ภาพเด็กชายนั่งอยู่บนตักและซุกหน้ากับอกชายหนุ่มหน้าปราสาทผีสิง ทำให้คนที่พบเห็นโดยเฉพาะกลุ่มคนที่เพิ่งออกมาจากคฤหาสน์ร้างอมยิ้มด้วยความรู้สึกเอ็นดู และเข้าใจตรงกันในทันที่ว่า.. หนุ่มฝรั่งรูปหล่อสุดเท่ผู้นี้กำลังปลอบโยนลูกชายที่ขวัญผวาออกมาจากปราสาทแน่ๆ หลายคนเดาว่าเสียงกรีดร้องเขย่าขวัญเมื่อครู่ต้องเป็นเสียงร้องของเจ้าหนู
“หายตกใจรึยัง หือ..” เสียงปลอบอ่อนโยนโดยหลีกเลี่ยงคำว่า “กลัว” เพื่อไม่ให้เด็กชายรู้สึกไม่ดีมากไปกว่านี้
“ผมขอโทษครับ”
ทอมเลิกคิ้วกับคำถาม “ขอโทษ? .. เรื่องอะไร ลูก...”
ทอมเสยผมชื้นเหงื่อของเจ้าหนูขึ้นและจูบหนักๆที่หน้าผากมนนิ่งไว้ชั่วครู่ ใบหน้าเนียนที่ขาวซีดตอนออกมาเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นบ้างแล้ว แต่ดวงตาสีน้ำทะเลกลมโตยังมีน้ำใสหล่อรื้นอยู่
“ขอโทษ..ที่ผม...ก....กลัว..ผีฮะ” เด็กชายทำท่าจะสะอื้นก็ถูกพ่อจูบที่แก้มและกระซิบปลอบ
“ลูกไม่ได้กลัวซะหน่อย..แม็กกี้ แค่ตกใจต่างหาก"
“แต่ผมร้องเสียงดัง ผมไม่กล้ามองพวกมันด้วย”
“มีลูกร้องคนเดียวที่ไหน คนอื่นๆ เขาก็ร้องกัน ลูกก็ได้ยินนี่นา หือ..”
“แต่แด๊ดไม่ร้อง.. แด๊ดไม่กลัว.. แล้วก็ไม่ตกใจด้วย”
ทอมนึกขำที่เด็กชายเอาเขาไปเปรียบ แต่หัวเราะไม่ออก
“ก็ลูกยังเด็กอยู่นี่นา.. พอโตเป็นผู้ใหญ่ ลูกก็จะไม่ตกใจอะไรง่ายๆ หรอก”
“ผมไม่มีความกล้า ผมไม่ได้เป็นลูกผู้ชายใช่มั้ยฮะ”
“เหลวไหล คิดแบบนั้นได้ไง แม็กกี้.. หือ..” ทอมตกใจกับความนึกคิดของเด็กชาย
“ก็แด๊ดบอกว่าให้เข้าไปพิสูจน์ความกล้าของลูกผู้ชายในบ้านผีสิง แต่ผมไม่กล้ามองอ่ะ” แม็กกี้น้ำตาร่วงผล็อยลงอีก
ทอมอยากจะตบปากตัวเองนัก เป็นเพราะคำพูดของเขาทำให้ลูกคิดมากแบบนี้
“แด๊ดไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ แม็กกี้.. ถ้าความเป็นลูกผู้ชายวัดกันที่ความกล้าในเรื่องพวกนี้ล่ะก็ ลูกมีความกล้ามากกว่าแด๊ดซะอีกนะ รู้มั้ย.. ลูกกล้าเล่นรถไฟเหาะ เรือไวกิงส์ และเครื่องเล่นอีกหลายอย่างที่ต้องขึ้นไปสูงๆ ลูกไม่กลัวทั้งที่มันตื่นเต้นแล้วก็.. น่าหวาดเสียวมากๆ...” ทอมหยุดคำพูดไว้ให้เด็กชายเข้าใจเอง
“แด๊ดกลัว..เหรอฮะ” น้ำเสียงแผ่วเบาย้อนถามกลับมาอย่างไม่แน่ใจ
ทอมพยักหน้าให้ ถึงตอนนี้ไม่รู้สึกอายแล้วที่จะต้องสารภาพกับลูก ว่าเขาไม่กล้าเล่นเครื่องเล่นสูงๆ ที่โลดโผนและหวาดเสียวเหล่านั้น
“ผมขอโทษฮะ”
เด็กชายเอ่ยขอโทษอีกครั้งแต่ด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้น
“อะไรอีก.. ทำไมวันนี้มีเรื่องขอโทษเยอะจัง”
“ขอโทษที่ชวนแด๊ดไปเล่นรถไฟเหาะจนแด๊ดปวดท้องต้องเข้าห้องน้ำฮะ”
ทอมอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะออกมา
“ถ้างั้นเราก็หายกัน แด๊ดก็ต้องขอโทษลูกด้วยที่ชวนเข้าไปในปราสาทผีสิงบ้าๆ นั่น ไม่เห็นสนุกสักนิด เดี๋ยวเราไปเล่นที่อื่นกันต่อดีมั้ย”
ดวงตากลมโตส่อประกายแจ่มใสขึ้นทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องเล่น ร่างเล็กขยับลงจากตักพ่อลุกขึ้นยืน เมื่อหายกลัวก็เริ่มมั่นใจในความเป็นลูกผู้ชายของตัวเอง อารมณ์เบิกบานขึ้นทันตาเห็น
“งั้นรีบไปกันเถอะ แด๊ดอยากเล่นอะไรฮะ” ครั้งนี้แม็กกี้ขอความเห็นพ่อเพราะไม่อยากเลือกตามใจตัวเอง
“อืมม์.. แด๊ดว่าจะพาไปเข้าอีกบ้านนึง..”
พูดถึง “บ้าน” แม็กกี้เบิกตาโพลงอ้าปากจะท้วง แต่ทอมไม่เปิดโอกาสให้พูด
“ลูกต้องชอบแน่ แม็กกี้.. มันคือบ้านน้ำแข็งของชาวเอสกิโม มีสไลเดอร์หิมะให้เล่นด้วย แล้วก็.. บ้านซานตาครอส สนมั้ย..”
ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ส่อประกายวาววับ ตื่นเต้นดีใจสุดๆ มือเล็กฉุดแขนพ่อให้ลุกขึ้นทันที
“สนฮะ สน.. ไปกันเดี๋ยวนี้เลยซีฮะ แด๊ด.. ผมอยากเห็นหิมะ”
ทอมพยักหน้าหงึก เอาไงเอากัน.. ที่จริงอยากจะกลับบ้านแล้ว อากาศร้อนและหนวดเคราปลอมทำให้เขารู้สึกคันยิบๆ บนใบหน้า แต่เพื่อเป็นการปลอบขวัญและแก้ตัวที่พาหนุ่มน้อยเข้าไปในสถานที่ที่ไม่น่าพิสมัย ตบท้ายด้วยเมืองหิมะ น่าจะทำให้เจ้าหนูลืมภาพน่ากลัวเมื่อครู่และนอนหลับฝันดี..
วันนี้ทอมต้องใช้ความอดทนอย่างสูงในการปลอมตัว แม้จะรู้สึกรำคาญกับความแปลกปลอมบนใบหน้า แต่ก็นับว่าคุ้มค่าเพราะไม่มีใครจำได้ แม้จะถูกจ้องมองอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มองจนเหลียวหลัง หรือวิ่งกรูกันเข้ามาห้อมล้อมขอลายเซ็นต์กันวุ่นวายเหมือนกับที่เกิดขึ้นกับสุดยอดนายแบบ 3 สมัย ทอม แม็คกิลล์ ชีวิตสามัญเช่นนี้ช่างเป็นชีวิตที่สงบเรียบง่ายจนอยากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เขาไม่น่าเข้าวงการที่แสนจะวุ่นวายยุ่งเหยิงนี้เลย
ทอมสะดุดความคิดลงเมื่อสายตาเจอะกับภาพที่ทำให้รู้สึกวูบในอก ชายหนุ่มคู่หนึ่งเดินเคียงกันอยู่ด้านหน้า รูปร่างสูงใหญ่กว่ากันไม่มากนัก แต่การแสดงออกแค่เห็นก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ไม่ใช่แค่เพื่อน รู้สึกสะท้อนใจกับการกระทำของตัวเองในวันนี้… ทำไมเขาถึงไม่ยอมรับความจริงให้เร็วกว่านี้ ทำไมเขาถึงแคร์ความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของตัวเอง ทำไมไม่บอกความจริงกับลูก ทำไมยอมรับความเจ็บไว้คนเดียว…และผลักไสคนที่ตัวเองรักให้จากไปมีคนอื่น.. ทั้งหมด เพราะเขาคือ ทอม แม็คกิลล์ หรือว่าเพราะเขาขี้ขลาดกันแน่..
"แด๊ดฮะ ใกล้ถึงเราแล้ว"
เด็กชายกระตุกแขนเสื้อพ่อเตือนให้ควักเงินออกมาเตรียมจ่ายค่าบัตรเข้าชมเมืองหิมะ ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงร้องถามด้วยความตกใจ
"แด๊ดดี้.. เป็นไรฮะ"
"ห๊ะ! คะ..ใครเป็นเป็นอะไร" ทอมงงกับอาการตกใจของเด็กชาย
"แด๊ด.. ทำไมน้ำตาไหล.." เด็กชายกระซิบถามเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน
ทอมรู้สึกตัว …เขาน้ำตาไหลหรือนี่ ตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมไม่รู้ตัวเลย… ทอมกระพริบตาน้ำใสก็ร่วงผล็อยลงแก้ม เจ้าหนูเห็นแล้วหน้าเสียรีบดันพ่อออกจากแถวหลบไปยืนข้างๆ ถามย้ำเสียงสั่น
"แด๊ดดี้เป็นไรฮะ"
"แด๊ดไม่ได้เป็นอะไรแม็กกี้.. แค่เคืองตานิดหน่อย สงสัยใส่คอนแท็คนานไป" ขณะพูดน้ำตาก็ยังไหลเล่นเอาเด็กชายใจเสีย ลืมไปเลยว่าตาสีฟ้าสวยๆ ของพ่อไม่ใช่ของจริงเหมือนตัวเอง
"เจ็บเหรอฮะ งั้นรีบกลับกันเถอะ"
"กลับ?.. ไปไหน?.."
"กลับบ้านไงฮะ รีบไปถอดตาสีฟ้านี่ออกเร็วๆ จะได้หายเจ็บ"
แม็กกี้ล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้พ่อ ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาที่ตนและอมยิ้ม ไม่รู้สึกเขินอายเลยสักนิด ความรู้สึกขณะนี้คือเป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้ตาพ่อเจ็บ เพราะไม่อยากให้ใครจำได้ จะได้เที่ยวสนุกกันตามประสาพ่อลูก พ่อจึงต้องปลอมตัวเปลี่ยนตาเป็นสีฟ้า (เด็กชายยังไม่เข้าใจถ่องแท้ว่าคอนแท็คคืออะไรและใส่ยังไง ทอมบอกแต่ว่าใส่คอนแท็กสีฟ้าตาก็เลยเปลี่ยนเป็นสีฟ้า)
ทอมยืนนิ่งให้ลูกซับน้ำตาให้ ความเจ็บร้าวที่วูบผ่านเข้ามาในหัวใจเมื่อครู่กำลังถูกมือเล็กๆ เยียวยารักษาให้ เขาทรุดตัวลงสวมกอดเด็กชายแนบศีรษะกับอกฟังเสียงเต้นของหัวใจเจ้าหนู มันสร้างกำลังใจให้เขาเข้มแข็งขึ้นอย่างประหลาด ในเมื่อยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่เคียงข้างและมีความรักให้เขามากมายขนาดนี้ เขาจะรู้สึกเหงาเศร้าและโหยหาใครทำไมอีก น้ำตาที่ไหลเมื่อครู่ออกมาได้ยังไงเขาไม่รู้ รู้แต่ว่าน้ำตาที่ยังไหลอยู่ขณะนี้มาจากอาการเคืองตาซึ่งเป็นผลจากคอนแท็คจริงๆ
“อย่าเพิ่งกลับเลยแม็กกี้.. เข้าไปดูบ้านน้ำแข็งข้างในก่อนเถอะ ลูกไม่อยากเห็นลานหิมะเหรอ”
“แต่แด๊ดตาเจ็บนี่ฮะ ไว้วันหลังมาดูใหม่ก็ได้...”
ทอมเงยหน้าขึ้นมอง ไม่อยากเชื่อว่าแม็กกี้ห่วงเขามากกว่าห่วงเล่น สีหน้าของหนุ่มน้อยดูกังวลและเป็นห่วงมากกว่าคำพูดที่ออกมา ทอมรู้สึกสุขใจจนไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ รั้งศีรษะเด็กชายเข้ามาจูบที่หน้าผากและแก้มเนียนใสทั้งสองข้างโดยไม่ให้เจ้าหนูได้ทันตั้งตัว เพราะถ้าขอดีๆ ต่อหน้าสาธารณชนล่ะก็.. ไม่มีทางยอมให้จูบแน่ๆ
“เอ๋?.. แด๊ด.. ทำอะไร” แม็กกี้เริ่มมีความรู้สึกกับสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมองอยู่และเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้สองมือเล็กรีบยันอกพ่อออก ...เอาอีกแล้วนะแด๊ด.. ชอบจูบโชว์ให้คนอื่นเห็นอยู่เรื่อย...
“คนมองกันใหญ่แล้วนะฮะ ไม่กลัวเขาจำได้เหรอ”
“ไม่กลัว” ทอมส่ายหน้าและยิ้มให้ “ก็คนเค้ารักกันนี่ จะจูบกันใครจะทำไม”
คำพูดของพ่อเล่นเอาเจ้าหนูหน้าแดงแป๊ด งุบงิบต่อว่าด้วยน้ำเสียงกระซิบ
“น่าไม่อายจังเลยอ่ะ แด๊ด.. คนเขามองกันใหญ่แล้ว..”
“น่าอายตรงไหนกัน ปกติคนมองแด๊ดเป็นร้อยเป็นพัน นี่แค่ไม่กี่สิบเอง”
“โอ้ย ! ..ก็ผมไม่ใช่นายแบบเหมือนแด๊ดนี่”
ทอมหัวเราะสุขใจที่ได้กระเซ้าลูกชายแสนรัก ลุกขึ้นยืนพาเจ้าหนูมาต่อแถวใหม่
“ตกลงเข้าบ้านหิมะก่อนแล้วค่อยกลับล่ะกัน ตาแด๊ดหายแล้ว”
“จริงเหรอฮะ ไม่เจ็บแล้วเหรอ” เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองให้แน่ใจอีกครั้ง
ทอมพยักหน้าให้ลูก ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กลุ่มคนที่ยืนต่อแถวอยู่ข้างหน้า ซึ่งพากันเหลียวหลังกลับมามองเขาและแม็กกี้ด้วยสีหน้าอมยิ้ม คงเพราะเห็นฉากรักระหว่างเขากับลูกเมื่อครู่ ทอมมั่นใจว่าไม่มีใครจำเขาได้เพราะถ้าจำได้คงไม่แค่มอง...
“ขอลายเซ็นหน่อยค่าาา..”
ทอมใจหายวาบยืนนิ่งเป็นหุ่น
“ว้าย !!!.. หล่อจังเลย ขอลายเซ็นหน่อยค่า” เสียงใสๆ จากด้านหลังทำให้กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ด้านหน้าแตกกระเจิงออกจากแถววิ่งตรงเข้ามาสบทบ
ทอมก้มหน้างุดยืนนิ่งแทบไม่หายใจ สองแขนสวมกอดเจ้าหนูไว้แน่น ไม่รู้เหมือนกันว่าแม็กกี้จะช่วยอะไรได้
วูบ!!! ความรู้สึกเหมือนกลุ่มคนวิ่งผ่านไปพร้อมกับเสียงกรี๊ดเซ็งแซ่ด้านหลัง ทำให้ทอมรู้ตัวว่าเขาไม่ใช่เป้าหมาย จึงเงยหน้าขึ้นพร้อมอาการโล่งอกก่อนจะเหลียวหลังกลับไปมอง
“ไมเคิล รอสส์ หล่อจังเลยค่า ขอลายเซ็นพวกเราหน่อย”
“ขอจับมือหน่อยค่ะ พี่ไมค์.. เคยเห็นแต่ในหนังสือและทีวี ตัวจริงหล่อสุดๆ เลยค่ะ”
ทอมยืนมองตาปริบๆ
..ไมเคิล รอสส์ นายแบบท้ายแถวเนี่ยนะ.. หล่อสุดๆ.. สงสัยเพราะหันไปเอาดีทางการแสดงเลยโด่งดังเป็นที่รู้จัก...
ทอมยืนมองสภาพของไมเคิลที่อยู่ในวงล้อมแล้วสะท้อนถึงตัวเอง ดูแล้วเหมือนเป็นตัวประหลาด น่าสมเพชมากกว่าน่าภูมิใจ
“แด๊ด.. คนหายหมดแถวแล้ว ไปกันเถอะฮะ” เสียงเรียกของเจ้าหนูทำให้ทอมรู้สึกตัว
“อ๊ะ !! จริงด้วย รีบไปกันเถอะ”
ทอมจูงเด็กชายเดินจ้ำอ้าวไปซื้อบัตรและเช่าเสื้อโค้ทอย่างสบายใจ เขาไม่มีวันกลับไปอยู่ในสภาพเหมือนเป็นตัวประหลาดแบบนั้นอีกแล้ว การได้อยู่กับคนที่เรารักอย่างสงบสุขและเป็นส่วนตัว มีความสุขมากกว่าหลายร้อยหลายพันเท่านัก
โปรแกรมเที่ยวสวนสนุกในวันนี้จบลงเกือบเย็นย่ำ แม็กกี้ไม่ยอมออกจากเมืองหิมะง่ายๆ สนุกสนานบนลานน้ำแข็งและสไลเดอร์จนเพลิน เรียกให้กลับกี่ทีก็บอกแต่ว่า “อีกเดี๋ยวฮะ แด๊ด..” จนในที่สุดเขาต้องแอบไปซ่อน เพราะถึงจะวิ่งไปเล่นไกลแค่ไหน สายตาของเจ้าหนูก็คอยหันกลับมาดูเขาและยิ้มให้ตลอด เมื่อหันมาแล้วไม่เจอก็มองหาไปรอบๆ ก่อนจะวิ่งกลับมาที่เขายืนอยู่ด้วยสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ทันทีที่เขาโผล่ออกไปจ๊ะเอ๋.. เจ้าหนูก็โผเข้ากอด ร้องจะกลับบ้านทันที
นายเอ๊ดเหลือบมองกระจกส่องหลังก่อนจะหันกลับไปมองที่เบาะ อดยิ้มไม่ได้กับภาพที่เห็น ทั้งเจ้านายและคุณหนูตีตั๋วนอนยาวหลับสนิทเพราะเหนื่อยและเพลียสุดๆ ไม่ใช่แค่คุณหนูเท่านั้นที่เหนื่อยตามประสาเด็ก แต่เจ้านายหนุ่มของเขาก็คงสนุกจนหมดแรงด้วยเช่นกัน เคยเห็นแต่หมดแรงพับไปเพราะเหนื่อยจากงาน นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เห็นเจ้านายเหนื่อยเพราะเล่นสนุก
นายเอ๊ดลอบถอนใจ เมื่อนึกถึงชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เคยอยู่เคียงข้างเจ้านายเป็นเงาตามตัว
...ถ้ามีคุณจิมอยู่เคียงข้างด้วย เจ้านายของเขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้หลายเท่าเลย...
TBC >> LOVE YOU 2