล่อยมือ ร่างผอมบางนั้นมีรอยเขียวช้ำที่ต้นแขน ใบหน้าก็บวมแดง ส่วนที่หนักสุดคงเป็นศีรษะที่แตก เลือดสีแดงเข้มไหลลงบนพื้นมายังรองเท้าที่ชายหนุ่มสวมอยู่ เขาก้มมองเลือดที่เปื้อนรองเท้าเล็กน้อยนั้น ก่อนจะยกเท้าขึ้นเช็ดรองเท้ากับร่างที่นอนไม่ได้สตินั้น


   ดินมองการกระทำของพี่ชายด้วยแววตาเฉยชา เขาไม่รู้สึกสงสารหรือเห็นใจผู้ที่ถูกกระทำแม้แต่น้อย ด้วยความคิดที่ว่าแค่นี้มันยังน้อยไปคนอย่างพวกมันต้องเจออะไรมากกว่านี้


   “ แหมพี่หิน เก็บกดมาจากไหนกันครับ ลงมือไม่ยั้งแรงเลยนะ ”


   แต่เขาก็อดที่จะออกปากแซวตามนิสัยไม่ได้


   “ ทำไมเจ้าดิน นายเห็นใจมัน สงสารมันหรือไง ”


   หินถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์มากนักเมื่อโดนน้องชายถามแบบนี้


   “ ผมน่ะเหรอจะเห็นใจมัน สงสารมัน เป็นไปไม่ได้หรอกคุณพี่ชาย แต่ที่ถามน่ะ กลัวว่ามันจะขี้ขลาดหนีตายไปซะก่อน เราก็หมดสนุกกันพอดีสิครับพี่ชาย ”


   ดินอธิบายถึงเหตุผลที่เขาถามเช่นนั้น และเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากน้องชายก็ทำให้หินอารมณ์ดีขึ้นมาอีกนิด ก่อนที่เขาจะหันมาบอกกับน้องชาย


   “ มันยังไม่ตายหรอก ยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้มันไปสบายก่อนเวลาหรอก มันต้องชดใช้สิ่งที่พ่อกับแม่มันก่อเอาไว้ก่อน ไว้พี่กับนายพอใจเมื่อไหร่ค่อยปล่อยให้มันตายก็ยังไม่สาย ”


   “ อย่างนั้นหรือครับ ผมค่อยโล่งใจหน่อยนึกว่าพี่ชายจะปล่อยมือง่ายๆแบบนี้ กว่าที่ผมจะได้ตัวมันมานะ ไม่ง่ายเลยน่า ”


   ดินว่าพลางก้าวข้ามร่างที่นอนจมกองเลือดตามพี่ชายเข้ามาภายในบ้าน


   “ พี่ว่ามันไม่ยากอย่างที่เราว่าหรอกมั้ง แต่ที่มันนานมาจนถึงตอนนี้ก็เพราะนายกำลังสนุกกับการปั่นหัวพวกมันให้จนตรอกมากกว่า ”


   หินว่าน้องชายตามที่เห็น เพราะพวกเขาในตอนนี้ถ้าจะทำลายครอบครัวนั้นมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย แต่ที่ปล่อยเวลาล่วงเลยมาก็เพราะน้องชายเขาอยากเล่นอะไรสนุกๆก็เท่านั้น


   “ รู้ทันจริงคุณพี่ชาย ว่าแต่พี่ไม่คิดจะขึ้นไปชมความงามที่อื่นบ้างหรือไงครับ ”


   ดินว่าอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนที่เจ้าตัวจะเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็วตามความถนัด


   “ ไม่ล่ะเอาไว้จำเป็นเมื่อไหร่ค่อยขึ้นไป ที่ก็มีทุกอย่างพร้อมสรรพ แล้วอีกอย่างมันคืออาณาจักรที่คุณท่านสร้างเอาไว้ เกาะนี้เป็นเกาะที่ท่านรักมาก นายก็น่าจะรู้นี่ ”


   “ ไอ้รู้มันก็รู้หรอกครับ แต่แค่อยากจะชวนพี่ดู แต่ก็อีกล่ะ บนฝั่งตอนนี้ทุกอย่างก็สงบดี จนบางทีผมยังรู้สึกว่ามันสงบเกินไปเลย ”


   ดินว่าด้วยน้ำเสียงที่ออกจะติดกังวลไม่สมกบเจ้าตัวเท่าใดนัก


   “ มันก็ต้องเงียบเป็นธรรมดา เราจัดหนักไปนี่นา เชือดไก่ครั้งนี้เป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่ตั้งหลายวัน ”


   หินกล่าวย้อนไปเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่เขาและน้องชายจัดการกับหนอนบ่อนไส้ได้ตัวหนึ่ง แต่มันก็เพียงพอในระดับหนึ่ง แม้สังคมหน้าม่านจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ในสังคมหลังม่านที่เขาอยู่นั้นต่างก็รู้เช่น เห็นชาติกันดีอยู่


   “ มันก็จริงอยู่ แต่ผมก็ยังไม่ค่อยสบายใจอยู่ดีล่ะ เขาว่ากันว่า ก่อนพายุจะมาท้องฟ้ามักจะสงบ ”


   ถึงอย่างไรเสียดินเองก็ยังไม่เลิกกังวล แม้ว่ามันจะไม่ใช่วิสัยที่เป็นอยู่ก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวล ตนเองนั้นไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก เพราะเป็นคนเบื้องหน้า ไม่มีใครรู้ แต่พี่ชายนั้นคือเป้าหมายของคนอีกหลายกลุ่มที่ต้องการแผ่ขยายอาณาเขต


   “ จะอย่างไรก็ช่างเถอะ เราคงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากป้องกันตัวเอาไว้ก่อน เราเลือกที่จะเดินทางสายนี้แล้ว จะเดินทางไหนให้ไปอีกล่ะ วงการนี้เข้ายาก ออกยากกว่า เคยได้ยินไหม ”


   หินว่า ใช่ว่าเขาจะไม่รับรู้เรื่องกังวลใจของน้องชาย แต่ในเมื่อพวกเขาเองที่ก้าวเข้ามาในวงการนี้เอง เขาก็ต้องยอมรับผลที่จะเกิดจากการกระทำของตนเองให้ได้






@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@







ขอภัยที่วันนี้เอามาส่งช้าขอรับ

วันนี้เราก็ได้ตัวละครหลักเพิ่มอีกหนึ่งตัว

ตัวอื่นๆก็แค่ตัวประกอบ

ไม่ต้องสนมากขอรับ :hao7:

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาเช่นเคยขอรับ :L1: :pig4:


วิ่งกับไปปั่นงานต่อ :o12:



ปล. เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายแปลเรื่อง " หิมะแดง " ขอรับ

อย่าได้แปลกใจหากมีความรู้สึกมามันช่างคล้ายกันยิ่งนัก

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง :pig4:

ต้องกลับไปทำงานต่อจริงๆแล้วขอรับ :sad11:




 :L2:





 

ออฟไลน์ whipcream

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ตายๆๆๆ กว่าจะรู้ว่าทำร้ายคนดี

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :serius2:


รีบหรอ ? ยังไม่ทันพุด ลงมือ แล้ว


ตายๆ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
ตายๆๆๆ กว่าจะรู้ว่าทำร้ายคนดี

 ก็น่าจะประมาณนั้นขอรับ

แต่ไม่ต้องกลัวนายเอกเรื่องนี้อึด 55+

:serius2:


รีบหรอ ? ยังไม่ทันพุด ลงมือ แล้ว


ตายๆ


ไม่ตายขอขอรับ

แค่เลี้ยงไม่โต(หลบมุม)

พระเอกเขาใจร้อนขอรับ

ไม่ฟังอะไรหรอกขอรับ

บวกเป็ดน้อยเช่นเคยขอรับ




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


 :katai5:

คลานเอาตอนต่อไปมาส่งขอรับ

วันนี้ยุ่งกว่าที่คิด :katai4:

เหมือนวิญญาณล่องลอย :heaven

ไปปั่นต่อขอรับ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@








รอยที่ V











   ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เด็กชายสองคนกลับไม่สะทก สะท้านกับสภาพแวดล้อมรอบตัว หากยังตั้งตาคุ้ยหาของที่พอจะประทั้งชีวิตได้ตามถังขยะอย่างเร่งรีบ เพราะหากฝนหยุดเมื่อไหร่นั่นก็คือหมดเวลาในการหาอาหารมายังชีพ


   “ พี่หินได้หรือยังครับ ดินหิวแล้ว หนาวด้วย ”


   เด็กชายวัยไม่น่าเกินสิบกว่าขวบร้องถามพี่ชายที่กำลังก้มหน้า ก้มตาหาอาหารมารองท้อง ในขณะที่ต้องเองก็กำลังช่วยพี่ชายหาอยู่อีกด้าน มือคู่หนึ่งที่ยังไม่โตนักคุ้ยหาของที่พอจะนำไปเปลี่ยนเป็นเงินมาหาซื้ออาหาร


   “ อดทนหน่อยนะดิน ว่าแต่เราน่ะเก็บอะไรได้บ้างแล้ว ”


   เด็กชายคนพี่ร้องถามน้อง แต่คนน้องกลับไม่ตอบว่าอะไรเพียงหยิบขวดและกระเป๋าน้ำให้พี่ชายดู ก่อนจะก้มหน้าของที่ต้องการต่อ


   เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆ จากฝนที่ตกหนักก็ค่อยๆเบาลงจนเป็นเพียงฝนเม็ดเล็กที่ตกปรอยๆ สองพี่น้องรู้ดีว่าเวลาของตนทั้งคู่กำลังจะหมดลง อีกไม่นานเจ้าถิ่นทั้งหลายคงจะออกมาหาเรื่องอีก แม้จะไม่ได้กลัวการต่อยตี แต่เขาก็ไม่อยากจะมีเรื่อง เพราะนอกจากจะเจ็บตัวโดยใช่เหตุและยังจะต้องเสียแรงเปล่าเพราะของที่ออกแรงหามานั้นโดนแย่งไป หากจะว่าไปแล้วถ้าสู้กันตัวต่อตัว มันไม่เท่าไหร่ แต่ที่ต้องหลบก็เพราะเจอพวกหมาหมู่ เจ็บตัวน่ะทนได้ แต่ทุกวันมันก็ไม่ไหว เพราะเขาและน้องยังต้องการอาหารมาเลี้ยงตัวเอง แต่ถ้ามีเรื่องเมื่อไหร่เป็นอันต้องอดทุกที


   “ ดินเป็นยังไงบ้าง ได้เยอะเหมือนกันนะเรา ไปกันเถอะเดี๋ยวพวกหมาหมู่ก็คงออกอาละวาดแล้ว ”


   เขาชวนน้องชายให้ออกเดินจากจุดที่อยู่เมื่อครู่ วันนี้ได้ของหลายอย่าง คงพอจะเอาไปแลกเป็นเงินไว้ซื้อข้าวกินได้ ไม่ต้องมากินเศษอาหารที่กินไม่หมดของคนกินทั้ง กินขว้างในถังขยะได้บ้าง และอีกอย่างวันนี้ฝนตกหนักเสียจนไม่มีอะไรที่พอจะนำมากินรองท้องไปก่อนได้เลย ก็คงมีเพียงเศษขยะในสายตาของหลายคนพวกนี้ ที่พอจะทำให้เขาและน้องมีข้าวกิน


   “ จะรีบไปไหนไอ้เด็กขี้ขโมย ”


   ยังไม่ทันที่จะก้าวเดิน เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นด้านหลัง ใครบางคนที่เขาไม่อยากเจอ แต่ในตอนนี้ก็คงไม่สามารถเลี่ยงได้ วันนี้เขาและน้องคงต้องทนท้องหิวไปอีกวัน หากไม่อยากมีเรื่อง


   “ ผมไม่ได้ขี้ขโมย ”


   เด็กชายที่ตัวสูงกว่าเอ่ยขึ้น


   “ ไม่ได้ขโมยแล้วอะไรล่ะที่พวกมึงถืออยู่ ไอ้เด็กเหลือขอ ”


   เด็กผู้ชายที่ดูจะโตที่สุดในกลุ่มว่า ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกของกลุ่มด้วย


   “ ทำไมครับ ผมแค่มาเก็บของเหลือทิ้งพวกนี้ มันไม่ใช่ของใคร ”


   เด็กชายคนเดิมยังกล่าวต่อ


   “ เฮอะ!!! น่าขำ ของเหลือทิ้ง แต่นี่มันถิ่นกู มึงจะมาทำอะไร มึงขอกูหรือยัง ”


   หัวโจกว่าโดยมีลูกสมุนช่วยขำอยู่ด้านหลัง


   “ พ่อแม่มึงไม่เคยสอนหรือไงว่า จะทำอะไรน่ะต้องบอกเจ้าถิ่นเขาก่อน อ้อ!!! แต่กูก็ลืมไป พวกมึงคงเป็นพวกที่พ่อแม่ไม่อยากเลี้ยง หรือไม่ก็พ่อเอาแต่ทำงาน แม่ก็เลยมีชู้ พอมีลูกก็เลยเอามาปล่อยไว้ตามข้างทาง ดูจากสภาพแล้วเหมือนหมาโดนทิ้งว่ะ... ”


   ไม่ทันที่หัวโจกจะได้อ้าปากหัวเราะ กำปั้นไม่เล็กไม่ใหญ่ของเด็กชายที่อยู่ด้านหลังพี่ก็ซัดเปรี้ยงเข้าให้ โดนปากครึ่งจมูกครึ่ง


   “ อย่ามาลามปามถึงพ่อ แม่ฉันนะ ตัวเองทำเป็นพูดดีไป ว่าคนนู้น คนนี้ แล้วตัวเองล่ะ มันก็ไม่มีใครต้องการเหมือนกันล่ะน่า ไม่งั้นคงไม่มาเป็นเด็กเร่รอนหรอก ”


   เด็กชายใช้จังหวะที่อีกฝ่ายกำลังมึนตอกกลับไป


   “ เฮ้ย!!! อย่างนี้ก็สวยดิวะ พวกเราจัดการมัน สั่งสอนให้มันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ”


   ถึงแม้ว่าแรงหมัดนั้นจะไม่มากนักเพราะคนชกตัวเล็กกว่า แต่ก็ใช้ช่วงที่กำลังเผลอจึงมึนไปบ้าง แต่ด้วยความที่เป็นหัวโจก ย่อมไม่ยอมให้ใครมาปืนเกลียว เพราะมันเสียหน้าเด็กในปกครอง


   ยังไม่ทันที่ลูกสมุนจะได้ทำอะไรน้องชาย พี่ชายก็ดึงตัวน้องชายหลบ แถมฝ่าเท้าให้อีกด้วย แต่ไม่เท่าไหร่ก็โดนหมัดของใครสักคนกลับมา


   “ พี่หินไม่ต้องห่วงผม ผมไหวอยู่แล้ว ”


   น้องชายร้องบอกเมื่อเห็นว่าพี่ชายพลาดท่าเพราะมัวพะวงอยู่ที่ตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ซัดใครอีกที ก็มีฝ่าเท้าข้างหนึ่งยันมาเต็มรัก ทำเอาจุกไม่น้อย แต่จะให้ยอมเหรอ ไม่มีทาง ถึงเข้าและพี่ชายจะไม่เคยต่อยตีกลับใคร แต่ก็ใช่จะสู้ไม่เป็น เมื่อตั้งหลักได้เขาก็สวนหมัดกลับไปยังเจ้าของฝ่าเท้าเมื่อครู่ที่ตามมาหมายจะซ้ำ


   แม้ว่าแรงและสติปัญญาจะไม่เป็นรอง แต่ถึงอย่างไรน้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ เมื่อคู่ต่อสู้เข้ามารุมก็ทำให้พลาดท่าได้ง่ายๆ ถึงจะรู้ว่าอย่างไรก็ต้องแพ้ แต่ก็ขอแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี ถ้าต้องเจ็บก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายเจ็บน้อยกว่าหรอก


   “ ว่าไงไอ้ลูกหมา มึงจะยอมกูหรือยัง ถ้ามึงยอมคลานแบบหมามากราบตีนกู กูจะไว้ชีวิตน้องมึง ”


   หัวโจกพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าถ้าสู้กันต่อไปอาจจะยืดเยื้อ และตัวเองก็ไม่อยากเจ็บตัวโดยไม่เจ้าเป็น ก็ไอ้คนพี่หมัดมันหนักใช่เล่น เมื่อเห็นว่าสู้ด้วยกำลังอย่างเดียวไม่พอ มันก็ต้องมีอาวุธเข้ามาช่วยกันบ้าง มือหนึ่งจึงดึงมีดออกมาจากกางเกงด้านหลัง จี้ไปที่คอของคนน้องที่ถูกลูกสมุนล็อกตัวอยู่


   “ อย่านะพี่ดิน อย่าไปทำตามที่มันว่านะ อะ... ”


   ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อก็โดนต่อยเข้าท้องเต็มๆ เมื่อพี่ชายเห็นน้องโดนทำร้ายโดนที่ตนเองไม่สามารถทำอะไรได้ก็ยิ่งแค้นใจ


   “ มึงจะยอมทำตามที่กูสั่งดีๆ หรือว่าให้ไอ้น้องของมึงมีแผลเพิ่มอีกสักแผล สองแผลก่อน หรือว่ามึงอยากจะเห็นท้องน้องมึงกลายเป็นปลอกเก็บมีดของกูก่อน ”


   เมื่อเห็นว่าคนที่ตนเองต้องการให้คลานมากราบเท้าตัวเองยังยืนกำหมัดแน่นนิ่งอยู่ที่เดิม แววตาฉายโกรธจัด หัวโจกของกลุ่มแกว่งมีดไปมาอยู่แถวใบหน้าของน้องชายอีกฝ่าย เพื่อยั่วโทสะ


   “ ก็ได้ ฉันยอม แต่นายต้องปล่อยน้องฉัน ”


   เขายอมจำนนในที่สุด ศักดิ์ที่มีอยู่หากต้องแลกกับความปลอดภัยของน้องที่เหลือกันเพียงสองคนแล้วมันไม่ยากอะไรเลยในการตัดสินใจที่จะทำ เพราะถึงอย่างไรต้องนี้มันไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงคลุกเข่าลง เพื่อจะคลานไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ


   “ พี่หิน!!! อย่าทำแบบนั้นนะ อย่าทำ... ”


   น้องชายส่งเสียงห้ามน้ำเสียงแหบพร่า น้ำตาเอ่อคลอด้วยความซ้ำใจ และพยายามที่จะดิ้นให้หลุดการการเกาะกุม แม้จะโดนหมัดไปอีกทีเขาก็ไม่ละพยายาม จนกระทั่งได้สบตาพี่ชายที่มองกลับมา เขาจึงหยุด


   เมื่อคลานเข้ามาใกล้จนได้ระยะ หินก็ก้มลงคล้ายจะกราบแทบเท้าของอีกฝ่าย แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเขาลุกขึ้ยเสยปลายคางคนที่ไม่ทันตั้งตัว และคิดว่าตัวเองคือผู้ชนะ ก่อนจะเข้าแย่งมีดจากมือของอีกคน ส่วนดินเมื่อเห็นว่าได้จังหวะก็กระทืบเท้าของคนที่ล็อกแขนตนเองไว้ข้างซ้าย ก่อนจะสะบัดตัวออกแล้วต่อยเข้าเต็มตาของคนที่ล็อกอยู่ด้านขวา เมื่อสถานการณ์พลิกกลับ ไม่เป็นอย่างตั้งใจก็ทำให้หัวโจกไม่พอใจอย่างมากที่ต้องตกเป็นรอง แต่ก็ไม่ยอมแพ้ เพราะเจ้าตัวคว้าท่อนไม้แถวนั้นขึ้นมาเป็นอาวุธแทน


   แต่ก่อนเหตุการณ์ตะลุมบอลรอบสองจะเกิดขึ้นก็มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาเสียก่อน


   “ ตำรวจ ตำรวจมา ตำรวจ!!! ”


   “ หนีกันก่อนลูกพี่วันหน้าค่อยซัดกับมันใหม่ ”


   ลูกสมุนว่าพลางดึงแขนลูกพี่ให้ออกวิ่งไปด้วยกัน


   “ ฝากไว้ก่อนเหอะมึง ”


   แม้ตัวจะวิ่งออกไปแล้วก็ยังไม่วายหันกลับมาชี้หน้าฝากแค้นเอาไว้ แต่สองพี่น้องก็ไม่ได้สนใจกับมันนัก เพราะสองคนกำหันหันหาที่มาของเสียง


   “ ไม่วิ่งหนีบ้างหรือไงไอ้หนู หรือว่าไม่กลัวโดนจับ ”


   ชายวัยกลางเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ติดตามอีกสองคนที่ขนาบซ้าย ขวา เครื่องแต่งกายดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าบังเอิญผ่านมาเดินเล่นแถวนี้


   “ ทำไมต้องหนีล่ะครับ ก็คุณไม่ใช่ตำรวจเสียหน่อย แล้วอีกอย่างแถวนี้ไม่ค่อยมรตำรวจมาเดินเท่าไหร่ ยิ่งฝนยังตกไม่หยุดดีแบบนี้ด้วยแล้ว ”


   พี่ชายตอบแทนน้องด้วยวาจาฉะฉานไม่เกรงกลัว มันสร้างความพอใจให้เขาไม่น้อย จะว่าไปแล้วเขาก็มองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะอยากรู้ว่าเด็กชายทั้งสองจะเอาตัวรอดได้อย่างไร มีหลายคนบอกว่าถ้าอยากได้ช้างเผือกต้องเข้าป่าลึก อยากได้คนจริงก็ต้องหาจากข้างทาง เห็นจริงมีส่วนจริงอยู่ไม่น้อย เพราะวันนี้เขาพบเพชรในตมเสียแล้ว หากเจียระไนอีกสักหน่อยคงสวยไม่มีที่ติ


   “ เอาเป็นว่าฉันจะไม่ถามอะไรมากนะ แต่จะถามว่าอยากไปด้วยกันไหม ”


   เมื่อได้ยินคำถามจากคนแปลกหน้าแบบนี้ก็ยังความสงสัยมายังสองพี่น้องไม่น้อย ใครกันจะมาชวนเด็กเร่ร่อนเนื้อตัวมอมแมมอย่างพวกเขาไปอยู่ด้วย แต่จะว่าไปแล้วในเมื่อเขาทั้งคู่ก็ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว การตัดสินใจจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร


   “ ตกลงครับ เราสองคนจะไปกลับคุณ ”


   เมื่อตอบไปแล้วเขาทั้งคู่ก็เดินตามชายแปลกหน้าออกจากแหล่งเสื่อมโทรมนั้นไป ไปในทางที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้






@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@








   เสียงรถยนต์แล่นเข้ามา ช่วยทำให้คนที่ตกอยู่ในความหลังวันวาน ดึงตัวเองให้กับมายังเวลาปัจจุบัน แม้ว่าเรื่องในวันก่อนๆนั้น มันไม่น่าจดจำเท่าใดนัก แต่มันก็เป็นแรงผลักดันให้เขาก้าวมาอยู่ ณ จุดนี้ได้


   เสียงเอะอะ โวยวายดังขึ้นหลังจากผู้ที่มาใหม่เอารถเข้ามาจอดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายแต่อย่างไร


   “ ไอ้คุณหินครับ หน้าบ้านมันเกิดอะไรขึ้นครับ คุณไม่มีอะไรทำหรือไงครับถึงได้ทุบหัวชาวบ้านเขาเล่น ”


   เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มร่างสันทัด ผิวขาวอย่างคนที่ไม่ค่อยจะเจอแสงแดด แววตาใต้กรอบแว่นสีน้ำตาลมองมายังคนที่ถูกถามอย่างไม่ค่อยถูกใจนัก


   “ สวัสดีครับพี่กิต วันนี้ทำไมมาแต่วันเชียว ”


   ดินยกมือไหว้กิตติ หรือนายแพทย์กิตติ นิยมการ นายแพทย์ประจำตระกูล เขาเป็นคนแค่ไม่กี่คนที่สามารถเรียกชื่อของหินอย่างห้วนๆได้ เหตุก็เพราะทั้งสามคนโตมาด้วยกัน พ่อของกิตติ เป็นหมอที่ทำงานกับคุณท่านมาก่อน และส่งมอบหน้านี้ต่อให้
กับลูกชาย


   “ อืม... หวัดดี ว่าแต่จะมีใครบอกได้บ้างหน้าบ้านมันเกิดอะไรขึ้น ”


   กิตติรับไหว้ดิน แล้วถามในเรื่องที่ตนเองเห็น และกำลังสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น นายใหญ่แห่งเกาะปาหยันถึงนึกสนุกมานั่งทุบหัวคนอื่นเล่น


   “ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เห็นหน้าแล้วไม่ถูกใจก็เท่านั้นเอง ”


   หินเป็นคนตอบข้อข้องให้หมอกิตติความน้ำเสียงติดจะรำคาญ เพราะรู้สินัยกันอยู่ ถ้าไม่ได้คำตอบมันก็ถามเซ้าซี้ไม่ยอมเลิก


   “ อ้อ!!! อย่างนั้นเหรอ ว่าแต่มันทำอะไรให้แกไม่ถูกใจวะ ”


   หมอช่างสงสัยยังไม่คิดจะเลิกถาม แต่กลับเปลี่ยนอาชีพของตัวเองจากนายแพทย์ มาเป็นทนายความแทน เพราะเจ้าตัวจะต้องซักฟอกจนพอใจนั่นล่ะจึงจะหยุด


   “มันเป็นลูกของชาย หญิงคู่นั้นครับพี่กิต ”


   คราวนี้คนตอบกลายเป็นดินเสียแทน เพราะรู้ว่าพี่ชายปากหนัก กับหมอช่างซัก กว่าจะคุยกันรู้เรื่องคงต้องใช้เวลาอีกนาน เผลอจะได้คุยธุระจริงๆกันเสียที


   “ อ้อ!!! อย่างนั้นเหรอ แล้วแกเอาตัวเขามาแบบนี้ไม่กลัวข้อหาพรากผู้เยาว์เหรอวะ ไอ้ที่นอนหมดสภาพอยู่หน้าบ้านน่ะ อายุไม่น่าจะถึง 18 เลยนะโว้ย ”


   หมอว่าพลางมองออกไปหน้าบ้านที่ในตอนนี้ยังมีร่างผอมบางนอนไม่ได้สติอยู่ และนอกจากนั้นบาดแผลก็ยังไม่ได้รับการดูแลอีกด้วย เนื่องจากตนเป็นหมอเห็นคนเจ็บนอนอยู่แบบนี้มันก็ไม่ค่อยดีต่อจรรยาบรรณเท่าใดนัก


   “ เรื่องอายุพี่กิตไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ มันอายุถึงแล้วแน่นอน และถ้าไม่ถึงมันก็เป็นคนยินยอมมาเอง ”


   ดินเป็นคนบอกอีกเช่นเคย เพราะตอนนี้พี่ชายของเขานั่งทำหน้าไม่รู้ ไม่ชี้อยู่อย่างเดียว


   “ เออ!!! จะยังไงก็เหอะ จะปล่อยให้มันนอนเกะกะ ขวางทางเข้าบ้านอย่างนั้นเหรอ จะทำยังไงก็ช่วยเอามันไปเก็บให้ดีก่อนจะได้ไหม เห็นแล้วมันรำคาญใจ ”


   “ ก็ได้ครับพี่หมอกิต เดี๋ยวผมจะขอให้เด็กๆของพี่หินช่วยเอามันไปให้พ้นสายตาพี่ มันจะได้ไม่กระตุ้นต่อมความเป็นแพทย์ของพี่ ”


   “ เออ...ให้มันได้อย่างนี้สิวะไอ้น้องรัก รีบเอามันออกไป แล้วเราจะได้ไปหาอะไรใส่ปากกันสักที ”


   หมอกิตติชอบใจในคำพูดของดินมากทีเดียว เพราะถึงเขาจะเป็นหมอก็จริง แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นหมอที่ดีตามมาตรฐาน ถึงเห็นแล้วมันอดจิ๊ดใจไม่ได้ แต่ถ้าไม่เห็นมันก็อีกเรื่อง และคนๆนั้น หากเป็นศัตรูของสองพี่น้องนี้ ก็ถือว่าเป็นศัตรูของเขาด้วย เพราะเขาก็พอจะรู้ตื้นลึก หนาบางอยู่พอตัว เขาจึงไม่คิดจะช่วยคนที่นอนไม่ได้สติอยู่หน้าบ้าน






@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@






ส่งงานแล้ว

ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีใครสงสารนายหิน กับนายดินไหมนะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาขอรับ

 :L2: :pig4:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2014 11:33:38 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0





รอยที่ VI











   ดวงอาทิตย์ลาลับฟ้าไปนานแล้ว เสียงแมลงกลางคืนส่งเสียงเจื้อยแจ้วแข่งกัน ดวงจันทร์ครึ่งใบลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า ช่วงขับไล่ความมืดแม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย เปลือกตาที่เผยอพยายามที่เปิดขึ้นมองสิ่งที่อยู่รอบๆตัว แต่ดูเหมือนว่ามันช่างทำได้ยากเสียอย่างยิ่ง ศีรษะที่มีแผลแตกในตอนนี้เลือดหยุดไหลไปแล้ว แต่ก็ยังมีซึมๆอยู่บ้างอีกเล็กน้อย ความรู้สึกปวดเจ็บแล่นริ้วทันทีที่ขยับตัว ในตอนนี้นั้น เขาไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด แต่อย่างไรเสียก็คงอยู่บนเกาะที่เพิ่งมาครั้งแรก แม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองต้องเจอในวันพรุ่งนี้มีอะไรอีกบ้าง ไม่รู้ว่าคุณผู้ชาย กับคุณผู้หญิงทำอะไรไว้ให้พี่สองคู่นั้นโกรธแค้น ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวอะไรกับตัวเอง แต่ถ้าสิ่งที่เขาเลือกมารับผิดแทนในครั้งนี้ มันทำให้แม่เขามีความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น เขาก็ยอม ถึงจะถูกตราหน้าว่าอย่างไรก็ตาม


   ซ่า!!!


   เสียงน้ำถูกสาดลงมาบนร่างที่นอนหลับใหล ทำให้คนที่ตกอยู่ในนิทราสะดุ้งตื่นขึ้นมา เสียงนกที่ออกหากินในตอนเช้าบอกให้รู้ว่ามันยังเป็นเช้าอยู่มาก ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่ทักทายขอบฟ้าเลย


   “ คิดจะนอนเป็นคุณหนูไปถึงไหนกัน ที่นี่แกไม่ได้มาอยู่อย่างคุณหนูนะ แต่แกมาอยู่อย่างคนรับใช้ ไปลุกขึ้นไปทำงานของแกได้แล้ว ”


   เสียงเรียกที่ช่วยปลุกอีกแรงทำให้คนที่ยังไม่ตื่นเต็มตาต้องตื่นเต็มตัว เขาอยากจะอุทธรณ์ว่าร่างกายไม่ไหว และจากเรื่องเมื่อวานก็ทำให้รู้ว่า คำพูดของเขาไม่มีประโยชน์อะไร รังแต่จะทำให้ตนเอง และอาจจะพาลไปถึงแม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย


   ร่างเล็กพยายามประคองตัวลุกขึ้น เขาไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก เพียงแต่เดินตามคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าไปเงียบๆ เสื้อผ้าชุดเดิมที่ชื้นน้ำ และเปื้อนเลือดยังไม่ได้เปลี่ยน แต่มันก็ไม่สำคัญ เขาเคยสกปรก มอมแมมกว่านี้มานัก เขายังทนอยู่ได้ แค่นี้เล็ก
น้อยเท่านั้น


   “ ต่อไปนี้แกต้องทำงานบ้านของที่นี่ ตอนเช้าต้องแช่ที่เก็บลงมาจากเรือนใหญ่ พอแช่เสร็จแกต้องไปรดน้ำต้นไม้ แล้วก็กลับมาซักผ้า อ้อ!!! แกต้องซักมือนะไม่ใช่ซักเครื่อง ตอนนี้คนสวนไม่อยู่แกต้องทำแทนทั้งหมด หลังจากนั้นแกต้องไปดูแลทำความสะอาดคอกวัว คอกม้า ส่วนงานบนเรือนใหญ่แกไม่ต้องเข้าไปยุ่ง และก็ไม่ต้องเสนอหน้าไปที่เรือนใหญ่ด้วย ตอนนี้ฉันคิดออกแค่นี้ นอกเหนือจากนี้ไว้คิดออกเมื่อไหร่ฉันจะบอกอีกที ที่ว่ามาทั้งหมดนี่เข้าใจไหม ”


   เขาไม่ได้ตอบว่าอะไร เพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้น แต่ก็คงไม่เป็นพอใจเท่าใดนัก เพราะมีเสียงที่ตามมาอีก


   “ เข้าใจแล้วก็ไปทำสิ มัวยืนเฉยอยู่นั่นล่ะ ”


   ตั้งเช้ามืดเวลาก็ล่วงเลยไปเรื่อยๆ กว่าจะทำงานตามที่ได้รับคำสั่งมาเรียบร้อยก็บ่ายคล้อย ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ยิ่งทำให้อะไรก็ช้าลงไป ท้องที่ส่งเรียกร้องตั้งแต่เมื่อวานบ่าย เรื่อยมาจนบ่ายของอีกวันก็ยังไม่ได้รับอะไรเลยแม้แต่น้ำ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาจึงเดินกลับไปที่ห้องครัว เพื่อขออาหาร


   “ คุณป้าครับ รักทำงานเสร็จแล้วครับ รักขอทานข้าวได้ไหมครับ ”


   “ ใครเป็นป้าแก อย่ามาตีเสมอ หิวข้าวเหรอ ”


   หญิงสูงอายุตอบอย่างไม่พอใจนักที่เขาเรียกว่าป้า ก่อนจะเอ่ยถาม ซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้ารับเบาๆ จากคนที่ยืนอยู่ด้านนอก


   “ เสียใจด้วยนะ ข้าว กับข้าวฉันให้หมาแถวนี้มันกินไปหมดแล้ว ”


   หล่อนตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร


   “ ไม่เป็นไรครับ ถ้าอย่างนั้นรักขอน้ำสักขวดก็ได้ครับ ”


   รักษายิ้มรับกับคำพูดนั้น พร้อมกับเอ่ยขออีกอย่างที่คิดว่าจะมีแทน


   “ น้ำเหรอ ทำไมแกเรื่องมากอย่างนี้ อยากกินอะไรก็ไปหากินเอาเองสิ ที่นี่ไม่มีอะไรให้แกกินหรอก ”


   ว่าจบก็ผลักคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูออกมา แล้วปิดประตูใส่หน้า รักษาเดินออกจากห้องครัว พลางยิ้มปลอบใจตัวเอง ว่าไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้กินข้าวเลยทั้ง 2 – 3 วันยังอยู่ได้ นี่แค่วันเดียวเอง ทำไมจะทนไม่ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เดินไปเรื่อยเพื่อกลับที่พักที่ไปพักอยู่เมื่อคืน ก๊อกน้ำระหว่างทางกลับนั้นก็ช่วยดับกระหายได้








@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@






   วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แม้ทุกวันนี้รักษายังไม่เคยได้กินข้าวเหมือนคนอื่น เพราะเขาต้องรอให้ทุกคนกินอิ่มเสียก่อน เมื่อถึงเวลาเก็บล้างเขาถึงจะได้กิน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รักษาน้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใด ยังดีเสียอีกว่าอย่างน้อยก็มีข้าวกินให้อิ่มท้อง แม้ทุกคนในบ้านจะทำเหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ แต่รักษาก็ไม่ท้อใจ และในวันต่อๆมาอีกหลายๆวัน หลายอย่างก็เริ่มดีขึ้นจากเดิมบ้าง ถึงเขาจะไม่ได้ทานอาหารร่วมโต๊ะกับใคร แต่อาหารที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้เทกองไว้ถังเหมือนเช่นเดิม


   แม่เคยบอกว่าไม่ว่าใครจะมองเราอย่างไรมันก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ตัวเราเองต่างหาก ว่าเราจะทำตัวเราให้มันด้อยค่าอย่างที่เขามองหรือเปล่า คนเราจะดีเด่น หรือต่ำด้อยมันไม่ได้วัดกันที่เสื้อผ้าที่สวมใส่ แต่มันอยู่ภายในใจของตัวเองทั้งนั้น


   ระหว่างที่เดินกลับบ้านในความรู้สึกของตัวเอง แม้ว่าที่อาศัยอยู่นั้นมันจะห่างไกลจากคำว่าบ้านนักก็ตาม โรงไม้ที่ถูกทิ้งร้างไว้ ไร้แสงไฟในยามค่ำคืน มีผนังกลั้นลมแค่เพียงด้านเดียว หลังคาที่มองขึ้นไปสามารถเห็นดวงดาวมากมายด้านบนได้ หากว่าฝนตกก็เปียกอย่างไม่ต้องสงสัย ระหว่างที่เดินกลับและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รอยยิ้มก็ยังคงมีอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คอยปลอบใจตัวเอง ถึงจะทุกข์แค่ไหน ถ้าเราทำให้ตัวเองมีความสุข ทุกอย่างก็จะเป็นสุข


   “ฮื้อ!!! ”


   เสียงอุทานด้วยความตกใจที่อยู่ก็มีมือของใครบางคนมาปิดปากเอาไว้


   “ อย่าเสียงดัง ”


   เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเกาะ หรือนายใหญ่อย่างที่ทุกคนเรียก ยังจำได้ดีว่าครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อของชายหนุ่มเขาแทบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อส่งเสียงห้ามก็ดึงมือให้เดินตามกลับเข้าไปในเรือนด้านหลัง ซึ่งมีใครอีกคนรออยู่ ก่อนที่สัมผัสที่รุนแรง เร่งเร้าจะโอบกอดเขาไว้ ความสัมพันธ์ที่บังคับดึงดัน แต่ในวันนี้เขาก็ยอมที่จะเป็น แม่บอกว่าผู้หญิงน่ะมีสามีได้แค่ครั้งเดียว ดั้งนั้นแม่จึงต้องยอมทน เพราะความไม่รู้ทำให้ก้าวพลาด แต่แม่ก็ไม่เคยกล่าวโทษคนที่ก่อเรื่องขึ้นแม้แต่น้อย ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมที่เล่นตลกกับตัวเองเรื่อยมา เขาก็คงจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน







@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@







วันนี้มาแบบสั้นๆขอรับ


ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาขอรับ :L1: :pig4:





ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0




เหงาจังเลย :sad11:

ไม่มีใครเข้ามาหาข้าเจ้าเลย

แต่ก็มิเป็นไรดอก

ข้าเจ้ามิหวั่น เอาตอนต่อไปมาลง

เชิญติดตามต่อได้แล้วขอรับ :mew1:






รอยที่ VII










   เวลาที่เปลี่ยนไป ทำให้หลายอย่างในใจก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ครั้งแรกที่เจอหน้าเขาและน้องชายอยากจะบีบคอเล็กๆนั่นให้หักกับมือ แต่ก็ต้องยั้งเอาไว้ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสบายเกินไป แต่เมื่อนานวันเข้า เขาก็รู้สึกได้ว่ามีหลายอย่างในตัวเขาและน้องเปลี่ยนไป จนหลายครั้งเขาคิดว่าคนๆหนึ่งจะทำให้ใจที่เคยแข็งกระด้าง เย็นชา เปลี่ยนไปได้หรือ ทุกครั้งที่เขาและน้องทำร้ายร่างกายนั้นให้เจ็บปวดแสนสาหัสแค่ไหน แต่แววตาที่มองมาที่พวกเขาก็ไม่มีแววของคนที่โกรธแค้นแต่อย่างใด มีเพียงแววตาเว้าวอนขอความเห็นใจก็เท่านั้น


   ทุกครั้ง ทุกอย่างที่เขาและน้องทำ ไม่เคยยังความสุขใดๆมาให้ร่างผอมบางผิดจากผู้ชายทั่วไปนั้นเลย เขาและน้องตักตวงทุกอย่างด้วยความแค้นที่มี สาดเทอารมณ์ทุกอย่างไปที่ร่างกายนั้น หวังจะทำให้คนๆนี้กลายเป็นเพียงร่างที่มีเพียงลมร่างใจ แต่มันกับไม่เป็นอย่างครั้ง ทุกครั้งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รอยยิ้มเล็กๆก็ยังคงมีอยู่เสมอ รอยยิ้มจากใจ รอยยิ้มที่ทั้งเขาเองที่ลืมการยิ้มไปนานแสนนาน และน้องชายแม้ว่าจะมียิ้มติดอยู่เสมอ แต่มันก็ไม่ใช่ยิ้มจากใจ


   ความสัมพันธ์ฝืนบังคับที่เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะทำลายทุกอย่างของคนๆนี้ แต่มันก็กลายเป็นว่าเขารวมถึงน้องชายนั่นก็เช่นกัน ได้ผูกมัดคนๆนี้เอาไว้ ทั้งที่เขาไม่ได้คิดอะไร ที่ทำไปก็เพียงเพื่อทำลาย แต่สิ่งที่ได้กับมามันเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก


   ในคืนแรกที่ได้ตัวของลูกศัตรูมาไว้ในมือ เขาเองเป็นคนทำให้เจ็บ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดจะสนใจ อยากจะฆ่าเสียเลย แต่ก็อยากเก็บเอาไว้ทรมานเล่น ทุกอย่างต่อจากนั้นเขาก็เป็นคนสั่งให้ทุกคนทำ จะมีก็เพียงแม่บ้านเก่าแก่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่อง แม่บ้านที่คอยหาอาหารให้เขาและน้องตั้งแต่วันแรกที่เดินตามคุณท่านมา แม่บ้านคนที่จัดหาเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ พาไปอาบน้ำ ทำแผลให้ จัดที่หลับ ที่นอนให้ แม่บ้านเป็นเดือด เป็นร้อนแทนเมื่อรู้เรื่องของเขาในครั้งแรกนั้น ยังผลให้เขาไม่ต้องบอกอะไรมาก คุณแม่บ้านก็จัดการให้เขาอย่างเรียบร้อย ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการ


   หลายอย่างใช้งานอย่างกลั่นแกล้ง แต่คนๆนั้นก็ไม่เคยที่จะปริปากว่า จะให้อยู่อย่างไร จะให้กินหรือไม่ให้ เจ้าตัวก็ยังยิ้มได้ เหมือนไม่เคยจะโกรธอะไรใคร ทำได้ทุกอย่างตามที่สั่ง จนเขาและน้องชายเองยังอดแปลกใจไม่ได้ ถ้าไม่มีผลพิสูจน์ทางดีเอ็นเอ เขาอาจจะไม่เชื่อว่าคนๆนี้เป็นลูกชายของครอบครัวนั้นจริงๆ


   ในคืนแรกที่เขาและน้องชายย่ำยีร่างกายนั้น มันเป็นสิ่งที่เขาทำด้วยความสะใจที่เห็นเลือด ความรุนแรงที่สาดเทลงไปยังจำได้ดี แต่เขาก็ไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ทำ เมื่อนึกกลับไปก็ทำให้ยิ้มสมเพชได้อย่างไม่สะทก สะท้าน









@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@










   ในคืนนี้เป็นคืนที่ไร้ซึ่งแสงดาว เมฆฝนตั้งเค้าอยู่บนชายฟ้า อีกไม่นานฝนคงจะตก เสียงฟ้าร้องครืนคราง แสงจะประกายฟ้าทำให้มีแสงสว่างวูบวาบแล้วก็หายไป บรรยากาศช่างเป็นใจหลายๆอย่าง


   บนพื้นห้องมีร่างของใครคนหนึ่งนั่งหลบมุมอยู่ แสงไฟแรงต่ำส่องให้เห็นเงาของคนตัวสูงใหญ่ที่ยืนค้ำหัวอยู่ แต่ไม่ได้มีแค่เงาของคนเพียงคนเดียว เพราะบนเตียงนั้นยังมีใครอีกคนนั่งรออยู่


   “ นายน้อยจะทำอะไรรักครับ ”


   น้ำเสียงตะกุก ตะกักเอ่ยถาม เขาเคยเรียกชื่อชายหนุ่มตรงหน้า แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือบทลงโทษที่เขาไม่เคยลืม รอยเข็มและด้ายบนริมฝีปากจางลงไปมากแล้ว ถ้าเทียบกับตอนที่มีแรกๆ รอยแผลไฟลวกบนศีรษะตกสะเก็ดร่วงหลุดไปแล้ว เส้นผมที่เคยร่วงไปก็เริ่มงอกขึ้นมาใหม่ ความเจ็บปวดที่มาพร้อมคำสั่งก่อนที่เขาจะหมดสติรับรู้ยังคงจำได้ดี


   ‘ คนอย่างแกถือสิทธิ์อะไรมาเรียกชื่อฉัน อย่าให้ชื่อของฉันกับพี่ชายต้องมีมลทินเพราะเสียงของแก จำใส่หัวสมองทึบๆของแกเอาไว้ ’


   “ นี่แกไม่รู้จริงๆหรือว่าฉันกับพี่หินจะทำอะไร ของเคยๆที่แกทำออกบ่อยเวลาต้องการจะจับคนรวยๆ จำไม่ได้หรือไง แค่ห่างหายมาไม่นาน ทำเป็นลืม แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันกับพี่หินจะช่วยรื้อฟื้นให้เอง ”


   ความเจ็บจื๊ดบริเวรหนังศีรษะ เมื่อมือของอีกฝ่ายฉุดดึงให้ลุกขึ้น อย่างไม่คิดจะเบาแรง ก่อนจะเหวี่ยงไปบนพื้นเตียงที่มีอีกคนนั่งอยู่ ร่ายกายที่ยังไม่ทันจะจำความเจ็บเมื่อครู่ ความเจ็บรอบใหม่ก็ตามมาติดๆ เสื้อผ้าที่สวมติดตัวกลายเป็นเศษผ้าในพริบตา เมื่อมือแข็งแรงดึงออกอย่างไม่ถนอม ไม่สนใจว่าจะทำให้อีกฝ่ายเป็นเช่นไร เพราะอย่างไรเสียตนเองก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว


   “ ทำหน้าตาได้เร้าอารมณ์ดีจัง ”


   หินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างเล็กๆนั้นนอนตัวสั่นระริกด้วยความกลัว ดวงตาคู่โตมีน้ำเอ่อคลอ ผิวเนียนสีน้ำผิวจางใต้ร่มผ้าให้ความรู้สึกลื่นมือเมื่อได้สัมผัส และอยากจะสร้างรอยแผลเอาไว้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาไม่ก็ทำทันที ทำก่อนที่สมองจะสั่งเสียอีก


   “ อะ... โอ๊ย!!! รักเจ็บครับ ปล่อยรักไปเถอะครับ ”


   รักษาร้องครางเมื่อฟันคมๆกัดลงบนผิวเนื้อจนรู้สึกได้ว่ามีน้ำอุ่นๆไหลซึมออกมา เมื่อสมใจก็ย้ายไปสร้างรอยที่ใหม่ มือที่ปัดป่ายอยู่พยายามดันคนที่ค่อมทับตนเองออก แต่ก็ไม่สำเร็จ แถมยังมีฝ่ามือฟาดลงมาบนใบหน้าให้เจ็บกว่าเดิม เรียวขาก็ถูกกดทับไว้ด้วยน้ำหนักตัวของอีกคน ยอดอกแดงเรื่อปริ่มน้ำเลือด เมื่อโดนขบกัดย้ำๆ น้ำหนักมือที่บีบเค้นตามร่างกายราวกับจะบีบให้ร่างกายนี้แหลกไปกับมือ เพราะไม่ว่ามือหรือปากไปที่ใดในร่างกาย ก็ทิ้งรอยเอาไว้ทุกที่สุดท้ายเมื่อไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ก็ได้แต่ปล่อยให้สองพี่น้องรุกราน ย่ำยีเอาตามใจชอบ มีเพียงเสียงสะอื้นไห้เท่านั้นที่ยังดังอยู่ เพราะทุกครั้งที่พยายามจะขัดขืนด้วยเรียวแรงที่มี ผลที่ตอบกลับมาคือความเจ็บที่มากกว่าเดิม


   “ อย่ามาสำออยร้องไห้ให้ได้ยินนะ แค่นี้ทำอย่างกับแกไม่เคย ของชอบไม่ใช่เหรอ ตามหาอยู่นี่ ฉันกับพี่แค่ช่วยสงเคราะห์ให้เอาบุญ แกน่าจะดีใจนะ ”


   ว่าไม่ว่าเปล่าเมื่อมือของชายหนุ่มสะบัดลงบนหน้าของอีกฝ่ายอีกครั้ง ดวงหน้าเล็กแดงซ้ำเปื้อนคราบน้ำตา ที่ไหลออกมาไม่ขาด


   “ ถ้าฉันได้ยินเสียงร้องของแกอีกแม้แต่แอะเดียว อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ ”


   คราวนี้คนพูดเป็นพี่ชาย แทนที่จะเป็นน้องชายอย่างทุกครั้ง ยังไม่ทันที่จะได้เตรียมตัว เตรียมใจรับความสิ่งที่ชายหนุ่มทั้งจะทำ บางอย่างแทรกเข้ามาในร่างกาย


   “ ฮื้อ!!! ”


   เสียงครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นด้วยว่าเจ้าของเสียงไม่สามารถจะอดทนได้อีก ริมฝีปากบางแดงซ้ำจากจากขบกัดของตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น แต่มันก็ไม่เพียงพอที่ปิดกั้นเสียงครางจากความเจ็บที่มากกว่าเดิมได้ ท่อนแขนเล็กจึงถูกยกขึ้นมา
กัดเพื่อเก็บเสียงร้องนั้นแทน


   ความใหญ่โตอันแข็งแกร่ง และร้อนผ่าว พยายามยัดเยียดเข้ามาในร่างกายที่ไม่มีการเตรียมพร้อม ไม่มีการเล้าโลมให้ผ่อนคลาย ในคราวเดียวราวกับจะแทงให้ทะลุร่าง ความฝืดฝืน และขนาดที่ต่างกัน รวมถึงแรงที่จะดึงดันเข้ามาให้ได้ในคราวเดียวทำให้ช่องทางที่รองรับอยู่นั้นฉีกขาด


   “ ฮึ!!! ”


   หินจิ๊ปากอย่างขัดใจ เพราะไม่คิดว่าช่องทางที่ตนเองจะเข้าไปนั้นจะคับแน่นขนาดนี้ แรงบีบรัดจากการเกร็งตัวจากช่องทางของร่างเบื้องล่างยังความเจ็บมาให้อยู่ไม่น้อย


   “ อย่าเกร็งจะได้ไหม ทำอย่างที่แกเคยนอนอ้าขาให้คนอื่นๆน่ะ มันไม่ยากเกินความสามารถของแกหรอก ”


   เมื่อได้ฟังสิ่งที่หินว่า รักษาได้แต่ส่ายหน้าทั้งน้ำตา ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ความเจ็บที่เหมือนจะฉีกทึ้งร่างกายออกจากกัน เจ็บกว่าที่เคยเป็นมากนัก ร่างกายที่ไม่เดียงสากับเรื่องแบบนี้จึงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงจะผ่อนคลายความเจ็บที่เพิ่งเคยได้รับเป็นครั้งแรกแบบนี้ได้อย่างไร จะให้ทำตามความต้องการของร่างที่ทาบทับอยู่นั้น ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ในเมื่อร่างกายมันเป็นของมันเอง


   เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการชายหนุ่มก็ยิ่งโมโห เขาจึงถอดกายออกแล้วใส่เข้ามาใหม่ในครั้งเดียว แม้จะได้ยินร้องด้วยความเจ็บแต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจ เลือดที่ไหลชโลมช่องทางนั้นเป็นตัวให้เขาสอดใส่ได้มากขึ้น เอ็นเนื้อที่ดึงออกมาและใส่เข้าไปนั้นเปื้อนชุ่มไปทั้งลำ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจว่าร่างที่รองรับอารมณ์อยู่นั้นจะเป็นเช่นไร


   ไม่เพียงแต่หินเท่านั้นที่ต้องการทำลายร่างกายนี้ ดินเองก็ยังขบกัดสร้างรอยแผลไว้บนตัวมากมาย จนแทบจะไม่มีที่ว่างให้ทำได้อีก เรียวแขนเล็กที่ใช้กัดเพื่อกลั้นเสียงร้องโดนดึงออก และถูกแทนที่ด้วยท่อนเนื้อที่พองโต เต้นตุบ


   “ ทำให้ฉัน แล้วอย่าได้คิดกัดเชียวนะ ไม่อย่างนั้นแกไม่ตายดีแน่ ”


   คำกล่าวสำทับ พร้อมกับนิ้วที่แข็งแรงที่บีบปลายคางคลายออก สิ่งใหญ่โตก็เข้ามาแทนที่ สิ่งนั้นใหญ่เกินกว่าที่รักษาจะรับเข้าไปได้หมด แต่เจ้าของท่อนเนื้อก็ยังดึงดันจะใส่เข้ามาให้ได้ ความเจ็บปวดจากเบื้องล่างที่พี่ชายเป็นคนทำนั้น เจ็บจนชาไปแล้ว แต่ความเจ็บรอบใหม่ก็เกิดขึ้นอีกเมื่อน้องชายต้องการ


   เพี๊ยะ!!!


   ใบหน้าที่แดงซ้ำต้องมืออีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ทราบ หันไปตามแรงมือที่สะบัดลงมา เมื่อเขาไม่สามารถทำให้สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการได้ ร่างกายที่ไร้แรงนอนนิ่งให้กระทำตามที่ต้องการ หยดน้ำตาที่ไหลรินอยู่นั้นไม่มีความหมายใดๆเลย


   “ ฉันให้แกทำ ทำไมแกไม่ทำ ทำไมเหรอ รังเกลียดหรือไง แกรู้อะไรไหมที่ฉันกับพี่หินทำกับแกในวันนี้ มันยังไม่เท่าที่พ่อกับแม่แกทำกับพ่อฉันเลยด้วยซ้ำ แกรู้อะไรไหม ทำไมแกถึงต้องมาอยู่ที่นี่ แกจะโทษฉันกับพี่หินไม่ได้หรอกนะ ในเมื่อคนที่เริ่มเรื่องน่ะ มันพ่อกับแม่ของแก ”


   ดินว่าพลางดึงผมด้านหน้าของร่างที่ไร้แรง ให้รับความต้องการของตนเข้าไป แววตาเว้าวอนที่ส่งมานั้น หากเป็นคนอื่นเขาอาจจะมีเมตตาให้บ้าง แต่กับคนๆนี้มันไม่จำเป็น มันต้องเจ็บเหมือนที่เขา พ่อ และพี่ชายเคยเจอ


   “ แกรู้อะไรไหมว่าแม่ที่แสนดีของแกน่ะ แต่ก่อนเคยเป็นอย่างไร แม่น่ะทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน ทำตัวเป็นคนดี เห็นใจคนอื่น แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น แต่ที่น่าขำน่ะมันพวกฉันที่ดันหลงเชื่อความจอมปลอมนั่น พ่อฉันต้องการเป็นบุคคลล้มละลาย ไม่มีแม้แต่เงินติดตัวสักบาทก็เพราะนางอสรพิษกับชายชั่วของมัน มันสองคนรวมหัวกันโกงพ่อฉัน คนหนึ่งคือเพื่อนที่ไว้ใจ อีกคนคือคนที่คิดจะสร้างครอบครัวใหม่ด้วยอีกครั้ง แต่มันสองตัวก็ยังรวมหัวหักหลังความรัก ความไว้ใจที่พ่อฉันมีให้ได้อย่างเลือดเย็น ”


   รักษารู้สึกถึงแรงโกรธแค้นที่ฝังอยู่คำพูดนั้นได้เป็นอย่างดี และยิ่งดินพูดมากเท่าใด ความรุนแรงจากเบื้องล่างที่หินเป็นควบคุมอยู่นั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น


   “ แล้วยังไงต่อรู้ไหม พอมันโกงพ่อฉันจนไม่มีอะไรที่เอาอีก มันก็ถีบหัวส่ง แล้วมันทั้งคู่ก็ไปเสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น ส่วนคนที่หมดประโยชน์แล้วอย่างพ่อฉันน่ะ สุดท้ายก็ต้องจบชีวิตเพราะความตรอมใจ ส่วนฉันกับพี่หินก็ต้องการเป็นเด็กเร่ร่อน น่าสมเพชไหมล่ะ แกรู้ไหมสิ่งที่บ้านแกมีอยู่ในตอนนี้น่ะ มันสูบไปจากพ่อของฉันทั้งนั้น ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่ฉันจะเอาคืนจากพวกแกให้สาสม ”


   ดินว่าไปพร้อมกับสำเร็จอารมณ์ด้วยปากของคนฟัง รักษารู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในปากนั้นมันพองโต และเครียดเกร็งกว่าเดิม จนกระทั่งท่อนเนื้อนั้นฉีดน้ำออกมามากมาย จนล้นออกมานอกปาก ตามหลังหินที่ฉีดน้ำอุ่นเข้าไปก่อนแล้ว


   “ กลืนเข้าไป อย่าได้คายออกมาเชียวนะ ”


   ดินว่าพร้อมกับบังคับให้กลืนน้ำรักของตนเองลงไป กลิ่นคาว และรสชาติปร่าแปร่ง ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแต่ก็คงจะไม่ได้ รักษาได้แต่ฝืนทำตามที่ชายหนุ่มสั่ง และเมื่อเห็นว่ารักษายอมทำตามที่สั่งจึงถอนกายออก


   เสียงระบายลมหายใจออกเบาๆอย่างโล่งอก เพราะคิดว่าความรุนแรงในวันนี้ว่ามันคงจบลงแล้ว เพราะถ้านานกว่านี้เขาก็คงทนรับต่อไปไม่ไหว แต่เหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อหินและดินต่างสลับตำแหน่งของกันและกัน


   ช่องทางที่ฉีกขาด ช้ำเลือดไม่ทันจะได้พัก ความรุนแรงรอบใหม่ก็ถาโถมมาอีกครั้ง และอีกครั้งในทุกครั้งที่คิดว่ามันจบลง รักษายิ้มให้กำลังใจตัวเองเงียบ ว่าตนเองต้องทนได้ เดี๋ยวมันก็จบลง และมันก็จบลงอย่างที่รักษาต้องการ เพราะหลังจากที่ดินสอดใส่เข้ามาด้วยความรุนแรงไม่ต่างจากพี่ชาย ความใจร้อนดึงดัน ไร้ความปรานี ทำร้ายร่างกายที่อ่อนแรงอย่างเอาแต่ใจ เมื่อร่างกายไม่สามารถรับได้ รักษา จึงหมดสติไป


   แม้จะช้าไปบ้าง ด้วยคิดว่าทำไมไม่หมดสติไปตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่ฟังจากปากของคนที่ทำร้ายตนเอง ก็ทำให้รู้ว่าจริงๆแล้ว สองพี่น้องนี้ไม่ได้เลวร้ายตั้งแต่แรก เพียงแต่ถูกสถานการณ์บังคับเท่านั้น


   ทั้งหินและดินต่างตักตวงทุกอย่างจากร่างที่อ่อนแรงจนพอใจ ปลดปล่อยอารมณ์ไปหลายต่อหลายครั้ง เขารู้สึกเต็มอิ่มทั้งที่ไม่เคยเป็นมานาน ทั้งที่เป็นความสัมพันธ์แบบฝืนใจ หรือจะเรียกว่าข่มขืนก็ไม่ผิดนัก แต่เขากลับเต็มอิ่ม แต่ร่างที่รองรับอารมณ์จองเขาและน้องชายนั้น ยังไม่ได้ปลดปล่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียว


   รอยเลือดที่ไหลซึมออกมาจากช่องทางด้านหลังจำนวนไม่น้อย และแม้ว่าจะหยุดรุกรานแล้วเลือดนั้นก็ยังไหลซึมอยู่บ้าง เขาไม่อยากจะเชื่อหรอกว่า ลูกชายของบ้านนั้นจะยังบริสุทธิ์อยู่ ถึงจะมีหลักฐานจากสิ่งที่สัมผัสจริงๆก็เถอะ มันอาจจะเป็นแค่สิ่งหลอกตา เพราะอย่างไรแม่ของเจ้าตัวก็คงสอนมาดี


   “ กลับบ้านกันเถอะพี่หิน ”


   ดินเอ่ยชวนเมื่อทำความสะอาดส่วนสำคัญของตนเองไปบ้างแล้ว เสื้อผ้าติดกายนั้นไม่ได้ถอดออกแม้แต่ชิ้นเดียว มีเพียงซิปกางเกงเท่านั้นที่รูดลงมาหาความสำราญ ต่างจากร่างที่นอนไม่รู้สึกตัว เพราะเนื้อตัวนั้นเต็มไปด้วยรอยขบกัด อย่างที่เขาและพี่ชายต้องการ


   วูบหนึ่งเมื่อเห็นภาพนั้น เห็นรอยน้ำตาที่ยังเปื้อนใบหน้าอยู่ เขาอยากจะสงสาร แต่ความรู้สึกนั้นมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อนึกถึงสิ่งที่พวกมันเคยทำเอาไว้ และยังคิดว่าแต่นี้มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็เดินจากไปโดยไม่หันมาสนใจคนที่ถูกตนเองกระทำอีก






@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@






ส่งงานเรียบร้อย :katai2-1:

ไม่รู้ว่าจะมีท่านใดแวะเข้ามาหรือไม่

แต่ข้าเจ้าก็จะยังลงต่อไปจนครบ

อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วขอรับ

ไม่น่าจะยาวมากนัก

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาล่วงหน้าขอรับ :pig4: :3123:


รักทุกท่านขอรับ :L2: :กอด1:3













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-07-2014 11:24:03 โดย Ice_Iris »

ออฟไลน์ naiyou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 สงสารรักษา ฮือๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
:mew2:

ออฟไลน์ gayandmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไม่น้าาาาาาา

พี่หินพี่ดิน

เมื่อไหร่จะรู้ความจริงซะที

ว่าน้องรักก็ต้องทนทุก เหมือนๆพี่ๆมาตลอด

น้องน่าสงสาร รีบรักน้องและรู้ความจริงซะทีสิ

ป.ล.มารายงานตัวค่ะ  ชอบเรื่องนี้อะ เสียอย่างเดียว มันๆๆๆ
แง้ๆๆๆๆๆ น้องรักอ่าๆๆๆๆๆ น่าสงสาร พอเถอะค่ะ เลิกทรมานน้อง
น้องน่ะทนทรมานในบ้านตัวเองมาตั้งแต่เกิด
แล้วยังต้องมาทรมานกับพวกพี่หิน พี่ดินอีกหรอ

พอเถอะนะ

เห็นแก่น้องรัก และก็เราด้วย

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
สงสารรักษา ฮือๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
:mew2:


ขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจขอรับ

น้องรักษาเขายังต้องเจอมรสุมอีกนิด

ช่วยเป็นกำลังใจให้น้องต่อด้วยนะขอรับ


ไม่น้าาาาาาา

พี่หินพี่ดิน

เมื่อไหร่จะรู้ความจริงซะที

ว่าน้องรักก็ต้องทนทุก เหมือนๆพี่ๆมาตลอด

น้องน่าสงสาร รีบรักน้องและรู้ความจริงซะทีสิ

ป.ล.มารายงานตัวค่ะ  ชอบเรื่องนี้อะ เสียอย่างเดียว มันๆๆๆ
แง้ๆๆๆๆๆ น้องรักอ่าๆๆๆๆๆ น่าสงสาร พอเถอะค่ะ เลิกทรมานน้อง
น้องน่ะทนทรมานในบ้านตัวเองมาตั้งแต่เกิด
แล้วยังต้องมาทรมานกับพวกพี่หิน พี่ดินอีกหรอ

พอเถอะนะ

เห็นแก่น้องรัก และก็เราด้วย



ขอบคุณมากมายขอรับที่เข้ามาหากัน

นายหิน กับนายดินน่ะยังปิดหู ปิดตาอยู่ขอรับ

แต่เดี๋ยวก็คงจะตาสว่างเอง

ว่ากันว่า.....

เวลามีอยู่น่ะไม่เห็นค่าหรอกขอรับ

ช่วยติดตามตอนต่อไปด้วยขอรับ

ส่งแรงใจให้น้องกันเยอะๆขอรับ




ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0






รอยที่ VIII










   ยามเช้าที่แสนวุ่นวายเริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อครอบครอบรักเกียตริขจรต้องเจอปัญหาอีกครั้ง และในครั้งนี้ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่กว่าเดิมนัก


   “ ไหนคุณบอกว่ามันจะให้เราบริหารต่อไง แล้วนี่มันอะไรกัน มันส่งคนเข้ามาควบคุมการทำงานของเราทั้งหมด ตอนนี้เราไม่ต่างอะไรกับพนักงานกินเงินเดือนแล้วนะ ”


   เสียงสูงของหญิงที่ยืนอยู่ทำให้ลูกๆที่นั่งอยู่ด้วยแอบเอามือปิดหู


   “ นั่นน่ะสิครับคุณพ่อ หรือมันจะรู้ว่าไอ้รักษาไม่ใช่ลูกของครอบครัวเรา ”


   ลูกชายคนเดียวเห็นด้วยกับคนเป็นแม่ แล้วถ้าเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้อีกด้วย ใครจะไปรู้ว่าเพียงระยะเวลาไม่กี่เดือนที่หลงระเริงในความสุข หลังจากหาคนที่จะมารับทุกข์แทนพวกตนได้ กลับต้องมานั่งจับเจ่าถกปัญหา
กันอีก


   “ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าพวกนั้นรู้จริง มันต้องมาหาเรื่องเราแล้ว แต่นี่ยังเงียบอยู่ ”


   คนเป็นพ่อให้ความคิดเห็น


   “ แล้วเราจะทำยังไงกันต่อดีล่ะ ตอนนี้เงินก็แทบจะไม่มีติดตัวอยู่แล้ว ”


   ภรรยาก็ยังคงส่งเสียงสูงจนน่าตกใจได้อีก


   “ เอาอย่างนี้ไหมคะ เราลองไปขอความช่วยเหลือจากคุณปกรณ์ดีไหมคะ ทางนั้นน่ะรวยไม่หยอกเลยนะ แถมความก่อนที่เจอกันในงานเลี้ยงเขายังให้นามบัตรพิมพ์ไว้เลย เขาบอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้ ”


   พิมพ์พักตร์เสนอทางออกจากคนที่ตนได้เจอมาในเลี้ยงแห่งหนึ่ง โดยมีเสียงสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเห็นว่าเป็นทางที่เร็วและง่ายที่สุด โดยไม่รู้ว่าอะไรจะตามมาในวันข้างหน้า

 





@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@






   หลังจากครั้งแรกที่เขาและพี่หินมีความสัมพันธ์กับรักษา มาถึงตอนนี้ก็ผ่านมานานหลายเดือน ทั้งที่ตอนแรกๆเขาไม่คิดว่ารักษาจะสามารถทนกับสภาพที่เป็นอยู่นี้ได้ วันหนึ่งหน้ากากที่แสนดีจะต้องถูกกระชากออกด้วยมือของเจ้าตัวเอง แต่มันกับไม่ใช่อย่างนั้น


   ผ้าชุบน้ำอุ่นที่ลูบไล้อย่างแผ่วเบา ด้วยกลัวว่าคนที่หลับอยู่จะตื่น ช่วยเช็ดคราบเหงื่อจากกิจกรรมที่แสนจะเปลืองน้ำ และคราบอารมณ์ที่เปรอะเปื้อนอยู่ตามตัว เมื่อเช็ดพี่ชายเรียบร้อยแล้วจึงใส่เสื้อผ้าคืนให้ ก่อนจะหยิบถ้วยใส่น้ำอุ่นอีกใบขึ้นมาเช็ดตัวให้คนน้องต่อ ทั้งที่หน้าที่นี้น่าจะเป็นของคนที่ตักตวงความสุขไป แต่รักษากลับเป็นฝ่ายทำให้ชายหนุ่มทั้งสองนั้นแทน รอยยิ้มที่มีอยู่เสมอก็ยังคงยิ้มน้อยๆ อย่างคนมีความสุขที่ได้ทำ ทั้งที่ทุกครั้งที่พวกเขาร่วมรักอย่างรุนแรงนั้น ไม่มีครั้งไหนเลยที่รักษาจะไปถึงจุด จะมีก็แต่เขาทั้งคู่เขาทั้งที่ถึงแล้วถึงอีกจนพอใจ แต่รักษายังทำให้เขาด้วยความเต็มใจ และไม่ว่าเขาจะทำร้าย ทำเลวกับรักษาแค่ไหน รักษาก็ยังคงรองรับอารมณ์ของพวกเขาอย่างอดทน


   เมื่อเช็ดตัวทำความสะอาดคราบไคลต่างที่จะทำให้นอนหลับไม่สบายออกไปจนหมดแล้ว รักษาจึงลุกขึ้น ความเจ็บเสียดจากเบื้องล่างและทั่วร่างกาย เกือบจะทำให้ปล่อยถ้วยใส่น้ำในมือ แต่ก็ยังถือเอาไว้ได้ ถึงทุกวันนี้ ไม่นายใหญ่ ก็นายน้อย หรือไม่ก็ทั้งสองคนเช่นวันนี้ ต้องร่วมรักกับเขาทุกวัน แต่ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะมีอารมณ์ร่วมไปด้วย ความรู้สึกเจ็บนั้นจางหายไปจากเดิมมาก ไม่รู้ว่าเพราะคุณทั้งสองเบาแรงกับเขา หรือว่าร่างกายชินชาเสียแล้ว แต่ถึงจะอย่างไร เขาก็มีความสุขที่อย่างน้อยตนเองก็สามารถทำชายหนุ่มทั้งสองมีความสุขได้ รักษายิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งก่อนจะประคองถ้วยเข้ามาเก็บ


   คล้อยหลังที่รักษาเดินออกไป ดวงตาสองคู่ก็ลืมขึ้น มองท่าทางของคนที่ตนเองบังคับขืนใจ ท่าเดินของรักษานั้นก้าวเดินอย่างช้าๆ บ้างทีก็นิ่วหน้าเพราะความเจ็บ คราบสกปรกต่างบนร่างกายเขานั้นรักษาช่วยเช็ดทำความสะอาดให้แล้ว แต่ของตัวรักษาเองกับไม่ทำให้ตัวเอง หากเลือกมาทำให้เขาก่อน คราบน้ำรักที่เขาและน้องชายปลดปล่อยออกมาไม่ใช่น้อยๆ ยังคงเปื้อนต้นขา คราบเลือดที่เขาและน้องชายอีกเช่นกันเป็นคนทำก็ยังคงไหลซึมอยู่ แต่เจ้าตัวก็ไม่ใคร่สนใจ


   หินเหลือบตามองดินก็เห็นว่าน้องชายมองตามหลังรักษาไปเช่นกัน แม้เขาทั้งคู่จะไม่เข้าใจในการกระทำของรักษานักว่า แท้จริงแล้วมันเป็นแค่การแสดงสบตา หรือว่าเป็นโดยเนื้อแท้ของเจ้าตัวเอง และเมื่อเห็นเงาทอดออกมาจากห้องน้ำ ทั้งคู่จึงหลับตาลงพร้อมๆกัน แต่หูนั้นยังรับฟังความเป็นไปในห้องอยู่


   ฟูกบนเตียงยุบลงเล็กน้อยเมื่อมีน้ำนั่งลงมา รักษานิ่วหน้าทันทีที่ก้นสัมผัสพื้นที่นอน ถึงแม้มันจะนิ่ม แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี กางเกงตัวเก่ายังคงมีเลือดซึมมาเปื้อนอยู่ คราบต่างๆก็ยังไม่ได้ทำความสะอาด เขารู้ดีว่าคุณทั้งสองไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร และห้องน้ำนั้นก็ไม่ใช่ที่ที่เขาจะใช้ได้ เมื่อจัดท่าทางของตนเองดีแล้วรักษาก็ทำให้สิ่งทำทุกคืนก่อนที่จะเข้านอน มันเป็นสิ่งที่แม่ของเขาเป็นสั่งสอนมา


   ‘ รักษาลูกรู้ไหม คนเป็นสามีคือเทพของภรรยา คนที่เป็นภรรยาจะต้องให้ความเคารพ การกราบเท้าสามีก่อนนอนน่ะ ถ้าทำได้ทุกวันมันก็เป็นเหมือนพรแก่ตัวเองนะลูก ’


   นั่นคือสิ่งที่แม่เคยบอกและสอนสั่ง ซึ่งรักษาก็ทำตามที่แม่สอนทุกอย่าง ทำทุกครั้งที่มีโอกาส โดยเขาจะกราบเท้าของหินก่อน เพราะถือว่าหินเป็นพี่ของดิน จากนั้นจึงกราบดิน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงค่อยๆประคองตัวเองเดินออกมาเพื่อกลับไปยังที่พักของตนเอง


   หินและดินที่แอบมองการกระทำของรักษาอยู่ ดูจะพอใจในสิ่งที่รักษาทำ แม้ตอนแรกที่รักษาทำเช่นนั้นเขาทั้งคู่ออกจะแปลกใจ และตกใจไม่น้อยที่เห็นรักษาทำ แต่เมื่อนานเข้ามันก็ชินไปเอง โดยไม่รู้ว่าบางอย่างในใจกำลังโดยรักษาเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย








@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@







   ‘ รักษาลูกรู้ไหมว่าทำไมหนูถึงชื่อนี้ ที่หนูชื่อนี้ก็เพราะว่าหนูจะได้ช่วยรักษาใครๆได้อย่างไรล่ะลูก และตอนนี้หนูก็กำลังรักษาแม่อยู่ ’


   ด้วยความที่มีกันเพียงสองแม่ลูก ในสภาพอัตคัด ต้องรักจึงสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี รักษาเด็กชายตัวเล็กที่ไม่มีโอกาสได้เรียนสูงอย่างคนอื่นๆ แต่เขาก็เป็นคนดี และไม่เคยทำให้แม่ต้องเสียใจ แม้ความไม่รู้ทำให้ต้องรักก้าวพลาดไป ไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่ตนเองเคยช่วยเอาไว้จะหลอกตนเองเสียสนิทใจ ต้องรักไม่รู้ว่าชายหนุ่มจากเมืองหลวงนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว ตนเองจึงหลงไปคำหวานหลอกหูนั้น กระทั่งชายหนุ่มจากไป


   เมื่อรอคอยตามคำบอกกล่าว เวลาล่วงเลยมา 15 ปี ก็ยังไม่มีวี่แววของคนที่บอกว่าจะกลับมา ต้องรักจึงตัดสินใจพารักษาที่เพิ่งจะอายุ 15 เดินทางมาเมืองหลวงด้วยหวังว่าจะเจอผู้ที่เป็นสามี แล้วก็ไม่ผิดหวัง หล่อนได้เจอสามีจริงๆ แต่เขาไม่ใช่สามีของหล่อนเพียงคนเดียว เขากับมีครอบครัวอยู่ก่อนแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ต้องรักเสียใจเพราะจากที่พาลูกหนีร้อนจากบ้านเดิม หวังว่าจะมาพึ่งเย็นที่สามี มันกลับยิ่งร้อนมากกว่าเดิม แต่เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ก็ต้องรับมันให้ได้


   2 – 3 ปีที่อยู่อาศัยชายคา ทำงานแลกกับที่พัก หล่อนไม่เคยท้อใจ สิ่งเดียวที่ช่วยปลอบประโลมก็คงมีแต่ลูกชาย รักษาเป็นเด็กดี ไม่เคยทำให้หล่อนต้องหนักใจ เชื่อฟังทุกคำที่บอกสอน แต่ชะตาก็เล่นตลก เมื่อคุณผู้ชายทวงความเป็นพ่อ ทั้งที่ไม่เคยสนใจไยดีมาก่อน ทำให้หล่อนต้องส่งลูกให้กับครอบครัวนั้น เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของรักษา จะเป็นอย่างไรหล่อนก็ขออ้อนวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกของหล่อนด้วยแล้วกัน









@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@







   รักษาลืมตาตื่นขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากเดิม เมื่อคืนจำได้ว่าระหว่างทางที่เดินกลับนั้น มีใครเอาผ้ามาปิดจมูก แล้วเขาก็หมดสติไป จนมาตื่นที่นี่ สภาพโดยทั่วไปไม่มีอะไรน่ากลัว ห้องที่เขาอยู่เป็นห้องโล่งๆ ไม่มีของตกแต่งแต่อย่างไร หน้าต่างที่เปิดโล่งก็ดึงดูดให้เดินไปดู แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้นก็มีเสียงของใครดังขึ้นที่หน้าห้อง พร้อมกับประตูที่เปิดเข้ามา


   “ ตื่นแล้วเหรอ เป็นอย่างไรบ้างเมื่อคืน หลับสบายดีไหม ”


   “ คะ...คุณหมอ!!! ”


   รักษาเรียกออกมาโดยไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าเขาเป็นหมอ และเป็นเพื่อนของนายใหญ่ ชื่ออะไรนั้นเขาไมรู้ แต่ครั้งหนึ่งคุณหมอคนนี้ก็เคยมาดูอาการของตนตอนที่ป่วย ไม่เข้าใจว่าคุณหมอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร


   “ อืม ใช่ เรายังไม่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการเลยนี่นา ฉันกิตติ เป็นหมอประจำตระกูลน่ะ ฟังดูดีไหมล่ะ อ้อ ส่วนเธอก็คือรักษา รักเกียตริขจร ไม่สิต้องเรียกให้ถูกว่า รักษา มิ่งเมือง ถูกต้องไหม ”


   ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วยิ่งโตกว่าเดิม เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด เรื่องนี้ไม่มีใครรู้มาก่อน เขามาอยู่ที่นี่ในฐานะของรักษา รักเกียตริขจร บุตรชายคนเล็ก มาเพื่อให้แม่ได้อยู่อย่างสบาย เมื่อคุณผู้ชายรับปากว่าจะดูแลแม่อย่างดี ถ้าเขายอมมา


   “ ไม่ต้องตกใจไป เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้หรอก แต่ฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอต้องมาที่นี่แทน ”


   กิตติปลอบใจ เมื่อเห็นสีหน้าของคนที่ตนเองแอบพาตัวมาทำหน้าเหมือนโลกจะถล่ม


   “ คุณหมอทราบได้อย่างไรครับ รักก็เป็นลูกของคุณอิทธิพลจริงๆนะครับ นายน้อยพารักไปตรวจเอง ”


   รักษาไม่ยอมรับในสิ่งที่กิตติพูด เขาพยายามหาเรื่องบ่ายเบี่ยง


   “ เธอเป็นคนโกหกใครไม่เป็นรู้ตัวหรือเปล่ารักษา แล้วเรื่องที่เธอเป็นลูกชายคนเล็กของนายอิทธิพลนั่น ฉันก็ไม่เถียงหรอก แต่ฉันขอถามหน่อยเถอะ เธอได้ใช้นามสกุลของนายนั่นตอนไหนกัน แล้วมันรับเธอเป็นลูกหรือเปล่า ยังไม่ต้องเถียงอะไร ฉันสืบมาหมดแล้ว ฉันสงสัยตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันต้องมีอะไรที่ผิดไป มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนบ้านนั้นจะยอมปล่อยลูกของตัวเองมา เจ้า 3 ตัวนั้นไม่ยอมมาแน่ๆ แต่ถึงจะยอม แต่ก็ไม่มีทางที่เจ้าพวกนั้นจะอยู่เฉยๆให้คนอื่นมาทำอะไรได้ง่ายๆหรอก แต่ที่เจ้าบ้าหิน กับไอ้น้องชายนายดินปิดหู ปิดตา แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเหตุผลข้อข้อนี้ก็เพราะความแค้นมันบังตา”


   กิตติว่ายาวไม่เปิดโอกาสให้รักษาได้แก้ต่างใดๆ


   “ ที่นี้เธอจะบอกความจริงกับฉันได้หรือยัง รักษา ”


   เขาหันมาเร่งเอาคำตอบจากรักษา ส่วนรักษาเมื่อได้ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มบอกก็พอจะรู้ว่าไม่มีทางเลี่ยงได้อีก เพราะชายหนุ่มคงจะพอจะรู้อะไรอยู่บ้างแล้ว เพียงแค่ต้องการฟังคำตอบจากเขาอีกครั้งเท่านั้น


   “ รักกับแม่เป็นความผิดพลาดชั่วครั้ง ชั่วคราวเท่านั้นล่ะครับ ”


   รักษาเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงแหบเครือคล้ายคนที่กำลังกลั้นสะอื้น ก่อนเริ่มเล่าต่ออีก


   “ แม่รักไม่รู้ว่าคุณผู้ชายมีครอบครัวอยู่ที่เมืองหลวง จึงหลงไปกับคำหวาน จนกระทั่งพลาดพลั้งเผลอตัว เผลอใจไป คุณผู้ชายให้สัญญากับแม่ว่าจะกลับมาหาเมื่อเสร็จงาน หลังจากที่คุณผู้ชายจากมา แม่เพิ่งจะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่รู้จะส่งข่าวบอกคุณผู้ชายได้อย่างไร เพราะแม้แต่ชื่อจริงแม่ก็ไม่รู้จัก ที่อยู่ที่ติดต่อได้ก็ไม่มี แม่จึงตั้งตารอตามคำสัญญาที่ได้รับมา จนกระทั่งคลอดรัก คุณผู้ชายก็ยังไม่กลับมา แต่แม่ก็ยังรอต่อไป จนสุดท้ายได้ข่าวของคุณท่านจากหนังสือพิมพ์เก่าฉบับหนึ่ง ที่เก็บมาไว้สำหรับพับเป็นถุงกระดาษขาย แม่จึงตัดสินใจพารักเขามาในเมืองหลวง แต่สิ่งที่ได้รับรู้ก็คือ แม่เป็นเพียงคนที่มาที่หลัง แต่แม่ก็ยังยึดมั่น เพราะแม่บอกว่าลูกผู้หญิงเกิดมาครั้งหนึ่งก็มีสามีได้แค่คนเดียว เมื่อแม่ผิดที่ปล่อยใจไป แม่ก็ต้องยอมรับ แม่สอนรักเสมอว่าให้รัก และเคารพคุณผู้ชาย เพราะคุณผู้ชายคือผู้ให้กำเนิด ”


   หยดน้ำตาที่ไหลลงมาเงียบๆไร้ซึ้งเสียงสะอื้น เป็นภาพที่กิตติเห็นแล้วอยากจะดึงตัวเข้ามาปลอบ แต่ก็ต้องยั้งใจไว้ เพราะคนตรงหน้านี้เป็นของสองพี่น้องขี้หวง


   “ ที่รักมาที่นี่ก็เพราะว่า คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงรับปากว่าจะดูแลแม่ของรักอย่างดี จะไม่ปล่อยให้แม่ต้องทำงานหนักอีก รักไม่อย่างให้แม่ต้องเหนื่อยแบบเดิม รักจึงตกลงที่จะมาที่นี่ ”


   เรื่องที่ได้ฟังจากรักษาไม่ต่างจากเรื่องที่เขาไปสืบหามาเท่าใดนัก จะว่าไปแล้วคนที่น่าสงสารที่สุดก็คงเป็นรักษา ที่ถูกพ่อแท้ๆที่ไม่เคยยอมรับว่าเป็นลูก แต่กลับใช้ความดีที่มีอยู่ในตัวของรักษามาใช้เพื่อทำให้ตนเองรอด


   “ คุณหมอพารักกลับไปเถอะครับ ถ้านายใหญ่ กับนายน้อยรู้ว่ารักษามาอยู่ที่นี่ รักต้องแย่แน่ๆ ”


   รักษาข้อร้องให้คุณหมอพาเขากลับไปส่งที่เดิม เพราะหากสองพี่น้องหาเขาไม่เจอ กลับไปเมื่อไหร่เขาต้องแย่อย่างที่พูดไว้จริงๆ


   “ เอาเถอะ เอาไว้ฉันจะบอกกับพี่น้องจอมมากเรื่องสองคนนั้นเอง อีกอย่างฉันต้องการให้มันสองตัวรู้ใจตัวเองเสียที มัวแต่มากฟอร์ม ไม่รู้จักเปิดใจรับฟังอะไรเลย ”


   หมอกิตติบอกแก่รักษา ทำให้สองพี่น้องรู้ใจตัวเอง รู้ใจเรื่องอะไร แล้วเขาเข้ามาเกี่ยวด้วยหรือ คุณหมอถึงต้องกักตัวเขาเอาไว้ก่อน


   “ ไม่ต้องทำหน้าสงสัยอะไรหรอกน่า เรื่องนี้เกี่ยวกับเธอโดยตรงเลยเชียว มันก็ดีนะถ้าเจ้าสองคนนั้นเลิกทำตัวเป็นภูเขาน้ำแข็ง แต่มันอาจทำให้เธอลำบากสักหน่อยนะ แต่ฉันก็อยากจะลองดู ”


   หมอพูดเหมือนอ่านความคิดของรักษาได้ เขาไม่รู้เลยว่าดวงตาของตนเองมันแสดงความรู้สึก ความคิด ออกอย่างไม่ปิดบัง


   “ เอาน่า ฉันเคยบอกไปแล้วว่าหน้าเธอน่ะ โดยเฉพาะตา เวลาเธอคิดอะไร มันก็แสดงออกมาหมดนั่นล่ะ แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก พักเอาแรงเก็บไว้ดีกว่า เดี๋ยวอีกไม่นานต้องเจอศึกใหญ่แน่ ”


   กิตติกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้รักษาจมอยู่ในความคิดของตนเองที่ว่า ศึกใหญ่น่ะคงจะจริง เพราะถ้าเขาหายออกมาแบบนี้ นายใหญ่ กับนายน้อยต้องโกรธมากแน่ๆ แต่ถึงจะอย่างไร เขาก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปที่บ้านนายได้อย่างไรและก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน ตอนนี้ก็คงต้องพักเอาแรงอย่างที่คุณหมอบอกเอาไว้จริงๆ






@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@







สวัสดีขอรับ

กลับมารายงานตัวแล้ว :katai5:

หลังจากหายไปสองวัน

อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วขอรับ

รบกวนทุกท่านช่วยเป็นกำลังใจให้น้องรักษาด้วยนะขอรับ :monkeysad:

ความจริงใกล้เปิดเผยเต็มที่ :sad11:


ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาขอรับ :L2: :pig4:






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0





เงียบจังเลย :L3:

แต่ไม่เป็นไรขอรับ

ข้าเจ้าจะขอลงต่อให้จบ

ตอนนี้เป็นตอนรองสุดท้ายแล้วขอรับ :monkeysad:

ขอให้มีคนอ่านเข้ามาด้วยเถอะ :call:



ช่วยตามต่อด้วยขอรับ






@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@







รอยที่ IX












   ความวุ่นวายเกิดขึ้นหลังจากช่วงเช้าผ่านไป เหตุนั้นเกิดจากใครคนหนึ่งหายไป คนที่คิดว่าไม่มีทางจะไปไหนได้ เป็นเหมือนนกปีกหัก แต่จากเหตุการณ์วันนี้พวกเขาต้องมองใหม่เสียแล้ว


   “ งูพิษถึงจะถูกหักเขี้ยว รีดพิษออก ยังไงมันก็ยังเป็นงูอยู่วันยังค่ำ วันหนึ่งมันก็ต้องแว้งกัดเราอีกจนได้ ”


   ดินขึ้นเสียงดังด้วยอารมณ์หงุดหงิด เมื่อช่วงสายหลังเขาเดินไปหาคนที่คิดว่าป่านนี้คงทำงานอยู่ จากกิจกรรมยามค่ำคืนที่ทั้งเขาและพี่ชายก็ต่างตักตวงความสุขอย่างเต็มที่ จนไม่คิดถึงร่างกายของอีกฝ่ายว่าจะรับได้หรือไม่ มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง แต่ใครคนนั้นก็ยังลุกขึ้นทำหน้าที่ที่ทุกคนโยนมาให้อย่างไม่เกี่ยง เขารู้ว่าทุกวันนี้งานภายในบ้านเกือบทุกอย่าง ยกเว้นการทำอาหาร คนที่รับหน้าที่ก็คือคนตัวเล็กผอมบางเพียงคนเดียว มันหนักไปสำหรับคนๆเดียวเขารู้ แล้วยังสภาพร่างกายที่ต้องทนรับแรงอารมณ์ยามค่ำของเขาสองพี่น้อง มันยิ่งเป็นตัวบั่นทอนกำลัง


   ในวันนี้เขาเดินไปดูคนนั้น เพราะรู้ว่าเวลานี้น่าจะยังทำงานไม่เสร็จ แต่สิ่งที่เขาได้พบคือความว่างเปล่า ไม่มีใครเห็นเลยแม้แต่เงา คนๆหนึ่งหายไปโดยไม่มีใครรู้เห็น แสดงว่าตลอดเวลาที่มันคนนั้นอยู่ที่นี่ แกล้งทำดีให้ทุกคนตายใจ เพื่อหาช่องทางหลบหนี และในวันนี้มันก็ทำสำเร็จ


   “ ออกหาให้ทั่ว อย่าให้มันเล็ดรอดสายตาไปได้ ให้มันรู้กันไปว่ามันจะหายตัวไปไหนได้บนเกาะนี้ ”


   เพียงแค่ได้ยินคำสั่ง ด้วยน้ำเสียงกดต่ำอย่างคนที่พยายามระงับอารมณ์ ทุกคนที่ยืนอยู่ก็ต่างพากันออกตามหาโดยไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ ขืนอยู่รอมีหวังว่าได้ตายหมู่เป็นแน่แท้ อารมณ์ของนายใหญ่แห่งเกาะปาหยันตอนนี้ยิ่งกว่าพายุเสียอีก ใครเข้ามาไม่ดูตาม้า ตาเรือ ได้เละกันบ้างล่ะ


   ดวงอาทิตย์คล้อยบ่าย สองพี่น้องยังคงนั่งนิ่งไม่พูด ไม่จา อารมณ์ในตอนนี้มีใครรู้ได้ มันเหมือนท้องทะเลที่เงียบสงบก่อนที่พายุใหญ่จะมา ถ้าเลือกได้ คนในเรือนขอเลือกแบบตอนเช้าจะดีกว่า เพราะนั่นจะมีการแสดงอารมณ์ให้เห็นบ้าง แต่แบบนี้ใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้ทั้งนั้น แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องรายงานความคืบหน้าอยู่ดี หลายคนยืนเถียง ยืนเกี่ยงกันอยู่หน้าประตูว่าใครจะเป็นคนรายงาน จนสุดท้ายก็ต้องยกโขยงกันเข้าไป


   “ เป็นอย่างไร ได้เรื่องว่าอย่างไรบ้าง


   ไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากว่าอะไร ดินก็ถามขึ้นมาเสียก่อน แต่ให้น้ำเสียงเรียบๆ สีหน้านิ่งๆ แบบนี้ล่ะที่น่ากลัว คนคิด คิดลอบกลืนน้ำลายแล้วจึงตอบกลับไป


   “ ไม่เจอเลยครับ ผมให้คนของเราค้นหาทุกที่ ตรวจทุกบ้าน ถามที่ท่าเรือแล้ว ไม่มีเรือของเกาะลำไหนออกจากเกาะเลยตั้งแต่เมื่อคืน จนถึงตอนเช้าเลยครับ ”


   ว่าจบก็เตรียมตัวรับผลที่จะตามมา แต่รอแล้วก็ยังเงียบ คนที่เข้ามารายงานจึงได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ว่ารอดตัวไปที


   “ ทำไมทำท่าแบบนี้ ถึงฉันจะโมโหเรื่องนี้มาก แต่พวกนายทุกคนก็ทำเต็มที่แล้ว ฉันจะไปว่าอะไรอีก อยู่ด้วยกันมาก็ตั้งนาน ไม่รู้เลยหรือไง ”


   หินว่าขำๆ เมื่อเห็นท่าทางของแต่ละคน ทำอย่างกับเขาจะกระโดดงับคอถ้าทำงานไม่สำเร็จ


   “ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ พวกผมแค่เกรงน่ะครับ เพราะพวกผมไม่ได้ระวัง เลยทำให้คนๆนั้นหายไป ”


   คนที่รายงานเมื่อครู่เป็นคนกล่าวต่อ เขารู่ว่านายใหญ่ไม่ใช่คนที่พาลเอากับคนของตนเอง แต่ก็ยังอดหวาดเสียวกับท่าทางแบบนั้นไม่ได้


   “ กลับไปพักกันได้แล้ว เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ขอบใจทุกคนมาก ”


   หินขอบใจทุกคนที่ช่วยเขาตามหา ถึงแม้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องขอบใจก็ได้ แต่ที่นี่ทุกคนอยู่กันอย่างถ่อยที ถ่อยอาศัย เขาไม่ถือว่าคนเองเป็นนาย แต่เขาถือว่าเขาคือหัวหน้าครอบครัว เมื่อไหว้วานใครก็ควรจะขอบคุณเมื่อเขาทำงานให้ ทุกคนค้อมศีรษะลา ก่อนจะทยอยกันออกจากห้องไป และเมื่อทุกคนออกไปจนหมดแล้ว ดินที่นางเงียบอยู่นานจึงเอ่ยขึ้น   “ จะทำอย่างไรต่อไปครับพี่หิน ”


   หินนิ่งคิดสักครู่ ก่อนจะตอบ


   “ มันไปไหนไม่ได้หรอก ไม่มีใครในเกาะนี้กล้าพอที่จะพามันหนีหรอก มันต้องอยู่บนเกาะนี้แหละ ”


   “ ผมก็คิดเหมือนที่พี่หินคิดล่ะครับ ยังไงเราก็ต้องหามันให้เจอ เจอตัวคราวนี้อย่าหวังว่าผมจะเก็บไว้ดูเล่นเลย จะเอาให้หนัก ให้มันสาสมกับสิ่งที่มันทำในวันนี้ทีเดียว ”


   ดินว่าอย่างอาฆาต เพราะรู้ตัวว่าบางอย่างในใจตัวเองมันเริ่มเอียงเอียงไป เขากำลังจะเชื่ออยู่แล้วว่า มันคนนั้นยังพอจะมีส่วนดีอยู่บ้าง แต่หลังจากวันนี้ไปแล้ว อย่างหวังเลยว่าจะอยู่อย่างเป็นสุข


   หลายครั้งที่เขารู้สึกดีๆกับมัน แต่นั่นก็เป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ เมื่อเขาได้สติเขาก็เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า นั่นมันก็แค่หน้ากากที่แสนดีของมัน ตามที่แม่ของมันสอนมา และยิ่งวันนี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่า สุดท้ายธาตุแท้ของมันก็ต้องเผยออกมา


   เย็นวันเดียวกัน หลายคนทำตัวไม่ค่อยถูกนัก เพราะคล้ายกับว่าเจ้านายทั้งคู่จะไม่ค่อยพอใจอะไรเลย เหมือนมีเรื่องให้ต้องติติงอยู่เรื่อย ทั้งๆที่ทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม หลายคนจึงมองรถที่แล่นเข้ามาใหม่ด้วยความหวังว่าจะช่วยทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ดีขึ้น


   “ เป็นอะไรกัน ทำไมบรรยากาศไม่ค่อยจะดีเลยวันนี้ พายุก็ไม่มีนี่นา ”


   หมอกิตติเดินเข้ามาด้วยท่าทีสบายๆ ไม่อาทรร้อนใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนั้น หลายคนที่มองมาที่เขาเหมือนต้องการขอความช่วยเหลือ ไอ้พายุที่เข้าว่าน่ะ เขารู้แล้วล่ะว่ามันมีแน่ๆ ก็เขาเป็นคนก่อเอง เมื่อตอนสายๆก็มีคนงานมาถามเขาแล้วว่าเห็นใครบางคนไหม เพราะเป็นเขตบ้านของเขาจึงไม่มีใครเข้าค้นแต่อย่างไร หารู้ไม่ว่านั่นล่ะจุดไต้ตำตอทีเดียว


   “ ไอ้หิน แกเป็นอะไรไปวะ ทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่าใคร แกก็อีกคนเจ้าดิน ”


   หมอกิตติเอ่ยทักสองพี่น้องด้วยน้ำเสียงติดจะหยอก ไม่จริงจังนัก แต่ทำตอบที่ได้มานั้น ก็ไม่ผิดจากที่เขาคาดไว้มากนัก


   “ ก็อยากจะฆ่าอยู่เหมือนกันแหละพี่หมอ รอให้เจอก่อน ”


   ดินเป็นคนตอบทำถามเสียเอง เพราะหินนั้นไม่ใคร่อยากจะเสวนาอะไรกับใครตอนนี้


   “ ยังไม่เจออีกเหรอ นักโทษของเราคงไม่เก่งขนาดว่ายน้ำไปเองหรอกมั้ง ”


   หมอกิตติยังคงหยอกเล่นอย่างไม่สนใจอารมณ์ของสองพี่น้องนัก


   “ ว่าแต่ถ้าเจอตัวแล้วแกจะทำยังไงกับอีกฝ่ายวะไอ้หิน ”


   คนเป็นหมอหันมาถามเอาคำตอบจากคนที่นั่งนิ่งไม่ยอมเอ่ยปากอย่างจริงจังขึ้น


   “ หึ!!! เมื่อมันเลี้ยงไม่เชื่องก็ไม่ต้องเลี้ยง ”


   น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมจากคนที่นั่งปิดปากมานานทำให้คนฟังรู้สึกเสียวสันหลังวูบ ไม่อยากจะคิดต่อเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป


   “ ฉันถามแกจริงๆนะไอ้หิน เจ้าดิน แกสองคนรู้สึกอย่างไรกับรักษากันแน่ อย่าเพิ่งขัดฟังให้จบก่อนแล้วแกค่อยตอบทีเดียว ”


   หมอกิตติเอ่ยถามในสิ่งที่ใครๆก็คิดว่ารู้แล้ว แต่เขากับไม่คิดเช่นนั้น บางครั้งสิ่งที่เห็นมันก็ไม่ใช่ สองคนนี้กำลังลังเล ไม่แน่ใจกับหลายๆอย่าง แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะยอมรับความรู้สึกของตนเอง ปิดกั้นตัวเองเพียงเพราะความเชื่อที่ตนคิดว่าถูก


   “ แกสองคนมั่นใจใช่ไหมว่า รักษาเป็นลูกบ้านนั้นจริงๆ แต่ฉันกับไม่คิดอย่างนั้นทั้งหมด แกไม่คิดว่าสิ่งที่แกรู้มามันจะผิดเหรอ... ”


   “ มันจะผิดได้ยังไงพี่หมอ ผมเป็นคนพามันเจาะเลือดมาเอง ”


   ยังไม่ทันที่หมอกิตติจะพุดต่อดินก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน เขายังเชื่อในสิ่งที่ตนไปพิสูจน์มาด้วยตนเอง


   “ พี่ไม่เถียงเรื่องผล DNA ของแกหรอกนะเจ้าดิน แต่พี่ก็ติดใจหลายอย่าง รักษาไม่เหมือน ไม่มีอะไรเหมือนเลยนายว่าไหม ”


   กิตติว่า แต่ก็ทิ้งปมให้สองพี่น้องได้คิดต่อ


   “ แล้วยังไง เหมือนหรือไม่เหมือนแล้วยังไง คนมันเลว มันก็เลวอยู่ดี แกก็เห็นแล้วนี่ ดีไม่ทันไรก็ดีแตกเสียแล้ว เห็นฉันกับเจ้าดินปล่อยเข้าหน่อยสันดานเดิมก็ออก ”


   หินที่นิ่งฟังอยู่นานแทรกขึ้นมา เขายอมรับว่าตนเองก็สงสัยเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่อยากยอมรับ แต่วันนี้อะไรๆคงชัดเจนขึ้น เมื่อคนๆนั้นหายตัวไป


   “ เฮ้อ!!! เอาเถอะในเมื่อสิ่งที่แกสองพี่น้องคิดว่ามันถูกฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดต่อ ฉันเอาคนของแกมาส่ง ”


   สิ้นเสียงของคุณหมอร่างคุ้นตาของใครบางคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับคนของคุณหมอเอง เพียงแค่เห็นเท่านั้น ยังไม่มีแม้แต่คำถามว่าคนนั้นอยู่กับเขาได้อย่างไร พายุอารมณ์ของสองพี่น้องก็เร็วและรุนแรงเกินกว่าคุณหมอหนุ่มจะได้อธิบายอะไร
   






@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@







   เพียงแค่เห็นว่าคนที่เดินเข้ามานั้นเป็นใคร ความโกรธที่สะสมไว้ก็ระเบิดออกมา เขาไม่รู้ว่าเขาโกรธเพราะอะไร เพราะรักษาหนีไป หรือเพราะรักษาหายไป แต่เมื่อได้เจอตัวเขาก็ไม่สนใจอะไรอีก คนตรงนี้นี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้เขาหวั่นไหว เขายอมรับว่าวูบแรกที่รู้ว่าคนนี้หายไป เขามีความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับลูกศัตรู ห่วง มันต้องไม่ใช่อย่างนั้น มันต้องเป็นความรู้สึกโมโห และแค้นเท่านั้นถึงจะถูก และในตอนที่ความรู้สึกของตนเองยังคลุมเครืออยู่นั้น เขาต้องทำให้ความรู้สึกของตนเองกลับมาเป็นเพียงอย่างเดียว นั่นคือโกรธแค้นเท่านั้น ทั้งหินและดินจึงไม่ลังเลเลยที่จะระบายอารมณ์ของตนใส่ร่างที่อยู่ตรงหน้า


   “ อ๊ะ!!! ”


   เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้จะรู้ว่าการกลับมาครั้งนี้จะต้องเจออะไรบ้าง แต่รักษาก็เลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน แม้คุณหมอจะบอกว่าจะช่วยเขาก็ตาม แต่รักษาไม่อยากให้คุณหมอต้องผิดใจกับเพื่อน จึงเลือกที่จะกลับมารับทาที่ตนเองไม่ได้ก่อต่อไป แม้ใครจะมองว่าเขาโง่งม แต่ถึงอย่างไรแล้ว ทั้งนายใหญ่และนายน้อยได้ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเขา คนเป็นสามีก็ไม่ต่างจากเจ้าชีวิตเท่าใดนัก จะลงโทษเขาอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของทั้งคู่


   หมอหนุ่มมองดูร่างที่ชุ่มเลือด ของคนที่ก่อนหน้านี้เขาเอ่ยปากจะช่วยเหลือ แต่เจ้าตัวกับส่งรอยยิ้มเล็กๆที่เป็นเหมือนสิ่งแทนตัวของคนๆนี้ พร้อมกับตอบกลับมาในสิ่งที่เขาก็ไม่เคยคิด


      ‘ อย่าเลยครับ รักขอบคุณคุณหมอมากนะครับที่กรุณา แต่ปล่อยรักกลับไปเถอะครับ ถ้าคุณหมอช่วยรัก ก็อาจจะผิดใจกับนายได้ รักไม่อยากให้นายต้องรู้สึกเหมือนโดนลอบทำร้ายอีก ’


   “ พอหยุดเสียทีไอ้หิน เจ้าดิน ”


   สุดท้ายก็เป็นหมอเองที่ทนไม่ได้ ทนมองดูร่างเล็กๆนั้นถูกทำร้ายอีกไม่ได้ เขาผิดเอง เขาผิดตั้งแต่ต้น เขาไม่ควรจะทำอะไรให้มันยุ่งยากอย่างนี้ เขาไม่ควรที่จะคิดให้เจ้าตัวบ้าเลือดรู้และยอมรับความรู้สึกของตนเองด้วยวิธีนี้


   “ ทำไมวะไอ้หมอ เมื่อก่อนแกไม่เคยห้ามฉัน หรือว่าที่มันหายไป มันหายไปนอนกับแกมาใช่ไหม มันอ้อขาให้แกเอามันอีกคนเพื่อจะได้ให้แกช่วยใช่ไหม ถ้า..... ”


   ผลัวะ!!!


   เสียงเนื้อกระทบเนื้อหนักๆทำให้คำพูดที่กำลังจะออกจากปากต้องหยุดชะงักลง หมัดครึ่งปากครึ่งจมูกของหมอทำเขานายใหญ่ของเกาะถึงกับเซ


   “ ทำไมไอ้หมอ มึงติดใจมันถึงขนาดลงมือกับกูที่เป็นเพื่อนมึงเลยเหรอ ทำไมวะ ทำไม ”


   “ อย่าครับพี่หมอ พี่หินพอเถอะครับ ”


   ดินแม้จะยังตกใจด้วยไม่คิดว่าหมอกิตติที่เคยนั่นมองตนกับพี่ชายทำร้ายคนนี้จะลุกขึ้นมาต่อยปากพี่เขาเสียได้ แม้เขาจะคิดไม่ต่างจากพี่ชายนักว่า หมอกิตติคงจะติดใจร่างเล็กที่นอนอยู่แทบเท้าเขา แต่ก็ไม่อยากเห็นพี่ทะเลาะกันเพียงเพราะคนๆเดียว


   หมอหนุ่มหยุดการกระทำที่จะเข้าไปซัดปากเพื่อนให้หายปากดี สะบัดตัวฮึดฮัดออกจากการเหนี่ยวรั้ง นั่งลงดูอาการของคนตัวเล็ก


   ร่างผอมบางตรงหน้ามีเลือดไหลจนชุ่ม นอนหายใจรวยริน หากเป็นก่อนที่จะรู้ความจริงๆหลายๆอย่างเขาคงนั่งดูอย่างสบายอารมณ์ ไม่คิดจะเข้าห้าม เพียงแค่ออกปากว่าอย่าให้ตายเท่านั้น แต่วันนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น ร่างเล็กแม้จะโดนทำร้ายอย่างสาหัส แต่ก็ไม่เคยปริปาก


   “ อากรผมขอของที่ฝากไว้ด้วย ”


   กิตติยืนขึ้น ก่อนจะเอ่ยขอของที่ฝากไว้กับผู้ช่วยของตน


   “ ฉันไม่มีอะไรจะพูดหรือแก้ตัวอะไรทั้งนั้น แต่ที่อยากจะบอกไว้ก็คือ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ฉันเป็นคนตั้งใจให้มันเกิดเอง รักษาไม่ได้มาหา ขอให้ฉันช่วยเหลือ หรืออะไรก็แล้วแต่ตามที่แกสองคนคิด แต่ฉันเป็นคนจับตัวรักษาไปเอง ฉันอยากช่วย เพราะฉันรู้ความจริงบางอย่าง และที่ฉันพาตัวรักษาไปก็เพราะฉันต้องการจะยืนยันว่าสิ่งที่ฉันรับรู้มานั้นมันถูกหรือเปล่า ฉันไม่ขอให้แกทั้งคู่เชื่อ เพราะคนที่ปิดหู ปิดตาตัวเอง เพราะความแค้นบังตา จนไม่คิดถึงสิ่งที่ผิดปกติที่เกิดขึ้น แกทั้งคู่ทำร้ายเขา ทำเลวกับเขาเพราะต้องการจะปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง แกอย่าเถียง แกคิดว่าฉันเป็นเพื่อนกับแกมานานแค่ไหน แกไม่ต้องอ้าปากฉันก็รู้ไปถึงไหนๆแล้วไอ้หิน แกก็ด้วยเจ้าดิน พี่รู้จักเรามาพอกับไอ้เพื่อนเลวนั่นล่ะ ทำไมจะไม่รู้นิสัย หรือจะพูดให้ถูกต้องเรียกว่าสันดานเสียมากกว่า ไอ้หิน ดิน ฉันขอนะ ขอให้เรื่องวันนี้จบลงเพียงเท่านี้ เรื่องความแค้นของแกทั้งคู่ที่มีมาละไว้ก่อนได้ไหม ฉันอยากให้แกได้ดูอะไรบางอย่าง ดูและคิดด้วยใจที่เป็นกลางอย่าให้ความแค้นที่มาบังตา รู้และรับมันด้วยใจตัวเอง อย่าปฏิเสธมันเลย หรือบางที... แกสองพี่น้องอาจจะไม่ได้เปิดใจอีกเลยก็ได้ ”


   คนเป็นหมอร่ายยาวโดยไม่คิดจะให้ใครขัดจังหวะ ก่อนจะส่งซองสีน้ำตาลให้กับสองพี่น้อง กระดาษหลายแผ่นที่ถูกดึงออกมาอย่างแรงเพราะคนดึงไม่คิดจะถนอม ข้อมูลที่อยู่ภายในทำให้พี่น้องต้องแปลกใจ ตกใจ แววตาไหววูบไปมา ซีดีแผ่นเล็กเป็นของชิ้นสุดท้าย ดินหยิบออกและไม่รอให้คนเป็นพี่ได้ทักท้วงเขารีบเอามันไปใส่ในเครื่องเล่น ภาพและเสียงที่กำลังเล่นอยู่นั้นทำเอาคนที่เคยใจแข็งอย่างเขาแทบทรุด


   หินไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้ เขาไม่อยากจะยอมรับว่าตนเองเริ่มรู้สึกดีกับลูกของศัตรู และความรู้สึกนั้นก็มากขึ้นทุกวัน รอยยิ้มเล็กๆที่ติดอยู่บนใบหน้าเล็กๆนั้นยังตราตรึงในใจเขา มันเป็นเหมือนหยดน้ำกลางทะเลทรายที่ช่วยให้ใจที่เคยแห้งแล้งรู้สึกชดชื่น เขาไม่อยากยอมรับจริงๆ ว่าท้ายที่สุดแล้ว เป็นเขากันน้องเสียเองที่หลงติดอยู่ในบ่วงวันวน ปิดใจตนเอง ทำร้าย ทำเลว เพราะต้องการจะย้ำความรู้ตนเองไม่ให้ถลำไปกว่านี้ ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย


   “ ฉันไม่รู้ว่าแกสองพี่น้องจะคิดอย่างไรนะ แต่ฉันอย่าจะขอ ปล่อยรักษาไปเถอะถ้าแกสองคนไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าแค้นไอ้ผู้ชายไร้สำนึก กับผู้หญิงเพศยาพรรณนั้น ฉันไม่อยากให้แกทำร้ายรักษาอีก อย่างน้อยก็อย่าปล่อยให้เขาตายอย่างทรมานเลย ”


   สิ้นเสียงของหมอหนุ่ม ดินเป็นคนที่ได้สติก่อน เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ความแค้นที่ว่าแค้นหนักหนา เขาจะปล่อยวางมันไว้ก่อน เขารู้แล้วว่าคนที่เขาควรจะใส่ใจตอนนี้คือใคร ร่างที่ชุมเลือด รอยฟกซ้ำ รอยแผล ร่องรอยต่างบนร่างผอมบางนี้ดินประคองขึ้นมาอย่างเบามือที่สุด ด้วยไม่อยากจะทำให้เจ็บอีกแล้ว


   “ พี่หมอหมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ ”


   “ ใช่อะไรคือตายอย่างไม่ทรมาน วันนี้จะไม่มีใครตายทั้งทั้ง แกเป็นหมอ แกต้องช่วยเขาสิ ”


   หินเป็นอีกคนที่ถลาเข้ามาดูอาการของคนที่คนเองทำร้ายเสียยับเยิน ร่างที่ลมหายใจแผ่วเบาจนแทบไม่รู้สึกตรงหน้ายิ่งทำให้เขาร้อนใจขึ้นไปอีก ตอนนี้เขายอมรับว่าน้ำแข็ง กำแพงในใจเขามันได้พังทลายลงไปแล้ว  ไม่ใช่เพราะข้อมูลที่เพื่อนของตนนำมาให้ แต่มันเป็นก่อนหน้านั้นแล้ว เพียงแต่เขาไม่ยอมรับมันเอง


   “ ช่วยน่ะได้ ช่วยให้เขาไปสบายแบบไม่ต้องทรมาน แต่ช่วยอย่างอื่นฉันไม่รับปาก ”


   เสียงพูดของหมอจบลง แต่ในหัวของสองพี่น้องนั้นไม่อยากจะเชื่อตามคำพูดนั้นสักนิด เขาไม่อยากปล่อยมือจากร่างเล็กนี้ มันต้องมีทางที่จะเหนี่ยวรั้งคนๆนี้ไว้สิ....









@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



อย่างที่บอกไว้ตอนต้นขอรับ

ตอนนี้เป็นตอนรองสุดท้ายแล้วขอรับ

ไม่รู้ว่ามีใครสงสารน้องรักษาบ้างไหมนะ :mew2:

รักทุกท่านขอรับ

ขอบคุณทุกท่าที่แวะเข้ามาขอรับ :pig4: :3123:












ออฟไลน์ naiyou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รักษาน่าสงสารที่สุด




สู้ๆนะคะ

รอตอนต่อไปค่ะ


ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
รักษาน่าสงสารที่สุด




สู้ๆนะคะ

รอตอนต่อไปค่ะ



ขอบคุณขอรับที่สงสารน้องรักษา

และขอบคุณมากมายสำหรับกำลังใจที่ให้มาขอรับ

บวกเป็ดเช่นเคยขอรับ


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด